-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางรายการวิทยุ 19 DEC
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ‘อียู’ ตีกลับผักผลไม้ไทย ....
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

‘อียู’ ตีกลับผักผลไม้ไทย ....

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 18/12/2012 5:14 pm    ชื่อกระทู้: ‘อียู’ ตีกลับผักผลไม้ไทย .... ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

‘อียู’ จี้ตรวจพืชผัก - พบสารพิษอื้อ กระทบส่งออก
- 4 ปี สูญกว่าหมื่น ล. แนะรัฐวางกรอบอาหารปลอดภัย






โดย วรลักษณ์ ศรีใย ศูนย์ข่าว TCIJ


แฉ อียู ตีกลับผักผลไม้ไทยปนเปื้อนสารเคมี ตลบหลังตรวจจากข้อมูลและผริมาณการนำเข้าสารเคมีที่ประเทศใน
ยุโรปส่งเข้ามาขายให้ไทย สถาบันมาตรวิทยาเผยหลังอียูตรวจพบสารพิษตกค้างในผักของไทยที่ส่งไปขายเพียบ
ทำให้ 3 ปีที่ผ่านมาเสียรายได้ไปกว่าหมื่นล้าน จี้รัฐเร่งสร้างระบบตรวจสอบคุณภาพ และลดการใช้สารเคมีอย่าง
เร่งด่วน ก่อนเสียหายไปกว่านี้


ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์การส่งออกพืชผักของไทยไปยังตลาดต่างประเทศ ค่อนข้างประสบ
ปัญหาอย่างมาก เนื่องจากมีการตรวจพบปริมาณการปนเปื้อนของสารเคมีในพืชผักเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด
โดยเฉพาะประเทศในสหภาพยุโรปหรืออียู ส่งผลให้เกิดภาพลบกับประเทศไทยในหลายด้าน เช่น ภาพลักษณ์
ของประเทศไทยจากสายตาต่างชาติ รวมไปถึงมูลค่าการส่งออกที่ลดลงกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่ง
หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน ที่จะแก้ปัญหาเรื่องสารเคมีตกค้างในพืชผัก
ในทางกลับกันกลับมีกระแสข่าวว่า รัฐบาลกำลังมีความพยายามที่จะขึ้นทะเบียนสารเคมีร้ายแรงอีกหลายชนิด


อียู สุ่มตรวจผักไทย ตามข้อมูลนำเข้าสารเคมี
ดร.จรัญ ยะฝา หัวหน้าห้องปฏิบัติการวิเคราะห์อนินทรีย์เคมี ฝ่ายมาตรวิทยาเคมีและชีวภาพ สถาบันมาตรวิทยา
แห่งชาติ เปิดเผยว่า ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปัญหาอย่างมาก ในการส่งพืชผักไปขายยังต่างประ
เทศ เนื่องจากพืชผักที่ส่งออกนั้น ถูกตรวจพบสารเคมีในปริมาณที่มากเกินมาตรฐานที่กำหนด โดยเฉพาะประ
เทศในสหภาพยุโรป (อียู) จากข้อมูลสถิติการส่งสินค้าไปสหภาพยุโรป ผักผลไม้ไทยถูกตรวจพบสารเคมีปน
เปื้อนเกินค่ามาตรฐานที่อียูกำหนดเกือบทุกครั้ง





ทั้งนี้การที่ประเทศในสหภาพยุโรปตรวจพบสารเคมี ยาฆ่าแมลง ชนิดต่าง ๆ จากผักของไทยนั้น เนื่องเพราะ
อียู มีฐานข้อมูลการนำเข้ายาฆ่าแมลง สารเคมีที่ประเทศไทยสั่งและนำเข้ามาใช้ ซึ่งสารเคมีเหล่านี้บางชนิด
หลายประเทศสั่งห้ามใช้ในประเทศของตนเองแล้ว แต่ยังมีการผลิตขายให้กับประเทศอื่นอยู่ ทั้งนี้การตรวจพืช
ผักของไทย อียูจะตรวจสอบจากพื้นฐานของข้อมูลการนำเข้าสารเคมีของไทย แต่ไม่ได้ตรวจตามมาตรฐาน
ที่ยุโรปกำหนด ทำให้การตรวจแทบทุกครั้งอย่างสม่ำเสมอของอียูจะพบการปนเปื้อนสารเคมี ซึ่งเป็นผลลบ
กับประเทศอื่น ในประเด็นความสามารถในการตรวจวิเคราะห์

ซึ่งสารเคมีที่มีพิษร้ายแรงที่ประเทศไทยยังนำเข้ามาใช้ และกำลังจะขึ้นทะเบียน เป็นสารเคมีที่หลายประเทศ
ยกเลิกการใช้ไปแล้ว เนื่องจากเป็นสารเคมีที่มีพิษร้ายแรง 4 ชนิด ประกอบด้วย คาร์โบฟูราน เมโทมิล ไดโคร
โตฟอส และอีพีเอ็น



เสนอรัฐสร้างเครื่องมือตรวจสอบสารพิษให้ผู้บริโภค
ดร.จรัญ กล่าวว่า นอกจากนี้สิ่งที่ประเทศไทยยังขาดคือ การวางโครงสร้างพื้นฐาน ในการดูแลเรื่องอาหารปลอด
ภัย และระบบการตรวจสอบ ซึ่งหน่วยงานที่ออกระเบียบ ข้อกำหนด ออกมาตรฐานสินค้ายังมีน้อยมาก ที่เห็น
ชัดเจนคือ องค์การอาหารและยา (อย.) ที่ต้องออกมาตรฐานสินค้าประเภทอาหารทุกชนิด รวมถึงผักผลไม้
ต่าง ๆ และมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม (มอก.) ที่มีหน้าที่ออกมาตรฐานสินค้า และหลังจากที่มีการออกมาตร
ฐานแล้วต้องมีการทดสอบ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาการทำงานของทั้งสองหน่วยงาน ไม่สามารถกำหนดมาตรฐาน
ให้ทันกับสินค้าที่ผลิตออกมาได้

นอกจากนี้ กระบวนการของการตรวจสอบอาหารหลังจากที่ อย.ได้กำหนดมาตรฐานออกมาแล้ว จะต้องมีการ
ทดสอบ ซึ่งจะต้องดำเนินการในห้องปฏิบัติการ โดยต้องนำระบบมาตรวิทยาเข้าไปใช้ เพื่อให้เป็นมาตรฐานที่ชัด
เจน ซึ่งในปัจจุบันในประเทศไทยมีห้องปฏิบัติการเพื่อทดสอบดังกล่าวประมาณ 30 แห่ง แต่ละแห่งจะตรวจ
หาสารได้บางชนิดเท่านั้น และค่าใช้จ่ายในการทดสอบมีราคาสูงมาก ผู้บริโภคเองหากต้องการตรวจสอบไม่
สามารถดำเนินการได้

“ห้องปฏิบัติการทดสอบอาหารจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่จะเป็นพื้นฐานให้กับผู้บริโภคในการตรวจสอบอาหาร
ดังนั้นผู้บริโภคต้องเรียกร้องให้ภาครัฐสร้างระบบทดสอบนี้ขึ้นให้เพียงพอ และกระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อลด
ค่าใช้จ่ายลงให้มากกว่านี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการ ผู้บริโภคสามารถทดสอบพืชผักได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาหน่วย
งานใด ๆ เพียงรัฐวางโครงสร้างพื้นฐานไว้ให้”




อย่างไรก็ตาม ผู้แทนจากสถาบันมาตรวิทยากล่าวว่า หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบควรจะศึกษาการดำเนินงาน
การคุ้มครองผู้บริโภคจากประเทศอื่น เช่น ประเทศเยอรมัน ทั้งนี้เมื่อมีการตรวจพบว่า พืชผักจากประเทศไทย
มีการปนเปื้อนสารเคมีจำนวนมาก เยอรมันได้ดำเนินการส่งเจ้าหน้าที่มาทำงานร่วมกับสถาบันมาตรวิทยา โดย
ตรวจสอบตั้งแต่พื้นที่การเกษตรที่จะปลูกผักเพื่อส่งไปขายยังประเทศเขา การใช้สารเคมี เครื่องมือการตรวจ
วัดต่าง ๆ ให้ได้มาตรฐานตามที่กำหนด ก่อนที่จะส่งไปสินค้าออกไป


4 ปีกระทบยอดส่งออกกว่าหมื่นล้านบาท
ด้าน นายชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ รองประธานคณะกรรมการธุรกิจเกษตรและอาหาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
กล่าวว่า ตลาดผู้ค้าขายผักมีหลายระดับมากในประเทศไทย ทั้งตลาดสด แผงลอย ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งปัญหา
พืชผักที่ปนเปื้อนสารพิษ มักเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสภาหอการค้า ช่วง 4-5 ปีที่ผ่าน
มา ปัญหาการปนเปื้อนของสารเคมีในพืชผักที่ส่งออกไปขายต่างประเทศ รุนแรงขึ้นมาก โดยเฉพาะประเทศ
ในกลุ่มสหภาพยุโรป ตรวจพบสารปนเปื้อนในผักพื้นบ้านของไทยที่ส่งออกไปขายเกินกว่าค่าที่กำหนด

“ข่าวเรื่องผักไทยปนเปื้อนสารพิษ เผยแพร่ไปเร็วมากในสหภาพยุโรป ทั้งอินเตอร์เน็ต ทีวี. ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลกระทบ
ถึงร้านอาหารไทยในต่างแดน ที่ต้องใช้ผักพื้นบ้านไทยในการประกอบอาหาร เช่น น้ำพริก ผู้บริโภคเลือกที่จะ
ไม่กิน เพราะกังวลเรื่องสารตกค้าง”

รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาหอการค้าได้หารือกับทั้งบริษัทผู้ประกอบการที่ส่ง
ผักสดไปขายต่างประเทศ และหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งทุกฝ่ายพยายามหา
มาตรการในการแก้ปัญหาแต่ช้าเกินไป ทำให้ตัวเลขมูลค่าการส่งออกพืชผักของไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ลดลงเหลือเพียงไม่กี่ร้อยล้านบาท จากเดิมที่ปีหนึ่งจะมีมูลค่าการส่งออกถึง 4,000 ล้านบาทต่อปี






สภาหอการค้าขอคุมมาตรฐานผักส่งออก
ฉะนั้นสภาหอการค้าฯ จึงพยายามหาสาเหตุ ต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นและพบว่า

1. มีสารเคมีที่ใช้ในการกำจัดศัตรูพืชที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ ไม่ถูกต้องจำนวนมาก ภาครัฐควรจะเข้า
ไปตรวจสอบว่าปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร และส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนในประเทศ รวมถึง
รายได้ที่จะเข้าประเทศด้วย

2. ผู้ประกอบการขนาดเล็ก เกษตรกร ไม่มีความรู้เรื่องมาตรฐานความปลอดภัย และการใช้สารเคมี การที่ผู้ประกอบ
การขนาดเล็ก ขาดความรู้เรื่องมาตรฐานความปลอดภัย เรื่องนี้จึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ เช่น วิธีการป้องกันตน
เองในการใช้สารเคมี ไม่มีการตรวจสอบมาตรฐานอย่างเข้มงวด ซึ่งเป็นจุดอ่อนของประเทศไทย และ

3. ไม่มีการนำมาตรฐานที่กำหนดไปสู่การปฏิบัติ “ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่รับผิดชอบ ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน
และไม่ควรเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง เพราะจะกระทบกับมูลค่าการส่งออก ที่เสียหายปีละเกือบ 4,000 ล้านบาท 3 ปี
เป็นเงินกว่า10,000 ล้านบาท ที่ประเทศไทยต้องเสียไป” นายชูศักดิ์กล่าว


สภาหอการค้าฯ พยายามหาทางออกในเรื่องนี้ เนื่องจากมาตรฐานของรัฐไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงเสนอให้ภาคเอก
ชนเป็นผู้กำหนดมาตรฐาน ที่เป็นมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกยอมรับ ให้ภาคเอกชนนำไปปฏิบัติและมีการตรวจสอบโดย
บุคคลที่ 3 และประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ประชามอาเซียน การแข่งขันในตลาดจะยิ่งสูงมาก ไทยควรจะเร่งเตรียม
ความในเรื่องนี้ เพื่อให้ประเทศไทยแข่งขันได้ อย่างไรก็ตามการออกมาตรฐานใช้ได้เฉพาะกับผู้ประกอบการราย
ใหญ่ หรือผู้ประกอบการระดับปานกลาง เท่านั้น แต่พืชผักที่อยู่ในตลาดสด สภาหอการค้าฯ ไม่สามารถเข้าไป
แก้ไขได้

“จากการหารือกับผู้ประกอบการพบว่า ผักในร้านค้าปลีกมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ผักอีก 75 เปอร์เซ็นต์อยู่ในตลาด
สด ซึ่งสภาหอการค้าฯ อย่างเดียวแก้ไขไม่ได้ ทุกหน่วยงานต้องลงไปช่วยกัน รวมทั้งผู้บริโภคด้วย ทำไมหน่วยงานรัฐ
ไม่ให้ความรู้กับเกษตรกรที่ปลูกผัก ซึ่งเกี่ยวโยงไปถึงมาตรฐานที่กำหนด และผักที่ส่งขายทั้งในประเทศและต่างประ
เทศ ควรจะมีมาตรฐานเดียว”






ผู้บริโภคจี้รัฐแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เลิกนำเข้าสารเคมี
ทางด้านตัวแทนผู้บริโภค น.ส.พอทิพย์ เพชรโปสี กล่าวว่า หน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
แต่ทำงานสวนทางกับความจริง ในขณะที่ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตั้งแต่สุขภาวะของประชาชนที่แย่ลงไปจนถึง
ภาพลักษณ์ของประเทศไทย และมูลค่าการส่งออกที่ลดลง มีต้นเหตุมาจากการนำเข้าสารเคมีที่เป็นอันตรายทั้งสิ้น
ซึ่งรัฐบาลต้องยกเลิกการนำเข้าสารเคมี จะสามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้ ในขณะที่ตลาดสารเคมีในประเทศเติบ
โตอย่างมาก มีการใช้สื่อโฆษณา จูงใจต่าง ๆ เพื่อให้เกษตรกรใช้สารเคมีมากขึ้น แต่รัฐไม่มีการควบคุมหรือป้องกัน
แต่อย่างใด

“ส่วนผู้บริโภคอย่างพวกเราที่เราตัวกัน ทำอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากไม่มีความรู้เรื่องสารเคมี สิ่งที่ทำได้แค่ไปเยี่ยม
ให้กำลังใจเกษตรกรที่ไม่ใช้สารเคมีในการเพาะปลูก ชักชวนตั้งกลุ่มเปลี่ยนวิถีการกิน เพื่อให้ลดการใช้สารเคมีให้
ได้มากที่สุด”

น.ส.กิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา ผู้ประสานงานโครงการกินเปลี่ยนโลก กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่ผู้บริโภคที่
ต้องเชื่อมั่นในพลังของตนเอง ผู้บริโภคสำคัญมากในแง่ของการเปลี่ยนแปลง เช่น ในประเทศเยอรมัน เมื่อมีการ
ตรวจพบว่าผักของบริษัทใดมีสารเคมีปนเปื้อนเกินมาตรฐานที่กำหนด ผู้บริโภครวมตัวกันกดดันผู้ประกอบการ
รายนั้น จนต้องเลิกกิจการ ในขณะที่ผู้บริโภคไทยไม่เข้มแข็งขนาดนั้น และฝากความหวังเรื่องอาหารปลอดภัย
ไว้กับตรารับรอง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ตรารับรองนั้นมีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าเพียงครั้งเดียว คือ ก่อน
ที่จะให้การรับรอง แต่หลังจากนั้นไม่เคยมีการตรวจสอบซ้ำอีกเลย

“โครงการกินเปลี่ยนโลก และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เคยสุ่มตรวจผักจากสยามพารากอน ตลาดสดและรถพุ่มพวง
ซึ่งพบว่า ทั้ง 3 แห่ง มีสารเคมีปนเปื้อนในปริมาณที่เกินมาตรฐานเหมือนกันหมด ผักในห้างมีการใส่ถุงสวยงาม
อย่างดี มีตรารับรอง หมายความว่าตรารับรองเชื่อถือไม่ได้ และที่สำคัญคือไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผักยี่ห้อนั้นและ
ห้างนั้น ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อยังเลือกซื้อผักที่มีตรารับรองเหมือนเดิม”

ดังนั้นหากผู้บริโภคต้องการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย ต้องเริ่มที่ตนเองรู้สิทธิว่า เรามีสิทธิที่จะกินอาหารที่
ปลอดภัยและกดดันผู้ผลิตที่ไม่ได้คุณภาพ รวมไปถึงการเรียกร้องรัฐบาลให้ดูแลในเรื่องระดับนโยบายด้วย

วันที่เขียนบทความ 14/12/2555




http://www.rsunews.net/index.php/news/detail/4993


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 19/12/2012 7:36 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 19/12/2012 9:40 am    ชื่อกระทู้: พญาอินทรีย์ปีกหัก ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับ

ขออนุญาตครับ ความจริงแล้ว มันมีผักตีกลับอยู่บ่อย ๆ ครับ



หนุ่มใหญ่คนนี้ พ่อแม่ขายผักที่ปากคลองตลาด เป็นเพื่อนกับลูกสาว เวลานี้ทำผักขึ้นห้างกับผักส่งออก ที่ผมเขียน
ในกระทู้ว่า หากใครสนใจจะทำผักขึ้นห้าง หรือผักส่งออกบอกผม ๆ จะติดต่อให้ไปคุยกันเอง

เค้าบอกว่า จะมีผักที่แม้จะตรวจแล้วตรวจอีกก่อนที่จะส่งออก ก็มีตีกลับอยู่บ่อย ๆ ทำให้เสียค่าใช้จ่ายส่งออก และ
ค่าขนกลับ เมื่อผักถูกตีกลับ เค้าก็ยอมเสียเวลาเอาไปส่งคืนเจ้าของคนที่ส่งผักให้เค้า และตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
จนถึงลูก หลาน เหลน บวช ผักจากสวนนี้จะไม่มีทางที่พ่อค้าผักส่งออกคนไหนจะมารับซื้อ เรียกว่าเป็นสวน
BLACK LIST ตราบชั่วกัลปวสานต์ รู้ได้ยังไงว่าผักของใคร รู้ครับ เค้าจะมี Marking number ว่าอันนี้ของใคร





จากการที่เคย ก๋า เป็นพญาอินทรีย์ ...เฮ้ย กูทำผักส่งออกนะมึง ...ก็กลายเป็น พญาอินทรีย์ ปีกหัก ไปที่ไหน
อายเค้าทั้งตำบล ว่า มึงไม่ซื่อตรง...









จากพญาอินทรีย์อาจกลายเป็น สี่ปีก - แมลงปอ หรือไม่ก็เป็น ตั๊กแตน โผล่หน้าได้แค่เนี้ย





สู้มดแดงตัวน้อย ๆ แต่ทรงพลังยังไม่ได้




ขอบคุณครับลุง


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
songpon03122526
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 22/11/2012
ตอบ: 99

ตอบตอบ: 19/12/2012 9:46 am    ชื่อกระทู้: สารเคมี ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.



ในประเทศไทยมีแต่สารเคมี สารเคมี และก็สารเคมี เหนื่อยใจแทน




ขอบคุณครับ




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©