-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร วิทยุ 4 MAR *สารสมุนไพร (16), แตงโมสู้ภัยแล้ง
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร วิทยุ 4 MAR *สารสมุนไพร (16), แตงโมสู้ภัยแล้ง
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร วิทยุ 4 MAR *สารสมุนไพร (16), แตงโมสู้ภัยแล้ง

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 05/03/2016 7:28 am    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร วิทยุ 4 MAR *สารสมุนไพร (16), แตงโมสู้ภัย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางรายการวิทยุ 4 MAR

AM 594 เวลา 06.30-07.00 (ทุกวัน) และ 08.10-09.00 (จันทร์-ศุกร์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...

* บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

http://kasate.site88.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1
* ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

http://www.mysuccessagro.com
* บ.มายซัคเซส อะโกร---ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
7) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

----------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)


มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
...... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .......
...... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .......

-----------------------------------------------------------




เกษตรานุสติ :
- ไม่มีพืชใดในโลกที่ไม่มีศัตรูพืชประจำเผ่าพันธุ์ วันนี้ไม่มีเพราะยังไม่มา
- ไม่มีสารเคมีใดๆ ไม่มีสารสมุนไพรใดๆ ในโลกนี้ สามารถทำให้ส่วนของพืชที่ของศัตรูพืชทำลายไปแล้ว ฟื้นคืนดีอย่างเดิมได้ เสียแล้วเสียเลย นั่นคือ เสียพืชไปแล้ว ยังต้องเสียเงิน ค่าสาร เคมี ค่าสารสมุนไพร ค่าแรง ค่าเวลา และค่าเครดิตความน่าเชื่อถืออีกด้วย

- ใช้สารเคมี 1 ครั้ง ความสูญเสีย ความเสียหาย มากกว่าใช้สารสมุนไพร 100 ครั้ง
- สหรัฐ ซื้อลิขสิทธิ์ ราติโนน ในหนอนตายหยาก, เยอรมัน ซื้อลิขสิทธิ์ อะแซดิแร็คติน ในสะเดา, ฝรั่งเศส ซื้อลิขสิทธิ์ แค็ปไซซิน ในพริก .... เอาไปทำอะไร ? ทำไมไทยไม่ทำบ้าง ? คนที่จะทำได้ต้องเรียนจบปริญญาด้วยเหรอ ?

- หลากหลายวิธีทำให้ได้สารออกฤทธิ์หรือตัวยา ผู้ที่จะให้คำปรึกษาได้ดีที่สุด คือ “ซินแส” หรือแพทย์แผนไทย หรือองค์การเภสัชกรรม หรือ ร.พ.อภัยภูเบศร์
---------------------------------------------------------


สารสมุนไพร (16)

สูตร 51. ขี้เลื่อย

ใช้ “ขี้เลื่อยไม้จริงแห้งเก่า 1 ส่วน + รำละเอียด 1 ส่วน + กากน้ำตาล 1 ส่วน” คลุกเคล้านวดให้เข้ากันดีจนเหนียว เป็นเหยื่อล่อ โดยนำไปวางไว้บนพื้นดินตามแหล่งที่มีหนอนกระทู้ระบาดอย่างรุน แรง
ศัตรูพืชเป้าหมาย :
ตกค่ำเมื่อหนอนกระทู้ได้กลิ่นกากน้ำตาลจะมากินเหยื่อล่อด้วยความเอร็ดอร่อยจนเดินไม่ไหว กับถูกความเหนียวที่เหยื่อล่อจับติดตามตัวไปไหนไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องถูกแดดเผาตายหรือตกเป็นเหยื่อของนกและมดต่อไป

สูตร 52. รำละเอียด
ใช้ “รำละเอียด 100 กรัม + น้ำตาลปี๊บ 10 กรัม + ผงดอกเบญจมาสแห้ง 100 กรัม” คลุกเคล้านวดให้เข้ากันดีจนเหนียว
ศัตรูพืชเป้าหมาย :
ใช้เป็นเหยื่อล่อหนอนกระทู้เข้ามากิน กินแล้วก็ตาย

สูตร 53. ขี้เถ้า + ปูนขาว
ใช้ “ขี้เถ้าไม้ ½ ถ้วย + ปูนขาว ½ ถ้วย + น้ำ 4 ล.” คนให้ละลายดีแล้วทิ้งให้นอนก้น ได้ “หัวเชื้อน้ำใส” พร้อมใช้งาน .... ใช้ “หัวเชื้อน้ำใส 20 ซีซี./น้ำ 20 ล.” ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบ ช่วงใกล้ค่ำ ทุก 5-7 วัน
ศัตรูพืชเป้าหมาย :
หนอนแมลงวันผลไม้, เต่าแดง

สูตร 54. ยาน็อคหนอน
ใช้ “หัวกลอยสด + เมล็ดน้อยหน่า + เมล็ดมันแกว + เปลือกต้นซาก” อย่างละ 1 กก. บดละเอียด แช่ในแอลกอฮอร์พอท่วม นาน 24 ชม. ครบกำหนดแล้วเติมน้ำเปล่า 100 ล. + น้ำส้มสายชู 1 ล. คนเคล้าให้เข้ากันดี ได้ “หัวเชื้อเข้มข้น” พร้อมใช้งาน .... ใช้ “หัวเชื้อ 20-30 ซีซี. + น้ำ 20 ล.” ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพืช
ศัตรูพืชเป้าหมาย :
หนอนทุกชนิดเมื่อสัมผัสกับสารออกฤทธิ์จะตายทันที สารออกฤทธิ์แรงเทียบเท่าสารเคมีประเภทยาน็อค ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง เพราะสมุนไพรทั้ง 4 ตัวนี้มีสารเบื่อเมาเป็นอันตรายต่อคน

สูตร 55. ขี้เถ้า + น้ำมันก๊าด
ใช้ “ขี้เถ้าไม้ 1 กก. + น้ำมันก๊าด 6 ช้อนชา” คนเคล้าให้เข้ากันดี ใช้โรยบนพื้นดินบริเวณแปลงปลูก ช่วงเช้าก่อนแดดออก อาทิตย์ละ 2 ครั้ง
ศัตรูพืชเป้าหมาย :
ช่วยขับไล่แมลงปากกัด/ปากดูด ไม่ให้เข้าวางไข่

สูตร 56. ขมิ้น + สะเดา + ยาสูบ
ใช้ “ขมิ้น สะเดา ยาสูบ” อย่างละ 1-2 กำมือ บดหรือโขลกพอแหลก แช่ในน้ำ 10 ล. ใส่ “มูลวัว/ควาย” สดใหม่ 1 กก. แช่นาน 24 ชม. ได้ “หัวเชื้อเข้มข้น” พร้อมใช้งาน .... ใช้ “หัวเชื้อ 20 ซีซี./น้ำ 20 ล.” ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบ ช่วงใกล้ค่ำ ทุก 5-7 วัน
ศัตรูพืชเป้าหมาย :
ช่วยป้องกันและกำจัดโรคไวรัสใบด่าง. โรคไวรัสใบหงิก. และไร.

สูตร 57. ด้ายเย็บผ้าไล่แมลง
ใช้เส้นเชือกหรือด้ายขนาดเขื่องชุบน้ำพอเปียก คลุกผงขมิ้นชัน ขึงระหว่างต้นไม้หรือหลักในสวน
ศัตรูพืชเป้าหมาย :
กลิ่นขมิ้นชันจะขับไล่แมลงแม่ผีเสื้อไม่ให้เข้าวางไข่
-----------------------------------------


สายตรง :
(082) 772-46xx
สรุปปัญหา : ภัยแล้งนี้ แตงโมมาแรงมาก อยากให้นำเสนอเรื่องปลูกแตงโม ปลูกลงแปลง ปลูกในถุง แตงโมไร้เมล็ด ....
ตอบ :
คนรุ่นใหม่ คิดใหม่ทำใหม่ :

- เพราะภัยแล้งจึงคิด ภัยไม่แล้ง ทำไมไม่คิด
- แตงโมไม่มีฤดูกาล ปลูกได้ตอดปี ทุกสภาพอากาศ ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ ลามขยายไปประเทศข้างเคียงได้ด้วย
- ปกติแตงโมทั่วไปปลูกในนา ช่วงที่ไม่ได้ปลูกข้าว ก็ถ้าเราเตรียมพื้นที่ (ตัดที่นา แบ่งที่สวน ดัดแปลง ปรับปรุง) ไว้แค่ 1-2-3 ไร่ สำหรับปลูกแตงโมโดยเฉพาะ ปลูกตอนที่เขาทำนาปลูกข้าว ไม่มีพื้นที่ปลูกแตงโมแต่ของเราปลูกแตงโมได้ ว่าแต่เชื่อไหม ปลูกแตงโมให้เป็นรายได้หลักได้
- น้ำแก้ภัยแล้งอย่างบูรณาการ (ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายอย่าง) และยั่งยืน (ดีตลอด) คือ

* เจาะบ่อบาดาล ขุดสระ สูบน้ำจากบาดาลมาเติมสระ แล้วนำน้ำจากสระไปให้แก่พืช
* เจาะบ่อบาดาล แล้วสูบน้ำจากบาดาลส่งไปให้พืชทันที
* เจาะบ่อบาดาล เตรียมแทงค์ สูบน้ำจากบาดาลมาเติมแทงค์ แล้วนำน้ำจากแทงค์ไปให้แก่พืช
* ซื้อแทงค์น้ำ ซื้อน้ำมาเติมแทงค์ แล้วนำน้ำจากแทงค์ไปให้แก่พืช


- คนกิน กินได้ตลอดปี ตั้งแต่คนจนไร้ที่อยู่ นอนในสนามหลวง ถึง คนรวยในบ้านคฤหาสน์ราคา 100 ล้าน หรือ ตั้งแต่นายก ถึง คนกวาดถนน (รงค์ วงษ์สวรรค์-หนุ่ม) พร้อมกินแตงโมทั้งนั้น

- จากแตงโมธรรมดาๆ ไปสู่ แตงโมไร้เมล็ด สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยมปิรามิด รูปหัวใจ ..... ราคาเท่าไหร่ ?
- จากแตงโม ข้ามไปแคนตาลูป เมล่อน สี่เหลี่ยม รูปหัวใจ ............................ ราคาเท่าไหร่ ?

- หาข่าว หาข้อมูล มากๆ แล้วลงมือทำ วางแผนเรียนรู้ด้วยตัวเอง เปิดโผทำไปเลย ซักรุ่นสองรุ่นเดี๋ยวก็เป็นก็รู้ รู้แล้วเป็นแล้วอยู่กับตัวเองไปตลอดชีวิต ถ่ายทอดให้ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย

- ข่าวช้างที่กรุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กินแตงโมตาย พิสูจน์แล้วทราบว่า ในผลแตงโมมีสาร เคมี ทั้งฟูราดานในดิน สารเคมีฉีดทางใบ ซึมแทรกเข้าไปถึงเนื้อในผลแตงโม ช้างกินจึงตาย....ตัวโตขนาดช้างยังตาย คนตัวโตแค่ไหน กินเข้าไปแล้วจะรอดมั้ยเนี่ย เพราะฉะนั้น แตงโม แคนตาลูป เมล่อน ผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ก็เถอะ ถ้าระดับ ซูพรีม พรีเมียม เกรด เอ. จัมโบ้ โกอินเตอร์ ขึ้นห้าง ออกนอกฤดู ปลอดสารเคมียาฆ่าแมลง100% คนนิยม เท่าไหร่แพงแค่ไหนก็ไม่พอขาย

เตรียมเมล็ดพันธุ์ :

1. ทดสอบความสมบูรณ์เมล็ดโดยการแช่น้ำ คัดเมล็ดลอยออกทิ้ง นำเมล็ดจมขึ้นมาขลิบปลายด้านแหลมด้วยกรรไกตัดเล็บพอให้เปลือกนอกเปิดสำหรับให้ยอดอ่อนแทงออกมาได้สะดวกจากนั้นนำลงแช่ต่อใน ไบโออิ (สังกะสี) ยูเรก้า (ไคโตซาน) แคลเซียม โบรอน (โบรอน) นาน 6-12 ชม. สังกะสี. โบรอน. ช่วยส่งเสริมการงอกของรากของเมล็ด ส่วนไคโตซาน ช่วยกำจัดเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับเมล็ดพันธุ์ ทั้งหมดนี้จะซึมเข้าสู่ภายในเมล็ดทางช่องเปลือกที่ได้ขลิบเปิดไว้ ช่วยให้เมล็ดได้สะสมสารอาหารไว้ในตัวเองตั้งแต่ก่อนงอก ส่งผลต่อต้นเมื่อโตขึ้นสมบูรณ์แข็งแรงดี

2. นำเมล็ดที่ผ่านการแช่ครบกำหนดแล้ว ห่อด้วยผ้าชื้น “ห่มชื้น” ต่ออีก 12-24 ชม. เมื่อเห็นว่าเริ่มมีตุ่มรากงอกออกมาก็ให้นำไปปลูกต่อได้
หมายเหตุ :
- หลักการนี้ สามารถนำไปใช้กับการ “เตรียมเมล็ดพันธุ์พืช” ได้ทุกชนิด
- ธรรมชาติของเมล็ดพืช คือ จะดูดน้ำเข้าสู่เมล็ดเพื่อการงอกอยู่แล้ว กรณีนี้ ถ้าแช่เมล็ดพันธุ์ในสารเคมี นั่นคือ เมล็ดพืชจะได้รับสารพิษตั้งแก่อนเกิด ขณะเดียวกัน ถ้าแช่เมล็ดพันธุ์ในสารอาหาร นั่นคือ เมล็ดพืชได้รับสารอาหารตั้งแต่ก่อนเกิด

เตรียมแปลง
ปลูกลงแปลง :

1. ไถดินเปล่าให้ขี้ไถขนาดใหญ่ ทิ้งตากแดดจัด 15-20 แดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคและกำจัดเหง้าวัชพืช
2. ใส่อินทรีย์วัตถุ ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ + มูลค้างคาว) หมักข้ามปี.ยิบซั่มธรรมชาติ. กระดูกป่น. เศษพืชบดป่น หว่านทั่วแปลงปลูกแล้วไถพรวนอินทรีย์วัตถุคลุกเคล้าลงดิน

3. ไถยกร่องลูกฟูก สันร่องกว้าง 5-6 ม.โค้งหลังเต่า สูงจากพื้นระดับ 30-50 ซม. ร่องทางเดินระหว่างสันแปลงกว้าง 1 ม. ลึก 20-30 ซม.จากพื้นระดับ

4. คลุมหน้าแปลงด้วยฟางแห้งหนาๆ
5. บ่มดินโดยรดด้วย น้ำ + จุลินทรีย์หน่อกล้วยหรือปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง ทุก 5-7 วัน ติดต่อกันนาน 1 เดือน เพื่อให้เวลาแก่จุลินทรีย์ปรับสภาพดิน กำจัดเชื้อโรคและย่อยสลายอินทรีย์วัตถุให้เป็นฮิวมิค แอซิด

6. ลงมือปลูกต้นกล้าที่เพาะล่วงหน้า หรือหยอดเมล็ด

ปลูกในถุง :

- ปลูกในถุงหรือภาชนะปลูก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 18-24 นิ้ว สูง 30-50 ซม. เจาะรูด้านล่างและด้านข้างเพื่อระบายน้ำ จัดวางถุง ณ ตำแหน่งที่ต้องการปลูกให้แน่นอนมั่นคง หลังจากลงมือปลูกแล้วไม่ควรย้ายตำแหน่งวางถุงอีกเด็ดขาดเพราะอาจจะกระทบกระเทือนรากหรือเถา (ต้น)ได้ การปลูกในช่วงฤดูฝน หรือแปลงปลูกที่น้ำท่วม แนะนำให้ทำยกร้านแล้ววางถุงปลูกบนยกร้านนั้น
หมายเหตุ :
- เกษตรกรอิสราเอล ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี กับอีกหลายประเทศที่มีเทคโนโลยีการเกษตรสูงและมีความเข้าใจเรื่องพืชอย่างแท้จริง ปลูกไม้ผลตระกูลเถาอายุสั้นฤดูกาลเดียว เช่น แคนตาลูป แตงโม แตงกวา ฯลฯ ในถุง (ภาชนะปลูก) ด้วยดิน (วัสดุปลูก) ที่สามารถควบคุมชนิด/ปริมาณสารอาหาร/น้ำได้ และปลูกในโรงเรือนที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ (อิสราเอล ร้อน-แล้ง.....ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี หนาว)

เกษตรกรไทยไม่มีปัญหาร้อน-หนาว-แล้งจึงเหลือเพียงปัญหา “ดินหรือวัสดุปลูกและสารอา หาร” เท่านั้น การนำแนวทางบางอย่างของเกษตรกรในกลุ่มประเทศดังกล่าวมาประยุกต์ใช้บ้าง จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แนวทางเลือกแบบไทย-ไทย ต่อการปลูกไม้ผลตระกูลเถาอายุสั้นฤดูกาลเดียว คือ...

- เตรียมดินปลูก หรือวัสดุปลูกปริมาณ 1 ตัน ด้วย .... เศษพืช (แกลบเก่าหรือรำหยาบ. ขุยมะพร้าว. ทะลายปาล์ม. เปลือกถั่วลิสง. ต้นถั่วหรือซังข้าวโพด. ฟาง. ฯลฯ) หลายๆ อย่างๆ ละเท่าๆ กัน เพื่อความหลากหลาย บดป่นตากแห้ง 300 กก. .... ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม 100 กก. มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา 30 กก. มูลค้างคาว 5 กก.) แห้งเก่าค้างปีหมักชีวภาพ .... ยิบซั่ม เฟอร์มิกซ์ 50 กก. ปุ๋ยอิน ทรีย์ ตราคนกับควาย 50 กก. กระดูกป่น 10 กก. .... ดินดำร่วนหน้าดินตากแห้ง 500 กก.

- ผสมคลุกวัสดุปลูกทุกอย่างให้เข้ากันดี พร้อมๆกับพรมด้วยน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-120 ให้ได้ความชื้น 50-75% เสร็จแล้วทำกองอัดแน่นเท่าที่อัดได้ หมักทิ้งไว้ 3-6 เดือน ระหว่างการหมักถ้าอุณหภูมิในกองสูงถึงขนาดมีควันลอยขึ้นมา (ถือว่าดี) ให้กลับกองบ่อยๆ แต่ถ้าอุณหภูมิไม่สูงหรือไม่มีควัน (ถือว่าไม่ดี) ให้เติมยูเรีย และน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงแล้วหมักต่อไปตาม ปกติ

- อุณหภูมิในกองเย็นลงหรือหมดควันแล้ว ให้กลับกองทุก 7-10 วันเพื่อถ่ายเทอากาศ หมักครบกำหนดแล้วได้ “วัสดุหรือดินหมักชีวภาพสำเร็จรูป” พร้อมใช้งาน

- บรรจุวัสดุปลูกหรือดินปลูกที่ผ่านการหมักดีลงถุงหรือภาชนะปลูกแล้วลงมือปลูกพืช (แคนตาลูป แตง โม แตงกวา ฯลฯ) ที่ต้องการต่อไป

- ปลูกในแปลงหรือปลูกในถุง ปลูกแล้วปล่อยเลื้อยไปบนพื้น หรือเลื้อยขึ้นค้างที่เตรียมไว้ เมื่อได้รับการบริหารตัดอย่างอย่างถูกต้องเหมาะสม พืชเลื้อยเหล่านี้สามารถเจริญเติบโตได้ทั้งนั้น

ระยะปลูก
ปลูกบนแปลง :

ระยะปลูก 1.5 x 1.5 ม. หรือ 1.5 x 2 ม. หรือ 2 x 2 ม. แถวคู่เสมอกัน หรือแถวคู่สลับฟันปลา

ปลูกในถุง :

1. เตรียมภาชนะปลูก
2. บรรจุวัสดุปลูก (ดินหมักชีวภาพสำเร็จรูป) ลงถุงให้เต็ม อัดแน่นพอประมาณ คลุมปากถุงด้วยหญ้าหรือฟางแห้งหนาๆ

การปฏิบัติอื่นๆ เหมือนการปลูกแคนตาลูปในแปลง ทั้งแบบให้เลื้อยไปบนพื้นหรือเลื้อยขึ้นค้าง

ระบบให้น้ำ :

1. ติดตั้งระบบน้ำหยดสำหรับให้น้ำและสารอาหารทางรากที่ปากถุง
2. ติดตั้งระบบสปริงเกอร์พ่นฝอยเหนือต้นสำหรับให้สารอาหารและสารสมุนไพรทางใบ
หมายเหตุ :
- กรณีปลูกในแปลงแล้วไม่มีระบบน้ำหยด เมื่อต้องการให้น้ำหรือสารอาหารทางรากสามารถทำได้โดยการปล่อยน้ำไปตามร่องระหว่างแปลงปลูก แล้วเพิ่มเติมด้วยน้ำพ่นฝอยจากสปริงเกอร์เหนือต้นฉีดพ่นน้ำลงพื้นเพื่อสร้างความชื้นหน้าดิน

- กรณีปลูกในถุงไม่มีทางเลือกจำเป็นต้องอาศัยสปริงเกอร์เท่านั้น แม้แต่สปริงเกอร์แบบพ่นฝอยเหนือต้นก็ไม่เหมาะ เพราะน้ำที่สัมผัสปากถุงลงไปถึงดินปลูกไม่เพียงพอ ต้องใช้สปริงเกอร์พ่นฝอยเหนือต้น 1 หัว กับติดหัวสปริงเกอร์ที่ปากถุงอีกถุงละ 1 หัวเท่านั้น

ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อแตงโม
1. บำรุงระยะต้นเล็ก
ทางใบ :

- ให้ “น้ำ 100 ล.+ ไบโออิ 30-10-10 (100 ซีซี.) + จิ๊บเบอเรลลิน 10 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.” ฉีดพ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำ 100 ล.+ น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (2 ล.) /ไร่ ฉีดพ่นให้ทั่วแปลง
- ให้น้ำปกติ วันละ 1-2 วัน/ครั้ง
หมายเหตุ :
- เมื่อต้นเริ่มงอกขึ้นมาจากเมล็ดได้ 2-3 ใบ ควรมีหญ้าแห้งหรือฟางคลุมโคนต้นป้องกันแดดเผาหน้าดิน และรักษาความชื้นหน้าดินให้คงที่อยู่เสมอ

- เริ่มให้สารอาหารทางใบเมื่อได้ใบ 2-3 ใบแล้ว
- เมื่อต้นเจริญเติบโตได้ 4-5 ใบให้ตัดยอด จากนั้นต้นจะแตกยอดใหม่ 3-4 ยอด เรียกว่า “เถาแขนง” ให้บำรุงเลี้ยงเถาแขนงนี้ต่อไปตามปกติ เมื่อเถาแขนงทั้ง 3-4 นี้ยาวขึ้น ให้จัดระเบียบเลื้อยเข้าหากลางแปลงโดยไม่ทับซ้อนบังแสงแดดซึ่งกันและกัน และเตรียมความพร้อมอื่นๆให้ดีเพราะจะต้องเอาผลผลิตจากเถาแขนงเหล่านี้

- เมื่อเถาแขนงโตขึ้นได้ความยาว 25-30 ซม. หรือ 20-25 วันหลังปลูก หรือเริ่มมีดอกแรก ให้พิจารณาเลือกเถาแขนงสมบูรณ์แข็งแรงที่สุดไว้ 3 เถาสำหรับเอาผล ส่วนอีก 1 เถาให้เลี้ยงไว้สำหรับช่วยสังเคราะห์อาหารแต่ไม่เอาผลโดยเด็ดดอกที่ออกมาทิ้งทั้งหมด

2. บำรุงระยะออกดอก
ทางใบ :

- ให้ “น้ำ 100 ล. + ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี. + เอ็นเอเอ. 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.” 1 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ ช่วงเช้าแดดจัด
- ฉีดพ่นสารสัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำ 100 ล.+ น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 200 ซีซี.+ 8-24-24(400 กรัม)/ไร่ ฉีดพ่นลงดินให้ทั่วแปลง
- ให้น้ำปกติ วันละ 1-2 ครั้ง/วัน หรือให้น้ำหยด 2 ช่วงๆละ 1-2 ชม./วัน
หมายเหตุ :
- ให้ก่อนวันเถาแขนงออกดอก 5-7 วัน
- จากเถาแขนงทั้ง 3 เถาที่เลี้ยงไว้เพื่อเอาผลนี้ เถาแขนงมักจะออกดอกพร้อมๆกัน โดยเริ่มออกดอกแรกตั้งแต่ข้อใบที่ 4-5 ซึ่งดอกชุดแรกนี้ให้เด็ดทิ้งทั้งหมด แล้วเริ่มไว้ผลแรกระหว่างข้อใบที่ 9-12 จำนวน 1 ดอก จากนั้นตามข้อใบต่อจากข้อเอาผลและข้อใบต่อๆไปจะมีดอกออกตามมาอีกทุกข้อ ก็ให้เด็ดทิ้งทั้งหมดอีกเช่นกัน ทั้งนี้ให้ไว้ผลเพียง 1 เถาแขนง/1 ผลเท่านั้น เพื่อให้ได้ผลคุณภาพสูงสุด

- แตงโมบางสายพันธุ์อาจจะไว้ผล 2-3 ผล/1 เถาแขนงได้ กรณีนี้ต้องไว้ผลให้ห่างกันโดยมีใบคั่นอย่างน้อย 4-5 ใบ/1 ผล การไว้ผลมากกว่า 1 ผล/1 เถาแขนง ต้องมีสารอาหารอย่างเพียงพอจึงจะได้ผลคุณภาพสูง

- นิสัยของแตงโมออกดอกเองเมื่อได้อายุ โดยต้นสมบูรณ์กว่าจะออกดอกดีกว่าต้นสมบูรณ์น้อยกว่าเท่านั้น การให้ฮอร์โมนเสริมเพียง 1-2 ครั้ง จะช่วยให้ออกดอกดีและสมบูรณ์กว่าไม่ได้ให้เลย

- ถ้าจะไม่ใช้ปุ๋ยทางราก 8-24-24 ก็ให้ใช้ “น้ำละลายมูลค้างคาว + มูลวัวเนื้อ” แทนได้

3.บำรุง “ผลเล็ก – ผลแก่” เก็บเกี่ยว
ทางใบ :

- ให้ “น้ำ 100 ล.+ ไบโออิ 50 ซีซี. + ยูเรก้า 50 ซีซี.” 2 รอบ สลับด้วย แคลเซีบม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 ทุกครั้งที่ให้ทางใบขอให้ +สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ ช่วงเช้าแดดจัด
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 21-7-14 ทุก 15 วัน
- ให้น้ำปกติ วันละ 1-2 ครั้ง/วัน หรือให้น้ำหยด 2 ช่วงๆละ 1-2 ชม./วัน
หมายเหตุ :
- หลังจากติดเป็นผลแล้วให้จัดระเบียบเถาและใบ อย่าให้ใบบังแสงแดดต่อผล กับทั้งให้มีวัสดุ (ฟาง หญ้าแห้ง) หนาๆรองรับผล เพื่อไม่ให้ผิวผลสัมผัสผิวดิน ถ้าผิวผลสัมผัสพื้นดินอาจจะมีเชื้อโรคเข้าทำลายผิวผลได้

- ก่อนเก็บเกี่ยวถ้าให้ทางใบด้วย 0-0-50 หรือ 0-21-74 หรือมูลค้างคาวสกัด (อย่างใดอย่างหนึ่ง)เพียง 1 รอบแล้วงดน้ำ 2-3 วัน จะช่วยให้ได้ความหวานสูงขึ้น

- ก่อนเก็บเกี่ยว 10-15 วัน สำรวจผล ถ้าด้านใดไม่ได้รับแสงแดด (สีเปลือกขาวเหลือง)ให้พลิกผลด้านนั้นขึ้นรับแสงแดด เพื่อให้สีเปลือกเป็นสีเดียวกันทั่วทั้งผล...ด้านที่สีเปลือกขาวเหลืองเนื้อในจะมีคุณภาพไม่ดี
------------------------------------------------------------------------

แตงโม (ไทย)....ประสบการณ์ตรง :

แตงโมที่ปลูกแบบปล่อยเถาเลื้อยไปบนพื้นนั้น ส่วนใหญ่ 1 กอ มักให้มี 2 ยอด แล้วไว้ผลยอดละ 1-2-3-4 ผล/ยอด

- ช่วงแตงโมได้อายุต้นเริ่มออกดอก บำรุงทางใบด้วย "ฮม.ไข่" ทุก 4-5 วัน จะช่วยให้แตงโมออกดอกมากขึ้น หรือให้ 1 ครั้งได้ 1-2 ดอกเสมอ .....คู่กับให้ทางรากด้วย "น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24" โดยฉีดอัดลงดินบริเวณโคนต้น ทุก 15-20 วัน

- ช่วงออกดอกแล้วควรงดการฉีดพ่นทางใบทุกชนิดช่วง 08.00- 11.00 เพราะเป็นช่วงที่เกสรต้องการผสม หากฉีดพ่นอาจทำให้เกสรเปียกจนผสมไม่ติดได้

- การช่วยผสมเกสรด้วยมือ นอกจากช่วยให้การติดเป็นผลดีแล้วยังช่วยให้เป็นผลที่คุณภาพดีอีกด้วย
- วิธีหลอกผึ้งให้ช่วยผสมเกสร เช้าราว 08.00 น. แดดจัดฟ้าสดใส ผึ้งจะออกหากินในแปลงแตงโม จงเดินเข้าไปทางหัวแปลงก่อน ถือกิ่งไม้ 2 มือ กางแขน 2 ข้าง ก้าวเดินช้าๆ พร้อมกับโบกกิ่งไม้เบาๆ ผึ้งเห็นกิ่งไม้โบกไปมาจะบินขึ้นแล้วบินไปเกาะดอกแตงโมข้างหน้าใหม่ ก็ให้เดินช้าๆ ตามไปอีกสัก 3-5 ก้าว เท่ากับระยะที่ผึ้งบินไปก่อนล่วงหน้า โบกกิ่งไม้อีก ผึ้งก็จะบินขึ้นหนีไปข้างหน้าอีก ทำซ้ำไปเรื่อยๆ หลายๆ รอบ จนสุดแปลงแล้วย้อนทำซ้ำ ตราบเท่าที่ผึ้งยังไม่หนีไปไหน

- เถาเดียวที่มีหลายผล ควรเว้นระยะ 1 ผล/7-8 ใบ เพื่อให้แต่ละผลมีใบสำหรับสังเคราะห์อาหาร เทคนิคไว้ผลแบบนี้ต้องเด็ดดอกทิ้งตั้งแต่ออกมาใหม่ๆ โดยเลื่อกเด็ดทิ้งกับเลือกเก็บไว้

- เถาเดียวมีหลายผล ระหว่างผลต่อผลให้ทำไม้โค้งงอรูปตัว ยู. กดเถาบริเวณข้อให้แนบผิวดินแล้วคลุมทับด้วยเศษดิน เศษหญ้าแห้ง ไม่นานที่ข้อจะมีรากงอกออกมา รากนี้จะดูดซับสารอาหารไปเลี้ยงผลที่อยู่ถัดไปทางปลายเถา ควรทำต่อทุกผล จะทำให้แต่ละผลมีรากส่วนตัวแทนที่จะรอรับสารอาหารจากรากที่โคนเถาเพียงรากเดียว
--------------------------------------------------------------

แตงโมไร้เมล็ด

1. ปลูกแตงโม พันธุ์ไร้เมล็ด สลับแถวหรือสลับต้นกับ พันธุ์มีเมล็ด ลงไปก่อน การบำรุงต้นทั้งสองสายพันธุ์ เช่น เด็ดยอด - เลี้ยงยอด - ไว้ดอก เหมือนกันตามปกติ

2. เมื่อได้ดอกของทั้งสองสายพันธุ์แล้วให้นำ เกสรดอกตัวผู้ของต้นพันธุ์มีเมล็ดไปผสมให้กับ เกสรดอกตัวเมียของต้นพันธุ์ไร้เมล็ด ด้วยวิธี "ต่อดอก" ตามปกติ

3. เมื่อเกสรของดอกตัวเมียจากต้นพันธุ์ไร้เมล็ด ได้รับการผสมจากละอองเกสรตัวผู้ของต้นพันธุ์มีเมล็ดแล้ว ผลที่เกิดมาจะไร้เมล็ดตามดอกต้นแม่
หมายเหตุ :
- แตงโมไร้เมล็ดมีเมล็ดพันธุ์โดยเฉพาะจำหน่าย แต่ราคาแพงกว่าแตงโมมีเมล็ด
- การปฏิบัติบำรุงทุกขั้นตอนต่อแตงโมไร้เมล็ดเหมือนแตงโมมีเมล็ดทุกประการ

- แตงโมไร้เมล็ดไม่ได้หมายความว่าไม่มีเมล็ดเลยแม้แต่เมล็ดเดียว เพียงมีเมล็ดสีน้ำตาลน้อยมากและขนาดเล็ก เมล็ดส่วนใหญ่จะเป็นเมล็ดสีขาวอ่อนนิ่มเคี้ยวรับประทานได้เลย

- การปฏิบัติบำรุงทุกขั้นตอนเหมือนแตงโมมีเมล็ดทุกประการ

------------------------------------------------------------------------



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©