-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ถาม-ตอบปัญหาการเกษตร 5 OCT *ขยายพันธุ์โฮย่า, *ปลูกมะลิ, *ปลูกคะน้า, *ปลูกสำปะหลัง, *มะม่วงแตกใบอ่อน, *กล้วยไม้ปลูกเล่น, *พริกผลหงิก, *มะนาวกระถาง, *เพาะฟ้าทะลายโจร, *พริกเผ็ดที่สุด, *ผักเจอินทรีย์, *ข้าวใบเหลือง,
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบปัญหาการเกษตร 5 OCT *ขยายพันธุ์โฮย่า, *ปลูกมะลิ, *ปลูกคะน้า, *ปลูกสำปะหลัง, *มะม่วงแตกใบอ่อน, *กล้วยไม้ปลูกเล่น, *พริกผลหงิก, *มะนาวกระถาง, *เพาะฟ้าทะลายโจร, *พริกเผ็ดที่สุด, *ผักเจอินทรีย์, *ข้าวใบเหลือง,
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบปัญหาการเกษตร 5 OCT *ขยายพันธุ์โฮย่า, *ปลูกมะลิ, *ปลูกคะน้า, *ปลูกสำปะหลัง, *มะม่วงแตกใบอ่อน, *กล้วยไม้ปลูกเล่น, *พริกผลหงิก, *มะนาวกระถาง, *เพาะฟ้าทะลายโจร, *พริกเผ็ดที่สุด, *ผักเจอินทรีย์, *ข้าวใบเหลือง,

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 05/10/2014 6:59 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบปัญหาการเกษตร 5 OCT *ขยายพันธุ์โฮย่า, *ปลูกมะลิ, *ปลู ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ทางรายการวิทยุ 5 OCT

AM 594 เวลา 08.10-09.00 & 20.05-20.30 ทุกวัน และ FM 91.0 (07.00-08.00 / วันอาทิตย์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธันเดอร์แคล, เอ็ม.แคล--- ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณอรุณ” (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.

7) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)


มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
.... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .........
.... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .........

-----------------------------------------------------------



จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ขยายพันธุ์โฮย่า ทำอย่างไร....?
ตอบ :
โฮย่า บางท้องที่เรียกว่า ด้าง หรือเทียนขโมย เป็นไม้ประดับของไทยอีกชนิดหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยม พบมากในป่าเต็งรัง ตั้งแต่ประเทศไทย พม่า และลาว จัดเป็นไม้ป่าที่คนไทยนำมาพัฒนาเป็นไม้ประดับ

นิยมมอบโฮย่า เป็นของขวัญในเทศกาลที่สำคัญ โดยเฉพาะในเทศกาลวาเลนไทน์จะนิยมซื้อโฮย่าแทนดอกกุหลาบ เพราะลักษณะของใบเหมือนรูปหัวใจ และเปรียบโฮย่าเหมือนหัวใจที่มีชีวิตไม่ตาย มีคุณค่าทางจิตใจเหมือนการฝากหัวใจไว้ให้ดูแล ความนิยมในการมอบโฮย่าในวันวาเลนไทน์หลายคนจึงขนานนามไม้ประดับชนิดนี้ว่าหัวใจทศกัณฐ์

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURONWIzVXdOREF6TVRFMU5BPT0=


ชื่อการค้า-ชื่อพันธุ์ ที่บ้านเราเรียกๆกัน มีตั้งแต่ โฮย่า, กระดุมแดง, จักรพรรดิ์, ประกายแก้ว, ผกาแก้ว, พญามุจลินทร์, ตุ้มหูเพชร, ลูกศร, ฮาวาย, และอื่นๆ อีกมากมาย ขอบอกว่าบางชื่อคนขายเค้าก็แต่งเองจึงไม่ค่อยมีมาตรฐานเท่าไร เพราะพันธุ์เค้าเยอะอยู่ มีหลากหลายชนิด หลากหลายขนาด ดอกมีหลายสี แต่จะออกไปทางโทนสีขาว ขาวอมชมพู ชมพู และแดง หอมแรงต่างกัน บางชนิดก็มีกลิ่นไม่หอม ใบมีหลายรูปแบบทั้งแบบใบรีๆ หนาๆ ธรรมดา ไปจนถึงใบบิดเป็นเกลียวก็มี ที่พวกเราเห็นกันบ่อยแต่อาจจะไม่รู้ก็ ใบรูปหัวใจ ที่เค้าชอบเอามาแบ่งขายกัน

http://thinkofliving.com/2011/10/02/hoya1/


ขยายพันธุ์โดยปักชำ :
1. เลือกกิ่งกลางอ่อนกลางแก่ ตัดยาว 1 คืบมือ หรือ 3 ข้อตา โดย 2 ข้อตาให้มีใบ 1-2 คู่ ส่วนข้อตาล่างสุดให้มีราก

2. ปักลงในวัสดุเพาะชำที่ทำจากขุยมะพร้าวแห้งเก่า ในกระถางหรือถุงพลาสติก ปักลึกมิดราก กดวัสดุเพาะให้แน่นพอประมาณ

3. เก็บหรืออนุบาลในร่ม ประมาณ 15 วัน รากจะเริ่มเดิน
4. รากเดินดีแล้วนำไปปลูก ณ ที่ต้องการได้

-----------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มะลิ ตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยว ทำอย่างไรบ้าง.... ?
ตอบ :
- คำถามสั้น คำตอบยาว เขียนหนังสือได้เป็นเล่ม แนะนำให้ไปอ่าน วิธีการปลูกมะลิแบบครบวงจร ในเน็ต เกษตรลุงคิมดอทคอม. พบข้อสงสัยแล้วค่อยมาถามใหม่

- การที่จะให้พูดที่นี่ก็พอได้ ถ้ามีเวลา ประมาณ 1 ชม. แต่อยากถามว่า จะจำได้ทั้งหมดเลยเหรอ ? .... ว่ามั้ย เพราะคนไทย ขี้เกียจอ่านหนังสือ

- ที่นี่ รายการนี้ น่าจะถามว่า “..... เดือนนี้ ต.ค. เดือนหน้า พ.ย. ต่อไปเดือน ธ.ค. ดอกมะลิราคาแพงมาก เรียกว่ามะลิแจ๊คพ็ต ลิตรละ 2,000-3,000 เพราะฉะนั้น เดือนนี้ ต.ค. เดือนหน้า พ.ย. ควรเตรียมต้นมะลิอย่างไรให้ออกดอกเดือน ธ.ค. .... น่าถามกว่านะ

-----------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ปลูกคะน้า คลุมฟางเพื่ออะไร....?
ตอบ :
- เนื่องจากเมล็ดคะน้ามีขาดเล็กมาก เล็กกว่าเมล็ดงา
- เตรียมแปลงแล้วคลุมแปลงด้วยฟาง ยีฟางให้โปร่ง แล้วหว่านเมล็ดคะน้าลงไปบนเส้นฟาง
- เมล็ดส่วนหนึ่งกระทบเส้นฟางแล้วกระเด็น เมื่อหว่านเมล็ดหมดแล้ว ยีฟางซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้เมล็ดกระจายตัวกันห่างๆ กับเพื่อไม่ให้เมล็ดตกไปกองรวมกันอยู่ที่เดียวนั่นเอง

- คะน้าแบบหว่าน ต้นจะขึ้นเบียดกันมาก เมื่อต้นรุ่นแรกสูงประมาณ 1 ฝ่ามือ ให้ถอนไป
ขายก่อนเป็นคะน้าเล็ก กับเมื่อโตขึ้นอีก สูงราวคืบมือก็ให้ถอนแยกไปขายเป็นคะน้ากลางได้อีก จากการถอนแยก 2 รุ่น ทำให้คะน้ารุ่นสุดท้ายขึ้นห่างกัน ต้นสามารถโตได้สูงถึง 1 ศอกแขน ขายเป็นคะน้าใหญ่

-----------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : กำแพงเพชร โดโลไมท์ ภูไมท์ สำหรับสำปะหลัง ใช้อย่างไร....?
ตอบ :
- โดโลไมท์. คือ แคลเซียม คาร์บอเนต. ใส่ลงไปในดินแล้วต้องทิ้งระยะเวลาข้ามปี แคลเซียม.จึงจะออกมาให้พืชใช้ประโยชน์ได้ .... ค่า พีเอช = 14.0 (ด่างจัด) ใช้สำหรับปรับสภาพดินที่เป็นกรดจัด ดินเป็นกรดเท่าไรใส่เท่านั่น หากใส่มากเกิน ดินก็จะกลายเป็นด่างจัด ปลูกพืชไม่เจริญเติบโตอีก .... ไม่ใช่น้อยที่ราชการเอาโดโลไมท์. หรือบางครั้งก็ปูนมาร์ล (คุณสมบัติ ด่างจัดเหมือนกัน) ไปแจกถึงบ้านเกษตรกร เกษตรกรไม่เอาไม่ใช้ พ่อก็วางไว้หน้าประตูรั้วหน้าบ้านนั่นแหละ .... ออสเตรเลีย. อเมริกา. แคนนาดา. ญี่ปุ่น. เกาหลี. ทุกประเทศรอบบ้านเรา ใช้ “ยิบซั่ม” กันทั้งนั้น มีแต่พี่ไทยนี่แหละ พัฒนาซะไม่มี ใช้ปูนมาร์ล โดโลไมท์

- ภูไมซ์ เป็นชื่อการค้า ชื่อสามัญ คือ ซิลิก้า เป็นธาตุอาหารตัวสุดท้ายรองบ๊วยในจำนวน 14 ธาตุ .... ซิลิกา.ในท้องตลาดได้มาจากหินภูเขาไฟ ในธรรมชาติมีมากในพืชตระกูลหญ้า เช่น หญ้าทุกประเภท ฟางข้าว ใบอ้อย ใบไผ่ .... พืชเขตร้อนที่ต้องการธาตุซิลิก้า.มากที่สุดในบรรดาพืชด้วยกัน คือ อ้อย เพียงอย่างเดียวเท่านั้น .... กรณีชาวไร่อ้อย ถ้าไม่เผาใบอ้อยทิ้ง ปล่อยให้เน่าสลายเองก็ได้ธาตุซิลิก้าแล้ว .... ฟิลิปปินส์, อินโดเนเซีย. ญี่ปุ่น, ฮาวาย. แม้แต่ที่ย่านเขาพนมรุ้ง ได้ชื่อว่ามีภูเขาไปเก่าแก่ อายุนับล้านปี มากที่สุด ก็ไม่เป็นว่าผลผลิตทางการเกษตรจะดีเลิศซักเท่าไหร่เลย

** สำปะหลัง แบบอินทรีย์นำ เคมีเสริม ให้น้ำสม่ำเสมอเท่านั้นแหละดีเอง .... หาอะไรไม่ได้ ใส่ยิบซั่ม ขี้ไก่แกลบดิบ แค่นี้ก็เกินพอแล้วสำหรับสำปะหลัง

** สำปะหลังที่ อ.อู่ทอง สุพรรณบุรี ได้ 60 ตัน/ไร่

** สำปะหลัง แบบต้นเดี่ยว เทวาลี้ยง ได้ 4 ตัน /ไร่
** สำปะหลัง แบบต้นเดี่ยว คนลี้ยง ได้ 10 ตัน /ไร่

** สำปะหลัง แบบต้นคู่ เทวาลี้ยง ได้ 8 ตัน /ไร่
** สำปะหลัง แบบต้นคู่ คนลี้ยง ได้ 20 ตัน /ไร่

** วิธีทำ ทำอย่างไร ตามไปอ่านในเน็ต เกษตรลุงคิมดอทคอม เรื่อง สำปะหลังก้าวหน้า

------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มะม่วงน้ำดอกไม้ วันนี้แตกใบอ่อน ต้องบำรุงแอย่างไร....?
ตอบ :
* น้ำดอกไม้เป็นมะม่วงเบา ออกดอกง่าย .... การปฏิบัติวันนี้ :
- ตัดแต่งยอดแตกใหม่ที่รอยตัด ซึ่งมักจะมียอดแตกใหม่ 5 ยอด /1 รอยตัดเสมอ เรียกว่า “ฉัตร” ในจำนวนทั้ง 5 ยอดนี้ เพียง 2 ยอดที่อยู่ด้านบนของฉัตรเท่านั้นที่จะออกดอก อีก 3 ยอดที่อยู่ด้านล่างจะไม่ออกดอก ให้เด็ดทิ้ง เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองน้ำเลี้ยง และไม่ให้ทรงพุ่มแน่นทึบ โรคแมลงเข้ามาอาศัย

– ตัดแต่งยอดที่อยู่ ณ ตำแหน่งไม่ออกดอก ได้แก่ กิ่งกระโดง กิ่งน้ำค้าง กิ่งหางหนู กิ่งคด กิ่งงอ กิ่งไขว้ กิ่งชี้เข้าใน กิ่งชี้ลงล่าง กิ่งเป็นโรค ตัดทิ้งให้หมดเพื่อไม้ให้สิ้นเปลืองน้ำเลี้ยง และทรงพุ่มไม่ทึบให้โรคแมลงเข้ามาอาศัย

- บำรุง สูตรสะสมตาดอก :
* ทางใบ : ตลอดเดือน ต.ค.นี้ ให้ “น้ำ 100 ล. + 0-42-56 (200 กรัม) + น้ำตาลทางด่วน 100 ซีซี.” ทุก 7 วัน หาโอกาสให้แคลเซียม โบรอน 1 รอบ

* ทางราก : ใส่ ยิบซั่ม กระดูกป่น ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ ครั้งแรกแล้วเตรียมใส่ครั้งที่สองเมื่อเริ่มติดผลเล็ก, ใส่ 8-24-24 (1/2 กก. ต้นเล็ก, 1 กก.ต้นกลาง, 2 กก.ต้นใหญ่) /ต้น /เดือน, หญ้าแห้งคลุมโคนต้นหนาๆ ให้น้ำสม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น

- ปฏิบัติบำรุงช่วงเดือน ต.ค. นี้ให้ตลอดเดือนไปก่อน เดือนหน้า พ.ย. ค่อยว่ากันใหม่ เพราะบอกไปวันนี้เลยก็จำไม่ได้

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : กล้วยไม้หวาย ปลูกดูเล่น ดอกช่อสั้น แก้ไขอย่างไร...?
ตอบ :
- กล้วยไม้ตระกูลหวาย ใช้ น้ำ 20 ล. + ผงชูรส 1-2 ช้อนชา อาทิตย์ละครั้ง
– กล้วยไม้ตระกูลแวนด้า ใช้ น้ำ 10 ล. + ฉี่คน 1 ครั้ง อาทิตย์ละครั้ง
- กล้วยไม้ตระกูลอื่นๆ แคทลียา, ช้าง, เอื้อง, ฯลฯ ให้ น้ำ 20 ล. + กระทิงแดง 1 ขวด อาทิตย์ละครั้ง

-----------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : พริกขี้หนู แรกๆดี นานๆผลสั้นหงิกงอ เกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร...?
ตอบ :
- จับประเด็นคำว่า “หงิก” นั่นคือ พริกต้นนี้โดนเพลี้ยไฟเข้าแล้ว คงไม่ใช่ผลสั้นหงิกงออย่างเดียว ใบ ยอด หงิกทั้งต้นนั่นแหละ ที่เนื้อใบมีสีเหลือง

- เพลี้ยไฟเป็นพาหะนำไวรัสมาด้วย โรคนี้แก้ไม่ได้ ตัดทิ้งอย่างเดียว
- เพลี้ยไฟมาตอนเที่ยง ฉีดน้ำเปล่า หรือน้ำ + สมุนไพรเผ็ดจัด ฉีดวันต่อวัน ฉีดวันไหนป้องกันได้วันนั้น

-----------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ปลูกมะนาวในกระถาง บนดาดฟ้า ต้องบำรุงอย่างไร....?
ตอบ :
- เหมือนมะนาวบนพื้น ทุกประการ ทั้งทางใบทางราก
- ทางใบ : ให้สูตรสหประชาชาติ “แม็กเนเซียม. สังกะสี. 0-52-34, 13-0-46, 21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโน โปรตีน. ธาตุรอง, ธาตุเสริม” ทุก 10 วัน .... ทุกวันพุธแรกของเดือนให้แคลเซียม โบรอน .... ทุกวันพุธที่สามของเดือนให้น้ำตาลทางด่วน

- ทางราก : ใส่ยิบซั่ม กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, ปุ๋ยอินทรีย์เม็ด ทุก 3 เดือน. ให้น้ำหมักชีวภาพ 8-24-24 สลับเดือนกับน้ำหมักชีวภาพ 21-7-14, ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น

- มะนาวในกระถางถูกจำกัดด้วยธรรมชาติ รากจะออกไปหาสารอาหารนอกกระถางไม่ได้ อาหารนอกกระถางจะเข้าไปหารากก็ไม่ได้ เหมือนนกถูกขังอยู่ในกรง เพราะฉะนั้นผู้ปลูกมะนาวในกระถางจะต้องเป็นคนให้สารอาหารทั้งอินทรีย์และเคมี ครบสูตรทั้งทางใบและทางรากอย่างสม่ำเสมอ

@@ หลักการบำรุงมะนาวในกระถาง :
- บริหารจัดการ “ปัจจัยพื้นฐาน (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค)" ตามความต้องการของมะนาวในวงปูนอย่างแท้จริง
- บำรุงมะนาวแบบ อินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสมของมะนาวในกระถาง
- ลดปุ๋ยเคมี เพิ่มปุ๋ยอินทรีย์ และสารปรับปรุงบำรุงดิน
- ลดธาตุหลัก เพิ่มธาตุรอง ธาตุเสริม ฮอร์โมน และอื่นๆ ที่จำเป็น
- ให้สารอาหารครบสูตรทั้งทางใบและทางราก แบบให้น้อยบ่อยครั้ง สม่ำเสมอ

หมายเหตุ :
- สนใจปลูกพืชผักบนดาดฟ้า แนะนำให้ไปดูที่ สนง.เขตหลักสี่ ที่นั่นมีอะไรๆหลายอย่างที่น่าสนใจ ไปเห็นแล้วอาจจะชอบอย่างอื่นมากกว่ามะนาวก็ได้

-----------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ฟ้าทะลายโจรขึ้นข้างทาง เอามาขยายพันธุ์ทำอย่างไร....?
จาก :
- ขุดต้นเล็ก (กล้า) มีดินหุ้มรากมาปลูกใหม่ได้
– เก็บผลแก่คาต้น เอาเมล็ดมาโรยก็งอกได้

------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : สมุนไพรเผ็ดจัด กำจัดเพลี้ยไฟ พริกอะไรดีที่สุด....?
ตอบ :
- พริกซุปเปอร์ฮ็อต
- ถ้าเป็นพริกธรรมดาๆ ใช้รกหรือไส้ในเผ็ดที่สุด

-----------------------------------------------------


จาก : (089) 720-38xx
ข้อความ : เรียนลุงคิมค่ะ กินเจปีนี้ ผักอินทรีย์ ไม่ปุ๋ยเคมี ไม่สารเคมี ราคาแพงมาก ไม่พอขาย ได้ยินลุงคิมพูดถึง อินทรีย์เกาะขอบ ไม่มีปุ๋ยเคมีผสมเลย อยากเอามาใช้กับผักกินเจบ้าง เราต้องทำอย่างไรบ้างคะ .... ผักนครปฐม
ตอบ :
- ถึงวันนี้ สังคมคนกินไม่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้นเป็นเหมือนกันทั่วโลก ในเรื่องของอาหารการกิน นอกจากคุณภาพของสารอาหารต่อร่างกายคนแล้ว ความปลอดภัยจากการกินก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนกินให้ความสำคัญ พูดง่ายๆก็คือ ผู้คนยุคนี้ ยากดีมีจน ต่างก็ขอเอาความปลอดภัยไว้ก่อนกันทั้งนั้น เห็นง่ายๆ ชาวสวนผัก ปลูกผักเองยังไม่กินเอง นี่คืออะไร คิดเอาเองก็แล้วกัน

- ต้องแยกกันให้ออกระหว่าง “ปุ๋ยเคมี” กับ “สารเคมี” เพราะต่างก็มีคำว่า “เคมี” เหมือนกันแต่ไม่เหมือนกัน หรือคนละเรื่องกันเลย .... วันนี้ผู้คนต่างตั้งข้อรังเกียจ ทั้งปุ๋ยเคมี และสารเคมีกันมาก คนซื้อคนกินไม่น้อยยินดีจ่ายแพงเพื่อให้ได้ของกินที่ปลอดเคมีอย่างแท้จริง เรื่องนี้ เกษตรกรผู้ผลิตรู้ดีถึงพิษภัย ขนาดไม่ยอมกินผลผลิตทางการเกษตรที่ตัวเองทำ

- ปีที่แล้ว นสพ.สิงค์โปรลงข่าว ผักไทยส่งไปอเมริกา 10 LOT ถูกตีกลับ 8 LOT, ส่งไปอียู 10 LOT ถูกตีกลับ 6 LOT, ประเทศไทยนำเข้าสารเคมียาฆ่าแมลง 75,000 ล้านบาท, นำเข้าปุ๋ยเคมี 83,974 ล้านบาท โดยอ้างที่มาของข่าวกระทรวงพานิชไทย


@@ หลักการและเหตุผล :
* ปุ๋ย คือ สารอาหารสร้างการเจริญเติบโตสำหรับพืช มี 2 รูปแบบ ได้แก่ สารอาหารอินทรีย์ มาจากเศษซากพืชและสัตว์ที่เป็นธรรมชาติแท้ๆ กับสารอาหารสังเคราะห์หรือเคมี มาจากโรงงานผลิต ส่วนใหญ่ผลิตมาจากปิโตเลียม

* พืชต้องกินอาหาร เมื่อไม่ให้สารอาหารจากปุ๋ยเคมี ก็ต้องให้สารอาหารจากปุ๋ยอินทรีย์แทน ทั้งชนิดและปริมาณตามที่พืชต้องการ

*กรณีศัตรูพืช พืชต้องมีศัตรูพืช เมื่อไม่ใช้สารเคมี ก็ต้องสารสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์แทน
* สารที่เป็นพิษต่อพืช มี 2 รูปแบบ คือ สารออกฤทธิ์ในธรรมชาติ กับสารออกฤทธิ์มาจากโรงงาน

- ทั้งปุ๋ยอินทรีย์ และสารสมุนไพร บวกกันหรือผสมกันแล้วใช้พร้อมกันได้
- การป้องกันกำจัดศัตรูพืชแบบ ไอพีเอ็ม. เช่น กับดักกาวเหนียว, กับดักกาวเหนียวแสงไฟ, กับดักแสงไฟเหนือน้ำ, เลี้ยงพืชเป็นแหล่งอาศัยสำหรับแมลงธรรมชาติกำจัดแมลงศัตรูพืช, ปลูกพืชแมลงชอบสลับแถวกับพืชแมลงไม่ชอบ, ปลูกพืชกลิ่นไล่แมลงในแปลง, เปลี่ยนพืชเพื่อตัดวงจรชีวิตศัตรูพืช, บำรุงพืชให้สมบูรณ์แข็งแรงเป็นภูมิต้านทานในตัวเอง, ฯลฯ


@@ นวตกรรมใหม่ .... ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ โมเลกุลเดี่ยว :
*สูตรระเบิดเถิดเทิง (เดิม) :
- วัสดุส่วนผสม วิธีทำ : สัตว์ทะเล (กุ้ง หอย ปู ปลา), เลือด, ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, กากน้ำตาล, จุลินทรีย์กลุ่มย่อยสลายซากสัตว์ หมักนานข้ามปี ระหว่างการหมักไม่เกิดหนอน ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีแมลงวันตอม หมักนานครบกำหนดแล้ว +ปุ๋ยเคมี (ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม) เป็นน้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง “พร้อมใช้” สำหรับให้ทางดินหรือทางราก นี่คือแบบ อินทรีย์นำ เคมีเสริม....

* สูตรปรับโมเลกุล :
- วัสดุส่วนผสม วิธีทำ : สัตว์ทะเล (กุ้ง หอย ปู ปลา), เลือด, ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว +เพิ่ม 50% ของระเบิดเถิดเทิงเดิม, กากน้ำตาล, จุลินทรีย์กลุ่มย่อยซากสัตว์ หมักนานข้ามปี ระหว่างการหมักไม่เกิดหนอน ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีแมลงวันตอม หมักนานครบกำหนด ไม่+ปุ๋ยเคมี แต่ปรับโครงสร้างโมเลกุลโปรตีน จากโปรตีนที่ขนาดโมเลกุลใหญ่ผ่านปากใบพืชไม่ได้ ให้เป็นโปรตีนโมเลกุลเดี่ยว เรียกว่า “อะมิโน โปรตีน” เป็น “น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิงปรับโมเลกุล” พร้อมใช้ สำหรับให้ทางใบและทางราก .... โปรตีนโมเลกุลเดี่ยว นอกจากสามารถผ่านปากใบพืชได้แล้ว เมื่อลงดินรากก็ดูดซับไปใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการจุลินทรีย์อีกด้วย .... นี่คือแบบ อินทรีย์เกาะขอบ

จากเดิมที่น้ำหมักชีวภาพมีข้อจำกัด เช่น ปริมาณสารอาหารน้อย, ต้องเข้าสู่กระบวนการจุลินทรีย์ (ENZIME) ก่อน, ขนาดโมเลกุลใหญ่ พืชรับได้แต่ทางรากช่องทางเดียว, ครั้นปรับโมเลกุลโปรตีนให้เป็น “อะมิโน โปรตีน" แล้ว แม้พืชจะรับได้พร้อมกันทั้งสองช่องทางพอเพียงต่อการเจริญเติบโตได้ ก็ได้เฉพาะประเภท “ผักสวนครัว อายุสั้น ฤดูกาลเดียว” ใช้พัฒนาตัวเองให้เจริญเติบโตได้

ในขณะที่น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงตัวเดิมให้ทางดินนั้น สารอาหารทุกตัวต้องผ่านกระบวนการจุลินทรีย์ก่อน ระบบรากจึงจะดูดซับไปใช้ได้ กับให้ทางใบไม่ได้เพราะโมเลกุลขนาดใหญ่จึงผ่านปากใบไม่ได้

- อัตราใช้ และวิธีใช้ :
* ทางใบ .... น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงปรับโมเลกุลแล้ว 20 ซีซี./ น้ำ 20 ล. ทุก 3-5 วัน
* ทางราก .... น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงปรับโมเลกุลแล้ว 2 ล./ 1 ไร่ ทุก 15 วัน


@@ ผักปลอดเคมี (ปุ๋ยเคมี สารเคมี)
* เตรียมแปลง เตรียมดิน :
- ไถดะไถแปร ขี้ไถใหญ่ๆ ตากแดดจัด 10-15 แดด
- ใส่ยิบซั่ม ธันเดอร์แคล, ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กระดูกป่น ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ รดด้วยน้ำหมักชีวภาพสูตรปรับโมเลกุล 2 ล. /ไร่ แล้วไถพรวน หญ้าแห้งคลุมสันแปลงหนาๆ ปล่อยทิ้งไว้ 30 วัน เพื่อ “บ่มดิน” เป็นการให้เวลาแก่จุลินทรีย์ปรับสภาพดิน และสร้างสารอาหารรอไว้ก่อน

หมายเหตุ :
- ทั้งชนิดและปริมาณสารอาหารในน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงสูตรปรับโมเลกุล นอกจากนำไปใช้กับผักไฮโดรโปรนิกส์ได้แล้ว การนำไปใช้กับพืชอื่นที่จำเป็นหรือต้องการ +เพิ่มปุ๋ยเคมีตามความจำเป็น เช่น ไม้ผลยืนต้น หรือพืชแบบ อินทรีย์นำ เคมีเสริม ก็จะได้ประสิทธิภาพจากน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงปรับโมเลกุลเหนือกว่าน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงแบบปกติ

- นาข้าวไรซ์เบอร์รี่ ของคุณสมศักดิ์ฯ นครนายก ใช้น้ำหนักระเบิดเถิดเทิงปรับโมเลกุล มาแล้ว 3 รุ่น ได้ผลเป็นที่น่าพอใจทุกรุ่น ทั้งต้นทุนลด ผลผลิตเพิ่ม ผู้รับซื้อพอใจอย่างมาก ถึงขนาดจองล่วงหน้าทุกรุ่น

-------------------------------------------------------------


จาก : (092) 029-36xx
ข้อความ : ลุงคิมครับ นาข้าวอายุ 40 วันหลังหว่าน มีอาการใบเหลือง ผมหว่านยูเรียลงไปแล้ว ข้าวบางส่วนใบเขียวขึ้นมา แต่อยู่ได้แค่ 3 วัน เริ่มเหลืองอีก กับบางส่วนไม่ฟื้นเลยเราควรให้ แม็ก. กับสังกะสี. ในไบโออิ ฉีดทางใบ กับเอาระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 ฉีดลงดินได้ไหมครับ .... ขอบคุณครับ

จาก : (081)526-56xx
ข้อความ : ตอนนี้ข้าวเหลือง อยากทราบว่า มันเป็นอะไร มันจะเกี่ยวกับข้าวเมาตอซังหรือเปล่า และช่วยอธิบายเรื่อง ข้าวเมาตอซังด้วย......ขอบคุณค่ะ
ตอบ :
- น่าจะบอกมาหน่อยนะว่า ก่อนลงมือหว่านได้ใส่อะไรลงไปในดินบ้าง ก็มีนะที่นาบางแปลงโดนน้ำเสียจากโรงงาน หรือน้ำเสียจากบ่อขยะ ไหลงลงไป แบบนี้ต้นข้าวก็มีอาการไม่ดีได้เหมือนกัน....ทำไมพูดน้อยจัง พูดน้อยต่อยมาก หรือคมในฝัก ระวังนะ ชักออกมาฝักคมกว่า

- เดาจากอายุข้าว 40 วันแล้วเกิดใบเหลือง อันนี้น่าจะ “เมาตอซัง” ซะมากกว่า .... ถ้าเป็นจริง เท่าที่ติดตามข่าวข้าวเมาตอซังมา นาข้าวแบบล้มตอซัง ไถกลบแล้วย่ำเทือกทั้งย่ำเทือกประณีต 4 รอบเพื่อกำจัดวัชพืช ยำเทือก 2 รอบ แล้วไม่เกิดเมาตอซัง คงเป็นเพราะ “จุลินทรีย์” จะเป็นจุลินทรีย์จากน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง หรือจุลินทรีย์ประจำถิ่น หรือจุลินทรีย์จากสำนักไหนก็สุดแท้ ไม่เห็นมีใครเมาตอซังซักราย นั่นแสดงว่า ป้องกันแล้วก็แก้ไขเมาตอซังด้วยจุลินทรีย์ คือ วิธีที่ถูกต้องที่สุด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า นาแปลงนี้ให้ความสำคัญแก่จุลินทรีย์บ้างหรือเปล่า ..... เมื่อถามมาก็ตอบไป

– สำหรับคำถามแรก .... ถ้าเป็นเพราะเมาตอซังจริง ให้สูบน้ำดีไล่น้ำเก่า ปล่อยหน้าดินไว้ 3-5 วันก่อน แล้วให้น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (2 ล.) +16-8-8 (10 กก.) /ไร่ ปรับหัวฉีดเม็ดใหญ่ๆ ฉีดแหวกต้นข้าวลงพื้นไปเลย พร้อมกับให้ทางใบด้วย ไบโออิ + ยูเรีย จี 2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน

– สำหรับคำถามที่สอง เอาตามที่จะบอกต่อไปนี้ ....



คำถามเดิม คำตอบเดิม คำถามใหม่....

จาก : (088) 934-27 xx
ข้อความ : นาข้าวไถกลบฟางครั้งแรก ไถกลบแล้ว 1 อาทิตย์ได้หว่าน วันนี้ต้นข้าวได้ 20 วัน ใบแดงทั้งแปลง เป็นเพราะอะไร แก้ไขได้ไหม ... ขอบคุณครับ
ตอบ :
@ ข้อมูลทางวิชาการ :
* นี่คือ “โรคเมาตอซัง” (Akiochi) : พบมาก นาชลประทาน ภาคกลาง
* สาเหตุ : ไม่มีเชื้อสาเหตุ (โรคไม่มีเชื้อ) เกิดจากความเป็นพิษของสภาพดินและน้ำ .... พิษเกิดจากแก๊สไข่เน่า .... แก๊สไข่เน่าเกิดจาก “ฟาง/วัชพืช/อินทรีย์วัตถุอื่นๆ” ยังย่อยสลายไม่เรียบร้อย .... ย่อยสลายไม่เรียบร้อยเพราะ ทำไม่ถูกวิธี ไม่มีความรู้เชิงวิชาการ ใจร้อน

* อาการ : เริ่มพบอาการเมื่อข้าวอายุประมาณ 1 เดือน หรือระยะแตกกอ ต้นข้าวจะแสดงอาการคล้ายขาดธาตุไนโตรเจน ต้นแคระแกร็น ใบซีดเหลืองจากใบล่างๆ มีอาการโรคใบจุดสีน้ำตาล พบเมื่อการเน่าสลายของเศษซากพืชในนายังไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดสารพิษ เช่น สารซัลไฟด์ ทำลายรากข้าวทำให้เกิดอาการรากเน่าดำ รากไม่สามารถดูดธาตุอาหารจากดินได้ ต้นข้าวจึงแสดงอาการขาดธาตุอาหาร และจะสร้างรากใหม่ในระดับเหนือผิวดิน ปัญหานี้มักเกิดจากการที่เกษตรกรทำนาอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการพักนา

* การแพร่ระบาด : เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่มีเชื้อสาเหตุ จึงไม่มีการระบาดติดต่อกัน
* การป้องกันกำจัด :
- ระบายน้ำเสียในแปลงออก ทิ้งให้ดินแห้งประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้รากข้าวได้รับอากาศ หลังจากนั้นจึงนำน้ำใหม่เข้าและหว่านปุ๋ย

- หลังเก็บเกี่ยวข้าว ควรทิ้งระยะพักดินประมาณ 1 เดือน ไถพรวนแล้วควรทิ้งระยะให้ตอซังเกิดการหมักสลายตัวสมบูรณ์อย่างน้อย 2 สัปดาห์

- ไม่ควรให้ระดับน้ำในนาสูงมากเกินไปและมีการไหลเวียนของน้ำอยู่เสมอ

http://www.brrd.in.th/rkb/disease%20and%20insect/index.phpfile=content.php&id=130.htm

ประสบการณ์ตรง :
- เมาตอซัง เป็นเพราะแก๊สไข่เน่า (ไฮโดรเจน ซัลไฟด์) ซึ่งเกิดจากฟางที่กำลังเริ่มย่อยสลาย แล้วไม่มีจุลินทรีย์ หรือมีจุลินทรีย์ประเภทไม่มีประสิทธิภาพในการย่อยสลายฟางโดยเฉพาะ จึงทำให้เกิดแก๊สดังกล่าว.....แก้ไขโดย
1) เอาน้ำเก่าออก เติมน้ำใหม่เพื่อไล่น้ำเก่า
2) ใส่จุลินทรีย์ประเภทย่อยสลายฟางโดยเฉพาะ (ขยายเชื้อมาจากฟาง, จุลินทรีย์จาวปลวก, จุลินทรีย์หน่อกล้วย)

3) ใส่น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (สูตรหน้าเว้บ) ซึ่งจะได้ทั้งจุลินทรีย์ สารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ประจำถิ่น และสารอาหารสำหรับพืช
4) ลงมือย่ำเทือก เพื่อระบายแก๊สไข่เน่า และเพื่อเติมอ๊อกซิเจนสำหรับจุลินทรีย์ในย่อยสลายฟาง

(.....เศษซากพืชสดใหม่ทุกชนิด ปุ๋ยคอกใหม่ ใส่ลงไปในดินหรือคลุมโคนต้น แล้วต้นเกิดอาการใบเหลือง เหี่ยว ยืนต้นตาย ที่เกษตรกรเรียกว่า "ร้อน" นั้น ก็มาจากสาเหตุแก๊สไข่เน่าตัวนี้เช่นกัน....)

- ต้นข้าวที่จะเมาตอซัง มักเกิดกับต้นข้าวระยะกล้าช่วงแรกๆ ต้นสูงราวฝ่ามือ ถึง 1 คืบมือเท่านั้น หลังจากนั้นมักไม่ค่อยเป็น เพราะฟางถูกย่อยสลายหมดแล้ว.....

แก้ไขโดย .... หลังจากหมักฟางและก่อนเริ่มลงมือทำเทือก ให้ตรวจสอบการย่อยสลายของฟางโดยเดินย่ำลงไป จะมีฟองอากาศที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ถ้าฟองนั้นมี "กลิ่นเหม็น" แสดงว่าในฟางมีแก๊สไข่เน่า ให้ระบายน้ำออกจากแปลงนาให้หมด แล้วสาดน้ำจุลินทรีย์หน่อกล้วย หรือกากน้ำตาล หรือน้ำมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (ไม่ +ปุ๋ยเคมี) แล้วทิ้ง ไว้ 7-10 วัน จึงสูบน้ำเข้าแปลง พร้อมกับเติมจุลินทรีย์หน่อกล้วย หรือกากน้ำตาล หรือน้ำมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (+ปุ๋ยเคมี) อีกครั้ง หมักต่ออีก 7-10 วัน แล้วตรวจสอบโดยการย่ำลงไปในแปลงแบบเดิมเพื่อพิสูจน์กลิ่นแก๊สไข่เน่า จากฟางอีกครั้ง .... ถ้ามีแผนการย่ำเทือกหลายๆรอบ ก่อนลงมือย่ำรอบใหม่แต่ละครั้ง ให้เดินลงไปตรวจสอบแก๊สในดินก่อน ก็จะรู้ทันทีว่ามีแก๊สไข่เน่าหรือไม่ แล้วมือย่ำรอบใหม่ การย่ำเทือกเท่ากับเป็นการเติมอ๊อกซิเจนลงไปในดิน ออกซิเจนนอกจากช่วยขับไล่แก๊สไข่เน่าแล้ว ยังช่วยบำรุงจุลินทรีย์ ทั้งจุลินทรีย์ในน้ำหมัก และจุลินทรีย์ประจำถิ่น

ถ้ามีฟองแต่ "ไม่เหม็น หรือ มีกลิ่นหอม" ของฟางข้าว แสดงว่าไม่มีแก๊สไข่เน่า จะย่ำเทือกเทือกต่อตามแผนก็ได้ หรือจะลงมือปลูกข้าวเลยก็ได้ ..

- ต้นข้าวที่โตแล้ว หรืออายุเกินระยะกล้าแล้ว มีอาการใบเหลือง หรือใบไหม้ แสดงว่าเป็นโรค (รา-แบคทีเรีย) แก้ไข โดยฉีดพ่น สารสมุนไพร + สารอาหาร หรือ สารสมุนไพร + สารเคมี + สารอาหาร ตามความเหมาะสม

--------------------------------------------------------------



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©