-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางรายการวิทยุ 11 JUN
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - นวัตกรรม + ธุรกิจ ..... เมล่อนเงินล้าน
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

นวัตกรรม + ธุรกิจ ..... เมล่อนเงินล้าน

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 9:11 am    ชื่อกระทู้: นวัตกรรม + ธุรกิจ ..... เมล่อนเงินล้าน ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สุวิทย์ ไตรโชค เกษตรกรผู้ปลูกเมล่อนเงินล้าน






ปี 2529
นายสุวิทย์ ไตรโชค เริ่มทดลองปลูกเป็นครั้งแรกที่อำเภอบางไทร โดยมีนางจินตนา ไตรโชค เป็นผู้ดูแลแปลงปลูก จำนวน 100 ต้น
เป็นพันธุ์ sun lady ผิวสีขาวเหลือง เนื้อสีส้ม

ปี 2530
นายสุวิทย์ ไตรโชค ขยายการปลูกเป็นการค้าและเพิ่มจำนวนพันธุ์มากขึ้น คือ แคนตาลูปพันธุ์ Hi Lineจากสหรัฐอเมริกา
และพันธุ์ Honey World จากไต้หวัน

ปี 2534
เริ่มตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกแคนตาลูป เนื่องจากนายสุวิทย์ ไตรโชค ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกให้กับเกษตร ในหลาย
จังหวัดทำการตลาดขายส่งในซูเปอร์มาร์เกตหลายแห่ง

ปี 2537
กลุ่มเกษตรกรมีสมาชิกมากขึ้น จึงตั้ง Brand“Thai Fresh” ขึ้น และเริ่มผลิตพันธุ์ Musk melon ซึ่งเป็นพันธุ์ญี่ปุ่น

ปี 2538- 2551
จัดการระบบการผลิตและระบบการตลาดอย่างสอดคล้องกัน มีการวางแผนการผลิต การตลาดล่วงหน้า บริหารกลุ่มเกษตรกรอย่าง
เป็นระบบ ผลิตส่งผู้ส่งออก Modern Tradeสายการบินโรงแรมร้านอาหารและร้านค้าปลีกภายใต้Brand“Thai Fresh”และ “Navita”


อ้างอิง และ คลิกไปดูวีดีโอ....
http://invention53.blogspot.com/2011/03/blog-post_29.html








ปลูกแตงเมล่อนได้ผล เพราะวางแผนการปลูกดี

โครงการเกษตรก้าวหน้าที่ทางธนาคารกรุงเทพได้ริเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2544 โดยจะสิ้นสุดโครงการเมื่อปี 2548 โดย
เจตนาของโครงการคือต้องการสนับสนุนให้เกษตรกรไทยมีกระบวนการผลิตที่สามารถรักษาคุณภาพผลผลิตตามความต้องการของตลาด
และปลอดภัยจากสารพิษ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์และรักษาคุณภาพของสิ่งแวดล้อมและเพื่อให้ผลผลิตของเกษตรกรสามารถยกระดับ
เข้าสู่กรอบกติกาการค้าสากลที่ต้องมีระบบและมาตรฐานเข้มงวดกับคุณภาพสินค้า ความปลอดภัยของผู้บริโภคและการรักษาสิ่งแวด
ล้อม โดยอาศัยการลงทุนของเกษตรกรในเทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสมซึ่งให้ผลตอบ แทนคุ้มกับการลงทุนและทำให้เกษตรกรมี
รายได้เพิ่มสูงด้วย

คุณสุวิทย์ ไตรโชค เป็นเกษตรกรอีกผู้หนึ่ง แต่อยู่ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บ.ไทยเฟรช และประธานกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกแคนตาลูป
ระบบ GAP แห่งประเทศไทย ซึ่งคุณสุวิทย์เข้ามามีสัมพันธภาพกับธนาคารกรุงเทพโดยการได้รับสินเชื่อจากทางธนาคารและได้อำนวย
สินเชื่อให้กับสมาชิกเพื่อขยายเครือข่ายให้กว้างขวางมากขึ้น

สุวิทย์ จบปริญญตรีจาก ม.พระจอมเกล้าธนบุรี เริ่มปลูกแตงเมล่อนที่อยุธยาเมื่อ 13 ปีมาแล้วเพราะเห็นว่าเป็นผลไม้ราคาดี ปลูกอยู่หลาย
พันธุ์ เช่น จิงหยวน โอนิชิ เพิร์ล เมล่อน เป็นต้น แต่ช่วงแรก ๆ ไม่ประสบความสำเร็จจึงพยายามพัฒนาเทคนิคการผลิตให้ดีขึ้น โดยวาง
แผนล่วงหน้าก่อนปลูกจริง นอกจากนั้นยังพยายามแสวงหาเมล็ดพันธุ์ใหม่ ๆ นำมาทดลองปลูก จนกระทั่งประสบความสำเร็จเป็นอย่าง
ดี ด้วยสิ่งที่ทำต่อไปนี้คือ ระบบน้ำ ได้ศึกษาระบบให้น้ำแบบประหยัดของอิสราเอลและอเมริกา และอาศัยความรู้ทางวิศวกรรมมาออก
แบบโปรแกรมคำนวณระบบน้ำหยด ซึ่งผ่านการทดลองจนได้ผลดี ในเรื่องของการให้ปุ๋ยร่วมกับน้ำ ได้ประกอบอุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็น
ด้วยตนเอง นอกจากนั้น ยังสามารถคำนวณความต้องการปุ๋ยของแตงเมล่อนในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ อย่างแม่นยำทำให้ผลผลิตต่อไร่
สูงขึ้น รสชาติก็หวานสม่ำเสมอและสามารถช่วยควบคุมให้มีผลผลิตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการผลิตในปัจจุบันใช้ระบบเครือข่ายของเกษตรกร เริ่มจากผู้สนใจที่เห็นการปลูกแล้วเข้ามาถามเรื่องเทคนิคการปลูกจนในที่
สุดกลายเป็นเครือข่ายในการผลิตและการตลาด โดยสมาชิกของเครือข่ายจะมีการประชุมปรึกษาหารือวางแผนการผลิตร่วมกันว่า
สมาชิกคนไหนจะปลูกเมื่อไหร่ โดยจะวางแผนการผลิตไว้ล่วงหน้า 2 เดือน ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 50 ราย ซึ่งผลผลิตเฉพาะแตง
เมล่อนแล้วประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี ซึ่งหากรวมการจำหน่ายระบบน้ำด้วยก็ประมาณ 20 ล้านบาทต่อปี...ซึ่งปัจจุบันนี้ผล
ผลิตไม่เพียงพอต่อการจำหน่ายแต่อย่างใด...

คุณโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ ได้กล่าวว่า ในส่วนของโครงการเกษตรก้าวหน้าของธนาคารกรุงเทพ
นั้น ผลการดำเนินงานมาจนถึงกลางปี 2547 ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ของธนาคารฯสามารถออกเยี่ยมเกษตรกรก้าวหน้าได้มากกว่า
เป้าหมาย คือ สามารถออกเยี่ยมได้ 21,400 ราย เทียบกับเป้าหมาย 30,000 รายภายในสิ้นปี 2548 เกษตรกรจำนวนนี้มีส่วนหนึ่ง
ที่ต้องการสินเชื่อเพื่อการลงทุนในเทคโนโลโลยีการเกษตรด้านต่าง ๆ ซึ่งทางธนาคารได้ จัดกิจกรรมเผยแพร่ให้เกิดการรับรู้และการ
ยอมรับเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อการนี้ ธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อให้เกษตรกรไปแล้วรวม 2,197 ราย วงเงิน 4,700 ล้านบาท
และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะอนุมัติสินเชื่อสะสมได้รวม 5,500 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าเป้าหมาย 5,000 ล้านบาท ที่กำหนดไว้ในปี 2548.


ที่มา : http://www.dailynews.co.th/agriculture/each.asp?newsid=33132
http://www.news.cedis.or.th/detail.php?id=1159&lang=en&group_id=1






.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 02/10/2011 9:11 pm, แก้ไขทั้งหมด 5 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 2:36 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แคนตาลูป โอทอป







รหัสผลิตภัณฑ์ (Code): 190317-SA002

ผลิตภัณฑ์ (Product) แตงแคนตาลูป เมล่อน (5 ดาว ปี 2553)

รายละเอียดผลิตภัณฑ์
แตงแคนตาลูป เมล่อน (รหัสโอทอป 190300694901)(OPC53 SR5Stars)53A,535A

สถานที่จำหน่าย
วาสนาฟาร์ม (Wasana Farm)
67 หัวทอง หมู่ 5 ตำบลหนองปลิง อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี 18140
ติดต่อ : นายภานุวัฒน์ อรุณโรจน์ศิริ
โทร : 08-1994-8868
โทรสาร : 0-3637-5117

หมายเหตุ
ภาพจากการคัดสรร OPC 2553 ระดับประเทศ

---------------------------------------------------------------------------------------------------








รหัสผลิตภัณฑ์ (Code): 630701-SA002
รหัสโอทอป (OPC): 63070015
ผลิตภัณฑ์ (Product) แตงแคนตาลูปญี่ปุ่น

รายละเอียดผลิตภัณฑ์
แตงเทศ หรือแตงแคนตาลูปญี่ปุ่น (2350)

สินค้าสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ 2549
ประเภทผลิตภัณฑ์ : อาหาร
ระดับดาว :

สถานที่จำหน่าย
บริษัทพืชผักอนามัยจำกัด
389 หมู่ 3 ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก 63160
ติดต่อ : นายสมศักดิ์ เหลืองสะอาด
โทร : 081 971 5427

---------------------------------------------------------------------------------------------------







รหัสผลิตภัณฑ์ (Code): 270609-B001
ผลิตภัณฑ์ (Product) แตงแคนตาลูป
รายละเอียดผลิตภัณฑ์ เนื้อส้ม (41148)

ราคาขายส่ง 17 บาท/1 กก.
ราคาขายปลีก 20 บาท/1 กก.

สินค้าสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ 2547
ประเภทผลิตภัณฑ์ : อาหาร
ระดับดาว :

สถานที่จำหน่าย
กลุ่มผู้ปลูกแตงแคนตาลูป
เลขที่ 40 หมู่ 1 ตำบลผ่านศึก
อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว 27120
ติดต่อ : นายวันดี ไชยสาร
โทร : 06 0199963

หมายเหตุ
ภาพจากการถ่ายทำที่ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว (4/11/4Cool

--------------------------------------------------------------------------------------------------







รหัสผลิตภัณฑ์ (Code): 140403-SA002
รหัสโอทอป (OPC): 14040009
ผลิตภัณฑ์ (Product) แตงแคนคาลูป เมลอน (5 ดาว ปี 2553)

รายละเอียดผลิตภัณฑ์
แตงแคนคาลูป เมลอน (รหัสโอทอป 140400095301)(OPC53 AY5Stars)53A,535A

ราคาขายปลีก 999 บาท

สถานที่จำหน่าย
แตงแคนตาลูป
58 คลองปากกราน หมู่ 7 ตำบลสนามชัย อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13190
ติดต่อ : นายสุวิทย์ ไตรโชค
โทร : 08-1818-0233

หมายเหตุ
ภาพจากการคัดสรร OPC 2553 ระดับประเทศ

--------------------------------------------------------------------------------------------------







รหัสผลิตภัณฑ์ (Code): 601006-D002
รหัสโอทอป (OPC): 60100028
ผลิตภัณฑ์ (Product) แคนตาลูป"พันธุ์สีทอง"
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
แคนตาลูป"พันธุ์สีทอง"(OTOP)

สินค้าสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ 2547
ประเภทผลิตภัณฑ์ : อาหาร
ระดับดาว :

สถานที่จำหน่าย
กลุ่มเกษตรกรปลูกแคนตาลูป
3/24 หมู่ 3 ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ 60130
ติดต่อ : นายสุกิจ ณรงค์ตะณุพล
โทร : 08-1887-0534 , 0-5624-7269
โทรสาร : 0-5624-7272

หมายเหตุ
ภาพจากการถ่ายทำที่งานเมืองแห่งภูมิปัญญาไทย (OTOP CITY) ครั้งที่ 2 ณ อิมแพค เมืองทองธานี 18-26 ธันวาคม 2547

--------------------------------------------------------------------------------------------------







รหัสผลิตภัณฑ์ (Code): 601006-D003
รหัสโอทอป (OPC): 60100028
ผลิตภัณฑ์ (Product) แคนตาลูป (4 ดาว ปี 2552)
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
แคนตาลูป (รหัสโอทอป 601000284701)

สินค้าสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ 2552
ประเภทผลิตภัณฑ์ : อาหาร

สถานที่จำหน่าย
กลุ่มเกษตรกรปลูกแคนตาลูป
3/24 หมู่ 3 ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ 60130
ติดต่อ : นายสุกิจ ณรงค์ตะณุพล
โทร : 08-1887-0534 , 0-5624-7269
โทรสาร : 0-5624-7272

หมายเหตุ
ภาพจากการคัดสรร OPC 2552 ระดับประเทศ

--------------------------------------------------------------------------------------------------







รหัสผลิตภัณฑ์ (Code): 601006-D001
รหัสโอทอป (OPC): 60100028
ผลิตภัณฑ์ (Product) แคนตาลูป
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
แคนตาลูป(OTOP)*

สินค้าสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์
ประเภทผลิตภัณฑ์ : อาหาร
ได้รับคัดเลือกเป็น OPC ปี : 2546

ระดับภาค :

สถานที่จำหน่าย
กลุ่มเกษตรกรปลูกแคนตาลูป
3/24 หมู่ 3 ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ 60130
ติดต่อ : นายสุกิจ ณรงค์ตะณุพล
โทร : 08-1887-0534 , 0-5624-7269
โทรสาร : 0-5624-7272

-------------------------------------------------------------------------------------------------













รหัสผลิตภัณฑ์ (Code): 140403-SA001
รหัสโอทอป (OPC): 14040009
ผลิตภัณฑ์ (Product) แตงแคนตาลูป (5 ดาว ปี 2552)

รายละเอียดผลิตภัณฑ์
แตงแคนตาลูป (รหัสโอทอป 140400094701)

สินค้าสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ 2552
ประเภทผลิตภัณฑ์ : อาหาร

สถานที่จำหน่าย
แตงแคนตาลูป
58 คลองปากกราน หมู่ 7 ตำบลสนามชัย อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13190
ติดต่อ : นายสุวิทย์ ไตรโชค
โทร : 08-1818-0233

หมายเหตุ
ภาพจากการคัดสรร OPC 2552 ระดับประเทศ

---------------------------------------------------------------------------------------------------


http://www.thaitambon.com/tambon/tsmepdesc.asp?Prod=0913119515&ID=140403&SME=09131185959


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 02/10/2011 7:00 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 5:48 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ชมชิม "เมล่อน" หลากสายพันธุ์จาก "สวนวาสนา"












แคนตาลูปและเมล่อน นับเป็นผลไม้เพียงไม่กี่ชนิดที่ตลาดมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง และมีราคาดี ผลผลิตที่มีคุณภาพและ
มาตรฐานไม่เพียงแต่จะถูกป้อนเข้าตลาดระดับบนอย่างห้างสรรพสินค้าชั้นนำเท่านั้น แต่ยังมีการผลิตเพื่อส่งออกอีกด้วย

"ท่องโลกเกษตร" จะพาไปชมสวนวาสนา อ.หนองแค จ.สระบุรี นับเป็นแหล่งผลิตแคนตาลูปและเมล่อนรายใหญ่อันดับต้นๆ
ของบ้านเรา ด้วยพื้นที่การผลิต 130 ไร่ กับปริมาณผลผลิตที่ส่งป้อนห้างสรรพสินค้าสัปดาห์ละ 3-5 ตัน มานานกว่า 6 ปี ภาย
ใต้ชื่อ “ฟาร์มเฟรช” (FARM FRESH) โดย ภานุวัฒน์ อรุณโรจน์ศิริ ผู้ดูแลสวนวาสนาและเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่นำความ
รู้เชิงวิทยาศาสตร์มาใช้ในการวางแผนการผลิต คัดเลือกสายพันธุ์ และปรับปรุงคุณภาพเมล่อนและแคนตาลูปของสวน
เปิดเผยเทคนิคการปลูกว่าระยะปลูกที่เหมาะสมคือ ระยะระหว่างต้น 40 ซม. ระยะระหว่างแถว 50-60 ซม. จะได้จำนวนต้น
ต่อไร่ประมาณ 3,000 ต้น

การไว้ผลจะเลือกไว้ผลในข้อที่ 9-11 และเลือกไว้ผลที่สมบูรณ์ที่สุดเพียงผลเดียว โดยให้ความสูงของต้นอยู่ที่ 20-25 ใบ
และจะทำการตัดแต่งใบวันเว้นวันจนต้นอายุได้ 50 วัน

ส่วนการให้ปุ๋ยจะให้ไปพร้อมระบบน้ำ โดยใช้ปุ๋ยสูตรสำเร็จ ที่ใช้เป็นหลักจะมีเพียง 2 สูตร คือ สูตร 13-13-13 จะใช้ตั้งแต่
เริ่มปลูกจนถึงเลือกไว้ผล เมื่อต้นอายุประมาณ 45 วัน จากนั้นก็จะเปลี่ยนมาใช้สูตร 12-6-18 ไปจนกระทั่งเก็บเกี่ยว ปริมาณ
การให้ปุ๋ยเฉลี่ย 1 กรัมต่อต้น นอกจากการให้ปุ๋ยทางระบบน้ำแล้วยังมีการให้ธาตุอาหารเสริม เช่น แคลเซียม-โบรอน แมกนี
เซียม สังกะสี เป็นต้น

"โรคเหี่ยวจากไวรัสนับเป็นโรคที่สร้างความเสียหายให้กับแหล่งปลูกแคนตาลูปในหลายพื้นที่ แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับสวนวาสนา
แม้จะมีการปลูกซ้ำที่มานานกว่า 8 ปี เนื่องจากมีระบบการจัดการและการเตรียมดินที่ดี มีการใช้ขี้เถ้าแกลบ โดโลไมท์ ร็อกฟอสเฟต
ในการปรับปรุงดิน และเมื่อพบการระบาดของโรค-แมลง ก็จะเลือกสารเคมีที่เหมาะสมและพ่นให้ตรงกับช่วงเวลาการระบาดมาก
ที่สุด ซึ่งจะมีการป้องกันด้วยการขึงซาแลนสีดำรอบสวนเป็นแนวรอบพื้นที่ปลูก"

เจ้าของสวนคนเดิมระบุอีกว่า สำหรับสายพันธุ์ที่นำมาปลูกนั้นก็ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้การปลูกประสบความสำเร็จ ซึ่งสวนวาสนาได้
มีการทดสอบสายพันธุ์เมล่อนและแคนตาลูปมากกว่า 30 สายพันธุ์ ทั้งสายพันธุ์ของไทย ไต้หวัน และญี่ปุ่น จนได้สายพันธุ์ที่เหมาะ
สมและตรงกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน 8 สายพันธุ์ คือ

กลุ่ม เมล่อน ได้แก่ ออเรนจ์เน็ต (เนื้อส้ม) กรีนเน็ต (เนื้อเขียว) ไซตามะเมล่อน

กลุ่มแคนตาลูป ได้แก่ ท็อปซัน (เนื้อส้ม) ท็อปสตาร์ (เนื้อเขียว)

กลุ่มแคนตาลูปสีทอง ได้แก่ ท็อปโกลด์ (เนื้อขาว) โกลเด้นท์ ซัน (เนื้อส้ม)

และซันไช่ แอปเปิ้ลเมล่อน ซึ่งเป็นพันธุ์จากไต้หวัน

โดยพันธุ์ที่มีความโดดเด่นที่สุดคือ “ไซตามะเมล่อน” ที่มีรูปทรงผลสวย ลายสวย รสชาติอร่อย ในญี่ปุ่นมีการซื้อขายผลสดกันในราคา
สูงถึงผลละ 3,000-4,000 บาท ในขณะที่ราคาจำหน่ายในห้างสยามพารากอนนั้น เพียง 270 บาท/กก. เท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่
ลูกค้าจะตอบรับเป็นอย่างดี


นอกจากนี้ ยังมีพันธุ์ใหม่ล่าสุดที่เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปี คือ เมล่อนเลมอน ที่เกิดจาการพัฒนาพันธุ์ร่วมกันของจีน ญี่ปุ่น และ
ไต้หวัน เป็นพันธุ์ที่มีความโดดเด่นมากในส่วนของเนื้อและรสชาติแปลกใหม่ หวานอมเปรี้ยว เป็นผลไม้สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ และเป็น
พันธุ์ที่น่าสนใจสำหรับการผลิตเพื่อส่งออกต่างประเทศ ซึ่งไม่นิยมผลไม้รสหวาน


ใครสนใจเรียนรู้เทคนิคการผลิตเมล่อน หรือต้องการเลือกซื้อผลผลิตสดจากสวน ในวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2552 นี้ สมาคมสื่อ
มวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย จะจัดกิจกรรมเกษตรทัศนศึกษา พาชมสวนเมล่อน (สวนวาสนา) สวนมะละกอฮอลแลนด์ และฟาร์ม
เห็ดเศรษฐกิจ ที่ จ.สระบุรี สำรองที่นั่งและสอบถามรายละเอียดได้ที่สมาคมฯ โทร.0-2940-5425-6, 08-6341-1713 ทุกวัน
ในเวลาราชการ




ทีมข่าวเกษตร
http://www.komchadluek.net/detail/20091018/33127/%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2.html






ใช้ที่ 130 ไร่ ปลูกเมล่อนในแปลงเปิด ใช้แบรนด์ ฟาร์มเฟรช เน้นตลาดบน

ในยุคที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตกหรือต้มยำกุ้งเมื่อปี 2539-2541 แม้แรงงานในภาคอุตสาหกรรมจะถูกเลิกจ้างมหาศาล แต่
ขณะเดียวกันในช่วงดังกล่าวมีการสร้างอาชีพใหม่ๆ ที่เป็นของตัวเองมีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน อย่าง ภานุวัฒน์ อรุณโรจน์ศิริ เกษตรกร
วัย 38 ปี เจ้าของ "วาสนาฟาร์ม" ที่ ต.หนองปลิง อ.หนองแค จ.สระบุรี เมื่อเขาถูกเลิกจ้างจึงกลับบ้าน สู่ภาคเกษตรทำสวนเมล่อน-
แคนตาลูป ป้อนห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ภายใต้เครื่องหมายการค้า


ภานุวัฒน์ บอกว่า ตอนเรียนหนังสือไม่ได้คิดว่าเข้าสู่วงการเกษตร เพราะจบด้านวิศวกร พอเรียนจบได้ทำงานในโรงงานมีเงิน
เดือนหลักหมื่น แต่ทำงานได้ไม่กี่ปี เจอพิษเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อปี 2540 ขนาดระดับวิศวกรต้องถูกเลิกจ้าง จึงกลับมาบ้านที่
อ.หนองแค เห็นว่ามีที่มรดกอยู่ 130 ไร่ เลยคิดว่าน่าจะมาทำการเกษตร จึงใช้เงินที่มีอยู่ และร่วมกับญาติๆกว่า 3 แสนบาท
เริ่มจากปลูกพืชผักไปก่อนส่งตลาดไท ระหว่างนั้นได้อ่านตำราด้านการเกษตร ฟังรายการทางวิทยุโทรทัศน์จึงสนใจเมล่อน
เพราะราคาดี ครั้งแรกลองปลูกก่อน 2 ไร่ พบปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะในเรื่องคุณภาพ และโรคศัตรูพืช

"ผมจบวิศวะมาจึงใช้หลักของวิศวะมาประยุกต์กับการเกษตร คือต้องมีการคำนวณตามหลักวิชาการ อาทิ ต้องใช้เหล็กขนาดไหน
จึงจะเหมาะกับงาน หากจะสร้างตึก ต้องดูว่าพื้นที่เป็นอย่างไร ควรใช้เสาเข็มขนาดไหน ทำการเกษตรก็เหมือน ต้องเริ่มที่ดิน
ก่อนว่ามีสารอาหารอะไร เมล่อน หรือแคนตาลูป ชอบธาตุอาหารประเภทไหน สภาพภูมิอากาศอย่างไร ผมจึงไปศึกษาดูงานทั้ง
ของเจี่ยไต ซึ่งใช้เทคโนโลยีสูง สร้างโรงเรือนปิด ไปดูที่สระแก้ว และที่อื่นๆ แล้วมาคิดว่าหากปลูกแบบโรงเรือนปิด ต้องใช้เงิน
มาก จึงเน้นในการปรับดิน และพัฒนาสายพันธุ์ที่เหมาะสม" ภานุวัฒน์ กล่าว

กว่า 3 ปีที่ภานุวัฒน์ อยู่การปรับสภาพดิน และทดลองปลูกเมล่อน-แคนตาลูป กว่า 30 สายพันธุ์จึงพบว่า พันธุ์ที่จะปลูกพื้นที่
หนองปลิงมี 9 สายพันธุ์ คือ เมล่อน... พันธุ์ออเรนจ์เน็ต เนื้อส้ม, กรีนเน็ต เนื้อเขียว, พันธุ์จากไต้หวัน ไซตามะเมล่อน พันธุ์จาก
ญี่ปุ่น และเมล่อนเลมอน เป็นเมล่อนที่พัฒนาพันธุ์ร่วมกันของจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน มีความโดดเด่นคือเนื้อและรสชาติแปลกใหม่
หวานอมเปรี้ยว ส่วนแคนตาลูปมีพันธุ์ท็อปซัน ผิวทองเนื้อส้ม, ท็อปสตาร์ เนื้อสีเขียว นอกจากนี้มีแคนตาลูปสีทอง พันธุ์ท็อปโกลด์
เนื้อสีขาว, โกลเด้นซัน เนื้อสีส้ม และซันไช่แอปเปิ้ลเมล่อน ซึ่งเป็นพันธุ์จากไต้หวันผลขนาดเล็ก

ปัจจุบันผลผลิตทั้งหมดตกอาทิตย์ละ 8-10 ตัน เน้นตลาดบนส่งขายบนห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ ห้างคาร์ฟูร์ ซูเปอร์มาร์เก็ต
และอีกส่วนหนึ่งขายที่ฟาร์มภายใต้แบรนด์ “ฟาร์มเฟรช” ขายในราคาของเมล่อนตก กก.ละ 79-120 บาท ยกเว้นพันธุ์ไซตามะ
เมล่อน ขาย กก.ละ 270 บาท ส่วนแคนตาลูปราคา กก.ละ 52-69 บาท แคนตาลูปสีทองราคา กก.ละ 69-79 บาท ยกเว้น
ซันไช่แอปเปิ้ลเมล่อน ราคา กก.ละ 200 บาท ในแต่ละเดือนจะมีเงินสะพัดเข้าสวนตกเดือนละ 6 แสนบาท ขณะที่ค่าใช้จ่าย
ก็อีกหลายแสนบาทเช่นกัน

"กว่าจะถึงวันนี้ได้ ผมต้องใช้ความอดทน คิดจะถอยหลายครั้งแล้ว ตอนนี้เริ่มเข้ารูปเข้ารอยแล้ว ขนาด

นักวิชการมาเห็นยังข้องใจว่า ผมปลูกเมล่อนในแปลงเปิดได้อย่างไรเป็นร้อยๆ ไร่

แต่ผมก็ไม่ประมาทนะ โดยเฉพาะเมื่อปลูกพืชอย่างเดียวครบ 8 ปี ต้องบำรุงสภาพดิน ด้วยการใช้ขี้เถ้าแกลบ โดโลไมท์ ร็อกฟอส
เฟต หากพบการระบาดของโรค-แมลงก็จะเลือกสารเคมีที่เหมาะสมและพ่นให้ตรงกับช่วงเวลาการระบาดมากที่สุด" เขา กล่าว

ก็เป็นเกษตรกรที่ประสบผลสำเร็จอีกคนหนึ่ง ซึ่งโครงการ "ท่องโลกเกษตร" กับโต๊ะข่าวเกษตร "คม ชัด ลึก" ระหว่างวันที่ 6-7
กุมภาพันธ์ จะแวะดูงานที่วาสนาฟาร์มด้วย

"ดลมนัส กาเจ"
http://www.nationmobi.com/2010/news_detailagriculture_komchadluek.php?item_id=47068


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 02/10/2011 9:20 pm, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 5:52 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

"ราชินีแห่งพืชตระกูลแตง"



เมล่อนเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในต่างประเทศ ในแถบทวีปแอฟริกา เป็นพืชที่อยู่ในตระกูล (Family) Cucurbitaceae ใช้รับ
ประทานผลสุกมีกลิ่นหอม รสหวาน เจริญได้ดีในสภาพร้อนแห้ง แสงแดดจัด ปัจจุบันมีการผลิตออกมาหลายสายพันธุ์ที่เจริญเติบโต
ได้ดี ในสภาพภูมิประเทศของประเทศไทยการผลิตเมล่อนที่มีคุณภาพสูง จำเป็นต้องมีการดูแลเอาใจใส่ในการเพาะปลูกและการจัด
การแปลงผลผลิต

เมล่อนที่พบเห็นโดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้หลายชนิดเช่นแคนตาลูป (Cantaloupe) เมล่อนตาข่าย (Net Melon)
เมล่อนผิวเรียบ (Honeydew) เป็นต้น


เมล่อนที่พบเห็นส่วนใหญ่สามารถจำแนกออกได้เป็น 5 ชนิด ดังนี้
• C. melon var.cantaloupensis เรียกว่า
Cantaloupe หรือ rock melon ขนาดผลค่อนข้างใหญ่น้ำหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม ขึ้นไปเปลือกผลหนาผิวขรุขระ มีร่อง
เป็นทางยาวโดยรอบจากขั้วถึงก้นผล เนื้อแตงแคนตาลูปส่วนใหญ่เป็นสีส้ม

• C. melon var. recticulatus เรียกว่า musk melon , netted melon, persian melon ขนาดผลเล็กกว่าแคนตาลูป
เปลือกของผลส่วนใหญ่เป็นตาข่ายสานกันเป็นนูนลายชัดเจน ผลมีลักษณะทรงกลมไม่มีร่องตามยาวเหมือนแคนตาลูป เนื้อมีลักษณะ
สีส้มและสีเขียว

• C. melon var.inodorus เรียกว่า winter melon ผิวผลเรียบไม่มีตาข่าย

• C. melon var.flexuosus เรียกว่า snak melon ซึ่งแตงไทยจัดอยู่ในกลุ่มนี้

• C. melon var. conomon เรียกว่า oriental pickling melon


เมล่อนสามารถเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะสมคือดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี เมล่อนเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำขัง
แต่ต้องการน้ำสม่ำเสมอสภาพความเป็นกรดเป็นด่างที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง pH 6.5–7 หรือสภาพดินเป็นกลาง สภาพอากาศที่
เหมาะสมคืออากาศอบอุ่น มีแสงแดดอย่างเพียงพอและความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ ในช่วงการเจริญเติบโตทางด้านลำต้นและใบ ส่วนใน
ระยะผลแก่จะต้องการน้ำน้อยลง

เมล่อนเป็นพืชที่ชอบอากาศค่อนข้างร้อน อุณหภูมิประมาณ 25–35 องศาเซลเซียส ในฤดูร้อน และการเจริญเติบโตของ
เถาจะช้าลงในฤดูหนาว


วิธีการเพาะปลูก
การเตรียมดินและแปลงปลูก |
การเพาะกล้าการเพาะกล้า และการย้ายกล้า |
การเด็ดแขนง |
การเตรียมค้างผูกเชือก และขึ้นยอด |
การตัดแต่งแขนงและไว้แขนงก่อนผสม |
การผสมเกสร |
การคัดเลือกผล |
การแขวนผล |
การพัฒนาของผลและการเก็บเกี่ยว |
การเก็บเกี่ยว |
โรคและแมลงที่สำคัญของเมล่อน |
แมลงที่สำคัญ


การเตรียมดินและแปลงปลูก
• ดินที่เหมาะกับการเจริญต้องประกอบด้วย แร่ธาตุอาหาร 45%สารอินทรีย์ 5% น้ำ 25% และอากาศ 25%

• ดินที่ปลูกควรเป็นดินที่มีค่าความเป็นกรด ด่าง (pH) ควรอยู่ระหว่าง 6.0-6.8 เนื่องจากแตง เมล่อนมีระบบรากแก้วอาจเจริญ
ในแนวดิ่งลึก 80-120 cm.รากแขนงจะเจริญในแนวนอนอยู่อย่างหนาแน่น ในระดับ 30 cm.จากผิวดิน

• การเตรียมดินควรไถดะหน้าเพื่อตากแดดฆ่าเชื้อโรคประมาณ 14 วัน(โดยปิดโรงเรือนให้มิดชิดพยายามไม่ให้มีอากาศภายในและ
ภายนอกมีการถ่ายเทอากาศ เพื่อเพิ่มอุณหภูมิในโรงเรือนให้สูงมากยิ่งขึ้น หากเป็นพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกติดต่อมาหลายครั้ง ควรฉีด
พ่นสารเคมีป้องกันแมลง เช่น คอมโบ)


โดยไถหน้าดินให้ลึกประมาณ 20-30 cm.ให้ใส่ปูนขาวเมื่อดินเป็นกรด ใส่ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอก พร้อมใส่ปุ๋ยรองพื้นสูตร15-15-15
อัตรา 50 กก./ไร่ แล้ว ไถแปร พรวนดินและยกแปลงปลูกสูง 30 cm.ระยะห่างระหว่างสันแปลง 1.5 เมตร (ก่อนคลุมแปลงให้
วางสายน้ำหยดก่อน โดยวางสายให้หัวน้ำหยดหงายอยู่ข้างบน) คลุมด้วยพลาสติก เพื่อป้องกัน วัชพืชและรักษาความชื้นของดิน
พลาสติกเจาะหลุมปลูกระยะห่างระหว่างต้น 45 X 60 cm


การเก็บรักษาและวิธีรับประทาน สถานที่จัดจำหน่าย
การเก็บรักษา |
วิธีรับประทาน |
สถานที่จัดจำหน่าย


มล่อนสามารถเก็บรักษาได้เป็นเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยมีปัจจัยที่ต้องควบคุมดังนี้
1. ไม่มีโรคหรือแมลง ปะปนมากับผล
2. ล้างทำความสะอาดโดยใช้สารฆ่าเชื้อเช่น คลอรีน
3. อุณหภูมิจัดเก็บประมาณ 5 องศาเซลเซียส
4. การจัดเก็บอยู่ในอุณหภูมิดังกล่าวโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ




http://www.chiataigroup.com/th/%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%A0%E0%B8%93%E0%B8%91/%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%9C%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3.aspx


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 02/10/2011 6:57 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 6:07 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

วิทยาการที่ก้าวหน้า จากฟาร์มที่ทันสมัยแห่งหนึ่งของมาเลเซีย




แคนตาลูบที่ปลูกในถุงใบเล็กๆ วางบนกระถางดิน



ภายในฟาร์มที่ีมีพลาสติดคลุมพื้นดินทั้งหมด



แคนตาลูปพันธ์สีเหลือง ปลูกในกระถาง




สังเกตุให้ดีจะไม่มีการปลูกพืชลงบนดินตรงนั้น ดินปลูกจะเตรียมมาจากที่อื่นที่มีการควบคุมอาหารของพืชในแต่ละชนิดดินใน
กระถางจึงมีธาตุอาหารพอเพียงในการปลูกตลอดอายุของต้นไม้ที่จะให้ผลผลิต ปัญหาวัชพืช ปัญหาจากแมลงต่างๆ จึงแทบ
ไม่มี วิธีการนี้น่าจะต่างกับที่บ้านเรากำลังหันมาปลูกพืชปลอดสารพิษในมุ้ง เพราะให้พืชผักดูดสารอาหารจากรางพีวีซี หรือโฟม
ที่เจาะรู ซึ่งไม่แน่ใจว่าสารอาหารนั้นเป็นพิษต่อร่างกายหรือไม่ เพราะไม่ต่างกับปุ๋ยน้ำ หรือพวกฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต
แต่ที่คาเมรอนยังใช้ดินที่ผสมปุ๋ย อาจเป็นปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยอินทรีย์ ที่ผ่านการฆ่าเชื้อและแมลงที่อยู่ในดิน วิธีการยังเป็นรูปแบบ
เดิม เพียงแต่เพื่มประสิทธิภาพของดินปลูก แต่บ้านเราเท่าที่ทราบส่วนใหญ่ให้ต้นไม้ดูดปุ๋ยน้ำโดยตรง ซึ่งปุ๋ยน้ำนี้มีอาจควบคุม
ปริมาณสารอาหารไว้ดีแล้ว แต่ขบวนการที่ผักดูดสารโดยตรงนี้ มั่นใจได้อย่างไรว่า สารเคมีต่างๆที่ผสมลงในน้ำปุ๋ยนั้น ได้้แปร
สภาพจนหมดแล้ว และไม่เป็นปัญหากับสุขภาพในภายหลัง...

บนเขาคาเมรอน หากนั่งรถมาตอนกลางคืนจะเห็นแต่ละฟาร์มเปิดไฟสว่าง คล้ายฟาร์มไก่ จนสว่างเป็นช่วงๆบนเขาแต่ละลูก
ไกด์บอกว่าเป็นการควบคุมอุณภูมิ และเร่งการเจริญเติบโต ซึ่งเชื่อว่าวิธีการนี้หลายคนคงไม่มีใครทราบมาก่อน ไก์ด์บอกว่าอา
กาศที่นี่หนาว หากไม่ควบคุมเรื่องอุณหภูมิที่พอเหมาะ จะทำให้การเจริญเติบโตชะงักงัน นอกจากนี้ก็ยังทำให้ต้นไม้เติบโตได้เร็ว
กว่าปกติด้วย สรุปง่ายๆว่าทั้งหมดนี้มีการค้นคว้าวิจัยมาเป็นอย่างดี .. ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาครับ ศูนย์วิจัยพืชเมืองหนาวของ
อังกฤษที่ตั้งมานานเกือบร้อยปี บนคาเมรอน ส่งผลให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งอาหารสำคัญของประเทศ ก็ขอเอาเกร็ดเล็กเกร็ด
น้อยจากการเดินทางมาเล่าสู่กันฟัง จะได้เห็นว่า เพื่อนบ้านเราที่อยู่ติดกันนี้ไปถึงไหนกันแล้ว

หากเที่ยวกันแบบอิสระก็อาจได้เห็นภาพแบบนี้บ้างฟาร์มเกษตรที่คาเมรอน ตามที่เคยบอกไว้แต่แรกว่ากระทำในรูปบริษัท เล็กบ้างใ
หญ่บ้าง จึงมีทุนรอนที่จะทำให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และจะเห็นว่าไม่มีจุดไหนเลยที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี ไม่วาจะเป็นฉีดยาฆ่า
แมลง หรือโรยปุ๋ยที่โคนต้นไม้ เพราะภาพที่เห็นมีการควบคุมทุกจุด แม้แต่ดินที่ปลูกในถุงหรือกระถาง ก็มีการคำนวนระยะเวลา
ควบคุมต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายไว้หมดแล้ว คล้ายกับ บริษัท CP ที่ควบคุมระยะเวลาเลี้ยงไก่ ต้นทุนอาหารไก่ วัคซีนป้องกันโรค
ต่างๆ ไว้หมด ครบ 45 วันก็โตเต็มที่และได้เวลาเชือด หากเลี้ยงเกินเวลามากกว่านี้ก็กินทุนไปเรื่อยๆ กำไรก็จะน้อยลง ถามว่าทำไม
ต้อง 45 วัน ก็เพราะเค้าคำนวนค่าใช้จ่ายไว้ไหมดแล้วว่าเหมาะสมที่สุด

ฟาร์มพิชผักในมาเลเซียก็คงใช้หลักบริหารจัดการในทำนองเดียวกัน

รู้ต้นทุนที่แน่นอน และควบคุมได้ มีตลาดที่แน่นอน และที่สำคัญสินค้ามีคุณภาพปลอดสารพิษ ตลาดสินค้าเหล่านี้
จึงเป็นตลาดระดับบน ราคาอาจสูงกว่าตลาดล่างแน่นอนแต่สำคัญมีคู่แข่งน้อยมาก จึงไม่มีปีญหาเรื่องราคาตกต่ำ


เหมือนกับประเทศไทยที่ประสบอยู่ในสินค้าการเกษตรทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นข้าว อ้อย มันสัมปะหลัง สัปปะรด ซึ่งเป็นปัญหาให้กับ
รัฐบาลทุกสมัย และเป็นแหล่งให้เกิดการทุจริตกันมากมาย แต่หากบ้านเรามีการพัฒนาไปในรูปของเอกชนการเกษตร ปัญหาก็
อาจเบาบางลง แต่ที่เห็นในบ้านเราขณะนี้ ธุรกิจด้านการเกษตรที่ได้มาตรฐานมีน้อยมาก เราให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรม
มากเกินไปจนภาคการเกษตรไม่เติบโตเท่าที่ควร ในที่สุดจิตวิญญานของความเป็นไทย ที่พูกพันธ์ภาคการเกษตรมานานต้องล่ม
สลาย



http://www.photoontour9.com/outbound/malay/malay03/farm.htm


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 02/10/2011 6:56 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 6:17 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เที่ยวสวนวาสนาเมล่อน





ตั้งอยู่ที่ตำบลละโสม อำเภอภาชี สวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรบรรยากาศร่มรื่น ผลิตและจำหน่ายแตงเมล่อน แคนตาลูป แตงไต้หวัน 8
สายพันธุ์ อาทิ พันธุ์ไซตามะ ฮานาบิ กรีนเนท ฯลฯ รสชาติหวานอร่อย ผลผลิตออกตลอดทั้งปี สามารถเลือกซื้อผลผลิตสดใหม่
ได้ถึงสวน เรีย นรู้วิถีชีวิตชาวสวนเมล่อน พร้อมขั้นตอนและเทคนิคการปลูกด้วยเทคโนโลยีร่วมสมัยและวิธีการคัดแยกผลสด
ก่อนออกสู่ท้องตลาด นอกจากนี้ยังมีลีลาวดีหลายสายพันธุ์ให้ได้ชมและเลือกซื้อ ทั้งพันธุ์ดั้งเดิมของไทยและไม้ลูกผสมจากต่าง
ประเทศ ซึ่งแบ่งเป็นพันธุ์ต่าง ๆ คือ ขา วพวง เหลืองกาญจนาภิเษก เหลืองสุพรรณ แดงอุดร แดงสยาม ฯลฯ

ภายในบริเวณสวนยังมีต้นตะโกโบราณอายุกว่า 200 ปี ต้นไม้หายากที่ขึ้นในพื้นที่ภาคกลาง ต้นหมัน ต้นไม้ประจำจังหวัดพระนคร
ศรีอยุธยา ชมรถโบราณสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และรถมอเตอร์ไซด์โบราณ





ติดต่อเข้าเยี่ยมชมสวนวาสนาเมล่อนได้ที่ โทร. 08 1994 8868, 08 1801 8845 E-mail: info@wasanafarm.com
เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 8.00-18.00 น.

การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายที่แยกบางปะอินเข้าสู่ถนนสายเอเซีย เลี้ยวขวาไปอำเภออุทัย เลี้ยว
ขวาเข้าถนนคลองเจ็ดขวา สวนวาสนาเมล่อนจะอยู่ด้านซ้ายมือ หรือจากกรุงเทพฯ ใช้เส้นถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายที่แยกหินกอง
เลี้ยวซ้ายแยกเข ้าตลาดหนองตาโล่ ตำบลคชสิทธิ์ ตรงเข้าถนนคลองเจ็ดขวา สวนวาสนาเมล่อนจะอยู่ด้านขวามือ


http://www.hotsia.com/phranakhonsiayutthaya/2030.shtml


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 02/10/2011 6:53 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 6:24 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวนแคนตาลูป จ.ลพบุรี



















































สนใจแวะมาชิมได้ค่ะที่ตลาดสี่มุมเมืองค่ะ



http://www.holidaythai.com/NoYoHo/blogs-5115.htm
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 6:46 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

SMT FARM แคนตาลูป และ เมล่อน อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์

กัญจน์ ณรงค์ตะณุพล











https://picasaweb.google.com/113196528813689876250/SMTFARM?gsessionid=8ZxeQqj7dIqmybzN7tPDrw#5500267391390372674
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 6:51 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คนปลูกแคนตาลูป





แคนตาลูป (เมล่อน) เป็นผลไม่ที่มีรสหวาน กลิ่นหอม เติบโตได้ดีในสภาพร้อน แสงแดดจัด การปลูกแคนตาลูปสภาพดิน
ที่เหมาะสมคือ ดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี การปลูกจะเป็นการปลุกแบบขึ้นค้าง เพราะแคนตาลูปเป็นไม้เลื้อย การทำ
ค้างทำโดยแบบกระโจมสามเหลี่ยมแล้วผูกลำไม้ที่ทำค้าง ทำเป็น 2 ชั้น ราวชั้นแรกทำเพื่อแขวนผล ส่วนราวชั้นที่สอง ทำ
เพื่อพยุงส่วนยอด

คุณบุญชอบ อิ่มเชื้ออยู่ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/2 ม.1 ต.พักทัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี มีพื้นที่ทำการเกษตร 60 ไร่
เศษ ทำไร่แคนตาลูปมากว่า 7 ปี โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่นา มาทำไร่แคนตาลูป เนื่องจากช่วงนั้นราคาข้าวตกต่ำมาก เลยมี
ความคิดที่จะปลูกแคนตาลูปแทน และเห็นว่าการแข่งขันด้านการตลาดของแคนตาลูปยังมีน้อยอยู่ ประกอบกับได้
มีโอกาสได้รู้จักกับคุณสุวิทย์ ไตรโชค ซึ่งเป็นเจ้าของไร่แคนตาลูป จ.พระนครศรีอยุธยา และได้ศึกษาทดลองนำมาปลูก
ซึ่งในระยะแรกๆ พบปัญหามากพอสมควรไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อโรค เพลี้ยแป้ง แมลงต่างๆ แต่ด้วยได้อาศัยประสบการณ์แก้
ไขเรื่อยๆทำให้สามารถแก้ปัญหาไปได้บ้างในเบื้องต้น



คุณบุญชอบ กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในแปลงปลูกแคนตาลูปไปเรื่อยๆ โดยวิธีหนึ่งก็คือการ
เพาะต้นกล้าเอง ซึ่งเมล็ดของแคนตาลูปจะราคา 2-8 บาท แล้วแต่ละสายพันธุ์โดยแต่ละเดือนคุณบุญชอบ จะต้องปลูกต้น
กล้าเดือนละ 3 หมื่นต้น กล่าวว่าการดูแลต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยปกติจะใช้คนงานในการดูแลอยู่ 15 คน หลักคือแต่ละต้น
เมื่อแคนตาลูปออกผลผลิตออกมาแล้วนั้น จะเหลือไว้เพียงต้นละ 1 เพื่อคัดให้ได้แคนตาลูปที่มีคุณภาพดีที่สุด พันธุ์ที่อร่อย
และได้รับความนิยมมา คือร็อคกี้ส้ม ราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 80 บาท ลูกหนึ่งจะได้น้ำหนักเฉลี่ยลูกละ 1.5 กิโลกรัม
ซึ่งแต่ละเดือน จะเก็บผลผลิตได้ประมาณ 20 ตันเฉลี่ยรายได้ก็จะอยู่ที่ตันละประมาณ 2 หมื่นบาท


พันธุ์แคนตาลูป ที่ปลูก คือ
1. ซันเลดี้ ปลูกไม่ได้ในฤดูหนาว
2. หวานสีทอง (นัมเบอร์วัน) ผิวสีเหลืองสวยงาม น้ำหนักผล 2-2.5 กิโลกรัมอายุเก็บเกี่ยว 70-75 วัน หลังจากย้ายลงแปลงปลูก
3. ร็อคกี้
4. เพอส้ม
5. ฮันนี่บอล


ตลาด/แหล่งจำหน่าย
ส่วนในด้านการตลาดจะนำไปขายส่งให้การบินไทย และห้างสรรพสินค้าทุกห้างในตัวเมืองสิงห์บุรีและตลาดไท

การปลูกแคนตาลูปแต่ละพันธุ์ ต้องขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ สภาพอากาศ เพราะสภาพดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อการออกผลผลิต
ในแต่ละช่วงได้

แหล่งอ้างอิงข้อมูล :
ชื่อ - นามสกุล : คุณบุญชอบ อิ่มเชื้ออยู่ อายุ : 32 ปี
ที่อยู่ : 52/2 หมู่ที่1 ตำบลพักทัน อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี


http://www.vijai.rmutl.ac.th/kaewpanya/index.php?option=com_content&view=article&id=3475:2010-12-03-04-34-13&catid=195:02-&Itemid=98
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 7:29 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเมล่อน จาก SMT FARM



พุดดิ้งเมล่อนนมสด




พุดดิ้งเมล่อนนมสด




สาคูเมล่อนนมสด




สาคูเมล่อนนมสด




น้ำเมล่อนปั่น




เมล่อนตัดแต่ง




เมล่อนตัดแต่ง



SMT FARM แคนตาลูป และ เมล่อน ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์
สอบถามรายละเอียดได้ที่สมาคมฯ โทร.0-2940-5425-6, 08-6341-1713 ทุกวันในเวลาราชการ

http://smtfarm.blogspot.com/2010/07/smt-farm_2475.html


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 03/10/2011 5:53 am, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 7:49 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)





สิ่งที่ต้องเตรียม
เค้กเนยสดหั่นเป็นชิ้นขนาดตามต้องการ ............ 1 ...... แถว
สาคูเม็ดเล็กต้มสุก ................................. 100 .... กรัม
เนื้อแคนตาลูปคว้านเป็นลูกกลม .................... 5 ....... ลูก
กาแฟสำเร็จรูปและน้ำร้อน อย่างละ .............. 1 1/2 ... ช้อนโต๊ะ
กะทิ ................................................. 1 ...... ถ้วยตวง
นมข้นจืด ........................................... 1/2 ..... ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย ....................................... 100 ..... กรัม
เกลือป่น ........................................... 1/8 ...... ช้อนชา

น้ำแข็งบดละเอียด
แคนตาลูปคว้านเอาเนื้อออกและแกะสลักให้สวยงาม
เตรียมไว้สำหรับเป็นภาชนะ


วิธีทำ
- ละลายกาแฟสำเร็จรูป น้ำร้อน คนผสมจนเข้ากัน พักไว้
- ผสมกะทิกับนมข้นจืด น้ำตาลทรายและเกลือป่นในภาชนะ ตั้งไฟต้ม เติมส่วนผสมกาแฟที่พักไว้ คนผสมจนเข้ากันดี
จึงยกลง พักไว้จนเย็นสนิท เติมสาคูและเนื้อแคนตาลูปลงในส่วนผสมน้ำเชื่อมกาแฟ คนผสมจนเข้ากันดี ตักใส่ผล
แคนตาลูปที่เตรียมไว้ (สำหรับ 1 ที่) เติมน้ำแข็งบดละเอียดแล้วรับประทานคู่กับเค้กเนยสด


http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/4-5/no04-29/drinkmanu.html


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 02/10/2011 7:59 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 7:55 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เยลลี่เมล่อนญี่ปุ่น ... หอม หวาน ชื่นใจ


อากาศร้อนๆ แบบนี้ ทำเยลลี่กินดีก่า หวานๆ เย็นๆ จาได้สดชื่น... เยลลี่นี้สำหรับคนเลิฟเมล่อนญี่ปุ่นมั๊กๆ หน้าตาก้อดี๊ ดี อร่อยด้วยล่ะ ...
เด็กๆ ก้อน่าจะชอบกินนะคะ


ส่วนผสม
1. ผงเจลาติน (อ้อมใช้แบบไม่มีสี ไม่มีกลิ่นค่ะ) 45 กรัม
2. น้ำตาลทราย 400 กรัม
3. น้ำเปล่า 1,000 กรัม (จริงๆ อ้อมไม่ได้ตวงหรอกค่ะ กะๆ เอา)
4. กรดซิตริก 1/4 ชช.
5. เมล่อนญี่ปุ่น 1 ลูก (อ้อมชอบแบบงอมๆ หน่อยอ่ะคะ มันจา ห๊อม หอม)
6. กลิ่นแคนตาลูป 1/2 ชช
7. สีผสมอาหาร - สีเขียวแอบเปิ้ล 1/2 ชช

วิธีทำ
1. เตรียมเมล่อนก่อนค่ะ ผ่าครึ่งแล้วใช้ช้อนสำหรับตักแตงโมให้เป็นลูกๆ เล็กๆ อ่ะคะ ตักเมล่อนให้เป็นลูกกลมสวย (แต่ของอ้อม
ไม่ค่อยกลมอ่ะ ...

ว้า... ยากจัง.. แล้วให้เหลือเนื้อที่ขอบไว้ประมาณ 1 cm นะคะ




2. นำน้ำตั้งไฟ พอร้อนก้อใส่ผงเยลลี่ น้ำตาลทราย และกรดซิตริก คนให้เข้ากันจนละลายดีแล้ว ยกลงจากเตาค่ะ ถ้ามีฟองก้อ
ตักฟองออกด้วยนะคะ
3. หยดสีเขียว + กลิ่นแคนตาลูป ลงในส่วนผสมเยลลี่ อ้อมแอบใส่น้ำเมล่อนที่ได้จากการตักเนื้อลงไปด้วยล่ะ ... เสียดายอ่ะ...
4. ตักลูกเมล่อนใส่ใน พิมพ์เมล่อน แล้วตักเยลลี่ใส่ตามลงไปให้ถึงขอบ พอสวยอ่ะคะ




5. แช่เย็นจนเยลลี่แข็งตัว แล้วค่อยตัดเป็นชิ้นๆ ค่ะ ... น่ากินมั๊กๆๆ ..






http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aomzie&month=21-03-2009&group=2&gblog=11
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 9:27 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แคนตาลูป ในกระถาง





ดิน :
รองพื้นกระถางด้วยใบไม้แห้ง เถาแตงหรือซากวัชพืชย่อยสลายง่าย หลีกเลี่ยงใบมะม่วง (ปลูกกันจนจบยังไม่ผุพัง) เติมด้วยดิน
ผสมปุ๋ยคอก ส่วนผสม 9:1 แล้วเติมใบไม้แห้งตามด้วยดินส่วนผสมดังกล่าวอีกชั้นหนึ่ง โดยให้ได้ปริมาณ 90% ของกระถาง รด
น้ำต่อเนื่อง 1 อาทิตย์ สุดท้ายตามด้วยน้ำปูน เนื่องจากปูนขาวอาจหาได้ยากสามารถใช้ปูนแดงกินหมากแทนได้ โดยใช้
ปูนแดงกินหมาก 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 ถังรดให้ชุ่มดิน ปุ๋ยคอก ใบไม้หรือเครื่องปลูกทุกชนิดต้องผ่านการตากแดดให้แห้งเสมอ





กระถาง :
ที่ใช้อยู่หน้ากว้าง 10 นิ้ว หรือ 11 นิ้ว หรือ 12 นิ้ว สำหรับ 10 นิ้ว รู้สึกได้ว่าเล็กไปหน่อย แต่ก็ได้ผลใหญ่ใกล้เคียงกัน ก้นกระถาง
ต้องหนุนด้วยเบี้ย 3 ตัว รูกระถางจะต้องระบายน้ำและอากาศได้ดี


การปลูก :
นำเมล็ดพันธุ์ห่อผ้าชุ่มน้ำพักไว้ 3-4 วัน แก้ดูถ้าเห็นปลายแหลมของเมล็ดแตกและมีรากโผล่มา ให้นำเมล็ดไปเรียงในกระถางดิน
ที่เตรียมไว้ให้ห่างกัน 1 ถึง 2 นิ้ว แล้วโรยทับด้วยดินร่วน ดินในกระถางต้องระบายน้ำได้ดี รดน้ำแล้วไม่อุ้มน้ำมาก เมล็ดแตงถ้าฉ่ำ
น้ำจะเน่าเสียง่ายมาก พอต้นโผล่พ้นดินก็ให้น้ำได้เต็มที่ เมื่อต้นกล้ามีใบจริงใบแรกและเริ่มมีใบที่สอง ก็ย้ายลงกระถางได้เลย
ก่อนย้ายกล้าลงกระถางควรให้ต้นกล้าขาดน้ำ พอย้ายลงกระถางแล้วให้รดน้ำทันที ต้นกล้าจะดูดน้ำฟื้นตัวไม่เฉา ถ้าต้นกล้าฉ่ำ
น้ำก่อนย้ายลงกระถางต้นกล้าจะอ่อนแอ พอย้ายแล้วมักจะตาย การย้ายกล้าควรย้ายในตอนเย็น


ระหว่างเติบโต :
หลังจากย้ายต้นกล้าลงกระถางได้ 3-4 วัน ให้ปุ๋ยยูเรีย 1 ช้อนโต๊ะละลายน้ำ 1 ถัง ให้รดตอนเช้าในขณะที่กระถางยังชื้นจากการ
รดน้ำตอนเย็น หลังจากมีใบจริง 4-5 ใบ แล้วให้ปุ๋ยยูเรียผสมปุ๋ยเร่งดอกผล โดยใช้ปุ๋ยส่วนผสมนี้ 1 ช้อนชาฝังขอบๆกระถาง
2 ข้าง พอติดผลเท่าผลมะนาวแล้วให้ใช้ปุ๋ยยูเรียและปุ๋ยเร่งดอกผลผสมกัน 1:1 จำนวนหนึ่งช้อนชาโรยขอบกระถาง โรย
อาหารกระต่ายอัดเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ แล้วโรยปิดบนด้วยดินผสมปุ๋ยคอกเนื่องจากดินในกระถางขาดแร่ธาตุหลายอย่าง และไม่สา
มารถวิเคราห์ได้ ในอาหารกระต่ายมีส่วนผสมสารอาหารและแร่ธาตุหลายอย่าง และเมื่อรับน้ำแล้วอาหารเม็ดจะฟูพองใหญ่ขึ้น
เป็น 10 เท่า เมื่อแยกทดลองดู 2 รอบแล้ว ปรากฏว่าที่ใส่อาหารกระต่ายลูกจะโตกว่ามาก เนื้อหนาไส้ตันทุกลูก ส่วนที่ไม่ใส่
อาหารกระต่ายลูกจะเล็กและไส้จะกลวง แต่เนื่องจากอาหารเม็ดนี้ยังไม่ผ่านการย่อยสลายจึงอาจเกิดราสีน้ำตาลที่ผิวดินบ้าง
แต่เพียงไม่กี่วันราก็จะสลายไปพร้อมกับผลแตงที่พองโตอย่างรวดเร็วพอผลแตงเริ่มแตกลายให้ใส่ปุ๋ย อาหารกระต่ายและดิน
ผสมปุ๋ยคอกอีกรอบในช่วงนี้ผลแตงจะขยายตัวขึ้นอีกระยะหนึ่ง และน้ำหนักจะเพิ่มเนื้อจะหนาจนเหลือไส้เล็กๆ








การดูแลผล :
เมื่อต้นมีใบ 5-6 ใบ ก็จะเริ่มมีดอกตัวผู้ ตามด้วยแขนงดอกตัวเมียออกมาตามซอกใบ ให้ไว้ผลตัวเมียระหว่างข้อใบที่ 8-15
สัก 2-3 ผล (ข้อใบนับจากโคนต้นขึ้นมา) ส่วนแขนงอื่นให้ตัดทิ้งให้หมด (ดอกตัวผู้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวด้วย) พอผลโตเท่าลูกมะนาว
ให้ตัดเหลือผลที่ลักษณะดี ไม่บิดเบี้ยวไว้เพียงผลเดียว (ยกเว้นสายพันธุ์เล็กที่อาจเก็บไว้ได้ 2-3 ผล) ขณะที่ดอกตัวเมียบาน
และเริ่มติดผล กระทั่งโตเท่าผลส้มในช่วงนี้ต้องคอยระวังอย่าให้ผลไปเบียด เสียดสีกับหลัก ต้น หรือใบ เพราะบางพันธุ์ค่อนข้าง
จะถือตัว มันจะแป้ว เบี้ยว หรือผิวจะด่างเสียหายได้ เมื่อผลโตกว่าลูกมะนาวแล้ว ต้องใช้เชือกแขวนผลไว้กับค้าง เพราะแต่ละวัน
มันจะโตและหนักเป็นเท่าตัว ต้นจะรับน้ำหนักผลไม่ไหว ถ้าเป็นแคนตาลูปหลังติดผล 30-35 วัน ส่วนเมล่อน 45-55 วัน (ถ้าฝน
ตกมากเวลาสุกจะยืดออกไปมากเป็น 10-20 วัน) ได้เวลาลูกจะเปลี่ยนสีหรือขึ้นลายนูนชัดเจนขึ้น ใบจะขรุขระแข็งและกรอบใบ
หรือขอบใบล่างๆจะแห้งบ้าง จุกของผลจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองจางๆ แคนตาลูปจะได้กลิ่นหอมขั้วจุกอาจปริและ
หลุดร่วงได้ ส่วนเมล่อนโดยมากจะเก็บกลิ่น (ผ่าแล้วจึงได้กลิ่น) พอถึงระยะนี้แล้วอย่าเพิ่งเก็บผล มิฉะนั้นจะมีบางต้นที่ยัง
ไม่เข้าที่ ให้รดด้วยปุ๋ยเร่งดอกผลหรือโปรแตสเซียมในอัตรา 2 ช้อนโต๊ะต่อถัง ต่อจากนั้นให้น้ำแค่ประคองไม่ให้ต้นเฉาหลัง
ให้ปุ๋ยและลดน้ำ 6-7 วัน วันสุดท้ายไม่ต้องให้น้ำ ตกเย็นใบเฉาให้ตัดผลในตอนเย็น ผึ่งไว้ 3-7 วัน เนื้อจะฉ่ำ








ข้อควรระวัง :
แตงไม่เหมือนผลไม้อย่าบ่ม ปิด หรืออบในที่อุณหภูมิสูง อุณหภูมิ 4°-28° แตงจะพัฒนาสุกได้ดี แต่ถ้าเก็บ
ในที่ร้อน ไส้แตงจะบูดและเน่าเสียได้ เมื่อฉ่ำได้ทีแล้วสามารถเก็บรักษาในตู้เย็นชั้นล่างได้นาน โดยเฉพาะถ้าห่อกระดาษ เช่น
กระดาษหนังสือพิมพ์ก็ได้ จะรักษาความชื้นและเก็บได้นาน ห้ามใส่ถุงพลาสติก เพราะจะทำให้ชื้นแฉะและเน่าเร็ว





การให้น้ำ :
ปลูกในกระถางน้ำจะแห้งเร็ว ต้องให้น้ำด้วยฝักบัวเช้าเย็น ตอนเย็นใบจะตกเล็กน้อย พอรดน้ำแล้วจะงามเข้าที่ควรรดน้ำตอนเย็น
แค่ชื้นๆ แต่ตอนเช้าต้องให้ฉ่ำทั้งกระถาง ถ้าให้น้ำขาดตอน เช่นตอนเช้าไม่ได้รด ตอนเย็นให้โรยน้ำที่ต้นและใบ ส่วนโคนต้น
แค่ชื้นเล็กน้อย ถ้าเห็นว่าแห้งมากแล้วไปให้น้ำเต็มที่จะทำให้ผลปริแตกและเสียไปเลยกระถางใดรดน้ำตอนเช้าพอตอนเย็นแห้ง
จนเหลือแค่ไอชื้นข้างใน รากจะลงลึกถึงก้นกระถาง ใบจะหนาเขียวเข้ม ผลจะใหญ่สมบูรณ์ ในทางกลับกันกระถางใดรดน้ำตอน
เช้าแล้ว ตอนเย็นในกระถางยังฉ่ำอยู่ แสดงว่าเครื่องปลูกไม่โปร่งพอ รากลงได้แค่ครึ่งกระถางใบจะซีดบาง ผลไม่โต บางต้นราก
ส่งน้ำไม่พอก็เฉาตายทั้งๆที่ไม่ขาดน้ำ





เพิ่มเติม :
ระยะที่แตงเริ่มติดผล ให้ตัดใบล่างๆออก 4-5 ใบ ใบล่างๆนี้จะเกะกะ เสียหายง่ายและเน่าโรยเร็ว ใบไม่มีขั้วใบให้หลุดได้ พอต้น
แก่ใบล่างจะหักโรยเน่าได้ง่าย ต้นแก่แผลเน่าจากก้านใบมีปัญหา บางครั้งเน่าลามเข้าไปในต้นได้พอต้นสูงยาวจนอยู่ตัวแล้ว ให้
ตัดยอดทิ้ง โดยนับใบให้เหลือ 18-20 ใบ (ถ้าปลูกในโดม รับแสงน้อย คายน้ำน้อย แนะนำให้เหลือ 22-25 ใบ)บางครั้งถ้าขาด
ดินสำรอง ถ้าซื้อดินถุงมาต้องตากให้แห้งก่อนเติม เคยฝนตกมากดินพร่องไปมาก ซื้อดินมาเติมทันที ปรากฏว่าหนึ่งอาทิตย์ให้
หลัง จำนวนเกือบครึ่งที่เติมดิน รากติดเชื้อ ต้นและใบเหลืองเฉา ลูกที่ใกล้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวต้องทิ้งหมดช่วงที่ดอกตัวเมียเริ่มบาน
ถ้ามีผึ้งมาตอมมากจะผสมเกสรได้ดี แต่ถ้าไม่มีแมลงเลย ต้องนำดอกตัวผู้มาฉีกกระเปาะโคนกลีบดอกจะเห็นกลุ่มเกสรสี
เหลือง ให้นำดอกตัวผู้ละเลงที่เกสรตัวเมียขณะที่ดอกตัวเมียกำลังบาน อาจมีนกกระจอกยกพวกมาจิกฉีกกลีบดอกออก แล้ว
จิกกินแค่ยอดเกสรตัวเมีย ถ้ามันเริ่มมาแล้วจะมาทุกวันจนไม่มีดอกตัวเมียที่สมบูรณ์เหลืออยู่ และไม่สามารถมานั่งเฝ้าและไล่
มันทั้งวันได้ ให้สังเกตในตอนเย็นว่าดอกตัวเมียใดกลีบดอกเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองแล้ว วันรุ่งขึ้นดอกนั้นจะบาน ให้นำ
แผ่นถุงพลาสติกที่ตัดได้ขนาด 3 นิ้ว คูณ 3 นิ้ว มาจับจีบแม็กล้อมดอกไว้ให้ปลายเป็นปากแตร พอตอนเช้าดอกบานและผสม
เกสรแล้ว ตอนเย็นหรือวันรุ่งขึ้นก็เอาที่ล้อมไว้ออกได้ ดอกบานข้ามวันมันจะไม่จิกกินยังมีการเพิ่มปุ๋ยน้ำชีวภาพจากเศษพืชผัก-
ผลไม้ แต่ใช้น้อยมาก ผสมน้ำจางๆ 4-5 วัน รดครั้งหนึ่ง ทั้งหมดดังกล่าวคือขั้นตอนที่ทำได้ผลพอดีพอควร เกิดจากการลอง
ผิดลองถูกจนได้ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น เนื่องจากไม่มีพื้นฐานทางการเกษตร และอาจผิดหลักทางวิชาการ ควรต้องแก้ไขปรับปรุง
อีกมาก ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจากสวนแตงท่าพระคำถามหรือคำแนะนำ



หากท่านใดมีข้อชี้แนะ, คำแนะนำหรือ ติชม ขอเชิญที่email: rooffarm@gmail.com

http://rooffarm.exteen.com/page/2
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 9:46 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สหรัฐฯสั่งเฝ้าระวัง เชื้อโรค "ลิสเทอเรีย" ในแคนตาลูป






เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ เปิดเผยว่า พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย จากเชื้อแบคทีเรียลิสเตอเรีย ที่ปนเปื้อนในแคนตาลูป
ที่รัฐโคดลราโด ทำให้มีผู้ติดเชื้อ 72 คน

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (ซีดีซี) เปิดเผยวานนี้ (27 ก.ย.) ว่าพบผู้ติดเชื้อแล้ว 72 ราย และเสียชีวิตอีก 13 ราย ที่เกี่ยว
ข้องกับการปนเปื้อนของเชื้อโรค ซึ่งรวมถึงรายงานการยืนยันผู้เสียชีวิตล่าสุดในรัฐแคนซัส มิสซูรี เนบราสก้า และเท็กซัส ซึ่งมาก
กว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้อโรคซัลโมเนลลาที่ระบาดในถั่วเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 9 ราย และล้มป่วยกว่า 700 คน

ซีดีซีแจ้งว่าจนถึงขณะนี้ได้รับรายงานที่ยืนยันได้ว่า มีผู้เสียชีวิต 2 รายในรัฐเท็กซัส อย่างละ 1 รายในรัฐแคนซัส มิสซูรี และเนบราสก้า
โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนซีดีซีรายงานว่าพบผู้เสียชีวิต 2 รายในรัฐโคโลราโด, 4 รายในรัฐนิว เม็กซิโก, 1 รายในรัฐโอกลาโฮมา
และอีก 1 รายในรัฐแมรีแลนด์

เชื้อลิสเตอเรียเป็นเชื้อโรคสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงกว่าเชื้อซัลโมเนลลา และอีโคไล แม้ว่าเชื้อโรคทั้งสองจะก่อให้เกิดอาการเจ็บ
ป่วยมากกว่าก็ตาม โดยเริ่มพบตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคมเป็นต้นมา

ด้านสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (เอฟดีเอ) ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆเพิ่มเติมว่าเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคได้อย่างไร
โดยแจ้งว่าพบเชื้อลิสเตอเรีย โมโนไซโตจีเนสในตัวอย่างแคนตาลูปยี่ห้อ"ร็อกกี้ ฟอร์ด จากฟาร์มเจนเซนในเมืองเดนเวอร์
ที่ออกจากฟาร์มตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. ถึงวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางฟาร์มเผยว่าได้เรียกคืนแคนตาลูปร็อกกี้ฟอร์ด เมื่อวันที่ 14
กันยายน

เชื้อลิสเตอเรียเป็นเชื้อโรคที่สามารถเติบโตได้ดีในอุณหภูมิห้องและแม้แต่อุณหภูมิของตู้เย็น โดยเอฟดีเอและซีดีซีแนะนำให้
ประชาชนที่ซื้อแคนตาลูปดังกล่าวไว้ ให้ทิ้งโดยทันที และทำความสะอาดพื้นผิวและสิ่งของที่เคยถูกแคนตาลูปชนิดนี้สัมผัส เนื่อง
จากแบคทีเรียลิสเทอเรียมักเกาะอยู่บนผิวผลิตภัณฑ์ต่างๆได้ง่าย




ดีซีระบุว่า แบคทีเรียลิสเตอเรียเจริญเติบโตได้ดีในที่อุณหภูมิต่ำ มักระบาดในเนื้อแช่เย็นพร้อมรับประทาน ชีสไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์
และอาหารทะเลรมควันแช่เย็น เชื้อนี้เป็นอันตรายมากสำหรับผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ โดยอาการของ
ผู้ติดเชื้อคือเป็นไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ส่งผลต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ และถ้าการติดเชื้อลุกลามไปยังระบบประสาท ก็จะมีอาการ
ปวดหัว คอแข็ง มึนงง สูญเสียการทรงตัว ตัวสั่น หรืออาจเกิดชักได้ในผู้ป่วยบางราย



ขอบคุณสำหรับข้อมูลและข่าวสาร ความรู้รอบตัวที่ร่วมสร้างสรรค์สังคม และการศึกษาไทย จาก มติชนออนไลน์

29 กันยายน 2554 12:55 น

http://blog.eduzones.com/jipatar/84490


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 03/10/2011 5:43 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2011 9:52 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อย. เผยแคนตาลูปปนเปื้อน “ลิสเทอเรีย” จากสหรัฐ ไม่มีการนำเข้าในไทย

อย.เผย แคนตาลูปปนเปื้อน “ลิสเทอเรีย โมโนไซโตจีเนส” ที่อย.สหรัฐอเมริกา เรียกคืนจากฟาร์มในรัฐโคโลราโดในส่วน
ของประเทศไทยไม่มีการนำเข้าแคนตาลูปจากประเทศดังกล่าว ผู้บริโภค ไม่ต้องกังวล ทั้งนี้ด่านอาหารและยามีการตรวจ
เข้มก่อนนำเข้าเป็นอย่างดี เพื่อความปลอดภัยก่อนบริโภคควรล้างให้สะอาดทุกครั้ง นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรม
การอาหารและยา เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวประเทศสหรัฐอเมริกาเรียกคืนแคนตาลูปจากฟาร์มใน
รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา หลังจากพบว่าแคนตาลูปดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของเชื้อจุลินทรีย์ ลิสเทอเรีย
โมโนไซโตจีเนส (Listeria monocytogenes) ที่เป็นต้นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 13 รายในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกานั้น
จากการตรวจสอบของสำนักด่านอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่าประเทศไทยไม่มีการนำ
เข้าแคนตาลูปจากสหรัฐอเมริกา แต่มีการนำเข้าแคนตาลูปและ เมลอน (Malon) จากประเทศจีน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และ
อิตาลี ส่วนผลไม้สดจากสหรัฐอเมริกาที่นำเข้ามาในประเทศไทย

ได้แก่ องุ่น สตอเบอร์รี่ แอปเปิ้ล พีช พลัม ลูกท้อ ดังนั้น ผู้บริโภคจึงไม่ต้องกังวลกับแคนตาลูปที่พบการปนเปื้อนดังกล่าว
ที่สำคัญด่านอาหารและยาได้มีมาตรการในการตรวจสอบผักผลไม้อย่างเข้มงวด และสุ่มตรวจเพื่อหาสารปนเปื้อนอย่างต่อเนื่อง
หากพบว่าไม่ได้มาตรฐานหรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค จะไม่อนุญาตให้มีการนำเข้ามาภายในประเทศอย่างเด็ดขาด
ขอให้ผู้บริโภคอย่าตื่นตระหนกกับการแพร่ระบาดของเชื้อ ลิสเทอเรีย โมโนไซโตจีเนส อย.จะติดตามสถานการณ์พร้อมเฝ้า
ระวังอย่างใกล้ชิด และแจ้งให้ผู้บริโภคทราบเพื่อความปลอดภัยและปลอดจากเชื้อโรคอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ก่อนรับประทาน
ผักและผลไม้เพื่อความปลอดภัยควรล้างให้สะอาดทุกครั้ง




http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=85971:2011-09-29-14-42-38&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 03/10/2011 5:57 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

พลิกผืนนาข้าวปลูก "แคนตาลูป" ระบบน้ำหยด-รายได้ดีที่บางระจัน


ปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำต่อเนื่องหลายฤดูกาล ทั้งยังส่งให้เกิดภาระหนี้สินชนิดจำเจซ้ำซาก อนาคตเหมือนจะไม่ได้เจอกับสภาวะ
ปลอดหนี้ เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกษตรกรผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติหลายครัวเรือน แห่ง ต.พักทัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี
นำโดยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บุญชอบ อิ่มเชื้ออยู่ วัย 40 ปีเศษ รวมทั้งเพื่อนเกษตรกรรายอื่นๆ ได้พลิกผืนนาที่อดีตล้วนแล้วแต่
ยึดทำนาข้าวมาตั้งแต่บรรพบุรุษ หันมาปลูก "แคนตาลูป" ผลไม้ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะไม้ผลชนิดนี้ได้สร้างชีวิตใหม่
สร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี





ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบุญชอบ แห่งหมู่ 1 ต.พักทัน ย้อนอดีตให้ฟังว่า ตนเองได้พลิกผืนนาข้าวที่มีอยู่กว่า 7 ไร่ ซึ่งก่อนนั้นเป็นแปลงนา
ที่ปลูกข้าวมาหลายชั่วอายุคน ได้ถูกแปลงสภาพเป็นไร่แคนตาลูปมากว่า 7-8 ปี เนื่องจากประสบปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำมาเกือบ
ทุกปี ทำให้เกิดภาระหนี้สิน ต่อมาได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พักทัน ทั้งด้านความรู้ ขั้นตอนการปลูก
เมล็ดพันธุ์ต่างๆ จึงหันเหชีวิตจากชาวนามาเป็นชาวไร่แคนตาลูปทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น เนื่องจากผลผลิตแต่ละเดือนเป็นที่น่าพอใจ

"ทำไร่แคนตาลูปมาปีนี้เป็นปีที่ 7 แล้ว โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่นาที่มีอยู่ 7 ไร่เศษ เนื่องจากขณะนั้นราคาข้าวตกต่ำมาก เลยมีแนว
คิดที่ปลูกแคนตาลูปแทน เพราะเห็นว่าการแข่งขันด้านการตลาดยังน้อย บวกกับเมื่อมีโอกาสได้รู้จักกับคุณสุวิทย์ ไตรโชค เจ้าของ
สวนแคนตาลูป ที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เลยไปศึกษาแล้วทดลองนำมาปลูกซึ่งระยะแรกๆ พบปัญหามากพอสมควรไม่
ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อโรค เพลี้ย แมลง" ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบุญชอบ บอกถึงที่มาและปัญหาที่ประสบ





ยอมรับว่าแม้ระยะแรกจะมีปัญหาดังที่กล่าวมาอยู่บ้าง แต่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบุญชอบ บอกว่าก็อาศัยประสบการณ์แก้ไขไปเรื่อยๆ โดย
วิธีหนึ่งก็คือการเพาะต้นกล้าเอง ซึ่งเมล็ดของแคนตาลูปจะราคา 2-8 บาท แล้วแต่สายพันธุ์ โดยแต่ละเดือนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบุญชอบ
จะปลูกต้นกล้าเดือนละ 3 หมื่นต้น ซึ่งพันธุ์ที่ปลูกได้แก่ ซันเลดี้ สีทอง ร็อคกี้ส้ม เพอส้ม ฮันนี่บอล ส่วนด้านการตลาดจะนำไปขายส่ง
ให้การบินไทย และห้างสรรพสินค้าทุกห้างในตัวเมืองสิงห์บุรี

"การดูแลต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยที่ไร่ของผมจะมีคนงานคอยดูแลอยู่ 15 คน หลักก็คือแต่ละต้นจะให้ออกผลผลิตเพียงต้นละ 1 ลูก
เพื่อคัดให้ได้แคนตาลูปที่มีคุณภาพดีที่สุด ส่วนพันธุ์ที่อร่อยและได้รับความนิยมมาก ก็คือร็อกกี้ส้ม ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท
ลูกหนึ่งหนักราว 1.5 กิโลกรัม ซึ่งแต่ละเดือน ที่ไร่เราจะเก็บผลผลิตได้ราว 20 ตัน ตันหนึ่งเฉลี่ยมีรายได้อยู่ที่ 2 หมื่นบาท นับว่าเป็น
รายได้ที่ดีมาก"





ด้าน สายชล ฉิมพาลี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พักทัน กล่าวถึงแนวทางการส่งเสริมอาชีพนี้ให้แก่เกษตรกรในพื้น
ที่ว่า ในส่วนหมู่ 1 ต.พักทัน มีเกษตรกรที่ทำไร่แคนตาลูป 2-3 เจ้า โดยรายของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบุญชอบ ซึ่งเป็นรายแรกๆ ที่หัน
มายึดอาชีพนี้ ผลผลิตแต่ละปีนั้นดีมาก โดย อบต.เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งได้ขอความร่วมมือให้ช่วยกันเผยแพร่ความสำเร็จ
นี้แก่เกษตรกรรายอื่นๆ ด้วย ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

"แคนตาลูปเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานกรอบ นิยมรับประทานสด ทำเป็นสลัดน้ำผลไม้และของหวานบางชนิด มีคุณค่าทางโภชนา
การสูง ส่วนเนื้อมีวิตามินเอ บำรุงสายตา มีวิตามินซีป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน มีแคลเซียมบำรุงกระดูกและฟัน นอกจากนี้ยัง
มีความหวานของน้ำตาลธรรมชาติ รวมถึงสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายด้วย จึงเป็นไม้ผลอีกชนิดที่น่าสนใจมาก" นายก อบต.
พักทัน แจง


"จีรแมน ขำฉา"




http://www.komchadluek.net/detail/20100218/48746/%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99.html
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 03/10/2011 11:09 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ชาวสวนแคนตาลูปหนานหนิง ยิ้มรับผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์และรายได้ที่มั่งคั่ง





เว็บไซต์รวมข่าว – เขตฯ กว่างซีจ้วง: หน้าร้อนของทุกปีถือเป็นหน้าออกผลของพืชตระกูลแตง โดยผลผลิตแคนตาลูป
ของเขตพัฒนาเศรษฐกิจหนานหนิง-อาเซียนปีนี้อุดมสมบูรณ์ สร้างรายได้รวมกว่า 15 ล้านหยวน

เขตพัฒนาเศรษฐกิจหนาน นิง-อาเซียน (Nanning-ASEAN Economic Development Zone, 南宁-东
盟经济开发区) ถือเป็นแหล่งปลูกแคนตาลูปแหล่งใหญ่แห่งหนึ่งของนครหนานหนิง โดยแคนตาลูปที่ปลูกส่วนใหญ่
จะปลูกในโรงเรือน ซึ่งเขตพัฒนาฯ มีโรงเรือนที่ปลูกแคนตาลูปรวมกว่า 4,500 โรง

ฟาร์มอู่ม่าว (Wu Mao Farm, 武帽农场) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพัฒนาฯ ดังกล่าว เป็นหนึ่งในฐานสาธิตการเกษตรสมัยใหม่
ของเขตฯ กว่างซีจ้วง มีพื้นที่เพาะปลูกรวม 16,000 หมู่จีน มีโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกรวมกว่า 2,000 โรง

ตามรายงาน ผลผลิตการเกษตรของฟาร์มดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. ที่ผลลูกท้อเริ่มออกดอกและสามารถเก็บเกี่ยว
ผลท้อได้ในช่วงเดือน พ.ค. โดยตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นไปจนถึงปลายปี ทุกๆ เดือนฟาร์มแห่งนี้จะมีผลผลิตพืช
ตระกูลแตงให้ได้เก็บเกี่ยว

เพื่อเป็นการคว้าโอกาสที่ดีในการส่งเสริมการพัฒนาการเกษตรให้ทันสมัย ฟาร์มอู่ม่าวจึงได้เตรียมพัฒนาอุตสาหกรรม
เกษตรของตนเองให้มีจุดเด่น ตามแนวคิด “อะไรที่คนอื่นไม่มีแต่เรามี อะไรที่คนอื่นมีแต่ของเราทำได้ดีกว่า อะไรที่คน
อื่นทำได้ดีแต่เราทำได้เร็วกว่า และอะไรที่คนอื่นทำได้เร็วกว่ากว่าแต่ของเราทำได้เยี่ยมกว่า”

ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา เขตพัฒนาเศรษฐกิจหนานหนิง-อาเซียนได้ริเริ่มส่งเสริมการพัฒนาการปลูกพืชตระกูลแตง
ในโรงเรือนเพาะปลูก โดยได้ให้การสนับสนุนในด้านเงินทุน เทคโนโลยีตลอดจนข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อการ
เพาะปลูก

ผลของการส่งเสริมดังกล่าว ทำให้ 4 ปีที่ผ่านมา เขตฯ พัฒนามีจำนวนโรงเรือนเพาะปลูกเพิ่มขึ้นจาก 158 โรงเรือน
เป็น 1,548 โรงเรือน เฉพาะการปลูกแคนตาลูปอย่างเดียว รายได้ของคนงานเพิ่มขึ้นรวมกว่า 15 ล้านหยวน

ปัจจุบัน ฟาร์มอู่ม่าวมีพื้นที่โรงเรือนที่ปลูกแคนตาลูปกว่า 800 หมู่จีน และพื้นที่ปลูกแคนตาลูปของที่นี่ได้รับการรับรอง
จากกรมการเกษตร เขตฯ กว่างซีจ้วง (Department of Agriculture of Guangxi, 广西农业厅) ว่าเป็นพื้น
ที่เพาะปลูกปลอดสารพิษ ส่งผลให้การพัฒนาของฟาร์มประสบผลสำเร็จและก้าวหน้าไปอีกหนึ่งขั้น






Last Update : 22 มิถุนายน 2554
โดย : นายกตัญญู คณิตบัญชา
แหล่งข้อมูล : เว็บไซต์ http://www.gxnews.com.cn (广西新闻网) (21 มิถุนายน 2554)
เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง / ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน ณ นครหนานหนิง

http://www.thaibizchina.com/thaibizchina/th/china-economic-business/result.php?IBLOCK_ID=69&SECTION_ID=444&ELEMENT_ID=7920
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Panyoy
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 08/01/2012
ตอบ: 1

ตอบตอบ: 08/01/2012 5:04 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ขอบคุุณครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 10/06/2012 7:02 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ยามสงบเป็นทหารการเกษตร ปลูกเมล่อนสวัสดิการกำลังพล








ในยามที่ศัตรูรุกล้ำอธิปไตย เหล่าทหารต้องจับอาวุธสู้เพื่อปกป้องอธิปไตย แต่ในยามประเทศชาติสงบ ทหารบางหน่วยหันมาผลิตเสบียงเพื่อป้อนกำลังพลอีกด้วยการทำนา ทำไร่ ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ทำประมง เป็นต้น โดยกองทัพเรือ มีศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือ ที่ขึ้นตรงกับกองอาชีวสงเคราะห์ กรมสวัสดิการทหารเรือ ถึง 3 แห่งกระจายใน 3ภูมิภาค ผลิตพืชผลทางการเกษตร เพื่อจำหน่ายในราคาสวัสดิการให้แก่ทหาร และครอบครัวทั้งข้าราชการ และลูกจ้างในกองทัพเรือ ที่สำคัญยังเป็นหน่วยงานที่คอยให้คำแนะนำและส่งเสริมอาชีพด้านเกษตรให้แก่ทหารกองประจำการโดยตรงอีกด้วย เพื่อให้สามารถนำไปประกอบอาชีพ เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้หลังจากที่ปลดประจำการ


อย่างที่ศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือ โยทะกา ที่ ต.โยธะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ 4,000 ไร่ และที่ ต.บางสมบูรณ์
อ.องครักษ์ จ.นครนายก มีพื้นที่ 1,356 ไร่ รวมเป็น 5,356 ไร่ ทำแปลงสาธิต สาขาการทำนา การปลูกพืชสวน และการประมง อาทิ
โครงการปลูกข้าวนาปีและนาปรัง โครงการพืชสวน ปลูกผักปลอดสารพิษ ต้นยูคาลิปตัส มะกอกน้ำ โครงการประมงเพื่อเพาะขยาย
พันธุ์ปลาน้ำจืด การเลี้ยงไก่ไข่ มีโรงสีข้าวสวัสดิการทหารเรือ เป็นต้น


น.ท.วิโรจน์ จันทร์ทองสุข หัวหน้าศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือ โยทะกา บอกว่า ในปี 2550 คณะกองทัพเรือได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมและศึกษาดูงาน "เจียไต๋แฟร์" ที่จัดขึ้นที่ชนม์เจริญฟาร์ม จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นแหล่งปลูกเมล่อนของบริษัท เจียไต๋ จำกัด จึงคิดว่าเหมาะสมกับการนำมาต่อยอด เพื่อเป็นแหล่งผลิตภายในศูนย์เกษตรกรรมของทหารเรือโยทะกา ทางผู้บริหารระดับสูงทั้งสองฝ่ายจึงได้มีการ
ตกลงเพื่อดำเนินโครงการปลูกเมล่อนขึ้นมา เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจการเกษตรของกองทัพเรือ


โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแนะนำ ส่งเสริม พัฒนาวิชาชีพทางการเกษตร ตลอดจนผลิตสินค้าเกษตรให้แก่กำลังพลกองทัพเรือและหน่วยต่างๆ รวมทั้งเป็นสวัสดิการภายในให้แก่กำลังพลของกองทัพเรือและครอบครัว เพื่อได้บริโภคสินค้าเกษตรกรรมที่มีคุณภาพมาตรฐานและในราคาสวัสดิการที่ถูกกว่าท้องตลาด


ส่วนสายพันธุ์เมล่อนที่คัดเลือกนำมาปลูกในพื้นที่นี้ คือ ปริ๊นเซส 434 เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่มีความแข็งแรงเรื่องการเจริญเติบโต และให้ผลใหญ่ อีกทั้งเหมาะสมกับสภาพอากาศร้อน และพื้นที่ที่เป็นดินเปรี้ยวของ อ.บางน้ำเปรี้ยว จึงทดลองปลูกในกระถาง จำนวน 2 โรงเรือน ขนาด 6.4x20 เมตร ลักษณะโรงเรือนปิดมุ้งเพื่อป้องกันแมลง ปรากฏว่าประสบความสำเร็จ ให้ผลผลิตเฉลี่ย 0% เป็นเมล่อนเกรด A และ B มีน้ำหนักผลละ 2 กก. โดยเฉลี่ย ปัจจุบันปลูก 6 โรงเรือน จำนวน 304 ต้น พื้นที่ 8 ไร่ ปลูกมาแล้ว 22 รุ่น อนาคตมีเป้าหมายให้ถึง 25 ไร่


ด้าน นายสุรนาท องนิธิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจครบวงจร บริษัท เจียไต๋โปรดิ๊วซ์ จำกัด บอกว่า ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา เจียไต๋ได้ให้ความร่วมมือกับกองทัพเรือมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกิจกรรมด้านการเกษตร และภายหลังที่กองทัพเรือได้ทดลองปลูกเมล่อนจนประสบความสำเร็จ เจียไต๋รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่นอกจากจะได้ผลผลิตที่ดีทั้งในเรื่องรสชาติและคุณภาพตามต้องการแล้ว ตอนนี้ศูนย์แห่งนี้ ได้เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อให้เกษตรกร นักศึกษาและผู้สนใจเข้ามาเรียนรู้และศึกษาดูงานด้วย สนใจสอบถามได้ที่ 0-2475-4793, 0-3761-3059 ในวันและเวลาราชการ



http://www.komchadluek.net
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©