-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 10 FEB *แก้วมังกรต้นเน่า, ขยายผลมะม่วง
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 9 FEB .... มะนาว, ที่ 25 ไร่, มะละกอ, กล้วยไม้, มะม่วง, ฝรั่ง, กล้วยหอม, กุหลาบ, ผักปอด, กระเพาโหระพาแมงลัก, สะเดา, กระเจี๊ยบเขียว, ฟักทอง, มั่นใจใช้ปุ๋ย
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 9 FEB .... มะนาว, ที่ 25 ไร่, มะละกอ, กล้วยไม้, มะม่วง, ฝรั่ง, กล้วยหอม, กุหลาบ, ผักปอด, กระเพาโหระพาแมงลัก, สะเดา, กระเจี๊ยบเขียว, ฟักทอง, มั่นใจใช้ปุ๋ย

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11562

ตอบตอบ: 10/02/2014 9:00 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 9 FEB .... มะนาว, ที่ 25 ไร่, มะละกอ, กล้ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร รายการวิทยุ 9 FEB

AM 594 เวลา 08.10-09.00 & 20.05-20.30 ทุกวัน และ FM 91.0 (07.00-08.00 / วันอาทิตย์)

********************************************************************


สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6
... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์--- ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112
... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์,
กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต, สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต,
ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2 )“คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณอรุณ” (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.

7) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

-------------------------------------------------------------------------------------------------------



จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : หนอนกัดใบ มะนาว มะกรูด แก้ไขอย่างไร ..... ?
ตอบ :
- หนอนคือสัตว์ เป็นสิ่งมีชีวิต ย่อมมีสัญชาติญาณในการดำรงชีวิตเพื่อความอยู่รอด
- การที่หนอนกัดใบมะนาว นั่นคือการกินของหนอน หนอนกินใบมะนาวเพราะใบมะนาวคืออาหารของมัน และหนอนกัดกินใบมะนาวเพราะชอบรสชาดของใบมะนาว นั่นเอง

- มะนาว มะกรูด เป็นพืชตระกูลส้มเช่นเดียวกับ ส้มโอ ส้มเขียวหวาน ส้มเช้ง ส้มโชกุน ซึ่งมีหนอนประเภทนี้เป็นศัตรูพืชเหมือนๆ กัน
- แม้ข้อมูลในคำถามน้อยมากๆ จนไม่สามารถวิเคราะห์แบบฟันธงถึงชื่อของหนอนได้ ต้องใช้วิธีเดา .... หนอนชนิดนี้น่าจะเป็น “หนอนแก้ว” ตัวเขียวๆ หัวโตหางเล็ก ตัวโตขนาดหลอดกาแฟ ยาวประมาณ 2-3 ซม.

– หลักการสู้กับหนอนแก้วด้วยวิธีธรรมชาติ คือ
1) เลี้ยงมดแดงในสวน ให้มดแดงจับหนอนกิน,
2) ใช้สมุนไพรรส “ขมจัด+เผ็ดจัด” ฉีดพ่นที่ใบเพื่อเปลี่ยนรสจากรสเดิมเป็นรสขมเผ็ด,
3) ใช้สมุนไพร “สะเดา หนอนตายหยาก หางไหล กลอย น้อยหน่า” ฉีดพ่น สารออกฤทธิ์แรงเทียบเท่าสารเคมีที่เรียกว่ายาน็อค ทำให้หนอนตายได้

ประสบการณ์ตรง :
ส้มโอ ส้มเขียวหวาน ส้มเช้ง มะนาว มะกรูด ที่ไร่กล้อมแกล้มไม่มีหนอนทุกชนิด เพราะ "มดแดง" คือผู้อารักขา

----------------------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : แม่ฮ่องสอน 25 ไร่ อยากทำสวนมี ผัก ผลไม้ ปลูกอะไรดี....?
ตอบ :
- ผักอะไร ผลไม้อะไร มีเป็นร้อยเป็นพันชนิด คงตอบแบบฟันธงไม่ได้ จะปลูกผักหรือผลไม้อะไรขอให้ยึดหลัก ปลูกกินตามใจคนบ้าน ปลูกขายตามใจคนซื้อ ที่นี่ให้ได้เพียงคำแนะนำการปฏิบัติบำรุงดูแลรักษาเท่านั้น

- ประเทศไทยมีกิจกรรมเกษตรให้เลือกทำมากที่สุดในโลก แต่คนไทยไม่รู้จะทำอะไร....แปลกมั้ยล่ะ ?

-----------------------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มะละกอแขกดำรูปทรงไม่ดี เกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- เป็นมะละกอตัวเมีย รูปทรงจะผิดเพี้ยนจากต้นแม่ แก้ไขไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของพันธุกรรม หรือแก้ไขโดยการตัดตอเรียกยอด แล้วเอายอดต้นกระเทยมาเปลี่ยนยอดให้ ยอดนี้โตขึ้นก็จะเป็นกระเทยเอง....หรือต้นตัวเมีย ถ้าไม่ชอบรูปทรง ก็ให้ตัดยอด เรียกยอดใหม่ แล้วเอายอดกระเทยมาเปลี่ยน จากเดิมที่เป็นต้นตัวเมียก็จะกลายเป็นต้นกระเทยได้

- มะละกอแขกดำปกติทรงลูกจะยาว เมื่อเอาเมล็ดมาปลูก ต้นที่เกิดใหม่จะกลายพันธุ์ โดยต้นกระเทย รูปทรงลูกเหมือนต้นแม่ ต้นตัวผู้มีดอกแต่ไม่คิดลูก ต้นตัวเมีย รูปทรงผลผิดจากต้นแม่ อาจจะกลมสั้น หรือบิดเบี้ยวก็ว่ากันไป
- มะละกอตัวเมีย หากบำรุงถูกต้องตามความเหมาะสมของมะละกอก็จะมีชาดดีได้ ไม่ขายหน้า

----------------------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ฮอร์โมนไข่ของลุงคิมใช้กับกล้วยไม้ได้ไหม....?
ตอบ :
- ใช้ได้ ออกดอกดี
– ประสบการณ์ตรงจากรายการที่นี่ สมช.เอาไปใช้กับกล้วยไม้เพชรหึง ออกดอกช่อดอกยาวกว่า 1 ม. สูงท่วมหัว ราว 2 ปีที่แล้วหนังสือบ้านและสวนไปถ่ายภาพมาเผยแพร่

– กล้วยไม้ที่บ้านผม แคทรียา มาดาม แวนด้า ตระกูลช้าง สารพัดกล้วยไม้ ก็ใช้ฮอร์โมนไข่นี่แหละ ก็เห็นเขาออกมาเรื่อยๆ

----------------------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มะม่วงน้ำดอกไม้ ปลายใบไหม้ทั่วต้น เกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- น่าจะเกิดจาก :
1) ปุ๋ยทางใบเข้มข้นเกิน .... แก้ไขโดยให้ แม็กเนเซียม + สังกะสี + ยูเรีย + น้ำตาลทางด่วน สลับกับ แคลเซียม โบรอน แล้วต้นจะเจริญเติบโตต่อเอง
2) เกิดจากเชื้อรา โรคขอบใบไหม้ .... แก้ไข ฉีดพ่นสารสมุนไพร “เผ็ดจัด + ฝาดจัด” 2-3 รอบ ห่างกันวันเว้นวัน
3) เมื่อไม่แน่ใจว่า เกิดจากสาเหตุไรแน่ ให้ใช้ทั้งวิธีที่ 1 และวิธีที่ 2 ร่วมกันเลยก็ได้

-----------------------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ฝรั่ง 2 ปี ไม่ออกดอก บำรุงอย่างไร...?
ตอบ :
- เดาว่า “บ้าใบ” แก้ไขโดยให้ ....
** ทางราก : ใส่ ยิบซั่ม กระดูกป่น ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ ปีละ 2 ครั้ง.... ให้ 8-24-24 (2-3 กำมือ/ต้น) + น้ำหมักชีวภาพเดือนละครั้ง .... พรวนดิน พูนดินโคนต้น 3 เดือน/ครั้ง

** ทางใบ : ลิดใบในทรงพุ่มออกให้หมด ให้ทรงพุ่มโปร่ง....ตัดปลายกิ่ง ณ ใบคู่ที่ 4-5 หรือบริเวณรอยต่อระหว่างกิ่งอ่อน (เปลือกเขียว) กับกิ่งแก่ (เปลือกสีเขียวเริ่มเทา) แล้วบำรุงทางใบด้วยฮอร์โมนไข่ ที่มีส่วนผสมของปุ๋ยเคมีสูตรสะสม
ตาดอก + เปิดตาดอก ทุก 7 วัน ฝรั่งจะแตกยอดใหม่พร้อมมีดอกมาให้ด้วย

------------------------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : แมลงอะไรไม่รู้ กัดกินเครือกล้วยหอมจนแห้ง แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- เรียนตามตรง จับงานนี้มา 20 ปี ไม่เคยแมลงกัดกินเครือกล้วยจนแห้ง เครือกล้วยไม่ใช่เล็กๆ เท่าปลายก้อย แมลงไม่ได้ใหญ่โตขนาดฝ่ามือ กินเครือกล้วยจนแห้งได้

– ขึ้นชื่อแมลง แมลงคือแมลง แมลงที่กัดกินส่วนของพืช คือ แมลงปากกัดปากดูด แมลงกินเครือกล้วยเพราะชอบรสชาติของเครือกล้วย ว่าแล้วก็ให้เปลี่ยนรสชาดของเครือกล้วย จากรสชาดเดิมเป็นอย่างไร ให้เปลี่ยนเป็นรส “ขมจัด+เผ็ดจัด” เหมือนใบมะนาว มะกรูด ตอนต้นรายการนั่นแหละ

------------------------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ดอกกุหลาบ กลีบดอกมีจุดขาวๆ เกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- ก็พอจะเดาได้ว่าเป็น “เชื้อรา” เหตุผล ช่วงนี้หน้าหนาวน้ำค้างมาก เชื้อรามากับน้ำค้าง .... แก้ไขด้วยการฉีดพ่นสารสมุนไพร “เผ็ดจัด (พริก ขิง ข่า ขมิ้น กระชาย ฯลฯ) + ฝาดจัด (เปลือกมังคุด หมาก สาบเสือ)” ฉีดตอนเช้ามือก่อนที่น้ำค้างจะแห้ง

-------------------------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ผักปอดรดด้วยกากน้ำตาล ให้เป็นปุ๋ย ใช้กากน้ำตาลอัตราส่วนเท่าไร .....?
ตอบ :
- ไม่ต้องกากน้ำตาลให้สิ้นเปลือง วางผักปอดสดๆบนพื้น ตรงจุดที่เราต้องการให้เป็นปุ๋ยในอนาคต วางชั้นเดียวแล้วหว่านปุ๋ยคอกลงไป หรือวางผักปอดชั้นแรกแล้วหว่านปุ๋ยคอก วางผักปอดทับเป็นชั้นที่สอง แล้วหว่านปุ๋ยคอก ทำเป็นชั้นๆ 2-3-4 ชั้นได้ทั้งนั้น .... อีกแบบหนึ่ง ทำเป็นกอง ผสมมูลสัตว์ให้เรียบร้อยด้วยวิธีการดังกล่าว หมักทิ้งไว้จนเปื่อยยุ่ยดี แล้วเอาไปใส่ต้นไม้ต้นพืช ก็ได้ .... มูลสัตว์ที่ใช้มูลสัตว์อะไรก็ได้ หลายอย่างดีกว่าน้อยอย่าง แต่มูลวัวดีที่สุด แล้วปล่อยไว้อย่างนั้น ความสดของผักปอดจะคายน้ำออกมาช่วยเร่งกระบวนการจุลินทรีย์ในมูลสัตว์ให้ย่อยสลายผักปอดจนเปื่อยยุ่ย กลายเป็นปุ๋ยเอง เรียกว่า ปุ๋ยพืชสด ไงล่ะ

------------------------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : อยากปลูก กระเพา โหระพา แมลงลัก ในกระถางเดียวกัน จะได้ไหม บำรุงอย่างไร....?
ตอบ :
- ผัก 3 อย่างนี้ตระกูลเดียวกัน คือ ผักกินใบ อยู่ด้วยกันได้ บำรุงอย่างเดียวกัน
- ซื้อ กระเพา โหระพา แมงลัก มาจากตลาด เด็ดยอด เด็ดใบเอาไปกินก่อน เหลือแต่ก้านเอาไปปักในกระถางที่เตรียมดินไว้ก่อนแล้ว แค่ 2-3 อาทิตย์ก็แตกยอด เกิดใบใหม่ให้เก็บกินได้แล้ว .... ใช้กิ่งพันธุ์สูง 1 ศอกแขน แตกยอดใหม่แล้วต้นสูง 1 ศอกแขนทันที

– เตรียมดินในกระถางดีๆ ใส่ยิบซั่ม ปุ๋ยคอกแห้งเก่าข้ามปี ใส่น้ำหมักชีวภาพ บ่มดินทิ้งไว้ 2-3 เดือนจึงปักกิ่งพันธุ์แล้วจะดีเอง
- ใช้ปุ๋ย “น้ำล้างเขียงปลา” ให้ดินละครั้ง เดี๋ยวโตเอง

------------------------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : กล้าสะเดา เอามาปลูกได้ไหม ..... ?
ตอบ :
- คำว่า “กล้า” หมายถึง ไม้ต้นเล็กๆ ได้มาจากการเพาะ เลี้ยงให้โตจนเขาสามารถเลี้ยงตัวเองได้จึงเอาไปปลูกในแปลงจริง
- จะปลูกต้นสะเดา ไม่เอาจากกล้าต้นเล็กๆ แต่จะเอาต้นใหญ่ขนาดสูงท่วมหัวไปปลูกเลยเหรอ นั่นเขาเรียกว่า “ล้อม” มันคนละเรื่องเดียวกันนะ

- กรณีล้อมสะเดาต้นใหญ่ทำได้ แต่ไม่เคยเห็นใครทำ เพราะอะไรก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆมา เขาเอาเมล็ดสะเดามาเพาะเป็นต้นกล้า เลี้ยงต้นกล้าก่อน จนโตพอสมควรแล้วจึงเอาต้นกล้าไปปลูกในแปลงจริง ไม่ใช่เหรอ.....

------------------------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : อยากปลูกกระเจี๊ยบเขียวไว้กินเอง เตรียมดิน เตรียมเมล็ดพันธุ์ บำรุงอย่างไร....?
ตอบ :
- เรื้องนี้ยาว แค่เวลาในรายการนี้ไม่พอหรอก แนะนำให้ตามไปอ่านในอินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิมทดอทคอม อ่านแล้วสงสัย ไม่เข้าใจ ถามในเน็ตได้

-------------------------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ที่ดิน 1 ไร่ อยากปลูกฟักทอง เตรียมดิน เตรียมเมล็ด และบำรุงอย่างไร....?
ตอบ :
- เหมือนกระเจี๊ยบเขียวเป๊ะ เรื่องไม่ใช่สั้นๆ พูดแค่ 2-3 นาทีในรายการวิทยุแล้วรู้เรื่อง ทำได้เลยซะเมื่อไหร่

--------------------------------------------------------------------------------


จาก : (080) 723-48xx
ข้อความ : ผู้พันครับ เรามั่นใจได้ไงว่า ใส่ปุ๋ย 8-24-24 แล้วต้นไม้ต้องออกดอก ใส่ปุ๋ย 21-7-14 แล้วผลต้องโต หรือปุ๋ยสูตรอื่นที่ใส่แล้วต้องได้ตามนั้น....ขอบคุณครับ
ตอบ :
- สูตรปุ๋ยทางรากไม่ใช่ตัวเลขตายตัว ว่าปุ๋ยสูตรตัวเลขนี้ต้องให้ประโยชน์แก่พืชเป๊ะๆ เพราะปุ๋ยทุกตัวเป็นเคมีที่เมื่อใส่ลงไปในดินแล้ว ย่อมเกิดปฏิกิริยาทางเคมี กับธาตุอาหารตัวอื่นซึ่งเป็นเคมีเหมือนกัน หรือเกิดปฏิกิริยากับ ดิน น้ำ อากาศ จนทำให้คุณสมบัติประจำตัวของปุ๋ยตัวนั้นเปลี่ยนไปได้

- สูตรปุ๋ยทางรากเอาแน่ไม่ได้ เพราะ “เรโช (RATIO)” ปุ๋ยอาจจะเปลี่ยนได้เพราะดิน เช่น 8-24-24 จากกระสอบ ปกติมี N. 8% ใส่ลงไปในดินแล้วไปเจออะไรในดินแล้วเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้ %ของ N. เปลี่ยนไป อาจเพิ่มหรือลดก็สุดแท้ ในขณะที่ P. K. ก็เช่นกันที่ปกติมี 24% ใส่ลงไปในดินแล้วไปเจออะไรในดิน เกิดปฏิกิริยาเคมี ทำให้ %ของ P. K. เปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะดินที่มี P. ตกค้างอยู่ในดินมากๆ K. ตัวนี้จะไปรบกวนปุ๋ยตัวอื่น ทำให้ปุ๋ยตัวอื่นไม่เกิดประสิทธิภาพได้

– การให้ปุ๋ยทางรากตัวไหนแก่ต้นพืชอย่างถูกต้องที่สุด จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องวิเคราะห์ดินก่อน วิเคราะห์ให้รู้ว่าในดินมีปุ๋ยตัวนั้นเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้วหรือไม่ มีเท่าไหร่ จากนั้นจึงใส่ ใส่มากหรือน้อยเท่าที่พืชต้องการจริง นั่นคือ ถูกสูตร/ถูกชนิด/ถูกปริมาณ/ถูกดิน/ถูกน้ำ/ถูกอากาศ/ถูก ฯลฯ กรณีนี้เรียกว่า “ปุ๋ยสูตรสั่งตัด” ตามทฤษฎีของ ดร.ทัศนีย์ อัตตะนันท์ และจากงานวิจัยเรื่องการให้ ปุ๋ยแก่ต้นไมใของ ดร.สุมิตรา ภู่วโรดม

- การตรวจวิเคราะห์ดินดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่ายในการปฏิบัติจริง ทั้งค่าใช้จ่าย และบุคลากร กระทั่งพูดได้ว่า “ประเทศไทยทำไม่ได้” อย่าว่าแต่ของประชาชนตา ดำๆเลย แม้แต่โครงการของทางราชการเอง ก็ทำไม่ได้ เพราะที่นี่คือประเทศไทย

- อย่างกังวลกับการวิเคราะห์ดินเพื่อเข้าสู่ทฤษฎี “ปุ๋ยสั่งตัด” นักเลย เพราะเมื่อวิเคราะห์ดินแล้วก็ต้อง “ปรับปรุงบำรุงดิน” อยู่ดี นั่นคือใส่ ยิบซั่ม, ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่, เศษซากพืชมากๆ ส่งน้ำหมักชีวภาพสูตรที่มีทั้งสารอาหารอินทรีย์ และสารอาหารเคมี มีจุลินทรีย์และสารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ประจำถิ่นลงไป ทำดินให้โปร่ง ร่วนซุย น้ำและอากาศผ่านสะดวก ควบคู่กับ งดการใส่หรือการปฏิบัติใดๆที่เป็นการทำลายดินและจุลินทรีย์อย่างเด็ดขาด

- ทางออกสำหรับเกษตรกร คือ ให้ธรรมชาติช่วยตรวจวิเคราะห์ให้ คือจุลินทรีย์ .... จุลินทรีย์ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน จุลินทรีย์ในดินพวกแบคทีเรียและเห็ดราชนิดต่างๆ ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์จากซากสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นสารอนินทรีย์ โดยจุลินทรีย์ได้สารอาหารจากซากเหล่านั้นและนำไปใช้ประโยชน์ ขณะเดียวกันสารอินทรีย์ที่สลายเป็นสารอนินทรีย์ก็เป็นสารอาหารของพืชที่ดูดซึมไปสร้างเนื้อเยื่อพืชได้ ดังนั้น ถ้าขาดจุลินทรีย์ในดิน จะทำให้ดินขาดสารอาหาร และพืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้ จุลินทรีย์ในดินจึงเกี่ยวข้องกับวัฏจักรของสารต่างๆ ในธรรมชาติ เช่น วัฏจักรไนโตรเจน วัฏจักรคาร์บอน วัฏจักรซัลเฟอร์ เป็นต้น


@@ บทบาทของจุลินทรีย์เพื่อการเกษตร
1. ย่อยสลาย (กิน) อินทรียวัตถุและอนินทรีย์วัตถุ แล้วถ่ายมูลออกมาเรียกว่า "กรดอินทรีย์" ส่วนที่เป็นธาตุอาหารพืชซึ่งอยู่ใน "รูป" ที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ทันที ได้แก่ โพลิตินอล. ควินนอยด์. อโรเมติค. ซิลิลิค. ออแกนิค. ส่วนที่เป็นฮอร์โมนพืช ได้แก่ ออกซิน (ไซโตคินนิน. จิ๊บเบอเรลลิน. เอทธิลิน. อีเทฟอน. อีเทรล. แอบซิสสิค. เอบีเอ. ไอเอเอ. เอ็นเอเอ.ฯลฯ) และส่วนที่เป็นท็อกซิก. ซึ่งมีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อโรคพืชได้....สังเกตุดีๆ สารอาหารเพล่านี้มีอยู่ในน้ำหมีกชีวภาพระเบิดเถิดเทิงทุกตัว

2. ปรับค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน ทำให้ดินเป็นกลาง
3. จับยึดธาตุอาหารพืชจากอากาศไปไว้ในตัวเองแล้วปลดปล่อยให้แก่ต้นพืช
4. ปลดปล่อยปุ๋ยเคมีที่ถูกดิน (กรดจัด) ตรึงไว้ ให้ออกมาเป็นประโยชน์แก่ต้นพืช
5. ตรึงปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ที่ใส่ลงไปไว้ แล้วปลดปล่อยให้ออกมาช้าๆ เพื่อให้พืชได้มีเวลาดูดซับไปใช้งานได้ทันทีและสม่ำเสมอ
6. สลายฤทธิ์สารที่เป็นพิษต่อพืชให้เจือจางลงๆ จนกระทั่งหมดไปในที่สุด
7. กำจัดจุลินทรีย์ประเภทที่ไม่มีประโยชน์หรือเป็นโทษ (เชื้อโรค) ต่อต้นพืช
8. เกิดได้เองตามธรรมชาติภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=13

- เมื่อไม่มั่นใจว่าดินจะมีปัญหากับปุ๋ยหรือไม่ ทางออกคือ ให้ปุ๋ยทางใบแทน เพราะ “เรโช” ปุ๋ยไม่เปลี่ยน ที่ใบพืชไม่มีปฏิกิริยาเคมีใดๆ ที่ทำให้โครงสร้างทางเคมีของปุ๋ยเปลี่ยนแปลง อย่างดีก็คือ “ความพร้อมรับ” ของพืช คือ ปากใบเท่านั้น


@@ ข้อดีของการใช้ปุ๋ยทางใบ :
1. ช่วยให้พืชรับเข้าสู่ต้น ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
2. เพื่อชดเชยธาตุอาหารที่ขาด หรือเพิ่มเติมเพื่อเร่งการเจริญเติบโตแก่พืชได้
3. ใช้ผสมร่วมไปกับสารเคมี หรือสารสกัดสมุนไพร อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างได้ เพื่อประหยัดเวลาและแรงงาน
4. ใช้กับพืชที่มีปัญหาเกี่ยวกับดิน เช่น ดินเค็ม ดินเปรี้ยวจัด ดินทรายจัด ดินเหนียวจัด หรือดินที่มีปัจจัยแวดล้อมขวางการดูดใช้ธาตุอาหารทางระบบราก
5. พืชสามารถดูดธาตุอาหารโดยทางใบได้มากกว่า และเร็วกว่าการดูดทางราก ต้นไม้จึงใช้ประโยชน์จากธาตุอาหารได้เร็วกว่า
6. ช่วยให้พืชฟื้นตัวเร็วหลังจากชะงัก เนื่องจากกระทบแล้งหรือถูกโรคแมลงทำลาย
7. ปุ๋ยชนิดน้ำมีความสม่ำเสมอของเนื้อปุ๋ยแน่นอนกว่าปุ๋ยชนิดแข็งและปุ๋ยชนิดเกล็ด มีปริมาณเนื้อปุ๋ยรวม (N+P2O5+K2O) สูงกว่าปุ๋ยเม็ด ทำให้ได้ประสิทธิภาพเหนือกว่า
8. ปุ๋ยชนิดน้ำผลิตง่าย และเปลี่ยนแปลงปรับปรุงสูตรได้ง่าย จึงผลิตได้มากสูตรกว่าปุ๋ยชนิดแข็งหรือชนิดเกล็ด


@@ คุณสมบัติที่ดีของปุ๋ยทางใบ :
1. ควรประกอบด้วยธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริมบางธาตุ หรือหลายๆ ธาตุ นอกเหนือ จากธาตุอาหารหลัก N-P-K
2. เป็นปุ๋ยที่มีความเป็นกรดมากพอ เมื่อนำไปละลายน้ำในระดับความเข้มข้น 0.25 – 0.30 % ของตัวปุ๋ย (อัตราที่ใช้อยู่ในประเทศไทย) จะได้ส่วนผสมของสารละลายปุ๋ยที่มีค่า pH ระหว่าง 4.5 – 6.0 ทั้งนี้เนื่องจากค่า pH ในช่วงดัง กล่าวใบพืชจะสามารถดูดธาตุอาหารได้ดีและเร็วกว่าค่า pH ของปุ๋ยที่ต่ำหรือสูงกว่านี้

3. ปุ๋ยทางใบชนิดเกล็ดสามารถละลายน้ำได้เร็ว และละลายน้ำได้ทั้งหมด
4. ปุ๋ยทางใบชนิดเกล็ดควรอยู่ในรูปผลึกขนาดเล็ก ที่มีความบริสุทธิ์สูง และไม่ควรมีค่าความชื้นมากกว่า 1%


@@ วิชาการ V.S. การปฏิบัติ :
- ศึกษาหลัก “สมการปุ๋ย” จากที่นี่ให้เข้าใจแล้วปฏิบัติตามนั้น
- ศึกษาธรรมชาติให้กระจ่าง ในธรรมชาติไม่มีตัวเลข ไม่มีสูตรสำเร็จ ไม่มีคันเร่ง ไม่มีโวลลุ่ม ทุกอย่างต้องดำเนินไปตามปัจจัยสภาพแวดล้อม
– อย่าใจร้อน อย่าเล็งผลเลิศ แต่ให้ระวังเรื่องต้นทุนไว้ก่อน

--------------------------------------------------------------------------------




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©