-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ถาม-ตอบปัญหารายการวิทยุ 5 APR **สปริงเกอร์ระบบกะเหรี่ยง RKK
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบปัญหารายการวิทยุ 6 APR **สารพันปัญหานาข้าว
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบปัญหารายการวิทยุ 6 APR **สารพันปัญหานาข้าว

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 06/04/2015 3:36 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบปัญหารายการวิทยุ 6 APR **สารพันปัญหานาข้าว ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตรทางรายการวิทยุ 6 APR

AM 594 เวลา 06.30-07.00 (ทุกวัน) 08.10-09.00 (จันทร์-ศุกร์) และ
********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6
... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112
... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณอรุณ” (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.

7) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)


มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
...... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .......
...... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .......

-----------------------------------------------------------



สายตรง 1. (02) 169-49xx .... นาเช่าวันนี้ไม่ได้ทำเพราะน้ำน้อย ได้ยินเรื่องนาข้าวกล้าต้นเดียวจากรายการแล้วเกิดประกายความคิด เดือนนี้ เม.ย. ต่อเดือน พ.ค. – มิ.ย. – ก.ค. 4 เดือนพอดี จะปลูกข้าวแบบกล้าต้นเดียวสำหรับทำพันธุ์ใช้เอง เนื้อที่ 1 ไร่ น้ำมีพอทำได้ แล้วทำนาน้ำฝนรุ่นหน้าเดือน ก.ค. ต่อ ส.ค. ปลูกวันแม่เกี่ยววันพ่อเดือน ธ.ค.พอดี

สายตรง 2. (089) 373-69xx .... อยู่กาฬสินธุ์ ดู ทีวี. สอนเรื่องปุ๋ยน้ำชีวภาพ ถามว่า ได้ทำ ซีดี.ไว้ไหม ? มีเอกสารไหม ? คำตอบ ไม่ได้ทำ ! ไม่มี ! ....

สายตรง 3. (093) 206-83xx .... อยู่สระบุรี เช่าที่ทำนา 60 ไร่ ปีนี้ทำปีที่ 3 มีหนี้แสนกว่า คิดว่า ปีหน้ารุ่นหน้าคงต้องมีหนี้เพิ่มอีก อยากทำนาตามแบบลุงคิม ....

ตอบ :

- เกษตรกรไทยทำการเกษตร เลี้ยงสัตว์-ปลูกพืช ทำแบบง่ายๆ วิธีไหนก็ได้ที่ง่ายๆ เคยยังไงก็ยังงั้น ไม่ยอมเปลี่ยนทั้งๆที่รู้ว่า ทำอย่างเดิมน่ะนอกจากจะไม่ดีไปกว่าเดิมแล้วยังแย่ลงว่าเดิมอีกด้วย สาเหตุที่ทำให้แย่กว่าเดิมเป็นเพราะอะไรก็รู้ พูดได้ บอกได้ อธิบายได้ แต่ก็ยังทำ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง นี่คือ “ยึดติด อัตตา (มีความเป็นตัวของตัวเองสูง) กลัวเสียเหลี่ยม กลัวเสียศักดิ์ศรี ก็ให้น่าสงสัยเหมือนกันว่า คนมีหนี้มีศักดิ์ศรีเหรอ กับคนไม่มีหนี้ ถึงจะมีเงินน้อย น่าจะมีศักดิ์ศรีกว่ามั้ง .... คิดยังไงน่ะ

– ในหนังสารคดี เกษตรกรยุโรป เลี้ยงหมู รู้ว่าหมูที่เลี้ยงตามแบบธรรมชาติ กินอยู่ในป่าธรรมชาติ คุณภาพเนื้อจะดีกว่าหมูที่เลี้ยงในคอกในฟาร์ม นั่นหมายถึงราคาที่สูงกว่าด้วย ว่าแล้วก็ปล่อยหมู หมูพันธุ์ที่เลี้ยงตามปกตินี่แหละ ให้อยู่ในป่าในบ้านมีรั้วล้อมรอบมั่นคงแข็งแรง หมูอยู่ในตั้งแต่เกิด อาหารส่วนหนึ่งหากิน หัวมัน รากไม้ ยอดไม้ ใบไม้ ตามธรรมชาติ ทั้งที่ขึ้นเองกับที่คนปลูกให้ กับอาหารสำเร็จรูปที่ปรุงพิเศษที่มาจากธรรมชาติแท้ๆ ไม่มีวิตามินฮอร์โมนประเภทสังเคราะห์ใดๆทั้งสิ้น หมูในป่าจะโตช้ากว่าหมูในคอกในฟาร์ม ปัญหาการดูแลยุ่งยากกว่า แต่ราคาที่ได้สูงกว่า .... จากหมูเลี้ยงในป่าธรรม ชาติ มาสู่ไก่บ้าน ไก่งวง เลี้ยงในป่าธรรมชาติ ผลิตภัณพ์การเกษตรประเภทนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมากๆ

- เกษตรกรชาวนาไทยทำนาข้าว วิธีใดที่ง่ายที่สุด เอาวิธีนั้น แม้ว่าผลผลิตที่ได้จะไม่คุ้มค่า ทั้งคุณภาพและปริมาณก็เอา อย่างเช่นนาง่ายๆ นาหว่านน้ำตม นาหว่านสำรวย นาโยน แต่ถ้าเป็น นาดำด้ยมือ นาดำด้วยเครื่อง นาหยอด แม้แต่นากล้าต้นเดียว ผลผลิตที่ได้คุ้มค่า ทั้งคุณภาพและปริมาณ กลับไม่เอา หาว่ายุ่งยาก เสียเวลา ไม่มีใครทำ พร้อแม่ไม่เคยนำทำ ไม่ใช้ทำไม่เป็นแต่ไม่ยอมทำเองต่างหาก ที่ไม่ยอมทำก็เพราะ ยึดติด อัตตา กลัวเสียเหลียม ไม่ล่ะ .... ไม่ใช่การผลิตอย่างเดียว การตลาดก็เอาง่ายเข้าวว่า ปลูกเสร็จเกี่ยวเสร็จ ขนไปขายให้โรงสีที่เดียว ครั้งเดียว รอบเดียวเสร็จ พอราคาตกราคาต่ำก็หาว่า โรงสีกดราคา รัฐบาลไม่ช่วย

- คนไทยไม่โง่ ตรงกันข้าม ฉลาด ฉลาดมากด้วย เคยมีงานวิจัยระดับโลกถึงความฉาดทางเชื้อชาติ ทาง ดีเอ็นเอ. ทางยีนส์. แล้วว่า คนไทยเป็นคนชาติหนึ่งที่มีความฉลาดสูงที่สุดในโลก แต่ปรากฏว่า “ฉลาดแกมโกง” เช่น การรวมกลุ่ม ล่ม/ล้ม เพราะอะไร ? สหกรณ์ ล่ม/ล้ม เพราะอะไร ? เพราะผู้บริหารใช่หรือไม่ ? ผู้บริหารผู้ชายก็คือผัวคุณ ผู้บริหารผู้หญิงก็คือเมียคุณ ไม่ผัวไม่ใช่เมียก็ญาติคุณ เพื่อนคุณ รู้จักกันมาตั้งแต่เกิด ใช่หรือไม่ ?


คำถามใหม่ คำตอบเก่า :

จาก : (089) 871-49xx
ข้อความ : ผู้พันครับ หลายวันแล้วได้ยินผู้พันพูดถึง ปลูกข้าวกล้าด้วยต้นเดียว ผมคิดแล้ว ผมว่าใช้เมล็ดพันธุ์น้อยมาก เราก็คัดเลือกเมล็ดพันธุ์แท้ได้ อยากให้ผู้พันพูดถึงการบำรุงว่า เหมือนหรือต่างกับปลูกข้าวแบบปกติ หรือไม่ อย่างไร .... ขอบคุณครับ

ตอบ :

- คำตอบเบื้องต้น การปลูก-การบำรุง-การปฏิบัติ ทุกอย่างเหมือน นาหว่าน-นาดำ-นาหยอด-นาโยน ทุกประการ นั่นคือ บำรุงข้าวตามใจข้าว

- เรื่อง “ปลูกข้าวด้วยกล้าต้นเดียว” นี้เริ่มมาจากการ คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ โดยมี เทคโนโลยีชาวบ้าน+เทคโนโลยีวิชาการ เป็นพื้นฐานแล้วเกิดเป็น “แรงบันดาลใจ” ให้ ต่อยอด-ขยายผล-ปรับ-เสริม-เติม-เพิ่ม-บวก บนพื้นฐาน “คิดใหม่ คิดบวก คิดยกกำลังสอง” ให้เหมาะสมสอดคล้องทุกแง่มุมของสถานการณ์ ตามภาษาทหารที่เรียกว่า FLEXIBILITY คือ ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ หรือที่ภาษิตสิบล้อบอกว่า กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้ กับ สมช.เน็ต เกษตรลุงคิมบอกว่า ไม่บ้าไม่กล้าทำ ประมาณนี้ .... การการเกษตรปลูกเพื่อขายต้องยึดหลัก ผลผลิตเพิ่ม (คุณภาพและปริมาณ) ต้นทุนลด อนาคตดี

** นาข้าวสไตล์ไร่กล้อมแกล้ม อินทรีย์นำ-เคมีเสริม ตามความเหมาะสมของต้นข้าว : **

* ทำเทือก-เตรียมสารอาหาร-กำจัดวัชพืช-บ่มดิน :

- ใส่ยิบซั่มเฟอร์มิกซ์, ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กระดูกป่น, หว่านทั่วแปลง
- ใส่น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (2 ล) +16-8-8 (5 หรือ 10 กก.) +น้ำ ตามความจำเป็นสำหรับเนื้อที่ 1 ไร่....ข้าวพันธุ์พื้นเมืองให้ 16-8-8 (5 กก.) ข้าวพันธุ์ลูกผสมให้ 16-8-8 (10 กก.) ละลายให้เข้ากินดี สาดทั่วแปลง

- ดินต้องมาก่อน จากน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิงเดิมให้เป็นซุปเปอร์ ด้วยการ “เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก” จุลินทรีย์หน่อกล้วย จุลินทรีย์จาวปลวก จุลินทรีย์ฟางเน่า น้ำละลายปุ๋ยคอก (วัว/ไก่/ค้างคาว) นม ฯลฯ มากน้อยตามความถนัด เป้าหมาย คือ เพิ่มจุลินทรีย์เพื่ออาศัยจุลินทรีย์ปรับสภาพดิน สร้างสารอาหาร กำจัดศัตรูพืชในดิน ให้พร้อมไว้ก่อนปลูกข้าว นั่นเอง ....

- เติมน้ำลึกเหนือตาตุ่ม ปล่อยทิ้งไว้ 7 วัน เพื่อล่อให้วัชพืชงอก
- ย่ำเทือกด้วยอีขลุบ หรือลูกทุบ ย่ำประณีต 3 รอบใน 1 กระทง ย่ำแล้วทิ้งไว้ 7-10 วัน .... สำรวจจำนวนวัชพืชที่ยังหลงเหลือ แล้วย่ำซ้ำรอบที่ 2 ย่ำประณีตเหมือนรอบที่ 1 ย่ำแล้วทิ้งไว้ 7-10 วัน .... สำรวจจำนวนวัชพืชที่ยังหลงเหลือ แล้วย่ำซ้ำรอบที่ 3 ย่ำประณีตรอบที่ 1 ย่ำแล้วทำร่องระบายน้ำ เตรียม “ดำกล้า”

หมายเหตุ :

- ก่อนเริ่มย่ำรอบแรก ตรวจสอบว่าบรรดาวัชพืชทุกชนิด ทุกต้น งอกขึ้นมาแน่นอนแล้ว ถ้ายังงอกไม่หมดให้ทิ้งระยะต่ออีก 3-5 วัน

- ก่อนย่ำแต่ละรอบสำรวจจำนวนต้นวัชพืชว่ามีกี่เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ หลังจากย่ำรอบต่อๆ มาแล้วแต่ละรอบๆ จะพบว่าจำนวนต้นวัช พืชลดลงตามลำดับ กระทั่งย่ำรอบ 3 ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย ถ้ามั่นใจว่าไม่มีต้นวัชพืชขึ้นอีกก็ให้ลงมือดำกล้าได้เลย แต่หากพบว่ายังมีวัชพืชบาง ส่วนหลงเหลืองอกขึ้นมาได้อีก ก็ให้พิจารณาย่ำซ้ำรอบ 4

- การย่ำเทือกแบบประณีต ขอให้เประณีตจริงๆ แม้ไม่ต้องไถก็จะได้ขี้เทือกลึกดีกว่าการไถก่อนแล้วย่ำเทือก กับกำจัดวัชพืชได้ผลแน่นอนกว่ายาฆ่ายาคุมหญ้า

- ระยะเวลาย่ำเทือก 3-4 รอบ ๆละ 7-10 วัน รวมใช้ระยะเวลาทั้ง สิ้น 1 เดือน เท่ากับเป็นการ “บ่มดิน” ซึ่งจะส่งให้สภาพดินดี พร้อมสำหรับต้นกล้าที่ดำลงไป

- การกำจัดวัชพืชแบบ “ย่ำประณีต” แล้วต่อด้วยการทำนาดำ สภาพที่ต้นข้างขึ้นห่างกัน ช่วยให้การเดินลงไปถอนด้วยมือ ทั้งต้นวัชพืชและต้นข้าวปนสามารถทำได้ง่าย ต้นวัชพืชที่ถูกถอนแล้วจะไม่มีอีก เท่ากับเป็นการกำจัดวัชพืชอย่างถาวรนั่นเอง

* สรุป งานนี้ได้ :

1. ประหยัดค่าไถ
2. ประหยัดค่ายาฆ่ายาคุมหญ้า
3. ประหยัดค่าปุ๋ย
4. ได้ขี้เทือกลึกดี
5. ได้ดินดี
6. ดินดีต่อถึงอนาคนรุ่นหน้า รุ่นต่อๆไป

เตรียมเมล็ดพันธุ์ :

- ตรวจสอบเมล็ดพันธุ์ ที่มาของเมล็ดพันธุ์, แหล่งปลูก, วิธีการปลูก, เมล็ดปลอมปน, วิธีการเก็บรักษา, ความชื้น, ระยะพักตัว,

- เมล็ดพันธุ์ที่ยังไม่ได้สี คัดด้วยมือ ทีละเมล็ดๆ ๆๆ ดูด้วยสายตาว่าตรงตามสายพันธุ์อย่างแท้จริง .... เพื่อความมั่นใจสูงสุด ให้แกะแกลบ ดูเนื้อใน เห็นจมูกข้าว .... เมล็ดพันธุ์ที่สีเป็นข้าวกล้องแล้ว ให้ดูจมูกข้าว ทั้งนี้ต้นกล้างอกจากจมูกข้าว

- ลักษณะเนื้อในเมล็ด ใส แกร่ง รูปทรงตรงตามสายพันธุ์
- แช่เมล็ดพันธุ์ในสังกะสี (ไบโออิ) + ไคโตซาน (ยูเรก้า) + โบรอน (แคลเซียม โบรอน) ในน้ำอุ่น 50 องศา นาน 24 ชม. .... ครบกำหนดแล้วนำขึ้นห่มชื้น (ผ้าชุดน้ำที่ใช้แช่) นาน 24-48 ชม. แล้วสำรวจ ถ้าเมล็ดเริ่มมีตุ่มรากงอกขึ้นมาให้นำไปเพาะได้

เพาะกล้า :

- เตรียมวัสดุเพาะ : ขี้เถ้าแกลบเก่าข้ามปีบดละเอียด + ขุยมะพร้าวแห้งเก่า แช่น้ำมะพร้าวแก่นาน 48 ชม. อัตรา 1 : 1 ใส่ลงในช่องพาะเมล็ดในกระบะเพาะเต็มช่อง กดให้แน่น

– วิธีเพาะเมล็ด : หยอดเมล็ดที่เริ่มรากงอกแล้วลงบนช่องเพาะในกระบะเพาะ โดยข้าวพันธ์แตกกอดีวางช่องละ 1 เมล็ด ข้าวพันธ็แตกกอน้อยวาง่องละ 2 เมล็ด แต่คิดเป็น 1 ต้น .... วางเมล็ดแล้วกดพอมิด .... ให้น้ำพอหน้าดินชื้น .... วางกระเพาะไว้ในร่ม อากาศผ่านสะดวก

– ต้นกล้าเริ่มงอก หลังงอกได้ 5-7 วัน นำออกแดดเพื่อให้คุ้นเคย กระทั่งต้นกล้าได้ 8-10 วัน (ไม่ควรเกิน 15 วัน) ให้นำไปปักดำได้

– ก่อนนำไปปักดำ 3-5 วัน ให้ แคลเซียม โบรอน เจือจาง (น้ำ 20 ล. + แคลเซียม โบรอน 8-10 ซีซี.) 1 รอบ

- พื้นที่ปลูก 1 ไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ 1 กก.

ดำกล้า :

- งดน้ำต้นกล้าในกระบะเพาะก่อนถอนต้นกล้าจากกระบะเพาะ 3-4 วัน เพื่อให้รากเกาะติดวัสดุเพาะดี

- ยกกระบะเพาะไปที่แปลง เพื่อถอนต้นกล้าจากกระบะแล้วลงแปลงทันที ไม่ควรถอนต้นกล้าจากกระบะก่อนแล้วถือไปที่แปลง เพราะอาจทำให้รากช้ำได้

- ขึงเชือกแนวปักต้นกล้า จัดระยะห่าง 30 x 30 ซม.
- ถอนต้นกล้าจากกระบะเบาๆ ประณีตๆ อย่าให้ต้นกล้วหลุดจากเมล็ด และอย่าให้รากหลุดจากวัสดุเพาะ

- ถอนต้นกล้าขึ้นจากกระบะแล้วนำลงปักดำทันที ไม่ควรปล่อยให้กล้าตากแดดนาน
– ปักต้นกล้าทีละต้นลึก 1 ซม.

บำรุง :
ระยะกล้า (เร่งแตกกอ) :

- ให้ “น้ำ 200 ล. + ไบโออิ 200 ซีซี. + 18-38-12 (1 กก.) สำหรับเนื้อที่ 4 ไร่ .... ให้ครั้งที่ 1 ต้นกล้าอายุ 20 วัน .... ให้ครั้งที่ 2 ต้นกล้าอายุ 30 วัน....ให้ครั้งที่ 3 ต้นกล้าอายุ 40 วัน .... ให้ครั้งที่ 4 ต้นกล้าอายุ 50 วัน

- ให้ปุ๋ยทางใบ + สารสมุนไพรสูตรรวมมิตรร่วมด้วยทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เสียเวลา และเป็นการกันก่อนแก้
- ให้น้ำเลี้ยงกล้าแบบแห้งสลับเปียก ต้นกล้าจะแตกกอดี

ระยะต้นกลม :

- ให้น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (2 ล.) +16-8-8 (10 กก.) / 1 ไร่ ปรับหัวฉีดเม็ดใหญ่ ฉีดแหวกต้นลงพื้น

– ให้ “น้ำ 200 ล. + แคลเซียม โบรอน 200 ซีซี. + สมุนไพร 2 ล.” / 4 ไร่ ให้ 1 รอบ
- ถอนแยกข้าวปน วัชพืช ครั้งที่ 1

ระยะออกรวง :

- ให้ “น้ำ 200 ล. + ไทเป 200 ซีซี. + 0-52-34 (1 กก.) + สมุนไพร 2 ล.” /4 ไร่ ให้ 2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน

- ออกรวงระยะหางแย้หรือหางปลาทู ให้ “น้ำ 200 ล. + เอ็นเอเอ. 200 ซีซี. + สารสมุนไพร 2 ล.” / 4 ไร่ ให้ 2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน

ระยะน้ำนม :

- ให้ “น้ำ 200 ล. + ไบโออิ 100 ซีซี. + ยูเรก้า 100 ซีซี. + สารสมุนไพร 2 ล.” / 4 ไร่ ให้ 4-5 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน

– ถอนแยกข้าวปน วัชพืช รอบที่ 2

ระยะก่อนเกี่ยว :

- ให้ “น้ำ 200 ล. + นมสด 200 ซีซี. + สารสมุนไพร 2 ล” / 4 ไร่ ให้ 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน ให้รอบสุดท้ายก่อนเกี่ยว 5-7 วัน

http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4190

-------------------------------------------------------------

**** ข้อมูลโดย มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) ****

@@ ปลูกข้าวด้วยต้นกล้าต้นเดียว (System of Rice Intensification)
@@ วัตถุประสงค์ :
- เพื่อการเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่
- เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นบ้าน
- เพื่อคัดเลือก และผลิตเมล็ดพันธุ์

@@ การเตรียมเมล็ดพันธุ์ :
เลือกพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่ คัดเลือกเมล็ดข้าวที่สมบูรณ์ คือ อวบ ใส และมีตาข้าว แช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำประมาณ 12-24 ชม. ในน้ำอุ่น 30-40 องศา ซ. หากต้องการป้องกันโรคหรือแมลงไว้ล่วงหน้า เช่น โรคบั่ว ควรนำเมล็ดพันธุ์แช่น้ำเกลือ หรือ น้ำสะเดา ไว้ 1 คืน จากนำเมล็ดพันธุ์ผึ่งลมให้แห้ง

หมายเหตุ :
เนื้อที่ปลูก 1 ไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ 1 กก.


@@ การเตรียมแปลงเพาะกล้า :
เลือกแปลงเพาะกล้าใกล้แปลงที่จะปลูกข้าว ทำแปลงเพาะกล้าให้เหมือนแปลงผัก โดยผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อให้ดินร่วนซุย เอาฟางคลุมพื้นที่แปลงไว้ จากนั้นรดน้ำให้มีความชุ่มชื้น เช้า-เย็น (ไม่ควรรดน้ำในขณะที่แดดร้อนจัด) ความชื้นในแปลงควรเหมาะสม ไม่ควรให้น้ำท่วม แปลงโดยการทำทางระบายน้ำเล็กๆ เพื่อให้น้ำไหลออก หรืออีกวิธีหนึ่งที่สะดวกต่อการขนย้ายต้นกล้า คือ การเพาะเมล็ดในกระบะ ซึ่งจะช่วยลด เวลาในการขนย้ายแล้ว ยังช่วยทะนุถนอมต้นกล้าขณะเวลาปักดำ

@@ การเตรียมแปลงปักดำ :
หลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรไถกลบตอซังแล้ว บำรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ชนิดต่างๆ เช่น พืชตระกูลถั่ว ปลูกพืชหลังนา เช่น โสนอัฟริกัน หรือจะทำปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หว่านในนาก็ได้ ก่อนปักดำควรปรับที่นาให้ได้ระดับเดียวกัน และทำร่องน้ำตามขอบคันนาเพื่อช่วยระบายน้ำเข้า-ออก สูบน้ำเข้าแปลงนาให้ดินเป็นโคลนเหนียวข้น ไม่ควรปล่อยให้ดินเละหรือมีน้ำท่วมขัง

@@ การขนย้ายต้นกล้าออกจากแปลงเพาะ :
ถอนกล้าเมื่อมีอายุ 8-12 วัน (มีใบ 2-3 ใบ) อย่างระมัดระวัง อย่าให้ต้นกล้ากระทบ กระเทือนน้อยที่สุด ถอนต้นกล้าเบาๆ ตรงโคนต้น ใช้เครื่อง มือเล็กๆ เช่น เกรียง หรือเสียม ขุดให้ลึกถึงใต้ราก อย่าให้ต้นกล้าหลุดออกจากเมล็ดพันธุ์ และให้มีดินเกาะรากไว้บ้าง ระหว่างการย้ายกล้าต้องทำอย่างเบามือ ไม่ควรทิ้งกล้าไว้กลางแดด และรีบนำกล้าไปปักดำทันที (ภายใน 15-30 นาที)

@@ การปักดำ :
นำต้นกล้ามาปักดำอย่างเบามือ ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้จับโคนราก แล้ว นำไปปักให้รากอยู่ในแนวนอน ลึกประมาณ 1 ซม. ปักดำกล้าทีละต้น ให้มีความห่างของระยะต้นไม่น้อยกว่า 25 ซม. เท่าๆ กัน จนเหมือนสี่เหลี่ยมจัตุรัส (ควรปักดำในระยะห่าง 30 x 30 ซม.) สำหรับแปลงนาขนาดเล็ก หรือ 40 x 40 ซม. สำหรับแปลงนาขนาดใหญ่)

@@ การบำรุงดูแลรักษา :
** การจัดการน้ำ :
- แปลงเพาะปลูกควรปรับให้เรียบสม่ำเสมอ และทำร่องน้ำเพื่อช่วยในการระบายน้ำ เข้า-ออก แปลงปักดำไม่ควรมีน้ำท่วมขัง เพียงแต่ทำให้ดินเป็นโคลนเท่านั้น ขณะที่ข้าวแตกหน่อ (1-2 เดือนหลังปักดำ) ปล่อยน้ำเข้านาให้สูง 2 ซม. ทุกๆ เช้า แล้วปล่อยน้ำออกในช่วงบ่าย หรือปล่อยทิ้งให้นาแห้งประมาณ 2-6 วัน

- เมื่อข้าวแตกกอ ปล่อยให้แปลงข้าวแห้งลงไปในเนื้อดิน ไม่ต้องกังวล หากหน้าดินจะเป็นรอยแตกบนผิวโคลน ขณะที่ข้าวตั้งท้องจนเริ่มออกรวง ปล่อยให้น้ำท่วมสูงประมาณ 1-2 ม. เท่านั้น ทันทีที่ต้นข้าวเริ่มลู่ลง เพราะน้ำหนักของเมล็ดข้าว ให้ปล่อยน้ำออกจากนาจนกว่าจะแห้งและถึงเวลาเก็บเกี่ยว

** การกำจัดวัชพืช
ควรมีการกำจัดวัชพืชอย่างน้อย 3 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะ สม .... ครั้งที่ 1 เมื่ออายุข้าว 10 วัน .... ครั้งที่ 2 เมื่ออายุข้าว 25-30 วัน .... ครั้งที่ 3 เมื่ออายุข้าว 50-60 วัน ทั้งนี้การกำจัดวัชพืช สามารถใช้เครื่องทุ่นแรง

นอกจากนี้การจัดน้ำเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ หรือใช้ฟางคลุมแปลงจะช่วยกำจัดวัชพืชได้ดี สำหรับการกำจัดศัตรูของข้าว เช่น ปู หอยเชอร์รี่ ทำได้โดยการเลี้ยงกบ เลี้ยงเป็ดในนาข้าว แต่เมื่อข้าวออกรวงห้ามเป็ดเข้านาโดยเด็ดข้าว หรือทำน้ำหมักชีวภาพฉีดพ่น 1-2 ครั้งก็เพียงพอ สำ หรับวิธีการป้องกันนก ทำได้โดยการขึงเชือกเทปล้อมรอบแปลงนา เมื่อลมพัดจะทำให้เกิดเสียงดัง แล้วนกจะไม่มารบกวน

** เหตุใด ปลูกข้าวต้นเดียว จึงได้ผลผลิตดีกว่า ?
- การใช้กล้าอายุสั้นและปักดำต้นเดียว ต้นกล้าที่มีอายุ 8-12 วัน หรือมีใบเล็กๆ 2 ใบ และยังมีเมล็ดข้าวอยู่ จะช่วยให้ประสิทธิภาพในการเจริญเติบโตดีและการผลิตหน่อดีมาก .... การใช้กล้าต้นเดียวปักดำ จะช่วยในการแพร่ขยายของราก สามารถดูดซับธาตุอาหารได้ดีกว่าปลูกกล้าหลายต้น .... การปักดำให้ปลายรากอยู่ในแนวนอน ปลายรากจะชอน ไชลงดินได้ง่ายและทำให้ต้นข้าวตั้งตัวได้เร็ว .... การปักดำในระยะห่างช่วยให้รากแผ่กว้าง ได้รับแสงแดดมากขึ้น ง่ายต่อการกำจัดวัชพืช และประหยัดเมล็ดพันธุ์ ทำให้ข้าวแตกกอใหญ่ ....การจัดการน้ำ การปล่อยให้ข้าวเจริญเติบโตในดินที่แห้งสลับเปียกทำให้ข้าวสามารถดึงออกซิเจนจากอากาศได้โดยตรง และรากของต้นข้าวสามารถงอกยาวออกเพื่อหาอาหาร

- การปล่อยให้มีน้ำท่วมขังในแปลง ทำให้ซากพืชเน่าเปื่อย และก่อให้เกิดก๊าซมีเทนปลดปล่อยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศทำให้โลกร้อนขึ้น .... การปล่อยให้ต้นข้าวเจริญเติบโตในน้ำท่วมขัง ทำให้รากต้นข้าวต้องสร้างถุงลมเล็กๆ เพื่อดูดออกซิเจนจากผิวดินทำให้การส่งอาหารไปสู่หน่อและใบถูกรบกวน รากข้าวจะหายใจลำบาก ประโยชน์ที่ได้รับ คือ

** ประหยัดเมล็ดพันธุ์ในการเพาะปลูก
** ประหยัดน้ำได้ครึ่งหนึ่งจากการทำนาแบบปกติ
** ประหยัดแรงงานในการลงกล้า
** ประหยัดต้นทุนในการกำจัดวัชพืช เพราะมีช่องว่างระหว่างกอข้าว
** ประหยัดต้นทุนการควบคุมน้ำ เข้า-ออก

- หากต้องการผลผลิตสูงควรเลือกพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่ และสภาพอากาศ จากประสบการณ์ของเกษตรกร พบว่า หากเป็นนาอินทรีย์ ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 60% และในประเทศลาว พบว่าเพิ่มขึ้นถึง 100% และสามารถใช้ได้กับทุกสายพันธุ์ข้าวตามใจข้าว ไม่ใช่ตามใจคน

--------------------------------------------------------------


นายอ่าง เทียมสำโรง เกษตรกร หมู่ 6 บ้านกลาง ต.บ่อปลาทอง อ. ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เป็นหนึ่งของเกษตรกรที่หันมาทำการเกษตรในระบบเกษตรอินทรีย์และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายโดยมี สหกรณ์ลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมาให้การส่งเสริมและสนับสนุน

นายอ่างได้เล่าให้ฟังว่าตนใช้พื้นที่ 3 ไร่ ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 โดยทำเป็นเกษตรอินทรีย์ ด้วยวิธีใช้ต้นกล้าต้นเดียวจากเมล็ดพันธุ์เมล็ดเดียวต่อข้าวหนึ่งกอ โดยเริ่มต้นจากการเตรียมเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ คัดเลือกเมล็ดข้าวที่สมบูรณ์ คือ อวบ ใส และมีตาข้าว แช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำประมาณ 12-24 ชั่วโมง ในน้ำอุ่น 30-40 องศาเซลเซียส จากนั้นผึ่งลมให้แห้ง แปลงเพาะกล้าทำเหมือนแปลงผัก ผสมปุ๋ยคอกเพื่อให้ดินร่วนซุย เอาฟางคลุมรดน้ำให้ชุ่มชื้นในช่วงเช้าและเย็น

เตรียมแปลงปักดำหลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตโดยไถกลบตอซัง แล้วบำรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ หว่านในนา ปรับที่นาให้ได้ระดับเดียวกัน ทำร่องน้ำตามขอบคันนาเพื่อช่วยในการระบายน้ำเข้า-ออก ปล่อยน้ำเข้าแปลงนาให้ดินเป็นโคลนเหนียวข้น จากนั้นไปถอนกล้าเป็นกล้าที่มีอายุ 8-12 วัน มีใบ 2 ใบ ถอนเบา ๆ ตรงโคนต้น ไม่ให้ต้นกล้าหลุดออกจากเมล็ดพันธุ์และให้มีดินเกาะรากไว้นิดหน่อย และรีบนำกล้าไปปักดำทันที ภายใน 15-30 นาที

ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้จับโคนราก แล้วนำไปปักให้รากอยู่ในแนวนอนลึกประมาณ 1 เซนติเมตร ปักดำกล้าทีละต้น ให้มีความห่างของระยะต้นไม่น้อยกว่า 25 เซนติเมตรเท่า ๆ กัน จนเหมือนสี่เหลี่ยมจัตุรัส ปักดำในระยะห่าง 30 x 30 เซนติเมตร สำหรับแปลงนาขนาดเล็ก หรือ 40 x 40 เซนติเมตร สำหรับแปลงนาขนาดใหญ่ ปล่อยน้ำเข้านาให้สูง 2 เซนติเมตรทุกๆ เช้า แล้วปล่อยออกในช่วงบ่าย หรือสามารถปล่อยทิ้งให้นาแห้งประมาณ 2-6 วัน เมื่อข้าวแตกกอ ปล่อยให้แปลงข้าวแห้งลงไปในเนื้อดิน จนเป็นรอยแตกบนผิวโคลน ขณะที่ข้าวตั้งท้องจนเริ่มออกรวง ปล่อยให้น้ำท่วมสูงประมาณ 1-2 เซนติเมตร ทันทีที่ต้นข้าวเริ่มลู่ลง เพราะน้ำหนักของเมล็ดข้าว ก็จะปล่อยน้ำออกจากนาจนกว่าจะแห้งและถึงเวลาเก็บเกี่ยว กำจัดวัชพืช 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่ออายุข้าว 10 วัน ครั้งที่ 2 เมื่ออายุข้าว 25-30 วัน ครั้งที่ 3 เมื่ออายุข้าว 50-60 วัน โดยการถอนด้วยมือ สำหรับการกำจัดศัตรูของข้าว เช่น ปู หอยเชอรรี่ เลี้ยงกบ และเป็ดในนาข้าว เพื่อกินศัตรูพืชเหล่านั้นแต่เมื่อข้าวออกรวงจะไม่ให้เป็ดเข้านา

ประโยชน์และผลดีในการใช้กล้าอายุสั้นและปักดำต้นเดียวต้นกล้าที่มีอายุ 8-12 วัน หรือมีใบเล็ก ๆ สองใบ และยังมีเมล็ดข้าวอยู่นั้น จะช่วยให้ประสิทธิภาพในการเจริญเติบโตดีและการผลิตหน่อจะมีมาก การใช้กล้าต้นเดียวปักดำ จะช่วยในการแพร่ขยายของราก สามารถดูดซับธาตุอาหารได้ดีกว่าปลูกกล้าหลายต้น การปักดำให้ปลายรากอยู่ในแนวนอน ปลายรากจะชอนไชลงดินได้ง่ายและทำให้ต้นข้าวตั้งตัวได้เร็ว การปักดำในระยะห่างช่วยให้รากแผ่กว้างและได้รับแสงแดดมากขึ้น ง่ายต่อการกำจัดวัชพืช และประหยัดเมล็ดพันธุ์ ทำให้ข้าวแตกกอใหญ่ และการปล่อยให้ข้าวเจริญเติบโตในดินที่แห้งสลับเปียกทำให้ข้าวสามารถดึงออกซิเจนจากอากาศได้โดยตรง และรากของต้นข้าวสามารถงอกยาวออกเพื่อหาอาหาร ประหยัดเมล็ดพันธุ์ในการเพาะปลูก ประหยัดน้ำได้ครึ่งหนึ่งจากการทำนาแบบปกติ สามารถใช้ได้กับทุกสายพันธุ์ข้าว แต่หากต้องการผลผลิตสูงควรเลือกพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่ และสภาพอากาศและจากประสบการณ์ของ นายอ่าง เทียมสำโรง เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ ลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พบว่าหากเป็นนา อินทรีย์ ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 60% ประหยัดแรงงานในการลงกล้า ประหยัดต้นทุนในการผลิต การกำจัดวัชพืชทำได้ง่าย เพราะมีช่องว่างระหว่างกอข้าว หรือการควบคุมน้ำเข้า-ออกทำได้ตามที่ต้องการ เมื่อได้ข้าวมากจากต้นทุนที่ต่ำก็แน่นอนว่ากำไรก็ย่อมที่จะเพิ่มขึ้นกว่าการปลูกด้วยวิธีเดิม ๆ และผลผลิตจากการปลูกข้าวในระบบนี้ของนายอ่าง ทางสหกรณ์ลำพระเพลิงได้เข้ามาสนับสนุนในการส่งเสริมการขายด้วย.กินจ

----------------------------------------


เดินชมทุ่งเวลานี้ พบเห็นแปลงปลูกข้าว “ระบบกะเสดสุม (ดำนาแบบก้ากีบเดียว)” ให้ผมเฝ้าติดตามอยู่หลายแปลง ไม่ว่าที่ทุ่งนามัน ทุ่งนาธาตุ ทุ่งหนองหอย หรือทุ่งอีเฒ่า ได้ความว่าได้รับการสนับสนุนจาก โครงการชลประทานขนาดหน้อยประชาชนคุ้มครอง โดยเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB)

การปลูกข้าวด้วยวิธีนี้บ้านเราเรียก “การปลูกข้าวระบบประณีต” ภาษาสากลเขาเรียก (System of Rice Intensification, SRI) ได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกที่ประเทศมาดากัสการ์เมื่อ 25 ปีก่อน ต่อมาได้แพร่ขยายไปมากกว่า 20 ประเทศ โดยท่านได้โฆษณาไว้ว่า ให้ผลผลิตสูงถึงไร่ละ 1,200 กิโลกรัม (7.5 ตัน/เฮกตาร์) นอกจากนั้นยังมีข้อดีตรงที่ประหยัดเมล็ดพันธุ์ข้าวมากกว่าได้ 6 เท่า และประหยัดการใช้น้ำได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำที่ใช้ปกติ (แต่เขาลืมบอกไปว่าทำให้นาข้าวมีอภิมหาวัชพืชมากกว่าปกติหลายเท่า)

วิธีการปลูกข้าวแบบนี้ ท่านให้เพาะกล้าใส้กระบุงไม้ไผ่ไว้ พอกล้าอายุได้ 15 วัน ก็ย้ายลงปลูกในแปลงนาที่ได้คาดไถไว้เรียบร้อย ระยะการปลูก 30 x 30 ซม. โดยการปลูกใช้ต้นกล้าเพียงหนึ่งต้นเท่านั้น สำหรับการให้น้ำท่านให้ใส่น้ำพอท่วมแปลง คือสูงกว่าพื้น 0.5 ซม. สลับกับการปล่อยน้ำออกอย่างละ 5 วันในช่วง 3 สัปดาห์แรก จากนั้นให้ขังน้ำสลับกับปล่อยน้ำทุกๆ 10 วัน และหยุดให้น้ำสองสัปดาห์ก่อนการเก็บเกี่ยว

วิเคราะห์ดูข้อดีของการปลูกข้าวด้วยวิธีนี้ นอกจากจะทำให้ได้ผลผลิตสูงตามที่ได้มีรายงานการทดลองมาแล้ว ยังช่วยประหยัดเมล็ดพันธุ์ ช่วยประหยัดน้ำอีกด้วย ในเรื่องสภาวะโลกร้อนที่ชาวนาไทยกำลังตกเป็นจำเลยของชาวโลก ว่าการทำนาแบบขังน้ำนั้นทำให้เกิดการปลดปล่อยก๊าชที่ทำให้เกิดโลกร้อนมากมาย (ประเทศไทยถูกจัดอันดับที่ 8 ของโลกเรื่องการปลดปล่อยก๊าซโลกร้อน) ซึ่งกลไกของการเกิดก๊าซจากการทำนาจะเป็นอย่างไรนั้นผู้เขียนก็ได้คืนความรู้ให้ท่านอาจารย์สุพจน์หลังจากสอบวิชา “submerge soil (ดินขังน้ำ)” ไปเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนโน้นเรียบร้อยแล้ว แต่ก็คิดว่าการปล่อยน้ำสลับกับการขังน้ำเพียงเล็กน้อยเช่นนี้จะช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเจ้าปัญหานี้ได้

แต่ข้อจำกัดของการปลูกข้าวแบบประณีตที่ผมเห็นก็มีหลายประการที่ต้องแก้ไข เช่น ปัญหาด้านวัชพืชในแปลงนา ปัญหาข้าวถูกหอยและปูกัดทำลายเพราะต้นกล้าขนาดเล็กมากแถมยังมีเพียงต้นเดียว

นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดที่ว่าสภาพที่นาต้องมีน้ำอุดมสมบูรณ์พร้อมที่จะระบายน้ำออก และขังน้ำได้ทุกเมื่อได้มีโอกาสได้อ่านรายงานการทดลองในบางประเทศ พบว่าการปลูกข้าวโดยวิธีนี้ได้ผลผลิตสูงกว่าการทำนาแบบธรรดาอยู่บ้าง แต่ก็ต้องขึ้นกับปัจจัยหลายๆอย่าง การทดลองในเมืองไทยของกรมการข้าวรายงานว่าได้ผลผลิตสูงกว่าการปลูกข้าวแบบทั่วไป 12% ผลการทดลองในศรีลังการายงานว่าการปลูกข้าวแบบประณีตได้ผลผลิตสูงกว่าการทำนาหว่าน 20% ส่วนรายงานผลการทดลองในประเทศลาวซึ่งทำแปลงทดลองอยู่ 5 แห่ง พบว่ามีเพียง 2 แห่งที่ได้ผลผลิตสูงกว่าการปลูกข้าวแบบธรรมดา เนื่องจาก ดินไม่อุดมสมบูรณ์ และต้นข้าวถูกทำลายโดยหอยและปู

ส่วนผลการปลูกข้าวแบบ “กะเสดสุม” ที่เมืองหงสาจะเป็นอย่างไรนั้น ไว้ปลายปีผมจะนำมารายงานครับ

https://www.gotoknow.org/posts/280085

-------------------------------------------------------------




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©