-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-การตัดแต่งกิ่งทุเรียน
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - การตัดแต่งกิ่งทุเรียน
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

การตัดแต่งกิ่งทุเรียน

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 21/05/2010 1:03 pm    ชื่อกระทู้: การตัดแต่งกิ่งทุเรียน ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เรียนถามครับว่ากิ่งน้ำค้าง กิ่งตะขาบ กิ่งกระโดง คือกิ่งที่มีลักษณะแบบไหนครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ott_club
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009
ตอบ: 718

ตอบตอบ: 21/05/2010 9:53 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เคยได้ยินลุงบอกแต่กิ่งกระโดง กิ่งคด กิ่งงอ กิ่งในทรงพุ่ม กิ่งชี้ลงดิน กิ่งไขว้ กิ่งหางหนู กิ่งเป็นโรค

กิ่งตะขาบ กับกิ่งน้ำค้าง ไม่เคยได้ยิน เดี๋ยวรอลุงมาตอบ

ott_club
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/05/2010 5:14 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ตอบยาก (ว่ะ) ทุเรียนไม่เหมือนไม้ผลอื่นๆ

ช่วงที่ทุเรียนมีผลอยู่บนต้น กิ่งกระโดงบนกิ่งประธาน (มีผล) กับกิ่งกระโดงบนกิ่งแขนง (ไม่มีผล) กิ่งกระโดงไหนตัดทิ้ง กิ่งกระโดงไหนเก็บไว้ ต้องถามผลที่กิ่งประธาน.....นอกจากนี้ยังมีกิ่งกระโดงตามลำต้นประธานอีกแน่ะ อันนี้ส่วนใหญ่เอาออกหมด.....ทุเรียนบางสายพันธุ์ ช่วงมีผลอยู่บนต้นชอบแตกกิ่งกระโดง กรณีนี้ต้องละเอียดรอบคอบมาก เพราะถ้าไม่เอาออก หรือเอาออกไม่ถูกต้อง จะส่งผลให้คุณภาพผลผลิตไม่ดี กิ่งกระโดงตัวนี้ทำเอาเซียนตกขี้เมฆมานักต่อนักแล้ว

ทุเรียนช่วงที่ไม่มีผลอยู่บนต้น (ช่วงเตรียมต้น) กิ่งกระโดงบางกิ่งมีประโยชน์ (เก็บไว้) บางกิ่งไม่มีประโยชน์ (ตัดทิ้ง) หรือจะไม่เอาออกทั้งหมดเลย อันนี้ต้องพิจาณาจากระยะเวลาเตรียมต้น เช่น สะสมอาหารเพื่อการออกดอก ต่อเนื่องกับ ปรับ ซี/เอ็น เรโช ว่าจะให้ห่างกัน มาก/น้อย เพียงใด
ก่อนลงมือเปิดตาดอก.....คำถามนี้ตอบตายตัวไม่ได้



ถามเพื่อประดับความรู้คงไม่ได้อะไรนัก แต่ถ้าอยากรู้จริง เพื่อนำไปปฏิบัติ ต้องไปดูด้วยตาที่สวน ทั้งช่วงเตรียมต้นและช่วงมีผล เรียกว่า "เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง" นั่นแหละ


ลุงคิมครับผม

ปล.
กิ่งกระโดง. กิ่งน้ำค้าง. กิ่งหางหนู. กิ่งไขว้. กิ่งชี้ลง. กิ่งชี้เข้าใน. กิ่งคด. กิ่งงอ. กิ่งเป็นโรค. กิ้งพวกนี้ถ้ารู้จักแค่เห็นปุ๊บก็บอกได้ปั๊บ แต่ "กิ่งตะขาบ" เพิ่งเคยได้ยิน คงเป็น กิ่งคด-กิ่งงอ เพราะลักษณะท่าทางคล้ายตัวตะขาบ.......ถือว่า "รับทราบ" ก็แล้วกัน

แม้ว่ากิ่งพวกนี้จะเป็นกิ่งที่ไม่เหมาะสมต่อการออกดอกติดผล สิ้นเปลืองน้ำเลี้ยง หรือทำให้ทรงพุ่มทึบโดยใช่เหตุก็จริง แต่ก็อาจจะมีประโยชน์ในการสร้างน้ำเลี้ยงจากใบส่งไปให้ผลที่อยู่ใกล้ๆ ได้ นี่คือเหตุผลที่ว่า กิ่งไหนเอาออก กิ่งไหนเอาไว้ ไงล่ะ


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 19/06/2010 7:54 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 24/05/2010 9:42 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

กิ่งตะขาบ ผมเอามาจากบทความเรื่อง ทุเรียนของลุงคิม Very Happy

ฉะนั้นเราต้องตัดแต่งตามความเหมาะสมของต้นทุเรียนแต่ละต้น
อีกเรื่องครับ ปลายกิ่งที่ยื่นมาชิดกันระหว่งต้นเราต้องเอาออกด้วยใช่ไหมครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 24/05/2010 11:45 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

กิ่งตะขาบ....กิ่งตะขาบ....กิ่งตะขาบ....อืมม์ พยายามนึกอยู่ว่าเอามาจากไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ทำไม เพราะอะไร นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก.....น่าจะเอามาจากภาษาพื้นบ้านที่ไหนซักแห่ง ช่วงที่เขียนหนังสือหนักๆ พอดีคำๆนี้ใช้กันแค่ในหมู่บ้านนั้นเท่านั้น ลุงคิมจึงไม่ใช่ต่อ ผลสุดท้ายก็ลืมไปเอง......นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

ประเด็นอยู่ที่ถามว่า กิ่งไม้ของไม้ 2 ต้นอยู่เคียงกัน แล้วกิ่งมันยาวมาเกยซ้อนกัน เราต้องเอาออกใช่ไหม ?

ลองวิเคราะห์ซิ ถ้าไม่เอาออกแล้วมันบังแดดซึ่งกันและกัน จะเกิดอะไรขึ้น หรือถ้าปล่อยไว้ให้มันโตอย่างอิสระเสรีจะเกิดอะไรขึ้น....มองให้ออกระหว่าง "ประโยชน์ กับ ไร้ประโยชนฺ" ของกิ่งที่ ชน/เกย/ซ้อน/ทับ" กันน่ะ มีอะไรบ้าง......ก็แค่นี้แหละ


รู้มากยากนาน รู้น้อยพลอยรำคาญ
ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 25/05/2010 10:59 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ความสูงของต้นเราควรตัดยอดที่ความสูงประมาณกี่เมตรครับ ที่ผมคิดจะตัดที่สวนผมประมาณ 7.70 เมตร เพราะว่าอนาคตว่าจะวางสปิงเกอร์ด้านบน ทดลองต่อท่อเอสลอนสีเทา 2 เส้น ยาว 8 เมตร สูงไปหรือเปล่าครับลุง

-----

ป.ล. (ไปแล้ว) อยากประหยัดแรงงานและเวลา
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 25/05/2010 5:42 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ความสูงต้นขึ้นอยู่กับ "ความพอใจของคน กับ ความพอใจของต้น" เพราะ....

ต้นเตี้ยๆ มากๆ ให้ผลผลิตน้อย....ต้นสูงมากๆ ให้ผลผลิตมาก.... สาเหตุ....

ต้นเตี้ย กิ่งสั้น ช่วงหรือระยะทางลำเลียงสารอาหารสั้น ระยะยทางสั้นกระบวนการเอ็นไซม์หรือเปลี้ยนรูปสารอาหารยังทำไม่เสร็จ สารอาหารจึงไม่พร้อมสำหรับต้นนำไปใช้พัฒนาผล....เพราะฉนั้น ระหว่าง "ความสูงต้น" กับ "ปริมาณผลผลิต" ควรพบกันครึ่งทางได้ไหมหรือดีไหม ถามต้นไม้ ถ้าต้นไม้ไม่พูด ก็ต้องถามคน แล้วคนจะพูดว่ายังไงล่ะ

เทคนิคการตัด ...... ให้ตัด ณ จุดที่ตำกว่าความสูงที่ต้องการ หรือ ณ จุดที่สั้นกว่าความยาวที่ต้องการ 80 ซม.- 1 ม. หลังจากตัดแล้วจะมีกิ่งหรือยอดใหม่แตกออกมา สูงหรือยาว 80 ซม.- 1.50 ม. ซึ่งก็ได้ขนาดความสูง หรือความยาวตามต้องการพอดี

ความสูงต้นไม่เป็นอุปสรรคกับสปริงเกอร์หรอก ถ้างั้นตึกสูง 50 ชั้น น้ำฝักบัวพ่นออกมาได้ไง ถ้าติดตั้งเป็น ต้นไม้สูงแค่ไหนน้ำก็ขึ้นไปได้.....เดิมที่ที่ไร่กล้อมแกล้มมีมะม่วงติดที่ดินมา 3 ต้น ยอดสูงกว่าสันจั่วบ้าน 2 ชั้น (สูง 12 ม. ทรงพุ่มกว้าง 6 ม.) ติดสปริงเกอร์ขึ้นเหนือยอด สูงกว่ายอดหัวละ 1.5 ม. ต้นละ 2 หัว พ่นน้ำออกมายิ่งกว่าฝนตก....ไม่เสียดายหรอกที่มะม่วง 3 ต้นนั้นได้ล้มไปแล้ว เพราะอุตส่าห์เก็บไว้ให้คนสนใจ (ไม่เชื่อ+ไม่รู้+คิดไม่เป็น) ได้ดูตั้ง 3 ปี


ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 02/06/2010 3:20 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ลุงคิม ตามวิธีปฏิบัติ 9 ขั้นตอนดูแลทุเรียนช่วงเรียกใบอ่อน
ปุ๋ยยูเรียที่ใช้ผสมน้ำฉีดพ่น(46-0-0)ใช้ปุ๋ยประเภทให้ทางดินหรือปุ๋ยเกร็ด ครับ
อีกนิดครับ ปุ๋ยที่มีไว้ให้ทางดินมันสามารถผ่านปากใบพืชได้หรือไม่ครับ เพราะโมเลกุลใหญ่กว่าปุ๋ยเกร็ดเราต้องทำอย่างไร หรือต้องใช้อะไรช่วยครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 02/06/2010 3:23 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ลุงคิมครับ ตามวิธีปฏิบัติ 9 ขั้นตอนดูแลทุเรียนช่วงเรียกใบอ่อน
ปุ๋ยยูเรียที่ใช้ผสมน้ำฉีดพ่น(46-0-0)ใช้ปุ๋ยประเภทให้ทางดินหรือปุ๋ยเกร็ด ครับ
อีกนิดครับ ปุ๋ยที่มีไว้ให้ทางดินมันสามารถผ่านปากใบพืชได้หรือไม่ครับ เพราะโมเลกุลใหญ่กว่าปุ๋ยเกร็ดเราต้องทำอย่างไร หรือต้องใช้อะไรช่วยครับ
----------------------------------------
พิมพ์ตกไปครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/06/2010 6:38 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ยูเรีย (46-0-0) ในกระสอบ (เม็ด/50 กก.) สำหรับหว่านลงดิน กับในซอง (เกร็ด/1 กก.) ที่เรียกว่า 46-0-0 จี. เป็นชนิดเดียว ให้ทางใบก็ได้ ทางรากก็ได้.... หลักการนี้ให้ได้เฉพาะ 46-0-0 เท่านั้น สูตรอื่นไม่เกี่ยว.....ปุ๋ยสูตรอื่นก็อาจจะอนุโลมได้ ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิต

ยูเรียเม็ดในกระสอบมีกาก (ฟิลเลอร์) แต่ยูเรีย จี.ในซอง ไม่มีกาก (ฟิลเรอร์)

ปุ๋ยทางราก เมื่อให้ทางดินรากดูดซับไปใช้ แต่ถ้าให้ทางใบไม่สามารถผ่านปากใบได้เพราะโมเลกุลใหญ่ .....ส่วนปุ๋ยทางใบ เมื่อให้ทางใบผ่านปากใบได้เพราะโมเลกุลเล็ก กับให้ทางดิน รากก็สามารถดูดซึมไปใช้ได้อีกด้วย.....นั่นคือ ให้ปุ๋ยทางใบ ผ่านปากใบต้นไม้รับได้ ตกลงดินรากดูดซึมได้อีก เท่ากับต้นไม้ได้ 2 เด้ง

ยูเรีย 46-0-0 ให้ทางใบ เรียกใบอ่อน จะได้ใบอ่อนบาง-เล็ก แต่ถ้าให้ 25-5-5 จะได้ใบใหญ่-หนา-เขียวเข้มกว่า....แต่ถ้าให้ 30-10-10 ได้เปอร์เซ็นต์เนือปุ๋ยสูงกว่า 25-5-5


ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 03/06/2010 8:56 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ขอบคุณครับลุงคิม

ขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับ 46-0-0 แบบเม็ดหน่อยครับ ปีที่ผ่านมาผมติดต่อเซลล์ร้านขายยาร้านหนึ่งในอำเภอแกลง เขาบริการดีนะครับ มาดูมาแลจัดยาให้ เขาให้ทดลองใช้ยา 1 ชุด โดยใช้ 46-0-0 เป็นตัวนำและมีตัวยาอีก 2 ตัว เป็นตัวช่วยให้ต้นไม้สามารถรับยูเรียทางใบได้ (ให้ใช้ฟรี) หลักการต้องมีความชื้นสัมพัทธ์สูงและต้องฉีดให้โดนใบเพียง 60% พูดง่ายๆ ต้องฉีดหลังหรือก่อนฝนตก ฉีดมากใบไหม้ ......ผมฉีดไป 3 รอบแตกใบอ่อนดีหน่อย จากนั้นเลิกใช้เพราะข้อกำหนดเยอะ ตัวยายังอยู่ครับ

อันนี้เล่าให้ฟังนะครับ

แล้วเวลาเราบำรุงผล ที่เราใช้ 21-7-14 มันเป็นแบบเม็ดไม่ใช่หรือครับ (หาซื้อยากด้วย)


ปล.
ปีนี้จะเดินตามทางตนเองคงต้องรบกวนลุงคิมกับเฮียอ๊ออดบ่อยหน่อยนะครับ สวนทุเรียนผมปัญหาเยอะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ott_club
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009
ตอบ: 718

ตอบตอบ: 03/06/2010 12:31 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ตามความคิดผมนะครับ ผมว่ายูเรีย (46-0-0) ไม่ว่าจะแบบเป็นกระสอบ หรือแบบเป็นถุง (จี.เกรด) ก็สามารถผ่านปากใบได้นะครับ เพียงแต่แบบ จี. นั้น สามารถผ่านปากใบได้ดีกว่า มากกว่า เพราะไม่เช่นนั้นแล้วชาวสวนสับปะรดคงไม่ผสมยูเรีย (แบบธรรมดา) ใส่ไปในถังตอนฉีดพ่นสารอาหารทางใบ หรือการฉีดยาฆ่าหญ้า ชาวสวนมักผสมยูเรียลงไปเล็กน้อยเพื่อเป็นตัวนำให้วัชพืชดูดยาฆ่าหญ้าเข้าไปมากๆ

ปุ๋ยเคมีสูตร 21-7-14 ทางใบ ไม่ต้องไปพลิกแผ่นดินหาครับ เพราะไม่มีขาย ส่วนที่ลุงคิมใช้ ลุงเขาจ้างผสมขึ้นมาเป็นการเฉพาะกิจเท่านั้น ....... ส่วน 21-7-14 ทางดิน มีขายมากครับ จะเอากี่ตัน หาได้ตามเอเยนต์ปุ๋ยยี่ห้อเรือใบไวกิ้ง (ยารา)

ที่บอกว่าจะรบกวนผม เพราะทุเรียนมีปัญหาเยอะ มีปัญหาอะไรนักหนา บอกก่อนนะว่าที่บ้านผมไม่มีทุเรียนสักต้น ไม่มีความรู้เรื่องทุเรียนเลย มีอะไรถามคุณ "อ้อ" หรือคุณ "เก่ง" ได้ เพราะขานั้นเขาโตมากับต้นทุเรียน ผมล่ะโตมากับยางพารากับปาล์มน้ำมันครับ

ott_club
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 04/06/2010 12:40 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ที่ว่ารบกวนนี่หมายถึง การทำการใช้ฮอโมนต่างๆ ในขั้นตอนที่เหมาะสมครับ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ค่อยขยายหาความรู้จากผู้ที่มีประการณ์ตรงและประสบการณ์ของตัวเองครับผม

ส่วนปัญหาสวนทุเรียนของผมที่ประสบอยู่คือ มันเป็นที่ลุ่มครับ เป็นดินเหนียว ฝนตกก็ลื่นดินติดเท้าต้องแคะ หน้าแล้งดินแตกระแหง

ถามว่าแก้ไขได้มั๊ย แก้ได้ครับ แต่ต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็นใส่อินทรีวัตถุ ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ฯลฯ ที่ไม่ใช้เงินและทำได้ตอนนี้ก็ตัดหญ้าครับ และเลือกใส่แต่ปุ๋ยอินทรีย์ ลดปุ๋ยเคมี ฯลฯ แล้วก็รอเวลาให้ดินดีขึ้น ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นครับ เห็นมีไส้เดือนตามโคนต้นแล้ว ..... อ้อ อีกอย่างครับ สวนติดคลองฝนตกมากๆๆ น้ำท่วม ครับ Very Happy Very Happy

ปล.
ที่ดินและสวนทุเรียนนี้เขายกให้เรา ไม่ได้เลือกเอา และเนื่องจากทำสวนด้วยความฉลาดทำให้ขาดทุนมา 3 ปีครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 04/06/2010 12:42 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เพิ่มเติมครับ..... เฮียอ๊อดต้องมาเห็นสภาพที่สวนครับ แล้วร้อง.... Confused Confused Confused
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ott_club
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009
ตอบ: 718

ตอบตอบ: 05/06/2010 2:06 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ดินที่แก้ไขยากที่สุด ก็คือดินเหนียวที่ลุ่มริมคลอง แต่ดินแบบนี้ธาตุอาหารค่อนข้างมากนะครับ เพียงแต่โครงสร้างของดินไม่ยอมให้น้ำให้อากาศผ่านไปสู่รากได้ง่าย ทำให้พืชหายใจไม่ค่อยออกละมั้ง

หนทางแก้ไขน่าจะเป็นการใช้อินทรีย์วัตถุเศษซากพืช คือปล่อยให้หญ้าขึ้นแล้วไถกลบ หญ้าขึ้นแล้วตัดคลุมดิน น่าจะเป็นวิธีที่น่าจะพอช่วยได้นะ ลองดู

ตกลงสวนอยู่ที่ไหน ผมยังไม่รู้เลย แล้วจะให้ผมไปดูสวน ลองๆ ถ่ายรูปมาลงให้เพื่อนๆ ช่วยกันวิเคราะห์ก็น่าจะดีนะครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 05/06/2010 5:59 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ทำเกษตรต้องถือหลัก "จงปรับคนเข้าหาธรรมชาติ อย่าปรับธรรมชาติเข้าหาคน" ยิ่งคิดเอาชนะธรรมชาติ จะยิ่งแพ้และยิ่งเจ็บ แม้สามารถเอาชนะธรรมชาติได้แต่ต้องลงทุนด้วยทรัพยากรอย่างจำนวนมหาศาล (เงิน-เวลา-แรงงาน-เครื่องมือ-ฯลฯ) ครั้นเมื่อ "บวกลบคูนหาร" วิเคราะห์เศรษฐศาสตร์การลงทุนแล้วพบว่า "ไม่คุ้ม"

อยากปลูก ทุเรียน-เงาะ-มังคุด-ลองกอง เพราะรักทุเรียนเงาะมังคุดลองกอง ต้องถามย้อนก่อนว่า ทุเรียนเงาะมังคุดลองกอง เขารักเราไหม ? .... เห็นตนอื่นเขาปลูกได้ พบที่นั่นที่นี่ปลูกได้ แต่เราปลูกไม่ได้เพราะ "ปัจจัยพื้นฐานด้านเพาะปลูก" ต่างกันนั่นเอง ไม่ใช่ "ฝีมือ" ต่างกัน

ดินเหนียว สภาพความอุดมสมบูรณ์น้อย.....พืชที่เหมาะ ได้แก่ กล้วยน้ำว้า. ปาล์มน้ำมัน. มะพร้าว. ปลูกลงไปได้เลย รับรองไม่ผิดหวัง ไม้ยืนต้นพวกนี้นอกจากทนทานต่อดินเลวแล้ว ยังทานทนต่อน้ำท่วมขังค้างนานได้อีกด้วย

หากต้องการลงไม้ผลยืนต้น แนะนำให้ลงด้วย "เพาะเมล็ด" หลายๆ เมล็ดในหลุมเดียวกันลงไปก่อน เพื่ออาศัยรากแก้วสู้กับดินเลวและเป็น "ต้นตอ" ...... เลี้ยงต้นตอให้โตขนาดเท่าแท่งดินสอ ก็ให้เปลี่ยนยอด "ตอประธาน" เป็นยอดพันธุ์ดี พร้อมกับเสริมรากโดยใช้ต้นตอที่เหลือเสริมให้กับ "ต้นประธาน" จากนั้นให้บำรุงตามปกติ.....ไม้ต้นนี้จะมีรากแก้วของตัวเอง 1 ราก กับรากแก้วเสริมอีกเท่าจำนวนที่เสริม

ธรรมชาติของไม้ยืนต้นที่มีรากแก้วสามารถทนทานต่อสภาพน้ำท่วมขังค้างได้นานกว่าต้นที่มีแต่รากฝอย

หลักการและเหตุผล :
น้ำท่วมแบบขังค้าง ระดับน้ำจะลงไปในเนื้อดินลึกประมาณไม่เกิน 1 ม. ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ของรากฝอยพอดี เป็นเหตุให้รากฝอยไม่อาจทำงานตามปกติได้ แต่รากแก้วซึ่งแทงลงดินได้ลึกกว่า 1 ม. (ยาว 3-5 ม.) ส่วนปลายรากซึ่งอยู่ลึกไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังค้าง (อยู่ที่ผิวดิน 1 ม.) ก็จะช่วยหาอาหารไปเลี้ยงต้นแทนรากฝอยได้


ไม้ผลยืนต้นที่ทนทานต่อน้ำท่วมขังค้างได้นาน 1-3 เดือน โดยไม่ชงักการเจริญเติบโต ถึงขนาดออกดอกติดผลตามปกติได้ คือ "มะกอกน้ำ" เมื่อน้ำท่วมขังค้างนานเขาจะสร้างรากขึ้นมาใหม่ แทงผ่านผิวหน้าดิน แหวกน้ำขึ้นสู่ผิวน้ำรับอ๊อกซิเจน ไปเลี้ยงต้นได้ ทำให้ต้นไม่ตาย จังหวะนี้เราก็ให้ปุ๋ย "ทางใบ" ชดเชยหรือเป็นหลัก

มะกอกน้ำสด หน้าสวน กก.ละ 5 บาท....มะกอกน้ำดอง กก.ละ 15 บาท....มะกอกน้ำแช่อิ่มน้ำผึ้ง กก.ละ 50 บาท.... นี่ไง แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม (ไม่โก้ แต่รวย...)

เทคนิคป้องกันน้ำท่วมสวน คือ "ทำคันล้อม" โดยทำให้สูงกว่าสถิติน้ำท่วมสูงสุด 50 ซม. บนคันล้อมปลูกพืชต้นเตี้ยได้ พร้อมกับคอยสูบน้ำออกจนแห้งถึงพื้น เพื่อเปิดพื้นที่เตรียมรองรับน้ำบางส่วนที่เขามาในสวนอยู่ตลอดฤดูกาล

เปลี่ยนความคิดจาก "น้ำท่วม เป็น น้ำบริบูรณ์" แล้ววางแผนบริหารจัดการน้ำให้มีอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี ไม่ปลูกไม้ยืนต้นแต่ปลูกพืชน้ำหรือเลี้ยงสัตว์น้ำ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แม้แต่ทำเป็นสวนท่องเที่ยวก็ได้.....ว่าไหม



นี่แหละหนามนุษย์....น้ำน้อยก็ด่า น้ำมากก็ว่า
ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 08/06/2010 1:25 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เรียนลุงครับ

มันเป็นที่ดินที่พ่อตายกให้ครับ เขาปลูกทุเรียนไว้แล้วครับ พอมันตายมากขึ้นๆๆ รวมทั้งตัวแกเองดูแลไม่ไว้ก็เลยยกให้ พื้นเพเดิมของที่ดินเป็นที่ต่ำจนคนแถวนั้นยังแซวพ่อตาเลยว่า ต้องเอาเรือมาพายในสวนมั๊ย (ไม่รู้อะไรดลใจให้แกมาซื้อเพื่อปลูกทุเรียน) ทุเรียนต้นเก่านะ ปัจจุบันอายุประมาณ 20 ปี ช่วง 20 ปีที่ผ่านมาโดนยาฆ่าหญ้าและปุ๋ยเคมีตลอดไม่เคยเว้น อ้อ. มีปีเดียวที่ใส่ปุ๋ยมูลค้างคาวปรากฏว่าต้นเจริญดี แต่โดนหนอนเจาะลำต้น ตอนนี้ผมก็เลยปรับเปลี่ยนพยายามแก้ไขเรื่องดินเป็นเรื่องสำคัญ คิดว่าอีกไม่นานคงดีขึ้น

ปล.
มะนาวยังขึ้นบนหินได้เลย ทะเลทรายยังปลูกพืชได้ ถ้าไม่ตายก่อนคงได้ดีครับผม
ผมกำลังทำการปลูกเสริมรากแบบที่ลุงคิมแนะนำครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 14/06/2010 12:34 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากตัดแต่งกิ่ง แล้วทำการเรียกใบอ่อน ที่ลุงคิมเขียนไว้ในเมนูหลัก เรื่องทุเรียน

ผมใช้ 30-10-10 ที่เป็นปุ๋ยเกร็ดของ เคโมฟาย.....เพราะเจอยี่ห้อเดียวที่มีสูตรนี้ ส่วนใหญ่มี 30-20-10 + ธาตุรอง /ธาตุเสริม

จากสูตร น้ำ 100 ลิตร + 46-0-0 (30-10-10) 400 กรัม ผมใช้ 1,000 ลิตร ผสมปุ๋ย 2 กิโลกรัม

มากไปหรือน้อยไปครับลุงสำหรับปริมาณปุ๋ย

ปล.
อยากวางสปริงเกอร์เอนกประสงค์จัง เหนื่อย...
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ott_club
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009
ตอบ: 718

ตอบตอบ: 14/06/2010 10:44 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณ meninblack กำลังคิดทำอะไรอยู่หรือครับ หาความรู้ในเว้ปลุงแล้วทำอะไรไปแบบแปลกๆ ระวังจะไม่ได้ผลตามเป้านะครับ ผมจะบอกความลับให้ว่าความรู้ในเว้ปนี้เป็นแค่เศษเสี้ยวความรู้ที่ลุงมีอยู่ในตัวนะครับ ถ้าอยากเรียนรู้และทำความเข้าใจในเรื่องไม้ผลต้องไปเจอลุงตัวจริง เสียงจริง และเก็บเกี่ยวความรู้มามากๆ แบบคนโลภวิชา เรื่องในเว้ปลุงเขียนเป็นแค่น้ำจิ้มๆ เท่านั้นแหละ

หาลุงก่อนที่จะไม่มีลุงให้หา
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 15/06/2010 9:18 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ผมก็อยากไปพบปะพูดคุยเพื่อซึมซาบความรู้จากลุงคิม แต่ นิ้วมือคนเราย่อมไม่เท่ากัน ตอนนี้ผมจึงทำได้เพียงครูพักลักจำไปก่อน เพราะ ขนาดสวนผู้มีประสบการณ์ตรงอย่างเฮียอ๊อด หรือคุณอ้อ หรือสมาชิกที่ผ่านไร่กล้อมแกล้ม ในจังหวัดระยอง ผมยังมิได้มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยียน ซึ่งผมจะไปรบกวนอย่างแน่นอน

ปล.
ถ้ามีคนถามเราบ่อยๆว่า "ทำไมไม่ปลูกยางพาราแทนสวนทุเรียนจะได้ไม่เหนื่อย ไม่ลำบาก" จะตอบหรือทำอย่างไร ?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ott_club
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009
ตอบ: 718

ตอบตอบ: 15/06/2010 9:40 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คำพูด:
"ทำไมไม่ปลูกยางพาราแทนสวนทุเรียนจะได้ไม่เหนื่อย ไม่ลำบาก" จะตอบหรือทำอย่างไร


ถ้าปลูกยางวันนี้แล้วพรุ่งนี้กรีดได้เลย โอเค.ยอมรับว่ายางพาราดีแน่ แต่นี่มันไม่ใช่ยางพาราต้องใช้เวลา 6-7 ปี ในระหว่างนี้ต้องบำรุงดูแลรักษา มีค่าใช้จ่าย แล้วระหว่างนี้จะกินอะไร หรือมีตังค์ก็ไม่ว่ากันครับ เอาปัจจุบันให้ดีก่อนไหม ถามจริงมีสวนอยู่กี่ไร่ ถ้ามีเยอะจะชวนปลูกปาล์ม(อนาคตไปได้ไกลกว่ายาง)

สวนคุณเก่งแห่งอำเภอวังจันทร์ ปลูกยางพาราแซมในสวนทุเรียน มาประมาณ 5 ปีได้ ปัจจุบันคือ "ทุเรียนคลุมยาง ยางคลุมทุเรียน" มองดูแล้วเหมือนจับปลาสองมือ ไม่ดีสักอย่าง

อ๊อดครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 15/06/2010 9:54 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ประเทศไทยตั้งอยู่บนโซนภูมิศาสตร์โลก (กรีนเบลท์ - อิเควเตอร์) ที่ถือว่ามีการเจริญเติบโตทางชีวภาพด้านพืชดีที่สุดเมื่อเปรียบกับทุกๆ โซนของโลก

สังเหตุ :
ประเทศไทยมี ทุเรียน- มะม่วง - ขนุน - พริก - มะเขือ - ข้าว - ฯลฯ" นับได้กว่า 1,000 สายพันธุ์ ทั้งที่บันทึกไว้ในทำเนียบวิชาการ และที่ไม่ได้บันทึกเพราะตกสำรวจ ..... ผลไม้ตัวหนึ่งแตกเป็นกว่า 1,000 สายพันธุ์ได้ ใครคือผู้สร้าง ในเมื่อคนสมัยเก่าผสมพันธุ์พืชไม่เป็น แต่ที่มันเกิดขึ้นมาได้เพราะธรรมชาตินั่นเอง และนี่คือ "ผลงานของธรรมชาติ" อันมาจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์โลกของประเทศไทย.....ใช่หรือไม่ ?

อเมริกา. ออสเตรเลีย. นำต้นพันธุ์ทุเรียนจากประเทศไทยไปปลูก แต่ผลผลิตที่ออกมา "กินไม่ได้" ทั้งๆ ที่ สองประเทศนี้ "ไฮเทคโนโลยี" ระดับไหน ..... นั่นคือ เทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้นยังไม่สามารถเอาชนะ "เทคโนโลยีธรรมชาติ" ได้..... ใช่หรือไม่

ฮาวายปลูกสับปะรดมากที่สุดในโลก เป็นสับปะรดโรงงาน (สับปะรดกระป๋อง) ที่นั่นมีเทคโนโลยีสับปะรดสูงมากๆ ๆๆ แต่ไม่สามารถสร้างเทคโนโลยีสำหรับปลูกสับปะรดกินสดได้.....ปัจจุบัน สับปะรดฮาวายแทบจะสูญพันธุ์ไปแล้วเพราะไม่มีใครปลูก เนื่องจากใช้เทคโนโลยีแบบ "ขาดสมดุล" การปฏิบัติต่างๆ ต่อสับปะรด ทุกอย่างเป็นแบบ "ตามใจคน" ไม่ใช่ "ตามใจสับปะรด" กอรปกับ ทั่วโลกรู้แล้วว่า สับปะรดสายพันธุ์กินสด แปรรูปเป็นสับปะรดกระป๋องแล้วคุณภาพเหนือกว่าสับปะรดกระป๋องของฮาวาย.....อเมริกา ซุปเปอร์ไฮเทคโนโลยีขนาดไหน ยังปรับปรุงส่ายพันธุ์สับปะรดโรงงานให้มีคุณภาพอย่างสับปะรดกินสดไม่ได้

อเมริกาปลูกถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แล้วได้ผลผลิตมากกว่าของประเทศไทย 5 เท่า นี่ก็เพราะโซนภูมิศาสตร์โลกเหมือนกัน

ออสเตรเลียเลี้ยงวัวนม รีดน้ำนมได้เฉลี่ยตัวละ 40-45 กก./วัน ในขณะที่วัวนมไทย สายพันธุ์มาจากออสเตรเลีย รีดน้ำนมได้เฉลี่ยตัวละ 12-15 กก./วัน ..... นี่ก็เพราะโซนภูมิศาสตร์โลกอีกนั่นแหลชะ



ปุชฉา วิสัชนา :
ประเทศไทยเป็นดินแดนที่มี "กิจกรรมทางการเกษตรด้านพืช" ให้เลือกทำเลือกปลูกได้มากที่สุดในโลก แต่เกษตรกรไทย ไม่รู้จะทำหรือปลูกอะไร

เกษตกรไทยทำเกษตรเป็นอาชีพมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าฟีล่อโก๊ะ โก๊ล่อฝง ครองแผ่นดิน แต่วันนี้เกษตรกรไทยยังทำการเกษตรไม่เป็น.....เหตุผล : ยิ่งทำยิ่งขาดทุน ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ ฉนี้แล้ว จะเรียกว่า "ทำเป็น" ได้อย่างไร ?

อุตสาหกรรมเบียร์ไทย ต้องนำเข้าข้าวมอล์ท. ข้าวบาเล่ย. จากต่างประเทศ โดยส่วนหนึ่งนำมาจาก ลำพูน. เชียงใหม่. เชียงราย. แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ ในเมื่อเขตจังหวัดภาคเหนือของไทยสามารถปลูกได้ (ทุกวันนี้ก็ยังปลูก) แล้วทำไมชาวนาไทยภาคเหนือจึงไม่ปลูกข้าวมอล์ท. ข้าวบาเล่ย์. ทั้งๆ ที่มีตลาดรองรับอยู่แล้ว แต่กลับไปลูกข้าวจ้าว. ข้าวเหนียว. แล้วมาแย่งตลาดกันเอง

เกษตรกรไทย (คนไทย) ไม่รู้จัก "กระบวนการคิด หรือ นวตกรรมทางความคิด"..... เกษตรกรไทย (คนไทย) ยังไม่เข้าใจหลักปรัชญา "เกษตรพอเพียง หรือ เกษตรยั่งยืน หรือเกษตรทฤษฎีใหม่ - เกษตรผสมผสาน - ไร่นาสวนผสม - ฯลฯ" ที่ทำๆ อยู่น่ะ เป็น "เกษตรกระแส" ใช่หรือไม่

ทำไมเกษตรกรไทยจึงไม่แสวงประโยชน์จากโซนภูมิศาสตร์โลก ทำกิจกรรมทางการเกษตรที่เหมาะสมกับโซนภูมิศาสตร์โลก ...... ทำเกษตรเมืองร้อนชื้น ไม่ต้องหลงกระแสไปทำเกษตรเมืองหนาวแห้ง



เป็นห่วงอนาคตลูกหลานน่ะ
ลุงคิมครับผม

ปล.
อย่าเอาแต่พูด "ประชด แดกดัน" ว่า "นิ้วมือคนเราย่อมไม่เท่ากัน" อยู่เลย ในเมื่อทุกอย่างเป็นผลประโยชน์ของคุณเอง..... ทำทั้งๆ ที่ไม่รู้ ไม่เป็น ไม่เคยเห็น แล้วจะประสบความสำเร็จได้ไง.....ทำตามข้างบ้าน ทำแบบเดิมๆ คงไม่มีอะไรดีกว่าเดิม.....

ที่ไร่กล้อมแกล้ม หรือจะซึมซับอะไรจากลุงคิม บอกไว้ก่อนว่า มีแต่ความล้มเหลว และความล้มเหลวนี้น่าจะถือเป็นบทเรียนบทแรก เป็นบทเรียนที่ดีที่สุด ได้....... จะวางแผนทำอะไรให้ศึกษาส่วนที่เป็นหรือจะเป็นปัญหาอุปสรรค พร้อมกับหาหนทางป้องกันแก้ไขก่อนแล้วจึงลงมือทำ คิดดู เมื่อทำแล้วไม่เกิดปัญหาอุปสรรค การทำนั้นย่อมประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน แต่หากทำๆ ๆๆ แล้วเกิดแต่ปัญหาอุปสรรค ยิ่งทำยิ่งมีแต่ปัญหา มีแต่อุปสรรค คุณจะต๊อแต๊ แล้วเลิกราไปทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ นั้นได้อย่างไร

รู้หรือเชื่อไหม :
คนเราแพ้ชนะกันที่โอกาส.....
สังคมปัจจุบันเป็นสังคมแห่งข้อมูลข่าวสาร ใครมีข้อมูลข่าวสารมากกว่าย่อมชนะ....
ความรู้เรียนทันกันหมด ไม่มีใครรู้มาก่อนจากท้องพ่อท้องแม่....
เรียนก่อน รู้ก่อน ทำก่อน ย่อมสำเร็จก่อน.....
มหาวิทยาลัยเกษตรที่ดีที่สุด คือ แปลงเกษตร ครูสอนเกษตรที่ดีที่สุด คือ คนในกระจก....
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 19/07/2010 12:54 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถ้าบริเวณรอบทรงพุ่มของทุเรียนเกิดจากการยุบของดินทำให้เกิดเป็นแอ่ง เวลาฝนตกทำให้เกิดน้ำขังไม่ระบาย เราสามารถนำดินมาใส่เพื่อทำให้ดินในทรงพุ่มทุเรียนสูงขึ้นได้หรือเปล่าครับ ความหนาของดินที่จะใส่เพิ่มประมาณ 30 ซม.

เนื่องจากทุเรียนมีระบบรากผิวดิน เมื่อเรานำดินไปใส่ปริเวณรากหนาๆ ผมกังวลว่าจะเกิดผลเสียมากหว่าผลดี ผู้ใดมีคำแนะนำดีๆบ้างครับ

เดี๋ยวผมจะลงรูปให้ดูลักษณะโคนที่ถามนะครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 19/07/2010 10:24 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)





ฝนตกลงแล้วขังครับพอบ่อยๆเข้าก็จับเป็นตะไคร่สีเขียวๆ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 20/07/2010 10:00 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แนวทางแก้ไข


ทุเรียนต้นเดียว :
ขั้นตอนที่ 1 ...... ทำร่องระบายน้ำออกจากแอ่งบริเวณโคนต้น อาศัยหลักการธรรมาชาติที่น้ำไหลจากที่สูงสู่ที่ต่ำ

ขั้นตอนที่ 2 ...... ใส่เศษพืชแห้ง (ใบไม้ หญ้า) คลุมให้เต็มแอ่งโคนต้น คุลมหนาๆ ยิ่งหนายิ่งดี น่าจะหนาซักท่วมหัวเข่า

ขั้นตอนที่ 3 ...... ใส่ "ดิน + อินทรีย์วัตถุ" อัตรา 1 : 1 คุลมทับเศษพืชแห้ง ความหนาตามความเหมาะสม เมื่อดินส่วนนี้ยุบตัวให้เติมเพิ่มจนโคนต้นเป็นโค้งหลังเต่า


ทุเรียนทั้งแปลง :
ขั้นตอนที่ 1 ..... ใช้แทร็คเตอร์เล็ก ทำร่องระหว่างแถว ให้เป็นร่องระบายน้ำ ร่องนี้อาจจะเลี้ยวไปเลี้ยวมาบ้างก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่า น้ำต้องไหลไปตามร่องนั้นได้

ขั้นตอนที่ 2 ..... นำดินจากการขุดร่องขึ้นมาผสมกับอินทรีย์วัตถุ อัตรา 1 : 1 ถมบริเวณโคนต้น และแนวสันร่อง โดยก่อนถมโคนต้นอาจพิจารณาใส่เศษพืชแห้งรองพื้นหนาๆ ยิ่งหนายิ่ง
ดี ทำได้จะดีมากๆ


หมายเหตุ :
- หลักการนี้เรียกว่า "เตรียมแปลง" ทำครั้งเดียวอยู่ได้ตลอดชีวิต
- ร่องที่ยาวไปตามความยาวของแปลงและตามทางน้ำไหล เรียกว่า ร่องระบายน้ำ หรือ ร่องสะเด็ดน้ำ
- หลักการนี้สามารถใช้กับแปลงเพาะปลูกพืชได้ทุกชนิด
- เป็นยุทธวิธีเอาชนะธรรมชาติด้วยธรรมชาติ
- ทำได้-ได้ทำ ทุเรียนชอบ ปลูกทุเรียนตามใจทุเรียน ไม่ใช่ตามใจคน
- นี่คือ ลงทุนเพื่อลดต้นทุน


อ่าน LINE ธรรมชาติออก อะไรๆก็ทำเองได้
ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©