-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-เกษตรสัญจร 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนตอย-นาขั้นบันไดเวียตนาม(2)
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - เกษตรสัญจร 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนตอย-นาขั้นบันไดเวียตนาม(2)
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

เกษตรสัญจร 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนตอย-นาขั้นบันไดเวียตนาม(2)
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 15/11/2012 10:00 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

TO แดง.....

กะเหรี่ยงถ่ายรูป ได้มุมกล้องดีมาก....ชมเชย !


แดง....ส่ง "ยัยเฉิ่ม" ไปฝึกถ่ายรูปกับกะเหรี่ยงหน่อยซี่ ฝีมืออาจจะดีขึ้นได้นะ




.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 16/11/2012 10:34 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 15/11/2012 11:22 pm    ชื่อกระทู้: ข้าวยูเรีย โดนพายุ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม

เค้ามีความตั้งใจที่จะให้รูปข้าวของพี่ชายเค้าออกมาดีน่ะครับ ส่งมาแยะมาก ผมก็พยายามคัดสรรรูปที่มันดูดี เพื่อสื่อให้
เพื่อนๆ ได้ดูหลากหลายมุมมอง อย่างรูปต้นข้าวที่แตกกอ ผมก็แนะนำว่าขอให้เข้าไปถ่ายใกล้ ๆ หน่อย ...

เค้ากลัวตัว กะปอม (กิ้งก่าตัวใหญ่) น่ะครับ.... กะปอมตัวใหญ่ ผัดเผ็ดนะลุง อร่อยกว่าแย้หลายขุม (นรก) ....พอเค้าเห็นไอ้
เจ้ากะปอม เกาะที่กอข้าวหนเดียว เลยไม่กล้าเข้าไปถ่ายใกล้ๆ อีกเลย ก็เลยเห็นแต่รูปกอข้าวที่ห่างออกมาหน่อย ส่วนเจ้า
พี่ชาย ถ่ายต้นข้าวออกมาทีไร ผมดูว่ามันจะกลายเป็นต้นแฝกทุกที ก็เลยบอกว่า สูไม่ต้องถ่ายแล้ว เอาแค่ดูแลข้าวให้มัน
ดีก็พอแล้ว....หน็อยบอกมาได้ว่า จะเอาน้ำมนต์ (30-10-10) ไปอาบ

ส่วนรูปชุดเกี่ยวข้าว แม่แกไม่ยอมให้ลูกสาวเข้าไปถ่ายใกล้ๆ ตอนเกี่ยว กลัวจะเห็นหน้า แกอายกล้องน่ะครับ แบบนี้ต้อง
ใช้ ซูม ซะแล้ว

มาถึง รูปข้าว ยูเรีย โดนพายุในกระทู้ HOTLINE ชาวนา กับ งูเห่า เอ๊ย ไม่ใช่ ชาวนา กับยูเรีย นั่นแหละครับ ใช่เลย
ฝีมือตัวจริงเสียงจริง....ยังไม่หมดนะครับนั่น เห็นแล้วไม่กล้าเอาลงกระทู้ ยัยเฉิ่ม กลัวว่า สมช.จะปวดตา เดาไม่ถูกว่าเป็น
ต้นอะไร ....

พอดีลุงเปิด HOTLINE ชาวนา กับ ยูเรีย ผมก็เลยเอามาลงขัดตาทัพไปก่อน ให้ สมช.ได้เห็นว่า ข้าวที่ใช้ยูเรียมาก ๆ ต้น
มันอ่อนแค่ไหน กะว่าถ้าส่งมาใหม่จะเปลี่ยน ....ผมก็บอกไปว่า

...เฮ้ย เอาไอ้ที่มันดูชัดดีกว่านี้หน่อยเด้ ส่งรูปโดยตรงเลย ไม่ต้องเอาแปะใส่ Word จะได้เอาลงกระทู้ให้ สมช.จะได้ดูกันจะ ๆ ....

คำตอบคือ ....หนูก็ดูว่านี่ก็ดีแล้วนา เอานี่แหละ ลงไปเหอะ ....

.....โห เนี่ยน่ะนะดีแล้ว ... เอ็งดูของเอ็งดีคนเดียวน่ะซี คนอื่นดูแล้วปวดตา ไม่กล้าเอาลงว่ะ ....

.....งั้นเดี๋ยวหนูส่งให้ใหม่..... เดี๋ยวของมัน ผมรอมาสองวันแล้วครับ....ผมแนะนำไปแล้ว แต่หัวในทาง ART ไม่มีขืนส่งไปอาย
กะเหรี่ยงตาย...


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 16/11/2012 8:48 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 ไปดูกะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอนที่ 10-3 ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ยัยเฉิ่ม ๆๆๆๆ …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอนที่ 10 – 3
รวมกองข้าว เพื่อเตรียมตี


ฝากข้อความ ฝากคำถาม ฝากข่าว ก่อนเข้ารายการ.... ขอถามหน่อยว่า



ใครรู้ช่วยตอบด้วย.....ชาติหน้าบ่าย ๆ มั๊ง


เพื่อนกะเหรี่ยงเกี่ยวข้าวไปเมื่อวันที่ 6 พย. 55 พอวันที่ 10 พย.55 เค้าก็หอบข้าวที่เกี่ยววางตากไว้บนตอข้าวเอามากอง
รวมกันเพื่อเตรียมจะตีข้าว วิธีการก็ไม่ยาก ปรับพื้นนาบริเวณที่จะใช้ตีโดยตัดตอข้าวออกให้ติดดิน เอาผ้าใบหรือผ้าพลาสติค
ปูรอง แล้วอาฟ่อนข้าววางกองทับรอบ ๆ ผืนผ้าใบนั้น บริเวณจะกว้างมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนฟ่อนข้าว ชาวนาเค้าจะรู้ของเค้า
เองละว่า ข้าวแค่นี้จะทำพื้นที่กว้างแค่ไหนและคนส่งรูปบอกว่า.....

รูปชุดนี้ พี่โชเล่ขอเป็นคนถ่ายเอง .....กรูนึกแล้ว ว่า ทำไมรูปมันถึงออกมาดูแปลก ๆ เพราะมุมกล้องมันเปลี่ยนไป....ลอง
มาดูกันครับ...Action…



รูปที่ 248 วันที่ 10 พย.55 หลังเกี่ยวข้าวไปแล้วก็เหลือแต่ตอ ...โปรดสังเกตซักนิด ระยะห่างของกอข้าวที่หยอดแบบ
ห่าง ๆ ข้าวมันก็แตกกอดีตามรูปที่ผ่าน ๆ มา ...

ทีนี้ คุณคิดว่า กะเหรี่ยงชาวดอยจะเผาฟางมั๊ยครับ ....ไม่เผาครับ ชาวเขาชาวดอยเค้าไม่โง่เผาฟางหรอกครับ ....ฟางจาก
ตอข้าว เอาไปเพาะเห็ดฟาง....

ฟางหลังจากตีข้าวแล้วเอาไปคลุมแปลงปลูกผัก....เศษเหลือฟางจากตอในนา ตากน้ำค้างไว้สองอาทิตย์ ใช้ควายลาก
ไถกลบ ตากดินไว้อีกอาทิตย์ คราดดินให้แหลกแล้วหว่านถั่วเหลือง....

ชาวดอย(บางคนอาจจะ)มีเงินฝาก ธกส . แต่ไม่เคยกู้ ธกส. เพราะกู้ไม่ได้ อันเนื่องมากจากเอกสารสิทธิ์บางอย่าง ....
แต่ชาวดอยส่วนมากจะฝาก K.Bank ครับ One Stop หนึ่งเดียวจบทุกอย่างที่ K.Bank (กู้เงินได้แม้เอกสารสิทธิ์
จะไม่มี).....

ผจก.ธกส. มาตามบ้านหลังเก็บเกี่ยว ขอให้ช่วยฝากเงินที่ ธกส. บ้าง คำตอบ เรียบง่ายแบบซื่อ ๆ ....วา หลา มา หม่า ...
วา นี้ เค แบ๊ อา ปา โหม่ แล้...(วันหลังมาใหม่ วันนี้ เคแบ๊งค์เอาไปหมดแล้ว)




รูปที่ 249 คำอธิบาย บอกว่า...... เกี่ยวข้าววันที่ 6 พย. ถึงวันนี้ 10 พย. มาหอบข้าวรวมกองเพื่อเตรียมจะตี เวลา
ผ่านไป 4 วัน มีต้นข้าวงอกจากตอขึ้นมา แม่บอกว่า ถ้ามีน้ำ มีฝน จะมีข้าวให้เกี่ยวได้อีกครั้ง....




รูปที่ 250 สีฟ้าที่พื้นคือผ้าพลาสติคปูรอง เวลาตีเมล็ดข้าวจะร่วงหล่นลงในผ้านี้ ฟ่อนข้าวจะวางกองทับรอบ ๆ ผ้า....จะมี
เมล็ดข้าวร่วงหล่นเสียหายบ้างไหม ....มีครับมีแน่นอน ประมาณ 0.5 – 1 % ขึ้นอยู่กับอายุข้าวที่จะเกี่ยวว่า แก่น้อยไปหน่อย
แก่พอดี ๆ หรือแก่มากเกินไป อย่างไหนเรียกว่า ข้าวแก่น้อยไป แก่พอดี ๆ หรือแก่มากไป .....บังเอิญผมไม่มีความชำนาญ
ในเรื่องข้าวมากนัก พอรู้แค่ งูๆ ปลา ๆ แต่ถึงจะรู้แต่ก็มิบังอาจที่จะอธิบาย ก็เลยขอยกให้ หมอผีประจำหมู่บ้านกะเหรี่ยงเป็น
คนบอกว่า ข้าวของสูเกี่ยวได้แล้วนะเว๊ย ....

หรือไม่ก็ต้องถาม ยัยเฉิ่ม ...ผู้รอบรู้...ผู้แม่นสูตร แม่นหลักการ ช่วยอรรถาธิบายให้กันฟังหน่อยเหอะ




รูปที่ 251 เจ้าโชเล่ มันถ่ายอะไรมาให้ดูหว่า เอาเป็นว่าให้ดูเมล็ดข้าวก็แล้วกันนะครับ



รูปที่ 252


รูปที่ 253

รูปที่ 252 – 253 นี่ก็เหมือนกัน อธิบายไม่ถูก…. เป็นรูปกองข้าวเพื่อเตรียมจะตีน่ะครับ



รูปที่ 254


รูปที่ 255


รูปที่ 256


รูปที่ 257


รูปที่ 258


รูปที่ 259

รูปที่ 254 – 259 บอกแต่เพียงว่า ....ส่งรูปกองข้าวที่เตรียมจะตีมาให้ดู ….

มีรูปส่งมาให้แค่นี้เองครับ....
.เออว่ะ แล้วสูไม่บอกด้วยล่ะว่า ตีข้าวแล้วได้มากน้อยเท่าไหร่ ...มีการ กั๊ก อีกว่ะ...

ไม่เป็นไร ผมมีรูปการตีข้าวจากนาของน้องชายที่เชียงรายเมื่อปีที่แล้ว
ขออนุญาตนำเสนอให้ชมกัน


รูปที่ 260


รูปที่ 261

รูปที่ 260 – 261 สองรูปนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 28 พย.54 เป็นวิธีการตีข้าวของชาวนาภาคเหนือ(น่าจะเรียกว่าฟาดข้าวมากกว่า)
ผม Load รูปมาจากกระทู้ชื่อ .."สมบัติ จะปลูกข้าวหอมที่เชียงราย" มาให้ดูครับ

เค้าก็จะเอาผ้าพลาสติคปูรองพื้นนา เอาฟ่อนข้าววางทับบนผ้าพลาสติคเรียงรอบ ๆ เอาไม้เป็นซี่ ๆ วางตรงกลาง มีไม้อีกสอง
ท่อนตรงปลายตอกติดกับ

สายพานเก่า เอามัดฟ่อนข้าวแล้วบิดไขว้แบบขันชะเนาะเพื่อไม่ให้ฟ่อนข้าวหล่น แล้วยกฟ่อนข้าวขึ้นจับฟาดลงที่ไม้ซี่ ๆ
เมล็ดข้าวก็จะร่วงหล่นลงมาเฉพาะเมล็ดข้าวเต็ม ส่วนเมล็ดข้าวลีบ จะไม่หล่น มีหล่นก็น้อยครับ

เป็นไงครับ เจ้าโชเล่มันลูกเล่นแกล้ง กั๊ก บอกไม่หมด ผมก็มีรูปมาให้ดูได้เหมือนกัน ระยะเวลามันประจวบเหมาะกันพอดี ...
สำหรับข้าวของ (สมบัติ) น้องชายที่เชียงรายปีนี้ก็คงจะเกี่ยวปลาย ๆ เดือนนี้แหละ ปีนี้มีการขัดข้องทางเทคนิค เลยยังไม่เห็น
มีรูปข้าวมาให้ดูกันบ้าง




...ก็คงต้องรอดูต่อว่า กะเหรี่ยงจะได้ข้าวมากน้อยแค่ไหน


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 16/11/2012 10:32 pm    ชื่อกระทู้: Re: ข้าวยูเรีย โดนพายุ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:


...เฮ้ย เอาไอ้ที่มันดูชัดดีกว่านี้หน่อยเด้ ส่งรูปโดยตรงเลย ไม่ต้องเอาแปะใส่ Word จะได้เอาลงกระทู้ให้ สมช.จะได้ดูกันจะ ๆ ....

คำตอบคือ ....หนูก็ดูว่านี่ก็ดีแล้วนา เอานี่แหละ ลงไปเหอะ ....

.....โห เนี่ยน่ะนะดีแล้ว ... เอ็งดูของเอ็งดีคนเดียวน่ะซี คนอื่นดูแล้วปวดตา ไม่กล้าเอาลงว่ะ ....

.....งั้นเดี๋ยวหนูส่งให้ใหม่..... เดี๋ยวของมัน ผมรอมาสองวันแล้วครับ....ผมแนะนำไปแล้ว แต่หัวในทาง ART ไม่มีขืนส่งไป
อายกะเหรี่ยงตาย...


.



to แดง ....



น่าจะเกิดการ "เข้าใจผิด" กันนะ ระหว่างคุณกับลุงคิม....

รูปที่กะเหรี่ยงเชียงรายถ่ายมานั่นน่ะ ในความรู้สึกของลุงคิม O.K. ทุกรูป ใช้ได้ แจ๋ว

แต่รูปที่กะเหรี่ยงโพธารามถ่ายมาต่างหากที่ต้องไปฝึกฝีมือใหม่


ในฐานะที่คุณเป็นคนเข้าใจผิด คุณต้องรับผิดชอบ ส่งกะเหรี่ยงโพธารามไปฝึกงาน ON JOB TRAINNING (OJT)
กับกะเหรี่ยงเชียงราย ซะให้เข็ด


โบราณว่า คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง ..ฯลฯ....
เห็นสาวกะเหรี่ยงก็ว่าสวยนะ
เลยสงสัยสงสัย สงสัยเป็นยิ่งนัก กะเหรี่ยงโพธาราม กับ กะเหรี่ยงเชียงราย ใครสวยกว่ากัน





สงสารคนแก่บ้างเน้ออออ นึกว่าเอาบุญ....



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 23/12/2012 8:22 am, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 17/11/2012 12:21 am    ชื่อกระทู้: กะเหรี่ยงบ้านวัดจันทร์ - กะเหรี่ยงวัดเขาช่องพราน (โพธาราม) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม


ผม งานเข้าอีกแล้วซีครับ คงต้องเรียนชี้แจงเป็นเรื่อง ๆ ไป

ข้อ 1. ผมจำขึ้นใจเลย ....ลุงคิมเคยบอกว่า.....

1. สาวม้ง อีก้อ มูเซอ (ไทยภูเขาทุกชาติพันธุ์)
2. สาวญี่ปุ่น,
3. สาวเกาหลี
4. สาวจีนประเทศจีน
5. สาวจีนในประเทศไทย
6. สาวเวียดนาม

ทั้ง 6 สาวนี้เป็น เชื้อชาติ หรือ ชาติพันธุ์เดียวกัน....
จัดลำดับจาก 1 ถึง 6 หมายถึง ความสวย จากสวยน้อย ไปหาสวยมาก ..... สรุป : สาวเวียดนามสวยที่สุด

และจากความรู้สึกที่สัมผัสได้ ผมให้คำนิยามไว้ว่า

ลีซอ – ปูโพรก,
มูเซอ – ปูอัด,
ยูนนาน – ปูสองกระดอง,
เย้า – ปูนิ่ม,
ไทใหญ่ – ปู่ไข่,
กะเหรี่ยงหรือปกากะญอ – ปูเนื้อแน่น ...

ทั้งหมดนี้ไม่รับรองว่าจะเป็นคำนิยามที่ถูกต้องนะครับ ขึ้นอยู่กับ ดวง

ข้อ 2. ถ้าผมจำไม่ผิด เชียงราย ไม่มีกะเหรี่ยงนะ มีแต่ เย้า - ดอยช้าง, ม้งหรือแม้ว อาข่า -
ดอยผาหมี, ลีซู หรือลีซอ - ดอยวาวี, มูเซอ - อยู่หลังไร่ข้าวสาลีของ บ.บุญรอด , จีนยูนนาน -
ดอยแม่สลอง(แก้มธรรมชาติสียังกะลูกท้อเลยลุงคิมเอ๊ย)..มีรูปมาให้ดูกันนิดหน่อยครับ




อาข่าตัวจริงครับ






อาข่า ตัวปลอมหรือกะเหรี่ยง ชาชา บ้านวัดจันทร์






เดี๋ยวจะว่า มีแต่อะไรก็ไม่รู้ รูปนี้ก็เป็น ม้งตีข้าวครับ




นี่เป็นข้าวหอมดอยครับลุง





น้องเย้าคนนี้(น่าจะเรียกว่า น้า ได้แล้วมั๊ง) นั่งปักผ้าหน้าบ้านทุกวั๊น ทุกวัน ข้าวคอยฝนครับลุง






นี่เป็น เย้า ดอยช้างครับ ...เมื่อหลายปีก่อนนู๊นนานมาแล้ว ผมเกือบ ๆ จะต้องโดนจับให้เชือดไก่ไหว้ผีบนดอยช้างซะแล้ว
ไม่งั้น ป่านนี้เป็นหัวหน้าเผ่าไปแล้ว ไม่ได้มารู้จักกับลุงแน่ ๆ

แล้วทีนี้ กะเหรี่ยงวัดเขาช่องพราน จะให้ส่งไปฝึกภาคสนามที่ไหนดีล่ะครับ ขอคำชี้แนะด้วย เพราะภาระกิจคุณเธอ แยะ
เหลือกำลัง ไหนจะแม่ ไหนจะหมู แล้วที่กำลังหม่ำอีกสอง

ที่ลงรูปให้ดูเพียงแค่บางส่วนเท่านั้นนะครับ จะลงมาก ๆ ก็เกรงใจลุง ...ผิดกับเพลงที่คุณจรัญ มโนเพชรร้องลิบลับเลยมั๊ยล่ะ

บ้านบนดอย บ่มีแสงสี
บ่มีทีวี บ่มีน้ำประปา
บ่มีโฮงหนัง โฮงนวด คลับบาร์
บ่มีโคล่า แฟนต้า เป๊บซี่
บ่มีเนื้อสัน ผัดน้ำมันหอย
คนบนดอย ซอบกินข้าวจี่
บ่มีน้ำหอม น้ำปรุงอย่างดี
แต่หมู่เฮามี ฮึมๆๆๆ มีน้ำใจ๋

....ที่ไหนได้ โดนแกแต่งเพลงร้องหลอกพวกเรา เพราะช้างเผือก ช้างพัง อยู่ในป่าทั้งนั้น เพียงแต่ว่า ช้างสีดอจะ
พร้อมลุยเมื่อไหร่เท่านั้นแหละ สงสัยว่า จะต้องเขียนกระทู้ เกษตรสัญจรภาคพิศดาร ซะละมั๊ง

ระยะนี้ ดอกบัวตองที่ขุนยวม - แม่ฮ่องสอนกำลังบาน มีงานเทศกาลด้วย ลุงคิมน่าจะไปจัดรายการสีสันชีวิตไทยที่นั่น
ซักครั้งนะครับ สาวชาวไต - ไทใหญ่ก็ดูสดใสดีนะครับ ...สาวไต นี่มีคำนิยามว่า ปูไข่ นะลุง



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 20/11/2012 4:20 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 ไปดูกะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย - เกี่ยวแล้วจ้า ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย ตอนที่ 10 – 4

หอบข้าวที่เกี่ยวแล้วมารวมกอง เพื่อเตรียมตี


ฝากข้อความ ฝากคำถาม ก่อนเข้ารายการ.... มีรูปบรรยากาศริมแม่น้ำปายเมื่อวันที่ 7 พย.55 มาให้ดูครับ






รูปนี้ส่งมาจากปาย เช้าวันที่ 7 พย.55 ....เช่าที่นอนกางเต็นท์ คืนละ 300 ถ้าไปนอนที่ มนทีสเดอปาย คืนละ
30,000 บรรยากาศคนละรื่องเลยแหละ
300 มองวิวได้ 360 องศา 30,000 แค่ห้องแคบ ๆ ...ตื่นเช้าขึ้นมา เต๊นท์นี้ ทำไอ้นี่.... อีกเต็นท์ทำไอ้นั่น เ
ต็นท์นู๊นทำไอ้นู่น ทำเสร็จมานั่งล้อมวงกิน
ด้วยกัน โอ้โฮเฮ้ย ได้เพื่อน
(แฟน) ใหม่ ที่อาจดีกว่าเพื่อน (แฟน) เก่า มันเป็นอะไร ที่สุดบรรยาย


เพื่อนกะเหรี่ยงส่งรูปชุดใหม่มาให้ คำบรรยายบอกว่า เนื่องจากมีเหตุขัดข้องทางระบบสื่อสารข้อมูล จึงขออภัยใน
ความไม่สะดวกที่คราวก่อนส่งรูปมาได้นิดเดียว คราวนี้ส่งมาให้ใหม่ .....อากาศไม่ดีนัก รูปที่ออกมา มืดไปหน่อย....


หอบข้าวเสร็จ บ่ายวันที่ 10 มีเพื่อน ๆ พี่โชเล่มาช่วยหลายคน เพื่อนชมว่า ข้าวพี่โชเล่ปีนี้ดูดีกว่าทุกปีที่เคยทำมา
พี่โชเล่เลยชวนเพื่อนตั้งวงฉลองตั้งแต่ตอนเย็น หมดเหล้าต้มไปหลาย แต่แม่บ่นอุบ ถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็ได้
ความว่า ...” แด่..กันซะไก่กรูแทบจะหมดเล้า.”



8 โมงเช้าวันที่ 11 พย. เริ่มตีข้าว น้ำค้างยังไม่แห้ง.... ดูรูปกันเลย





รูปที่ 263 วันนี้พ่อหลวงลงมือเองเลยว่ะ ...กำลังทำพิธีอะไรหว่า ....ข้อมูลบอกว่า พี่โชเล่ตั้งใจว่า ถ้าพ่อยังพักอยู่
จะให้พ่อเป็นคนเกี่ยว เป็นคนตีข้าวเป็นคนแรก แต่ผมได้บอกมาแล้วว่า ให้แม่หลวงเป็นคนเกี่ยว และถ้าพ่อหลวงว่าง
ขอให้พ่อหลวงเป็นคนทำหน้าที่นี้แทนผม ...ผู้ที่เป็นพ่อแม่ ทำหน้าที่นี้ผมคิดว่าเป็นขวัญกำลังใจ เป็นศิริมงคล
แก่ผู้เป็นลูก ดีกว่าเพื่อน จริงมั๊ยครับลุง ถึงแม้ว่าผมจะยังอยู่ ผมก็ต้องให้พ่อให้แม่ของเค้าทำหน้าที่นี้ก่อน แล้วผม
ทำตาม หรือไม่ก็ทำไปพร้อม ๆ กัน ...ผมคิดอย่างนี้ละนะ






รูปที่ 264 พ่อหลวงกำลังกวาดเมล้ดข้าวเข้ามารวมกอง เจ้าโชเล่กับเพื่อน กำลังรอจะตีข้าว





รูปที่ 265


รูปที่ 266




รูปที่ 267


รูปที่ 268


รูปที่ 269




รูปที่ 270


รูปที่ 271




รูปที่ 272


รูปที่ 273


รูปที่ 274


รูปที่ 275


รูปที่ 276


รูปที่ 277


รูปที่ 278

รูปที่ 275 – 278 จากข้าวทีละรวง มักรวมเป็นฟ่อน ช่วยกันตีทีละฟ่อน ๆ ไม่นานนัก ก็จะได้เมล็ดข้าวเป็นกองขนาดนี้





รูปที่ 279


รูปที่ 280

รูปที่ 279 – 280 ตามคำบรรยาย....แม่บอกว่า ข้าวกองนี้ได้เกือบจะเท่าข้าวที่ปลูกในปีที่ผ่านมา ตีไปแล้วยังมีฟ่อน
ข้าวเหลือที่ยังไม่ได้ตีอีกมาก ...ต้องโกยข้าวกองนี้ใส่กระสอบก่อน เพราะไม่มีที่จะตีแล้ว





รูปที่ 281


รูปที่ 282




รูปที่ 283


รูปที่ 284


รูปที่ 285



รูปที่ 286


รูปที่ 287


รูปที่ 288

รูปที่ 281 – 288 จำนวนฟ่อนข้าวที่เหลือซึ่งยังไม่ได้ตี ซึ่งจะเป็นจำนวนส่วนเกินที่มากว่าข้าวปีที่ผ่านมา




รูปที่ 289 อุปกรณ์เสริม หรือตัวช่วย ของชาวไร่ชาวนาทุกภูมิภาค (ผมก็ใช้ที่นครปฐมเวลาเข้าสวน) ..ของ ธานินทร์
ยอดนิยม ราคาถูก 100 กว่าบาท อยู่บนดอยรับได้เสียงชัดเจน กระทบกกระแทก ตกน้ำเอาขึ้นมาตากแดดให้แห้ง
ยังเปิดรับฟังได้สบาย ในขณะที่ โซนี่ โตชิบา เนชั่นแนล ราคาเป็นพัน แต่รับสัญญาณไม่ได้ เจออากาศชื้นเข้าหน่อย
เดียว โครกคราก ๆๆๆ



ก็คงจะจบการนำเสนอ การไปดูกะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอยแค่นี้ เพราะรูปหมดแค่นี้



จากการรายงานผล

..โชเล่ ....สูได้ข้าวมากน้อยแค่ไหน .....

..ได้ ม่า ก่า ปี ก่อ ..สู ม่า ต้อ ซื้ ข้า เฮา แล้...(ได้มากวาปีก่อน สูไม่ต้องซื้ข้าวเฮาแล้ว) ...

..แล้วมันได้เท่าไหร่ล่ะ กี่ถัง กี่เกวียน....

...ด้า ยี่ สี่ หลา...

...ได้เท่าไหร่นะ ....

...ด้า ยี่ สี่ หลา...

...เฮ้ย ..แล้วเฮาจะรู้ได้ยังไงล่ะ ไม่ได้มีเมียเป็นกะเหรี่ยงนี่หว่า จะได้รู้

...บ่อ ห้า อา แม่ ฮ้าง ที่ ต่า กั้ว ก้อ ม่า อา ....(บอกให้เอาแม่หม้ายที่ตากกล้วยก็ไม่เอา)

...ไอ้บ้า อย่านอกเรื่อง พูดกะสู วันไม่จบ ขอพูดกับชาชาแล้วกัน ....

....ชาชา นะ โชเล่บอกว่า ได้ข้าว ยี่ สี่ หลา นี่มันเท่าไหร่กัน....แล้วพ่อจะรู้มั๊ยเนี่ย......แล้วมันเป็นกี่ถัง
กี่เกวียนกันล่ะ...


..หวัดดีค่ะพ่อ ...
..อ๋อ มาตรากะเหรี่ยง เค้าเรียก ได้ข้าวยี่สิบหลัง ..
...คืออย่างนี้ ปีนี้พี่โชเล่ได้ข้าว ยี่สิบหลัง
.... 1 หลัง เท่ากับ 8 ควาย ....
1 ควาย เท่ากับ 28 ลิตร

พ่อลองไปเทียบเป็นถังเอาเองก็แล้วกัน หนูคิดไม่ถูก แล้วพ่อจะขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ ท้องไม่อืดบ้างหรือไง พี่เค้าบ่นถึง
ทั้งวัน... ข้าวอาปาดีจริง ๆ ...จนแม่รำคาญ ...

....หนักเข้าไปอีกตู จะรู้เรื่องได้ยังไงล่ะ.....
...พ่อตกคำนวณซะด้วย เวรกรรม มาตราอะไรวะ ไม่เป็นไรจะลองคำนวณดู ถ้าข้าวอาปาดี ก็บอกแม่ช่วยตบปากให้
อีกทีก็แล้วกัน ....(มีเสียงเป็นภาษากะเหรี่ยง ...ได้ยินเสียงเจ้าโชเล่แว่วมาว่า โน ๆๆๆๆ)

....เออ แล้วปีที่แล้ว เค้าได้ข้าวเท่าไหร่ ... (มีเสียงเป็นภาษากะเหรี่ยง)

....เค้าบอกว่า ได้ไม่ถึง 15 หลัง

ทีนี้ ลองเทียบตามสูตร
1 หลัง เท่ากับ 8 ควาย
20 หลัง ก็ เท่ากับ (8 x 20) 160 ควาย

1 ควาย เท่ากับ 28 ลิตร
160 ควาย ก็ เท่ากับ (160 x 2Cool 4,480 ลิตร


เทียบกับมาตรา ของไทยเรา

20 ลิตร เท่ากับ 1 ถัง
4,480 ลิตร ก็ เท่ากับ (4,480 / 20) 224 ถัง
เนื้อที่ประมาณ 3.5 ไร่ 224 / 3.5 ก็เท่ากับ 64 ถัง / ไร่




ทิ้งท้ายก่อนจบ....

เออ....แล้วขอถามหน่อยว่า ที่แม่ปลูกข้าวหอมนิลให้พ่อ ไร่นึงน่ะ ถามโชเล่ซิว่า ได้ข้าวกี่หลัง...(มีเสียงเป็น
ภาษากะเหรี่ยง.)...คราวนี้เช้าโชเล่มาพูดเอง...

...ข้า หอม นี ที่แม่ ปู่ ได้ข้า โหะ ร้อ ห้า สี่ กี โล ...

…หา สูพูดใหม่ซิว่า ได้ข้าวเท่าไหร่นะ....

...โหะ ร้อ ห้า สี่ กี โล ...(หกร้อยห้าสิบกิโล)

...ไอ้ ๆๆ โชเล่ ไอ้บ้า ข้าวของสู ดันบอกได้เป็น หลัง เป็นควาย แต่ข้าวของแม่ สูบอกเป็นกิโล โฮ้ย น่าเตะ
มั๊ยเนี่ย...

...อย่า ห้า สู รุ้ การ ตัว ว้า ขอ เฮา ...(อยากให้ผมรู้วิธีการตวงวัดของเค้า)

...เฮ้อกรู

...หกร้อยห้าสิบกิโล สีเป็นข้าวกล้องแล้วได้เท่าไหร่ ที่อยากรู้เพื่อก็บข้อมูลเอาไว้จะได้ไว้เทียบกับของคนอื่น....

ขอบรรยายเป็นภาษาไทยนะครับ...

650 กิโล ..แม่เก็บเอาไว้ทำพันธุ์ 20 กก. อีก 630 กก. สีเป็นข้าวกล้องได้ 380 กก.ข้าวกล้องไม่ดีนัก มีข้าวขาวปน
นิดหน่อย แม่เก็บไว้ เอง 20 กก. พ่อหลวงฝากให้ลุงรัตน์ (ไร่กระเทียม) ที่ปาย 5 กก. ฝากส่งมาให้สูตามที่แม่
ตั้งใจ 5 กก.

อีก 350 กก. แม่ใส่ถุงละ 1 กก. เอาลงไปฝากพี่ธิดาขายที่ปาย ชาชาลงไปกับเราด้วย พักที่เวียงเหนือ ลงไป
เช้าวันที่ 2 ตอนเย็นพี่ธิดาบอกให้ตั้งขายถนนคนเดิน ปีนี้ คนญี่ปุ่น คนจีน คนสิงคโปร์มาแอ่วมาก พวกนี้เห็นรุมซื้อกั
นคนละหลายถุง ขายเย็นวันที่ 2 วันที่ 3 ถึงตอนสายวันที่ 4 ขายหมด

ตอนบ่ายกลับบ้านเลย สูบอกให้เฮาขาย ถุงละ 70 พี่ธิดาก็บอก แต่เฮากับชาชาคิดว่า ถุงละ 60 บาทก็มากแล้ว เฮา
ไม่เคยขายข้าวได้มากเท่านี้..หักค่าใช้จ่าย 1,000 เหลือเงิน 20,000

ให้ค่าที่นอนพี่ผึ้งก็ไม่รับ ให้ค่าข้าว ลุงรัตน์ก็ไม่เอา ...กลับถึงบ้าน โดนแม่บ่น เฮาพูดไม่ออก

เงิน 20,000 แม่เอาไปทำบุญสร้างโบสถ์ทั้งหมดตามที่สูบอกเพราะแม่ยกข้าวให้สู ...แต่แม่บอกว่าสูนี่ร้ายกาจ เฮา
และครอบครัวทุกคนได้ทำบุญกับสูเป็นความตื้นตันใจอย่างที่สุด และ สู จะขึ้นมาอีกเมื่อไหร่บอกเฮาด้วย.....

พูดถึงว่า สำหรับข้าวหอมนิลกับข้าวหอมดอย ปลูกบนดอยตามวิธีใหม่ได้ผลผลิต 650 กก. หรือ 65 ถัง / ไร่ ก็นับว่า
ไม่เลวนะครับ ซึ่งถ้าเค้าปลูกตามวิธีเดิม ๆ เคยได้ข้าว 15 หลัง คำนวณแล้วก็ประมาณ 50 ถัง / ไร่ งานนี้ ผมชี้ช่อง
ทางให้เพื่อนบนดอยไว้เดินแล้ว วันหน้าเค้าคงสานต่อไปได้ และคงมีผลิตผลิตอื่น ๆ ตามมา

สำหรับผม ได้กินข้าวจากนาแปลงนี้ 5 กก.ก็ตื้นตันใจที่สุดเหมือนกัน อย่างน้อยก็ได้ฝากไปกราบครูบาอาจารย์
ด้วยนิดหน่อย –

ความจริงแล้ว ผมไม่สมควรจะได้บุญกับเขาด้วยเลย เพราะทั้งหมด ครอบครัวเค้าเป็นคนทำ ได้เงินมาเอาไปทำบุญก็
สมควรที่จะเป็นบุญของเค้าทั้งหมด ผมคงได้ก็เพียงแค่เศษเสี้ยวนิดเดียวจากคำแนะนำเท่านั้น



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 20/11/2012 10:10 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 20/11/2012 4:51 pm    ชื่อกระทู้: Re: กะเหรี่ยงบ้านวัดจันทร์ - กะเหรี่ยงวัดเขาช่องพราน (โพธารา ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:




นี่เป็น เย้า ดอยช้างครับ ...เมื่อหลายปีก่อนนู๊นนานมาแล้ว ผมเกือบ ๆ จะต้องโดนจับให้เชือดไก่ไหว้ผีบนดอยช้างซะแล้ว
ไม่งั้น ป่านนี้เป็นหัวหน้าเผ่าไปแล้ว ไม่ได้มารู้จักกับลุงแน่ ๆ


.



นานมากแล้ว พ.ศ.ไหน จำไม่ได้ เมื่อครั้ง "ศึกภูหินร่องกล้า" จ.เพชรบูรณ์ ครานั้นลุงคิม (หนุ่ม) ร่วมปฏิบัติภาพกิจ
ปักหลักตั้งฐานอยู่ที่บ้านเข็กน้อย เขตตำบล อำเภออะไร ก็จำไม่ได้ด้วย

บ้านเข็กน้อย เป็นชาวไทยภูเขาเผ่า" ม้ง" ล้วนๆ

จำได้แต่ว่า บ่อยครั้งต้องเข้าไปพบปะชาวบ้าน ในภารกิจปฏิบัติการจิตรวิทยา (ปจว.)

ระหว่างหมู่บ้านกับที่ตั้งฐาน มีแม่น้ำเข็กกั้นกลาง แม่น้ำเล็กๆ กว้างจากฝั่งถึงฝั่ง 20-30 ม. ความลึกหน้าแล้ง สาวม้ง
ถลกผ้าถุงเดินข้ามได้ มีน้ำสะอาดใสไหลเอื่อยตลอดปี

ตกเย็นม้งสาวจะไปอาบน้ำในแม่น้ำทุกวัน ทหารหนุ่มน้อยหนุ่มมากน่าจะไปดูสาวอาบน้ำ ยืนดูได้เลยไม่ต้องแอบดูให้
เป็นกุ้งยิงด้วย ก็ไม่มีใครสนใจ แม้แต่หนุ่มมาก เนื้อหนุ่มแตกเปรี๊ยะๆ อย่างลุงคิมยังเมิน คิดอย่างเดียว มารบ ไม่ได้
มารัก ประมาณนี้

วันนั้นด้วยภารกิจ ปจว. ลุงคิมเข้าไปใหมู่บ้าน พบกับงานแต่งงานของหนุ่มม้งสาวม้งเข้าพอดี ต้องเข้าไปร่วมงาน
โดยปริยาย งานแบบนี้ก็ต้องเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุเท่านั้น ภารกิจจึงจะแนบเนียน เลี่ยงๆเข้าไปนั่งคุยกับ
หญิงชราคนหนึ่ง

หนุ่มคิม : ยาย หนุ่มสาวม้งแต่งงานกัน ค่าสินสอดแพงไหม ?
คุณยาย : ไม่แพงหรอกคุณทหาร ค่าไหว้ผีบรรพบุรุษ 8 แปด เท่านั้นแหละ

หนุ่มคิม : (ม้งเข็กน้อย พูดภาษาไทยอิสานชัดเจน) สองคนนี้อายุเท่าไหร่แล้วน่ะ ท่าทางยังเด็กอยู่เลย
คุณยาย : ไม่เด็กแล้วคุณทหาร ผู้ชาย 18 ผู้หญิง 14 กำลังพอดี

หนุ่มคิม : แล้วค่าใช้จ่ายจัดเลี้ยงนี่ล่ะ ฝ่ายไหนเป็นคนจ่าย
คุณยาย : พ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย เขาช่วยกันจ่าย

หนุ่มคิม : ก็ดีนะยาย ค่าไหว้ผี 8 บาทเท่านั้น....อืมม์ ถ้าผมจะขอแต่งกับใครซักคนนี่ คิดค่าไหว้ผีเท่าไหร่ล่ะ ?
คุณยาย : (มองหน้า ยิ้ม) คุณทหารมีเงิน ถ้าคุณทหารจะแต่งก็ขอแค่หมื่นแปด ไม่แพงหรอกนะ

หนุ่มคิม : (แว้บเข้าไปถึงกระดองใจ แต่ต้องวางเฉยเพื่อไม่ให้เห็นพิรุธ) ถ้างั้น คุณยายช่วยมองหาสาวสวยๆให้ผมรู้จักซักคนซี่
คุณยาย : เอาซี่ พรุ่งนี้มาอีกนะ ยายจะพาไปดูตัว....

เหมือนพรมลิขิตให้ชีวิตทหารอย่างลุงคิมไม่ต้องโยกย้ายถิ่นฐาน จาก กทม.ไปอยู่บ้านเข็กน้อย ไม่ต้องเปลี่ยนอาชีพไป
ปลูกกะหล่ำปลี หรือไม่ต้องพาสาวม้งมาอยู่ กทม. แล้วใน กทม.ก็ไม่มีที่ให้ปลูกกะกล่ำปลีซะด้วยซี

วันรุ่งขึ้น ยามโพล้เพล้ พระอาทิตย์ใกล้จะอัสดงอยู่รอมมะร่อ ผกค. 4-8 คน จะเป็นม้งในหมู่บ้านนั้น หรือมาจากที่อื่น
ไม่ทราบได้ ระดมยิงอาร์ก้า. 47 กับจรวดอาร์พีจี. 2 กระบอก จากหมู่บ้านเข้าใส่ฐานทหาร

ปัง ปัง ปัง ปัง....
ปัง ปัง ปัง ปัง....
วี้ดดดดด...กรั้ม
วี้ดดดดด...กรัม

อาวุธร้ายจากโลกค่ายคอมมูนิสต์ สลับประสานกันระดมยิงเข้าใส่ฐานทหารอย่างบ้าคลั่ง เป็นการกราดยิงแบบสุ่มเสี่ยง
เหวี่ยงแหมากกว่าการยิงเฉพาะเป้าหมายที่แน่นอน อาร์ก้า. 47 อาศัยแฝงตัวอยู่ตามใต้ถุนบ้าน ส่วนอาร์พีจี.แฝงตัวอยู่
ใต้โคนไม้ปลายเขตบ้าน เพราะไม่อยากให้ประกายไฟท้ายเครื่องยิงไปถูกเข้ากับบ้านคน

เหล่าทหารต่างหมอบหลบอยู่ในหลุมกำบัง เอ็ม.16 เอ็ม.60 ปืนกล 93 ขนาด 12.7 มม. ทุกกระบอกชี้ลำกล้องไปยัง
จุดประกายไฟปากลำกล้องของอาร์ก้า. 47 กับจุดที่ลำแสงไฟท้ายเครื่องยิงอาร์พีจี.พ่นออกมาให้เห็น

ลุงคิมวางเอ็ม.16 แล้วผุดขึ้นจากหลุมกำบัง วิ่งหมอบต่ำ ชาร์จตัวเองเร็วสุดแรงเกิด ไวยิ่งกว่านักวิ่งในลู่แข่งวิ่ง 100 ม.
กระโดดครั้งเดียวเข้าไปอยู่ในป้อมปืนรถถัง ติดเครื่องยนต์หมุนป้อม คว้าคันส่าย สบัดลำกล้องปืนใหญ่รถถังไปทางหมู่บ้าน
ด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาที ไวยิ่งกว่าแมลงกระพือปีก....ฉับพลันนั้นมีเสียงสั่งการดังเข้ามา

อย่ายิง....
อย่ายิง....
รถถัง อย่ายิง....
รถถัง อย่ายิง....

สติสัมปชัญญะ ความเป็นคนไทย "ไทยไม่ฆ่าไทย" วูบเข้าในความรู้สึกทันที ถ้าปืนใหญ่รถถังยิงที่เป้าหมายอาร์ก้า.47
หรืออาร์พีจี. แม้ผลการยิงจะถูกเป้าหมายราวจับวางได้ แต่อำนาจการทำลายล้างของกระสุนกระทบระเบิดจะสาดใส่บ้าน
เรือน ผู้คน กับอีกสารพัดอย่าง ให้เสียหายราบเป็นหน้ากลองได้

ผกค.กลุ่มนี้เป็นม้งในหมู่บ้านนี้ หรือเป็น ผกค.มาจากหมู่บ้านอื่น ไม่มีใครทราบ....
ผกค.ชุดนี้ อาศัยเอาหมู่บ้านม้งเป็น
เกราะกำบังการตอบโต้จากฝ่ายทหาร.....

หากเป็นม้งในหมู่บ้านนี้ แต่คนแก่ชายหญิง คนหนุ่มสาว รวมทั้งเด็ก ที่ไม่ได้เป็น ผกค. และไม่ได้เกี่ยวข้อง ก็ต้องมารับผล
จากการยิงของทหารด้วย

หรือหากเป็น ผกค.จากที่อื่น มาอาศัยหมู่บ้านม้งเข็กน้อยปฏิบัติภารกิจ ความที่ม้งบ้านเข็กน้อยไม่อาจปฏิเสธได้ ด้วยสภาวะ
จำยอม ก็ต้องมาพบกับความสูญเสียจากการยิงของฝ่ายทหารด้วย อีกเช่นกัน

ราว 10 นาทีท่ามกลางเสียงแผดคำรามของอาวุธร้าย แล้วเสียงอาร์ก้า.47 เสียงอาร์พีจี. ก็เงียบลง ทิ้งไว้เพียงความสงบเงียบ
ทุกอย่างคืนสู่สภาพปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เหล่าทหารขึ้นมาจากหลุมกำบัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีการสูญเสียใดๆเกิดขึ้นแล้ว แต่ละคนต่างพูดคุยกันด้วยเรื่องสับเพเหเรอะ
โดยไม่มีเรื่อง ผกค.ในหมู่บ้าน ไม่มีแม้เรื่องม้งเข็กน้อย ม้งที่อื่น เพราะด้วยความเคยชินกับเหตุการณ์แบบนี้มานักต่อนัก
จนกลายเป็นเรื่้องปกติไปแล้วนั่นเอง

ตั้งแต่วันนั้น กระทั่ง 3 เดือน ครบวาระย้ายฐานไปปักหลักที่อื่น ไม่มีทหารคนใดย่างกรายเข้าไปในหมู่บ้านอีกเลย
แม้แต่ภารกิจ ปจว.ก็ยกเลิก


งานสู่ขอม้ง "หมื่นแปด" ต้องยุติด้วย.....เฮ่ออออ รอดตัวไปนะเรา



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 23/12/2012 8:41 pm, แก้ไขทั้งหมด 5 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 20/11/2012 9:38 pm    ชื่อกระทู้: มาตราชั่ง ตวง วัด ของกะเหรี่ยงกับ ม้ง ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม



มาตรา ชั่ง ตวง วัดของกะเหรี่ยง คิดเป็น หลัง เป็น ควาย (มีสระ อา นะครับ)
ผมยังต้องคำนวณซะมึน

แต่มาตราวัดความสูงของม้ง ตามที่ลุงบอกนี่

ความลึก (ของแม่น้ำ) หน้าแล้ง สาวม้งถลกผ้าถุงเดินข้ามได้ เห็นภาพ คม ชัด ลึก กระจ่างใสเลยละครับ ว่าลึกแค่ไหน

สาวม้งของลุง ขนาดตอนนู๊น ยังตั้ง 18,000 ..สู้สาวเย้าไม่ได้ เพราะตอนนู๊น แค่เชือดไก่ตัวเดียวเอง แต่รอดมาได้ก็บุญโข
แล้วละครับ ถ้าอยู่ป่านนี้ คงไม่ใช่เย้า อาจจะกลายเป็น ย้วย หรือ ไม่ก็เป็น ย้อย ไปแล้วละครับ แล้วอาจจะ ยั๊วเยี้ยด้วยอีกต่าง
หาก ...แล้วตอนนี้ที่วัดจันทร์ เจ้าโชเล่ก็พยายามยัดเยียด แม่ฮ้าง คนที่ทอดกล้วยเอามาฝากผมนั่นแหละ ....ของลุงไม่มีรูป
ให้ดู ของผมมีนะครับ ดูซะก่อน







พอดูได้นะครับลุง รายการสีสันชีวิตไทย มันมีสีสันจริง ๆ แต่ว่า เห็นใฝที่มุมปากแล้ว ต้องคิดหนัก กลัวหูอื้อ ...... ชัวร์




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 27/11/2012 9:47 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 ไปดูกะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย นาขั้นบันได ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับ ลุงคิมและเพื่อน สมช. ทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2 บทที่ 11 ตอนที่ 1 นาขั้นบันได



หลังจากเจ้าโชเล่เกี่ยวข้าวเสร็จ คงจะขายข้าวได้เป็นที่เรียบร้อย ได้เงินเท่าไหร่ เรื่องนี้ผมไม่สมควรไปรู้ของเค้า
รู้แต่เพียงว่า เค้าได้ข้าวมากว่าปีก่อนก็พอแล้ว ....

หลังเสร็จภารกิจ เจ้าโชเล่ ชวนแม่ และชาชา ไปเที่ยวทุ่งบัวตอง ซึ่งหลังเทศกาลงานทุ่งบัวตอง บรรดาชาวชนเผ่า
(ชาวเขา ชาวดอยทุกเผ่า)เค้าจะต้องไปชุมนุมในงานไหว้เจ้าพ่อดอยแม่อูคอ (ไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาครับ)...ชาชาก็โทร
ไปชวนลูกสาวผมที่ปาย เค้าก็นัดไปเที่ยวกัน เค้าโทรมาชวนผมแล้ว แต่ผมยังไม่สะดวกที่จะไป ....ดูจากเรื่อง เกษตร
สัญจร ภาค 3 ทุ่งบัวตองตอนที่ 3 ที่เค้าไปกางเต็นท์นอนกัน....



ก่อนไปดูแปลงนาขั้นบันได ดูรูปนี้กันหน่อย ....หลังจากเพื่อนกะเหรี่ยงเกี่ยวข้าวไปแล้ว ปล่อยทิ้งดินเอาไว้สักระยะ
หนึ่ง หลังจากนั้นก็ลุยไถที่ว่างบนดอยเกือบทุกตารางนิ้ว เตรียมปลูกถั่วเหลือง พืชทำเงินของคนชาวเหนือและชาวดอย
เผลอ ๆ จะได้เงินมากกว่าข้าวซะด้วยซ้ำ เพราะที่ว่างตรงไหน ไถตรงนั้น เนื่องจากถั่วเหลืองปลูกได้ทุกที่ เครื่องมือที่
ใช้ 1 คันไถ 1 แรงคน 1 แรงควาย ไถดะเสร็จ ตากดินซักสี่ห้าวัน ไถแปรอีกรอบ หว่านถั่วได้เลย ....

โปรดสังเกต ภูมิปัญญาชาวดอย การไถนาบนพื้นดินที่ลาดเอียง เค้าจะไถจากที่ลาดเอียงด้านต่ำขึ้นไปสูง มานึกดูแล้ว
หากไถจากที่ลูงลงมาที่ต่ำ คงทำงานไม่ถนัดเนาะ แล้วการไถขวางแนวที่ลาดเอียง ก็เป็นการไม่ให้ควายต้องทำงานหนัก
เกินไป ถ้าไถขึ้น ลง ตามแนวลาด ขาลงสบายหน่อยไม่หนักแรง แต่ขาขึ้น มันจะหนักแรงควาย เผลอ ๆ ควายจะไม่เป็น
ความน่ะน๊า

เกษตรสัญจรคราวนี้ มาดูรูปการทำนาขั้นบันไดกันดีกว่า เป็นความสามารถของชนเผ่าที่อยู่บนดอยสูงทั้งเมืองไทย และ
เมืองเทศ ความบีบบังคับในสภาพพื้นที่ ทำนาบนยอดดอยมันซะเลย โดยทำเป็นขั้นบันไดลดหลั่นลงมาจนถึงพื้นราบ
การทำแปลงนาเป็นขั้นบันได เพื่อกักเก็บน้ำไว้ทำนา กว่าจะเดินขึ้นถึง หรือเดินลงจากยอดดอยไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เมื่อเกิด
มาอยู่ในภูมิภาคเป็นเขาเป็นดอย การดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดจำเป็นต้องทำ เป็นการทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะปลูกข้าว เก็บ
ข้าวเอาไว้กิน

กรุณาอย่าเพียงแค่ดูสวย ๆ งาม ๆ เท่านั้น แต่กรุณาคิด และนั่งนึกมโนภาพว่า เค้าทำได้ยังไง แบกอุปกรณ์เครื่องมือทำ
นา ขึ้น – ลง ดอย เพื่อทำนา เกี่ยวข้าวเสร็จ แบกข้าวลงจากดอย ....แค่แบกบนพื้นราบก็หนักแทบตายแล้ว นี่แบกขึ้น
- ลงจากดอย เอาเป็นว่า เห็นแล้วยอมรับในความพยายามของพวกเค้าเป็นอย่างยิ่ง ...มาดูรูปกันครับ



รูปที่ 2 นี่เป็นเพียงนาที่ยังอยู่แค่ตีนดอยเท่านั้นนะครับ





รูปที่ 3 ในรูปที่ 1 มองจากข้างล่างขึ้นบน แต่รูปนี้ มองจากข้างบนลงข้างล่างครับ





รูปที่ 4 ต้องกั้นรั้วแปลงนา จะลงนาแต่ละครั้งต้องปีนบันไดลง ทำไมต้องกั้นรั้วล่ะครับ ไปดูกันว่าทำไม





รูปที่ 5 ไอ้เจ้าตัวนี้แหละครับ ขืนไม่กั้นพวกก็ลงกินข้าวหมดแปลงแน่ ๆ ....มองไปไกล ๆ จะเห็นมีโรงเรือนหลังคา
ขาว เรียงรายอยู่หลายโรง ...เป็นโรงเรือนของโครงการหลวง ทดลองปลูกพืชเมืองหนาว โดยเฉพาะ กล้วยไม้ตระกูล
ซิมบีเดียม ส่งออก(ทั้งต้น)ไป ไต้หวัน ออสเตรเลีย และยุโรป ...แต่ละโรงไม่ใช่โรงเล็ก ๆ นะครับ ขนาดมหึมา คนงาน
เป็นร้อย เอาคนงานที่ไหนมา ก็ชาวเขาชาวดอยแหละครับ มีความรู้ระดับตั้งแต่ กระโล้โย้เย็ว-อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
(แต่มีความสามารถ) จนถึงระดับปริญญาโท - นักวิชาการ





รูปที่ 6 นี่แหละครับ ดอกกล้วยไม้ตระกูล ซิมบีเดียม ที่อยู่ในโรงเรือนที่เห็นในรูปที่ 4 มีหลากสี หลายพันธุ์ บานทนอยู่
ได้นานเป็นเดือน ต้นนึงแพงมั๊ย ...ต้นละเป็นพันละน้อง ถ้าเป็นลูกผสมใหม่(ซิมบิเดียม ของฝรั่ง ผสมกับซิมบีเดียมของ
ไทย - ที่เรียกว่า กาเรกะร่อน) ถ้าจำไม่ผิด ขอพระราชทานชื่อว่า “ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา” (ถ้าผิดก็ขออภัยด้วย)
ฝรั่งบอกว่า Very Very Beautyful ต้นหนึ่งเป็นหมื่น




รูปที่ 7


รูปที่ 8


รูปที่ 9


รูปที่ 7 - 9 นี่ก็เป็นนาขั้นบันไดในระดับล่าง ที่พื้นสูง ต่ำ ไม่เท่ากัน พื้นที่ไม่ลาดชันนัก




รูปที่ 10


รูปที่ 11


รูปที่ 12

รูปที่ 10 – 12 เป็นพื้นที่นาขั้นบันไดที่ระพื้นที่สูงชันขึ้น





รูปที่ 13 เวลาข้าวแก่ จะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นเหลือง ..ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ใบเขียว หรือใบเหลือง สีสันของภูมิทัศน์
มันน่าดูน่ามอง ยิ่งไปเห็นของจริงนะคุณเอ๊ย ความรู้สึกบอกไม่ถูกครับ





รูปที่ 14 เป็นภาพจาก NG (National Geographic) นาขั้นบันไดของจีนครับ น่าอัศจรรย์เหลือที่จะกล่าว





รูปที่ 15 เป็นนาขั้นบันไดที่ ลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ เค้าขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วครับ ข้อมูลบอกว่า เป็นสถาน
ที่ทำนาแบบขั้นบันได้มาเก่าแก่นานนับเป็นพันปีมาแล้ว ดูจากรูปแล้ว ทึ่งมาก ๆ ทำได้ยังไง





รูปที่ 16 ชาวเขาแบกของเพื่อที่จะกลับบ้าน ถนนนั้นน่ะ ลาดเอียงคดไปโค้งมาเพื่อให้รถวิ่งขึ้นได้ แต่ชาวเขาขึ้นมา
ทางลัด เดินขึ้นเขา แบกของมาด้วย ดูของในตะกร้าซีครับ คนไม่แข็ง และคนไม่มีแรง (ขี้หักใน)ตายก่อนขึ้น





รูปที่ 17 จากผักในตะกร้า พอเช้ารุ่งขึ้นอีกวัน ก็มาถึงผู้บริโภคในตลาด รูปนี้คือผักกาดจ้อน (ดอกผักกวางตุ้ง) ปลอด
สารพิษ ใหม่สดจากไร่ ผัดแบบผักบุ้งไฟแดง แกงส้ม ต้มจืดใส่กระดูกหมู ลวกจิ้มน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง น้ำพริก
กะปิ กินดิบก็ยังได้ หวานกรอบอร่อย มีกลิ่นผักกวางตุ้งขึ้นจมูกนิด ๆ ...ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์เป็นมัด ๆ ละ 30 บาท
กินสามวันยังไม่หมด กินไม่หมดอย่าเอาแช่น้ำนะครับ ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ไว้ยังงี้แหละ พอกลางคืนก็แก้ห่อออก เอา
ผักตากน้ำค้าง ...มันจะสดอยู่ได้สาม สี่วัน นี่เป็นเคล็ดวิชากินผักปลอดสารและยาฆ่าแมลง แต่ผักกรุงเทพ บางอย่างอยู่
ได้เป็นอาทิตย์ เป็นเดือนก็ยังมี แต่ไม่เน่า เพราะแช่ ฟอร์มอลีน ...





รูปที่ 18 อาหารโปรตีนจานเด็ด ....รถด่วนขบวนสุดท้าย....หน้าฝนจะมีแยะ เพราะอยู่ตามต้นไผ่ที่แตกหน่อใหม่ ขณะ
ที่ต้นยังอ่อน เอาคั่ว ใส่เกลือ ใส่เนยไปหน่อย เค็ม ๆ มัน ๆ สุดยอด ถุงขนาดนี้ ถ้าคั่วสุกแล้ว ก็ประมาณ สองร้อย ไม่ต้อง
ต่อ ไม่ง้อคนซื้อ เพราะร้านอาหารเหมาหมด สาว ๆ กินมากม่ายดี เพราะ โปรตีนนน มันสูง กินมากจะอ้สน ดูสาวดอยแต่
ละคนซีครับ ใหม่ ๆ ก็ดูน่าสน พอมีลูกเขาซักคน ดูไม่จืด ยังกับ สะกั๊วะ(ตะกร้า – เข่ง) ใส่ผัก ...โตงเตง โตงเว้า ต่องแต่ง
อีกต่างหาก




รูปที่ 19



รูปที่ 20

รูปที่ 19 – 20 บรรยายไม่ถูกครับ นึกวาดมโนภาพ จินตนาการกันเองนะครับ เพียงแต่จะบอกว่า กระท่อมหลังน้อยที่เห็น
มันโดดเดี่ยวผู้น่ารักจริง ๆ และจะเห็นแปลงที่เค้าตกกล้าเอาไว้ประมาณ 9 หรือแปลง เอาน้ำมาจากไหน เทวดาให้มาครับ

ผมชอบเที่ยวตาม ทุ่งนา ป่า เขา มันสนุกครับ ได้เจอของกินแปลก ๆ ..อย่างตัวตุ่น ผ่าท้องแบะออกสองซีก (ผมไม่ได้
ทำเองนะ เจ้าโชเล่เป็นคนทำ) เคล้าเกลือ พริกไทย ย่างนะครับ กลิ่นหอมเหมือนเป็ดย่าง เอาเป็ดปักกิ่งมาแลกยังไม่
เอาเลย พูดแล้วคิดถึงเจ้าโชเล่แฮะ จะได้ไปเยือนอีกเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลยสูเอ๊ย

คราวนี้ก็ขอจบแค่นี้ก่อน ...คราวหน้าค่อยพิจารณารายการอาหารกะเหรี่ยงกันบ้าง(เท่าที่เห็นเค้าทำ) นะครับ



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
wit
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 28/11/2012
ตอบ: 34

ตอบตอบ: 29/11/2012 2:53 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ขอบคุณสำหรับรุปสวยๆความรู้่ใหม่ๆครับผม Wink
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 02/12/2012 10:32 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 บท 11 ตอน 2 ดอกไม้มอบให้ลุงคิม ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับ ลุงคิมและเพื่อน สมช. ทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 2

บทที่ 11 ตอนที่ 2 กะเหรี่ยงสะเมิง ไปปลูกกระเทียมที่ปาย



ระหว่างที่รอรูป กะเหรี่ยงสะเมิง(ลุงรัตน์) ปลูกกระเทียมพันธุ์พื้นเมือง ที่ปาย ผม.....
ขอมอบภาพดอกไม้ชุดต่อไปนี้ ให้ลุงคิม ทิดบัติ
ยัยเฉิ่ม คุณตุ๊ดตู่ และเพื่อนสมาชิกสีสันชีวิตไทยทุกท่านครับ




รูปที่ 1


รูปที่2

รูปที่ 1 และ 2 ขอมอบให้ลุงคิมและเพื่อน ๆ ด้วยความจริงใจครับ





รูปที่ 3 ขอให้มีความสุขความเจริญรุ่งเรือง สดใสทั้งตัวคุณและครัอบครัวดุจดอกดาวเรืองนะครับ





รูปที่ 4 ให้มีความอบอุ่น มีความเจริญก้าวหน้า ไม่มีวันโรยรา ดุจดอกบานไม่รู้(จัก)โรยนะครับ





รูปที่ 4 ขอให้ชีวิตเบิกบาน สดชื่น สุขภาพแข็งแรง ดุจดอกหงอนไก่ทุ่ง (ไก่จะตื่นแต่ยังไม่สว่าง โก่งคอขันปลุก เอ็ก อี๋ เอ็ก เอ็ก ....
ถ้าฟังให้ดี จะฟังได้ว่า ตื่น ได้ แล้ว พี่....(แต่ความจริงมันบอกว่า ผมหิวข้าวแล้วคร๊าบบบ)

ผมอาศัย ไปกิน ไปนอน บ้านกะเหรี่ยงอยู่หลายเพลา ก็พอได้เรียนรู้ขนบประเพณีบางอย่างมาบ้าง นิดหน่อย....

ดอกไม้สามอย่างที่ผมมอบให้ลุงคิมและเพื่อน ๆ คือ

ดาวเรือง..บานไม่รู้โรย...และหงอนไก่

เป็นดอกไม้ที่ชาวปกากะญอถือเป็นมงคลสูงสุด เอาไว้บูชาเซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชา คือ ผีไฟ

เครื่องเซ่นไหว้จะมีดอกไม้ 3 อย่างนี้ พร้อมด้วยไก่ 1 ตัว กระบอกใส่น้ำเล็ก ๆ 1 ใบ และข้าวสุก 1 หยิบมือ เอาตั้งบนศาลเพียงตา
เป็นการขอขมาก่อนที่จะหว่านเมล็ดพันธุ์พืชลงไปในแปลง (ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ทุกชนเผ่าแม้แต่คนไทยก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพ
บูชาแตกต่างกันไปตามภูมิภาค)

ซึ่งดอกไม้ทั้งสามอย่างนี้คนไทยก็ถือเป็นดอกไม้มงคลเช่นกัน

ก็บูชาผีไฟไปก่อน ยังไม่กล้าคิดจะผูกข้อไม้ข้อมือ ...และสาวชนเผ่ารุ่นใหม่ หน้าตาไม่ธรรมดา




สำหรับรูป ลุงรัตน์ ทำไร่กระเทียมที่ปาย เปลี่ยนตากล้องใหม่ จะได้เรื่องหรือเปล่า ต้องรอลุ้นกันครับ



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 16/12/2012 5:11 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 2 บทที่ 11 ตอนที่ 3 จากยอดดอย สู่ตีนดอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับ ลุงคิม ยัยเฉิ่ม และเพื่อน สมช. ทุกท่าน


เกษตรสัญจร ภาค 2 บทที่ 11 ตอนที่ 3 จากยอดดอย สู่ตีนดอย


พอดีว่า เน๊ต มันเสีย ติดๆ หลุดๆ มาหลายวัน โทรแจ้งไปว่า กล่องโดนฟ้าผ่า มันเลยรับสัญญาณได้ไม่ปกติ กว่า TOT จะ
ส่งช่างมาซ่อมให้ใช้งานได้ เสียเวลาไปหลายวัน สุดท้ายต้องเปลี่ยนกล่องรับสัญญาณให้ใหม่

มีรูปจากกะเหรี่ยงยอดดอยตกค้างอยู่ในเน๊ต ส่งมาให้หลายวันแล้ว มีข้อมูลบอกว่า เพื่อนกะเหรี่ยงบนดอย ลงมาช่วยแม่ยาย
ปลูกข้าวที่ตีนดอย ...เป็นตีนดอยด้านไหนเค้าไม่ได้บอก และการทำนาตีนดอยก็ทำแบบนาขึ้นน้ำ เหมือนนาพื้นราบทั่ว ๆ ไป
และเค้าทำนาดำครับ ....ดูรูปชุดนี้แล้ว น่ารักมากๆ น่ารักอย่างไร ดูเอาเองครับ


















พ่อตาเจ้า โชเล่ครับ



















ที่ดักปลาไหลยุคใหม่ มื้อเย็นนี้สบายละเพื่อน ได้หลายตัวเลย





เครื่องเล่นของเด็กดอยครับ

ดูจากภาพคงไม่ต้องมีคำอธิบายนะครับ


เด็กอ่านหนังสือออกหรือยัง ไม่รู้ เอามาสอนหัดให้ดำนา ผมถามไปว่า ทำไมดำนาน้ำลึกจังเลย เค้าบอกว่า ถ้าตอนดำใหม่ๆ
น้ำต้องแยะ ถ้าน้ำไม่แยะ ปูกับหอยจะมากัดต้นข้าวกินเสียหาย เมื่อต้นข้าวตั้งตัวดีแล้วจึงปล่อยน้ำออก และคราวนี้ เค้าจะใช้น้ำ
สมุนไพรสูตรขมๆ ที่ต้มเอง ผสมกับหัวว่านบางอย่างที่มียางขาวๆ เมื่อฉีดพ่นลงน้ำมันจะเป็นฝ้าคลุมแปลงนา ทั้งหอยทั้ง
ปูจะไม่กล้าลงกิน ...แน่ะเฮ้ย สูพัฒนาสูตรไปอีกขั้นนึงแล้วว่ะเพื่อน ไอ้เจ้าหัวว่านนี้ เค้าบอกชื่อเป็นภาษากะเหรี่ยง ผมจำไม่
ได้หรอกครับ ...ลุงพอจะทราบหรือไม่ว่าเป็นว่านอะไร


จำเป็นหรือไม่ที่อยู่ป่าอยู่ดอยจะต้องทำตามนักวิชาการ เมื่อเด็กคนนี้โตขึ้น เค้าได้เรียนรู้จากการลงมือทำ เค้าจะรู้ได้เองจาก
ประสบการณ์โดยไม่ต้องพึ่งวิชาการ และผู้เป็นพ่อได้รับคำแนะนำให้ทำนาตามวิธีของลุงคิมมาบ้างบางส่วน เอาไปผสมผสาน
กับวิธีดั้งเดิมของเค้า ถ้าเค้าสงสัยขั้นตอนเค้าจะถามผม ๆก็ถามลุงคิม ...ตอนนี้เป็นยังงี้แล้ว จะทำยังไงครับลุง ลุงก็บอก...
ทำยังงี้ๆ โว๊ย ...ผมก็บอกเค้าไป เค้าจะปรับวิธีการของเค้าได้เองโดยอัตโนมัติ จากสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน

ตอนนี้เค้าทำน้ำหมักเองจากกุ้งหอยปูปลา เท่าที่ในท้องถิ่นจะมีหาได้ กากน้ำตาลไม่มี สูไปตัดอ้อยมาหีบเอาน้ำมาใช้หมัก เอา
น้ำมะพร้าวใส่เข้าไปด้วย เอาหน่อไม้อ่อน ๆ สับใส่ลงไป เพราะมันมีฮอร์โมนยืดยอด แค่คืนเดียว หน่อไม้ยาวเป็นศอกแขน
และจากประสบการณ์เค้าจะถ่ายทอดวิธีการให้ลูกของเค้าได้รับรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่เค้าพูดกับผมคือ คำพูดของผมที่บอกให้เค้า
ดูแลข้าวในแปลงให้ดีที่สุด การที่เค้าดูแลแปลงนาให้ดีที่สุด ผลผลิตที่ได้ ตกเป็นของเค้า อย่าให้อายเด็กกะเหรี่ยงนะครับ



ขอบคุณครับลุง



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 16/12/2012 6:00 pm    ชื่อกระทู้: Re: เกษตรสัญจร ภาค 2 บทที่ 11 ตอนที่ 3 จากยอดดอย สู่ตีนดอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:



เค้าจะใช้น้ำสมุนไพรสูตรขมๆ ที่ต้มเอง ผสมกับหัวว่านบางอย่างที่มียางขาวๆ เมื่อฉีดพ่นลงน้ำมันจะเป็นฝ้าคลุม
แปลงนา ทั้งหอยทั้งปูจะไม่กล้าลงกิน ...แน่ะเฮ้ย สูพัฒนาสูตรไปอีกขั้นนึงแล้วว่ะเพื่อน ไอ้เจ้าหัวว่านนี้ เค้า
บอกชื่อเป็นภาษากะเหรี่ยง ผมจำไม่ได้หรอกครับ ...ลุงพอจะทราบหรือไม่ว่าเป็นว่านอะไร

.




เดานะ รูปการณ์น่าจะเป็น "หางไหลขาว" (ว่ะ....) เพราะเจ้าตัวนี้ แช่น้ำ ๆจะขาวขุ่นเหมือนน้ำซาวข้าว
สรรพคุณ "ฆ่าสัตว์น้ำ" ทุกชนิด ภาคกลางใช้ล้างบ่อหลังจากจับปลาหมดแล้ว ก่อนลงปลารุ่นใหม่ก็ต้อง
กำจัดปลารุ่นเก่าให้หมดเสียก่อน มิฉนั้น ปลารุ่นเก่าตัวโตที่มุดดินหนีตอนจับปลา จะขึ้นมากินลูกปลาปล่อย
ใหม่หมดไงล่ะ

ถ้าเป็น "ปูนา" ใช้กิ่งสะเดากลางอ่อนกลางแก่ ถึงแก่ กิ่งสดใหม่ ตัดเป็นท่อนเท่าคืบมือ ใช้ไม้ทุบพอบุบๆ
แล้วทิ้งลงไปในน้ำ ซัก ตร.ว.ละ 1 ชิ้น ให้ทั่วแปลง น้ำมันสะเดาจะออกมาลอยอยู่ตามผิวน้ำ เมื่อปูนาสัมผัส
กับน้ำมันสะเดา ก้ามใหญ่จะหลุด เมื่อปูไม่มีก้ามก็ไม่สามารถงับต้นข้าวให้ล้มลงมากินเมล็ดข้าวได้ ก็เท่านีั้แหละ..
...ที่จริงภูมิปัญญาพื้นบ้านเกษตรไทย ข้อนี้ก็มาจากกะเหรี่ยงนั่นแหละ.....



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 23/12/2012 11:19 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 16/12/2012 6:36 pm    ชื่อกระทู้: หญ้าปาก รู ปู ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม

โห ...หญ้าปากรูปูแท้ ๆ กิ่งสะเดาทุบ ทำให้ปูก้ามหลุด ลุงเคยบอกทิดบัติ เพราะที่เชียงรายปูแยะ ผมก็ลืมไปสนิทเลย
คราวนี้แหละเจ้าโชเล่เอ๊ย สูจับปูได้สบายโดยไม่โดน ปูน้อยหนีบมืออีกแล้วละเพื่อน....

เอ..ลุงครับ แล้ว ปูเล็กปูน้อยก้ามมันก็หลุดไปด้วยน่ะซีครับ ยังงี้ปูบนดอยมันจะมิสูญพันธุ์หรือครับ แต่คงไม่เป็นไร...
เพราะยังเหลือปูนายกฯ อีกสองก้าม 55 55 55 แล้วใครจะเป็นคนโดนหนีบล่ะครับ ฮื๊อ ฮือ ๆ ๆ ๆ

ส่วนที่ลุงบอกว่าน่าจะเป็น หางไหลขาว มันจะเหมือน เถาโล่ติ๊น บ้านเราหรือเปล่าครับ ....และไอ้ปลาไหลที่เข้าใน
จะเรียกอะไรล่ะ ข้องคงไม่ได้ เอาเป็น ขวดน้ำดื่มตราลิงยกขาก็แล้วกัน ปลาไหลมันหนีกลิ่นว่านหางไหล เลยแย่งกันเข้า
ไปในขวดเป็นสิบตัวเลยนะนั่น ...ผัดเผ็ด ใส่แกนยอดบุกอ่อน ใส่ใบยี่หร่า ใส่ผงกัญชานิดหน่อย ว๊าว รับรอง กินกันข้าว
แหกหม้อเลยก็แล้วกัน

และสำหรับ 084 - 937-xxxx ใช้สามสี่เครื่องมีเสียงกลับมาว่า ...ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ For English please
press nine ครับผม


คงต้องร้องเพลง ...ไปโดนเค้าหลอกอีกแล้ววววว....




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 16/12/2012 7:49 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.


"ปู" เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ปูต้องมีรูอยู่ ตอนน้ำในแปลงเยอะๆ ปูจะไปขุดรูอยู่ตามคันนา ให้ปล่อยน้ำเข้าจนท่วมคันนา
น้ำก็จะเข้าไปท่วมรูที่คันนานั้นด้วย คราวนี้ปูก็อยู่ไม่ได้อีกเพราะรูถูกน้ำท่วม ว่าแล้วปูก็อพยบไปอยู่ที่อื่น

นาย่านท่ามะกา กาญจนบุรี ทำคันนาเตี้ยๆ สูงไม่เกินครึ่งหน้าแข้ง ปกติจะกักน้ำไว้แค่ปริ่มๆคันนา น้ำแค่นี้ไม่พอทำให้ต้นข้าว
สูงหรอก แต่พ่อเล่นอัดยูเรียจนต้นข้าวสูงท่วมหัว ล้มไม่มีเหลือ ..... ก็ว่ากันไป



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 23/12/2012 11:21 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 22/12/2012 9:49 pm    ชื่อกระทู้: กะเหรี่ยงปลูกปอเทืองในนาข้าว ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม ทิดบัติ ยัยเฉิ่ม และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน



เมื่อตอนสาย วันนี้ 22 ธค.55 ผมได้รับข้อมูลจากลูกสาวที่ปายกับเพื่อนกะเหรี่ยงบนดอย

แต่ข้อมูลขาด ๆ หาย ๆ เนื่องจากฟ้าปิด อาจจะเกิดจาก พายุสุริยะ ก็เป็นได้ เพราะส่งรูปธรรมดา กลายเป็นรูปโป๊
ส่งรูปโป๊ กลายเป็นรูปไม่นุ่งผ้า อะไรทำนองนั้น




รูปที่ 1 ข้อมูลบอกว่า อุณหภูมิที่ปาย เวลา 06.30 น.ของเช้าวันที่ 22 ธค.55 อยู่ที่ 8 องศาเซลเซียส....มีโทรศัพท์
มาถามว่า ..พ่อ ที่กรุงเทพฯหนาวมั๊ย ...หนาวบ้าอะไร ร้อนจนแทบจะแก้ผ้าเดินอยู่แล้ว....แล้วก็บอกว่า มีฝรั่งใส่
ชุด บีกินนี่ ลงเล่นน้ำที่แม่น้ำปาย พักเดียว คนแตกตื่นไปดู เพราะฝรั่งเป็นตะคริว มีคนเข้าไปช่วยแยะเลย ....มีรูปด้วย
นะครับ แต่ไม่กล้าลง เพราะตัวเล็ก มีแต่หนังหุ้มเนื้อ คงไม่ถูก สเป็คลุงคิม





รูปที่ 2 คงจำแปลงข้าวของ โชเล่ เพื่อนกะหรี่ยงได้นะครับ หลังจากเกี่ยวไปแล้วเค้าทำอะไร





รูปที่ 3 เค้าไม่เผาฟาง เค้าปลูกปอเทือง ซึ่งเมื่อถึงฤดูทำนาเค้าเก็บเมล็ดพันธุ์ปอเทือง แล้ว เค้าตัดต้นทิ้ง ปล่อยให้แห้ง
พอฝนตกมันก้เริ่มเน่าเปื่อย หลังจากไถนา มันก็จมลงดินกลายเป็นปุ๋ยที่ให้ ธาตุไนโตรเย่น โดยไม่ต้องใช้ ยูเรีย แต่ชาวนา
พื้นราบ ใช้ยูเรีย ไม่ใส่ไม่ได้ จะไม่ได้กินข้าว (ล้ม)





รูปที่ 4 แปลงนาทั้งพื้นราบที่ปาย และบนดอย ในช่วงนี้จะเหลืองอร่ามไปด้วยปอเทือง ..

จาก..เสียงโทรศัพท์คุยกันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง โครกคราก ๆ พอจับใจความได้เลา ๆ ว่า ....

...ทำไมไม่ไถกลบตอนที่ดอกเริ่มบาน ...

...ต้องเก็บเมล็ดพันธุ์เอาไปให้เกษตรอำเภอไร่ละ 1 สะก๊วย(กระบุง)หรือบ้านละ 1 สะก๊วย ฟังไม่ถนัด....ทีเหลือ
เก็บเอาไว้ปลูกปีหน้า....


....มีรูปแค่นี้เองหรือ .....

..มีหลายรูป แต่ชาชาบอกว่า ส่งไม่ได้.....

...แล้วที่ไปดำนาน่ะ ช่วยแม่ยายหรือช่วยน้องเมีย.....

...ช่วยแม่ยาย ขืนช่วยน้องเมีย ตายแน่ ๆ ....

...แล้วที่ปางอุ๋งล่ะ จะให้บอก มิโส่ย มั๊ย....

....โน ๆๆๆๆ ขอร้อง ลืมไปเลย....

...แต่เฮาไม่ลืมนะ.....

....วันก่อน แม่ไล่เฮาให้ลงไปช่วยลุงรัตน์ปลูกกระเทียม สูเห็นรูปเฮาหรือเปล่า หน้าตาดีกว่าเพื่อน....

....เห็นแล้ว คลุมหน้าเหมือนผีโพรง....

..เสียงขาดหายไปกับสายลม ร้อน....


กะเหรี่ยงปลูกปอเทืองในนาข้าวเพื่อได้ปุ๋ยไนโตรเย่น คนไทยใช้ ยูเรีย...


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 22/12/2012 9:51 pm    ชื่อกระทู้: ส่งซ้ำครับ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เน็ตมีปัญหา ขออภัยส่งซ้ำครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 23/12/2012 11:26 am    ชื่อกระทู้: Re: กะเหรี่ยงปลูกปอเทืองในนาข้าว ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:




รูปที่ 3 เค้าไม่เผาฟาง เค้าปลูกปอเทือง ซึ่งเมื่อถึงฤดูทำนาเค้าเก็บเมล็ดพันธุ์ปอเทือง แล้ว เค้าตัดต้นทิ้ง ปล่อยให้แห้ง
พอฝนตกมันก้เริ่มเน่าเปื่อย หลังจากไถนา มันก็จมลงดินกลายเป็นปุ๋ยที่ให้ ธาตุไนโตรเย่น โดยไม่ต้องใช้ ยูเรีย แต่ชาวนา
พื้นราบ ใช้ยูเรีย ไม่ใส่ไม่ได้ จะไม่ได้กินข้าว (ล้ม)



COMMENT :
ดูๆมันก็สวยดีแหละนะ แต่.....แหล็ก ม่าย ร่ายยยย.....

ทอเปืองไถกลบ ข้าวได้คนเดียว แต่คนจะอดตายละไม่ว่า

เอาใหม่ "ข้าวกับคน พบกันครึ่งทาง" ได้ไหม....?

ว่าแล้วก็ให้ไปซื้อ "เมล็ดพันธุ์" (เน้นย้ำ....เมล็ดพันธุ์ ไม่ใช่เมล็ดเอามาต้มน้ำตาล) ถั่วเขียว มาซัก 2 กก. สนนราคาน่าจะ
ประมาณลิตรละ 20 บาท สำหรับพื้นที่นา 1 ไร่ (หนา) หรือ 2 ไร่ (บาง)

เทคนิคเตรียมดินกับเลี้ยงถั่วเขียวเหมือนปอเทืองเปี๊ยบ ให้เลี้ยงถั่วเขียวกระทั่งเก็บเกี่ยว เอาเมล็ดถั่วเขียวไปขาย สว่นหนึ่้ง
เก็บไว้ทำพันธฺุ์รุ่นหน้า

หลุดจากถัวเขียวจะเปลี่ยนเป็น ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำ (ไม่ใช่ถั่วตุ๊ดนะยะ) ได้ทั้งนั้น

อยากได้ถัวไร่ คุณภาพดี เมล็ดใหญ่ น้ำหนักดี ใช้น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงเพิ่มส่วนผสมเลือด ในเลือดมี Fe สูง พืชตระกูลถั่วไร่
ชอบ ..... ฉีดลงดินโคนต้น ตอนค่ำ นั่นแหละดี



ถั่วดีที่สุด คือ "ถั่วฟรี" อัดลงไปเถอะ ดีทั้งน้านนนนน....
.


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 23/12/2012 4:19 pm    ชื่อกระทู้: ปอเทือง ๆๆๆๆ ...ถั่วเขียว....ถั่วเหลือง.... ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ลุงคิมคร๊าบบบบ

ลุงเพิ่งมาอยู่ประเทศไทยเหรอๆๆๆๆๆ (กราบขออภัย คำพูดของลุงเอง)

นโยบายย่อมอยู่เหนือเหตุผลเสมอ ๆๆๆๆ

ผมน่ะคันมือคันไม้อยากจะเขียนแต่เมื่อลุงถามก็จะตอบ...

ผมคุยกับเจ้าโชเล่มันแล้วว่า ...ทำไมสูไม่ปลูกถั่วเขียว หรือถั่วเหลือง....คำตอบคือ

กษอภ. บอกว่า ในตัวจังหวัด มีทุ่งบัวตอง(ซึ่งมิชชันนารี่เอามาหว่านบนเขาหัวโล้นเมื่อนานมาแล้ว ปัจจุบันกลาย
เป็นแหล่งท่องเที่ยว) มาถึงบริเวณปาย ขึ้นดอยใกล้ที่สุดก็บ้านวัดจันทร์ น่าจะมีอะไรเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้
ไม่น้อยหน้าทุ่งบัวตอง ...ยืน เดิน นั่งนอน คิดไปคิดมา ปิ๊ง (ขอร้องแบบบังคับ)ให้เกษตรกรปลูกปอเทืองหลังนา
ดีกว่า พอถึงฤดูท่องเที่ยว ธค. - มค ทั้งที่ปายและที่บ้านวัดจันทร์จะได้เหลืองอร่ามไปทั้งทุ่งและบนดอย

....นายสิบภูธร ย่อมใหญ่กว่า นายพันนครบาล ....กษอภ. ย่อมใหญ่กว่า รมต.เกษตร ชี้นิ้วสั่งได้ เวลาจะปลูก
ใครไม่มีเมล็ดพันธุ์ต้องไปหาซื้อ ที่ กษอภ.ไม่มี ต้องไปที่ ร้านค้าที่เป็น กัมปะนี ....ปลูกเสร็จ เก็บผลผลิตได้
ต้องเอาไป (คืน) เข้ากองทุนเมล็ดพันธุ์ ฟรี ๆ ครอบครัวละ 1 สะก๊วย (กระบุง)....กรอด ๆๆๆๆ

เป็นลุง จะทำยังไง ถ้าไม่ทำ เวลาที่บางคน(ส่วนใหญ่)ยังต้องพึ่ง ปุ๋ย ยาราคาถูก รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ จากทาง
ราชการ ก็ต้องจำใจทำ....

ถ้าพื้นที่ไหนมีน้ำ ประมาณ กุมภา เมล็ดปอเทืองจะแก่ ...แก่มั๊ยแก่ไม่รู้ หลังมกรา หมดฤดู High Season แล้ว
ก็จะลุยเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อเอาไปคืนเข้ากองทุน ส่วนที่จะเก็บเมล็ดไว้ทำพันธุ์เองก็เว้นที่เอาไว้ซักหน่อยพอเก็บ
เมล็ดเอาไว้ปลูกในปีหน้า....

...จากนั้นก็นะปล่อยน้ำเข้าพื้นที่ ปอเทืองจะเน่าหรือไม่เน่าไม่สน ซักวันสองวันก็ลุยไถ แล้วก็หว่านถั่วเขียว หรือ
ถั่วเหลืองตามอัธยาศัยของแต่ละคน ซึ่งก็จะเก็บผลผลิตได้ประมาณเดือน พฤษภาคม

พอมิถุนาฝนเริ่มตกก็ได้เวลาเตรียมทำนาปี ประมาณเดือนกรกฎา ก็หว่านหรือดำ หรือหยอด ตามที่ผมไปมา
เมื่อปี่ที่แล้ว นั่นแลฯ

สำหรับคนที่มีน้ำถึงก็ทำได้ตามที่ผมเล่า ส่วนคนที่น้ำท่วมไม่ถึงก็แห้งแหง๋แก๋ มีแต่ต้นปอเทืองแห้ง ๆ

กษอภ. เค้าคิดแค่เรื่องการท่องเที่ยว แค่ให้คนดู คนเห็นว่า อู้ฮู สวยว่ะ แล้วก็ถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึก มากกว่ารายได้
และปากท้องของชุมชนโดยรวม แค่นี้เองหรือครับ ....เฮ๊ย ที่นี่ กูใหญ่ว๊อย มีไรป่ะ ....ยังงี้ต้องให้แหลก ยางน่อง...

ดอกไม้ทุกนิดมีความสวยงามอยู่ในตัวเอง ดอกถั่วเขียว ดอกถั่วเหลือง ลุงว่าไม่สวยหรือครับ สีโรแมนติคจะ
ตายไป และกลิ่นดอกถั่วเหลืองบาน ว๊าว กลิ่นจั๊กกระจี้ใจเหลือประมาณ เอวังฯ



ยัยเฉิ่มหายเงียบไป ตามหาควายเจอหรือยังว๊า...




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 23/12/2012 5:03 pm    ชื่อกระทู้: Re: ปอเทือง ๆๆๆๆ ...ถั่วเขียว....ถั่วเหลือง.... ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:




ลุงเพิ่งมาอยู่ประเทศไทยเหรอๆๆๆๆๆ (กราบขออภัย คำพูดของลุงเอง)
CKMMENT :
นี่แหละเขาว่า.....คำพูดหายไปประโยคเดียว สถานการณ์เปลี่ยนจาก "ปฏิวัติ" เป็น "กบถ" ไปเลย

คำพูดที่หายไป คือ "ตามความเหมาะสม...." แต่ละพื้นที่ ปัจจัยเสริม-ปัจจัยต้าน ไม่เหมือนกัน ทุกเรื่องย่อมมีสถานการณ์
เป็นตัวกำหนด ที่นั่นมีการท่องเที่ยวเป็นตลาดรายได้ ก็ต้องทำเพื่อนักท่องเที่ยว แต่บางที่ไม่มีนักท่องเที่ยว มีแต่นักกินก็ต้อง
ปลูกของกิน

พืชใดเพื่อนักท่องเที่ยชวก็ว่ากันไป
พืชใดเพื่อนักกินก็ต้องอีกแบบนึง

เอ้า.....ศาลายา นครปฐม นี่แหละ ไม่ต้องไปไกล ปลูกปอเทืองบำรุงดินทำนาข้าว (เพราะที่นี่ทำนาข้าว) กับปลูกถั่วเขียว
(ที่นี่ก็ปลูกได้) บำรุงดิน อย่างไหนจะมีประโยชน์กว่ากัน



.....สงสัย เขียนเรื่องดอยมาก เกิดอาการ "ดอยซินโดรม" ซะละมั้ง เพื่อนเรา.....ยัยเฉิ่มมียาดีนะ ยาผีบอกด้วย



นโยบายย่อมอยู่เหนือเหตุผลเสมอ ๆๆๆๆ
COMMENT :
อยู่แต่ว่า จะแปลนโยบาย ให้เป็นการปฏิบัติ ยังไง.....แปลงวเป็นการปฏิบัติได้เมื่อไร เมื่อนั้นจะเห็นผล อันเกิดจากเหตุ เป็น
แน่แท้....



ยัยเฉิ่มหายเงียบไป ตามหาควายเจอหรือยังว๊า...
COMMENT :
กำลังออกตามหา "เขาควายเผือก" มาทำยา (ว่ะ....)



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 23/12/2012 7:05 pm    ชื่อกระทู้: มีแต่ควาย(เผือก)ตามยัยเฉิ่ม ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดี ค่ะ ลุงคิม
สวัสดึ ค่ะทิดแดง ทิดบัติ และ สมช.ทุกท่านค่ะ



เหม่ ๆๆๆ ยัยเฉิ่ม ยังอยู่ค่ะ สำหรับควายเผือกยัยเฉิ่ม ไม่ต้องตามหาหรอกค่ะ มีแต่เดินตามต้อยๆๆ เวลายัยเฉิ่ม
จะไปไหนทีต้องมีไม้คู้ใจ เอาไว้ไล่ควายเผือกค่ะ ไม่งั้นไปไหนมาไหนไม่สะดวก

สำหรับยาดี ที่ใช้แก้อาการ "ดอยซินโดรม" ก็ต้องใช้อันนี้เลย สายตรงสู้ เจ้ ศาลายา รับรองอาการที่ว่าหายเป็น
ปลิดทิ้ง อยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน ไม่ไปไหนแน่อน ค่ะ ลุงคิม

ยัยเฉิ่ม ก็ติดตามอ่านตลอดแหละค่ะ เพียงแต่พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกอยู่เรื่อย เคยไปเดินแถวตลาดนัด มีเสื้อ
เขียนว่า "อะไรอะไรก็กู้" เดินตรงไปจะไปซื้อเลย น้องๆๆ เอาเสื้อแบบนี้ เจ็ดตัว กะใส่ให้ครบเจ็ดวันไปเลย



พี่ค่ะ เสื้อน้องมีแต่ราคา 79 ค่ะ ขนาดพี่ต้องใส่ 299
เกี่ยวอะไรกันละน้อง ดีซิเสื้อราคาถูกดี ชอบ

คือว่า ราคา 79 ไซส์ ss ค่ะ ของพี่ต้อง xxxL
ยัยเฉิ่ม รู้สึกควันมันออกที่รูหู เหมือนใครไปก่อกองไฟ ยังไงยังงั้น นึกในใจไม่เอาก็ได้วะ อ้วนแต๋หน้าตาดี จบปะ

ยัยเฉิ่ม ไม่ค่อยถนัดเขียนสักเท่าไร เล๋าเรื่องโดยการเขียนไม่เก่ง แต่ถ้าให้พูดละก็ สิบวันสิบคืนไม่ซ้ำเรื่อง ถนัดแต่
เล่าเรื่องของตัวเอง ประสบการณ์ตัวเอง ในการโดนหลอกแต่ละครั้ง




ล่าสุดก็ที่จะปลุกมะกรูด

ยัยเฉิ่ม : สวัสดี ค่ะ พี่หนูชื่อยัยเฉิ่มค่ะ พี่มีกิ่งมะกรูดขายหรือคะ
พ่อค้า : มี น้องจะเอาเท่าไร

ยัยเฉิ่ม : หนูจะปลูกซัก 2 ไร่ นะค่ะ หนูต้องทำอย่างไรบ้าง
พ่อค้า : 2 ไร่ ก็ใช้กิ่งพันธุ์ 800 กิ่ง ปลูกในระยะชิด

ยัยเฉิ่ม : งั้นหนูเอา 800 กิ่งค่ะ ต้องเตรียมแปลงยังไงคะ
พ่อค้า : ต้องใส่ปุ๋ย 1..2.. 3......

ยัยเฉิ่ม :
ค่ะ หนูต้องรอเกี่ยวข้าวก่อนนะคะ ไม่งั้นไม่มีเงินจ่าย ต้องมัดจำเท่าไร กิ่งพันธุ์ต้องเอาตอนไหน แต่ปุ๋ยรอเงิน
เดือนออก แล้วพี่ก็เอามาให้หนู หนูได้ใส่แปลงไปก่อน
พ่อค้า : ถ้าเอาตอนนี้ก็จะราคากิ่งละ 17 บาท ถ้าเลยไปมกรา กุมภา ก็ 35 บาท

ยัยเฉิ่ม : ทำไมล่ะ
พ่อค้า : ช่วงหนาว รากจะไม่เดิน


ยัยเฉิ่ม : งั้นก็ได้ค่ะ กลางเดือนธันวา หนูค่อยเอากิ่งพันธุ์


ยัยเฉิ่มมาฉุกคิดได้ว่า เค้าบอกหน้าหนาว รากของกิ่งจะไม่เดิน อ้าว แล้วมาอยู่กับยัยเฉิ่ม มันเดินเหรอ (ฉลาดที่หลัง
อีกแล้ว) ตอนที่จะสั่งซื้อ เราก็บอกว่าเราไม่เคยทำ ช่วยแนะนำด้วย ว่าต้องทำอย่างไร นี้แหละพ่อค้า ตัวเองเอา
ไว้ก่อน คนอื่นช่างมัน


ตอนนี้ซื้อปุ๋ยมาแล้ว จ่ายมัดจำไปแล้วเกิดปัญหา "เรื่องไม่เป็นเรื่อง" อย่างลุงว่า ปลูกมะกรูดยังไม่ได้

ยัยเฉิ่ม : พี่ค่ะ หนูยังไม่เอากิ่งพันธุ์ได้ไหม พอดีมีปัญหานะ
พ่อค้า : ได้ๆๆ จะเอาเมื่อไหร่ก็โทรบอก


อ้าวที่ตอนนั้น บอกต้องเอากลางเดือนธันวา เลยไปไม่ได้ มันยังไงกันเนี้ย

ไม่เข้าใจเลย คนเราพูดความจริงกันไม่ได้เหรอ ทำไมต้องเอาเปรียบแม้แต่เล็กๆน้อยๆ ทำไมไม่เอาความจริงใจ
เป็นที่ตั้ง สังคมต้องเริ่มที่ตัวเราไม่ใช่หรือ ถ้าแม้ตัวเราเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังเอาเปรียบกัน แล้วจะสอนลูกหลานจะเป็นตัว
อย่างที่ดีให้แก่ลูกหลานได้ยังไง

หรือสังคมนี้จะมีแต่ "คดในข้อ งอในกระดูก"



ยัยเฉิ่ม ยังไม่แก่ แต่แอบบ่น



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 23/12/2012 10:35 pm    ชื่อกระทู้: Size นี้ใช่ป่ะ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุง ... ยัยเฉิ่ม....ฯลฯ

SIZE นี่ใช่ป่ะ XX+LL



น่าจะปลูก ข่า ตะไคร้ มะนาว พริกขี้หนูด้วยนะ ครบเครื่องเรื่องต้มยำ
ติดต่อที่ ยัยเฉิ่มที่เดียว มีครบวงจร...

ชัดช้า ๆๆๆ ไฮ้

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 24/12/2012 5:53 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ของเทียม ของเลี่ยนแบบ.....ใครๆก็ทำได้

แน่จริง ต้อง "ของจริง" ซี่ ..... ดังระเบิดระเบ้อแน่....




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 24/12/2012 10:31 am    ชื่อกระทู้: ยัยเฉิ่ม ว่าไง ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

kimzagass บันทึก:
ของเทียม ของเลี่ยนแบบ.....ใครๆก็ทำได้

แน่จริง ต้อง "ของจริง" ซี่ ..... ดังระเบิดระเบ้อแน่....




.



....ยัยเฉิ่ม..... เจ้าของลิขสิทธิ์ จะว่ายังไง....ส่งมาเลย เดี๋ยวจัดให้....
อ้า...ลุงครับ แล้วเรื่องสมัครคนช่วยทำงาน ยัยหอยหลอดล่ะ มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้วครับ..อิอิ


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 24/12/2012 4:26 pm    ชื่อกระทู้: Re: ยัยเฉิ่ม ว่าไง ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:
kimzagass บันทึก:
ของเทียม ของเลี่ยนแบบ.....ใครๆก็ทำได้

แน่จริง ต้อง "ของจริง" ซี่ ..... ดังระเบิดระเบ้อแน่....




.



....ยัยเฉิ่ม..... เจ้าของลิขสิทธิ์ จะว่ายังไง....ส่งมาเลย เดี๋ยวจัดให้....
อ้า...ลุงครับ แล้วเรื่องสมัครคนช่วยทำงาน ยัยหอยหลอดล่ะ มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้วครับ..อิอิ


.




"หอยหลอด - อีเหวิ่ง" มีหลายหมายเลข เอาหมายเลขอะไรบอกมา....จัดให้




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ถัดไป
หน้า 2 จากทั้งหมด 8

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©