-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 21 AUG *หน่อไม้ฝรั่งโทรม, พิสูจน์น้ำหมักฯ
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 21 AUG *หน่อไม้ฝรั่งโทรม, พิสูจน์น้ำหมักฯ
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 21 AUG *หน่อไม้ฝรั่งโทรม, พิสูจน์น้ำหมักฯ

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 21/08/2014 8:42 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 21 AUG *หน่อไม้ฝรั่งโทรม, พิสูจน์น้ำหมัก ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางรายการวิทยุ 21 AUG

AM 594 เวลา 08.10-09.00 & 20.05-20.30 ทุกวัน และ FM 91.0 (07.00-08.00 / วันอาทิตย์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธันเดอร์แคล, เอ็ม.แคล--- ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณอรุณ” (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.

7) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)


มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
.... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .........
.... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .........

-----------------------------------------------------------



จาก : (083) 294-46xx
ข้อความ : ลงหน่อไม้ฝรั่งไว้ 4 แปลงยกร่องแห้ง อายุ 5 ปี หน่อเริ่มน้อยและเล็กลง อยากขอสูตรบำรุงหน่อไม้ฝรั่งของลุงคิมด้วยครับ .... ขอบคุณครับ
ตอบ :
- ต้นตอของปัญหาที่แท้จริงเกิดจาก "ดิน" งานนี้บอกได้เลยว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมา คุณปฏิบัติต่อดินปลูกหน่อไม้ฝรั่งแบบทำลายมากกว่าบำรุง ผลจากเหตุจริงๆที่เห็น คือ ดินแน่น ดินเป็นกรด ดินเป็นกรดเพราะปุ๋ยเคมี ปุ๋ยเคมีมากเกินต้นเอาไปกินไม่หมด เรียกว่าเหลือตกค้าง ตัวปุ๋ยเคมีเองเป็นกรด เมื่ออยู่ในดินจะไม่ทำให้ดินเป็นกรดได้อย่างไร รวมทั้งสารเคมีก็เป็นกรด จึงเหมือนกับ เสริม/เติม/เพิ่ม ความเป็นกรดเข้าไปอีก .... หากยังทำแบบเดิมอยู่อีก 2-3 ปี ต้นตาย หน่อไม้ฝรั่งตายแล้วจะเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นก็ไม่ได้ เพราะดินมันตายแล้วนี่แหละ

- เป็นไปได้ไหมหรือว่าจะดีกว่าไหม ถ้าจะเปลี่ยนแนวเคมีเพียวๆ มาเป็นอินทรีย์เคมีผสมผสานกัน .... ทางดินใส่ยิบซั่ม เฟอร์มิกซ์, ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กระดูกป่น, ขี้วัวแกลบดิบ พรวนดิน พูนดินโคนต้น คลุมโคนต้นด้วยหญ้าแห้งฟางแห้งหนาๆ ทำทุก 4 เดือน หรือ 3 ครั้ง/ปี ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง เดือนละครั้ง

- เป็นไปได้ไหมหรือว่าจะดีกว่ามั้ย .... เอาเงินค่าปุ๋ยเคมีมาซื้อพวกนี้ หรือแม้แต่น้ำหมักก็ทำเอง คิดว่าต้นทุนน่าจะต่ำกว่าปุ๋ยเคมีเพียวๆ ไหม ? แถมดินดี อนาคตเลิกปลูกหน่อไม้ฝรั่งเปลี่ยนเป็นปลูกอะไรก็ได้ เพราะดินดีอยู่แล้ว

- ทำไม่ทำแบบ อินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสมของหน่อไม้ฝรั่ง .... คิดว่าหน่อไม้ฝรั่งไม่ชอบวิธีการแบบนี้เหรอ หรือว่ายาก ยากตรงไหน ยากที่ใจหรือเปล่า

- ขึ้นชื่อว่าพืชทุกพืชในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นพืชเมืองร้อนเมืองหนาว ที่เกิดเองตามธรรมชาติ หรือมีคนทำให้เกิด เมื่อเกิดมาแล้ว “ไม่โต ไม่งาม” ต้องมีปัจจัยพื้นฐานเพื่อการเพาะปลูก คือ “ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค” เป็นสาเหตุเหมือนกันทั้งสิ้น พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่มีพืชใดในโลกนี้ได้รับการยกเว้นหรือไม่พึ่งพาปัจจัยทั้ง 6 นี้ไปได้เลย ดังนั้น แนวทางวิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุที่ต้นพืช “ไม่โต-ไม่งาม” จึงต้องดูที่ปัจจัยเหล่านี้ นั่นคือ :

“ดิน” .......... ต้องรู้ว่าดินดีไหม ? เหมาะกับหน่อไม้ฝรั่งต้องมีลักษณะอย่างไร ? มีองค์ประกอบอะไร ?
“น้ำ” .......... ปริมาณที่พอดี คือ ชื้น (ชื้น-ชุ่ม-โชก-แฉะ-แช่) สม่ำเสมอ

“แสงแดด” ..... หน่อไม้ฝรั่งต้องการแสงแดด 100% ตลอดทั้งวัน
“อุณหภูมิ” ..... ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะโซนภูมิศาสตร์โลกของเรา O.K อยู่แล้ว
“ฤดูกาล” ...... หน้าร้อน/หน้าฝน หน้าหนาว อาจพิจารณาเสริมสารอาหารบางตัว

“สารอาหาร” ... ปุ๋ยอินทรีย์/เคมี, ปุ๋ยทางใบ/ทางราก, สมการปุ๋ย, ข้อดี/ข้อเสียของปุ๋ยแต่ละชนิด,
“สายพันธุ์” ..... ไม่ต่างกันนักถ้าบำรุงดี ถูกต้อง เหมาะสม
“โรค” .......... ต้องรู้ว่าหน่อไม้ฝรั่งมีศัตรูพืชอะไรประจำตระกูล, ใช้วิธีกันก่อนแก้,

* สรุป :
- เป็นโชคดีของชาวสวนหน่อไม้ฝรั่งที่มีผู้รับซื้อมาถึงสวน ทำให้มีตลาดแน่นอน ปัญหาจริงๆไม่ใช่อยู่ที่ผู้รับซื้อ แต่อยู่ที่ผู้ผลิต คือ ชาวสวนเองที่ไม่รักษาคุณภาพของหน่อไม้ฝรั่งให้ได้ตามที่ผู้รับซื้อกำหนด หรือไม่รักษากติกาที่ตกลงกันไว้ โดยเฉพาะสารเคมียาฆ่าแมลงปนเปื้อน ซึ่งสารเคมีได้สร้างความเสียหายให้แก่ผู้รับซื้อมาไม่ใช่น้อย ในขณะที่ชาวสวนเองก็เสียหายเหมือนกัน เช่น ต้นทุนค่าสารเคมียาฆ่าแมลง การถูกตัดออกจากการเป็นสมาชิก เสียเครดิตความน่าเชื่อถือทั้งในประเทศและต่างประเทศ วันนี้หน่อไม้ฝรั่งส่งออกญี่ปุ่นเป็นหลัก ที่จริงยังมีอีกหลายประเทศที่สนใจจะนำเข้าบ้าง อันนี้ชาวสวนเราน่าจะช่วยกันสร้างเครดิตความน่าเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ .... ปัญหาหลักๆ ของผู้รับซื้อ ไม่ใช่อยู่ที่ปุ๋ยเคมี แต่อยู่ที่สารเคมียาฆ่าแมลงต่างหาก

- หลักการสร้างคุณภาพ ปลูกหน่อไม้ฝรั่งต้องพูดภาษาหน่อไม้ฝรั่งเป็น, ปลูกหน่อไม้ฝรั่งตามใจหน่อไม้ฝรั่ง ไม่ใช่ตามใจคน

- มีข้อมูลที่เป็นวิชาการอย่างแท้จริง ไม่ใช่มีความรู้แค่โฆษณา
- คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ หาต้นตอของสาเหตุแห่งความล้มเหลวและความสำเร็จ จากประสบการณ์ตรง ของเรา/ของเขา-เมื่อก่อน/เดี๋ยวนี้ อย่างเป็นเหตุเป็นผล

- ทุกเรื่อง-ทุกปัญหา อุปมาเหมือนหูข้างหัว รู้แต่มองไม่เห็น มองไม่เห็นก็ไม่คิดที่จะมอง หรือเรื่องใกล้ตัวไม่รู้ เรื่องไกลตัวรู้ทุกเรื่อง ดัชนีชี้วัดความสำเร็จหรือความล้มเหลวที่เห็นชัดที่สุด คือ กำไร-ขาดทุน-หนี้-อนาคต ออกมาเป็นตัวเลขกันเลย ว่ามั้ย

--------------------------------------------------------------


จาก : (080) 712-66
ข้อความ : ผู้พันครับ ผมได้เศษปลาทะเลมา 50 กก. ทำน้ำหมักสูตรระเบิดเถิดเทิง ใส่กากน้ำตาล 10 ล. ใส่น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง ซื้อมาจากชาตรี 10 ล. หมักนาน 6 เดือน ปลาเปื่อยแล้ว ผู้พันมีวิธีพิสูจน์อย่างไรว่า มีสารอาหาร จุลินทรีย์ ฮอร์โมน อะไรบ้าง มีมากหรือน้อยแค่ไหน .... ขอบคุณครับ
ตอบ :
- เศษปลาสด 50 กก. + กากน้ำตาล 10 กก. หมัก 6 เดือนปลาเปื่อย นี่คือ อัตราส่วนพอดี ผลจากการหมักที่ได้ คือ “ปุ๋ยอินทรียชนิดน้ำ” .... เท่าที่ทำๆกันอยู่นั้น ปลา 50 กก. + กากน้ำตาล 50 กก. อัตราส่วน 1:1 แบบนี้กากน้ำตาลมากเกิน ทำให้ไปสต๊อปจุลินทรีย์ ผลก็คือกลายเป็น “ปลาแช่อิ่ม” ไม่ใช่ปุ๋ย .... กากน้ำตาลน้อยก็ไม่พอสำหรับจุลินทรีย์ ทำให้ไม่มีพลังในการย่อยสลาย ปลาสดก็เน่าแล้วเกิดหนอนอีกต่างหาก ผลจากการหมักแล้วเหม็นมีหนอนก็คือ “เชื้อโรค” นั่นเอง

– ในน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงที่ซื้อมาจากชาตรี ในน้ำหมักมีจุลินทรีย์กลุ่มย่อยสลายโปรตีนจากปลาทะเลโดยเฉพาะ ไม่ใช่จุลินทรีย์ พด. ไม่ใช่จุลินทรีย์ที่ซื้อมาจากท้องตลาด จุลินทรีย์พวกนี้เกิดเองจากการหมักปลาทะเลซ้ำแล้วซ้ำเล่า การเอาจุลินทรีย์เดิมมาใช้ต่อก็เท่ากับเป็นการ “ขยายเชื้อ” นั่นเอง

@@ พิสูจน์ :
1) สารอาหาร :
จากงานวิจัยและเอกสารทางวิชาการ ระบุว่า
- ปลาทะเล มีสารอาหารมากกว่าปลาน้ำจืด (ปลาทะเลมี แม็กเนเซียม. สังกะสี. แมงกานิส. โซเดียม. โอเมก้า. แต่ปลาน้ำจืดไม่มี)
- ปลาน้ำจืด มีสารอาหารมากกว่าหอยเชอร์รี่,
- หอยเชอร์รี่ มีสารอาหารมากกว่าผักผลไม้
- ผักผลไม้ มีสารอาหารน้อยกว่าหอยเชอร์รี่ แต่มีฮอร์โมนมาก
สรุป :
- ในวัสดุมีสารอาหารอเไร ได้สารอาหารตัวนั้น
- กรรมวิธีในการหมัก ถูกต้อง = ได้มาก, ไม่ถูกต้อง = ได้น้อย

2) กรรมวิธีในการหมัก :
- เริ่มด้วยการบดทุกอย่างให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ ในถังหมักก่อน ช่วงการหมักตอนแรกส่วนผสมบางตัวจมอยู่ก้นถัง บางส่วนลอยอยู่ที่ปากถัง ประมาณ 1 เดือน ทุกอย่างจะจมเนื่องจากถูกจุลินทรีย์ย่อยสลาย โดยที่ก้นถังมีจุลินทรีย์กลุ่มไม่ต้องการอากาศ (ไม่ต้องคน) ปากถังมีจุลินทรีย์กลุ่มต้องการอากาศ (คนบ่อยๆ) เป็นตัวเอ็นไซม์ให้ .... หมักนาน 3 เดือนได้ธาตุหลัก, หมักนาน 6 เดือนได้ธาตุรอง, หมักนาน 9 เดือนได้ธาตุเสริม, หมักนาน 12 เดือนได้ฮอร์โมน .... ช่วงหมักใหม่ๆ ส่วนผสมส่วนใหญ่จะลอยอยู่ที่ปากถัง จากนั้น 3-6 เดือนจึงจมลงก้นถังทั้งหมด เพราะระบบการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์สมบูรณ์แบบ .... ส่วนผสมทุกอย่างเหลวละเอียดเป็นน้ำ ไม่มีแม้แต่เกร็ดก้างกระดูกปลา

- การบดเนื้อปลาหรือส่วนผสมทุกอย่างให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ก่อน เพื่อเป็นการช่วยย่นระยะเวลาที่จุลินทรีย์ทำการย่อยสลายให้เร็วขึ้น ถ้าไม่บดละเอียดก่อน ใส่ปลาทั้งตัวหรือส่วนผสมทั้งดุ้นแล้วปล่อยให้จุลินทรีย์ย่อยสลายเอง ต้องใช้ระยะเวลานาน 3-6 เดือน นั่นส่วนผสมทุกอย่างทุกขั้นตอนการหมักต้อง O.K. นะ แต่ถ้าส่วนผสมไม่ถูกต้อง ขั้นตอนการหมักไม่ O.K. ละก็ นอกจากเนื้อปลาหรือส่วนผสมอื่นจะไม่ย่อยสลาย กลายเป็นปลาแช่อิ่มแล้ว ยังอาจเกิดหนอน มีกลิ่นเน่า (เน้นย้ำ .... เน่า) เหม็นตลบอบอวนไปแปดบ้านได้ และนั่นคือ เชื้อโรคไม่ใช่ปุ๋ยตามวัตถุประสงค์

3) สภาพภายนอกระหว่างการหมัก :
- “ สี” สีน้ำตาลอ่อน ถึง น้ำตาลไหม้
- “กลิ่น” มีกลิ่นเฉพาะตัว เป็นกลิ่นคาวปลาสดชัดเจน ไม่เหม็นเน่าหรือชวนปวดหัว
- “กาก” ทุกอย่างจมลงก้นถัง
- “ฝ้า” แท้จริงคือซากจุลินทรีย์ที่ตายแล้ว เมื่อคนก็จะจมลงก้นถังไปเป็นอาหารให้แก่จุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตต่อไป
– “ฟอง” คืออากาศที่จุลินทรีย์หายใจ ฟองขนาดใหญ่ยังไม่เหมาะสมต่อการใช้งาน ฟองละเอียดเหมาะสม และพร้อมใช้งาน

– “หนอน” ไม่มีหนอนเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ทำ ถึงวันใช้งาน
- “แมลงวัน” ไม่มีแมลงวันตอมตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำ ถึงวันใช้งาน
– “แมลงหวี่” มีตอมและวางไข่ แต่ไข่ฟักออกเป็นตัวไม่ได้ ถูกย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ย

- “หนู/สุนัข” กินได้
- “ค่า พีเอช., ค่า อีซี” ใช้เครื่องมือวัด
- “ค่า ซี/เอ็น เรโช, ชนิด และปริมาณสารอาหาร” ต้องตรวจในห้องปฏิบัติการเคมี (LAB) เท่านั้น

(น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิงไร่กล้อมแกล้ม เคยตรวจที่กรมวิชาการเกษตรมาแล้ว 3 ครั้ง ผลการตรวจ "ผ่าน" ทั้ง 3 ครั้ง)

4. พิสูจน์จุลินทรีย์ โดย :
- ดูในถังหมักมีฟองเกิดขึ้นมาที่ปากถัง ฟองมากหมายถึงจุลินทรีย์มากและแข็งแรง ฟองน้อยหมายถึงจุลินทรีย์น้อยและไม่แข็งแรง .... อากาศร้อน จุลินทรีย์เจริญพัฒนาดี อากาศหนาว จุลินทรีย์เจริญพัฒนาได้น้อย

- ทดสอบพลังจุลินทรีย์ โดยนำน้ำหมักที่ทำมานานระยะเวลาหนึ่งแล้ว ใส่ลงขวดแล้วปิดปากขวดด้วยลูกโป่ง เก็บไว้ในร่ม อุณหภูมิห้อง ทิ้งไว้ 3-5-7 วัน สังเกตุลูกโป่ง ถ้าลูกโป่งพองโตเร็วแสดงว่าจุลินทรีย์มากและแข็งแรง ถ้าลูกโป่งไม่พองหรือพองช้าแสดงว่าจุลินทรีย์ไม่มากและไม่แข็งแรง

- ลูกป่งพอโต คือ จุลินทรีย์ประเภทต้องการรอากาศ
- ลูกโป่งยุบลงไปในขวด คือ จุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องการอากาศ
- จุลินทรีย์มีเป็น "ล้าน" ชนิด ที่มนุษย์รู้จักและตั้งชื่อแล้วนี้เป็นเพียง "เศษเสี้ยว" หนึ่งเท่านั้น
- จุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องการอากาศ มีพลังย่อยสลายสูงกว่าจุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศ
- กากน้ำตาลในน้ำหมัก เมื่อส่งลงไปในดินจะไปเป็นสารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ประจำถิ่น
- จุลินทรีย์ดีมีประโยชน์กินกากน้ำตาล หรือสารรสหวานเป็นอาหาร จะเจริญเติบโตขยายเผ่าพันธุ์เพิ่มจำนวนมากขึ้นได้ ในขณะที่จุลินทรีย์เชื้อโรคไม่กินนกากน้ำตาลหรือสารรสหวาน นอกจากไม่เจริญขยายเผ่าพันธุ์ได้แล้ว ยังอยู่ไม่ได้ คือ ตายนั่นเอง

5. พิสูจน์ความเป็นสารอาหาร โดย :
น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิงที่ไร่กล้อมแกล้ม วันดีคืนดีหนูลงไปกินน้ำหมักในถังแล้วขึ้นไม่ได้ ตกไปตาย เลยปล่อยไว้ในถังหมักอย่างนั้น กับบางครั้งเคยใช้ไม้พายคนแล้วยื่นให้หมากิน หมาเลียไม้พายหมับๆ อเร็ดอร่อย ทั้งหนูและหมากินแสดงว่าเป็น FOOD GRADE .... วันดีคืนดีอีกเช่นกัน หมาที่ไร่คาบไก่ตายมาจากฟาร์มไก่ ก็เลยจับไก่ยัดลงถังหมักทั้งตัว ราว 1-2-3 เดือน ทั้งหนู ทั้งไก่ ทั้งตัวละลายกลายเป็นน้ำ กลายเป็นโปรตีนบำรุงพืชไป

6. พิสูจน์ฮอร์โมน โดย :
- รู้จากงานวิจัยที่ระบุว่าน้ำหมักชีวภาพที่หมักจากซากสัตว์ทะเลมีฮอร์โมน ฟลาโวนอยด์. ควินนอยด์, โพลิตินอล. จิ๊บเบอเรลลิน. อ๊อกซิน. ไซโตไคนิน. ท็อกซิก, ทั้งนี้สามารถวิเคราะห์จากวัสดุส่วนผสมที่ใช้ และกรรมวิธีในการหมักเป็นเบื้องต้น หากต้องการรู้จริงๆก็ต้องเข้าห้องปฏิบัติการเคมี

- มีคราบคล้ายน้ำมันพืชลอยอยู่ที่ผิวหน้า เมื่อคนแล้วจะหายไป นั่นคือ "ฮิวมัส" ซึ่งแม้ไม่ใช่ฮอร์โมนโดยตรง แต่ก็มีประโยชน์ต่อพืชเทียบเท่าฮอร์โมนเหมือนกัน

- มีเมือกสีขาวใสคล้ายวุ้น เกาะตามส่วนผสมที่ก้นถัง เมื่อคนแล้วจะละลายหายไปกับน้ำทันที นั่นก็คือฮอร์โมนพืชเช่นกัน

หมายเหตุ :
- ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้อยู่ภายไต้กรอบ “แบบภูมิปัญญาพื้นบ้าน มาตรฐานโรงงาน มีหลักวิชาการยืนยัน”

- อียิปต์. รู้จักการทำน้ำหมักชีวภาพจากปลามาตั้งแต่สมัยสร้างปิรามิด .... จีน. รู้จักมาตั้งแต่โบราณ เดาว่ายุคสมัยสร้างกำแพงเมืองจีน .... อเมริกา. ทำมาแล้วกว่า 50 ปี วันนี้อเมริกาพัฒนาจากโปรตีนธรรมดาเป็นอะมิโนโปรตีน พัฒนาจากการทำเป็นน้ำราดรดลงดินเป็นชนิดแห้ง เวลาใช้ก็หว่านลงดินแล้วไถกลบไปพร้อมกับอินทรีย์วัตถุอื่นๆ


.... ชาวไร่อเมริกาเตรียมดินด้วยรถไถโรตารี่ หน้ารถมีแทงค์ขนาดใหญ่ บรรจุสารพัดอินทรีย์วัตถุแบบผงแห้ง โรยลงพื้นที่ด้านหน้ารถแล้วปล่อยให้ผานโรตารี่ที่ท้ายรถทำการไถกลบพร้อมกับเศษซากพืช นอกจากไถพรวนดินแล้วยังช่วยคลุกเคล้าสารพัดสารอินทรีย์ผงแห้งให้เข้ากับดินไปในตัว ....อเมริกาไม่เผาฟางแต่ไถกลบ ทำฟางธรรมดาๆใส่อะไรต่อมิอะไรลงไปให้เป็นฟางซุปเปอร์

.... กรณีชาวไร่ ชาวนาไทย วางถัง 40 หรือ 100 ล. ที่หน้ารถไถ (วิ่งขับหรือเดินตาม) ในถังใส่ “น้ำหมักชีวภาพ + ปุ๋ยเคมี + น้ำมูลสัตว์ + ยิบซั่ม + ฯลฯ” คนให้เข้ากันดี ขอบก้นถังมีก๊อก 1-2 ก๊อก ซ้ายขวา ขณะวิ่งรถไถก็เปิดก๊อกให้น้ำหมักในถังไหลออกมาลงไปที่พื้นด้านหน้ารถไถ จะให้ไหลแรงหรือค่อย ไหลช้าหรือเร็ว ตั้งได้ที่ก๊อก เมื่อน้ำหมักไหลลงพื้นที่ด้านหน้ารถไถแล้วถูกผานที่ทายรถตีให้กระจุยกระจายไปทั่วแปลงทุกตารางนิ้วได้เอง....

- สารอาหารในน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง แม้จะหมักนานข้ามปีแล้วก็ยังไม่สามารถผ่านปากใบพืชได้ เพราะเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่ หากต้องการให้โปรตีนนี้ผ่านปากใบได้ต้องเข้าสู่ขั้นตอน "เปลี่ยนโปรตีน เป็นอะมิโน โปรตีน" เสียก่อน .... แม้แต่การให้ทางดิน โปรตีนที่ได้จากปลายังเป็นโปรตีนธรรมดาๆ พืชดูดซึมไปใช้ทันทีไม่ได้ ต้องให้จุลินทรีย์ช่วยดำเนินการให้เสียก่อน ซึ่งเท่ากับเสียเวลา แนวทางแก้ปัญหาคือ เปลี่ยนโปรตีนธรรมดาๆ ให้เป็นอะมิโน โปรตีน แล้วจึงให้แก่พืช ซึ่งพืชรับได้ทันทีทั้งทางใบและทางราก

- นอกจาก กุ้ง/หอย/ปู/ปลา ทะเลแล้ว ยังมี เลือด/ไขกระดูก/นม/น้ำมะพร้าว/ขี้ค้างคาว เป็นส่วนผสมสำคัญที่หมักแยกอีกต่างหาก ฉะนี้แล้วปริมาณสารอาหารก็ยังไม่มากพอสำหรับพืชที่จะเจริญพัฒนาไปสู่ระดับเกรด เอ.ได้ จึงจำเป็นต้องเพิ่มปุ๋ยเคมีร่วมเข้าไปด้วย นี่คือที่มาของคำว่า "อินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสม" นั่นเอง....


ปล.
อย่ากังวลกับชื่อ "ระเบืดเถิดเทิง" เพราะนั่นเป็นเพียง BRAND ธรรมดาๆ ที่ใช้ในการสื่อสารกันเท่านั้น

ใครทำ ใครจะตั้งชื่ออย่างไรก็ได้ ถ้าเนื้อในเหมือนกันใช้ชื่อเดียวกันยังได้ หรือจะชื่ออะไรไม่สำคัญ ของให้คุยกันแล้วรู้เรื่อง ก็แล้วกัน

ต้นไม้ต้นพืช ไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่ฟังโฆษณา ไม่รู้จักกระทั่งเจ้าของที่เป็นคนทำ คนต่างหาก คิดเอง ถามเอง ตอบเอง ทั้งน้านนนนน

--------------------------------------------------------------



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©