-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ปาร์แมน แข่งรถโกคาท...
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบปัญหาเกษตร 9 JUN *ไทยแลนด์ คนรวย-ปชช., อินทผลัม
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบปัญหาเกษตร 9 JUN *ไทยแลนด์ คนรวย-ปชช., อินทผลัม

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 09/06/2014 9:03 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบปัญหาเกษตร 9 JUN *ไทยแลนด์ คนรวย-ปชช., อินทผลัม ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางรายการวิทยุ 9 JUN

AM 594 เวลา 08.10-09.00 & 20.05-20.30 ทุกวัน และ FM 91.0 (07.00-08.00 / วันอาทิตย์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธันเดอร์แคล, เอ็ม.แคล--- ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2 )“คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณอรุณ” (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.

7) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------



จาก : (082) 027-19xx
ข้อความ : ผู้พันครับ ดูข่าวชาวนาไทยที่วังสะพุง จ.เลย ที่นาโดนสารเคมีจากเหมืองทอง ทำให้ดินเสีย น้ำเสีย ต้นข้าวตาย อันนี้ไม่รวมชีวิตคน ปัญหาดินกับน้ำผู้พันมีไอเดียอย่างไรในการแก้ไข โดยชาวบ้าน ไม่ต้องรอพึ่งราชการ .... ของคุณครับ
ตอบ :
* หลักการและเหตุผล :

มองให้ออก สภาพแวดล้อมทุกอย่าง กับ สารเคมีทุกชนิด มันเข้ากันไม่ได้อย่างเด็ดขาด เจอะเจอกันเมื่อไรเป็นล้างผลาญกันเมื่อนั้น .... กรณีนี้ไม่ใช่เฉพาะ สภาพแวดล้อม ดิน/น้ำ วังสะพุงที่เดียว ที่ไหนก็เหมือนกัน .... สารเคมี มิใช่เพียง สารเคมีในการทำทองอย่างเดียวเท่านั้น สารเคมีอย่างอื่น เช่น ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าศัตรูพืช ซึ่งก็เคมีเหมือนกัน ย่อมมีผลทางลบต่อสภาพแวดล้อมเหมือนกันทั้งสิ้น

เพราะกฎหมายกำหนดโดย “นักธุรกิจการเมือง” เปิดช่องให้เศรษฐีที่ไหนก็ได้ เข้าไปยึดครองพื้นที่ที่มีผู้คนอยู่อาศัยประกอบสัมมาชีพมาก่อนตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ พื้นที่ตรงนั้น แม้จะไม่มีเอกสารสิทธิ์ของประชาชนโดยเฉพาะ แต่เป็นพื้นที่ที่เป็นป่าสงวน หรือเอกสารสิทธิ์อื่นๆของทางราชการก็สุดแท้ แต่การถือสิทธิตามกฏหมายเข้าไปประกอบกิจกรรมใดๆแล้วส่งผลเสียต่อประชาชนในพื้นที่ กฏหมายนั้นย่อมใช้ไม่ได้ หรือไม่ถูกต้อง เพราะหลักกฏหมายมีไว้เพื่อประชาชนทั้งประเทศ มิใช่เพื่อประชาชนเพียงบุคคลใดบุคลหนึ่งเท่านั้น เหมือนกฎหมายโรงงานอุตสาหกรรม ที่แม้เจ้าของโรงงานจะมีเอสารสิทธิ์ในที่ดิน แล้วตั้งโรงงานอุสากรรมติดชิดกับที่ดินของประชาชน ก็ตั้งไม่ได้ ฉันใด พื้นที่อณาบริเวณวังสะพุง จ.เลย แม้เจ้าของที่ดินจะมีสิทธิ์โดยชอบธรรมตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ ก็สร้างโรงงานหรือเหมืองทองคำแล้วก่อความเดือดร้อนต่อประชนในพื้นที่ไม่ได้ .... กฏหมายแบบนี้ ลูกหลานที่ร่ำเรียนทาง กฎหมาย-การปกครอง มาย่อมรู้ดีว่า อำนาจของประชานตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพระประมุข แท้จริงและถูกต้องเป็นอย่าไร .... ลุกขึ้นมาเถิดลูกหลาน ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ์อันชอบธรรมนี้ เพื่อท้องถิ่นของตัวเอง

* วังสะพุง ..... การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ :
- ปิดโรงงาน
- ยกเลิกกฏหมายประเภทนี้ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เยี่ยงนี้เกิดขึ้นอีกในทุกส่วนของประเทศ
- สร้างเศรษฐกิจจากธรรมชาติไสตล์ของท้องถิ่น เพื่อคนท้องถิ่น และโดยคนท้องถิ่น

* การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ :
- ยุติการใส่สารเคมีอย่างเด็ดขาด
- ปิดกั้นเส้นทางน้ำเดิม ทั้งทางน้ำเข้าและทางน้ำออก แล้วบำบัดน้ำเสียนั้น
- สร้างเส้นทางน้ำใหม่ เพื่อให้มีน้ำใช้
- ใช้จุลินทรีย์สลายฤทธิ์สารพิษในสารเคมี ในพื้นที่ที่ยังไม่ใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูก
- ใช้ “จุลินทรีย์ + ปลูกพืชบำรุงดิน” ในพื้นที่จะเพาะปลูก 1-2 รอบ ก่อนเพาะปลูก

- ปรับปรุงบำรุงดิน แบบ
.... ลงทุนด้วยเงิน : ซื้อยิบซั่ม, ปุ๋ยอิทรีย์ ตราคนกับควาย, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง แล้วลงมือเพาะปลูก

.... ลงทุนด้วยเวลา ไม่เอาเงิน : ปลูกพืชตระกูลถั่วปรับปรุงบำรุงดินแล้วไถกลบ 2-3 รุ่น
.... ลงทุนด้วยเวลา เอาเงิน : ปลูกพืชตระกูลถั่วไร่ (ถั่วเหลือง เขียว แดง ดำ) เอาผลผลิตแล้วไถกลบ 2-3 รุ่น





* บางตัวอย่างปัญหา ที่รอวันแก้ไข :
- ที่ดินสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน อย่างละนับหมื่นไร่ เศรษฐีจากที่ไหนไม่รู้ ถือสิทธิทางกฎหมายเข้าไปเช่าที่ระยะยาว ครั้งละหลายๆ ๆๆ สิบปี ท่ามกลางสายตาปริบๆ น้ำตาคลอเบ้า เสียงตะกุกตะกักในลำคอของชาวบ้านที่อยู่ติดรั้วแปลงเช่าระยะยาวนั้น ชาวบ้านอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่เกิด แล้วเศรษฐีตน (ตน) นั้นมันคือใคร จู่ๆก็มาอ้างสิทธิ์ตามกฏหมาย กฏหมายที่พรรคพวกมันออกมาเองทั้งนั้น ทางออกเรื่องนี้ ให้ชาวบ้านย่านนั้น (ย่านนั้นจริงๆ เกิดที่นั่น) เข้าไปเช่าที่ คนละ 10-20-30 ไร่ ด้วยสัญญาฉบับเดียวกัน จะได้ไหม ? แบบนี้รัฐก็ยังมีรายได้เหมือนกันไหม ? .... อั้ยคนเป็นรัฐบาล ไม่รู้ ก.ไม่เชื่อ

- ภูเขาหัวโล้นที่ “กรมตอไม้” รับผิดชอบ เปิดให้ประชาชนในพื้นที่ (คนในพื้นที่จริงๆ เกิดที่นั่น) เข้าไปถือสิทธิ์แบบ สปก. คนละ 10-20-30 ไร่ ให้ทำเกษตร ปลูกหรือเลี้ยงอะไรก็ได้ แต่มีข้อแม้ปลูกไม้ยืนต้นตามที่ราชการกำหนด 1 ไร่ /1 ต้น พร้อมบำรุงดูแลรักษา .... กรมตอไม้สร้างป่าไม่ได้ แล้วหวงไว้ทำไม

– เขื่อนภูมิพล กั้นแม่น้ำปิง น้ำในแม่น้ำปิงได้รับน้ำมาจากป่าต้นน้ำ วันนี้ต้นไม้ในป่าต้นน้ำหายไป น้ำไต้ดินในป่าต้นน้ำพลอยหายไปด้วย .... ถามว่า ป่าต้นน้ำหายไปไหน คำตอบก็คือ กลายเป็นรีสอร์ตไปหมดแล้วน่ะซี .... ถามว่า พื้นที่ป่าต้นน้ำอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานไหน ? ป่าต้นน้ำคนเข้าไปปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างได้อย่างไร ? รีสอร์ตใช้เวลาสร้าง 5-10 วันเสร็จเลยเหรอ ไม่ใช่นานนับเป็นปีๆ กว่าจะสร้างเสร็จเหรอ ? ขนาดนี้ จนท. กรมตอไม้ไม่รู้เรื่องได้ไง แม้แต่วันนี้ กฎหมายป่าต้นน้ำก็ยังบังคับใช้ได้อยู่ แล้วทำไม จนท. กรมตอไม้ไม่จัดการอะไรซักอย่าง แถมไปขอนอน (ฟรี) ในรีสอร์ตนั้นอีกด้วย .... คงไม่ใช่เขื่อนภูมิพลแห่งเดียว เชื่อนอื่นๆก็อีหร็อบเดียวกัน ว่ามั้ย

- โครงการ “บ้านเล็กในป่าใหญ่” ที่ อ.สิรินธร จ.อุบล โดยทหาร พล.ร.6 นำโดย พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร อดีต ผช.ผบ.ทบ. หรือ ผบ.พล.ร.6 สมัยนั้น อณุญาตให้ประชาชนในพื้นที่เข้าไปทำกินในพื้นที่ป่าสงวนที่ยังไม่เสื่อมโทรมได้ ให้ปลูกพืชอายุสั้น แซม/แทรก ในไม้ใหญ่ ไม่ต้องเสียค่าเช่าหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ชาวบ้านก็เอา หน้านาทำนาอย่างเดียว หมดฤดูทำนาแล้วก็เลิก มิใยว่าทางทหารจะแนะนำให้ปลูกอะไรอีกก็ไม่ปลูก อ้างว่า ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ต้องการเอกสารสิทธิ์เพื่อเอาไปกู้เงินมาลงทุน

- เคยสงสัยไหมว่า ที่ดิน สปก. ครอบครองโดยเกษตกรแท้ๆ ตามกฏหมายเป๊ะๆ วันนี้เปลี่ยนมือไปอยู่กับใคร ซื้อขายเปลี่ยนมือกันได้ยังไง เรื่องอย่างนี้ จนท.กฏหมายไม่รู้ เพราะเจ้าของที่ดิน สปก.มือใหม่ ล้วนแต่คนมีเงินทั้งนั้น

– มาเลเซีย .... กฏหมายที่ดินของมาเลเซีย ประชาชนไม่มีสิทธิ์ครอบครองที่ดิน ที่ดินทุกตารางนิ้วเป็นของรัฐ แล้วรัฐเป็นผู้จัดสรรให้ประชาชนเข้าไปทำมาหากิน สังเกตุดีๆ ทั้งประเทศของมาเลเซียไม่มีเขาหัวโล้น เพราะรัฐลงทุนปลูกต้นไม้ (ยางพารา ปาล์มน้ำมัน) แล้วแบ่งสันให้ประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรในพื้นที่เข้าไปทำกินนั่นเอง ต่างจากประเทศไทย อั้ยคนที่มาเป็นรัฐบาล ถือโอกาสใช้อำนาจตามกฏหมายที่มันร่างขึ้นมาเอง ..... ฮุบซะเอง

*** ทุกปัญหาในแผ่นดิน เกิดจากฝีมือ "อั้ยนักกินเมือง" ทั้งสิ้น ยิ่งอยู่นาน อยู่หลายๆสมัย พ่อมาคนเดียวไม่พอ ลูกเมียทั้งบ้านเอามาหมด ยิ่งสร้างปัญหามาก กฏหมายรัฐธรรมนูญดีๆ มีประโยชน์ต่อคนทั้งประเทศ มันก็แก้ซะ แก้ให้ตัวเองกับพวกพ้องได้ประโยชน์ ยังไงล่ะ ****


------------------------------------------------------------


จาก : (082) 394-15xx
ข้อความ : มีที่ว่าง 4 ไร่ อยากลงอินทผลัม ขอคำแนะนำด้วยครับ .... จาก ด่านช้าง
ตอบ :
- ด่านช้าง ปลูกได้แน่นอน .... ประสบการณ์ตรงที่เคยเจอ อินทผลัมปลูกที่ อ.สามพราน 2 ปีออกลูก, ที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ สระบุรี ตอนนั้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ยังไม่มีลูก, ที่ อ.พระปะแดง อายุต้นหลายสิบปี มีคนเอาลูกมันมาให้ชิม อร่อย ตอนนี้น้ำท่วมตายไปแล้ว .... เท่าที่รู้ๆมา อินทผลัมปลูกได้ตั้งแต่เชียงรายลงไปถึงนราธิวาส จากอุบลถึงกาญจน์

- อินทผลัมเป็นไม้ตระกูลปาล์ม จำพวกเดียวกันกับ มะพร้าว หมาก สละ ระกำ นั่นคือ การปลูกการบำรุงแบบเดียวกันได้

- ง่ายๆ ซื้ออินทผลัมตากในห้าง กินแล้วเอาเมล็ดนั่นแหละเพาะ เดี๋ยวก็ได้ต้นอินทผลัม .... อินทผลัมตากแห้งที่กินๆ กันนั้น การทำเหมือนกล้วยตากทุกประการ นั่นคือเป็นผลแก่จัด เมล็ดผ่านระยะพักตัวมาแล้ว จึงเพาะแล้วงอกได้

- ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการเรื่องการปลูกอินทผลัมโดยเฉพาะ .... เท่าที่สดับตรับฟังมาจากผู้รู้ (ไม่ได้โม้....) ว่า อินทผลัมที่เหมาะกับประเทศไทยต้องพันธุ์จากอิสราเอล หรือจอร์แดน. จึงจะดี.....ก็ว่ากันไป


CASESTUDY....ปลูกอินผลัมที่ลพบุรี ต้นอินทผลัมเป็นไม้ผลเมืองร้อนแถบทะเลทราย ที่มีความทนทานต่อสภาพภูมิอากาศที่แห้งแล้งได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าต้องการผลผลิตที่มีคุณภาพจะต้องมีการดูแลรักษาต้นพันธุ์ที่ดีด้วย เช่น การให้น้ำจะต้องมีอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอและเพียงพอ ปัจจุบันคุณโกเมนทร์ วรฤทธินภา อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี โทร. 08-1855-6208 ประสบความสำเร็จในการปลูกอินทผลัมชนิดกินผลสดและผลแห้ง

คุณโกเมนทร์บอกว่า คนที่จะปลูกอินทผลัมจะต้องมีความเข้าใจว่า ต้นอินทผลัมเป็นต้นไม้ที่มีดอกตัวเมียและตัวผู้แยกอยู่คนละต้น ในการปลูกเพื่อให้มีการติดผลที่ดีจะต้องปลูกทั้งต้นตัวผู้และต้นตัวเมียไว้ในสวนเดียวกัน เพื่อประโยชน์ในการผสมเกสร เมื่ออินทผลัมอายุยังน้อยการช่วยผสมเกสรเป็นเรื่องที่กระทำได้ง่าย แต่หากเมื่อต้นมีอายุมากขึ้น ความสูงจะเป็นอุปสรรคต่อการตัดเก็บดอกตัวผู้จากต้นพ่อพันธุ์นำไปผสมกับดอกตัวเมียที่ต้นแม่ ซึ่งจั่นดอกอาจแตกและบานได้ไม่พร้อมกัน จึงขอแนะนำว่าผู้ปลูกควรจะมีจำนวนต้นตัวผู้และต้นตัวเมียที่สมดุลกัน เพื่อให้การผสมเกสรเป็นไปอย่างธรรมชาติ และมั่นใจได้ว่าดอกตัวเมียจะได้รับการผสมอย่างทั่วถึง ให้ได้ผลผลิตที่ดก โดยประหยัดเวลา แรงงาน และงบประมาณในการช่วยผสมเกสร

เมล็ดของผลอินทผลัมที่ได้หลังจากบริโภคเนื้อแล้ว โดยการซื้อผลอินทผลัมแห้งจากตลาดทั่วไป สามารถนำไปเพาะเป็นต้นเพื่อปลูกได้ โอกาสที่จะได้เป็นต้นตัวผู้และต้นตัวเมียมีอย่างละ 50% แม้จะได้ต้นตัวเมียไปปลูกแต่คุณภาพก็จะไม่เหมือนกับต้นแม่เสียทีเดียว คุณภาพของเนื้ออาจจะไม่ดีเท่ากับที่เราซื้อมา อาจเทียบเท่าหรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำไป เนื่องจากผลอินทผลัมแห้งที่มีจำหน่าย เป็นผลที่ได้จากการผสมเกสรข้ามต้น จึงถือว่าเมล็ดที่ได้เป็นพันธุ์ลูกผสม ซึ่งไม่สามารถเรียกชื่อเดียวกับต้นแม่ได้ สำหรับประเทศไทยมีหลายจังหวัดที่มีสภาพภูมิอากาศและสภาพดินที่สามารถปลูกต้นอินทผลัมได้ดี แต่ในช่วงที่ผลผลิตแก่ ประมาณเดือนมิถุนายน ถึงเดือนกรกฎาคม จะเป็นฤดูฝนทำให้เกิดปัญหาผลเน่า หากผู้ปลูกที่มีเครื่องอบผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอบพลังแสงอาทิตย์ ตู้ความร้อนจากไฟฟ้า หรือแก๊ส ก็สามารถใช้ผลิตผลอินทผลัมแห้งได้ดี ผลอินทผลัมแห้งที่ได้จะมีคุณภาพเช่นเดียวกับที่มาจากประเทศกลุ่มอาหรับด้วย

ต้นพันธุ์อินทผลัมที่ดีควรเป็นต้นที่แยกหน่อจากต้นแม่ที่รู้จักชื่อพันธุ์ และมีประวัติการให้ผลผลิตที่ดี แต่ในความเป็นจริงพบว่า ส่วนใหญ่แล้ว หน่อตัวเมียจากต้นแม่หรือพ่อพันธุ์ดังกล่าว มักจะมีราคาแพง และที่สำคัญกล้ามีไม่เพียงพอที่จะนำออกมาจำหน่าย ดังนั้นต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเมล็ดจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรที่สนใจ เนื่องจากกล้าจะมีราคาถูก มีความหลาก หลายทางพันธุกรรม ได้ต้นพันธุ์ที่แข็งแรง และมีปริมาณมากพอต่อความต้องการ ถึงกระนั้นการคัดเลือกกล้าอินทผลัมที่จะนำมาเพาะปลูก ก็ควรพิจารณาจากประวัติการให้ผลผลิตของต้นพ่อแม่พันธุ์เป็นสำคัญ.

นอกจากนี้อินทผลัมยังเป็นไม้มงคลที่มีราคาแพง เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดต่างประเทศ และผลอินทผลัมก็มีราคาดีเหมือนกับทองคำ บางฤดูกาลตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาหรับต้องการซื้ออินทผลัมในราคา 1,000 บาท /กก. และต้องการเป็นจำนวนมากจนประเทศไทยไม่มีสินค้าส่งให้

เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น มีความมั่นคงในอาชีพมากขึ้น จึงทำให้เกิดโครงการวิจัยพัฒนาสายพันธุ์อินทผลัม ไร่พระราชทานพอเพียงพัฒนา เกิดวิสาหกิจชุมชนผลิตและแปรรูปอินทผลัมขึ้น มีการก่อตั้งชมรมศูนย์ส่งเสริมการปลูกอินทผลัมไทย จนกระทั่งได้จัดตั้งบริษัทพอเพียงพัฒนาวิสาหกิจชุมชน จำกัด เพื่อดำเนินการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกอินทผลัมในเวลาต่อมา โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมการปลูกอินทผลัมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนแก้จน ตำบลพระลับ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2556 ทำหน้าที่ส่งเสริมการปลูก เพาะกล้า จำหน่ายต้นพันธุ์ ให้คำแนะนำทางวิชาการ วิจัยและพัฒนาการปลูกอินทผลัม สร้างเครือข่ายผู้ปลูกอินทผลัม และรับซื้อผลผลิตเครือข่ายในราคาประกัน เกรด เอ. 300 บาทต่อกิโลกรัม และเกรด บี. 200 บาท /กก. หากเกษตรกรปลูก 1 ไร่ จำนวน 32 ต้น ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไปจะให้ผลผลิตต่อต้นประมาณ 50-500 กก. หากดูแลอย่างดีเกษตรกรผู้ปลูกอินทผลัมจะมีรายได้กว่า 1,000,000 บาทต่อไร่

http://www.datepalmthailand.com


------------------------------------------------------------



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©