-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-จะปลูกมันสำปะหลัง ที่ จ.สระแก้ว
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - จะปลูกมันสำปะหลัง ที่ จ.สระแก้ว
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

จะปลูกมันสำปะหลัง ที่ จ.สระแก้ว
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
bombon
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/07/2009
ตอบ: 68

ตอบตอบ: 27/09/2010 12:50 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เคยเข้าอบรม เรื่องมัน 30 ตัน จากอาจารย์ที่เขาได้ทำวิจัย เรื่องจุลินย์ทรีย์ 12 ตระกูลมาครั้งหนึ่ง ต้องลงทุนสูงมาก เรื่องปุ๋ยจุลินทรีย์ ญาตข้างบ้างลงไปไร่ละเกือบหมื่น ได้มาไร่ละ 5 ตัน เกือบร้องไห้ ดีนะที่มีเงินทุนหมู่บ้าน ไว้ทดลองส่วนรวม ใช้มาให้ส่วนหนึ่งเลยหายจ้อยเลย

ตอนนี้ก็ซัดลำไยกันลูกเดียว อีกไม่นาน ลำไยล้นโลก แค่เฉพาะสอยดาว โป่งน้ำร้อน ก็ลงอีกเป็นแสนๆ ต้นแล้ว เฮ้อ....

แล้วตอนนี้ก็ทำออกกันไม่มีหยุดแล้วด้วย 5 บาท อนาคตเชื่อผมเหอะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 27/09/2010 6:10 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

kimzagass บันทึก:
งานเข้า.....

ลองๆ จินตนาการซิ....

1. ถ้าประเทศไทยมีดินเป็นทรายชายหาด เหมือนอิสราเอลที่ดินเป็นทรายทั้งประเทศน่ะ..... คนไทยจะการเกษตรได้อย่างไร ?

2. จากรูปแบบการทำสำปะหลังที่ทำๆกันอยู่นี้ หากปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็น "อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม - ตามความเหมาะสมของสำปะหลัง ณ พื้นที่นั้นๆ" .... จะดีขึ้นไหม ?

3. คิดในแง่ของเศรษฐศาสตร์การลงทุน ถ้า "เพิ่มทุนจากเดิม 25%" แล้วได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 500% หรือ จาก 3 ตัน เพิ่มเป็น 15 ตัน....จะคุ้มกันไหม ?

4. ลดพื้นที่สำปะหลัง แล้วบำรุงสำปะหลังแบบ "ประณีต" ให้ได้สำปะหลังเท่ากับเต็มพื้นที่เดิม จากนั้นเอาพื้นที่ๆเหลือปลูกอย่างอื่น แบบนี้จะเป็นการเพิ่มรายได้ไหม หรือใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดไหม ?

5. ปลูกสำปะหลัง ทำงานทั้งปีได้ขายรอบเดียว เปรียบเทียบกับอย่างอื่นที่ ทำงานทั้งปีได้ขาย 3-4 รอบ อย่างไหนกดีกว่ากัน ?

6. ผลผลิตทางการเกษตรอะไรบ้างที่ ราคาต่อ กก.แพงๆ คนนิยม แล้วทำแบบ "ทำน้อยได้มาก" จะได้ไหม ?

7. ปลูกสำปะหลัง ตลอดอายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงขุด ลงแปลงจริงๆ กี่วัน กับปลูกอย่างอื่นที่ต้องลงแปลงทุกวัน เช้าถึงค่ำ ...... เมื่อลงแปลงสำปะหลังเพียงไม่กี่วันแล้วมีรายได้แค่นั้นก็ถือว่าถูกต้อง กับปลูกพืชที่ต้องลงแปลงทุกวันแต่มีรายได้มากกว่า จะเอาอย่างไหน ..... สรุปก็คือ ทำงานน้อยย่อมได้น้อย ทำงานมากย่อมได้มาก ถูกต้องหรือไม่

8. ทำงานใช้สมองมากกว่ากำลัง กับ ทำงานใช้กำลังมากกว่าสมอง อย่างไหนดีกว่ากัน



ติดเป็น ทำอะไรก็สำเร็จ คิดไม่เป็น ทำอะไรก็ล้มเหลว
ลุงคิมครับผม

ปล.
ทหารนโปเลียน มีกี่ประเภท ?



k.supat... k.bombon....

คุณยังไม่ได้ตอบการบ้านลุงคิมเลยนะ....




สมาชิกท่านอื่นๆด้วย ช่วยกันออกความคิดเห็นหน่อยเป็นไร เป้าประสงค์ คือ "สอนให้คิด ฝึกให้วิเคราะห์ หัดให้วางแผน" ประมาณนี้.....ว่ามั้ย ปัญหาเกษตร รวมทั้งอาชีพอื่นๆ ก็เถอะ รายที่ล้มเหลวน่ะเกิดจากคิดไม่เป็น วิเคราะห์ไม่เป็น วางแผนไม่เป็น แล้วก็ทำตามกระแส ส่วนรายที่ประสบความสำเร็จ บางรายก็ด้วยความฟลุค จะมีสักกี่รายเชียวที่ประสบความสำเร็จด้วยฝีมืออย่างแท้จริง...



ช่วยกันเสนอแนวคิดหน่อยนะ....อย่าเอาแต่อ่านอย่างเดียวน่ะ
ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 27/09/2010 6:26 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

bombon บันทึก:
เคยเข้าอบรม เรื่องมัน 30 ตัน จากอาจารย์ที่เขาได้ทำวิจัย เรื่องจุลินย์ทรีย์ 12 ตระกูลมาครั้งหนึ่ง ต้องลงทุนสูงมาก เรื่องปุ๋ยจุลินทรีย์ ญาตข้างบ้างลงไปไร่ละเกือบหมื่น ได้มาไร่ละ 5 ตัน เกือบร้องไห้ ดีนะที่มีเงินทุนหมู่บ้าน ไว้ทดลองส่วนรวม ใช้มาให้ส่วนหนึ่งเลยหายจ้อยเลย

ตอนนี้ก็ซัดลำไยกันลูกเดียว อีกไม่นาน ลำไยล้นโลก แค่เฉพาะสอยดาว โป่งน้ำร้อน ก็ลงอีกเป็นแสนๆ ต้นแล้ว เฮ้อ....

แล้วตอนนี้ก็ทำออกกันไม่มีหยุดแล้วด้วย 5 บาท อนาคตเชื่อผมเหอะ



ขอเวลาทำภารกิจก่อน ค่ำนี้ลุงคิมจึงจะกลับมาให้ข้อคิดเห็น.....

ก่อนจะค่ำ วอนใครก็ได้ ทั้งที่เป็นสมาชิก (สมัคร-ไม่สมัคร) และที่ไม่ได้เป็น
สมาชิก ออกความคิดเห็น เสนอแนะทางออก วิธีแก้ปัญหา COPY หรือ APPLY
และอื่นๆ ที่เห็นว่าเมาะสม ถูกต้อง


ช่วยกันหน่อยนะพวกเรา
ลุงคิมครับผม


ปล.
ภารกิจวันนี้....ออร์เดอร์ UREGA 200 ล. รับของวันนี้ กับออร์เดอร์ สูตรสะสมตาดอก 100 ล., ระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 อีก 100 ล. , สารสกัดสมุนไพร 60 ล. ....รับของวันศุกร์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
somchai
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 21/07/2009
ตอบ: 1290

ตอบตอบ: 27/09/2010 7:59 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)







หากต้องลงทุน ไร่ละเกือบหมื่นแบบคุณ bombom ว่าลงทุนติดสปริงเกอร์แบบนี้แล้ว
หากต้องซื้อน้ำ ก็ต้องซื้อ แบบไหนจะดีกว่ากันครับ


สมชาย กลิ่นมะพร้าว
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
supat
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 31/08/2009
ตอบ: 27

ตอบตอบ: 27/09/2010 9:41 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ขอขอบคุณลุงคิม และทุกๆ ท่านที่ให้คำแนะนำครับ

1. เรื่องต้นหญ้า ที่ขึ้นอยู่นั้นเป็นต้นไมยราพยักษ์ และต้นที่ใบมีกลิ่นเหม็น
ผมไม่รู้ว่าเรียกว่าต้นอะไร (ที่ลุงคิมนำไปต้มทำสมุนไพร ไล่แมลง )

2. เรื่องกำจัดต้นหญ้า ผมไม่อยากใช้สารเคมี แต่เคยคิดที่จะใช้รถไถแทรกเตอร์
ที่มีพลานไถติดท้าย ซึ่งได้ถามรถไถย่านนั้นแล้วไม่มี และก็ไม่ทราบราคา ซึ่ง
ก็จะไม่รู้ว่าจะคุ้มกันหรือไม่ (ต้นทุนต้องสูงกว่าแน่นอน )

3. เคยลองเอารถอีเต็ก (เป็นรถล้อเหล็ก 2 ล้อ ใช้เครื่องคูโบต้า คนเดินตาม
แล้วใส่พลานคลาด ลงไปได้ไม่นานล้อก็ติด จนคนรับจ้างท้อ

4. ตอนนี้คิดว่าคงรอต่อไปจนกว่าฝนจะหยุดตกก่อน และสามารถลงไถกลบ
ต้นหญ้า ได้จึงจะเริ่มทำ

5. พืชและผัก ก็น่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ติดปัญหาด้านคนงาน

ขอบคุณครับ
จาก SUPAT


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย supat เมื่อ 28/09/2010 9:38 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
bombon
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/07/2009
ตอบ: 68

ตอบตอบ: 27/09/2010 2:47 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

kimzagass บันทึก:
kimzagass บันทึก:
งานเข้า.....

ลองๆ จินตนาการซิ....

1. ถ้าประเทศไทยมีดินเป็นทรายชายหาด เหมือนอิสราเอลที่ดินเป็นทรายทั้งประเทศน่ะ..... คนไทยจะการเกษตรได้อย่างไร ?
1.ทุน
2.น้ำ
3.พันธุ์
4.ตลาด
5.ความรู้ ..... 9 ล 9

2. จากรูปแบบการทำสำปะหลังที่ทำๆกันอยู่นี้ หากปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็น "อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม - ตามความเหมาะสมของสำปะหลัง ณ พื้นที่นั้นๆ" .... จะดีขึ้นไหม ?
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้ ..... 9 ล 9

3. คิดในแง่ของเศรษฐศาสตร์การลงทุน ถ้า "เพิ่มทุนจากเดิม 25%" แล้วได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 500% หรือ จาก 3 ตัน เพิ่มเป็น 15 ตัน....จะคุ้มกันไหม ?
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้ ..... 9 ล 9

4. ลดพื้นที่สำปะหลัง แล้วบำรุงสำปะหลังแบบ "ประณีต" ให้ได้สำปะหลังเท่ากับเต็มพื้นที่เดิม จากนั้นเอาพื้นที่ๆเหลือปลูกอย่างอื่น แบบนี้จะเป็นการเพิ่มรายได้ไหม หรือใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดไหม ?
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้ ..... 9 ล 9

5. ปลูกสำปะหลัง ทำงานทั้งปีได้ขายรอบเดียว เปรียบเทียบกับอย่างอื่นที่ ทำงานทั้งปีได้ขาย 3-4 รอบ อย่างไหนกดีกว่ากัน ?
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้ ..... 9 ล 9

6. ผลผลิตทางการเกษตรอะไรบ้างที่ ราคาต่อ กก.แพงๆ คนนิยม แล้วทำแบบ "ทำน้อยได้มาก" จะได้ไหม ?
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้ .... 9 ล 9

7. ปลูกสำปะหลัง ตลอดอายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงขุด ลงแปลงจริงๆ กี่วัน กับปลูกอย่างอื่นที่ต้องลงแปลงทุกวัน เช้าถึงค่ำ ...... เมื่อลงแปลงสำปะหลังเพียงไม่กี่วันแล้วมีรายได้แค่นั้นก็ถือว่าถูกต้อง กับปลูกพืชที่ต้องลงแปลงทุกวันแต่มีรายได้มากกว่า จะเอาอย่างไหน ..... สรุปก็คือ ทำงานน้อยย่อมได้น้อย ทำงานมากย่อมได้มาก ถูกต้องหรือไม่
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้ ..... 9 ล 9

8. ทำงานใช้สมองมากกว่ากำลัง กับ ทำงานใช้กำลังมากกว่าสมอง อย่างไหนดีกว่ากัน
.......


ติดเป็น ทำอะไรก็สำเร็จ คิดไม่เป็น ทำอะไรก็ล้มเหลว
ลุงคิมครับผม

ปล.
ทหารนโปเลียน มีกี่ประเภท ?



k.supat... k.bombon....

คุณยังไม่ได้ตอบการบ้านลุงคิมเลยนะ....




สมาชิกท่านอื่นๆด้วย ช่วยกันออกความคิดเห็นหน่อยเป็นไร เป้าประสงค์ คือ "สอนให้คิด ฝึกให้วิเคราะห์ หัดให้วางแผน" ประมาณนี้.....ว่ามั้ย ปัญหาเกษตร รวมทั้งอาชีพอื่นๆ ก็เถอะ รายที่ล้มเหลวน่ะเกิดจากคิดไม่เป็น วิเคราะห์ไม่เป็น วางแผนไม่เป็น แล้วก็ทำตามกระแส ส่วนรายที่ประสบความสำเร็จ บางรายก็ด้วยความฟลุค จะมีสักกี่รายเชียวที่ประสบความสำเร็จด้วยฝีมืออย่างแท้จริง...



ช่วยกันเสนอแนวคิดหน่อยนะ....อย่าเอาแต่อ่านอย่างเดียวน่ะ
ลุงคิมครับผม

สรุปชาวบ้านส่วนใหญ่ยังขาดสิ่งเหล่านี้
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้

9ล9
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 28/09/2010 9:47 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

bombon บันทึก:
เคยเข้าอบรม เรื่องมัน 30 ตัน จากอาจารย์ที่เขาได้ทำวิจัย เรื่องจุลินย์ทรีย์ 12 ตระกูลมาครั้งหนึ่ง ต้องลงทุนสูงมาก เรื่องปุ๋ยจุลินทรีย์ ญาตข้างบ้างลงไปไร่ละเกือบหมื่น ได้มาไร่ละ 5 ตัน เกือบร้องไห้ ดีนะที่มีเงินทุนหมู่บ้าน ไว้ทดลองส่วนรวม ใช้มาให้ส่วนหนึ่งเลยหายจ้อยเลย

ตอนนี้ก็ซัดลำไยกันลูกเดียว อีกไม่นาน ลำไยล้นโลก แค่เฉพาะสอยดาว โป่งน้ำร้อน ก็ลงอีกเป็นแสนๆ ต้นแล้ว เฮ้อ....

แล้วตอนนี้ก็ทำออกกันไม่มีหยุดแล้วด้วย 5 บาท อนาคตเชื่อผมเหอะ





ไม่ใช่ความผิดของผู้ไปสอน เพราะ....
1. หัวข้อการสอนว่าด้วยเรื่อง "จุลินทรีย์" โดยเฉพาะ
2. งบประมาณสำหรับให้ความรู้เรื่อง "จุลินทรีย์" โดยเฉพาะ
3. ความรู้ความเชี่ยวชาญของผู้มาสอนเกี่ยวกับ "จุลินทรียื" โดยเฉพาะ
4. ผู้สอนไม่ได้สอนหัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสำปะหลังเพราะไม่มีเวลา และไม่ใช่หน้าที่



แต่เป็นความผิดของคนเรียน เพราะ....
1. คนเรียนไม่มีความรู้ขั้นพื้นฐานด้านการปลูกสำปะหลัง โดยไม่รู้ว่าปัจจัยเพื่อการเพาะปลูก (ทุกพืช รวมทั้งสำปะหลังด้วย) มิได้มีเพียง "จุลินทรีย์" อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น ปุ๋ย. ฮอร์โมน. ดิน. น้ำ. แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล. สายพันธุ์. โรค. เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ชนิดที่ไม่มีทางปฏิเสธ

2. คนเรียนไม่เห็นความสำคัญของการเรียนรู้ เมื่อผู้สอนพูดว่า "จุลินทรีย์ดีต่อสำปะหลัง อย่างนั้นอยางนี้" เท่านั้นแหละ ผู้เรียนจับไปกระเดียดทันที จับยึด-ยึดติด เอาจุลินทรีย์อย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่ใส่ใจสนใจต่อปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสำปะหลังเลย

3. นักเรียน เรียนที่โรงเรียน ตั้งแต่ชั้นประถมถึงจบมหาวิทยาลัย ต้องเรียนหลากหลายวิชา แล้วทุกวิชาต่างก็เกี่ยวประสานกัน จึงจะเหมาะสมต่อการนำมาใช้เพื่อการประกอบอาชีพได้ ฉันใด....เรื่องการเพาะปลูกพืชล่ะ ทำไมจึงเรียนแต่เรื่องจุลินทรีย์เพียงเรื่องเดียว นั่นคือ ต้องเรียนรู้ให้รู้อย่างแท้จริงในทุก "หัวข้อปัจจัยเพื่อการปลูกสำปะหลัง" จึงจะทำสำปะหลังได้ประสบความสำเร็จ ฉันนั้น....

4. ไปเรียนไปฟัง เพราะ "ไปประชุมได้ตังค์ ไปฟังได้เงิน" ใช่หรือไม่ ?




อาการหนักนะ ประเทศไทยวันนี้
ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 03/10/2010 9:15 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ธนสิทธิ์ เหล่าประเสริฐ รายงาน

สมัย ลิ้มวัชราภรณ์ ทำน้ำหยดในไร่มันสำปะหลัง ที่โนนสุวรรณ เพิ่มผลผลิต หยุดเพลี้ยแป้ง

เพราะได้แรงบันดาลใจจากผู้เป็นบิดา คือ คุณประกอบ ลิ้มวัชราภรณ์ ที่ได้นำระบบน้ำหยดเข้ามาใช้กับการปลูกแตงกวา และข้าวโพด จนได้ผลสำเร็จเป็นอย่างดี จึงทำให้ คุณสมัย ลิ้มวัชราภรณ์ ผู้เป็นลูกชาย และเป็นสมาชิกของสหกรณ์การเกษตรโนนสุวรรณ จำกัด เลขทะเบียน 936 อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 5 บ้านหนองตาเฮียง ตำบลดงอีจาน อำเภอโนนสุวรรณ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำระบบน้ำหยดเข้ามาในแปลงปลูกมันสำปะหลังจนประสบความสำเร็จ

ในวันนี้ บนพื้นที่ 20 ไร่ ในครอบครองของคุณสมัย ที่เน้นการปลูกมันสำปะหลังด้วยระบบน้ำหยด จึงกลายเป็นแปลงสาธิตการผลิตมันสำปะหลังระบบน้ำหยด เปิดให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่สนใจ ได้เข้าไปศึกษาเรียนรู้ในทุกขั้นตอนของการปฏิบัติ

คุณสมัย บอกว่า ได้ปลูกมันสำปะหลังมาเป็นเวลาประมาณ 13 ปีแล้ว โดยในครั้งที่ยังปลูกมันสำปะหลังแบบเดิมจะได้ผลผลิตเพียง 3-4 ตัน ต่อไร่ มีรายได้จากการขายหัวมันไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตเท่าไรนัก

แต่ในวันนี้ เมื่อปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบการปลูกแบบน้ำหยด ทำให้ได้ผลผลิตหัวมันสดที่ดีขึ้นมาก โดยเฉลี่ยที่ไร่ละประมาณ 7-8 ตัน ทีเดียว

"สิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ได้จากการนำระบบน้ำหยดมาใช้ในการปลูกมันสำปะหลังนั้น มีด้วยกันหลายประการ ทั้งประหยัดเวลาในการดูแล ผลิตมันได้มากขึ้น ลดการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังได้ และมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย" คุณสมัย กล่าว

"อย่างเพลี้ยแป้งนั้นเห็นได้ชัดเลยว่า มีอัตราการระบาดลดลงอย่างมาก ตั้งแต่มีระบบน้ำหยด โดยจากเดิมนั้น ไร่มันสำปะหลังจะต้องได้รับความเสียหายจากการระบาดของเพลี้ยแป้ง ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 แต่เมื่อนำระบบน้ำหยดมาใช้แล้ว การระบาดลดลงเหลือเพียง ร้อยละ 10 เท่านั้น"

คุณสมัย ยังกล่าวถึงรายได้ที่ได้รับว่า ในช่วงที่ผ่านมาขายมันสำปะหลังได้ กิโลกรัมละ 2.50-3 บาท เฉลี่ยไร่ละ 24,000 บาท หากรวมทั้ง 20 ไร่ จะมีรายได้ประมาณ 480,000 บาท นอกจากนี้ ยังสามารถขายท่อนพันธุ์ได้อีก ต้นละ 2 บาท เฉลี่ยแล้วไร่หนึ่งจะมีรายได้จากการขายท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง ประมาณ 3,000 บาท

แต่อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมมองหนึ่งของคุณสมัยที่ทำให้ระบบการปลูกมันสำปะหลังด้วยระบบน้ำหยดยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร ทั้งที่มีเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเข้ามาดูงานอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ ปัญหาการขาดเงินลงทุน การขาดแคลนแหล่งน้ำและปัญหาระบบไฟฟ้าเข้าไม่ถึงพื้นที่ปลูก

"สำหรับระบบการทำน้ำหยดในไร่มันนั้น จะต้องใช้ต้นทุนประมาณ 7,000 บาท ต่อไร่" คุณสมัย บอกกล่าวถึงต้นทุนที่ต้องเตรียมการไว้

ในไร่มันสำปะหลังพันธุ์ห้วยบง 60 ทั้ง 20 ไร่ ในวันนี้ของคุณสมัย จึงมีระบบน้ำหยดวางอยู่ทั่วทั้งแปลง ซึ่งหมายถึงว่าต้องใช้เงินทุนสำหรับการนี้ประมาณ 140,000 บาท

"ทั้งนี้ จะเป็นการลงทุนในครั้งแรกมากที่สุด เพราะต้องซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าเครื่องสูบน้ำ ท่อน้ำ และอื่นๆ แต่หลังจากนั้นจะลงทุนน้อยลง โดยเฉพาะอยู่ที่ไร่ละ 3,000 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ จะมีค่าไฟฟ้าอีกปีละ 6,000 บาท และค่าปุ๋ยหมักชีวภาพที่ให้ไปพร้อมกับระบบน้ำอีก เฉลี่ยไร่ละ 1,500 บาท"

"แต่เราจะมีรายได้จากการขายหัวมันสำปะหลังและท่อนพันธุ์ เฉลี่ยปีละ 2 ครั้ง โดยอายุของต้นมันที่ขุดได้นั้น อยู่ที่ประมาณ 6-7 เดือน จากที่ผมทำมานั้นเพียงแค่ขุดหัวมันขายในรอบแรก เราก็สามารถคืนทุนได้แล้ว ส่วนรอบ 2 นั้นถือว่าเป็นกำไร" คุณสมัย กล่าว

สำหรับระบบน้ำหยดของคุณสมัยนั้น จะใช้น้ำจากบ่อน้ำที่ขุดไว้ ซึ่งเป็นบ่อน้ำซับ สามารถมีน้ำใช้ได้ตลอดทั้งปี ซึ่งพื้นที่บ่อมีความจุประมาณ 1,260 ลูกบาศก์

ให้ปุ๋ยทางน้ำไว้ด้วย โดยใช้อุปกรณ์ง่ายๆ คือ นำปุ๋ยชีวภาพมาผสมกับน้ำและคนให้เข้ากันในถังพลาสติคใบใหญ่ และจะต่อสายยางในรูปแบบของกาลักน้ำ เพื่อนำปุ๋ยที่ผสมแล้วเข้าไปสู่ระบบท่อที่สูบน้ำจากบ่อ ปุ๋ยดังกล่าวจะไหลไปตามท่อเมนที่วางยาวไว้กลางไร่มันสำปะหลัง ซึ่งจะมีการต่อท่อน้ำหยดในลักษณะก้างปลากระจายไปทั่วทุกแถวของต้นมันสำปะหลัง

"ระบบท่อน้ำหยดนี้ สามารถหาซื้อได้จากร้านจำหน่ายวัสดุทางการเกษตรทั่วไป คุณสมัยจะวางเครื่องสูบน้ำที่จะมีการวางระบบซึ่งเป็นสายสำเร็จรูป เราเพียงนำมาวางในไร่มัน โดยวางไปตามร่องปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งระยะของรูที่เจาะเพื่อปล่อยให้น้ำหยดออกมานั้น จะอยู่ห่างกันประมาณ 10 เซนติเมตร" คุณสมัย กล่าว

สำหรับท่อน้ำหยดที่วางไปตามร่องปลูกต้นมันสำปะหลังนั้น คุณสมัย บอกว่า จะวางท่อไปพร้อมกับการนำต้นพันธุ์มาปลูก พอเมื่อจะเก็บเกี่ยวขุดหัวมันปะหลังขึ้นมาขาย จะดำเนินการรื้อท่อออกก่อน แล้วจึงเริ่มขุด ส่วนท่อที่รื้อมานั้นจะเก็บไว้ใช้งานในครั้งต่อไป

ทั้งนี้ สำหรับท่อน้ำหยดที่วางไว้ในไร่มันสำปะหลังนั้น คุณสมัย บอกว่า จะมีอายุการใช้งานได้นานประมาณ 3-4 ปี

"โดยจะให้น้ำหยดแก่ต้นมันสำปะหลังที่ปลูก สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ชั่วโมง"

ในส่วนของการให้ปุ๋ยนั้น ครั้งแรกคุณสมัยบอกว่า จะให้ปุ๋ยชีวภาพในช่วงก่อนการไถกลบ เมื่อต้นมันสำปะหลังอายุได้ประมาณ 3 เดือน จะให้ปุ๋ยสูตรระเบิดหัว และในเดือนที่ 5 จะให้ปุ๋ยสูตรระบิดหัวอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ จะใช้ปุ๋ย 7 กระสอบ และเมื่อต้นมันสำปะหลังอายุได้ประมาณ 7 เดือน จะขุดหัวขึ้นมาขาย

"พอผมมาใช้ระบบน้ำหยดแบบนี้ ในเรื่องของการเก็บเกี่ยวก็เร็วขึ้น จากเดิมหากปลูกตามธรรมชาติ การดูแลจะต้องปล่อยให้ต้นเติบโตนาน 12 เดือน จึงขุดหัวมันขึ้นมาได้ แต่พอมาใช้ระบบน้ำหยดสามารถย่นระยะเวลาได้มากขึ้น เหลือเพียง 7 เดือน ก็สามารถขุดหัวมันขายได้แล้ว ที่สำคัญได้หัวมันที่ใหญ่ น้ำหนักดีขึ้นกว่าเดิมมากด้วย" คุณสมัย กล่าว

"ในการทำไร่มันสำปะหลังด้วยระบบน้ำหยดนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าที่อื่นจะมีใครทำหรือไม่ แต่จากที่ผมได้ทำมา รับรองได้เลยว่า สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีมากจริงๆ" คุณสมัย กล่าวในที่สุด

สำหรับผู้สนใจ ต้องการไปศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ระบบน้ำหยดในมันสำปะหลัง สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานสหกรณ์การเกษตรโนนสุวรรณ จังหวัดบุรีรัมย์ โทร. (044) 607-187 ซึ่งทางสหกรณ์พร้อมที่จะให้คำแนะนำและนำเยี่ยมชมแปลงสาธิตการปลูกมันสำปะหลังน้ำหยด เพื่อช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังสามารถนำไปปรับใช้จนประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับ คุณสมัย ลิ้มวัชราภรณ์



เร่งสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ ตั้งเป้ารุ่นแรก 2,000 คน

คุณธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย ส่งผลต่อภาคแรงงานไทยเป็นอย่างมาก ผู้ใช้แรงงานจำนวนมากถูกเลิกจ้าง โดยในปีที่ผ่านมามีแรงงานถูกเลิกจ้างไปแล้ว จำนวน 163,726 คน ทั้งชายและหญิง และโรงงานปิดกิจการไปแล้วอย่างน้อย 1,000 แห่ง ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การเลิกจ้างในภาคต่างๆ ทำให้ผู้ใช้แรงงานจำนวนหนึ่งได้รับความเดือดร้อน

"ซึ่งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาเร่งรัด และดำเนินการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ถูกเลิกจ้างดังกล่าว โดยการสนับสนุนให้ผู้ถูกเลิกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ที่ควรจะได้ตามกฎหมายโดยเร็ว เช่น การหางานทำใหม่ การส่งเสริมอาชีพอิสระ การสร้างงาน และการเพิ่มพูนทักษะในการปรับเปลี่ยนอาชีพ ทำให้มีผู้ถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมากที่มีศักยภาพในเรื่องการบริหารจัดการตลาด และการผสมผสานเทคโนโลยีเป็นอย่างดี มีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงอาชีพจากการเป็นแรงงานในสถานประกอบการมาประกอบอาชีพเกษตรกรรม"

แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่า ยังมีปัญหาเรื่องขาดความรู้ ขาดทักษะ และไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้สนใจขาดโอกาสในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเป็นอาชีพพื้นฐานของสังคมไทย ที่สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่แผ่นดิน และสร้างความยั่งยืนของแหล่งผลิตอาหารเพื่อบริโภคและส่งออกให้แก่ประเทศ

"ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้เตรียมจัดงาน "งานชุมนุมเกษตรกรรุ่นใหม่ สร้างเกษตรไทยยั่งยืน" เป็นโครงการที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดโครงการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงานฯ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปฏิรูปที่ดินจังหวัด ยุวเกษตรกร ปราชญ์เกษตรกรและเกษตรกรรุ่นใหม่ ภายใต้โครงการสร้างและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ จำนวนประมาณ 2,000 คน"

คุณเฉลิมพร พิรุณสาร เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการสร้างและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ มีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ตั้งแต่ ปี 2551-2555

"โดยจะรณรงค์สร้างแรงจูงใจให้บุคคลที่สนใจประกอบอาชีพเกษตรกรรม เห็นความสำคัญและสนใจเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลัยประมง และวิทยาลัยการอาชีพ ภายใต้หลักสูตรเฉพาะ ที่ให้การศึกษาภาคทฤษฎี และปฏิบัติในการฝึกทักษะ ตลอดจนการคัดเลือกยุวเกษตรกรที่สำเร็จการศึกษาภาคบังคับเข้าศึกษาต่อในระดับวิทยาลัย"

นอกจากนี้ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้ลงนามความร่วมมือโครงการพัฒนาเกษตรกรมืออาชีพยุคใหม่กับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ในการพัฒนาเกษตรอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเกษตรกรขาดความรู้ในการประกอบอาชีพ ผ่านกระบวนการสร้างและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 3 หลักสูตร ได้แก่

1. หลักสูตรการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ ระยะเวลา 3 เดือน กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ว่างงาน แรงงานเลิกจ้าง ผู้ที่จบการศึกษาด้านเกษตรกรรมหรือผู้สนใจ ในปี 2553 มีผู้ที่ผ่านการอบรมในหลักสูตรดังกล่าว 2 รุ่น จำนวน 550 ราย

2. หลักสูตรพัฒนาเกษตรยั่งยืน กลุ่มเป้าหมายคือ เกษตรกรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และมีที่ดินแล้ว หรือมีบุตรหลานเกษตรกรในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินหรือนอกเขต ในปี 2553 มีผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 6,570 ราย

3. หลักสูตรเกษตรกรมืออาชีพยุคใหม่ (ปวส. สาขาเกษตรกรรม)


http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05036011053&srcday=&search=no
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Soup
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 01/09/2010
ตอบ: 181
ที่อยู่: อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี

ตอบตอบ: 04/10/2010 4:24 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

มาตามคาถาเรียกพรายของลุงคิม Very Happy

คำพูด:

งานเข้า.....

ลองๆ จินตนาการซิ....

1. ถ้าประเทศไทยมีดินเป็นทรายชายหาด เหมือนอิสราเอลที่ดินเป็นทรายทั้งประเทศน่ะ..... คนไทยจะการเกษตรได้อย่างไร ?

2. จากรูปแบบการทำสำปะหลังที่ทำๆกันอยู่นี้ หากปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็น "อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม - ตามความเหมาะสมของสำปะหลัง ณ พื้นที่นั้นๆ" .... จะดีขึ้นไหม ?

3. คิดในแง่ของเศรษฐศาสตร์การลงทุน ถ้า "เพิ่มทุนจากเดิม 25%" แล้วได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 500% หรือ จาก 3 ตัน เพิ่มเป็น 15 ตัน....จะคุ้มกันไหม ?

4. ลดพื้นที่สำปะหลัง แล้วบำรุงสำปะหลังแบบ "ประณีต" ให้ได้สำปะหลังเท่ากับเต็มพื้นที่เดิม จากนั้นเอาพื้นที่ๆเหลือปลูกอย่างอื่น แบบนี้จะเป็นการเพิ่มรายได้ไหม หรือใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดไหม ?

5. ปลูกสำปะหลัง ทำงานทั้งปีได้ขายรอบเดียว เปรียบเทียบกับอย่างอื่นที่ ทำงานทั้งปีได้ขาย 3-4 รอบ อย่างไหนกดีกว่ากัน ?

6. ผลผลิตทางการเกษตรอะไรบ้างที่ ราคาต่อ กก.แพงๆ คนนิยม แล้วทำแบบ "ทำน้อยได้มาก" จะได้ไหม ?

7. ปลูกสำปะหลัง ตลอดอายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงขุด ลงแปลงจริงๆ กี่วัน กับปลูกอย่างอื่นที่ต้องลงแปลงทุกวัน เช้าถึงค่ำ ...... เมื่อลงแปลงสำปะหลังเพียงไม่กี่วันแล้วมีรายได้แค่นั้นก็ถือว่าถูกต้อง กับปลูกพืชที่ต้องลงแปลงทุกวันแต่มีรายได้มากกว่า จะเอาอย่างไหน ..... สรุปก็คือ ทำงานน้อยย่อมได้น้อย ทำงานมากย่อมได้มาก ถูกต้องหรือไม่

8. ทำงานใช้สมองมากกว่ากำลัง กับ ทำงานใช้กำลังมากกว่าสมอง อย่างไหนดีกว่ากัน



ติดเป็น ทำอะไรก็สำเร็จ คิดไม่เป็น ทำอะไรก็ล้มเหลว
ลุงคิมครับผม

ปล.
ทหารนโปเลียน มีกี่ประเภท ?


ข้อ 1 ถ้าดินเป็นทรายทั้งประเทศสงสัยจะเจ๊งครับ แต่ถ้าดินเป็นสัก 1/4 ของประเทศก็พอไหว ให้อีก 3/4 ทำปุ๋ยน้ำและปุ๋ยแห้ง ส่งให้ 1/4 ใช้ครับ

ข้อ 2 อินทรีย์นำ เคมีเสริม อันนี้เห็นด้วยว่าดีกับตอนนี้ครับ แต่ถ้าเราสามารถจัดการระบบการหมุนเวียนของธาตุอาหารพืชได้ดี (ตอนนี้กำลังงมหาทางอยู่ครับ) ก็คงจะดีกว่าครับ (สำหรับสถานการณ์ในอนาคต)

ข้อ 3 คุ้มแน่นอนครับ

ข้อ 4 ความประณีตเป็นสิ่งที่คนปัจจุบันไม่ค่อยจะมีกันแล้วครับ ทำเอาความมากเป็นหลัก จริง ๆ แล้วเราทำอย่างละน้อย ๆ แต่ทำให้ดีมันให้ผลคุ้มค่ามากกว่า แต่ต้องมีคนช่วยกันทำแบบนี้เยอะ ๆ ครับ ไม่งั้นมันอยู่คนเดียวไม่ได้

ข้อ 5 ปลูกอะไรหมุนเวียนให้มีรายได้ทั้งปีย่อมดีกว่าครับ ลุงนิล(ชุมพร)ปลูกหลายอย่าง มาก ๆ ตั้งแต่ กระชาย กล้วย ไม้ผล เลี้ยงหมู ฯลฯ มีพืชรายได้ รายวัน รายอาทิตย์ รายเดือน และรายปี และบำนาญ(ในรูปของต้นไม้เนื้อแข็ง) ผมยังทำไม่ได้ครับ Sad

ข้อ 6 เงาะตัดในสวนบางปีกิโลละ 5-6 บาท ถ้าเปลี่ยนเงาะให้เป็นปุ๋ยน้ำ คงจะได้กำไรมากกว่าโขเลยล่ะครับ

ข้อ 7 ถูกครับลุง


ข้อ 8 ใช้ทั้งสมองและกำลังดีที่สุดครับ เมื่อก่อนผมใช้สมองอย่างเดียว ทำให้ร่างกายทรุดโทรมเพราะขาดการออกกำลังกาย การไหลเวียนของเลือดไม่ดี กลับทำให้สมองอ่อนแอลง ใช้กำลังอย่างเดียวไม่ใช้สมองทำให้ทำงานไม่ถูกทิศทางเกิดประโยชน์น้อย แต่ถ้าใช้ทั้งสองอย่างจะเกิดประโยชน์สูงสุดครับ

ข้อ 9 ไว้วันหลังมีความคิดอะไรเพิ่มจะมาต่อครับ ^_^
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
mongkol
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 29/06/2010
ตอบ: 134

ตอบตอบ: 08/10/2010 11:08 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สำปะหลังไร่ละ 30 ตัน

...... ถ้าอ่านในลิงค์ทีเชื่อมต่อจะพบว่า มีสิ่งผิดปกติและยังมีผู้โต้แย้ง เช่น โดยนำบทความของ ดร.โอภาส ทีเป็นนักวิชาการตัวจริง ที่ระยอง ....... อย่างไรก็อ่าน ข้อมูลให้ครบก่อน

ผมเห็นอย่างหนึ่งที่ผิดปกติ คือ การใช้ "ไรโซเบียม" กับมันสำปะหลัง นี่มันเพ้อฝันปนมั่ว ในความเขลาแล้วอวดรู้

ไรโซเบียม.เลือกอาศัยเฉพาะพืชตระกูลถั่ว ไม่ได้อาศัยมั่วๆ ๆๆ ทุกพืช อ่านอะไรควรวิเคราะห์โดยละเอียด

อย่าเชื่ิอง่ายๆๆ ถ้าสังเกตุดูในความเห็นที 10 เขาเอาบทความโดยละเอียดมาลง มีเหตุผลครบ แต่คนพาลไปว่าเขาที่แสดงตัวเป็นเกษตรกรเช่นกัน จนท้ายมีการโจมตีกระดานจนล่ม

ผมมีความเห็นโดยส่วนตัว พื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง และอ้อยจะทับซ้อน และแย่งกันดังนั้น การชักจูงให้เกษตรกรเลือกปลูกอะไร ย่อมเป็นรายได้ของอุตสาหกรรมนั้น จึงมีอัตราผลตอบแทนต่อไร่สูงๆๆ มายั่วน้ำลายกันเสมอ

สงสัยอะไรโทรมาคุยได้ (089)144-1112 หรือฝากเบอร์ให้โทรกลับก็ได้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2
หน้า 2 จากทั้งหมด 2

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©