-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-เกษตรสัญจร 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนตอย-นาขั้นบันไดเวียตนาม(2)
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - เกษตรสัญจร 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนตอย-นาขั้นบันไดเวียตนาม(2)
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

เกษตรสัญจร 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนตอย-นาขั้นบันไดเวียตนาม(2)
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 01/03/2013 9:58 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอนที่ 11

.... หายไปนานเลยครับ เพราะไม่มีข้อมูล เพิ่งจะได้รับข้อมูลมาใหม่ .........ดูรูปกันเลยดีกว่าครับ



รูปที่ 1 ตอข้าวหลังจากเกี่ยว หลังจากปลูกข้าวแล้ว กะเหรี่ยงทำอะไรต่อ



รูปที่ 2 ถูกขอร้องแกมบังคับให้ปลูกปอเทือง....(ย้อนไปเปิดอ่านเรื่องในหน้า 2 นะครับ)



รูปที่ 3 หลังปลูกปอเทือง(เก็บเมล็ดให้เกษตรอำเภอแล้ว) กะเหรี่ยงปลูกถั่วเหลือง เพื่อเตรียมทำนาในฤดูที่จะถึง... อันนี้ได้สองเด้ง
1- ได้ขายเมล็ดถั่วเหลือง
2- ได้ปุ๋ยพืชสดจากต้นและเปลือกถั่วเหลือง เพื่อบำรุงดิน ประหยัดค่าปุ๋ยมั๊ยล่ะ
แต่พี่ไทย เผาฟาง ปลูกข้าวปีละ 3 - 4 รุนจนดินไม่มีเวลาพัก





รูปที่ 4 - 5 ถางหญ้าในแปลงถั่ว ...ถ้าเป็นพี่ไทย ต้องใช้ ไม่กรัมม๊อกโซน ก็ไกรโฟเซ๊ต 48....



รูปที่ 6 ถั่วได้ปุ๋ยจากปอเทืองที่ไถกลบดิน งามอย่าบอกใคร ...ผมถามเพื่อนตามประสาคนโง่..
...สูปลูกถั่วเหลืองไม่ต้องรดน้ำเหรอ...คำตอบคือ

...ปล่อยน้ำเข้าแปลงก่อนปลูก พอดินเปียก ขุดหลุม หยอดเมล็ดที่แช่บ่มจนงอกรากแล้ว ไม่ต้องให้น้ำอีก ไม่ต้องใส่ปุ๋ย พ่นน้ำยาขม ๆ ทุก 5 วัน รอเก็บเกี่ยวผลอย่างเดียว ....



รูปที่ 7 ที่พักเอนกประสงค์ ใช้หลบแดดยามร้อน เป็นที่นั่งเล่น นอนเล่น ที่กินข้าว ที่รับแขก .....


.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 12/03/2013 1:05 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 10/03/2013 9:09 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอนที่ 12

ผมได้รับข้อมูลการปลูกถั่วเหลืองในแปลงนาของเพื่อนกะเหรี่ยงเพิ่มเติมมา ...อันั้นไม่สำคัญ แต่สำคัญคำถามในรูปที่ 10 ว่า รูปนี้เค้าทำได้จริง ๆ หรือ ลองดูกันครับ


รูปที่ 8 จากแปลงถั่วเหลือง กะหร๋อม กะเหล๋ม ในรูปที่ 5-6 หลายวันผ่านไปกลายเป็น ดงถั่วเหลืองไปแล้ว





รูปที่ 9 ดูความอุดมสมบูรณ์นะครับ แล้วแบบนี้เมื่อเค้าถอนถั่ว เก็บฝักไปแแล้ว เอาต้นและฝักถั่วที่แกะเมล็ดออกแล้ว คลุมแปลงนา ปล่อยน้ำเข้า เมื่อถั่วย่อยสลาย ปล่อยน้ำออกแล้วไถกลบ นาแปลงนี้จะมีอินทรีย์วัตถุอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การปลูกข้าวในฤดูนาปีหรือไม่ครับ




รูปที่ 10....เพื่อนกะเหรี่ยงส่งรูปนี้มาให้ผม พร้อมมีคำถามว่า ... ชาชา เปิดคอมให้เฮาดู.....เค้าทำได้จริงหรือเปล่า .....

ผมจนปัญญาที่จะตอบ เพราะไม่มีข้อมูล....นึกในใจว่า คงได้มั๊ง....ลุงคิมพอจะมีข้อมูลมั๊ยครับ....ยัยเฉิ่ม กับ เจ้าตุ๊ดตู่ ว่าไง กะเหรี่ยงบนดอยถามมานะเว๊ย...


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 31/03/2013 10:51 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอนที่ 13

มีรูปการปลูกถั่วเหลืองเพื่อบำรุงดินก่อนปลูกข้าว จากเพื่อนกะเหรี่ยงบนดอย ส่งมาให้ดูต่อจาก ตอนที่ 12 ครับ



รูปที่ 11 ตามภาพบอกว่า ถ่ายเมื่อวันที่ 17 มีค.56 ....ส่งมาช้าไปหน่อย ป่านนี้มิถอนถั่วไปแแล้วหรือ ...ดูความสมบูรณ์ครับ ...ปลูกถั่วเหลืองโดยไม่ต้องรดน้ำ....อาศัยความชื้นจากน้ำค้างบนยอดดอย....





รูปที่ 12...อากาศบนยอดดอยยามเช้า 18 องศา เย็นกว่าในห้องแอร์ปกติที่ปรับไว้ 25 องศาเนาะ





รูปที่ 13 ...





รูปที่ 14..





รูปที่ 15..





รูปที่ 16..





รูปที่ 17...





รูปที่ 18..





รูปที่ 19





รูปที่ 20





รูปที่ 21





รูปที่ 22





รูปที่ 23





รูปที่ 24





รูปที่ 25..ถั่วออกฝักแล้วครับ อีกไม่นานคงเก็บผลผลิตได้ ...เรียกว่าได้สองเด้ง 1.- ได้ถั่วเหลือง 2.- ได้ปุ๋ยจากซากถั่วเหลือง...





รูปที่ 26 อันนี้แปลงปลูกอะไรหว่า





รูปที่ 27 น่าจะเป็นแปลงถั่วเหมือนกัน แต่ถั่วอะไร





รูปที่ 28 มองยังไม่ชัด





รูปที่ 29 คลับคล้ายคลับคลา





รูปที่ 30 ..แม่นแล้วถั่วดิน - ถั่วลิสงครับ



ทำไมกะเหรี่ยงไม่ปลูกถั่วเหลืองเต็มพื้นที่แปลงนา...ได้ความว่า ...ถ้าปลูกถั่วเหลืองอย่างเดียว เกิดถั่วเหลืองราคาไม่ดี ก็จำเป็นต้องขายในราคาที่ไม่ดี ..การปลูกถั่วลิสงแซมด้วย เพื่อถ้าถั่วเหลืองราคาไม่ดี จะมีถั่วดินหรือถั่วลิสงช่วยเกื้อกูล....กะเหรี่ยงคิดได้ยังไงวะ ...ใครว่ากะเหรี่ยงโง่ ...คนที่ปลูกพืชอย่างเดียวนั่นแหละ โง่ ... พอราคาไม่ดีก็โวยวาย...


การนำเสนอของผม ดูแล้วต้องทำตามที่ลุงคิมพูด คือ ดูแล้วต้องคิดตามด้วยครับ ผมได้จำวิธีการหลายอย่างจากเพื่อนกะเหรี่ยง เช่น การปลูกข้าวแบบดินแห้ง อาศัยน้ำค้างจากธรรมชาติ แต่พื้นราบไม่มีน้ำค้าง มีแต่น้ำคลอง ก็ทำเลียนแบบ ให้น้ำในนาข้าวมีน้อย ๆ พอเปียกแค่หน้าดิน ต้นข้าวก็แตกกอดี แข็งแรง ไม่มีโรคและแมลงรบกวน....แต่ละคนก็มีมุมมองที่ต่างกันครับ


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 01/04/2013 4:59 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:



ทำไมกะเหรี่ยงไม่ปลูก ถั่วเหลือง เต็มพื้นที่แปลงนา...ได้ความว่า ...ถ้าปลูกถั่วเหลืองอย่างเดียว เกิดถั่วเหลืองราคาไม่ดี ก็จำเป็นต้องขายในราคาที่ไม่ดี ..

COMMENT :
ถั่วไร่ (ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ) ต้องการ "ธาตุเหล็ก" มากๆ แก้ไขโดยให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง +เลือด ให้มากขึ้นกว่าปกติ ฉีดลงดินตอนเตรียมดิน 1 ครั้ง กับให้ตอนยืนต้นได้แล้ว 2 ครั้ง ห่างกันเดือนยละครั้ง



การปลูก ถั่วลิสง แซมด้วย เพื่อถ้าถั่วเหลืองราคาไม่ดี จะมีถั่วดินหรือถั่วลิสงช่วยเกื้อกูล....กะเหรี่ยงคิดได้ยังไงวะ ...ใครว่ากะเหรี่ยงโง่ ...คนที่ปลูกพืชอย่างเดียวนั่นแหละ โง่ ... พอราคาไม่ดีก็โวยวาย...

COMMENT :
ที่ไร่กล้อมแกล้มเคยลงถั่วลิสงแซมไม้ผลช่วงที่ต้นไม้ผลยังเล็ก แล้วบำรุงถั่วลิสงด้วยสูตรเดียวกันกับไม้ผล เพราะไม่ได้หวังผลผลิตจากถั่วลิสงโดยตรงอยู่แล้ว ต้นถั่วลิสงสูงกว่าเอว ใบใหญ่ ต้นใหญ่ ผิดธรรมชาติของถั่วลิสง ใครมาเห็นก็ว่า "บ้าใบ" ไม่มีฝักหรอก

ช่วงที่ต้นถั่วลิสงเริ่ม "ลงเข็ม-ออกดอก" ตัดสินใจให้ "ไทเป" เดี่ยวๆ ฉีดด้วยมือให้เฉพาะถั่วลิสง 2-3 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน

กระทั่งโตเต็มที่ ใกล้เก็บเกี่ยว คทาชาย "นายขี้โม้" อดรนทนฟังร่ายในรายการวิทยุไม่ได้ เดินทางมาดูด้วยตัวเองในแปลงที่ไร่กล้อมแกล้ม พูดพร่ามเพ้อเจ้อกับเด็กคนงาน "ลุงทำถั่วลิสงมาตั้งแต่เด็ก หน้าฝนมันปลูกไม่ได้ ปลูกไม่ได้ ปลูกไปก็ไม่มีฝัก...." เด็กหนุ่มคนงานไม่อยากโถ้เถียงคนเฒ่าคนแก่ จัดการถอนต้นถั่วลิสงขึ้นมาให้ดู 1 ต้น บัดดลที่ประจักษ์ชัดว่า ฝักถั่วลิสงตืดเป็นพวงใหญ่ ฝักใหญ่ มากกว่าถั่วลิสงของตัวเอง นายขี้โม้ถึงกับอึ้ง เงียบกริบ ถอยหลังเดินออกจากไร่กล้อมแกล้ม ไม่เอ่ยวาจาคำใดทั้งสิ้น

สรุป....ถั่วลิงสงตอบสนองต่อปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง +เลือด ทางดินเดือนละครั้ง....ก่อน "ลงเข็ม-ออกดอก" ให้ไทเป.ทางใบ 2-3 รอบ เท่านั้นเอง

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 02/04/2013 4:01 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

kimzagass บันทึก:
DangSalaya บันทึก:



ทำไมกะเหรี่ยงไม่ปลูก ถั่วเหลือง เต็มพื้นที่แปลงนา...ได้ความว่า ...ถ้าปลูกถั่วเหลืองอย่างเดียว เกิดถั่วเหลืองราคาไม่ดี ก็จำเป็นต้องขายในราคาที่ไม่ดี ..

COMMENT :
ถั่วไร่ (ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ) ต้องการ "ธาตุเหล็ก" มากๆ แก้ไขโดยให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง +เลือด ให้มากขึ้นกว่าปกติ ฉีดลงดินตอนเตรียมดิน 1 ครั้ง กับให้ตอนยืนต้นได้แล้ว 2 ครั้ง ห่างกันเดือนละครั้ง



การปลูก ถั่วลิสง แซมด้วย เพื่อถ้าถั่วเหลืองราคาไม่ดี จะมีถั่วดินหรือถั่วลิสงช่วยเกื้อกูล....กะเหรี่ยงคิดได้ยังไงวะ ...ใครว่ากะเหรี่ยงโง่ ...คนที่ปลูกพืชอย่างเดียวนั่นแหละ โง่ ... พอราคาไม่ดีก็โวยวาย...

COMMENT :
ที่ไร่กล้อมแกล้มเคยลงถั่วลิสงแซมไม้ผลช่วงที่ต้นไม้ผลยังเล็ก แล้วบำรุงถั่วลิสงด้วยสูตรเดียวกันกับไม้ผล เพราะไม่ได้หวังผลผลิตจากถั่วลิสงโดยตรงอยู่แล้ว ต้นถั่วลิสงสูงกว่าเอว ใบใหญ่ ต้นใหญ่ ผิดธรรมชาติของถั่วลิสง ใครมาเห็นก็ว่า "บ้าใบ" ไม่มีฝักหรอก

ช่วงที่ต้นถั่วลิสงเริ่ม "ลงเข็ม-ออกดอก" ตัดสินใจให้ "ไทเป" เดี่ยวๆ ฉีดด้วยมือให้เฉพาะถั่วลิสง 2-3 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน

กระทั่งโตเต็มที่ ใกล้เก็บเกี่ยว คทาชาย "นายขี้โม้" อดรนทนฟังร่ายในรายการวิทยุไม่ได้ เดินทางมาดูด้วยตัวเองในแปลงที่ไร่กล้อมแกล้ม พูดพร่ามเพ้อเจ้อกับเด็กคนงาน "ลุงทำถั่วลิสงมาตั้งแต่เด็ก หน้าฝนมันปลูกไม่ได้ ปลูกไม่ได้ ปลูกไปก็ไม่มีฝัก...." เด็กหนุ่มคนงานไม่อยากโถ้เถียงคนเฒ่าคนแก่ จัดการถอนต้นถั่วลิสงขึ้นมาให้ดู 1 ต้น บัดดลที่ประจักษ์ชัดว่า ฝักถั่วลิสงตืดเป็นพวงใหญ่ ฝักใหญ่ มากกว่าถั่วลิสงของตัวเอง นายขี้โม้ถึงกับอึ้ง เงียบกริบ ถอยหลังเดินออกจากไร่กล้อมแกล้ม ไม่เอ่ยวาจาคำใดทั้งสิ้น

สรุป....ถั่วลิงสงตอบสนองต่อปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง +เลือด ทางดินเดือนละครั้ง....ก่อน "ลงเข็ม-ออกดอก" ให้ไทเป.ทางใบ 2-3 รอบ เท่านั้นเอง

.



สวัสดีครับลุงคิม

ร้อนครับร้อน ...ร้อนจริง ๆ โลกไม่ได้ร้อนครับ คนคิดไปเอง....

ขอบคุณครับสำหรับคำตอบ การบำรุงถั่วลิสง....

"ลุงทำถั่วลิสงมาตั้งแต่เด็ก หน้าฝนมันปลูกไม่ได้ ปลูกไม่ได้ ปลูกไปก็ไม่มีฝัก...."


ปุจฉา....ถ้าผมจะบ้าปลูกที่นครปฐมเดือนเมษา อากาศร้อนแบบนี้ จะพอได้ไหมครับ เตรียมดินไว้แล้วประมาณ 3 งาน ใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณเท่าใดครับ เรื่องน้ำไม่เป็นปัญหา....

....จะบ่มเมล็ดอย่างไร.... ปลูกหลุมละกี่เมล็ด....จะให้น้ำตอนเช้า หรือ ตอนเย็น...ไม่ได้หวังผลผลิตมากมาย แค่มีฝักพอต้มกิน และแจกเพื่อนบ้านบ้างเล็กน้อย แต่ต้องการใช้พืชตระกูลถัวบำรุงดินครับ.....

ขอบคุณครับ
.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 23/04/2013 5:02 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ... และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย

ตอนที่ 12 ปลูกถั่วเหลืองบำรุงดินก่อนทำนา


ผมเพิ่งจะได้รับข้อมูลใหม่จากเพื่อนกะเหรี่ยงบนดอย มาอีกชุดนึง .........ชุดนี้ มีคำบรรยายรูปภาพ กำกับมาด้วย(บางภาพ)........ดูรูปกันต่อเลยดีกว่าครับ


รูป 31


รูป 32


รูป 33

รูปที่ 31 – 33 .....” ถั่วเหลืองที่ปลูกในแปลงนาตอนปลายเดือนมกราคม 56 มาถึงวันนี้ 21 เมย.56 มีอายุได้ 110 วัน ใบเริ่มเหลือง ต้นเริ่มโทรม ฝักแก่ สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว “.....




รูป 34


รูป 35


รูป 36

รูปที่ 34 – 36 ....” เกี่ยวถั่วเหลืองไม่ยาก เป็นงานไม่หนัก ใช้เคียวเกี่ยว รวมไว้เป็นกอง แล้วหอบไปกองรวมกันอีกทีเพื่อใช้เครื่องโม่ แยกต้น แยกฝัก แยกเมล็ดออกจากกัน “....




รูป 37


รูป 38

รูปที่ 37 – 38 ...” พ่อไม่ต้องแปลกใจกับคนสองคนในรูป.. เป็นพ่อตากับแม่ยายของพี่โชเล่มาช่วยเกี่ยวถั่ว เนื่องจากพี่โชเล่ กับพี่มิโส่ยไม่ว่างไปธุระแทนพ่อหลวง..”




รูป 39


รูป 40


รูป 41

รูปที่ 39 - 41 ...” เป็นต้นถั่วเหลืองที่ค่อนข้างสมบูรณ์ สูงประมาณเข่า ให้ฝักมากพอสมควร แม่ให้บอกพ่อว่า...การปลูกถั่วเหลือง ใส่ปุ๋ยมากไม่ได้ ถั่วจะงามและสูงเกินไป(สูงถึงเอว) จะมีแต่ใบไม่มีฝัก ปกติจะใส่ปุ๋ยน้อยมากบางแปลงอาจไม่ต้องใส่ปุ๋ยเลย เพราะก่อนปลูกได้เอากากต้นถั่วเก่าที่กองหมักเอาไว้มาโรยใส่ไปแล้ว “...





รูป 42


รูป 43

รูปที่ 42 – 43 .....” เป็นถั่วที่เกี่ยวมากองรวมเอาไว้เพื่อรอรถนวด จำนวนฝักในแต่ละต้นมีค่อนข้างมาก “ ....






รูปที่ 44 - ....” ถั่วดิน(ถั่วลิสง) ปลูกหลังถั่วเหลืองราว 1 เดือน ฝักยังไม่แก่ “...






รูปที่ 45 - ....” อ้อยแดง ที่พ่อฝากพี่ป้อมมาให้ แม่ปลูกเอาไว้ คงจะขาดน้ำเพราะ ข้อสั้น...พี่โชเล่ บอกว่า …เจ้าของมันตัวเตี้ย ต้นอ้อยมันเลยสั้นเหมือนเจ้าของ “ 555 ...





รูปที่ 46 - .....” ล้อมรั้วกั้นวัวเข้าไปกินข้าวโพดในแปลง แม่เลยปลูกถั่วฝักยาว แม่บอกว่า ให้วัวกินถั่วฝักยาวดีกว่ากินข้าวโพด “....





รูปที่ 47 - ....” พ่อคงจำข้าวโพดเมล็ดดำที่พ่อฝากพี่ป้อมมาให้ได้นะ... แม่กับพี่โชเล่ เอาปลูก ต้มขายฝักไปหลายรุ่นแล้ว ...มันแปลกตรงที่เมล็ดสีดำ แต่คนกินบอกว่า อร่อยสู้ข้าวโพดเทียนสามสีไม่ได้ เพราะ ข้าวโพดเมล็ดดำ เปลือกเมล็ดแข็งเนื้อในมีน้อยและไม่หวาน ส่วนข้าวโพดเทียนสามสี เนื้อนิ่ม รสหวาน กินอร่อยกว่า “....




รูป 48


รูป 49


รูป 50


รูป 51

รูปที่ 48 – 51 ....” แปลงข้าวโพดเมล็ดดำ รุ่นใหม่กำลังออกฝัก .....ผมขอเพิ่มเติมว่า จะเห็นมีต้นถั่วลิสงปลูกแซมในแปลงข้าวโพดด้วย ...

ผมถามไปว่า ทำไมต้องปลุกพืชอย่างอื่นแซมในแปลงพืชหลัก
คำตอบคือ.....บนดอยมีพื้นที่จำกัด...
(1) เป็นการใช้พื้นที่คุ้มค่าที่สุด ....
(2)เป็นการให้ต้นถั่วเป็นพืชคลุมดิน ช่วยรักษาความชื้นของหน้าดิน.....
(3)เป็นการที่จะได้ประโยชน์จากต้นถั่วเป็นพืชบำรุงดินหลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ....(4) ไม่ต้องเสียแรงงานไปขนปุ๋ยหมักมาใส่แปลงอีก.....

โว๊ว โว๊ว ๆๆๆๆ หัวคิดกะเหรี่ยงดอย ....ลืมบอกไปว่า นอกจาก ชาชา จะเรียนจบชั้น ปวส. ได้ทำงานใน อบต. แล้ว เวลานี้ ได้สมัครเรียนปริญาตรี ภาคพิเศษที่ ม.ราชภัฏ ชม. สาขา วิชาเกษตรกรรม .... แถมบอกมาด้วยว่า

“ หนูเรียนตามที่พ่อเคยบอก ชอบวิชาไหน ให้เรียนวิชานั้น “....ว๊าว....แหล่มจริง ๆ สูเอ๊ย ....





รูปที่ 52 - ....” เกสรข้าวโพดตัวผู้กำลังเริ่มบาน มองดูแข็งแกร่ง .. สง่างามมาก หนูกำลังทดลองเก็บเกสรตัวผู้ เอาไว้เพื่อทดลองผสมกับข้าวโพดพันธุ์อื่น ๆ ที่ปลูกไม่พร้อมกัน อาจจะได้ข้าวโพดพันธุ์ใหม่ ๆ ....

ข้อมูลและภาพมีแค่นี้ครับ ก็คงต้องรอว่า เมื่อไหร่เค้าจะส่งมาให้อีก....

หลังจากเก็บถั่วแล้ว ก็คงปล่อยซากไว้ในแปลงนา เพื่อให้ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยสำหรับข้าว(รอฝน)ในฤดูทำนาที่จะมาถึงราว ๆ เดือนมิถุนายน ระหว่างนี้อาจปลูกพืชอายุสั้นอีกซักรอบ น่าจะทัน......



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 11/06/2013 12:57 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ... และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย

ตอนที่ 13 เตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวสำหรับปลูกฤดูใหม่

ผมเพิ่งจะได้รับข้อมูลใหม่จากเพื่อนกะเหรี่ยงบนดอย มาอีกชุดนึง .........ชุดนี้ มีแต่รูป ไม่มีคำบรรยายกำกับมาด้วย

........ดูรูปกันต่อเลยดีกว่าครับ



รูปที่ 1 จะให้ดูแมลงเต่าทองหรือว่า ดูรวงข้าว





รูปที่ 2 เอาข้าวมาตากแสดงว่า เตรียมพร้อมที่จะปลูกข้าวฤดูใหม่





รูปที่ 3 ปริศนาให้คิด....ข้าวสายพันธุ์อะไรหว่า เมล็ดเล็ก ยาว เปลือกสีคล้ำ แล้วผู้ชำนาญการปลูกข้าวแค่รุ่นที่ 3 จะรู้มั๊ยเนี่ย..ไม่เป็นไร ลองเอามาเทียบกับเมล็ดพันธุ์ที่เพื่อนเคยให้ผมมาเทียบดูซิว่า ใกล้เคียงกับพันธุ์อะไรบ้าง





รูปที่ 4 รูปนี้เป็นข้าวเปลือก หอมนิล





รูปที่ 5 ข้าวเปลือก หอมดอย เมล็ดใหญ่กว่า ไม่ใช่แน่





รูปที่ 6 ข้าวเปลือก ลืมผัว นี่ก็เมล็ดใหญ่กว่า ไม่ใช่อีกนั่นแหละ





รูปที่ 7 แกะดูเนื้อในกันเลย ใหม่ ๆ ซิง ๆ 11 มิย .56
เมล็ดแถวบน ข้าวหอมนิล....
แถวกลาง ข้าวหอมดอย
แถวล่าง ข้าวลืมผัว แม้จะเนื้อสีดำแต่เมล็ดใหญ่ ไม่ใช่แน่

สรุปแล้ว น่าจะเป็นข้าวพันธุ์หอมนิลครับ เหตุผลคือว่า
ข้าวหอมนิลเป็นข้าวอายุสั้น ประมาณ 90 วันก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว และจากการที่เพือนกะเหรี่ยงปลูกข้าวเมื่อปีที่ผ่านมา ผมแนะนำให้สีเป็นข้าวกล้อง แพคใส่ถุง เอาลงดอยมาขายที่ปาย ขายหมดภายในไม่ถึงอาทิตย์

เพราะฉะนั้นปีนี้เพื่อนกะเหรี่ยงของผมเตรียมวางแผนล่วงหน้าอย่างดี....ถ้าปลูกข้าวหอมนิลปลายเดือน มิถุนายน จะเกี่ยวได้กลางเดือนกันยายน และถ้าปลูกรุ่นใหม่ ปลายเดือนกันยายน จะเกี่ยวได้ ปลายเดือน ธันวาคม ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว หรือ High Season ที่ปาย ข้าว 2 รุ่นรวมกัน สีเป็นข้าวกล้องเอาลงดอยมาขายที่ปาย คิดว่าคงไม่พอขาย ....

ที่ผมคาดเดาเพราะเคยคุยกันว่าเมื่อทำข้าวเปลือกได้แล้ว อย่าขายให้พ่อค้าคนกลาง ให้เก็บใส่ยุ้งเอาไว้ แล้วสีเป็นข้าวกล้องเอาออกขาย และอย่าทำคนเดียว หรือหวังรวยคนเดียว ให้รวมกลุ่มกันทำ จะรวยกันทุกคน (ทำตามที่ลุงคิมพูดครับ)
เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมนิลที่จะใช้ปลูก ให้ลงมา ปาย ไปเอาที่คุณธิดา ซึ่งได้คุยกันไว้เรียบร้อยแล้ว....งานนี้ เจ้าเพื่อนกะเหรี่ยงเอาจริงเว๊ยเฮ้ย

การใช้โทรศัพท์ติดต่อ มันไม่ดีตรงที่ ผมโทรขึ้นดอยไม่ได้ ไม่มีสัญญาณ แต่คนบนดอยโทรหาผมได้เพราะเค้ายิงสัญญาณขึ้นดาวเทียม ...3G THAILAND


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
noo-ring
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 24/06/2013
ตอบ: 64

ตอบตอบ: 24/06/2013 11:04 pm    ชื่อกระทู้: เมื่อไหร่จะลงต่อจ๊ะ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีจ้าลุงคิม, ทิดแดง และสมาชิกทุกคนจ้า

ชื่อหนูหริ่ง
เป็น สมาชิกใหม่จ้า ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะจ๊ะ ....ปลูกผักสวนครัวเล็ก ๆ น้อย ๆ พอส่งลูกเรียนจ้า

ติดตามอ่านเรื่องของทิดแดงมาตลอด เขียนเรื่องอ่านสนุกมากเลยจ้า เรื่องบางตอนอ่านแล้วขำจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำจ้า....พาเที่ยวแนวเกษตรเชิงวิชาการ ดีจ้า แอบ ก๊อปปี้ เรื่องและรูป ทั้งของลุงคิม และทิดแดงให้เด็กไปทำรายงาน บางรูป บางเรื่อง ผู้ปกครองและครูยังไม่เห็นมาก่อนเลยจ้า

อย่าลืมรีบนำเรื่องนี้มาลงต่อนะจ๊า .....รออ่านอยู่จ้า


ขอบคุณมาก จากหนูหริ่งจ้า...



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 27/06/2013 12:47 am    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 2 - กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ภาค 2 ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ... และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ภาค 2

ตอนที่ 14 - 1 เตรียมแปลงนาเพื่อหยอดข้าว

คุณหนูหริ่ง ถ้าจะวัยรุ่น ใจร้อนเหมือนกันนะ....ใจเย็น ๆ ครับ ผมรอข่าวและรอรูปการปลูกข้าวจากเพื่อนบนดอยเหมือนกัน

เมื่อวันที่ 25 มิย.56.....ผมได้รับข้อมูลใหม่จากเพื่อนกะเหรี่ยงบนดอย มาสด ๆ ร้อน ๆ อีกชุดนึง มีรูปพร้อมกับ Phone เข้ามาด้วย ได้ความว่า .........เพื่อนกะเหรี่ยงเพิ่งจะหยอดข้าวไปเมื่อวันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2556 นี่เอง …….(.และลุงรัตน์ ก็เพิ่งจะหยอดถั่วเหลืองไปได้สิบกว่าวันเช่นกัน)

มาดูกะเหรี่ยงหยอดข้าวกันก่อนดีกว่าครับ



รูป 1




รูป 2




รูป3




รูป 4




รูป 5




รูป 6

รูปที่ 1 – 6 หลังจากกะเหรี่ยงถอนถั่วเหลืองเมื่อ 21 เมษายน 56 เค้าก็ทิ้งซากต้นถั่วเอาในแปลงนั่นแหละ กะเหรี่ยงไม่โง่เผาฟางหรือเศษซากพืชหรอกครับ .....ก่อนถึงวันหว่านข้าวเค้าก็เตรียมแปลงที่จะ หยอดข้าว หยอดนะครับ ไม่ใช่ดำ ไม่ใช่หว่าน ...




รูป 7




รูป 8

รูปที่ 7 – 8 บนคันนา กะเหรี่ยงปลูกตะไคร้ครับ เพราะมีคนจากพื้นราบแนะนำให้ปลูก ซึ่งรุ่นที่ผ่านมาไม่เคยปลูก พอปลูกแล้วพูดได้คำเดียวว่า รู้ยังงี้ปลูกซะตั้งนานแล้ว....ปลูกแล้วเอาไปไหน ...มีโรงงานน้ำพริกที่เชียงใหม่มาตั้งแผงรับซื้อที่ปาย กะเหรี่ยงก็ขุด ตัดแต่งตามกรรมวิธีที่แนะนำ เอาลงดอยมาส่งที่ปาย แปรสภาพเป็นกระดาษรูปพ่อหลวงกลับบ้าน.....




รูป 9




รูป 10




รูป 11





รูปที่ 9 -12 ผมเคยแนะนำ คนสวยโพธาราม ว่า รอบที่นาของเอ็งยาวเกือบไมล์ ปลูกตะไคร้ซีวะ ดีกว่าปล่อยให้หญ้าขึ้น ตะไคร้ขึ้นแล้วจะคลุมดินไม่ให้หญ้าขึ้น..ใบตะไคร้แห้งร่วงหล่นจะกลายเป็นปุ๋ยแบบฟางข้าว.... ปลูกตะไคร้รอบที่นาแปลงนี้ ขุดขายครั้งหนึ่ง จะได้เงินไม่น้อยกว่า 2 – 3 หมื่น ...( 4 ตัน x กก.ละ 7 บาท.)
กะเหรี่ยงตัวดำ ๆ บนดอยทำ... แต่คนสวยโพธาราม มองข้าม...ต้นเท่าครก ใบปรกดิน ไม่เป็นไร เมินเสียเถิด ...เห็นแล้วเสียดายแทน ….





รูปที่ 13 รูปที่นายัยเฉิ่ม Bird Eyes View …ความกว้าง ยาว ประมาณ สนามฟุตบอลล์ ...รูปที่ 11 มุมมองจากตรงกลาง ไปทาง A…รูปที่ 12 มุมมองจากตรงกลาง ไปทาง B ด้านนี้ มีคลองชลประทานขนาดน่ารัก กั้นอยู่ ด้านนี้ยาวน่าจะประมาณ 200 เมตร จะปลูกได้ 2 ชั้น ชั้นในบนคันนา กับชั้นนอก ริมถนน ....คุยเรื่องกะเหรี่ยงปลูกข้าว กลายมาเป็นยัยเฉิ่มปลูกตะไคร้ซะแล้ว.....เรื่องมันพาไปครับ

ยังมีต่อครับ............
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 27/06/2013 9:08 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ปี 2556 ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ... และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ปี 2556

บทที่ 14 ตอน 2 วันที่ 22 มิถุนายน 2556 กะเหรี่ยงหยอดข้าวบนดอย......
เค้าหยอดข้าวกันแบบนี้ครับ






รูปที่ 1 เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ใช้หยอดในปี 2556 ....ข้าวพันธุ์อะไรไม่บอกมาด้วย





รูปที่ 2 แบ่งใส่ชามอ่าง เตรียมหยอด




รูป 3




รูป 4

รูปที่ 3 – 4 อาหารว่างก่อนหยอดเมล็ด....





รูปที่ 5 สำรวจแปลงนา





รูปที่ 6 ดูทิศทางลม ทำไมต้องดู ...ความแปรปรวนบนดอย ลมนึกจะแรงก็แรงวูบมาโดยไม่บอกล่วงหน้าครับ ถ้ากำลังหยอด ลมพัดมาแรง ข้าวก็จะปลิวไปตามแรงลม กะเหรี่ยงจะอาศัยประสบการณ์ในเรื่องทิศทางลมครับ





รูปที่ 7 ใครที่คิดจะปลูกข้าวแบบหยอดเมล็ด ดูเอาไว้ครับ ....ก่อนหยอดเค้าจะขุดเป็นหลุมแบบนี้ครับ

ผมเคยคุยกับเพื่อนกะเหรี่ยงว่า หลังจากเตรียมแปลง ปรับที่แล้ว ถ้ามีรถพรวนดิน(ผมเคยเอารูปให้เค้าดู) พรวนดินแล้วก็ให้คนเดินหยอดเมล็ดข้าวตาม หรือไม่ก็ใช้ เครื่องหยอดเมล็ด เดินลาก หยอดเป็นแถวไปเลย(ก็เคยให้ดูรูปอีกนั่นแหละ) .....เพื่อนบอกว่า ทำได้ก็ดี คือ ไม่ต้องขุดหลุม ...

การพรวนดินจะดีกว่าขุดเป็นหลุม ....
การหยอดเมล็ด ทำให้ประหยัดเมล็ดพันธุ์ การหยอดด้วยมือก็ดีกว่า การหว่าน
การหยอดด้วยเครื่องหบอด น่าจะดีกว่าอย่างอื่น
....ที่สำคัญ ผลผลิตน่าจะดีกว่าหยอดเมล็ดครั้งละจำนวนมาก ซึ่งข้าวจะขึ้นแน่นเกินไป.................แนวคิดทั้งหมดน่าจะทำได้ ......





รูป 8




รูป 9




รูป 10




รูป 11

รูปที่ 8 – 11 คนขุดหลุมก็ขุดไป คนหยอดเมล็ดก็หยอดไป ถ้อยทีถ้อยอาศัย แบ่งปันซึ่งกันและกันด้วยน้ำใจ..




รูป 12




รูป 13




รูป 14




รูป 15

รูปที่ 12 – 15 หยอดแล้วก็ใช้เท้าปาดดินกลบเมล็ดข้าว






รูปที่ 16 แดดร้อน เหนื่อยนัก ก็หยุดพักหลบร้อนเข้าร่มไม้ก่อน




รูป 17




รูป 18




รูป 19




รูป 20

รูปที่ 17 – 20 ต่อจากนั้นก็มา ร่วมด้วยช่วยกัน หยอดต่อ ต้องให้เสร็จเป็นแปลง ๆ ไปครับ ถ้าค้างไว้ข้าวแปลงนี้จะขึ้นไม่เสมอกัน





รูปที่ 21 เจ้าโชเล่ บอกว่า หลุมที่แม่และเค้าหยอด จะหยอดหลุมละประมาณ 5 เมล็ด..(เฮาทำตามที่สูบอกนะ)...






รูปที่ 22 หลุมนี้นับได้ 16 เมล็ด มากเป็น 3 เท่าของหลุมที่ผ่านมา ...ไม่รู้ฝีมือใคร มันช่วยกันหลายคน ทั้งที่เจ้าโชเล่บอกว่า..ได้บอกแล้ว ให้หยอดหลุดหนึ่งประมาณ 5 เมล็ด ก็ยังไม่มีใครเชื่อเพราะเคยทำกันมาอย่างนี้...

ถึงได้บอกยังไงครับว่า ความรู้สึกของไม่ว่าคนพื้นราบ หรือคนบนดอย ที่ฝังใจจำกันมาว่า การปลูก หรือการหว่าน หรือการหยอดข้าวด้วยจำนวนมาก ๆ จะได้ต้นข้าวมาก เมื่อต้นข้าวมากก็จะได้รวงและเมล็ดมาก...........ไม่ได้คิดว่า จะมีเรื่อง หรือปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกหรือไม่

เจ้าโชเล่กับแม่ ทำตามคำแนะนำ เพราะเคยเห็นผลมาแล้วเมื่อการทำนาปีที่ผ่านมา แต่ชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่มาช่วย ไม่เชื่อ ก็เลยทำตามที่เคยทำ ๆ กันมา ……

……..เออ ลืมถามว่า ใครเป็นคนถ่ายรูปหว่า ....ตั้งแต่กลับจากมาเที่ยวกรุงเทพ เงียบเลยนิเจ้า ชาชา รูปกะเหรี่ยงเข้ากรุง....ที่ส่งไปยังไม่ได้เอาลงเว็ปเลย...



ยังมีต่ออีกแน่ ๆ ครับ.....


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 27/06/2013 9:35 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ปี 2556 ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ... และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ปี 2556

บทที่ 14 ตอน 2 วันที่ 22 มิถุนายน 2556 กะเหรี่ยงหยอดข้าวบนดอย......
เค้าหยอดข้าวกันแบบนี้ครับ






รูปที่ 1 เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ใช้หยอดในปี 2556 ....ข้าวพันธุ์อะไรไม่บอกมาด้วย





รูปที่ 2 แบ่งใส่ชามอ่าง เตรียมหยอด




รูป 3




รูป 4

รูปที่ 3 – 4 อาหารว่างก่อนหยอดเมล็ด....





รูปที่ 5 สำรวจแปลงนา





รูปที่ 6 ดูทิศทางลม ทำไมต้องดู ...ความแปรปรวนบนดอย ลมนึกจะแรงก็แรงวูบมาโดยไม่บอกล่วงหน้าครับ ถ้ากำลังหยอด ลมพัดมาแรง ข้าวก็จะปลิวไปตามแรงลม กะเหรี่ยงจะอาศัยประสบการณ์ในเรื่องทิศทางลมครับ





รูปที่ 7 ใครที่คิดจะปลูกข้าวแบบหยอดเมล็ด ดูเอาไว้ครับ ....ก่อนหยอดเค้าจะขุดเป็นหลุมแบบนี้ครับ

ผมเคยคุยกับเพื่อนกะเหรี่ยงว่า หลังจากเตรียมแปลง ปรับที่แล้ว ถ้ามีรถพรวนดิน(ผมเคยเอารูปให้เค้าดู) พรวนดินแล้วก็ให้คนเดินหยอดเมล็ดข้าวตาม หรือไม่ก็ใช้ เครื่องหยอดเมล็ด เดินลาก หยอดเป็นแถวไปเลย(ก็เคยให้ดูรูปอีกนั่นแหละ) .....เพื่อนบอกว่า ทำได้ก็ดี คือ ไม่ต้องขุดหลุม ...

การพรวนดินจะดีกว่าขุดเป็นหลุม ....
การหยอดเมล็ด ทำให้ประหยัดเมล็ดพันธุ์ การหยอดด้วยมือก็ดีกว่า การหว่าน
การหยอดด้วยเครื่องหบอด น่าจะดีกว่าอย่างอื่นทั้งหมด

....ที่สำคัญ ผลผลิตน่าจะดีกว่าหยอดเมล็ดครั้งละจำนวนมาก ซึ่งข้าวจะขึ้นแน่นเกินไป.................แนวคิดทั้งหมดน่าจะทำได้ ......





รูป 8





รูป 9



รูป 10

รูปที่ 9 - 10 รถพรวนดิน ของชุมชนหมู่บ้าน นครปฐม...




รูป 11




รูป 12

รูป 11 - 12 ผลงานของรถพรวนดินในแปลงผัก นครปฐม





รูป 13




รูป 14




รูป 15

รูปที่ 8 – 15 คนขุดหลุมก็ขุดไป คนหยอดเมล็ดก็หยอดไป ถ้อยทีถ้อยอาศัย แบ่งปันซึ่งกันและกันด้วยน้ำใจ..




รูป 16




รูป 17




รูป 18




รูป 19

รูปที่ 16 – 19 หยอดแล้วก็ใช้เท้าปาดดินกลบเมล็ดข้าว






รูปที่ 20 แดดร้อน เหนื่อยนัก ก็หยุดพักหลบร้อนเข้าร่มไม้ก่อน




รูป 21




รูป 22




รูป 23




รูป 24

รูปที่ 21 – 24 ต่อจากนั้นก็มา ร่วมด้วยช่วยกัน หยอดต่อ ต้องให้เสร็จเป็นแปลง ๆ ไปครับ ถ้าค้างไว้ข้าวแปลงนี้จะขึ้นไม่เสมอกัน





รูปที่ 25 เจ้าโชเล่ บอกว่า หลุมที่แม่และเค้าหยอด จะหยอดหลุมละประมาณ 5 เมล็ด..(เฮาทำตามที่สูบอกนะ)...






รูปที่ 26 หลุมนี้นับได้ 16 เมล็ด มากเป็น 3 เท่าของหลุมที่ผ่านมา ...ไม่รู้ฝีมือใคร มันช่วยกันหลายคน ทั้งที่เจ้าโชเล่บอกว่า..ได้บอกแล้ว ให้หยอดหลุดหนึ่งประมาณ 5 เมล็ด ก็ยังไม่มีใครเชื่อเพราะเคยทำกันมาอย่างนี้...

ถึงได้บอกยังไงครับว่า ความรู้สึกของไม่ว่าคนพื้นราบ หรือคนบนดอย ที่ฝังใจจำกันมาว่า การปลูก หรือการหว่าน หรือการหยอดข้าวด้วยจำนวนมาก ๆ จะได้ต้นข้าวมาก เมื่อต้นข้าวมากก็จะได้รวงและเมล็ดมาก...........ไม่ได้คิดว่า จะมีเรื่อง หรือปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกหรือไม่

เจ้าโชเล่กับแม่ ทำตามคำแนะนำ เพราะเคยเห็นผลมาแล้วเมื่อการทำนาปีที่ผ่านมา แต่ชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่มาช่วย ไม่เชื่อ ก็เลยทำตามที่เคยทำ ๆ กันมา ……

……..เออ ลืมถามว่า ใครเป็นคนถ่ายรูปหว่า ....ตั้งแต่กลับจากมาเที่ยวกรุงเทพ เงียบเลยนิเจ้า ชาชา รูปกะเหรี่ยงเข้ากรุง....ที่ส่งไปยังไม่ได้เอาลงเว็ปเลย...



ยังมีต่ออีกแน่ ๆ ครับ.....


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 01/07/2013 9:05 am    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ..ภาค 2 ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ... และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย

บทที่ 14 ตอน 3 วันที่ 29 มิถุนายน 2556 ข้าวหอมดอยงอกแล้ว......

หลังจากที่หยอดข้าวผ่าไปได้ 7 วัน ข้าวก็เริ่มงอกขึ้นมา....ไปดูผลงานการปลูกข้าวของกะเหรี่ยงกันครับ

คุยให้ฟังก่อนครับว่า .........------------

การปลูกข้าวดอย เป็นการทำนาบนดินแห้ง อาศัยความชื้นจาก น้ำค้าง และละอองไอน้ำจากอากาศคือเมฆที่ลอยผ่านยอดดอย เวลาที่คุณยืนบนยอดดอยแล้วมองเห็นกลุ่มเมฆที่ลอยผ่านตัวคุณ จะเห็นเป็นเหมือนหมอก ยืนสักระยะหนึ่ง เสื้อผ้าของคุณจะเปียกชื้น นั่นคือละอองไอน้ำที่อยู่ในกลุ่มเมฆ .......การที่ข้าวเจริญงอกงามอยู่ได้เพราะได้น้ำจากน้ำค้าง และละอองไอน้ำจากเมฆ….

จึงเป็นข้อสังเกตของผมในการปลูกข้าวว่า การปลูกข้าวไม่จำเป็นต้องให้มีน้ำแช่ขัง เพียงแค่มีความชุ่มชื้นในดิน ซึ่งลุงคิมบอกว่า ให้มีน้ำเจ๊าะแจ๊ะแค่หน้าดินพอแล้ว .....นอกจากนี้ ลุงคิมพูดเหมือนในตำราปลูกข้าวของ IRRI เลยว่า ข้าวไม่ต้องการน้ำมาก......




รูปที่ 1 หน้าปกหนังสือตำราเบื้องต้นว่าด้วยการปลูกข้าว ของ IRRI ความหนา 229 หน้า




(2)


(3)


(4)

รูปที่ 2 – 4 ในตำรา หน้า 14, 21, 22 มีรูปและมีคำอธิบายไว้ชัดเจน.....หนังสือตำราเล่มนี้เป็นสุดยอดตำราวิทยายุทธในเรื่องข้าวเพียงเล่มเดียว บอกตั้งแต่เริ่มต้น จนจบถึงการนำข้าวออกตลาด บอกต้นทุนกำไรไว้เรียบร้อย

ผมได้ทดลองทำ ตั้งแต่การปลูกข้าวแบบน้ำแห้งที่นครปฐม รุ่นที่ 1 ก็ทำได้ผล และยังได้ทดลองเอาข้าวหอมดอยที่กะเหรี่ยงปลูกบนดอย เอามาปลูกที่นครปฐม ซึ่งสภาพภูมิอากาศต่างกันราวกับฟ้ากับเหว ข้าวดอยยังสามารถออกรวงมีเมล็ดได้ เพียงแต่ปรับสภาพให้ดินมีความเปียกชื้น ได้ผลแน่ ๆ .....

ข้าวดอยที่ผมเคยเห็นมีหลายสายพันธุ์ แต่แบ่งเป็นสองชนิด ชนิดหนึ่งปลูกบนยอดดอยไม่มีน้ำ อีกชนิดหนึ่งปลูกบริเวณใกล้แหล่งน้ำตีนดอย ...แม้จะปลูกใกล้แหล่งน้ำตีนดอย แต่ก็อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเกือบ 1,000 เมตร ในขณะที่นครปฐมอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล ไม่ถึง 10 เมตร





รูปที่ 5 จากพื้นดินที่ดูว่าแห้ง เมื่อขุดหลุมเพียงแค่ผิวดินจะเห็นว่าหน้าดินมีความชื้น ส่วนใต้ดินไม่ต้องพูด เพราะก่อนปลูกข้าว กะเหรี่ยงปลูกถั่วเหลือง หลังเก็บถั่ว ปล่อยต้นถั่วทิ้งในแปลง พอถั่วเริ่มย่อยสลาย ไถกลบถั่วเหลืองลงดิน หมักดินทิ้งเอาไว้ พอถึงกำหนดที่จะปลูกข้าว ดินจะมีทั้งธาตุสารหาร และมีความชื้นสะสมในดิน เมื่อหยอดเมล็ดข้าวลงไป ข้าวจะงอกและยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความชื้นใต้ดิน .......ถ้าใครจะปลูกข้าวแบบน้ำแห้ง ต้องทำให้ดินมีความชื้นใต้ดินแบบกะเหรี่ยง




(6)


(7)


(Cool


(9)


(10)


(11)


(12)

รูปที่ 6 – 12 วันที่ 29 มิย.56 หลังหยอด 7 วัน ข้าวงอกขึ้นมาตามรูปที่เห็น ยังครับ ยังดูไม่สวย รออีกไม่นานมาดูใหม่






รูปที่ 13 หลุมนี้มี 11 ต้น




(14)


(15)

รูปที่ 14 – 15 หลุมนี้ 12 ต้น





รูปที่ 16 หลุมนี้ 17 ต้น





รูปที่ 17 หลุมนี้ 23 ต้น

ผมเคยบอกเจ้าโชเล่ว่า หยอดหลุมหนึ่ง 3 - 5 เมล็ดพอ ซึ่งได้ผลมาจากการปลูกรุ่นที่ผ่านมาแล้ว ....เมื่อมีคนมาช่วยหยอด แต่ละคนที่มาช่วยก็เคยทำเคยหยอดมาแบบใช้เมล็ดมาก มันแก้ยากเพราะมันเคยมือ

ผมเคยคิดว่าจะลองทำเครื่องหยอดเมล็ดให้เพื่อนเอาไปลองใช้บนดอย ระหว่างล้อกว้างประมาณ 1 เมตร ใช้ล้อรถมอเตอร์ไซด์แบบอลูมิเนียม จะได้มีน้ำหนักเบาหน่อย ติดกระบอกให้หยอดได้คราวละ 4 แถว(ถ้ายาวกว่านี้ ทำงานในพื้นที่ลาดเอียงบนดอยลำบาก ไม่คล่องตัว ดีไม่ดีกลิ้งตกเขาไปจะยุ่ง) เจาะรูให้เมล้ดข้าวตกลงมาได้ประมาณรูละ 5 เมล็ด ....มันต้องลองทำดูครับ อาจใช้เอามาหยอดเมล็ดถั่วเหลืองได้อีกด้วย....ว่าเข้าไปนั่น ....


มาลุ้นกันครับว่า ข้าวดอยของกะเหรี่ยงรุ่นนี้ จะได้ดีกว่าหรือน้อยกว่า รุ่นที่แล้ว



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 01/07/2013 3:02 pm    ชื่อกระทู้: Re: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ..ภาค 2 ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:


".... เจาะรูให้เมล้ดข้าวตกลงมาได้ประมาณรูละ 5 เมล็ด ...."
COMMENT :
ในชีวิตเคย "ประดิษฐ์" อะไรๆ มาหลายอย่าง ตั้งแต่ครั้งชีวิตทหารจับปืน กระทั่งวางปินมาจับจอบ สิ่งประดิษฐ์ที่ทำนั้นจดทะเบียนลิขสิทธิ์ได้

แต่เจ้า "เครื่องหยอดเมล็ดข้าว" ทำให้หยอดได้ ครั้งละหรือจุดละ 2-3 เมล็ด ดูเหมือน (เน้นย้ำ...ดูเหมือน) จะยากที่สุด เพราะเมล็ดข้าวมีลักษณะสัญฐาน รี-ยาว ทำให้มันขัดตัวเองในช่องออก .... ต่างกับเมล็ดถั่วเหลือง ถั่วเขียว (ยกเว้น แดง-ดำ) ที่ลักษณะสัญฐานเมล็ด "กลม" จึงกลิ้งได้ ไม่ขัดตัวเองในช่องออก



"..... มันต้องลองทำดูครับ อาจใช้เอามาหยอดเมล็ดถั่วเหลืองได้อีกด้วย...."
COMMENT :
ไม่ลองไม่รู้ บอกแล้วไง โธมัส อัลวา เอดิสัน ลองผิดกับหลอดไฟนับ 1,000 ครั้ง กระทั่งถูกหาว่าบ้า .... วันนี้คนที่หาว่าเอดิสันบ้า ยอมกลืนน้ำลายตัวเองเอี๊อกๆ เอาหลักการของเอดิสันมาต่อยอด ทำขายรวยกว่าเอดิสันจนเป็นเศรษฐีระดับโลก

ถ้าในโลกนี้ไม่มีคนบ้าๆ คิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆขึ้นมา แล้วโลกจะมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นรึ ?
ชัดๆ คนระดับเว้บมาสเตอร์ C0MMENT ว่า สปริงเกอร์ที่ไร่กล้อมแกล้ม สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ อย่าบ้าตามตาคิมหน่อยเลย ....

ครับ วันนี้ที่ไร่กล้อมแกล้ม เนื้อที่ 20 ไร่ คนบ้าทำงาน 2 ชม. แต่คนดียังลากสายยาง สพายเป้ ตากแดดหัวแดง เดินฉีดพ่นทีละต้นๆ เช้ายันเที่ยงยังไม่เสร็จ .... ก็จงดีต่อไป อย่ากลืนน้ำลายตัวเองนะ



"..... มาลุ้นกันครับว่า ข้าวดอยของกะเหรี่ยงรุ่นนี้ จะได้ดีกว่าหรือน้อยกว่า รุ่นที่แล้ว...."
COMMENT :
ลุ้นเงียบๆ อย่าเอะอะมะเทิ่ง อย่าบอกใคร ในธรรมชาติยังมีเหตุไม่คาดคิดชนิดคาดไม่ถึงอีกมาก คนบอก ๆตามหลักวิชาการ แต่คนทำ ๆตามแค่คำบอก ไม่มีซิกแซ็กให้เข้ากับสภาวะการณ์ (ภาษาทหารเรียกว่า "อ่อนตัว" ให้เข้ากับสถานการณ์หรือปัญหา) งานนี้ ถ้าผลรับออกมาอย่างที่เราพูด คนทำก็ชอบใจ แต่ถ้าผลออกมาไม่เป็นอย่างที่เราพูด มันจะบอกว่า "เราบอกผิด" ลูกเดียว คราวนี้แหละคนทำมันจะหัวเราะเยาะเรา

นี่คือ สัจจธรรม ธรรมชาติ .... ในธรรมชาติไม่มีตัวเลขและสูตรสำเร็จ สรรพสิ่งล้วนอยู่ภายไต้กรอบแห่ง "ความเหมาะสม" อย่างแน่แท้.... ดินเขาดินเรา ดินเราเมื่อก่อนกับเดี๋ยวนี้ ดินตรงนี้กับดินตรงนั้น .... นอกจานี้ น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สายพันธุ์-โรค .... สมการเกษตร ปุ๋ยถูก-ใช้ผิด ปุ๋ยผิด-ใช้ถูก .... ปุ๋ยเราไม่ใช่ของวิเศษ ปุ๋ยใครก็ไม่ใช่ของวิเศษ ... ทั้งหมดนี้ คือ ดรรชนีชี้วัด สำเร็จ/ล้มเหลว ทั้งสิ้น

อย่าหวังตัวเลข อย่าเล็งผลเลิศ อย่าตั้งเป้า อย่าปักธง....ให้ระวัง "ต้นทุน" เป็นหลัก
บางครั้ง บวก/ลบ/คูน/หาร แล้ว ได้ผลผลิตน้อยแต่กำไรมาก ได้ผลผลิตมากแต่กำไรน้อย ก็เป็นได้

ใครที่มาเรียนกับไร่กล้อมแกล้ม เรียนจบต้องจับสาบาล "ห้ามบอกใคร ห้ามสอนใคร" เด็ดขาด เพราะถ้าเขาแย้งแล้วเราให้คำตอบไม่ได้ ถ้าเขาทำตามแล้วไม่ได้อย่างที่บอก เขาจะด่าเอา .... มะเร็งกินอารมย์ตายห่ะ...



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 01/07/2013 3:04 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 01/07/2013 3:05 pm    ชื่อกระทู้: Re: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ..ภาค 2 ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:


".... เจาะรูให้เมล้ดข้าวตกลงมาได้ประมาณรูละ 5 เมล็ด ...."
COMMENT :
ในชีวิตเคย "ประดิษฐ์" อะไรๆ มาหลายอย่าง ตั้งแต่ครั้งชีวิตทหารจับปืน กระทั่งวางปินมาจับจอบ สิ่งประดิษฐ์ที่ทำนั้นจดทะเบียนลิขสิทธิ์ได้

แต่เจ้า "เครื่องหยอดเมล็ดข้าว" ทำให้หยอดได้ ครั้งละหรือจุดละ 2-3 เมล็ด ดูเหมือน (เน้นย้ำ...ดูเหมือน) จะยากที่สุด เพราะเมล็ดข้าวมีลักษณะสัญฐาน รี-ยาว ทำให้มันขัดตัวเองในช่องออก .... ต่างกับเมล็ดถั่วเหลือง ถั่วเขียว (ยกเว้น แดง-ดำ) ที่ลักษณะสัญฐานเมล็ด "กลม" จึงกลิ้งได้ ไม่ขัดตัวเองในช่องออก



"..... มันต้องลองทำดูครับ อาจใช้เอามาหยอดเมล็ดถั่วเหลืองได้อีกด้วย...."
COMMENT :
ไม่ลองไม่รู้ บอกแล้วไง โธมัส อัลวา เอดิสัน ลองผิดกับหลอดไฟนับ 1,000 ครั้ง กระทั่งถูกหาว่าบ้า .... วันนี้คนที่หาว่าเอดิสันบ้า ยอมกลืนน้ำลายตัวเองเอี๊อกๆ เอาหลักการของเอดิสันมาต่อยอด ทำขายรวยกว่าเอดิสันจนเป็นเศรษฐีระดับโลก

ถ้าในโลกนี้ไม่มีคนบ้าๆ คิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆขึ้นมา แล้วโลกจะมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นรึ ?
ชัดๆ คนระดับเว้บมาสเตอร์ C0MMENT ว่า สปริงเกอร์ที่ไร่กล้อมแกล้ม สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ อย่าบ้าตามตาคิมหน่อยเลย ....

ครับ วันนี้ที่ไร่กล้อมแกล้ม เนื้อที่ 20 ไร่ คนบ้าทำงาน 2 ชม. แต่คนดียังลากสายยาง สพายเป้ ตากแดดหัวแดง เดินฉีดพ่นทีละต้นๆ เช้ายันเที่ยงยังไม่เสร็จ .... ก็จงดีต่อไป อย่ากลืนน้ำลายตัวเองนะ



"..... มาลุ้นกันครับว่า ข้าวดอยของกะเหรี่ยงรุ่นนี้ จะได้ดีกว่าหรือน้อยกว่า รุ่นที่แล้ว...."
COMMENT :
ลุ้นเงียบๆ อย่าเอะอะมะเทิ่ง อย่าบอกใคร ในธรรมชาติยังมีเหตุไม่คาดคิดชนิดคาดไม่ถึงอีกมาก คนบอก ๆตามหลักวิชาการ แต่คนทำ ๆตามแค่คำบอก ไม่มีซิกแซ็กให้เข้ากับสภาวะการณ์ (ภาษาทหารเรียกว่า "อ่อนตัว" ให้เข้ากับสถานการณ์หรือปัญหา) งานนี้ ถ้าผลรับออกมาอย่างที่เราพูด คนทำก็ชอบใจ แต่ถ้าผลออกมาไม่เป็นอย่างที่เราพูด มันจะบอกว่า "เราบอกผิด" ลูกเดียว คราวนี้แหละคนทำมันจะหัวเราะเยาะเรา

นี่คือ สัจจธรรม ธรรมชาติ .... ในธรรมชาติไม่มีตัวเลขและสูตรสำเร็จ สรรพสิ่งล้วนอยู่ภายไต้กรอบแห่ง "ความเหมาะสม" อย่างแน่แท้.... ดินเขาดินเรา ดินเราเมื่อก่อนกับเดี๋ยวนี้ ดินตรงนี้กับดินตรงนั้น .... นอกจานี้ น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สายพันธุ์-โรค .... สมการเกษตร ปุ๋ยถูก-ใช้ผิด ปุ๋ยผิด-ใช้ถูก .... ปุ๋ยเราไม่ใช่ของวิเศษ ปุ๋ยใครก็ไม่ใช่ของวิเศษ ... ทั้งหมดนี้ คือ ดรรชนีชี้วัด สำเร็จ/ล้มเหลว ทั้งสิ้น

อย่าหวังตัวเลข อย่าเล็งผลเลิศ อย่าตั้งเป้า อย่าปักธง....ให้ระวัง "ต้นทุน" เป็นหลัก
บางครั้ง บวก/ลบ/คูน/หาร แล้ว ได้ผลผลิตน้อยแต่กำไรมาก ได้ผลผลิตมากแต่กำไรน้อย ก็เป็นได้

ใครที่มาเรียนกับไร่กล้อมแกล้ม เรียนจบต้องจับสาบาล "ห้ามบอกใคร ห้ามสอนใคร" เด็ดขาด เพราะถ้าเขาแย้งแล้วเราให้คำตอบไม่ได้ ถ้าเขาทำตามแล้วไม่ได้อย่างที่บอก เขาจะด่าเอา .... มะเร็งกินอารมย์ตายห่ะ...



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 11/07/2013 9:38 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ... และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย

บทที่ 14 ตอนที่ 4 วันที่ 6 กรกฏาคม 2556 ข้าวอายุ 14 วัน


ผมได้รับรูปกะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอยเพิ่มเติมครับ เป็นรูปข้าวดอยที่ปลูกไปแล้ว 14 วัน



(1)



(2)



(3)



(4)

รูปที่ 1 - 4 เป็นสภาพทั่วไปบริเวณแปลงนา ณ วันที่ 6 ก.ค. 56 ข้าวมีอายุ 14 วัน
จะสังเกตได้ว่า ทั่วแปลงนา ไม่มีหญ้าขึ้น และแต่ลอกอมีระยะห่างกันเป็นศอกแขน น่า
จะประมาณ 30-40 ซม.




(5)



(6)

รูปที่ 5 - 6 ต้นข้าวเจริญงอกงามดี ได้ปุ๋ยจากเศษซากต้นถั่วเหลือง จะไม่งามได้ยัง
ไง ให้สังเกตดินที่เป็นขุยๆ เป็นกองๆ บริเวณรอบๆ ต้นข้าว ไม่ใช่ปุ๋ยเม็ดนะแต่เป็น ขี้
ไส้เดือนครับ ถ้าดินมีสารพิษ ไส้เดือนคงไม่มี ไสเดือนคงมากินเศษซากต้นถั่วที่ยังย่อย
สลายไม่หมด ....การมีใส้เดือนในแปลงพืช ผมว่าดีนะครับ มันเป็นสัญญลักษณ์ ของ
ดินที่มีคุณภาพ ดีหรือไม่ดี ต้องถามลุงคิมครับ



(7)



(Cool

รูปที่ 7 - 8 ข้าวอายุ 14 วันน่าจะสูงประมาณ 30 ซ.ม. หรือ 1 ศอกแขน จะเห็นขี้
ไส้เดือนมีทั่วไปเต็มแปลงไปหมด หน้าดินไม่มีน้ำเจ๊าะแจ๊ะ แม้จะแห้งแต่มีความชื้น
ผมคิดว่าลักษณะจะเหมือนนาน้ำฝนทางภาคอีสานมั๊ยครับ การหยอดในลักษณะห่าง
แบบนี้ คล้ายนาดำ กลางวันร้อนแต่ดินชื้น กลางคืนไม่ต้องพูดถึงมีน้ำค้างแน่นอน

ใครบอกว่า ปลูกข้าวต้องมีน้ำขัง ข้าวของกะเหรี่ยงจากนาแปลงนี้ ไม่มีน้ำขัง แล้วข้าว
มันงามได้ยังไง เซียนที่ชำนาญเรื่องการปลูกข้าวช่วยตอบผมที




รูปที่ 9 ไม่ว่าจะเป็นข้าวไทย ข้าวกะเหรี่ยง ผมว่าเหมือนกันหมด คือ ข้าวที่ขึ้นริมคันนา จะงามกว่า
ข้าวที่อยู่กลางๆ หรือว่า ไนโตรเจนจากถั่วที่ย่อยสลาย ไหลตามน้ำมาอยู่ริมแปลงนาตอนฝนตก......

อีกไม่กี่วันเจอกันแน่ทั้งลุงรัตน์และเเจ้าโชเล่ .............



ยังมีต่อครับ


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 16/07/2013 6:39 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ... และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย

บทที่ 14 ตอนที่ 5 วันที่ 12 กรกฏาคม 2556 ข้าวอายุ 20 วัน

พูดถึงข้าวอายุ 20 วันนี่ ถ้าเป็นการหว่านกล้าเพื่อทำนาดำ กล้าอายุขนาดนี้ กำลังถอนมาดำได้แล้วนะครับ แต่กะเหรี่ยงปลูกข้าวแบบหยอด ไม่ต้องถอนมาดำ การหยอดแบบห่าง ๆ เมื่อข้าวขึ้นมาก็จะเหมือนการดำนา เพียงแต่ทำคนละวิธีคนละแบบเท่านั้น .......ไปดูกันครับว่า ข้าวดอยอายุ 20 วัน โตหริือสูงแค่ไหน


(1)



(2)



(3)



(4)



(5) ลองมาดูใกล้ ๆ ข้าวหอมดอย อายุ 20 วันครับ



(6) สังเกตที่ขุยดิน นั่นคือ ขี้ไส้เดือนครับ แสดงว่า ข้าวนาแปลงนี้ ปลอดสารพิษ ถ้าใช้สารพิษ ไส้เดือนตายหมดครับ



(7)



(Cool น่าแปลกใจที่ทำไม ต้นข้าวริมแปลงนาจึงงามและสูงกว่าข้าวกลางแปลงนา


ยังมีต่อครับ

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
noo-ring
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 24/06/2013
ตอบ: 64

ตอบตอบ: 08/08/2013 8:47 pm    ชื่อกระทู้: รออ่านต่ออยู่จ้า ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีจ้าลุง .....ทิดแดง....

กลับจากไปขึ้นดอยมาแล้วไม่ใช่หรือจ๊า กรุณาลงเรื่องต่อด้วย...รออ่านอยู่จ้า...

และเอาเรื่องที่ไปสัญจร มาลงด้วยนะจ๊า ....ขอบคุณจ้า....





.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 12/08/2013 11:55 am    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย

บทที่ 15 ตอนที่ 6 – 1 22-กค.-56 .....ข้าว 30 วัน

รูปชุดนี้ ผมไปเห็นด้วยตา และถ่ายมาด้วยตนเอง ถ่ายตอนเช้า ก่อนที่จะเข้าเมือง
ปาย

ปีนี้ ฝนบนดอยไม่ตกต้องตามฤดูกาล ....จากทุ่งกุลาร้องไห้ จะกลายเป็น กะเหรี่ยงดอยร้องไห้ ไปซะแล้ว

เพราะอะไร เพราะความเห็นแก่ตัวของคนที่เห็นผลประโยชน์ของตนเอง สำคัญกว่าสิ่งอื่น โดยการนำเอาพืชเชิงเดี่ยวมาให้ชาวดอยปลูก และความรู้เท่าไม่ถึงกาลของคนบนดอยที่คิดว่า การปลูกพืชเชิงเดี่ยวจะได้ผลผลิตและเงินมากกว่า ผมมีรูปให้ดู อดใจรอนิดนึงครับ...

ไปดูรูปข้าวดอยกันก่อนครับ



(1)



(2)



(3)



(4)



(5)



(6)

(1 - 6) ทางน้ำเข้าแปลงนาของกะเหรี่ยง ที่เคยมีน้ำไหลไม่ขาดสาย แต่ปีนี้ มีน้ำไหลแบบไม่เต็มใจ แถมระยะนี้ทุกปีฝนเคยตก กลับมีแค่เมฆครึ้ม แต่ไม่มีฝน





(7) ปากทางประตูน้ำที่กะเหรี่ยงเคยทำฝายน้ำล้น ก็มีน้ำแค่ปริ่ม ๆ ไม่เคยล้น




(Cool



(9)



(10)



(11)



(12)



(13)



(14)



(15)



(16)

(8 - 16) สภาพของข้าวดอย อายุ 30 วัน ซึ่งน่าจะงามกว่านี้(ถ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล) ได้น้ำจากน้ำค้างและน้ำซึมใต้ดิน ก็ยังพอทนอยู่ได้ตามสภาพครับ






(17) มีรอยไส้เดือนขึ้นมาขี้ให้เห็นอยู่ครับ




(1Cool



(19)

(18 - 19) มีรอยปลูกแซมข้าวที่แห้งตายอยู่หลายแห่ง




(20)



(21)

(20 - 21) มีหญ้าขึ้นในแปลงนาเป็นบางจุด ซึ่งปกติ เพื่อนกะเหรี่ยงจะถางหรือถอนหญ้าในแปลงนา แต่ปีนี้คงหมดกระจิตกระใจ ....ผมได้แต่ให้กำลังใจและบอกเพื่อนว่า ...อย่าท้อแท้หมดกำลังใจเป็นอันขาด และได้บอกวิธีที่จะทำให้มีน้ำพอจะใช้ให้น้ำกับแปลงนานี้ได้ ทำง่าย ๆ ไม่ยากครับ นอกจากนี้ได้บอกว่าอีกไม่นานฝนคงตก........

เพื่อนบอกว่า ...จะเป็นไปได้อย่างไร ฝนไม่ตกมาเป็นเดือนแล้ว....

ฝนจะตกได้หรือไม่ ไปดูกันครับ


(22)



(23)


(22 - 23) รอยทางมดขนไข่ขึ้นที่สูง แม่ผมเคยบอกว่า เห็นมดขนไข่ขึ้นที่สูงแสดงว่า น้ำจะมา หรือไม่ก็ฝนจะตกในไม่ช้า....






(24) เป็นยอดต้นข้าวที่ถูกตัดทิ้ง





(25) รูหนูหรือรูตุ่นไม่แน่ใจ คิดว่าไมไ่ย้ายรังหนีน้ำก็อะไรซักอย่าง





(26) ข้าวบางส่วนที่แห้งตายครับ




(27)



(2Cool



(29)



(30)


(27 - 30) แปลงนาที่น้ำซึมถึงก็งอกงามดีไม่น้อย




(31)



(32)

(31 - 32) ไม่ว่าดินฟ้าอากาศจะเป็นยังไง ตะไคร้ยืนหยัดอยู่ได้ทุกที่





(33) มะเขือพวงก็เช่นกัน ทนทานทุกสภาพอากาศ




(34)



(35)

(34 - 35) กระท่อมหลบร้อนริมแปลงนา



วิธีที่จะทำให้มีน้ำพอจะใช้ให้น้ำกับแปลงนานี้ได้ ทำง่าย ๆ ไม่ยากครับ

ผมแนะนำให้เพื่อนกะเหรี่ยงขุดดินเป็นหลุมตรงทางที่น้ำไหลกว้างประมาณกางแขน ลึกประมาณ 2 เมตร ปล่อยให้น้ำไหลลงไปในหลุม คืนเดียวน้ำจะเต็มหลุม แล้วใช้เครื่องสูบน้ำมือถือขนาดเล็กท่อประมาณ 1 นิ้วครึ่ง ลากสายไปกลางแปลงนาแล้วฉีดพ่นไปที่รอบ ๆ แปลงนา อย่างน้อยก็มีน้ำให้ต้นข้าวได้กินพอแก้ขัดไปได้ ระยะหนึ่ง

......ผมบอกแค่นี้ เพื่อนกะเหรียงตบหัวตัวเอง ยิ้มแก้มแทบปริ เต้นเป็นหมอผี ....

ระหว่างกินอาหารกลางวันก่อนลงดอยเข้าปาย เจ้าโชเล่คุยกับแม่ และชาชาน้องสาว ผมฟังภาษากะเหรี่ยงไม่ออก ชาชาบอก ....แม่บอกว่า เรื่องง่ายแค่นี้ไม่น่าโง่เลย ...ผมบอกว่าไม่ใช่โง่ เพียงแต่มีภูเขา บังเส้นผมอยู่ เลยคิดไม่ออก.....ชาชาแปลความหมายให้แม่กับเจ้าโชเล่ฟัง กลายเป็นเรื่องขำขันในวงกินข้าว...

เมื่อถึงเวลาอันควร ต้องกล่าวคำอำลา เพื่อเดินทางต่อ.....ต่างก็เสียดายที่ผมมีเวลาอยู่ได้ไม่นานนัก ...โอกาศหน้ายังมีเพื่อน....ผมแอบกระซิบกับเจ้าโชเล่....(งานนี้เฮามี ผบ.ทบ.มาด้วย เลยอดไปเที่ยวงานเทศกาลจับนมสาวที่เผ่าอี๋เลยว่ะ.....เจ้าโชเล่หัวเราะก๊ากชอบอกชอบใจ) เล่นเอาทุกคน งง ...มันหัวเราะอะไรของมันกันวะ...


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 14/08/2013 11:09 am    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย

บทที่ 15 ตอนที่ 6 – 2 22-กค.-56 .....เก็บตกรอบ ๆ บ้าน

ระหว่างที่อยู่บนดอย พอมีเวลาเดินดูรอบ ๆ บ้าน เก็บภาพได้นิดหน่อยเอง



(36)



(37)

36 - 37 จำชื่อไม่ได้ว่าต้นอะไรครับ ไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่า ต้นโชค หรือเปล่านะ กลิ่นหอมอ่อน ๆ




(38 )



(39)



(40)

38 – 40 ต้นมะนาวที่เคยเอาไปฝากเมื่อปี่ก่อนนู๊น ถึงวันนี้มันเจริญเติบโต ออกลูกดกยั้วเยี้ยเต็มไปหมด



(41)



(42)



(43 )

41 – 43 ต้นกาแฟรอบ ๆ บ้าน จะเป็นอาราบีก้า หรือโรบัสต้า ลืมถาม





44 ต้น ตะลิงปลิง จากนครปฐม งามสง่าอยู่ได้บนดอย ออกดอก แต่ไม่ติดลูกครับ





45 ก่อนออกเดินทางกลับ อุตส่าห์บอกว่า ไม่ขนอะไรกลับนะ เพราะรถเต็ม แม่ของเพื่อนยังแอบเอา พันธุ์ข้าวโพดสาลี พันธุ์ใหม่ ใส่ถุงมาให้อีก 20 กว่าฝัก ปลูกได้เป็นไร่ละมั๊ง..... “ ห้าอาปาอาไปปู่ กีอาหร่อ “... (ให้ผมเอาไปปลูก กินอร่อย)





46 ฝักยาวประมาณ ไม่ถึงคืบมือ เมล็ดเรียงกันสวยดีจัง


....ยังไม่จบครับ....

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 14/08/2013 8:43 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย

บทที่ 15 ตอนที่ 6 – 3 22-กค.-56 .....นาข้าวตีนดอย

ลงจากดอยมาจะเข้าปาย เจอแปลงนาข้างทาง เห็นกล้าข้าวดูสวยดีเลยจอดรถถ่ายรูป คนบนรถก็เร่งยิก ๆ บอกว่ามันจะ 6 โมงเย็นแล้ว หิว.....โห อะไรกันนักหนา ขอถ่ายรูปแค่แป๊บเดียวเอง.....



(47)



(48 )



(49)



(50)

(47 – 50) ข้าวกล้าในนาแปลงนี้สวยจังเลยครับ คุณว่าไม่สวย ผมว่าสวยก็แล้วกัน
คนบนดอยปลูกข้าว หรือทำแปลงกล้าข้าว เค้าจะให้มีน้ำแค่นิดหน่อยเท่านั้น และจะปล่อยน้ำเข้าแปลงเมื่อไหร่ก็ได้เพราะมีรางน้ำที่ไหลจากบนดอยลงมาด้านล่างตลอดเวลา แต่ปีนี้ทุกคนบ่นว่าน้ำมีน้อยจัง




(51)



(52)



(53)



(54)



(55)

(51 – 55) เป็นแปลงนาที่ดำแล้ว ซึ่งแต่ละกระทงจะเล็ก และจะทำเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นลงไปตามสภาพพื้นที่ตีนดอย จะคุยต่อซักหน่อย คนบนรถก็เร่งให้เร็ว ๆ เลยลืมถามเจ้าของนาว่าเป็นข้าวพันธุ์อะไร?


ชุดนี้ก็มีรูปแค่นี้แหละครับ....ยังไม่หมดนะครับ


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 15/08/2013 9:31 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย

บทที่ 15 ตอนที่ 6 – 4 20-7-56 .....กะเหรี่ยงร้องไห้

ทำไมกะเหรี่ยงถึงจะต้องร้องไห้

จากเส้นทางที่ผมขับรถขึ้นดอยไปบ้านเพื่อนกะเหรี่ยง ตามไหล่ดอย ซึ่งเดิมในหน้าฝนแบบนี้ เค้าจะปลูกข้าวหอมดอย ข้าวก่ำ ข้าวลืมผัว ข้าวหอมนิล ข้าวไร่สายพันธุ์ต่าง ๆ เอาไว้กิน เอาไว้ขาย เอาไว้ ......ฯลฯ .....แต่ปีที่ผ่านมา กลับปลูกพืชเชิงเดียว คือมี(บริษัท ที่เห็นแก่ตัวและคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ บอก...>)เจ้าหน้าที่ให้ไปแนะนำชาวดอยให้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีเท่าไหร่ บริษัทรับซื้อในราคาประกัน โดยมีเมล็ดพันธุ์มาจำหน่าย(ครั้งแรก)ให้ในราคาถูก ...

..คราวนี้คนบนดอยก็ขยายพื้นที่ปลูกกันเป็นการใหญ่ ภูเขา ภูดอยก็เลยกลายเป็นเขาหัวโล้น และเต็มไปด้วยไร่ข้าวโพดทุกหนทุกแห่ง ส่วนเนื้อที่ปลูกข้าวก็เพียงเพื่อเอาไว้พอกิน และลงไปปลูกในพื้นที่ราบตีนดอย ตามที่เห็นในรูป

จากเหตุการณ์อันนี้ ป่าหายไปกลายเป็นไร่ข้าวโพด ฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล น้ำที่จะใช้ในไร่ข้าวโพดก็ไม่มี นำจะทำนาก็เหลือน้อยลง และที่สำคัญ เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่ชาวดอยเก็บไว้ทำพันธุ์ก็ไม่สามารถจะงอกเป็นต้นข้าวโพดได้ เพราะเมล็ดพันธุ์ที่บริษัทเอามาขายในราคาถูกในตอนแรกเค้าอาบรังสีเอาไว้ปลูกได้เพียงครั้งเดียว รุ่นต่อไปต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่ ซึ่งต้องซื้อในราคาแพงขึ้น นอกจากนี้ ต่อ ๆ ไป คุณภาพก็จะลดลง เพราะข้าวโพดจะขาดน้ำ ขนาดว่า น้ำตกที่เป็นต้นน้ำ ปกติเดือนนี้น้ำจะมาก แต่ปีนี้น้ำจะมีน้อยลง (มีรูปครับ)

การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อปลูกพืชเชิงเดี่ยว มันจะทำให้ระบบนิเวศน์พังพินาศ ต่อ ๆ ไปคนดอยจะทำเกษตรได้ไม่ดีเหมือนเดิม ก็ต้องหันมาค้าของที่ผิดกฎหมาย ....คงต้องร้องเพลง....พี่รู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว.....เฮ...

ด้วยประการะฉะนี้ กะหรี่ยงจึงต้องร้องไห้ เพราะปลูกพืชแล้วน้ำไม่มี



(56)



(57)



(58 )



(59)



(60)



(61)



(62)



(63)



(64)



(65)



(66)



(67)



(68 )

(56 – 68 ) บนเขา บนดอยทุกแห่ง มีแต่ไร่ข้าวโพดทั่วไปหมด ที่นำเสนอนี้เป็นบางส่วนเท่านั้น มีเกือบทุกแห่งบนดอยครับ





(69) จะมีแปลงถั่วเหลืองบ้างเป็นบางแห่ง




(70)



(71)



(72)

(70 – 72) จะมีแปลงนาปลูกข้าวอยู่ตีนดอย เรียกว่าปลูกเอาไว้แค่พอกิน





(73) น้ำตกต้นน้ำบนดอย กะเหรี่ยงบอกว่า ปกติเดือนนี้น้ำจะมาก น้ำจะพุ่งข้ามหินก้อนใหญ่ที่เห็น แต่ปีนี้มีน้ำไหลเท่าที่เห็น และเมื่อถึงเดือนมีค. – เมษา จะเอาน้ำที่ไหนใช้





(74) กะเหรี่ยงนิยมเลี้ยงช้างเพื่อใช้งานครับ

คุณคิดกันหรือเปล่าว่า เมื่อต้นน้ำบนดอยไม่มีน้ำ พวกเรา ๆ อยู่ปลายน้ำ จะเอาน้ำมาจากไหน....แม้กระทั่งในเขื่อนภูมิพลที่ จว.ตาก ระดับน้ำยังต่ำมาก ๆ เลยครับ...(ดูจากเกษตรสัญจร ภาค 3 –การสัญจรครั้งใหม่ ครับ)



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 21/08/2013 3:18 am    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย (NEW) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ... และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย

บทที่ 15 ตอน 6 - 5 แปลงนาขั้นบันไดบนดอย ริมทางผ่าน



(75)



(76)



(77)



(78 )

(75 – 78 ) เป็นแปลงนาแบบขั้นบันไดบริเวณตีนดอย แถว ๆ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ครับ




(79)



(80)




(81)



(82)

(79 – 82) ระบบชลประทาน ชาวบ้าน – วัด ช่วยกันทำ เค้าบอกว่า ...จะไปรอเทศตูมหรือเทศบาล ของบ อบ-ตง อบต. ฝันมาเป็น ซิ๊บปี๋ แล้ว ทำกันเองดีกว่า...ทำเป็นรางคอนกรีต เพื่อความแข็งแรงและป้องการดินพังทลาย น้ำจะไหลจากบนเขาลงข้างล่าง ก็ทำรางเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นลงมา แล้วก็ไหลเข้าแปลงนาในรูป 82 เพื่อไหลต่อไปยังนาในรูป 75 – 78 นั่นแล และน้ำส่วนเกินที่นาแปลงข้างบนไม่ต้องการ ก็ไหลลงไปนาข้างล่าง ปู๊น น น น น น. (คนเหนือพูด ปู๊นนนน ลากเสียงยาวแบบนี้ แสดงว่าไกลเป็นกิโลแม้ว เลยละคุณเอ๊ย)




(83)



(84)



(85)



(86)

(83 – 86) ออกจากฮอด ก็ต่อไปเข้าแม่สะเรียง .. อีก 50 กม.จะถึงแม่สะเรียง ก็มาเจอแปลงนาขั้นบันไดเข้าอีกแปลง นาแปลงนี้อยู่บนดอยสูงขึ้นมาอีกหน่อย เวลาประมาณ 17 น.เศษ รูปอาจจะมืดไปหน่อยนะครับ กล้องมือถือ สเปโต รุ่นนี้ไม่ยักกะมีแฟลชให้มาด้วย ส่วนกล้องตัวอื่นที่มาด้วย เค้าก็ไปถ่ายสิ่งที่เค้าชอบของเค้า ต่างคนก็มองต่างมุมครับ รูปจะไปรวมกันเพื่อคัดสรรอีกครั้ง ก็ให้ติดตามใน เกษตรสัญจรภาค 3 นะครับ




(87)



(88 )

(87 – 88 ) ระบบชลประทานผันน้ำเข้าแปลงนาก็แบบเดียวกับที่ฮอด น้ำไหลลงมาจากดอยเหมือนกัน แต่ตรงนี้ไม่ได้ทำเป็นรางคอนกรีต ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับภูมิปัญญาของผู้นำชุมชนครับ...ก็ว่ากันไปตามอัธยาศัย

ในการนำเสนอก็เพื่อให้ เพื่อนสมาชิกที่ทำนา ได้นำไปพิจารณามุมมองต่าง ๆ ว่า ในท้องที่ ๆ คุณทำนาอยู่ หากมีข้อจำกัดเรื่องน้ำ ควรจัดการกับระบบชลประทานอย่างไร อย่าไปรอเทศตูมหรือเทศบาล อบ-ตง อบต. เลยครับ จัดการกันได้ ก็ร่วมด้วยช่วยกัน ลงแชร์ ลงขันกัน ทำทีละเล็กทีละน้อย จากคืบก็จะเป็นศอก เป็นวา เป็นเส้น และ.....> ยังไง ๆ ก็ไม่เกินความสามารถ




(89)



(90)



(91)



(92)



(93)



(94)



(95)

(89 – 95) ก็จะเป็นแปลงนาขั้นบันไดที่ลดหลั่นลงไปเป็นชั้น ๆ ลงไปถึงนาที่อยู่ด้านล่าง ๆ ไกลออกไป น้ำจากบนดอยจะไหลทั้งวันทั้งคืน... All day all night ไม่มีวันหมดครับ มากบ้าง น้อยบ้าง ตามฤดูกาล ก็ว่ากันไป




(96)



(97)

(96 – 97) พอดีเห็น สองสาวนี้เดินกลับจากดำนาด้านล่าง ขอถ่ายรูปไม่ยอม
เธอบอกว่า ...ถ่ายตอนนี้จะไปงามอ๊ะหยัง ....

ผมถามว่า ปลูกข้าวพันธุ์อะไร

คำตอบว่า ปลูกหลายอย่าง กข15, เหนียวสันป่าตอง 1, ลืมผัว, หอมนิล แล้วก็มีข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมืองอีกอย่างนึง ผมลืมชื่อซะได้





(98 ) ครั้นจะตามไปถามวันหลังก็ไม่รู้จักชื่อ และบ้านอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ คุณดูซีครับ จากแปลงนา เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งเดินขึ้นดอยไปอีก แล้วบ้านติด ๆ กันแบบเนี้ยะ จะรู้มั๊ยครับว่าอยู่ตรงไหน โปรดสังเกตนะครับว่า บ้านแต่ละหลังใหญ่ ๆ ทั้งน๊านเลย หลังคามุงกระเบื้องอีกด้วย แสดงว่าแถบนี้เศรษฐกิจค่อนข้างดี ชาวบ้านมีอันจะกิน

เย็นมากเกือบจะ 6 โมงเย็นแล้ว ต้องต่อไปแม่สะเรียงแล้วละครับ อีกประมาณ 50 กม.กว่าจะถึงคงจะทุ่มกว่า ๆ ... โทรยืนยันที่พักที่จองไว้เรียบร้อยตั้งแต่ตอนบ่าย ถึงแม่สะเรียงก็คงจะหาอะไรกินซะก่อนแล้วก็เข้าที่พัก อาบน้ำแล้วก็ตัวใครตัวมันเถอะนะ ใครจะดูละครน้ำเน่าก็ดูไป ใครจะ WiFi ก็ว่ากันไป ผมขอนอนฟังเสียงลุงคิมบ่นดีกว่า ....

.อยู่แม่สะเรียงฟังลุงคิมได้ด้วยหรือ โถ เจ้าประคุณลุนสองช่อง ผมใช้มือถืออัดเสียงลุงเอาไว้ รับรองฟังเสียงลุงบ่นได้ทุกที่ เวลาขับรถยังเปิดฟังแก้ง่วงได้ดีนักแล ฯ....555 ....คนที่บ้านที่ไปด้วย บอกว่า เป็นเอามาก อ๊ะ ทีตัวเองดูละครน้ำเน่าผมยังไม่ว่า จริงมั๊ยครับลุง


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 22/08/2013 3:15 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย

บทที่ 15 ตอนที่ 6 – 6 หมุดสัญญาณดาวเทียม





(99) ออกจากก็เดินทางต่อไปแม่ฮ่องสอน เส้นทางก็จะคดเคี้ยว สูงขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ





(100) ลองดูรูปถ่ายทางอากาศ จากแม่สะเรียงไปแม่ฮ่องสอนดูซักรูปนึงก็ได้ ลดเลี้ยว
เคี้ยวคดไปตามไหล่เขาแบบนี้แหละครับ





(101) เห็นแล้วเวียนหัว หัวหมุนครับ





(102) จอดรถ ชิ้งฉ่อง เกือบไปแล้ว เกือบจะฉี่รดหมุดอันนี้เข้าแล้ว เค้าเขียนว่า
หมุดดาวเทียม 2555 โทรศัพท์บนดอยไม่มีสัญญาณ ก็ต้องอาศัยหมุดอันนี้แหละ
ครับ..... ขืนฉี่รด มีหวัง ดาวเทียมตกแน่ ๆ




(103)



(104)

(103 – 104) มีหญ้าตะกูล มอส ขึ้นแบบนี้คงไม่ต้องบอกนะครับว่า อากาศบนนี้จะ
หนาวหรือร้อน




(105)



(106)



(107)



(108 )



(109)



(110)



(111)



(112)



(113)

(105 – 113) ใบไม้ต่าง ๆ บนดอยสูง สีสันแปลกตาต่าง ๆ กันครับ บางอย่างเคย
เห็น บางอย่างไม่เคยเห็น



(114)



(115)

(114 – 115) ไปเจอดอกแก้วมังกรเข้า โอโฮเฮะ ดอกโตเกือบเท่ากำปั้น เวลาติด
เป็นลูกแล้วสงสัยลูกจะโตเท่า ลูกมะพร้าวน้ำหอมมั๊งเนี่ย





(116) บนดอยก็มีดอกกระดังงา คนเหนือเรียก ดอกสะปันงาครับ ยังไม่ได้ลนไฟ
ดมยังไงก็ไม่หอม ต้องเอาไปลนไฟซะก่อนนั่นแหละ กลิ่นหอมถึงจะมี





(117) ดอกอะไรไม่รู้จักครับ ต้นคล้ายสับปะรดสี ดอกไม่เหม็น แต่ก็ไม่หอม





(118 ) หลังจากดอกบัวตองเหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลาแล้ว บางพื้นที่จะมี ดอก
กระดุมทองขึ้นมาแทน




(119)



(120)

(119 – 120) ใบเฟิร์นหรือใบปรงป่า กับใบอะไรไม่รู้จักอีกนั้นแหละ ดูสวยดีครับ





(121) ดอกสีสวยดี แต่ไม่รู้จักชื่ออีกนั่นแหละ....เหมือนเวลาเราเจอคนสวย ก็ไม่
จำเป็นที่จะต้องรู้จักชื่อไม่ใช่หรือครับ ...กินแห้ว





(122) กะเหรี่ยงก็มีอารมณ์ขันเหมือนกันนิ ขืนยกเล่นก็มดลูกไหลเท่านั้นแหละ




(123)



(124)

(123 - 124) บนยอดดอยแทบทุกบ้านจะมีเตาไฟแบบนี้ครับ ก่อไฟต้มน้ำกันทั้ง
วัน ไม่เอาไว้ชงชาก็เอาไว้ต้มสมุนไพรหลากหลาย ...หรือใครหนาวก็มาผิงไฟได้
ทุกเมื่อ

คนกรุงเห็นกาต้มน้ำแล้ว บางคนร้องยี้ ดำปิ๊ดปี๋ ....หารู้ไม่ การต้มน้ำชงชา หรือต้ม
ยาสมุนไพร ถ้าต้มด้วยไม้ฟืน ท่านว่า ควันไฟที่ซึมเข้าไปในน้ำต้ม จะทำให้น้ำชามี
รสหอมกลมกล่อม และน้ำยาที่ต้มได้จะเพิ่มสรรพคุณในทางเป็นยาขึ้นอีกหลายขุม





(125) กะเหรี่ยงบนดอย กับช้าง เป็นของคู่กัน เห็นแบบนี้แสดงว่าใกล้หมู่บ้าน
กะเหรี่ยงเข้าไปแล้ว





(126) รูปช้างวาดด้วยสีน้ำมันบานเบ้อเริ่มเทิ่ม ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนบ้านกะเหรี่ยง
ช้างพังกับพลายน้อย วาดได้สวยไม่เบาทีเดียวเจียว





(127) ใหญ่เกินตัว ใช่แล้วครับ เงาย่อมใหญ่กว่าตัว ถ้าเราคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่คับ
ฟ้าซะเหลือเกิน แสดงว่าหลง(เงา)ตัวเอง ....ยังไง ๆ ก็ใหญ่ไม่เกินกว่า กว้างศอก
ยาววา หนาคืบ ไปได้หรอกครับ....


ยังมีต่อ


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 22/08/2013 8:21 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย

บทที่ 15 ตอนที่ 6 – 7 วันที่ 28 กค. 56 .....นาข้าว 36 วัน


หลังจากที่ผมกลับถึงนครปฐมได้ไม่กี่วัน วันที่ 28 กค.56 เพื่อนกะเหรี่ยงก็ว่งรูปข้าวในนามาให้ดู และได้บอกว่า.... ได้ขุดบ่อน้ำกว้าง 1 เมตร ลึกประมาณ 1.50 เมตร ทำฝายกั้นทางน้ำไหลตรงทางน้ำเข้านาให้สูงขึ้นอีกประมาณ 1 ฟุต เมื่อน้ำไหลมาถึงฝายจนล้นก็ปล่อยให้ล้นเข้าบ่อที่ขุด คืนเดียวน้ำก็เต็มบ่อ น้ำที่ล้นบ่อก็ปล่อยให้ไหลล้นไปเข้าแปลงข้าว ส่วนที่ไหลไปไม่ถึงก็เอาปั๊มมาดูดน้ำเข้าในแปลงนา ผลก็เป็นดังที่เห็นในรูป




(128)



(129)



(130)



(131)



(133)



(134)



(135)



(136)



(137)



(138)



(139)

(128 – 139) เมื่อข้าวได้น้ำ ข้าวดูเขียวและงามดีขึ้น ทางดินได้จากปุ๋ยเศษซากถั่วเหลืองที่หมักจนย่อยสลาย ทางใบใช้ UNO สูตรสหประชาชาติ(ที่ฝากให้ทดลองใช้) 100 ซีซี / น้ำ 100 ลิตร อากาศบนดอยคงเป็นใจ เวลาผ่านไป 7 วันเห็นผล ข้าวแตกกอดี (ไม่ต้องใช้ นาโน แคบซูลละ 100 ที่บอกว่า 1 เม็ดเท่ากับปุ๋ยเม็ด 2 กระสอบ....อะไรจะปานนั้น....วะ)

สังเกตหรือเปล่าครับว่า ทำไมแปลงนาของกะเหรี่ยง ไม่มีหญ้าขึ้น ทั้ง ๆ ที่กอข้าวห่างกันเป็นศอก ...ถ้าคุณติดตามอ่านมาตั้งแต่เริ่มต้น จะเห็นว่า กะเหรี่ยง ใช้จอบถากหญ้าในแปลงนาครับ



(140)



(141)

(140 – 141) มีรูปพริกไทยติดดอกออกฝักเป็นช่อมาให้ดูด้วย เอาไปฝากให้ปลูกไว้ตั้งแต่ปีมะโว้ นึกว่าจะไม่รอด กลับเจริญงอกงามดีแสดงว่าบนดอยปลูกพริกไทยได้ผล แต่ส่วนของผมที่นครปฐม หายไปกับสายน้ำเมื่อปลายปี 2554 ....ซวด ๆ


ยังมีต่อครับ



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 23/08/2013 6:32 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย

บทที่ 15 ตอนที่ 6 – 8 วันที่ 17 สค. 56 ..ข้าว 56 วัน


เมื่อวันที่ 18 สค.56 เพื่อนกะเหรี่ยงส่งรูปข้าวเมื่อวันที่ 17 สค.56 มาให้ดู บอกว่าตอนนี้ข้าวอายุ 56 วัน มีฝนตกลงมามากพอสมควร จะมีน้ำไปได้ระยะหนึ่ง ลองมาดูรูปถึงความเปลี่ยนแปลงกันต่อครับ





(142) รูปนี้เมื่อ ข้าวอายุ 14 วัน มองดูหร๋อมแหร๋ม โหรงเหรง ข้าวที่หยอดแต่ละหลุม ห่างกันเป็นศอก




(143) รูปนี้ ข้าวอายุ 56 วัน มุมมอง ณ จุดเดียวกับรูป 142 จากข้าวที่หยอดห่างกันเป็นศอก เมื่อข้าวเจริญเติบโต ก็แตกกอเบียดกันแบบที่เห็นนี่แหละครับ และเมื่อข้าวได้รับน้ำแบบนี้ ก็จะแตกกอเจริญเติบโตต่อไปจนกว่าจะถึงเวลาออกรวง




(144)



(145)

(144 – 145) ท้องฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ คงมีฝนตกช่วยซับน้ำตากะเหรี่ยงให้ปลูกพืชผลไปได้อีกระยะหนึ่ง




(146)



(148 )



(149)



(150)



(151)



(152)



(153)



(154)



(155)



(156)

(146 – 156) ดูข้าวที่เจริญเติบโตแบบนี้แล้วคิดว่า กะเหรี่ยงคงได้ผลผลิตไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อนบอกมาว่า......ได้ฉีดพ่น ปุ๋ย(สหประชาชาติ)ที่ผมให้ไว้ไปอีกครั้ง พร้อมด้วยปุ๋ยน้ำใส ๆ (แคลเซี่ยม-โบร่อน) ตามไปด้วย ....




(157)



(158 )

(157 – 158 ) ข้าวกำลังแตกกอครับ




(159)



(160)



(161)

(159 – 161) มีข้อความบอกมาว่า ....ไม่มีอะไร ถ่ายรูปหยดน้ำบนใบข้าวมาให้ดู...


....ยังไม่จบ แต่คงต้องรอรูปชุดต่อไปจากบนดอยครับ....
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ถัดไป
หน้า 3 จากทั้งหมด 8

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©