ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11640
|
ตอบ: 20/12/2010 9:09 pm ชื่อกระทู้: * สวนสะตอที่อีสานใต้....ศรีสะเกษ |
|
|
สวนสะตอที่อีสานใต้ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแห่งใหม่ของศรีสะเกษ
สะตอ พืชผักยืนต้นที่มีแหล่งกำเนิดมาจากภาคใต้ของประเทศไทย เป็นผักพื้นบ้านที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง อาทิ สะตอผัดกุ้ง แกงส้มสะตอกุ้ง แกงเผ็ดใส่สะตอ เป็นต้น ปัจจุบันสะตอจัดเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่มีผู้นิยมรับประทานกันมากขึ้น จึงทำให้ความต้องการบริโภคสะตอมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลให้มีผู้สนใจปลูกสะตอกันอย่างแพร่หลายกระจายเกือบทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน
ถ้าพูดถึงจังหวัดศรีสะเกษ หลายๆคนคงนึกถึงความแห้งแล้ง รอยแตกระแหง และดินแดนที่เต็มไปด้วยความยากจน คนในชนบทมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่นั่นคือภาพที่หลายๆ คนยังไม่ได้ไปสัมผัสกับจังหวัดศรีสะเกษอย่างลึกซึ้ง ซึ่งแท้จริงแล้วจังหวัดศรีสะเกษ เป็นดินแดนแห่งอารยะธรรมโบราณ ในอดีตของอาณาจักรฟูนัน อันยิ่งใหญ่ มีความหลากหลายของขนบธรรมเนียม และประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เนื่องจากจังหวัดศรีสะเกษนั้นประกอบไปด้วย ชนพื้นเมืองดังเดิม ถึง 4 เผ่าไทย อันได้แก่ เผ่าลาว / เผ่าเขมร / เผ่าส่วย หรือกูย / และเผ่าเยอ
ปัจจุบัน จังหวัดศรีสะเกษกลับกลายเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแผ่นดินทองของอีสานใต้ กลายเป็นแหล่งผลิตไม้ผลเพื่อการส่งออกที่สำคัญอีกแห่งของประเทศไทย และเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่รวบรวมการผลิตพืชชนิดต่าง ๆ จากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งได้ผลผลิตดีและผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพผลผลิต ไม่ว่าจะเป็น เงาะ ทุเรียน มังคุด ที่มาจากภาคตะวันออก หรือจะเป็นสะตอ ลองกอง ยางพารา ที่มีแหล่งผลิตจากทาวภาคใต้, ลำไย ลิ้นจี่ จากทางภาคเหนือ และ มะปรางหวาน กระท้อน ส้มโอ มะม่วง จากภาคกลาง
คุณสมพร ไชยสุวรรณ เกษตรกรวัย 43 ปี เป็นเกษตรกรผู้ริเริ่มปลูกสะตอบนพื้นที่ 18 ไร่ ในจังหวัดศรีสะเกษ มานานกว่า 20 ปี โดยเริ่มต้นปลูกครั้งแรกในปี พ.ศ. 2532 จากการใช้พื้นที่เอกสารสิทธิ์ สปก.มาทำการเพาะปลูก
คุณสมพรได้นำเมล็ดพันธุ์สะตอมาจากญาติที่จังหวัดตรังซึ่งโดยทั่วไปแล้วทางภาคใต้จะมีการปลูกสะตอเพียงรายละ 2-3 ต้นเท่านั้น เพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน ทำให้คุณสมพรมีแนวคิดที่จะนำสะตอมาปลูกในรูปแบบสวนที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศที่ใกล้เคียงกันกับทางใต้ คุณสมพรปลูกทั้งสะตอข้าวและสะตอดานในพื้นที่ 18 ไร่ จำนวนทั้งสิ้น 300 ต้น จนกลายมาเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษ ที่มีการขยายพื้นที่ปลูกไปยังตำบลต่างๆในอำเภอขุนหาญและอำเภอใกล้เคียงจนกลายมาเป็นแหล่งเพาะปลูกสะตอที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสานและในขณะเดียวกันคุณสมพรเป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่ทำสวนสะตอที่เป็น สวนใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและใหญ่ที่สุดในโลก จึงเป็นที่มาของแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรจังหวัดศรีสะเกษ ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
สะตอ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงเฉลี่ยได้ถึง 30 เมตร ต้นสูงขึ้นไปแล้วแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มแผ่กว้าง ลำต้นเรียบ ลอกเป็นสะเก็ดเล็กน้อย มีสีน้ำตาลอ่อน กิ่งก้านมีขนละเอียด ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ใบแขนงมีประมาณ 14-18 คู่ ช่อใบย่อยมีประมาณ 31-38 คู่ ปลายใบบนฐานใบด้านนอกเบี้ยวเป็นติ่ง ดอกออกเป็นช่อรวมกันเป็นกระจุก อัดกันแน่นเป็นก้อนคล้ายดอกกระถิน ช่อดอกจะห้อยระย้าอยู่ทั่วทรงพุ่ม แต่ละดอกมีก้านดอกและใบประดับรอง ประกอบด้วยช่อดอกตัวผู้ และช่อดอกสมบูรณ์เพศ กลีบดอกสีขาวนวล ดอกจะออกช่วงเดือนเมษายน หลังจากนั้น 70 วัน จะสามารถเก็บฝักได้ ผลของสะตอเป็นฝักแบนกว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 35-45 เซ็นติเมตร ฝักบิดเป็นเกลียวห่าง ฝักอ่อนมีสีเขียว พอแก่จะเปลี่ยนเป็นสีดำ เมล็ดสะตอมีลักษณะเป็นรูปรีเกือบกลมเรียงตามขวางกับฝัก มีสีเขียวอ่อน
สายพันธุ์สะตอ
สะตอข้าว ลักษณะฝักเป็นเกลียว ยาวประมาณ 31 ซม. กว้างประมาณ 4 ซม. จำนวนเมล็ดต่อฝักประมาณ 10-20 เมล็ด จำนวนฝักต่อช่อประมาณ 8-20 ฝัก เมล็ดมีกลิ่นไม่ฉุนเนื้อเมล็ดไม่ค่อยแน่น อายุการให้ผลผลิต 3-5 ปี หลังปลูก
สะตอดาน ฝักมีลักษณะตรงแบนไม่บิดเบี้ยว ยาวประมาณ 32 ซม. ความกว้างกว้างกว่าสะตอข้าวเล็กน้อย มีเมล็ดต่อฝักประมาณ 10-20 เมล็ด จำนวนฝักต่อช่อประมาณ 8-15 ฝัก เมล็ดมีกลิ่นฉุนรสเผ็ด เนื้อเมล็ดแน่น อายุการเก็บเกี่ยว 5-7 ปี
สรรพคุณทางยาของสะตอ
- มีผลต่อความดันโลหิต
- มีผลต่อการแบ่งตัวของเซลล์
- มีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
- มีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา
- มีผลของการเกาะกลุ่มของเม็ดเลือดแดง
- มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด
- มีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้
การขยายพันธุ์สะตอด้วยวิธีการเพาะเมล็ด
...สะตอสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด การขยายพันธุ์สะตอ โดยการเพาะเมล็ดเป็นวิธีการที่ทำได้ง่าย และได้ต้นพันธุ์จำนวนมาก โดยการนำเมล็ดจากฝักที่แก่ขนาดที่ใช้รับประทานจากต้นพันธุ์ที่มีอายุ 15-20 ปี จะให้ผลผลิตที่ดี แกะเมล็ดแล้วนำไปเพาะลงถุง ประมาณ 2-3 เดือน ก็สามารถนำไปปลูกได้ต่อไป
ขั้นตอนวิธีการเพาะเมล็ด
1. เลือกฝักสะตอจากต้นพันธุ์ที่แก่เต็มที่แล้วแต่ไม่ต้องถึงกับสุกงอม สามารถออกฝักได้ทุกปี ผลผลิตมากในหนึ่งต้นและออกฝักก่อนต้นอื่น ในช่อหนึ่ง ๆ ควรมีฝักตั้งแต่ 10-15 ฝัก ฝักที่สมบูรณ์ มีเมล็ด 15-20 เมล็ด/ฝัก เมล็ดมีขนาดสม่ำเสมอและเรียงเป็นแถวสวยงาม ลำต้นสมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากแมลงรบกวน
2. เมื่อได้ฝักที่ต้องการแล้ว แกะเมล็ดออก ลอกเยื่อหุ้มเมล็ดออก ให้เหลือเนื้อเมล็ดที่มีสีเขียว
3. นำเมล็ดที่แกะแล้วแช่น้ำในอุณหภูมิปกติทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำมาสะเด็ดน้ำให้แห้ง
4. นำเมล็ดมาคลุกสารป้องกันมดกัดกินในอัตรา 1 ช้อนโต๊ะต่อจำนวน 100 เมล็ด
5. ทำการเพาะในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม โดยใช้ถุงพลาสติก ขนาด 4 x 8 นิ้ว เจาะก้นถุงด้านล่าง 3 รู เพื่อระบายน้ำ ใส่ดินผสมปุ๋ยคอกอัตรา 2 ต่อ 1 ลงไปประมาณค่อนถุงนำไปตั้งในที่ร่ม
6. นำเมล็ดที่เตรียมไว้มาปลูกตรงกลางถุงโดยให้ทางด้านหัวกดลงลึกประมาณ 1 เซนติเมตร เมื่อเวลางอกลำต้นจะตั้งตรง
7. รดน้ำให้ชุ่มทุกวัน ๆ ละ 1-2 ครั้ง ภายใน 3 วัน เมล็ดจะเริ่มงอกจนอายุประมาณ1 ปี จะมีใบงอกออกมาลำต้นจะมีขนาด 1-2 ฟุต สามารถนำไปปลูกได้ต่อไป
การปลูกสะตอและการดูแลรักษา
-ปลูกในระยะความกว้าง 6 เมตร ยาว 6 เมตร เริ่มขุดหลุมปลูกขนาดความกว้าง xยาว x ลึก 50 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกที่ได้จากการเลี้ยงวัวใส่รองก้นหลุมในอัตราหลุมละ ½ กิโลกรัมผสมกับดินเดิม จากนั้นจะนำต้นกล้าลงปลูกแล้วกลบดินให้สูงกว่าระดับดินเดิมอัดดินพอประมาณไม่ต้องแน่นจากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม
-ฤดูปลูกที่เหมาะสมควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝนราวๆเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน จะดีที่สุดเพราะว่าจะช่วยประหยัดน้ำได้ดี
-การให้น้ำในระยะแรกๆจะทำการรดน้ำให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอเสมอ สะตอที่ปลูกใหม่ในปีแรก ควรให้น้ำวันเว้นวันในช่วงหน้าแล้ง เมื่อต้นสะตอมีอายุ 2-3 ปี ให้น้ำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หากเป็นช่วงหน้าแล้งคุณสมพรแนะนำให้หาเศษพืชคลุมโคนเพื่อรักษาความชื้นเนื่องจากต้นสะตอที่ให้ผลแล้วจะเป็นระยะที่ต้องการน้ำมาก คือ ช่วงระยะออกดอกถึงติดฝักจนเก็บเกี่ยวได้
-การพรวนดินคุณสมพรจำเริ่มทำตั้งแต่เริ่มปลูกเป็นต้นไปปีละประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อช่วยกำจัดวัชพืชและถ่ายเทอากาศในดิน
-ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่หาได้ในชุมชน คุณสมพรจะเริ่มใส่ตั้งแต่เริ่มปลูก อัตรา 1-2 ปี๊บต่อต้น เมื่อให้ผลผลิตแล้วจะใส่อัตรา 3-4 ปี๊บต่อต้น โดยจะใส่หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วจะทำให้สะตอให้ผลผลิตสม่ำเสมอทุกๆปี นอกจากปุ๋ยคอกแล้วคุณสมพรจะเสริมด้วยปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ในอัตรา 1/2 กิโลกรัม/ต้น/ปี โดยใส่ก่อนออกฝักและหลังจากออกฝักแล้วจะเพิ่มปริมาณอัตรา 1 กิโลกรัม/ต้น/ปี โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง โดยครั้งแรก ใส่ก่อนออกดอก และครั้งที่สอง ใส่หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว จากนั้นให้ทำการตัดแต่งกิ่งด้วย ควรใส่ปุ๋ยคอกร่วมด้วย อัตราการใส่ ควรเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละประมาณ 1/2 กิโลกรัม
-เมื่อลำต้นสะตอสูง 2-3 เมตร จะทำการตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ได้ทรงพุ่มเตี้ยสามารถเก็บเกี่ยวง่าย ทำการตัดแต่งกิ่งกระโดง กิ่งแห้ง กิ่งตาย กิ่งเป็นโรค กิ่งเบียดชิด กิ่งไม่ถูกแสงภายในทรงพุ่ม เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่งไม่ทึบแน่นเกินไป
-สะตอจะเริ่มออกดอกตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป และจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ใช้ระยะเวลาประมาณ 70 วัน ทั้งพันธุ์สะตอข้าวและสะตอดาน เริ่มให้ผลผลิตครั้งแรกอายุประมาณ 5-7 ปี ในต้นหนึ่ง ๆ จะให้ผลผลิตได้ประมาณ 200-300 ฝัก และจะให้ฝักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปีตามอายุปลูก ปัจจุบันคุณสมพรปลูกสะตอมาได้ 20 ปีแล้ว ผลผลิตเฉลี่ยจะอยู่ที่ต้นละประมาณ 400-500 ฝัก
-ลักษณะฝักที่พร้อมจะเก็บเกี่ยวได้ สีฝักจะมีลักษณะเป็นมันแววสีเขียวเข้ม เปลือกบริเวณหุ้มเมล็ดจะนูนเห็นเส้นเยื่อใยเด่นชัด รูปทรงสะดุดตา เปลือกหุ้มเมล็ดเมื่อแกะออกดูด้านในที่บริเวณขั้วของเปลือกจะเห็นเป็นสีส้มเข้มเล็กน้อย แสดงว่าใช้ได้แล้ว
-การชิมเมล็ดดูจะพบว่าเมล็ดพันธุ์สะตอข้าวจะมีรสชาติมันและค่อนข้างหวาน เนื้อเมล็ดค่อนข้างแน่น พันธุ์สะตอดานจะมีรสชาติค่อนข้างฉุน เนื้อเมล็ดแน่น
-คุณสมพรจะใช้ไม้สอย โดยใช้ไม้ไผ่ลวกยาวประมาณ 5-10 เมตร ตามขนาดของลำต้น โดยทำเว้าที่ปลายไม้ไผ่ ในกรณีต้นที่สูงจะขึ้นบนต้นแล้วใช้ส่วนที่เว้าบิดขั้วฝักสะตอแล้วดึงเข้าหาตัว แล้วปล่อยฝักสะตอให้รูดลงตามเชือกซึ่งผูกโยงระหว่างกิ่งกับหลักไม้ที่พื้นดินลงสู่ด้านล่าง โดยจะมีทีมงานในครอบครัวคอยรับอยู่ด้านล่างโดยวิธีนี้จะทำให้ฝักสะตอมีรอยบอบช้ำน้อยที่สุด นอกจากจะเก็บด้วยตนเองแล้วยังมีการจ้างแรงงานเก็บเกี่ยว โดยมีค่าจ้างในการเก็บเกี่ยวในราคา 100 ฝักละ 15-20 บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณของฝักสะตอมีมากน้อยขนาด ไหนในช่วงเก็บนั้น ๆ ต้นหนึ่ง ๆ สามารถเก็บเกี่ยวได้ถึง 3-4 ครั้งจึงหมด
-ในการรวบรวมฝักสะตอก่อนส่งขาย จะนิยมใช้วิธีการมัดสะตอรวมเป็นมัด ๆ แต่ละมัดจะมีฝักสะตอ 100 ฝัก โดยจะส่งให้พ่อค้าคนกลางซึ่งจะรับซื้อถึงสวน หรืออาจส่งไปขายที่ตลาดโดยตรงในพื้นที่อำเภอใกล้เคียงได้ โดยปกติคุณสมพรจะจำหน่ายอยู่ราคาเดียว คือ จำหน่ายฝักละ 4 บาท โดยฝักที่สมบูรณ์จะมีเมล็ดภายในฝักจำนวน 12 เมล็ด
แหล่งอ้างอิงข้อมูล :
ชื่อ - นามสกุล : คุณสมพร ชัยสุวรรณ อายุ : 43 ปี
ที่อยู่ : 64 หมู่ที่11 ตำบลบักดอง อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
http://www.rakbankerd.com/agriculture/open.php?id=1257&s=tblblog
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 18/09/2023 5:13 pm, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11640
|
ตอบ: 20/12/2010 9:18 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ขอเชิญเที่ยวชมสวนผลไม้ เงาะ ทุเรียน และของดีศรีสะเกษ
จังหวัดศรีสะเกษเป็นแผ่นดินทองของอีสานใต้เป็นแหล่งผลิตผลไม้เพื่อการส่งออกที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่รวมการผลิตพืช ผลไม้หลากชนิดจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น เงาะ ทุเรียน มังคุดจากภาคตะวันออก สะตอ ลองกอง ยางพารา จากภาคใต้ ลำไย ลิ้นจี่ จากภาคเหนือ มะปรางหวาน กระท้อน ส้มโอ มะม่วงจากภาคกลาง นอกจากนั้นยังมีพืชผลชนิดอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ผลผลิตออกตลอดทั้งปี
โดยเฉพาะการผลิตเงาะและทุเรียนนั้น ถือเป็นแหล่งผลิตแห่งแรกและเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เงาะที่ผลิตนั้นจะเป็นพันธุ์โรงเรียน
ส่วนทุเรียนนั้นจะเป็นพันธุ์หมอนทอง
ปัจจุบันมีพื้นที่การผลิตเงาะประมาณ 3,963 ไร่ พื้นที่การผลิตทุเรียนประมาณ 2,832 ไร่ มีมูลค่าการผลิตเฉพาะพืช 2 ชนิดนี้ไม่น้อยกว่า 130 ล้านบาท
โดยปลูกมากในอำเภอกันทรลักษ์และอำเภอขุนหาญ จึงได้มีการจัดตั้งกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และได้สร้างจุดบริการการท่องเที่ยวในเส้นทาง "อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน" จำนวน 3 แห่ง ดังนี้
1. บ้านซำตารมย์ ตำบลตระกาจ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นหมู่บ้านโครงการนำร่อง และได้สร้างจุดบริการนักท่องเที่ยวบริเวณบ้านศรีอุดม ในตำบลเดียวกัน ซึ่งติดกับเส้นทางหลักสายโชคชัย-เดชอุดม นับเป็นจุดเชื่อมเครือข่ายในการท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีผลผลิตทางการเกษตรตลอดทั้งปี ได้แก่ เงาะ ทุเรียน สะตอ ลองกอง ยางพารา มะม่วง ส้มโอ หอมแดง กระเทียม ฯลฯ หมู่บ้านนี้ได้รับการจัดตั้งเป็นกลุ่มผู้ผลิตทุเรียนคุณภาพจากกรมส่งเสริมการเกษตร
2. บ้านซำม่วง ตำบลซำ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นหมู่บ้านแรกที่มีการจัดทำกิจกรรมท่องเที่ยวเกษตร ในปี 2540 ที่นี่มีความหลากหลายของผลผลิตในสภาพพื้นที่ต่างระดับที่สวยงาม ผลผลิตได้แก่ เงาะ ทุเรียน มะปราง มะขาม มะม่วง ลองกอง ลำไย ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวโพดหวาน ฟักทอง ฯลฯ
3. บ้านซำขี้เหล็ก ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ถือว่าเป็นเกษตรกรรมกลุ่มแรกที่มีการปลูกเงาะและทุเรียน สภาพภูมิประเทศมีความสวยงามถูกใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เริ่มกิจกรรมการท่องเที่ยวเกษตรโดย สำนักงานเกษตรจังหวัด ในปี 2540 เป็นปีแรกเช่นเดียวกัน จนเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว เพราะมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ
ผลผลิตที่นี่มีทั้ง เงาะ ทุเรียน สะตอ มังคุด ลำไย กระท้อน ลองกอง ส้มโอ ข้าวโพดหวาน ยางพารา ฯลฯ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุรินทร์ จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจท่องเที่ยวเชิงเกษตรวิถีธรรมชาติ เที่ยวสวนผลไม้ ลิ้มรสความหวาน สด ใหม่ ปราศจากสารพิษของผลผลิตจากสวนได้ทุกวัน ช่วงเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2552 สนใจติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- สำนักงานเกษตรจังหวัดศรีสะเกษ โทร. 0 4561 1397
- คุณวัลลภ อุ่นจิตรพันธุ์ โทร. 08 7444 4908
- ททท.สำนักงานสุรินทร์ โทร. 0 4451 4447-8
http://www.ichumphae.com/description.aspx?q_sec=77118506 |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11640
|
ตอบ: 20/12/2010 9:22 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
เป้าประสงค์แห่งกระทู้นี้....
- อิสาน ศรีสระเกษ อดีตฉายาว่าแล้งที่สุดในประเทศไทย ตำนวนแห่ง "เด็กกินดิน" นั้น วันนี้เปลี่ยนไป กลายเป็นแหล่งปลูกผลไม้ชั้นนำของประเทศ (โลก) ได้อย่างดีเยี่ยม.....
- เพื่อยืนยัน ไม้ผลทุกชนิดของประเทศไทย กับบางชนิดจากต่างประเทศ สามารถ "ปลูกได้-ให้ผลผลิต" ดี ในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ทุกภาค ขอเพียงเป็นประเทศไทยเท่านั้น.....
ลองคิม (นอนไม่หลับ) ครับผม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11640
|
ตอบ: 20/12/2010 9:41 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สะตอดอง
สะตอดองเป็นวิธีการถนอมอาหารชนิดหนึ่ง โดยขั้นแรกนำสะตอไปต้มจนสุก จากนั้นนำไปแช่็น้ำเย็นแล้วปอกเปลือกออกเอาแต่เมล็ด จากนั้นนำไปดองไว้ในน้ำที่ละลายผสมกับเกลือ ดองไว้จนน้ำมีรสเปรี้ยว จึงสามารถรับประทานได้
http://www.xplog.org/?p=photo_view&pid=375&related=y |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
nokkhuntong สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 26/02/2010 ตอบ: 256
|
ตอบ: 20/12/2010 11:48 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
นี่ไงค่ะ...ต้นสะตอ ที่เพาะไว้เอง เป็นอย่างนี้จ๊ะ
ชอบสะตอดาน อร่อยเหาะ
นกขุนทอง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11640
|
ตอบ: 21/12/2010 7:51 am ชื่อกระทู้: |
|
|
น่าจะหามาปลูกซัก ต้นสองต้น นะ....กินก็ได้ แจกก็ดี....
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า "เพาะเมล็ด" แล้วจะกลายพันธุ์หรือไม่
ลุงคิม (สะตอ...ตอเฉยๆ) ครับผม
ปล.
- ที่ไร่กล้อมแกล้ม เพาะเมล็ด ทุเรียน. เงาะ. มังคุด. ลิ้นจี่. หวังเอาต้นตอรากแก้วไว้เปลี่ยนยอด เมล็ดพวกนี้งอกขึ้นมาในถุงดำในเรื่อนเพาะชำ ได้ 4-5 ใบ คนงานเอา "ยูเรก้า" (4 : 1 : 2) ฉีดใส่โคนต้น แค่ 2 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน ปรากฏว่ามันโตเร็วผิดหูผิดตาเลย....ปกติไม้ระยะกล้าใช้ 25-7-7 + ฯลฯ แต่ในยูเรก้ามันเป็น 21-7-14 + ฯลฯ แสดงว่า N. ใน 25-7-7 กับ N. ในยูเรก้า. ทำหน้าที่ได้เหมือนๆ กัน.....
- ศัตรูตัวหนึ่งของต้นกล้าในถุงในเรือนเพาะชำ คือ "หนู" พี่แกเล่นกัดกินยอดจนด้วนเหลื่อแต่ตอ หลังจากโดนกัดยอดไปแล้วบำรุงต่อ กะว่าตอคงแตกยอดใหม่ ก็คงจะแตกยอดใหม่ได้อยู่หรอกนะ เพราะส่วนตอยังไม่ตาย แต่ช้ามากๆ ถึงวันนี้ยังไม่รู้ว่า ตอนั้นจะแตกยอดใหม่ไหม แตกออกมาใหม่แล้วจะแข็งแรงเหมือนเดิมหรือไม่
ลุงคิม (หนูไม่มีเงินเดือน เลยปล่อยมันไป) ครับผม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
eawbo สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 03/03/2010 ตอบ: 52
|
ตอบ: 21/12/2010 11:38 am ชื่อกระทู้: |
|
|
พื้นที่ชายแดนศรีสะเกษอุดมสมบูรณ์มาก ไม่ได้แห้งแล้งอย่างที่คิด มีทั้งภูเขาป่าไม้น้ำตก คลองมีน้ำตลอดทั้งปี ไม่ใช่แค่ชายแดนศรีสะเกษที่อุดมสมบูรณ์ ชายแดนจากบุรีรัมย์ไปถึงอุบลราชธานีมีสภาพคล้ายคลึงกัน ที่ปลูกยางกันมากทางอีสานก็ปลูกแถบชายแดนจากบุรีรัมย์ถึงอุบลฯ และพื้นที่ติดแม่น้ำโขงจากอุบลฯถึงจังหวัดเลย สวนผลไม้ส่วนใหญ่ก็อยู่แถบนี้
อีสานไม่แล้งอย่างที่คิด เวลาพูดถึงอีสานส่วนใหญ่จะคิดถึงความแห้งแล้ง รู้จักแต่ทุ่งกุลาร้องไห้ชื่อก็บอกอยู่แล้วกุลายังร้องไห้พื้นที่ตรงนี้แล้งจริงและก็เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่มากแถมชื่อก็เป็นที่รู้จักทั้งประเทศ ทุกคนเมื่อพูดถึงอีสานก็คิดถึงแต่ทุ่งกุลาร้องไห้แล้วก็คิดถึงแต่ความแห้งแล้ง แต่แถบมหาสารคาม กาฬสินธ์ ร้อยเอ็ด ก็ทำนาปรังทั้งปี แถบชายแดนก็มียางแสวนผลไม้ แถบสกลนคร อุดรธานีก็ทำสวนแปลูกยางมาก
เอี๋ยวครับ (เดินทางไปอีสานบ่อย) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
nokkhuntong สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 26/02/2010 ตอบ: 256
|
ตอบ: 21/12/2010 2:54 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ขอบคุณสำหรับข้อมูล "ยูเรก้า ฉีดใส่โคนต้น" ค่ะลุง จะไปลองฉีดกับกล้าไม้ดูบ้าง
ปกติจะฉีด แคลเซียม โบรอน บ้าง,ไบโออิ บ้าง, ยูเรีย จี บ้าง, สารสมุนไพรกันเชื้อรา ,ฮอร์โมนเร่งราก แล้วแต่ค่ะ สลับกันไป
เพาะเผื่อไว้เกือบ 10 ต้นค่ะ ...ได้กินฝัก จะเอามาเผื่อลุงคิมและทุกคนค่ะ....
อยากให้ "สะตอ" กลายพันธุ์เป็น "สะตังค์" จังเลยยยยยย
- ศัตรูกล้าไม้ที่บ้านคือ "หอยทาก" เห็นคลานกระเดิบ กระเดิ๊บ อย่างนั้น ไวชะมัด
ทิ้งไว้ให้แต่ตอ บางครั้งพาลกินเมล็ดด้วยซิ พอดีมีเชอร์รี่เด็ธ ก็โรยๆกันไว้ บางครั้งก็พริกป่น สารสะเดา ของขม ของฝาด กันไว้ก่อน
นกขุนทอง(อยากจ่ายเงินหอยทาก แล้วบอก..ไปเล่นไกลๆไป๊) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11640
|
ตอบ: 21/12/2010 4:02 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
nokkhuntong บันทึก: | ขอบคุณสำหรับข้อมูล "ยูเรก้า ฉีดใส่โคนต้น" ค่ะลุง จะไปลองฉีดกับกล้าไม้ดูบ้าง
ปกติจะฉีด แคลเซียม โบรอน บ้าง,ไบโออิ บ้าง, ยูเรีย จี บ้าง, สารสมุนไพรกันเชื้อรา ,ฮอร์โมนเร่งราก แล้วแต่ค่ะ สลับกันไป
เพาะเผื่อไว้เกือบ 10 ต้นค่ะ ...ได้กินฝัก จะเอามาเผื่อลุงคิมและทุกคนค่ะ....
อยากให้ "สะตอ" กลายพันธุ์เป็น "สะตังค์" จังเลยยยยยย
- ศัตรูกล้าไม้ที่บ้านคือ "หอยทาก" เห็นคลานกระเดิบ กระเดิ๊บ อย่างนั้น ไวชะมัด
ทิ้งไว้ให้แต่ตอ บางครั้งพาลกินเมล็ดด้วยซิ พอดีมีเชอร์รี่เด็ธ ก็โรยๆกันไว้ บางครั้งก็พริกป่น สารสะเดา ของขม ของฝาด กันไว้ก่อน
นกขุนทอง(อยากจ่ายเงินหอยทาก แล้วบอก..ไปเล่นไกลๆไป๊) |
ตอนนี้มีตัวใหม่ออกมา บำรุงต้นโดยเฉพาะ ทั้งต้นเล็ก ต้นใหญ่ให้ผลผลิตแล้ว ตามฟอร์มน่าจะเหนือกว่า ไบโออิ. ตัวใหม่นี้ยังไม่ได้ตั้งชื่อ กำลังทดลองกับของตัวเองก่อน อยากหา "เพื่อนร่วมทดลอง" เพื่อจะได้ "เจ๊ง" ด้วยกันไง.....ติดต่อนัดหมายลุงคิมนิดนึง มารับของที่ชมรมสาขาศาลายาฯ ก็ได้
ลุงคิมครับผม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
nokkhuntong สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 26/02/2010 ตอบ: 256
|
ตอบ: 21/12/2010 5:05 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
kimzagass บันทึก: | ...อยากหา "เพื่อนร่วมทดลอง" เพื่อจะได้ "เจ๊ง" ด้วยกันไง..... |
ความหมายของ "เจ๊ง" คือ สิ้นสุด , ล้ม, หมด, ขาดทุน
โห..ชวนได้น่าทดลองจังเลยค่ะลุงคิม
แต่เรามีสโลแกนประจำอยู่ว่า "โตก็เลี้ยง ตายก็กลบซะ"
ยินดีเป็น...หนู (ตัวหย่าย) ร่วมทดลองด้วยค่ะ...
ขอบพระคุณค่ะ
ลุงค่ะ จุติ แปลว่า ตาย นะคะ เช่น เทวดาจุติจากสวรรค์มาเกิดบนโลกมนุษย์
เมื่อก่อนก็เข้าใจว่า เกิด (ได้ยินลุงพูดในรายการวิทยุ)
ภาษาไทยวันละคำ สองคำ
นกขุนทอง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11640
|
ตอบ: 21/12/2010 5:51 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
nokkhuntong บันทึก: | kimzagass บันทึก: | ...อยากหา "เพื่อนร่วมทดลอง" เพื่อจะได้ "เจ๊ง" ด้วยกันไง..... |
ความหมายของ "เจ๊ง" คือ สิ้นสุด , ล้ม, หมด, ขาดทุน
โห..ชวนได้น่าทดลองจังเลยค่ะลุงคิม
ตอบ :
ไม่ใช่ทั้ง 4 กรณีนี้แน่.....น่าจะเป็นเพราะกรณี "โดนด่า" ซะมากกว่านะ...
แต่เรามีสโลแกนประจำอยู่ว่า "โตก็เลี้ยง ตายก็กลบซะ"
ยินดีเป็น...หนู (ตัวหย่าย) ร่วมทดลองด้วยค่ะ...
ตอบ :
มันสะใจ ไหมน้องงงงงงงง..........
ขอบพระคุณค่ะ
ลุงค่ะ จุติ แปลว่า ตาย นะคะ เช่น เทวดาจุติจากสวรรค์มาเกิดบนโลกมนุษย์
เมื่อก่อนก็เข้าใจว่า เกิด (ได้ยินลุงพูดในรายการวิทยุ)
ตอบ :
ขอบคุณมากๆ เพิ่งรู้ตัวเองว่าพูด "ผิด" มาตลอด
แล้วอะไรแปลว่า "เกิด" ล่ะ....คงไม่ใช่ "ปฏิสนธิ" นะ...
ลุงคิม (ต้องแก้ข่าวไหมเนี่ย) ครับผม
ปล.
แล้วอย่าลืมหาเวลา (รอวันเธอว่าง) ว่าง มาเอาเจ้าตัวใหม่นะ สะดวกที่ไหนก็ได้
ภาษาไทยวันละคำ สองคำ
นกขุนทอง |
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Sahassawat หนาวดึ่ง
เข้าร่วมเมื่อ: 05/04/2019 ตอบ: 1
|
ตอบ: 05/04/2019 4:26 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
.
.
ได้ทำส่งออกนอกไหมครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11640
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|