-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา.....
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา.....
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา.....
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 13, 14, 15  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 29/06/2012 8:54 pm    ชื่อกระทู้: ไม้หลักปักขี้เลน ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีค่ะ คุณแดง ศาลาลา และ สมช.


การหยอดเมล็ดข้าวแทนการดำ ยัยเฉิ่มคิดว่าดีมากเลยค่ะ ยัยเฉิ่มได้สอบถามไปยังศูนย์เพาะเมล้ดพันธ์ข้าวสกลนคร
ทางศูนย์ฯ ได้ให้ไปสอบถามช่างอีกที่หนึ่ง ช่างก็บอกว่า ชาวบ้านเป็นคนคิด แต่ได้พาไปจดลิขสิทธิ แล้วช่วยกันทำ
ออกจำหน่วย (ซึ่งในเวปบอกว่าให้ไปดูต้นแบบได้ แต่ตอนนี้เป็นธุรกิจไปแล้ว) ได้ข้อมูลดังนี้ ค่ะ

1. ความกว้างระหว่างกอ 20 ซม.
2. ความกว้างระหว่างแถว 20 ซม.
3. ใส่ข้าวครั้งหนึ่ง หยอดได้ 3 งาน
4. เมล็ดข้าวหล่นครั้งหนึ่ง 7-10 เมล็ด หล่นในลักษณะจุดเดียว ไม่กระจัดกระจาย
5. ราคาเครื่อง 3,500 บาท ไม่ร่วมค่าจัดส่ง


นี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ทราบค่ะ แต่ไม่รู้อายุการใช้งาน ยัยเฉิ่มคิดแล้วคิดอีกเอาไง ดีหว่า เพราะได้ตกลงไปกับคนที่รับ
จ้างดำไปแล้ว



ลุงคิมมีความคิดเห็นอย่างไรค่ะ
ขอบคุณ แดงศาลายาค่ะ ยัยเฉิ่มจะพยายามไม่เป็นไม้หลักปักขี้เลนค่ะ




ขอบคูณ ค่ะ
ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 29/06/2012 10:12 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เครื่องโรยเมล็ดข้าว ศูนย์ฯ สกลนคร.....












คลิก.....ยังมีอีกหลายแบบให้พิจารณา
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1954#20707


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 01/07/2012 4:55 pm    ชื่อกระทู้: Re: ไม้หลักปักขี้เลน ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

cherm บันทึก:
สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีค่ะ คุณแดง ศาลาลา และ สมช.


การหยอดเมล็ดข้าวแทนการดำ ยัยเฉิ่มคิดว่าดีมากเลยค่ะ ยัยเฉิ่มได้สอบถามไปยังศูนย์เพาะเมล้ดพันธ์ข้าวสกลนคร ทางศูนย์ฯ
ได้ให้ไปสอบถามช่างอีกที่หนึ่ง ช่างก็บอกว่า ชาวบ้านเป็นคนคิด แต่ได้พาไปจดลิขสิทธิ แล้วช่วยกันทำออกจำหน่วย (ซึ่งใน
เวปบอกว่าให้ไปดูต้นแบบได้ แต่ตอนนี้เป็นธุรกิจไปแล้ว) ได้ข้อมูลดังนี้ ค่ะ

1. ความกว้างระหว่างกอ 20 ซม.
2. ความกว้างระหว่างแถว 20 ซม.
COMMENT :
ระยะห่างระหว่าง กอ-แถว สามารถปรับ เพิ่ม/ลด มากกว่านี้ได้หรือไม่ เพราะลักษณะทางธรรมชาติของต้นข้าวแต่ละสายพันธุ
ไม่เหมืนกัน เช่น ระยะระหว่างกอ 15 ซม.สำหรับข้าวสายพันธุ์พื้นเมืองที่อัตราการแตกกอน้อย, ระยะระหว่างกอ 20 ซม.สำหรับ
ข้าวสายพันธุ์ลูกผสมที่มีอัตราการแตกกอปกติ, ระยะระหว่างกอ 30 ซม.สำหรับข้าวสายพันธุ์ลูกผสมที่มีอัตราการแตกกอมาก
กว่าปกติ เป็นต้น




3. ใส่ข้าวครั้งหนึ่ง หยอดได้ 3 งาน
COMMENT :
ใส่ มาก/น้อย กว่านี้ได้ไหม เพราะอะไร....บอกตรงๆ แค่นี้ไม่พอมือสำหรับคนขยันมากๆหรอก



4. เมล็ดข้าวหล่นครั้งหนึ่ง 7-10 เมล็ด หล่นในลักษณะจุดเดียว ไม่กระจัดกระจาย
COMMENT :
เมล็ดข้าวที่ออกมาจากรูกระบอกเมล็ดพันธุ์ลงจุดเดียวกัน ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นน่าจะโตประมาณ 1 ฝ่ามือ ถ้าออกมาครั้งละ 7-10 เมล็ด
ต่อพื้นที่ 1 ฝ่ามือละก็ เขาเรียกว่า "กองเอ๊าะเยาะ" ต้นข้าว 7-10 ต้น ที่ขึ้นเคียงกันในพื้นที่กว้างเพียง 1 ฝ่ามือ มันไม่เบียดชิด
กันไปหน่อยเหรอ ขนาดนาหว่านด้วยมือแท้ๆ แต่ละมล็ดยังตกห่างกันมากกว่านี้ หรือถ้าอยู่ติดชิดกันก็แค่ 2-3 เมล็ดเท่านั้น

อัตราหล่นของเมล็ด สามารถปรับให้ลดลงอีกได้ไหม ที่เหมาะสมน่าจะเป็น 2-3 เมล็ดต่อพื้นที่ 1 ฝ่ามือนะ



5. ราคาเครื่อง 3,500 บาท ไม่ร่วมค่าจัดส่ง
COMMENT :
ราคานี้รวมค่าวิชาด้วย คงต้องยอมจ่าย แต่ถ้าทำเอง (ต่อยอด/ดัดแปลง/ประยุกต์ ..... รถยนต์ ญี่ปุ่น-อเมริกา เหมือนกัน
แต่ญี่ปุ่นไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ของอเมริกา) โดยไม่ให้ลิขสิทธิ์เข้ามาเกี่ยว น่าจะถูกกว่านี้




นี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ทราบค่ะ แต่ไม่รู้อายุการใช้งาน ยัยเฉิ่มคิดแล้วคิดอีกเอาไง ดีหว่า เพราะได้ตกลงไปกับคนที่รับจ้างดำไปแล้ว
COMMENT :
เรื่องเครื่องหยอดเมล็ด ให้ถามย้อนกลับไปอีกครั้ง.....เรื่องคนรับจ้างดำนา ให้ถามแม่




ลุงคิมมีความคิดเห็นอย่างไรค่ะ
ขอบคุณ แดงศาลายาค่ะ ยัยเฉิ่มจะพยายามไม่เป็นไม้หลักปักขี้เลน
ตอบ :
มุมมองของลุงคิมต่อ "คุณแดงศาลายา" กับ คุณสมบัติเชียงราย" กับเรื่องนี้...
- คนที่รักเราจริง คำแนะนำจะชี้ให้เห็นปัญหามากกว่าความสำเร็จ เพื่อให้เราทำแล้วไม่ประสบกับปัญหา ลงท้ายก็จะประสบความสำเร็จ

- คนที่ไม่รักเราจริง คำแนะนำจะชี้ให้เห็นแต่ความสำเร็จ สำเร็จ และสำเร็จ เพื่อให้เราตายใจ แต่ครั้นทำจริงๆแล้วเจอแต่ปัญหา ปัญหา
และปัญหา ลงท้ายก็ประสบความล้มเหลว

- เหมือนลุงคิม ทุกครั้งที่ลุงคิมสอนคน จะชี้ให้เห็นปัญหามากกว่าความสำเร็จ ทั้งนี้การวางแผนกระทำการใดๆ ในแผนควรต้องให้รู้
ก่อนว่า อะไรจะเป็นปัญหาบ้าง แล้วป้องกันปัญหานั้นไม่ให้เกิดตั้งแต่ก่อนลงมือทำ ครั้นเมื่อทำไปแล้วระหว่างที่ทำไม่เกิดปัญหา ความ
สำเร็จย่อมบังเกิดเป็นธรรมดา


- ต้นทุนนาดำ ได้แก่.....ค่ารถดำ, ค่าถอนแยก ข้าวปน/วัชพืช, ค่าควบคุมน้ำ, ค่าจัดเก็บเมล็ดพันธุ์หลังเกี่ยว, ค่าการตลาด, ฯลฯ
ซึ่ง "สูง" กว่าการทำนาแบบอื่น กรณีนี้ต้องแก้ปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้นด้วยการขายเป็น "ข้าวปลูก" ซึ่งได้ราคาสูงกว่าขายให้โรงสี
หรือจำนอง ธ.ก.ส. เท่านั้น.....หากไม่สามารถขายเป็นข้าวปลูกได้ ก็ควรเปลี่ยนไปเป็นทำนาหว่านปกติ เพราะข้าวเปลือกที่ได้มาขาย
ให้โรงสี หรือจำนอง ธ.ก.ส. คุณภาพระดับไหนก็ขายได้พอๆกัน เรียกว่า "ปนทั้งประเทศ" นั่นแหละ

- กรณีจ้างรถดำแล้วได้เมล็ดพันธุ์ทั้งปลอมทั้งปนมั่วกันไปหมดนั้น กรณีนี้ต้องขอคำยืนยันจากคนรับจ้างให้แน่นอนมั่นคง กับตรวจ
สอบประวัติโดยถามคนที่เคยเป็นลูกค้าของรถดำนาเจ้านี้ว่า เคยมีปัญหาอะไรบ้าง

- นาดำด้วยรถดำนา, นาดำด้วยมือ (ลงแขก), นาหว่านด้วยมือ, นาหว่านด้วยเครื่องพ่นเมล็ด, นาหยอดด้วยเครื่องหยอดเมล็ด
นาข้าวทุกรูปแบบที่กล่าวต่างก็ปลูกบน "ดิน" เหมือนกันทั้งสิ้น ต้องการ "ปัจจัยพื้นฐาน" เหมือนกันทั้งสิ้น และอยู่ภายใต้กฏเกณท์
"ตลาด-ต้นทุน" เหมือนกันทั้งสิ้น


- อย่ามุ่งหวังแต่ให้ได้ปริมาณผลผลิตมากๆ โดยไม่ดูต้นทุน ตราบใดที่ทำเพื่อขาย ต้องระวังต้นทุนให้จงหนัก ระวัง ต้นทุนท่วมราคาขาย

- ต้นข้าว ต้นพืช ไม่รู้จักต้นทุน เขารู้จักแต่ต้องการกินอะไร ได้กินอิ่มกินถูกต้องก็โต ได้กินไม่อิ่มไม่ถูกต้องก็ไม่โต......ปลูกข้าว
ตามใจข้าวไม่ใช่ตามใจคน.....รู้เรื่องข้าวเหมือนพูดภาษาข้าวได้ นั่นคือ แม่นสูตร แม่นหลักการ

- บำรุงเต็มทีจะเอาผลผลิตเต็มที่ ย่อมไม่ได้ เมื่อต้องการผลผลิตเต็มที่ก็ต้องบำรุงเต็มที่ด้วย

- ต้นข้าวกินปุ๋ย 10 กก.ธาตุหลัก ได้ข้าว 100 ถัง ถ้าให้กินปุ๋ย 50 กก.ธาตุหลัก น่าจะได้ 500 ถัง เพราะให้ปุ๋ยมากกว่า 5 เท่า

- สมการเกษตร
ปุ๋ยถูก + ใช้ผิด = ไม่ได้ผล
ปุ๋ยผิด + ใช้ถูก = ไม่ได้ผล
ปุ๋ยผิด + ใช้ผิด = ไม่ได้ผล (ยกกำลังสอง)
ปุ๋ยถูก + ใช้ถูก = ได้ผล (ยกกำลังสอง)


- ฯลฯ




.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 09/07/2012 6:25 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 02/07/2012 11:18 am    ชื่อกระทู้: ขอบคูณค่ะ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีค่ะ ลุงคิม และ สมชทุกท่าน

ยัยเฉิ่ม ขอบคุณ ค่ะ




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 02/07/2012 8:01 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อย่ากังวลเรื่อง "ดำ-หว่าน-หยอด" นักเลย เดี๋ยวจะกลายเป็น ตกขอบ ทำเรื่องง่ายให้มันยาก ทหารนโปเลียนประเภท 3 ....
เรื่องมันจะไปกันใหญ่เอานะ....


จะนา "ดำ-หว่าน-หยอด" ก็สุดเท้ แบบไหนก็ได้เพียงขอให้ต้นข้าวที่เกิดขึ้นมาแต่ละต้นขึ้นห่างกัน 10-30 ซม. เข้าไว้
เดี๋ยวดีเอง....


สิ่งที่ต้องกังวลและต้องบริหารจัดการให้ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของต้นข้าวให้ได้ก็คือ .....
- ดิน ....
- น้ำ .....
- เมล็ดพันธุ์ .....
- บำรุง (สมการเกษตร) .....



ระวัง....เตรียม แก้/ป้องกัน ปัญหาประเภท "เรื่องไม่เป็นเรื่อง" ไว้ดีๆ



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 09/07/2012 12:03 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 05/07/2012 6:52 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แผนการทำนาปีนี้....

หลักการและเหตุผล :
ปัจจัยพื้นฐานเพื่อการเพาะปลูก ได้แก่ "ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค" ปัจจัยทุกข้อนี้จะไป
ด้วยกัน ร่วมกัน อย่างเหมาะสมสอดคล้อง ไม่มีพืชใดในโลกนี้หลีกเว้นปัจจัยเหล่านี้ได้ และภายใต้กฏเกณท์แห่งเศรษฐศาสตร์
การเกษตร "ต้นทุน-ตลาด" คือสิ่งที่เกษตรกรผู้ผลิตต้องคิดคำนึงอยู่เสมอ

"ดิน" คือ ปัจจัยพื้นฐานเพื่อการเพาะปลูกที่สำคัญที่สุด และเป็นปัจจัยแรก ในบรรดาปัจจัยพื้นฐานทั้ง 6 ..... ดิน คือ ที่กิน
ที่อยู่ของต้นพืช ดินดีเท่ากับประสบความสำเร็จแล้วกว่าครึ่ง นอกจากเพื่อความสำเร็จ ณ รุ่นการผลิตรุ่นนี้แล้ว ยังต้องมองไป
ไกลจนถึงรุ่นหน้า รุ่นต่อไป และรุ่นต่อๆ ๆๆ ไปอีกด้วย

ด้วยเทคโนโลยีการเกษตรรุ่นใหม่ หากปัจจัยพื้นฐานเพื่อการเพาะปลูก ปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งไม่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ปัจจัย
อื่นก็ยังพอสามารถทดแทนได้ หากความไม่สมบูรณ์แบบนั้นไม่รุนแรงจนเกินไป ดั่งที่เรียกว่า "เลยตามเลย หรือ ไหนไหนก็ไหน
ไหน" นั่นหมายความว่า ในทุกสภาวะธรรมชาติยังมีช่องว่างให้เกษตรกรผู้ทำการเพาะปลูกพืชได้ ปรับ/แก้/ทดแทน/ชดเชย ได้
เพื่อผลผลิตตามเป้าประสงค์



แนวทางปฏิบัติ :
นาข้าว (นาปี) รุ่นต่อไปนี้ (หว่านวันแม่/12 ส.ค. - เกี่ยววันพ่อ (5 ธ.ค.) ด้วยระยะเวลาในการเตรียมดิน (เทือก) มีจำกัด
เพียงเดือน ก.ค. (+/- 1-2 สัปดาห์) เท่านั้น เป้าประสงค์ของการเตรียมดินที่ต้องทำให้ได้ คือ ความสบูรณ์ของดิน (เนื้อดิน
สารอาหาร จุลินทรีย์ และอื่นๆ) สำหรับการเจริญเติบโตของต้นข้าว จึงควรมีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้....


วันที่ 1 ก.ค. ...... เอาฟางออกครึ่งหนึ่ง หรือเอาออก 3 ใน 4 ของจำนวนฟางที่เหลือหลังจากเกี่ยวรุ่นที่แล้ว การปล่อยฟาง
ตากแดดให้แห้งและการเอาออกส่วนหนึ่งเพื่อให้กระบวนการย่อยสลาย ดี-ง่าย-หมดสิ้น เนื่องจากปริมาณฟางน้อยลง กับทั้ง
ฟางแห้งจะช่วยให้จุลินทรีย์ทำงานได้ ง่าย-ดี-เร็ว-เรียบร้อย กว่าฟางสด เป้าประสงค์สูงสุด คือ เมื่อฟางถูกย่อยสลายดี
แล้ว ต้นข้าวที่เกิดใหม่จะไม่เป็นโรค "เมาตอซัง" นั่นเอง


วันที่ 8 ก.ค. ...... ใส่ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (3 ล.) + ปุ๋ยเคมี (16-8-8 หรือ 25-7-7 หรือ 30-10-10
หรือ 16-16-16 สูตรใดสูตรหนึ่ง อัตรา 10 กก.ต่อเนื้อที่ 1 ไร่ สาดให้ทั่วแปลง ปล่อยน้ำเข้าให้ลึกครึ่งหน้าแข้ง หรือต่ำกว่า
เล็กน้อย ปล่อยทิ้งไว้ 7 วันเพื่อให้เวลาแก่จุลินทรีย์ในย่อยสลายฟางและปรับสภาพโครงสร้างเนื้อดิน


วันที่ 15 ก.ค. ...... ย่ำด้วยด้วยอีขลุบ (ลูกทุบ) หรือไถด้วยโรตารี่ กระทำซ้ำ 3 เที่ยว หรือ 3 รอบในแต่ละกระทงนา (รอบคัน
นา) เป้าประสงค์เพื่อ คลุกเคล้าฟางที่เปื่อยแล้วกับปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + ปุ๋ยเคมี ให้เข้ากับเนื้อดินจนเป็นเนื้อเดียวกัน,
กำจัดวัชพืชทุกชนิด, หมุนเวียนอากาศเข้าไปส่งเสริมจุลินทรีย์ และระบายก๊าซไข่เน่า (สาเหตุเมาตอซัง) ที่เกิดจากฟางที่ย่อย
สลายยังไม่เรียบร้อยให้ออกไป



วันที่ 22 ก.ค. ...... ย่ำด้วยด้วยอีขลุบ (ลูกทุบ) หรือไถด้วยโรตารี่ 1-2 รอบ เป้าประสงค์เพื่อ "เสริม" งานเตรียมดินจากครั้ง
แรกให้ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุด คือ "กำจัดซ้ำ" วัชพืชบางส่วนที่ยังหลงเลือให้ตาย



วันที่ 29 ก.ค. ....... ย่ำด้วยด้วยอีขลุบ (ลูกทุบ) หรือไถด้วยโรตารี่ 1 รอบ เป้าประสงค์เพื่อ "เสริม" งานเตรียมดินจากครั้ง
ก่อนๆให้ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุด คือ เป็นการ "กำจัดซ้ำ" วัชพืชบางส่วนที่ยังหลงเลือ โดยเฉพาะวัชพืชประเภทแทงหน่อขึ้น
มาจาก เหง้า/ไหล/หัว ใต้ดิน



วันที่ 11 ส.ค. ....... ย่ำด้วยอีขลุบ (ลูกทุบ) ครั้งสุดท้าย พร้อมกับทำร่องระบายน้ำในแปลง การย่ำครั้งนี้ยังเป็นการ "กำจัดซ้ำ"
วัชพืชที่อาจยังหลงเลือได้อีกด้วย



วันที่ 12 ส.ค. ....... ลงมือ หว่าน/ดำ/หยอด ตามอัทธยาศรัย



หมายเหตุ :
- วันที่ที่กำหนด ไม่ใช้วันตายตัว ทั้งนี้อาจพิจารณา +/- 2-3 วันได้
- การได้เริ่มลงมือ "ก่อน 1 ก.ค." และ หว่าน/ดำ/หยอด "หลัง 12 ส.ค." จะช่วยให้มีระยะเวลามากขึ้นสำหรับจุลินทรีย์ ซึ่งถือ
เป็นการดีอย่างมาก




.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 09/07/2012 12:05 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Sombutt
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2011
ตอบ: 84

ตอบตอบ: 05/07/2012 12:40 pm    ชื่อกระทู้: ยัยเฉิ่มจะเป็นชาวนา ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ขอบคุณหลาย ๆ เด๊อ ลุงคิม ขอบคุณต่อคำวิสัชชนาการเตรียมดินปลูกข้าวละเอียดยิ่บ ชัดแจ๋ว กระจ่างใส ใครมองไม่ออก
ประยุกต์ใช้ไม่เป็นก็ง่าว สึ่งตึงเต็มทีแล้วละครับ

เข้าทำนอง....
สองคน ยลตามช่อง
คนหนึ่งมอง เห็นโคลนตม
คนหนึ่ง ตาแหลมคม
เห็นดวงดาว อยู่พราวพราย


แล้วถ้าจะหว่านวันแม่ (ยาย) ล่ะ จะกำหนดวันไหนดีครับลุง 555 ตอนนี้ผมกำลังรอปุ๋ยสูตร E-Kim จากทิดแดงอยู่ เห็นบอก
ว่ากลับจากทัวร์อีสานแล้ว แต่มีเหตุต้องย้อนไปเก็บข้อมูลที่โคราชอีก อะไรกันนักกันหนา แอบกลับไปต่อตีนเติมมือให้เด็กโคราช
ก็ไม่รู้ ผมก็ได้แต่รอปุ๋ยของลุงอยู่นี่แหละ บอกแล้วว่าไปโคราช อย่าไปลอดซุ้มประตูชุมพล ก็ไม่เชื่อเลยต้องย้อนกลับไปอีก


ผมได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2555 (หน้า 2Cool บริษัทสยามออร์แกนิค ได้มีการเปิดตัวข้าวอิน
ทรีย์พันธุ์ใหม่ ชื่อ แจสเบอร์รี่
รบกวน
ลุงคิมกรุณาหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะครับ จะดีสู้ข้าว ไรซ์เบอร์รี่ ได้หรือเปล่า




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 05/07/2012 5:26 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แจสเบอร์รี่ ข้าวอินทรีย์พันธุ์ใหม่





นายปีตาชัย เดชไกรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทสยามออร์แกนิค เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯเปิดตัวข้าวแจสเบอร์รี่
ซึ่งเป็นข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนามากว่าทศวรรษ ซึ่งถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด โดยเฉพาะ
สารต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าบลูเบอร์รี่ และสูงกว่าชาเขียว 2 เท่า โดยยังมีสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ใยอาหาร,
วิตามิน บี., โอเมกา 3, เบต้า แคโรทีน, และ แกมม่าออไรซานอล ข้าวแจสเบอร์รี่ยังมีดัชนีน้ำตาลต่ำที่ช่วยควบคุมดัชนี
น้ำตาลในเลือดเหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานหรือต้องการควบคุมน้ำหนัก ข้าวแจสเบอร์รี่นั้นเป็นข้าวที่ไม่
ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมและได้รับการปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ มีวางจำหน่ายที่วิลล่ามาร์เก็ต ทุกสาขา

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทสยามออร์แกนิคนั้นมุ่งเน้นในการนำเสนอสินค้าเพื่อสุขภาพที่ผ่านการวิจัยและ
พัฒนาที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรอินทรีย์และปราศจากสารเคมี โดยเราเชื่อเสมอว่าผลตอบแทนทางธุรกิจสามารถเกิดขึ้น
ได้จากการพัฒนาสังคม โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่เราต้องการช่วยเหลือและพัฒนาสภาพชีวิตของเกษตรกรในประ
เทศไทย โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยจากภาคอีสาน.




http://www.dailynews.co.th/agriculture/120163


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 09/07/2012 12:00 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 06/07/2012 10:40 am    ชื่อกระทู้: ปรับแผน ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีค่ะ ทิดแดง ศาลายา ทิดบัติ เชียงราย และ สมช ทุกท่านค่ะ

ก่อนอื่นยัยเฉิ่มต้องขอขอบคุณที่ช่วยแนะนำ ช่วยลุ้น ช่วยเป็นกำลังใจ ทั้งปลอบทั้งขู่ เพื่อให้ยัยเฉิ่มตื่นขึ้นมาให้ได้

ตอนนี้ยัยเฉิ่ม เ่ต็มร้อยค่ะ มีความรู้เพิ่มจากเดิมที่เป็นศูนย์ เพิ่มเป็นหนึ่ง (ก็ยังดีเนอะที่เพิ่ม) ทั้งลุง จากทิดแดง และทิดบัติ

ยัยเฉิ่ม มานั่ง นอนคิด ยื่นคิด มือก่ายหน้าผากคิด ก็ยังไม่หายสงสัย ชาวนาคนอื่นๆ ทำไม่เค้าไม่ต้องมาหาความรู้แบบยัยเฉิ่ม
ไม่ต้องรู้ว่าข้าวต้องการสารอาหารกี่ตัว แต่เค้าสามารถทำได้ละเกวียน และไม่ต้องมาเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องมาคิดให้ปวดหัว ไม่ต้อง
มาวางแผน เค้าก็ได้ข้าวไร่ละเกวียน ยัยเฉิ่มยังหาคำตอบตัวนี้ไม่ได้ มันเหมือนสิ่งที่ค้างคาใจ ทำไม และทำไม ลุงกับทิดทั้งสอง
และคนอื่นๆ มีความคิดเห็นอย่างไร ค่ะ



การวางแผนที่ลุงทำไว้ให้ เกิดปัญหาดังนี้....
ชลประทานปล่อยน้ำจากเขื่อนวันที่ 23 ก.ค. 55 กว่าจะมาถึงนายัยเฉิ่ม ก็ต้นเดือนสิงหาคม คงจะหมักดินตามที่ลุงบอกไม่ได้
ยัยเฉิ่มต้องทำอย่างไรดีค่ะ มีแนวทางไหน ที่จะแก้ไขได้บ้าง

มุ่งมั่น แนวแน่ แม่นสูตร แม่นหลักการ



ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนาค่ะ



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 06/07/2012 1:49 pm    ชื่อกระทู้: Re: ปรับแผน ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

cherm บันทึก:
สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีค่ะ ทิดแดง ศาลายา ทิดบัติ เชียงราย และ สมช ทุกท่านค่ะ


ตอนนี้ยัยเฉิ่ม เ่ต็มร้อยค่ะ มีความรู้เพิ่มจากเดิมที่เป็นศูนย์ เพิ่มเป็นหนึ่ง (ก็ยังดีเนอะที่เพิ่ม).....

ตอบ :
"ความรู้ไม่มีสิ้นสุด" ตราบใดที่โลกยังหมุน ตราบนั้นความรู้จะเพิ่มขึ้น หลายคนบอกว่า LEARNING ALL THE LIVE การเรียนรู้
ไม่มีที่สิ้นสุด ต้องเรียนตลอดชีวิต ตายแล้วเกิดใหม่ (ถ้าได้เกิดเป็นคน) อีก 500 ชาติ แม้เรียนวิชาเดิมซ้ำก็เรียนไม่จบ อยากรู้ต้อง
เรียน ไม่เรียนย่อมไม่รู้ ....

ความรู้ คือ สิ่งที่มนุษย์รู้ ประกอบด้วย ความรู้ที่เป็นวิชาการแท้ๆ กับ ความรู้ที่เป็นประสบการณ์ ทั้ง 2 อย่างไม่ใช่สูตรสำเร็จ การนำ
ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจะต้องพึ่งพาทั้ง 2 อย่าง อย่างเหมาะสม กลมกลืน สอดคล้อง และตรงตามสถานการณ์ บางครั้งต้องถือหลัก
วิชาการนำ-ประสบการณ์เสริม แต่บางครั้งต้องประสบการณ์นำ-วิชาการเสริม.....คนที่ประสบความสำเร็จสูงสุด คือ คนที่ปรับตัวเองให้
เข้ากับสถานการณ์ได้ดี

การเรียนรู้นั้น "ยาก" แต่ในความยากนั้นมีความ "ง่าย" แฝงอยู่ เพียงแค่ผู้เรียน ฉลาดแล้วเฉลียว เป็นคนช่างสังเกตุ เข้าใจเหตุและ
ผล ก็จะสามารถแก้ปัญหาความยากให้เป็นความง่ายได้

วิชาที่ยากที่สุดในโลก คือ วิชารู้จักตัวเอง....คงมีแต่พระศาสดาเท่านั่นกระมัง ที่เรียนสำเร็จในวิชานี้

อย่าดูถูกตัวเองว่า เป็นผู้โง่ เป็นผู้ไม่รู้ เป็นผู้ที่ไม่ได้ร่ำเรียนมา ไม่มีใครรู้อะไรมาก่อนตั้งแต่เกิดแม้แต่พระศาสดา ทุกผู้ทุกคนล้วน
เกิดมาแล้วจึงเรียนทั้งนั้น การเรียนมิใช่เรียนในห้อง มีครูมาพูดหน้าห้อง มีคนเรียนนั่งฟังอยู่ในห้องเท่านั้น การท่องไปในโลกเน็ต
การอ่านสรรพหนังสือ การได้ดูได้เห็นของจริง การได้ทำกับมือ (ก.ทำกับมือ) ก็คือการเรียนอย่างหนึ่ง

ทำอาชีพเกษตร ครูเกษตรที่ดีที่สุด คือ "คนในกระจก" .....
มหาวิทยาลัยเกษตรที่ดีที่สุด คือ "แปลงเกษตร" ทั้งของตัวเองและของคนอื่น....


เมื่อไม่ได้เรียนมาทางวิชาการโดยตรง ก็จงเรียนรู้จากประสบการณ์ ทั้งจากของตัวเอง-ของคนอื่น ทั้งเมื่อก่อนนี้-วันนี้-อนาคต ทั้ง
ที่ล้มเหลว-สำเร็จ การเรียนรู้จากประสบการณ์ให้บรรลุได้จะต้อง เปิดตัว-เปิดใจ-เปิดโลกทัศน์ เลิกยึดติดแล้ว คิด/วิเคราะห์ อย่าง
เป็นเหตุเป็นผล







ยัยเฉิ่ม มานั่ง นอนคิด ยืนคิด มือก่ายหน้าผากคิด ก็ยังไม่หายสงสัย ชาวนาคนอื่นๆ ทำไม่เค้าไม่ต้องมาหาความรู้แบบยัยเฉิ่ม ไม่
ต้องรู้ว่าข้าวต้องการสารอาหารกี่ตัว แต่เค้าสามารถทำได้ละเกวียน และไม่ต้องมาเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องมาคิดให้ปวดหัว ไม่ต้องมา
วางแผน เค้าก็ได้ข้าวไร่ละเกวียน ยัยเฉิ่มยังหาคำตอบตัวนี้ไม่ได้ มันเหมือนสิ่งที่ค้างคาใจ ทำไม และทำไม ลุงกับทิดทั้งสอง
และคนอื่นๆ มีความคิดเห็นอย่างไรคะ ?

ตอบ :
นั่งคิด-นอนคิด-ยืนคิด แล้วยังคิดไม่ออก ก็น่าจะเปลี่ยนป็น เดินคิด-วิ่งคิด-คลานคิด-ตีลังกาคิด ดูบ้างก็ได้ แม้แต่เอา "มือ"
ก่ายหน้าผากแล้วก็ยังสงสัยสงสัยอยู่อีก ก็ลองเอา "เท้า" (เท้าตัวเองนะ ห้ามเท้าคนอื่นๆ) ก่ายดูบ้างก็ได้ รับรองบรรลุโสดาบัลย์แน่.....

การทำเกษตร ผลผลิตทางเกษตรที่ออกมา คือ วิทยาศาสตร์ สามารถพิสูจน์ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าทั้งหก .... ทำแล้วได้-ได้
เพราะอะไร ทำแล้วไม่ได้-ไม่ได้เพราะอะไร ผลมาจากเหตุ ทำถูกต้อง คือ ได้-ทำผิด คือ ไม่ได้.....อาชีพเกษตรด้านเพาะปลูกพืช
ระหว่าง "ถูก กับ ผิด" วัดที่พืช ไม่ใช่วัดที่คน

พบเจอคนที่พูดว่าตัวเองประสบความสำเร็จอย่างดีนั้น ถามย้อนซิว่า "เป็น-เก่ง-รู้--ฝีมือ-ความสามารถ" หรือ "ฟลุค-โชค" กันแน่
เพราะผลผลิตที่ได้เป็น วิทยาศาสตร์ ที่พิสูจน์ทางหลักวิชาการได้.....

เคยเห็นไหม....เกษตรกรบางคน ปีนี้รุ่นนี้ได้ผลผลิตดี บอกว่า "ฝีมือ" แน่ แต่ปีต่อมาไม่ได้ผลผลิต กลับบอกว่า "ดวง" ไม่ดี.....บางคน
ขายผลผลิตได้ คุยแปดบ้านว่าได้มากเท่านั้นเท่านี้ แต่ครั้นถามถึงต้นทุน กลับทำตาเขียว ไม่พอใจ ถามแบบนี้ชกกันดีกว่า.....ชาวนา
ขายข้าวได้ 1 แสน เหลือเงินเข้าบ้าน 40 บาท ทะเลาะกันบ้านแทบแตก

ต้นข้าว-นาข้าว เป็นพืชที่ต้องพึ่งพาปัจจัยพื้นฐานเพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์ เยี่ยงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แม้แต่มนุษย์ก็ไม่เว้น ตราบใดที่ปัจจัยพื้น
ฐานฯ ดี-ถูกต้อง-เหมาะสม กับเขา เขาย่อมพัฒนาเจริญเติบโตออกดอกติดผลให้ผลผลิต ตรงกันข้าม หากปัจจัยพื้นฐานฯ ไม่ดี-ไม่
ถูกต้อง-ไม่เหมาะสม กับเขา ผลออกมาก็เป็นตรงกันข้าม

การที่นาข้าวแปลงใดแปลงหนึ่งประสบความสำเร็จได้ โดยผู้ปลูกไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิชาการมาอ้างอิงเลยนั้น ไม่ใช่ "เป็น-เก่ง-รู้-ฝีมือ-
ความสามารถ" แล้วก็ไม่ใช่ "ฟลุค-โชค" อีกด้วย แต่นั่นเป็นเพราะปัจจัยพื้นฐานฯ ณ พื้นที่แปลงนั้นเท่านั้นเป็นตัวช่วย

หากเราทำตามบ้าง ถามว่า จะได้ผลผลิตแบบนั้นบ้างไหม คำตอบคือ 50/50 เพราะปัจจัยพื้นฐานฯ อาจจะไม่เหมือนกัน พูดง่ายๆ
ภาษาชาวบ้านชาวบ้าน ดินเขา-ดิเรา, น้ำเขา-น้ำเรา, กับอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับต้นข้าว ของเขา-ของเรา ไม่เหมือนกัน แม้ต้นข้าวจะ
เหมือนกันแต่ผลรับออกมาจะไม่เหมือนกันก็เพราะธรรมชาตินั่นเอง นั่นคือ เมื่อปลูกข้าวต้องเชื่อต้นข้าวตามใจต้นข้าว ไม่ใช่เชื่อ
คนตามใจคน

จะเป็นการดีไหม ถ้าเอา "ประสบการณ์ ของเขา-ของเรา + วิชาการ" แล้วทำภายใต้กรอบปรัชญาการเกษตร







การวางแผนที่ลุงทำไว้ให้ เกิดปัญหาดังนี้....
ชลประทานปล่อยน้ำจากเขื่อนวันที่ 23 ก.ค. 55 กว่าจะมาถึงนายัยเฉิ่ม ก็ต้นเดือนสิงหาคม คงจะหมักดินตามที่ลุงบอกไม่ได้
ยัยเฉิ่มต้องทำอย่างไรดีค่ะ มีแนวทางไหน ที่จะแก้ไขได้บ้าง

ตอบ :
ตีโจทย์ออกแล้ว ..... เมื่อทำตามปฏิทินนาปี หว่านวันแม่-เกี่ยววันพ่อ ตามที่บอกไม่ได้ เพราะน้ำเป็นตัวปัญหาภาวะจำยอมที่ไม่
อาจหลีกเลี่ยงก็ตาม แต่สถานการณ์ทั่วไปยังพอเหลือทางอื่นให้เลือกอยู่บ้าง จึงต้องปรับแผนกันใหม่ ดังนี้.....

แนวทางที่ 1 ...... วันที่ 6 (+/- 2-3 วัน) ก.ค. ไถดินเปล่า ขี้ไถใหญ่ๆ ด้วยรถไถผานสาม ส่งฟางลงไปอยู่ใต้เนื้อดิน ปล่อยดิน
ตากแดดจนกว่าน้ำจะมา

แนวทางที่ 2 ...... วันที่ 6 (+/- 2-3 วัน) ก.ค. ฉีดพ่นปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 อัตรา 3 ล./ไร่ ปรับหัวฉีดให้
เม็ดน้ำใหญ่ๆ เน้นฉีดโชกๆ บริเณที่เห็นหน้าดิน กับฉีดบางๆ บนเศษซากฟาง ปล่อยทิ้งตากแดดตากฝนไว้จนกว่าจะมีน้ำ ..... ปุ๋ยน้ำชีว
ภาพสูตรระเบิดเถิดเทิงที่ฉีดลงบนหน้าดินโดยตรง เมื่อได้รับน้ำฝน มาก/น้อย จะซึมลงไต้เนื้อดินกับบางส่วนแผ่กระจายออกด้านข้างไป
กับน้ำเอง ส่วนปุ๋ยน้ำชีวภาพฯ ที่สัมผัสกับเศษซากฟางก็จะช่วยย่อยสลายฟางไปก่อน เมื่อมีน้ำเข้ามาก็จะย่อยสลายได้เร็วขึ้น......
(จุลินทรีย์ในปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง เข้า/ถูก กันดีมากกับน้ำฝน น้ำฝนขณะกำลังตกเป็นกรดอ่อนๆ ฉีดพ่นกลางสายฝน หรือฉีด
พ่นสร็จปุ๊บฝนตกปั๊บ ได้ผลดีที่สุด)

แนวทางที่ 3 ....... วันที่ 6 (+/- 2-3 วัน) ก.ค. ใช้แนวทางที่ 2 กับ ที่ 3 ร่วมกัน จะได้ผลสูงสุด

หมายหตุ :
ทั้ง 3 แนวทาง นอกจากจะได้เวลาสำหรับบ่มดินด้วยจุลินทรีย์ทำให้ดินดีแล้ว ยังช่วยส่งเสริมให้ หญ้า/วัชพืช เจริญเติบโตงอกงามเป็น
อย่างมาก .... งานนี้ต้องทัมใจ (ถ้าทัมใจไม่ได้ ก็ต้อง ปะสะบอแรด....) เมื่อได้ดินดีแล้ว จงวางแผนและมุ่งมั่นเอา หญ้า/วัชพืช ทำปุ๋ย
ให้ได้ นั่นเท่ากับได้ 2 เด้ง ประมาณนี้


แนวทางปฏิบัติหลังน้ำเข้าแล้ว :
วันแรกที่น้ำเข้า......ควบคุมระดับน้ำระดับครึ่งหน้าแข้งหรือต่ำกว่าเล็กน้อย, ฉีดพ่นปุ๋ยน้ำชีวภาพระบิดเถิดเทิง 30-10-10 + ปุ๋ยเคมี
10 กก./1 ไร่, ฉีดทับน้ำไปเลย เดี๋ยวปุ๋ยน้ำชีวภาพฯ จมลงไปรออยู่ใต้น้ำเอง เพราะ ถ.พ.หนักกว่าน้ำ

วันที่สองหลังน้ำเข้า..... ย่ำด้วยอีขลุบ (ลูกทุบ) หรือ ไถด้วยโรตารี่ โดย ย่ำ/ไถ 3 รอบ (หรือ 3 ที่ยว) ใน 1 กระทงนา .....ย่ำ/ไถ
ให้ดินแตกละเอีดที่สุดเพื่อกำจัด หญ้า/วัชพืช ประเภทงอกขึ้นมาจากเมล็ดให้หมดมากที่สุด ....การย่ำด้วยอีขลุบ/ไถด้วยโรตารี่ จะ
ช่วยละเลงปุ๋ยน้ำชีวภาพให้กระจัดกระจายไปทั่วพื้นนา

วันที่เจ็ดหลังน้ำเข้า.....ย่ำด้วยอีขลุบ (ลูกทุบ) หรือ ไถด้วยโรตารี่ ครั้งที่สอง โดย ย่ำ/ไถ 2 รอบ (หรือ 2 เที่ยว) ใน 1 กระทงนา .....
ย่ำ/ไถ ให้ดินแตกละเอีดที่สุดเพื่อกำจัดซ้ำ หญ้า/วัชพืช ประเภทงอกขึ้นมาจากเมล็ดแล้ว ยังกำจัดซ้ำ หญ้า/วัชพืช ประเภทงอกขึ้นมา
จาก หัว/เหง้า/ไหล อีกด้วย


หมายเหตุ(1) :
การย่ำด้วยอีขลุบ (ลูกทุบ) หรือไถด้วยโรตารี่ แต่ละครั้งยิ่งมากรอบ (เที่ยว) ยิ่งดี เพราะนอกจากจะได้เนื้อดิน (เทือก) ที่ละเอียดดี
แล้วยังเป็นการกำจัด หญ้า/วัชพืช อีกด้วย

จากวันแรกที่น้ำเข้าแปลงนาถึงวัน ดำ/หว่าน/หยอด ยิ่งนานวันยิ่งดี หากมีเวลานานวันให้พิจารณา ย่ำ/ไถ ซ้ำ โดยให้แต่ละครั้งควร
ห่างกัน 7-10 วัน

ก่อนลงมือ ย่ำ/ไถ แต่ละครั้ง ให้ตรวจสอบการย่อยสลายของฟาง แล้วแก้ไขถ้าจำเป็น เพื่อป้องกันข้าวเป็นโรคเมาตอซัง

หลังจากต้นข้าวเริ่มโตแล้ว เตรียมการกำจัด หญ้า/วัชพืช แบบบูรณาการ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้า


หมายเหตุ (2) :
- ไม่ต้องบอก ไม่ต้องอธิบาย ให้ข้างบ้านรู้ว่าทำนาแบบไหน
- ข้างบ้านบอกให้ใส่ปุ๋ย ก็บอกว่าใส่แล้ว ใส่มากกว่าที่บอกด้วย
- ข้างบ้านบอกให้ฉีดยาฆ่าแมลง ก็บอกว่าฉีดแล้ว ฉีดมากกว่าที่บอกด้วย

- อย่าขัดแย้งกับข้างบ้าน ใครบอกอะไรก็ให้เออออห่อหมกไปตามนั้น แต่ไม่ทำตาม
- อย่ามุ่งหวังเอาผลผลิตมากๆ โดยไม่ควบคุมต้นทุน ระวัง ! ต้นทุนท่วมราคาขาย
- เมื่อคิดว่าตัวเองมีความรู้เริ่มต้นจากศูนย์ ฉนี้ คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 รุ่น จึงจะเห็นทาง


จ.จ.จ. (จำใจจบ)







.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 09/07/2012 6:29 pm, แก้ไขทั้งหมด 4 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Sombutt
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2011
ตอบ: 84

ตอบตอบ: 06/07/2012 11:42 pm    ชื่อกระทู้: เพิ่งจะเริ่ม ปรับแผน....ห้ามจบครับ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ห้ามจบครับลุง

กะรอกเพิ่งจะโผล่หัวออกจากรู ไหนๆ ลุงก็โก่งหน้าไม้แล้ว รอให้กะรอกมันออกจากรูมาเต็มๆ ตัวก่อนค่อยยิง(จบ) ...

ขืนจบตอนนี้นอกจาก สมช. หลายคนจะอารมณ์ค้างแล้ว ยัยเฉิ่ม ขี้หักในแน่ๆ และจะเสียชื่อ พยัคฆ์น้อย กองร้อยอิสระ ผลัดที่ ๑๙ หมดเลย ....

แต่ถ้าตีความคำว่า จ.จ.จ.จำใจจบ แล้ว หมายความว่า จบด้วยความจำใจ แสดงว่า ยังไม่จบจริง ๆ ....

อีกอย่างหนึ่ง ผมรวบรวมเนื้อหา คำวิสัชชนาของลุงในกระทู้ ยัยเฉิ่ม เพื่อจะรวมเล่มเพื่อเป็นตำราเอาไว้ กะว่าจะเอาไว้พิมพ์แจกญาติ
สนิทมิตรสหาย ตอนนี้รวมได้เกือบ 40 หน้ากระดาษ A4 แล้ว ถ้าลุงจบตอนนี้ เรื่องมันก็จะไม่จบความซีครับ และกระทู้นี้มีคนเข้ามา
อ่านแค่กระทู้เดียว หมื่นกว่าครั้งแล้วนะลุง กระทู้เดียวหมื่นกว่าครั้ง น่าภูมิใจสุดๆ เลยนะครับ ผมก็ได้แต่ช่วยลุ้นเป็นกำลังใจให้ยัยเฉิ่ม
แกปลดหนี้ให้ได้น่ะครับ ต่อจากนั้นก็ค่อยลาจากกัน

..........และสำหรับยัยเฉิ่ม จะใช้แผนที่ลุงชี้แนะแผนไหน พรุ่งนี้ วันที่ 7 และ 8 ลุยเลย เพื่อให้ทัน หว่านหรือหยอดหรือดำ วันแม่
เกี่ยววันพ่อ สำหรับของผม(กข.15) ต้องดำวันแม่ยาย (10 กค.) ไปเกี่ยวเอาโน่น ต้นๆ พย. ส่วนข้าว Rice Berry คงทำเทือกพร้อม
ยัยเฉิ่ม แล้วไปดำหลังวันแม่ 15 สค. ถ้าเกี่ยววันพ่อข้าวก็จะมีอายุครบ 112 วัน ไม่ถึง 120 วัน เมล็ดคงยังไม่ทันร่วงนะครับ



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 07/07/2012 5:33 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ประจักษ์พยาน ยืนยันคำพูดของลุงคิมว่า วิธีทำนาตามแบบที่ลุงคิมแนะนำ
มีคนเขาทำ ที่ไหนๆเขาทำกันทั้งนั้น ยกเว้นบ้านคุณ ประมาณนั้นมั้ย....

เก็บภาพวันเสาร์ที่ 7 ก.ค. เวลา 11.45 แปลงนาข้างทางไปไร่กล้อมแกล้ม



ทุ่งรวงทอง ท้องนาแห่ง อ.ท่ามะกา กาญจนบุรี ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาประเภทภาวะจำยอมเรื่องน้ำ ถึงฤดูกาลทำนาทุกปี
ปีละ 2 ครั้ง น้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์จะไหลล่องมาตามคลองชลประทาน กว้าง 50-80 ม. (ห่างจากไร่กล้อมแกล้มราว 200 ม.)
ให้ชาวนาได้ลำเลียงน้ำเข้านาตัวเองตามอัทธยาศรัย จะทำอะไรเมื่อไรก็ได้ เพราะมีเวลานานนับหลายเดือน

ภาพที่เห็น นาแปลงหนึ่งกำลังไถดินแห้งกลบฟาง ในขณะที่แปลงข้างเคียงยังไม่เกี่ยวข้าวเลย ก็มีให้เห็นได้ บ่งบอกชัดว่า ใคร
ใคร่เริ่มลงมือทำเมื่อไร วันใด ใคร่ทำ




คลิกที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดใหญ่....


1.
รถไถผานสาม ไถดินแห้งกลบฟาง สังกตุเห็นว่า รถไถไม่ต้องเร่งเครื่องจนควันดำ แสดงว่าดินหลวม ถ้าดินหลวมก็แสดงว่าดิน
ต้องดี ดินดีก็แสดงว่ามีอินทรีย์วัตถุ เป็นอินทรีย์จากวัตถุเศษซากฟางรุ่นที่แล้ว เพราะมั่นใจว่า หลักการนี้ เจ้าของนาแปลงนี้
คงไม่ใช่เพิ่งมาทำรุ่นนี้เป็นครั้งแรก นั่นหมายความว่า เคยทำมาหลายรุ่นแล้ว



2.
ฟางส่วนที่ถูกไถกลบลงไปอยู่ใต้ดินจะถูกย่อยสลายตามธรรมชาติ ส่วนที่อยู่ด้านบนก็จะแห้ง รอการย่อยสลายต่อไปเมื่อน้ำเข้ามา

นาแปลงนี้ไถดินแห้งตากแดด ได้อินทรีย์วัตถุปรับปรุงบำรุงดิน เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่อง "แปลกแต่จริง" เห็นแล้วไม่ตื่นเต้น ไม่
UNSEEN อะไรเลย แต่ที่สงสัย สงสัย และสงสัยอย่างมากๆ ก็คือ แปลงนาข้างเคียง ใยจึงไม่ทำตามอย่างบ้าง ต่างหากล่ะ




3.
"หญ้า/วัชพืช" ทุกชนิดที่ถูกไถกลบแบบนี้ เมื่อใดที่ได้น้ำก็จะงอกเงยขึ้นมาใหม่ ทั้งเจริญเติบโตและจำนวนมากกว่าเดิม.....ชาว
นาที่ฉลาดล้ำลึกกลับชื่นชอบ เพราะนั่นหมายถึง "ปุ๋ยพืชสด" ที่ช่วยลดปริมาณปุ๋ยเคมีที่ต้องใช้ ช่วยปรับสภาพโครงสร้างดิน
ช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ และอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อต้นข้าวในรุ่นการผลิตต่อไป

ชาวนาประเภทความคิดถอยหลังมักเผาทิ้งทั้งหมด นัยว่า เพื่อให้การไถสะดวก ง่าย เร็ว ไม่พันผาน และประหยัดน้ำมันรถไถ
เพื่อกำจัดศัตรูพืชที่แฝงอยู่ในฟาง เพื่อไม่ให้ข้าวเมาตอซัง....ความคิดผิดเหล่านี้ คือ เหตุปัจจัยหลักแห่งการขาดทุน




4.
ชัดชัด ในฟาง 1 ตัน มีสารอาหาร N-P-K 16 กก. ธาตุซิลิก้า (หินภูเขาไฟ) 6.9 กก. นี่คือสารอาหารพืช "ฟรี" ที่พระเจ้า
ประทานให้

พืชหรือต้นข้าว ต้องการสารอาหาร (ปุ๋ย) 14 ตัว ฮอร์โมน-วิตามิน-อื่นๆ อีกต่างหาก ฟางซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสรีระต้นข้าว ในฟาง
ย่อมมีสารอาหารต่างๆสำหรับพัฒนาตัวเอง มิเช่นนั้น ต้นข้าว (ฟาง) จะสร้างเมล็ดข้าวได้ยังไง ต้นใดมีสารอาหาร มาก/ครบ ต้นนั้น
ย่อมสร้างเมล็ดได้ดีกว่า (คุณภาพ-ปริมาณ) ต้นใดมีสารอาหาร น้อย/ไม่ครบ ต้นนั้นย่อมสร้างเมล็ดได้น้อยกว่า.....ชาวนาเผาฟางทิ้ง
เท่ากับเผาสารอาหารของต้นข้าวทิ้ง เผาทิ้ง 14 ตัว แต่ "ซื้อ" มาใส่เพียง 2 ตัว (N ในยูเรีย, P ใน 16-20-0) ..... การเผาฟาง
มิใช่เพียงทำลายสารอาหารของต้นข้าวเท่านั้น ยังทำลายจุลินทรีย์ ซึ่งถือเป็น "ผู้อารักขาพืช" อีกด้วย




5.
ตากแดดจัด 10-15 วัน โดยทั่วๆไป ระหว่างนี้หากมีฝนตกให้ยกเลิก แล้วเริ่ม 1 ใหม่ แต่กรณีนาข้าวไม่ต้องเคร่งครัดขนาดนั้น
ก็ได้ การตากแดดจัดนอกจากเป็นการกำจัดเชื้อโรคที่ยังแฝงอยู่ในเนื้อดินแล้ว ยังช่วยทำให้ดินร่วนซุย ทำเทือกให้ลึกเหนือตาตุ่ม
ถึงครึ่งหน้าแข้งได้สบายๆ.....ผลพลอยได้ คือ การเจริญเติบโตของต้นข้าวอย่างแท้ และการเจริญเติบโตของต้นก็คือ ปริมาณ
คุณภาพ - ต้นทุน ของผลผลิต นั่นอง

อย่าลืม ดิน คือ ที่กินที่อยู่ของต้นข้าว....ดินดี ได้แล้วกว่าครึ่ง ทั้งๆที่ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีแม้แต่เม็ดเดียว

3 ส่วนใน 4 ส่วนของการเจริญเติบโตของต้นข้าว มาจากดินที่ไถกลบฟาง หากต้องการผลิตดีทั้งปริมาณและคุณภาพ จำเป็นต้อง
"ใจเย็น" เตรียมดินให้พร้อมอย่างแท้จริงเสียก่อน ..... เสียเวลาเตรียมดิน ย่อมดีกว่าเสียเงินซื้อปุ๋ย-ซื้อยา



เขาทำได้ เราทำไม่ได้ เพราะอะไร ? ............................................. ถามตัวเอง
วิธีนี้ไม่ถูกต้องตามหลักวิการ แล้วที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ? ........................ ถามตัวเอง

ใส่ปุ๋ย 10 กก. ได้ข้าว 100 ถัง ใส่ 100 กก. ก็ได้ 100 ถัง เพราะอะไร...........ถามตัวเอง




.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 09/07/2012 12:08 pm, แก้ไขทั้งหมด 14 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 07/07/2012 7:55 pm    ชื่อกระทู้: Re: เพิ่งจะเริ่ม ปรับแผน....ห้ามจบครับ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Sombutt บันทึก:
ห้ามจบครับลุง :

กะรอกเพิ่งจะโผล่หัวออกจากรู ไหนๆ ลุงก็โก่งหน้าไม้แล้ว รอให้กะรอกมันออกจากรูมาเต็มๆ ตัวก่อนค่อยยิง (จบ) ...
ตอบ :
กะรอก หรือ ตัวตุ่น (วะ....)





ขืนจบตอนนี้นอกจาก สมช. หลายคนจะอารมณ์ค้างแล้ว ยัยเฉิ่ม ขี้หักในแน่ๆ และจะเสียชื่อ พยัคฆ์น้อย กองร้อยอิสระ ผลัดที่ ๑๙ หมดเลย ....
ตอบ :
ปานนั้นเชียว.....ไม่กล้าเชื่อเลย (ว่ะ....)






แต่ถ้าตีความคำว่า "จ.จ.จ. จำใจจบ" แล้ว หมายความว่า จบด้วยความจำใจ แสดงว่า ยังไม่จบจริง ๆ ....
ตอบ :
มันอยู่ที่อารมย์ ยามใดเกิดอาการ ค้าง-เครียด-คึก เป็นต้องมีอะไรซักอย่างอุบัติขึ้นมาทันที.....นิสัยถาวร (โว้ย.....)





อีกอย่างหนึ่ง ผมรวบรวมเนื้อหา คำวิสัชชนาของลุงในกระทู้ ยัยเฉิ่ม เพื่อจะรวมเล่มเพื่อเป็นตำราเอาไว้ กะว่าจะเอาไว้พิมพ์แจกญาติสนิท
มิตรสหาย ตอนนี้รวมได้เกือบ 40 หน้ากระดาษ A4 แล้ว ถ้าลุงจบตอนนี้ เรื่องมันก็จะไม่จบกระบวนความซีครับ และกระทู้นี้มีคนเข้ามา
อ่านแค่กระทู้เดียว หมื่นกว่าครั้งแล้วนะลุง กระทู้เดียวหมื่นกว่าครั้ง น่าภูมิใจสุดๆ เลยนะครับ ผมก็ได้แต่ช่วยลุ้นเป็นกำลังใจให้ยัยเฉิ่มแก
ปลดหนี้ให้ได้น่ะครับ ต่อจากนั้นก็ค่อยลาจากกัน
ตอบ :
ข้อมูลเรื่องนาข้าวมิได้มีเพียงเท่านี้ นี่เป็นนาข้าวของ "ยัยเฉิ่ม" แปลงเดียว ยังมีข้อมูลอีกมาก คลิกไปที่ "เมนูหลัก - นาข้าว" อยาก
ได้เท่าไหร COPY ไปเลย COPY ขายซี่ MAKE MONEY ได้นะ.....ขายสิ่งที่ถูกต้อง ขายไปเถอะ CHEER


กระทู้นี้มีคนเข้ามาอ่าน "หมื่นกว่า" ครั้ง ..... ไม่เชื่อ (ว่ะ.....)
โปรแกรมสถิติน่าจะผิดพลาด เข้ามาอ่าน 1 คน 1 ครั้ง ตัวเลขขึ้น 800 บางทีก็ 2,000 ..... เพราะฉนั้น คนที่เข้ามาอ่านจริงๆ ตั้งแต่
เริ่มต้นน่าจะซัก 100 กว่าๆ เท่านั้นแหละ

ถ้ามีคนเข้ามาอ่านมากมายนาดนั้นจริง ก็น่าจะมีบ้างซัก 1 คน 10 คน เข้ามาแจมด้วย ตามประสา "สังคมแห่งการแบ่งปัน" แต่นี่มี
แค่เรา 3-4 คน ที่เข้ามาเป็นเจ้าประจำ แล้วจะให้เชื่อว่า "หมื่นกว่า" ได้ไง.....ว่ามั้ย

.... เชื่ออะไรเขาหลอก เขาบอกว่าเป็นแม่โขง ที่แท้ก็คือเหล้าโรง เพราะเราถูกโกงชอกช้ำใจจริง.....

ผิดกับเว้ปอื่นที่คนเข้าไป อิ๊อิ๊อ๊ะอ๊ะ - เจ๊าะแจ๊ะเจ๊าะแจ๊ะ วันละ (เน้นย้ำวันละ....) เป็นหมื่น ..... ฉนี้แล้ว เว้ปนี้จะอยู่ไปใย ใครๆก็ว่า
เว้ปนี้ให้ความรู้ เว้ปนี้ให้ความรู้ แสดงว่าคนไม่ชอบ "ความรู้" ชอบแต่ที่สนุกสนาน เฮเฮฮาฮา เพราะฉนั้น สิ้นปีนี้ "ปิด-เลิก" ซะดีไหม

ก็มีเคยมีนะที่มีคนบอกว่า "เว้ปนี้ปิดได้แล้ว...." แต่ก็ยังฝืนทนเปิดต่อ ด้วยอยากเอาชนะคน แต่วันนี้รู้แล้วว่า นอกจากไม่ชนะแล้วยัง
"เจ็บ" อีกด้วย....ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ

แม้แต่ปุ๋ยลุงคิม ที่มีคนมาบอกว่าได้ผลน่ะ เขา "โกหก" ....

เราก็มานึก นึก และนึก นี่เขาลงทุนวิ่งรถมา เสียค่าน้ำมัน แถมซื้อไปอีก 100 ล. เพื่อ "โกหก" กระนั้นหรือ

แล้วที่ซื้อไปครั้งละเป็น 100 + 100 ลิตร นั่นเขาซื้อไปเททิ้งมั้ง.....

ยุคนี้ อย่ามุ่งเอาชนะคน คนเอาชนะคนไม่ได้ นอกจากไม่มีคนชนะแล้ว ยังแพ้ทั้งคู่อีกด้วย..
สมัยนี้ หันหน้าเข้าหากัน ปรึกษากัน ช่วยกันสร้างสรร แล้วจะชนะทั้งคู่.....
ยุคนี้ สมัยนี้ สร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน จะไม่มีใครเสีย แต่กลับได้ทุกคน....





..........และสำหรับยัยเฉิ่ม จะใช้แผนที่ลุงชี้แนะแผนไหน พรุ่งนี้ วันที่ 7 และ 8 ลุยเลย เพื่อให้ทัน หว่านหรือหยอดหรือดำ วันแม่เกี่ยว
วันพ่อ สำหรับของผม(กข.15) ต้องดำวันแม่ยาย (10 ก.ค.) ไปเกี่ยวเอาโน่น ต้นๆ พ.ย. ส่วนข้าว Rice Berry คงทำเทือกพร้อม
ยัยเฉิ่ม แล้วไปดำหลังวันแม่ 15 ส.ค. ถ้าเกี่ยววันพ่อข้าวก็จะมีอายุครบ 112 วัน ไม่ถึง 120 วัน เมล็ดคงยังไม่ทันร่วงนะครับ
ตอบ :
กรณี "ยัยเฉิ่ม" ถ้าตามตารางนี้ได้ ให้ปุ๋ย "ฟรี" สำหรับนา 1 รุ่น 25 ไร่....เอาไปเลย.....เย่ !

ของคุณด้วยนะ "สมบัติ" บอก "แดงศาลายา" มารับได้เลย "ฟรี ฟรี".....เย่ !





.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 09/07/2012 6:31 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 09/07/2012 10:04 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

รูปส่งผ่านมาทางโทรศัพท์ ฝากโพสต์ลงเว้ป.....



สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีค่ะ ทิดบัติ เชียงราย และ สมช.ทุกท่าน



ไชโยดังๆ ทุกครั้งที่เรามีชัย ไชโย ไชโย ไชโยทุกครั้งที่เรามีชัย ไชโยไชโย

ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่ขอร้องไชโย ก่อนน่า จะได้อย่างน้อยก็ได้ใช้น้ำหมักระเบิด "ฟรี" เพราะทำ
ตามแผนแล้ว วันที่ 7-8 ใส่น้ำหมักระเบิด ตามรูปที่ส่งมาให้

C0MMENT :
กันตรึมเรื่องนี้ยังไม่จบ JUST BEGIN เท่านั้น โน่นแหละ ขายข้าวเสร็จ หักต้นทุนเหลือกำไรเข้าบ้าน ของ "ฟรี" ถึงจะมี

เส้นทางข้างหน้ายังมีเรื่อง "วัดใจ" อีกหลายรายการ ฉีดพ่นสารอาหารทุก 7-10 วัน +สารสมุนไพรทุกครั้ง, ฉีดพ่นสารสมุนไพรเดี่ยวๆ
ทุก 3 วัน ก่อนการระบาด และฉีดทุกวัน 3 วันติดด่อขณะศัตรูพืชกำลังระบาดอยู่แปลงข้างๆ

"ปุ๋ยไม่ใช่ของวิเศษ" ใช่ว่าให้ปุ๋ยแล้วไม่ต้องทำอย่างอื่นเลย ก็หาไม่ เหตุปัจจัยที่ทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโต ให้ผลผลิตดีทั้งคุณภาพและ
ปริมาณนั้น ต้องอาศัย ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ-โรค ที่ได้รับการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม สอดคล้อง
ตรงกับความต้องการตามธรรมชาตินิสัยของต้นข้าวให้ได้ เหล่านี้คือ "งาน" ทั้งสิ้น

ที่สำคัญเหนืออื่นใด เหนือกว่าการล้างหนี้ให้แม่ นั่นคือ "ลบคำปรามาสของคน" ทำให้คนที่เคยยิ้มเยาะ กลืนน้ำลายตัวเองให้ได้
เพราะฉนั้นงานนี้ต้อง "ขยัน - ฉลาด - อมภูมิ" เท่านั้น....






iร
1.
แปลงนาที่ทำการไถกลับหน้าดินไว้เมื่อ วันที่ 20-21 มิ.ย.55 จากการมองด้วยตาเปล่า ดินมีความร่วนซุยมากกว่า
ไถดะเมื่อนาครั้งที่แล้ว

COMMENT :
เตรียมตัวเตรียมใจรับของกำนัลจากพระจ้า ท่านจะประธาน "ปุ๋ยพืชสด" ให้จำนวนมากมาย หญ้า/วัชพืช ในเนื้อดิน
กำลังบ่มพักรอสัญญานจากพระเจ้าให้เกิดใหม่จำนวนมากมายมหาศาล มนุษย์ผู้ "ขยัน-ฉลาด-อมภูมิ-เชื่อมั่น
ในหลักการธรรมชาติ" เท่านั้น ที่จะรู้ เข้าใจ และกล้าหาญเปลี่ยน หญ้า/วัชพืช ให้เป็นปุ๋ย บำรุงจุลินทรีย์ บำรุงดิน
เริ่มจากนาข้าวรุ่นนี้ แล้วจะต่อไปรุ่นหน้า ถึงรุ่นถัดไปได้อีกด้วย


ถามหน่อย....แถวนั้น ย่านนั้น มีใครทำอย่างนี้ มาก/น้อย บ้าวไหม ?....







2.
ลูกชายสุดหล่อ (หน้าตาดีเหมือนแม่) ทำการพ่นน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงลงแปลงนา อัตราส่วน 2 ลิตร ต่อไร่ ใช้เครื่อง
พ่นแบบสะพาย หนักมากใส่ครั้ง 23 ลิตร ถ้าเป็นยัยเฉิ่ม เดินไม่ไหว

COMMENT :
ลูกชาย รูปหล่อก็หล่อแบบผู้ชาย เห็นด้วย.... แต่ถ้าแม่หล่อ (สวย) แบบนี้ อ้วกกกก ดีกว่า







3.
เครื่องพ่นแบบสะพายหลัง ใช้แบตเตอรี ได้รับความอนุเคราะห์จาก ทิดแดงศาลายา ตัวนี้ พ่นน้ำละเอียดเป็นฝอยมาก
น้ำหนักเบา ใส่ได้ครั้งละ 18-20 ลิตร เป็นตัวที่ยัยเฉิ่มใช่พ่น

COMMENT :
น่าจะถ่ายรูโพสลงมาให้ดูกันหน่อย CLOSE UP แบตเตอรี่ + ปั๊ม ให้เห็นชัดๆว่าหน้าตาเป็นฉันใด โดยเฉพาะวิธีประกอบ

เท่าที่เคยเห็นมา เขาใช้แบตเตอรี่ มอเตอร์ไซด์ กับปั๊มปัดน้ำฝนรถยนต์ ก็ใช้งานได้แล้ว







4.
ถังน้ำหมักระเบิดเทิดเิทิงผสมน้ำแล้ว แต่ค่อนข้างเข้มข้น สารอาหารเพียบ

COMMENT :
ขึ้นชื่อว่า น้ำหมักชีวภาพ" สูตรไหนก็ตามแต่ ชอบแล้วเข้ากันดีเป็นอย่างมากกับน้ำฝน เพราะน้ำฝนใหม่ๆ มีสถานะเป็นกรดอ่อนๆ
กรดแบบนี้นี่แหละที่จุลินทรีย์เขาชอบ ถ้าฉีดพ่นลงดินท่ามกลางสายฝนได้จะดีที่สุด (คนฉีด ห้ามสาบาลว่าให้ฟ้าผ่า) หรือฉีด
พ่นเสร็จปุ๊บ ฝนตกลงมาปั๊บ นั่นก็ดี ถึงจะมีฝนหรือไม่มีฝน ใส่ย่อมดีกว่าไม่ได้ใส่ ยิ่งของฟรีด้วยแล้ว ยิ่งดีใหญ่เลย....ว่ามั้ย






อยากให้ลุงอธิบายว่าการ "กำจัดหญ้าแบบบูรณาการ" ทำอย่างไรคะ เพราะยัยเฉิ่ม ไม่สามารถที่จะย่ำเทือกหลายายรอบ แบบที่
ลุงว่าได้ค่ะ

ตอบ :
หลักการและเหตุผล ....
- วัชพืช คือ พืชที่ไม่ต้องการ.....ต้นข้าว คือ พืชประธาน
- ต้นข้าว คือ พืชตระกูลหญ้า เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวเหมือนกัน

สารกำจัดวัชพืช ทุกชนิด-ทุกยี่ห้อ ที่ใช้กำจัด หญ้า/วัชพืช ในนาข้าวขณะที่มีต้นข้าวกำลังเจริญเติบโตอยู่ในนานั้น สารชนิดนี้
จะทำให้ต้นข้าวในทุกระยะการเจริญเติบโตชงักการเจริญเติบโต ราว 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสาร ....ผลของการ
ชงักการเจริญเติบโต คือ หยุดการเจริญเติบโตแล้ว ยังส่งผลไปถึงคุณภาพของผลผลิต และภูมิต้านทานในต้น ลดลงอีกด้วย

ไม่มีสารกำจัดวัชพืชยี่ห้อใดในโลกนี้ที่ใช้ตามอัตราที่ระบุข้างฉลาก ใช้แล้ววัชพืชตายสนิท อย่างดีก็แค่ใบไหม้เท่านั้น ไม่
ช้าไม่นานก็จะแตกยอดใหม่จากตอเดิม ยอดที่แตกใหม่จะพัฒนาเป็นต้นใหญ่ สมบูรณ์ แข็งแรงดีกว่าเดิม

แนวทางปฏิบัติ :
หลังจากฉีดสารกำจัดวัชพืช ที่ชาวนาเรียกว่า "ยาฆ่า-ยาคุม" แล้ว 3 วัน ขึ้นวันที่ 4 ให้ฉีดพ่นสารอาหารให้แก่ต้นข้าวด้วย
"แม็กเนเซียม + สังกะสี + น้ำตาลทางด่วน + สารสมุนไพร" ทันที่ ฉีดพ่น 2 รอบ ห่างกันรอบละ 3 วัน จากนั้นจึงบำรุง
ตามปกติต่อไป

เมื่อต้นข้าวโตถึงระยะกล้า อายุประมาณ 40-50 วัน ให้ปล่อยน้ำเข้าท่วมครึ่งความสูงขอต้นข้าว น้ำจะทำให้ หญ้า/วัชพืช ประ
เภทไม่ทนน้ำท่วมตายได้เช่นกัน


หมายเหตุ :
คำว่า "บูรณาการ" ไม่มีความใดเป็นการเฉพาะต่อเรื่องนี้ ใช้เรียกเพื่อกระตุกต่อมความสนใจเล่นๆ เท่านั้น หรือไม่ก็ทำให้ดู
ทันสมันขึ้นมาหน่อย ประมาณนั้น





มุ่งมั่น แน่วแน่ แม่นสูตร แม่นหลักการ



ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 09/07/2012 9:29 pm, แก้ไขทั้งหมด 16 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 09/07/2012 11:44 am    ชื่อกระทู้: ขอสักเล่ม ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดี ลุงคิม
สวัสดีค่ะ ทิดบัติ เชียงราย และ สมช.ทุกท่าน



ยัยเฉิ่มก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าจะเป็น กระรอก หรือเป็น ตัวตุ่น ดี เพราะกระรอกน่ะเคยเห็น แต่ตัวตุ่นไม่เคยเห็น สงสัยตัวตุ่นคงหน้าตาดี
น่ารัก เหมือนกระรอกแหละ


ถ้าทิดบัติทำหนังสือ ยัยเฉิ่มขอสักเล่นนะคะ รับรอง ถ้าทิดทำหลายเล่ม ยัยเฉิ่มไม่คิดค่าลิขสิทธิ ที่แสดงอาการเฉิ่มเป็นตัวหนังสือ
ออกมา และไม่คิดค่าความไม่รู้ของตัวเองสักกระนิด (แถวบ้านอื่นอาจเรียก "โง่" แต่บ้านยัยเฉิ่มเรียก "ไม่รู้" ค่ะ)


อย่างทิดบัติว่า ถ้าลุงจบตอนนี้ ยัยเฉิ่มขี้หักในแน่ๆเลย อาจถึงลงแดงตายเลยก็ว่าได้ ยัยเฉิ่มคิดว่านะ นอกจากยัยเฉิ่มจะขี้หักในแล้ว
อีกหลายคนก็คงมีอาการเดียวกับยัยเฉิ่ม ลุงคงต้องคิดหนักแหละ ว่าจะทำให้หลายคนอารมย์ค้าง หรือลุงจะอารมค้างคนเดียว ที่ไม่ได้
ดังใจ


ยัยเฉิ่ม และทิดบัติได้ น้ำหมักฟรี อยากรู้จัก สมาชิกที่เข้ามาอ่าน ไม่อยากได้ฟรีแบบยัยเฉิ่มบ้างหรือคะ ?



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 09/07/2012 1:25 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

"ตุ่น" ผู้หยั่งรู้คุณภาพดิน วัดดรรชนีคุณภาพ ความสมบูรณ์....




http://www.google.com/imgres?imgurl=http://www.thairath.co.th/media/content/2009/09/14/33047_20_2.jpg&imgrefurl=http://www.thairath.co.th/content/edu/33047&h=450&w=300&sz=51&tbnid=fn8brHwBzFvUiM:&tbnh=275&tbnw=183&prev=/search%3Fq%3D%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2599%26tbm%3Disch%26tbo%3Du&zoom=1&q=%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99&usg=__nWX8GPYxVWYP2si4trQrpkzc_qA=&hl=th&sa=X&ei=M3b6T77kDovyrQff78nKBg&ved=0CBMQ9QEwAQ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Sombutt
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2011
ตอบ: 84

ตอบตอบ: 10/07/2012 12:02 am    ชื่อกระทู้: ยัยเฉิ่ม(บอกว่าตัวเองสวย)จะเป็นชาวนา ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม สวัสดียัยเฉิ่ม


มีเรื่องที่จะตอบกระทู้ของยัยเฉิ่มหลายรายการ แต่ก่อนอื่น ขอขอบคุณลุงคิมที่อนุเคราะห์ ปุ๋ย (เป็นบารมีทาน) ครับ เย้ (เย้ มั่งซี่)...ฝนตก
ไม่ทั่วฟ้าอย่างนี้ ทิดแดง คนนำสารและส่งข้าวส่งน้ำก็น้อยใจแย่ซีครับลุง...ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ใน เวนิสวานิชว่า....

อันความ กรุณา ปราณี ......................... จะมีใคร บังคับ ก็หาไม่
หลั่งมาเอง เหมือนฝน อันชื่นใจ ............... จากฟากฟ้า สุราลัย สู่แดนดิน
เป็นสิ่งดี สองชั้น พลันปลื้มใจ ................. แห่งผู้ให้ และผู้รับ สมถวิล...

จำได้แค่เนี้ย เรียนมานานลืมครับ .. อิอิ


ได้ข่าวว่า หลังน้ำลด ทิดแดงล้มสวนกลบร่องทำนาไปแล้ว ....กลับจากอีสานเมื่อวันที่ 1 กค. ก็ส่งข่าวบอกว่าต้อง ย้อนกลับไปธุระ
(ต่อแข้งต่อขา)ที่โคราชอีก ...กลับจากโคราชเช้าวันที่ 5 ก็โทรบอก...

” เรื่องปุ๋ย E-Kim ของเอ็ง สั่งคุณน้ำส้มไปแล้ว ใจเย็น ๆ ได้แน่ (เมื่อไหร่ล่ะทิด) ขอทำธุระเรื่องประกันราคาข้าวก่อน ต้องทำให้เสร็จ
ภายในวันที่ 6 ก.ค.เป็นวันสุดท้าย “


ผมถามว่า “ทำไมรีบหว่านนักล่ะทิด ” เค้าบอกว่า
“ ก็เจ๊เอ็งนั่นแหละ ใจร้อนไปเอง ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เรื่องมันยาว เสียเวลาคุย เอ็งก็สงบปากซะมั่ง ยังไม่ออกจากดักแด้
เสียงก็ยังแหบเป็นผีก็องก็อย ยังอยากจะพูดอีก “ ....ผมโดนจนได้



ทีนี้ว่า บ่ายแก่ ๆ วันที่ 6 ก็ได้รับโทรศัพท์
“ เรื่องประกันข้าวเสร็จแล้ว แต่ต้องเอาของไปส่งให้ (....) ลูกสาวที่ปาย ด่วน กลับมาค่อยว่ากัน”

“ อย่างนี้ปุ๋ยของฉันก็แห้วซีทิด”

“ เออน่า ได้แน่ ๆ “ ......


หลังจากนั้นถึงวันนี้ก็โทรติดต่อกันไม่ได้ ....มารู้จากหลานว่า พี่ท่านดันลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วย โอ้โฮ สงสัยจะคิดถึงสาวลีซอ สาวมูเซอ
สาวกะเหรี่ยงที่นั่น จึงรีบร้อนถึงขนาดลืมโทรศัพท์เลยนิ ....เป็นอันว่า ผมเลยแห้ว ต้องคอยปุ๋ย E-Kim ของลุงต่อไป ...ยังดีว่า ของเก่ามี
เหลืออยู่น้อยนิด และวันนี้ ตีเทือกครั้งสุดท้าย พรุ่งนี้วันที่ 10 กค. เป็นวันแม่ยาย ผมจะเริ่มดำนาปี เป็นครั้งที่สอง ที่บอกเป็นวันแม่ยาย
เพราะปีนี้แม่ยายกับลูกสาวช่วยกันดำ ส่วนผม (ยังเข้าดักแด้อยู่) ชี้นิ้วมั่งละ เย้




ทีนี้ขอตอบกระทู้ของลุงก่อน
ที่บอกว่า กะรอกเพิ่งจะโผล่หัวออกจากรู...
ลุงตอบว่า : กะรอก หรือ ตัวตุ่น (วะ....) .....
ความจริงกะรอกมันต้องออกจากโพรงครับ และตัวตุ่นนั่นแหละที่จะออกจากรู ....ผมขอยอมรับเป็นตัวตุ่นด้วยความยินดีครับลุง
ทั้งโง่ และเง่า ทั้งเต่า และตุ่น .. แต่....ตอนเช้าแถวกาด(ตลาด)หน้าอำเภอ จะมีตัวตุ่นแบะ(ผ่า)สองซีกมาวางขายเกือบทุกวัน
เอาทากระเทียมพริกไทยใส่เกลือนิดหน่อย ย่างนะลุงเอ๊ย เวลาน้ำมันหยดลงถ่านกลิ่นหอมเหมือนเป็ดย่างเราดี ๆ นี่แหละ แต่
อร่อยกว่าเป็ดย่างหลายขุม (นรก) นัก ใครอยากลิ้มลองบอกได้เลย สมบัติจัดให้


ที่บอกว่า ขืนจบตอนนี้นอกจาก สมช. หลายคนจะอารมณ์ค้างแล้ว ยัยเฉิ่ม ขี้หักในแน่ๆ และจะเสียชื่อ พยัคฆ์น้อย กองร้อยอิสระ
ผลัดที่ ๑๙ หมดเลย ....

ตอบ :
ปานนั้นเชียว.....ไม่กล้าเชื่อเลย (ว่ะ....).......
เชื่อผมเถอะครับลุง พี่ไม่เชื่อน้องแล้วพี่จะเชื่อใครล่ะ


และที่บอกว่า กระทู้นี้มีคนเข้ามาอ่านแค่กระทู้เดียว หมื่นกว่าครั้งแล้วนะลุง กระทู้เดียวหมื่นกว่าครั้ง น่าภูมิใจสุดๆ เลยนะครับ ผมก็ได้
แต่ช่วยลุ้นเป็นกำลังใจให้ยัยเฉิ่มแกปลดหนี้ให้ได้น่ะครับ ต่อจากนั้นก็ค่อยลาจากกัน

ตอบ :
ข้อมูลเรื่องนาข้าวมิได้มีเพียงเท่านี้ นี่เป็นนาข้าวของ "ยัยเฉิ่ม" แปลงเดียว ยังมีข้อมูลอีกมาก คลิกไปที่ "เมนูหลัก - นาข้าว" อยาก
ได้เท่าไหร COPY ไปเลย COPY ขายซี่ MAKE MONEY ได้นะ.....ขายสิ่งที่ถูกต้อง ขายไปเถอะ CHEER
อีตรงนี้นะครับ

ขอบอก ในเมนูหลักเรื่อง นาข้าวของลุง นั่นน่ะ มันเป็นวิชาการเกินไป แบบตำราของ IRRIอ่านแล้วง่วง อ่านทีไร ง่วงหลับสบายทุกที แต่ที่
ลุงตอบตรงนี้เรียกว่า ตรงเป้า (เตะผ่าหมาก) เป็นวิชาเกิน เปรียบได้กับ วิทยายุทธ์นอกหลักสูตร เป็นการไขความลับจากใจลึก ๆ ของ
ลุงคิม อ่านแล้วมันชวนให้น่าลุ้น น่าติดตาม ….และผมต้องขอพระอภัยมณีนุชครับ ที่ลุงบอกว่า ให้ Copy เอาไปขายน่ะ
ไม่เป็นไร เมินเสียเถิด ….ลุงคิม ถอดใจให้ความรู้ผมและ สมช. ฟรี ๆ ถ้าผม Copy เอาไปขายละก็ คงต้องลงรูลึกว่าเป็นตัวตุ่นอีกละครับลุง
เอาหัวผีตาโขนมาใส่ก็ยังไม่พ้นอาย...รวมเสร็จผมจะเอามาลงในเว็ปลุง – ในกระทู้ยัยเฉิ่ม นี่แหละ ใครอยากได้ก็ Copy เอาไป Print เอง



กระทู้นี้มีคนเข้ามาอ่าน "หมื่นกว่า" ครั้ง ..... ไม่เชื่อ (ว่ะ...)
ไม่เชื่อก็ตามใจลุงปะไร แต่ความจริงเป็นเช่นนั้น



โปรแกรมสถิติน่าจะผิดพลาด เข้ามาอ่าน 1 คน 1 ครั้ง ตัวเลขขึ้น 800 บางทีก็ 2,000 ..... เพราะฉนั้น คนที่เข้ามา
อ่านจริงๆ ตั้งแต่เริ่มต้นน่าจะซัก 100 กว่าๆ เท่านั้นแหละ

ไอ้การนับแบบลุงน่ะ เป็นการนับแบบ คอร์รัปชั่น ก็ดูหลักฐานที่ อบต.เค้าจ่ายเงินชดเชยค่าน้ำท่วม ที่ออก ทีวี ว่า ได้เงิน 15 บาท พอไปร้อง
เรียนเอากลับไปเติมศูนย์มาอีก 3 ศูนย์ เลยได้เป็น 15,000 บาท แต่การอ่านกระทู้ของลุงแต่ละครั้ง เพิ่มครั้งละ 1 ชัวร์ ไม่ใช่นับแบบเด็ก ๆ
นับเลข 1 – 10 เร็ว ๆ ...หนึ่ง แหนด แปด เก้าสิบนะครับลุง



ถ้ามีคนเข้ามาอ่านมากมายนาดนั้นจริง ก็น่าจะมีบ้างซัก 1 คน 10 คน เข้ามาแจมด้วย ตามประสา "สังคมแห่งการแบ่งปัน"
แต่นี่มีแค่เรา 3-4 คน ที่เข้ามาเป็นเจ้าประจำ แล้วจะให้เชื่อว่า "หมื่นกว่า" ได้ไง.....ว่ามั้ย

ลุงครับ ไม่ใช่มีแค่เรา 3 – 4 คน คนที่เข้ามาอ่านเว็ปของลุงนี่นะ มีตั้งแต่ชั้นเทวดา ถึงมนุษย์เดินดิน เรียกว่าระดับ เก่งสุดๆ ชั้นเทพก็มี
แต่ไม่กล้าแสดงออก กลัวพลาดแล้วอาย บางคนกลัวๆ กล้าๆ แต่หนักไปทางไม่กล้า และลุงครับ กว่าที่จะคลิกได้ถึง หมื่น ครั้งนี่นะ
กี่วันกี่คืนถึงจะคลิกได้ถึง และผมคงไม่บ้าเสียเวลามานั่งคลิกหรอกครับ ไปคลิกดู คลิปแปลกๆ ของเหล่าดาราดีกว่าแยะ


.... เชื่ออะไรเขาหลอก เขาบอกว่าเป็นแม่โขง ที่แท้ก็คือเหล้าโรง เพราะเราถูกโกงชอกช้ำใจจริง....
ต่อให้อีกนิดก็ได้ ....รู้เขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก ลุงจะว่ายังไง....เพลงฮิทประจำร้านอาหาร ต่างจังหวัด .



ผิดกับเว้ปอื่นที่คนเข้าไป อิ๊อิ๊อ๊ะอ๊ะ - เจ๊าะแจ๊ะเจ๊าะแจ๊ะ วันละ (เน้นย้ำวันละ....) เป็นหมื่น ..... ฉะนี้แล้ว เว้ปนี้จะอยู่ไปใย
ใครๆก็ว่า เว้ปนี้ให้ความรู้ เว้ปนี้ให้ความรู้ แสดงว่าคนไม่ชอบ "ความรู้" ชอบแต่ที่สนุกสนาน เฮเฮฮาฮา เพราะฉนั้น สิ้นปีนี้ "ปิด-เลิก" ซะดีไหม

น้อยหน่อยครับลุง อิหยัง อิหยังก็จะปิ๊ด ไม่เอ็นดู (สงสาร) สมช.สีสันชีวิตไทย ตาดำ ๆ หรือครับ แล้วถ้าปิดเว็ปจริงๆ ลุงไม่กลัว โรคเหี่ยวเฉา
หรือ โรคซึมเศร้า หรือครับ ไม่มีอะไรทำ มันง่อม (เหงา) นา



ก็มีเคยมีนะที่มีคนบอกว่า "เว้ปนี้ปิดได้แล้ว....ก็ชั่งแม่งปะไร ลุงเคยได้ยินเองกะหูรึเปล่าล่ะ บอกให้คนอื่น
หนักแน่น แล้วตัวเองก็บอกเวลาต้นรายการ กระผม พันโท วีระ ใจหนักแน่น แต่ไปน้อยใจกับคำพูด คุ่ยๆ ของพวก
แอ๊บแบ๊ว ไปด้าย



"แต่ก็ยังฝืนทนเปิดต่อ ด้วยอยากเอาชนะคน แต่วันนี้รู้แล้วว่า นอกจากไม่ชนะแล้วยัง "เจ็บ" อีกด้วย...ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ
โสน้าหน้า ก็ลุงอยากไปเอาชนะเขาแล้วมาบ่นให้ตัวเองบอกว่า เจ็บ ไม่สบายใจทำมั๊ย ....ขออภัย อย่าว่าน้องนุ่งบังอาจเลย ลุงอยู่เฉยๆ
แล้วลุงจะชนะทุกอย่าง (บทพระพุทธเจ้าชนะมาร – พาหุงมหากาไงล่ะครับ) อย่างที่ลุงเคยว่า... เฉยไว้แล้วดีเอง


แม้แต่ปุ๋ยลุงคิม ที่มีคนมาบอกว่าได้ผลน่ะ เขา "โกหก" ....
ใครคนไหนว่าครับ คนอื่นผมไม่รู้นะ แต่ของผมปีที่แล้ว
มาทำครั้งแรก ไม่รู้อะไรเลย ก็ใช้ปุ๋ยลุงนี่แหละ ข้าวโดนลมพายุ นาข้าง ๆ ข้าวล้มระเนระนาด แต่ข้าวที่ใช้ปุ๋ยของลุง ต้นตั้งเด่ ขนาดแม่
ยายยังว่า ใส่ปุ๋ยตาคิม ต้นข้าวมันแข็งดีแต๊ ข้าวบ่มีต้าวซักน้อย (ข้าวไม่มีล้มเลยซักต้น)



เราก็มานึก นึก และนึก นี่เขาลงทุนวิ่งรถมา เสียค่าน้ำมัน แถมซื้อไปอีก 100 ล. เพื่อ "โกหก" กระนั้นหรือ

แล้วที่ซื้อไปครั้งละเป็น 100 + 100 ลิตร นั่นเขาซื้อไปเททิ้งมั้ง.....


นี่ก็อีกนั่นแหละ ใครมันมีเงิน จะซื้อเอาไปเททิ้ง เอาไปแจก ก็ช่างมันปะไร แต่ผม ตังค์ไม่ค่อยมี เลยได้ปุ๋ยฟรี เป็นบารมีทานจากลุง 55555



ขอแอบถามนิดนึง (ต้องขออภัยก่อน) ปุ๋ยฟรีนี่ เต็มสูตรหรือเปล่าครับ ฮี่ ๆ

อยากให้ดูรูปนี่หน่อยครับ....เป็นรูปของทิดแดงส่งผ่านเน็ตให้ผมจากปาย บอกว่าใช้กล้องถ่ายไว้ก่อนเดินทาง (ลืมโทรศัพท์ แต่ดันไม่ลืม
กล้องถ่ายรูป เอากะพี่ท่านซีเอ้า)

เค้าบอกว่า เค้าบอกว่า ถ่ายพริกขี้หนูสวนเอาไว้ บอกว่า ไอ้กองซ้ายมือ ฉีดพ่นด้วย 30-10-10 แล้วตามด้วย แคล เซี่ยม โบร่อน +
ไบโออิ + ไทเป ...เมล็ดมันก็ปกติสุขดีตามแบบพริกขี้หนูสวน แต่ดกมาก (ยาว 1.00 - 1.5 ซม กว้าง 0.5 ซม.) แต่กองขวามือ
ก็ใช้ตามสูตรที่บอก แต่ดัน + ยูเรก้า เข้าไปด้วย กลายเป็นพริกขี้หนูสวน จัมโบ้ ..ยาว 2.5 ซม. กว้าว 1 ซม...ผมก็ตอบไปว่า ก็ดีซี่ ...
พี่ท่านตอบมาว่า ..ดีห่ะ อะไรล่ะ แม่ค้าไม่กล้าซื้อ บอกว่า พริกขี้หนูสวน บ้าอะไรเมล็ดใหญ่ยังงี้..คงไม่ใช่แน่ๆ จะเลือกเอาแต่เมล็ด
เล็ก เมล็ดใหญ่ให้ราคาถูกกว่า พี่ท่านบอก ไม่ขายว่ะ .. ....แต่ว่า พี่ท่านให้แม่ค้าส้มตำเอาไปลองใช้ (ทั้งเมล็ดเล็ก เมล็ดใหญ่ฟรีๆ -
ไม่ได้บอกว่ามากน้อยแค่ไหน) ได้ความเลย..ก็อย่างลุงว่า ใหญ่กว่าเป็นต่อ ...แม่ค้าส้มตำ

บอกว่า มีเท่าไหร่เอามา หนูเอาหมด... ทิดแดงบอกว่า “ ตอนนี้ข้าไม่อยู่ เจ๊ของเอ็งเก็บพริกขายแม่ค้าส้มตำสบายไป แล้วก็เอ็งเอ๊ย ลง
อ้อยเข้าปากช้างแล้วอย่าหวังที่จะง้างปากให้อ้าออกได้ แต่ไม่เป็นไร ข้ามีวิธี....




ทีนี้ก็ตอบกระทู้ ยัยเฉิ่ม
ยัยเฉิ่มถ้าจะดีใจหนักที่ได้ปุ๋ยฟรี เลย เบลอ นับวันผิด ยัยเฉิ่มเขียนไว้ว่า
แปลงนาที่ทำการไถกลับหน้า
ดินไว้เมื่อ วันที่ 20-21 ก.ค.55 จากการมองด้วยตาเปล่า ดินมีความร่วนซุยมากกว่า ไถดะเมื่อนาครั้งที่แล้ว


วันนี้เพิ่งจะ 9 ก.ค.55 แล้วน้องนาง แอบไปไถล่วงหน้าไว้ (20-21 ก.ค. 55) ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครเพี้ยนกันหว่า

ยัยเฉิ่มบอก...ลูกชายสุดหล่อ (หน้าตาดีเหมือนแม่) ทำการพ่นน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงลงแปลงนา อัตราส่วน 2 ลิตร
ต่อไร่ ใช้เครื่องพ่นแบบสะพาย หนักมากใส่ครั้ง 2-3 ลิตร ถ้าเป็นยัยเฉิ่ม เดินไม่ไหว

ก็อย่างว่า ลำพังตัวเอง (เคยดูจากรูป) ก็แทบจะเดินไหวยากอยู่แล้ว และระหว่างลูกชายกับแม่ ใครหล่อ ใครหน้าตาดีกว่ากัน ไม่ขอวิจารณ์
แต่ลุงเคยบอกว่า ให้ถามคนในกระจก – ว่ะ และดูจากรูปแล้ว...ฉีดไล่ยุงรึไง น้ำปุ๋ยออกเป็นควันโขมงเลย แบบนี้เนื้อปุ๋ยปลิวหายไปใน
อากาศ 8 ส่วน เหลือลงดิน 2 ส่วน... พูดเล่นน่ะ น่าจะเร่งเครื่องแค่ 75% ไม่เปลืองน้ำมัน ทำให้ปุ๋ยออกเป็นละอองน้ำฝอยๆ กด
หัวพ่นลงอีกหน่อย แกว่งมือ (180 องศา) เร็วๆ ปุ๋ยมันจะซึมลงดินมากกว่าปลิวไปในอากาศ นะน้องเฉิ่มนะ....คนอื่นทำยังไงไม่รู้นะ แต่
อันนี้ เป็นวิธีของทิดแดงเค้าบอก ซึ่งได้ผลดี





ที่ลุงบอกว่า ลูกชาย รูปหล่อก็หล่อแบบผู้ชาย เห็นด้วย.... แต่ถ้าแม่หล่อ (สวย) แบบนี้ อ้วกกกก ดีกว่า

อีนี่เฮนด้วยอย่างยิงเลยนะขะร๊าบ นายจ๋า นาร๊าย นาราย




ยัยเฉิ่มบอก ...เครื่องพ่นแบบสะพายหลัง ใช้แบตเตอรี ได้รับความอนุเคราะห์จาก ทิดแดงศาลายา ตัวนี้พ่นน้ำละเอียด
เป็นฝอยมาก น้ำหนักเบา ใส่ได้ครั้งละ 18-20 ลิตร เป็นตัวที่ยัยเฉิ่มใช้พ่น


แสดงว่า เครื่องตัวนี้ เอาอยู่ น้ำไม่ท่วม เอ๊ยไม่ใช่ เพราะยังไงๆ ก็ท่วมอีกปีนี้ ….ไหนว่าหน้าตาดี ทำไมไม่เอา
รูปมาลงให้ สมช.ดูกันมั่ง ไม่แน่จริงนี่หว่า ...ทิดลงให้เอาป่ะ และเครื่องพ่นตัวนี้ ลุยหนักไปเลย เห็นทิดแดงคุยนักคุยหนาว่า พังไม่เป็นไร
ยังอยู่ในระยะเวลาประกัน พังเปลี่ยนใหม่ได้ ผมก็อยากลองเหมือนกัน ...ใช้แล้ว
อย่าลืมอัดไฟล่ะ ...ของทิดได้รับอนุเคราะห์มาสองตัว
ตัวหนึ่งใส่ปั๊มพ่นยา อีกตัวหนึ่งเอาไว้เสียบมอเตอร์ตัดยอดข้าว




ลุงบอกว่า ...น่าจะถ่ายรูปโพสลงมาให้ดูกันหน่อย CLOSE UP แบตเตอรี่ + ปั๊ม ให้เห็นชัดๆว่า หน้าตาเป็นฉันใด โดย
เฉพาะวิธีประกอบ เท่าที่เคยเห็นมา เขาใช้แบตเตอรี่ มอเตอร์ไซด์ กับปั๊มปัดน้ำฝนรถยนต์ ก็ใช้งานได้แล้ว

ผมขออนุญาตตอบแทนครับว่า รอทิดแดงกลับจากปาย มาเป็นตัวของตัวเองก่อน เพราะรายละเอียดทั้งหมดอยู่ที่คุณท่าน



ลุงถามหน่อยว่า ....แถวนั้น ย่านนั้น มีใครทำอย่างนี้ มาก/น้อย บ้างไหม ?....
ผมตอบแทนยัยเฉิ่มได้เลย รวมทั้งนาของ (แม่ยาย) ผมด้วย ไม่มีหรอกครับลุง มีผมกับยัยเฉิ่มเท่านั้น ที่บ้าทำแบบนี้ อ้อ กำลังจะมีทิดแดง
อีกคนที่กำลังจะบ้าตาม อย่างน้อยๆ ข้าวที่เราปลูกเมื่อสีออกมาแล้วเรากินข้าวของเรา มันกินรำ (อร่อย) เพราะมันปลอดสารพิษ และขอ
บอก การดำนาของผมคราวนี้ ไม่มี ซีม ก่อน แล้วมาดำใหม่ ผมบอกว่า ให้รกกล้า(ถอนกล้า) แล้วดำทีเดียวเลย ไม่ต้องซีม ....มีคนบอก
ว่า ทำแบบนี้ ผมจะไม่ได้กินข้าว ....เออน่า เรื่องของกรู ผมบอกแม่ยายขอให้หว่านกล้าใช้ข้าวประมาณไม่เกิน 7 กก. เพื่อจะใช้ดำในนา
1 ไร่ ....มีคนบอกว่า กล้าน้อยไป เผื่อว่า หอยกับปูกัดกินจะไม่พอดำ ...เออน่า เรื่องของกรู ...ดำจับละ สอง-สามต้น ห่างกันระหว่างต้น
ระหว่างแถว 25–30 ซม.ไม่พอให้มันรู้ไป น้องหอยกับน้องปู เล่นไม่ยาก น้องหอยปล่อยน้ำแห้ง เจ๊าะแจ๊ะ เอาแกลบดิบโรยนิดหน่อย
หอยที่ไหนจะมี ส่วนน้องปู ลุงคิมเคยบอก เอาสะเรียม (สะเดา) ทุบพอแหลกโรยรอบคันนา พอสะเดาโดนน้ำ มันจะขม น้องปูก้ามจะหลุด
แต่ถ้าคิดจะทำแบบเก๋ย์ไก๋ ซื้อแชมพูซันซิลค์ ละลายน้ำเดินหยดรอบ ๆ คันนา รับรองน้องปู ตายคารู แต่ใช้สะเดาเถอะ ไม่เสียตังค์


ยัยเฉิ่ม บอกว่า ...อยากให้ลุงอธิบายว่าการ "กำจัดหญ้าแบบบูรณาการ" ทำอย่างไรคะ เพราะยัยเฉิ่ม ไม่สามารถที่จะย่ำ
เทือกหลายายรอบ แบบที่ลุงว่าได้ค่ะ

ขอตอบนิดนึง ทำตามที่ลุงบอกมานั้น แจ่มชัด แต่หากยังมีหญ้าในระหว่างที่ข้าวยังสูงไม่เกิน 30-40 ซม ลองใช้ Rotary Weeder ..
หรือที่ย่ำหญ้าดู แต่เดินเข็นไอ้ตัวนี้ 25 ไร่นะ รับรองยัยเฉิ่มไม่ต้องไปเข้าคอร์ส สลิม สลัม สลัม จะลดหุ่นได้อีกหลายกิโลเมตร เอ๊ย
หลายกิโลกรัมเลยแหละน้องเอ๊ย ฮี่ ๆ ฮู่ ๆ ..ฮูเล่ ๆ ฮูเล่ ฮ่ะ ๆ



กระรอกนะเคยเห็น แต่ตัวตุ่นไม่เคยเห็น
เห็นตัวตุ่นแล้วเป็นงัยล่ะ กะปุ๊กลุกเหมือนตัวเองรึเปล่า อยากกินตุ่นย่างมั๊ยล่ะ จะส่ง EMS มาให้ รำแต๊ๆ หนา.....แต่ถ้ามีรูตุ่นอยู่ใกล้บ้าน
แล้วมีกอไผ่อยู่ด้วยละก็ ไม่ได้กินหน่อไม้แน่ๆ ไอ้เจ้าตุ่นขุดกินหมด แล้วคนเหนือชอบกินหน่อไม้มากๆ ขาดไม่ได้ ฉะนั้น ตุ่นจึงถูกจับ
มาแบะขาย ในตลาดมีทุกวัน




เอ้า จบแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยโพสต์รูป นะครับ วันนี้ง่วง...... เย้ !


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 10/07/2012 11:22 pm    ชื่อกระทู้: ยัยเฉิ่มจะเป็นชาวนา - ปั๊มพ่นปุ๋ย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

กราบสวัสดีครับ ลุงคิม…. สวัสดีจ้า ยัยเฉิ่ม รวมถึงไอ้คุณสมบัติ-เชียงราย..ตัวแสบด้วย



ขออนุญาตต่อว่าไอ้ตัวแสบก่อนครับลุง ...
ไอ้คุณสมบัติ เอ็งนี่นะมันช่างเหลือร้าย...จริงๆ ขนาดว่ายังอยู่ใน cocoon (เข้า
ดักแด้) เสียงก็แหบเหมือนผีก็องก็อย แต่มือยังอยู่ไม่สุขอีก ...ข้าส่งรูปพริกขี้หนูที่
ข้าทดลองฉีดพ่นด้วยปุ๋ยของลุง ก็เพื่อให้เอ็งดูความแตกต่างระหว่างปุ๋ยสูตรธรรมดา
กับสูตรธรรมดา + ยูเรก้า ว่ามันจะเป็นอย่างไร เป็นการทดลอง ไม่ได้บอกให้เอามา
ลงเว็ป เอ็งดันเอามาลง ....บังเอิญ ใช้คอมกระเป๋าหิ้วของผึ้งผ่านเข้า WiFi มาเปิดดู
กระทู้ยัยเฉิ่ม เจอเอ็งพูดเรื่องพริก อ้าว เฮ้ยอะไรกันเว๊ยนี่เฮ้ย แสบจริง ๆ ...ข้าเลย
ต้องตกบันไดพลอยโจน ไหนๆ ก็ไหนๆ เลยตามเลย ….เนื่องจากคุณเอ็งยังไม่ได้ลง
รูป ก็ขอลงรูปให้ดูซะเลย




......กองซ้ายมือ ฉีดพ่นด้วย 30-10-10 แล้วตามด้วย แคลเซี่ยม โบร่อน + ไบ
โออิ + ไทเป ...เมล็ดมันก็เป็นปกติสุขดีตามแบบพริกขี้หนูสวนแต่ดกมาก (ยาว
1.00 – 1.5 ซม กว้าง 0.5 ซม.) แต่กองขวามือ ก็ใช้ตามสูตรที่บอก แต่ดัน + ยู
เรก้า เข้าไปด้วย กลายเป็นพริกขี้หนูสวนจัมโบ้ ...ยาว 2.5 ซม. กว้าว 1 ซม...

....ไอ้เมล็ดใหญ่แม่ค้าไม่กล้าซื้อบอกว่า ไม่ใช่พริกขี้หนูสวนเพราะเมล็ดมันใหญ่ผิด
ปกติ เขาจะเอาแต่เมล็ดเล็ก แล้วก็เมล็ดใหญ่ให้ราคาถูกกว่า ผมเลยบอกไม่
ขาย ....แต่ให้แม่ค้าส้มตำเอาไปลองใช้ (ทั้งเมล็ดเล็ก เมล็ดใหญ่ ให้ฟรีๆ ถุงละ
กิโลกว่าๆ) ก็อย่างลุงว่า ใหญ่กว่าเป็นต่อ แต่สำหรับพริกขี้หนู ถ้าจะไม่ดีซะแล้ว แม่
ค้าส้มตำเอาไปใช้ ตอนเย็นขี่รถไปบอกที่บ้าน “น้า มีเท่าไหร่เอามา หนูเอาหมด “

ขออธิบายเพิ่มเติมว่า ไอ้เมล็ดใหญ่น่ะ กินนุ่มนวลเผ็ดแบบเนียนลิ้น ลองแตะลิ้นดู
น้ำลายสอเลยก็แล้วกัน หอมฉุนกว่าพริกขี้หนูสวนธรรมดา ส่วนไอ้เมล็ดเล็ก ก็เป็น
แบบพริกขี้หนูสวน แต่รสชาติ จัดจ้านกว่า (รสจัดจ้านนี่ ศัพท์ลุงคิมนะ) พอดีมา
ปายซะก่อน เลยยังไม่มีเวลาลองใส่ต้มยำดูว่ารสจะเป็นยังไง ...ก็คงเป็นรสพริกขี้
หนู เพราะมันเป็นพริกขี้หนู ....ทีนี้ รูปถัดไป






ยัยเฉิ่มบอก ...เครื่องพ่นแบบสะพายหลัง ใช้แบตเตอรี ได้รับความอนุเคราะห์จาก
ทิดแดงศาลายา ตัวนี้ พ่นน้ำละเอียดเป็นฝอยมาก น้ำหนักเบา ใส่ได้ครั้งละ 18-
20 ลิตร เป็นตัวที่ยัยเฉิ่มใช้พ่น


ทิดบัติ....แสดงว่า เครื่องตัวนี้ เอาอยู่ น้ำไม่ท่วม เอ๊ยไม่ใช่ เพราะยังไง ๆ ก็ท่วมอีก
ปีนี้ ….ไหนว่าหน้าตาดี ทำไมไม่เอารูปมาลงให้ สมช.ดูกันมั่ง ไม่แน่จริงนี่หว่า ....
ทิดลงให้เอาป่ะ และ เครื่องพ่นตัวนี้ ลุยหนักไปเลย เห็นทิดแดงคุยนักคุยหนาว่า พัง
ไม่เป็นไร ยังอยู่ในระยะเวลาประกัน พังเปลี่ยนใหม่ได้ ผมก็อยากลองเหมือนกัน ...
ใช้แล้วอย่าลืมอัดไฟล่ะ ...ของทิดได้รับอนุเคราะห์มาสองตัว ตัวหนึ่งใส่ปั๊มพ่นยา
อีกตัวหนึ่งเอาไว้เสียบมอเตอร์ตัดยอดข้าว


ขอบอก ...เบา ๆ หน่อยน้อง ของได้มาโดยยาก คำโบราณท่านว่า
จะหยิบจับ แตะต้อง ประคองหน่อย......ราคาน้อย แต่คุณค่า มากเหลือหลาย
จะหยิบจับ คิดระวัง ดังดอกไม้...........จงเห็นใจ หยิบฉวย ช่วยเบามือ



ลุงบอกว่า ...น่าจะถ่ายรูปโพสต์ลงมาให้ดูกันหน่อย CLOSE UP แบตเตอรี่ + ปั๊ม
ให้เห็นชัดๆว่า หน้าตาเป็นฉันใด โดยเฉพาะวิธีประกอบ เท่าที่เคยเห็นมา เขาใช้
แบตเตอรี่ มอเตอร์ไซด์ กับปั๊มปัดน้ำฝนรถยนต์ ก็ใช้งานได้แล้ว


ได้เลยครับลุง ดูรูปกันเลย ....นน.หนักเบาประมาณ กก.กว่า ๆ ใส่น้ำแล้ว นน. ก็
เพิ่มไปตามจำนวนลิตร คือ ลิตรละ 1 กก. จุน้ำได้ 18–20 ลิตร







รูป 1, 2 ตัวถัง ทำจากวัสดุเหนียว พร้อมสายและหัวพ่น มีให้เลือกใช้หลายอย่าง
ตามความเหมาะสม มีรับประกันการใช้งาน




รูป 3 เกย์วัดกระแสไฟจากแบตเตอรี่ ชาร์จครั้งหนึ่งใช้ได้ประมาณ 8 ชั่วโมง แต่
ชาร์จได้ตลอด



รูป 4 ตัวปั๊มและแบตเตอรี่อยู่ก้นถัง




รูป 5 แบตเตอรี่แรงสูง 12 โวล์ท 9 แอมป์ แรงแบบนี้พวกช๊อตปลาชอบ อย่าเผลอ
เป็นอันขาด ตายกันมาแยะแล้ว




รูป 6 สายเสียบแบตเตอรี่




รูป 7 หัวพ่นป็นฝอยละเอียด ....ปรับ ละเอียด หรือหยาบ ได้ตามใจชอบ



http://image.ohozaa.com/t/6a3/IVlwL.jpg[/img][/url]



รูป 8 ปรับหัวฉีดพ่นได้ไกลประมาณ 3 เมตร




รูป 9 ผมมีเครื่องมือแปลกๆ มาให้ดูกัน เป็นหัวกะโหลกดูดน้ำใช้ต่อกับเครื่องตัด
หญ้า ขนาด 1 นิ้ว จิ๋วแต่แจ๋ว น้ำหนักเบา ใช้งานเอนกประสงค์จริง ๆ




รูป 10 เสียบหัวกะโหลก ขันน๊อตให้แน่น ติดเครื่องแล้วแหย่หัวกะโหลกลงน้ำ ดูดน้ำ
ได้เลย




รูป 11 เร่งเครื่องยนต์ ดูความแรงของน้ำ ...น้ำมัน 1 ถัง ดูดน้ำได้นานเกินกว่า
ชั่วโมง




รูป 12 ปั๊มน้ำไฟฟ้า ท่อน้ำเข้า – ออก 2 นิ้ว 2 แรงม้า ปริมาณน้ำ 500 ลิตร/นาที




รูป 13 การประกอบเพื่อทดสอบการดูดน้ำ และดูความแรงของน้ำ




รูป 14 การต่อท่อเข้าปั๊มที่สามารถถอดเข้า – ออก เพื่อการเคลื่อนย้ายได้




รูป 15 ถอดเข้าออกได้ง่ายมาก ด้วยอุปกรณ์เพิ่มนิดหน่อย




รูป 16 อุปกรณ์เพิ่ม สำหรับต่อปั๊มเพื่อให้ถอดเข้า – ออกได้ง่าย ๆ มีไม่กี่ชิ้น ราคา
ไม่แพง




รูป 17 ปั๊ม BONO ท่อน้ำเข้า-ออก ขนาด 3 นิ้ว ตัวนี้ราคา 4,500 ซิง ๆ แรงอัด
มหาศาล คิดว่าจะใช้ติดตั้งระบบสปริงเกลอร์ แทนเครื่องยนต์ใช้เบ็นซิน 6.5 แรงม้า
ที่เคยติดสปริงเกลอร์รดน้ำผัก ในรูป 18




รูป 18 เครื่องยนต์เบ็นซิน 6.5 แรงม้า เคยใช้ติดสปริงเกลอร์รดน้ำผัก แรงมหาศาล
เร่งเครื่องแค่ 25% รดน้ำผักในเนื้อที่ 2 ไร่ หัวสปริงเกลอร์ 160 หัว ใช้เวลาไม่
เกิน 15 นาที น้ำโชกจนไหลลงข้างร่อง ถ้าเร่งเครื่องแรงกว่านี้ หัวสปริงเกลอร์จะ
หลุด เติมน้ำมันเต็มถัง รดน้ำผัก วันเว้นวัน เนื้อที่ 6 ไร่ ใช้ได้เป็นเดือน






รูป 19, 20 ใช้ต่อก้านแบบเรือหางยาว เอาหัวกะโหลก 2 นิ้วใส่ แรงดันน้ำเหลือ
เฟือ ....ใช้หัวกะโหลกแบบเดียวกับที่ใส่เครื่องตัดหญ้าในรูป 9, 10, 11 ..เมื่อ
คราวน้ำท่วม ผมถอดหัวกะโหลกออก เอาใบพัดเรือใส่ ใช้เครื่องนี้ตั้งท้ายเรือ (ดัด
แปลงนิดหน่อย) เรือวิ่งกระฉูดไปเลย วิ่งเร็วไม่ได้ โดนเพื่อนบ้านด่า เพราะคลื่นซัด
เข้าบ้าน




รูป 21 ตัวด้านซ้าย 5.5 แรง ติดตั้งปั๊มท่อ 2 นิ้ว ...หรือจะติดปั๊มท่อ 3 นิ้วก็ได้
สบาย ๆ

ตัวด้านขวา 6.5 แรง ต่อก้านแบบเรือหางยาว ตามรูป 19, 20 เครื่องตัวนี้ตัวทำเงิน
ใช้รดน้ำผักนานหลายปี เกินคุ้มแล้ว แรงยังไม่ตก ....แรงจะตกได้ไง ก็เร่งเครื่อง
แค่ 25% เท่านั้น และทั้งสองเครื่องนี้นะครับ ถ้ารู้จักต่อท่อน้ำออกให้ดีโดยใช้หลัก
พลังงานศักย์ และพลังงานจล รวมทั้งใช้ แอร์แวร์ เข้ามาช่วย สามารถส่งน้ำได้ไกล
หลายร้อยเมตร โดยแรงดันน้ำปลายท่อไม่ตก และไม่กินแรงเครื่องยนต์ด้วย ....ทำ
ยังไง อยากรู้ถามลุงคิมครับ








รูป 22, 23, 24 รูปในอดีต ก่อนน้ำท่วม 16 ต.ค. 54 – 16 ม.ค. 55 ...น้ำที่
ออกจากหัวสปริงเกลอร์ได้พลังจากเครื่อง 6.5 แรงครับ









รูป 25, 26, 27 หลังจากน้ำลด 16 ม.ค. 55 – 5 ก.พ. 55 มีสภาพตามรูปที่เห็น
เพราะชาวสวนผักหลงเชื่อคำพูดที่บอกว่า "เอาอยู่" ของผู้นำที่โง่เขลา ....อยากให้
มาเดินแถวบ้านจังเลย ขอบอก





รูป 28 หลังจากนั่งคิดตรึกตรองว่าจะปลูกอะไรดี เพราะไม่แน่ใจกับที่ว่า น้ำจะมาอีก
หรือไม่มา ก็ได้แต่ดูดน้ำออกจนแห้ง ปล่อยผักบุ้งยอดแดงขึ้นเต็มไปหมด ก็มีรายได้
จากการเก็บยอดผักบุ้งแดงส่งแม่ค้าส้มตำพอประทังชีวิตไปวัน ๆ





รูป 29 ตัดสินใจ กลบร่องแปลงผัก ทำนาปลูกข้าวดีกว่า เพราะอย่างน้อยทำแค่ปีละ
2 ครั้งพอ จาก..ก.พ. – พ.ค. เว้น มิ.ย. เริ่ม ก.ค. – ต.ค. ทันน้ำที่จะหลากปลาย
ต.ค. และเรื่องน้ำทำนาหน้าแล้งไม่มีปัญหา มีเหลือเฟือมากจนเกินพอ







รูป 30, 31 หลังจากกลบร่องตกแต่งหน้าดินเมื่อเดือน พ.ค. พ่นปุ๋ยสูตรต่าง ๆ ของ
ลุงคิม แล้วก็สูบน้ำเข้าท่วมแปลง รูปนี้ถ่ายเมื่อ 9 มิ.ย. 55 ก่อนวันเดินทางไปทำ
ธุระที่อีสาน ประมาณ 20 วัน คิดว่ากลับมาต้นเดือน ก.ค. ค่อยหว่าน.....แต่ทว่า
ระหว่างที่ผมอยู่อีสาน ก็มีการประกาศเรื่องให้คนทำนาไปขึ้นทะเบียนเกี่ยว
กับการประกันราคาข้าว ....พวกบ้านของผมกลัวจะทำเรื่องไม่ทัน ก็เลยแสดงความ
สามารถดั้งเดิมที่เคยทำนามาก่อน เอาข้าวมาหว่านเมื่อ 16 มิ.ย. 55 กลับจาก
อีสาน ผมพูดไม่ออก...เอาข้าวอะไรมาหว่าน ผมก็ไม่ถามเหมือนกัน เซ็งเป็ดจริง ๆ
และสุดท้ายผมก็กลับมาทำเรื่องเข้าโครงการประกันราคาข้าวได้ทันตามกำหนด ใน
วันที่ 6 ก.ค. 55




รูป 32 ถ่ายเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 55 ข้าวอายุ 20 วัน กับเจ้าของนา (ในอนาคต) ตัว
จริง ดูสีหน้าไม่ชื่นมื่นเลย ...กลัวน้ำท่วมเกี่ยวไม่ทันน่ะพ่อ ...ทันซีน่า ปลายกันยา
หรือต้นๆ ตุลา ก็คงได้เกี่ยวแล้วละ





รูป 33 ไปเจอของแปลกที่ไม่แปลก ไม่เผาฟาง ไม่ไถกลบ ปล่อยน้ำเข้า เอาน้ำ
หมักย่อยฟางเข้าฉีด ฟางยังไม่ทันย่อยสลาย ปล่อยน้ำออก พอหมาดๆ พวกหว่าน
ข้าวลงไปเลย ข้าวก็งอกมางามดีอย่างที่เห็น แล้วไอ้พวกที่เผาฟางมันคิดยังไงหว่า
และหลังจากทำเรื่องประกันราคาข้าวเสร็จ เย็นวันที่ 6 ผมก็มีธุระด่วนที่ต้องขึ้นมา
ปาย กับลูกสาว แต่ขออภัย ผมลืมโทรศัพท์ไว้ที่นครปฐม จำเบอร์ใครไม่ได้ซัก
คน ...ก็ให้เครื่องมันจำแล้ว จะต้องไปจำเบอร์ทำไมอีกล่ะ


ยัยเฉิ่ม บอกว่า ...อยากให้ลุงอธิบายว่าการ "กำจัดหญ้าแบบบูรณาการ" ทำอย่างไร
คะ เพราะยัยเฉิ่ม ไม่สามารถที่จะย่ำเทือกหลายายรอบ แบบที่ลุงว่าได้ค่ะ



ทิดบัติ..ขอตอบนิดนึง ทำตามที่ลุงบอกแจ่มชัด แต่หากยังมีหญ้าในระหว่างที่ข้าวยัง
สูงไม่เกิน 40 ซม. ลองใช้ Rotary Weeder ..ที่ย่ำหญ้าดู แต่เดินเข็นไอ้ตัวนี้
25 ไร่นะ รับรองยัยเฉิ่มไม่ต้องไปเข้าคอร์ส สลิม สลัม สลัม จะลดหุ่นได้อีกหลาย
กิโลเมตร เอ๊ย หลายกิโลกรัม เลยแหละน้องเอ๊ย ฮี่ๆ ฮู่ๆ .. ฮูเล่ๆ ฮูเล่ฮ่ะๆ ฮูล่าๆ
ฮูล่าเฮ่ๆ วี้ดดดดด บึ้ม !



ผมคิดว่า หลังจากที่ทำตามคำแนะนำของลุงคิมในกระทู้นี้แล้ว หากว่ากรณีใช้เครื่อง
หยอดเมล็ด ยังมีหญ้าขึ้นในขณะที่ข้าวยังสูงไม่เกิน ศอกแขน (ก็ประมาณ 40 ซม.
นั่นแหละ) ระหว่างศอกแขนกับ 40 ซม. อันไหนจะเห็นชัดกว่ากันวะไอ้ทิดบัติ ...ถ้า
เป็นอย่างนี้ การกำจัดหญ้าคงต้องพึ่งพา ที่ย่ำหญ้าซะแล้ว ให้ย่ำหญ้าก่อนที่ข้าวจะ
ย่ำแย่ (หญ้าขี่ข้าว) ที่ย่ำหญ้า เค้าเรียกเป็นภาษาต่างด้าวให้เก๋ย์ไก๋ว่า Rotary
Weeder มีรูปให้ดูรูป Rotary Weeder ..ที่ย่ำหญ้า ชอบแบบไหนเลือกเอา ไป
ทำเอาเอง












รับรองว่า ถ้ายัยเฉิ่มเข็นไอ้เจ้าตัวนี้ ย่ำหญ้าในนา 25 ไร่ละก็ เชฟบ๊ะ เอ๊ย ไม่ใช่ เชฟ
ดีขึ้นอีกแยะเลย ไม่ต้องเข้าคอร์สสลิม อย่างที่ทิดบัติมันบอกนั่นแหละ อาจจะหุ่นดี
เป็นไม้เสียบผี หรือไม่ก็เป็นผีไปซะก่อนที่จะย่ำหญ้าหมด 25 ไร่ ....เครื่องมือตัวนี้
น่าสน และหากจะทำนาหยอด หรือนาดำ ยังไงๆ ก็ต้องมีไว้แนบกาย มีที่เค้าทำ
ขาย....Onethousond Sixhundred and Fifty Bath …




และ รูปสุดท้ายของชุดนี้ ...มันต้องหาเมียให้ได้แบบนี้ จริงมั๊ยครับลุง

ผิดพลาดพลั้งไปประการใด ขออภัยด้วย เอวังโหนตุฯ






.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 12/07/2012 10:49 am    ชื่อกระทู้: ความรู้แค่หางอึ่ง ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีีค่ะ ทิดแดง ทิดบัติ และสมช.ทุกท่าน


หลังจากที่ได้เข้าวงการ อินทรีนำ-เคมีเสริม-ตามความเหมาะสม และการตั้งกระทู้ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา ระยะเวลาก็ประมาณ 5 เดือน
ก้ได้รับความอนุเคราะห์จากลุงคิม จากทิดแดง ทิดบัติ และอีกหลายท่าน ที่ได้ร่วมกันตอบกระทู้ ซึ่งเพิ่งจะประจักษ์ว่า ความรู้แค่หางอึง
เป็นเช่นไร สมัยเรียนเคยโดนอาจารย์ว่า (ด่า) ประจำ พวกเธอ มันมีความรู้แค่หางอึ่ง หรือบางทีหางอึ่งอาจจะยาวกว่าความรู้ที่พวกเธอ
มีอยู่ (รู้สึกเจ็บกระดองใจเหลือเกิน ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากระดองใจ มันอยู่ตรงไหน) ยิ่งมาอ่านการใช้เทคโนโลยีการเกษตรของ
ทิดแเดง ด้วยแล้ว ป๊าดดดด (ภาษาอีสาน) เค้าคือ มีความรู้แฮงแท้หน่อ


ถ้าเปรียบความรู้เรื่องการเกษตร และเทคโนโลยีเกษตร เหมือนพรมวิเศษที่อาราดินมีอยู่ ลุงคิม ทิดแดง และทิดบัติ คงนั่งอยู่บนพรม
ลอยไปลอยมา ส่วนยัยเฉิ่ม คงเป็นไรฝุ่นที่แฝงตัวอยุ่มุมสุดของผ้า ถ้าพรมบินเร็วๆ ยัยเฉิ่มก็คงหลุดจากผืนผ้า ใช้เพียงมือจับชายผ้า
ห้อยต่องแต่ง


ลุงเคยบอกว่า ความรู้เท่าเดิม เพียงแต่เรามีความรู้ไม่ถึงมันแค่นั้นเอง การศึกษาเรียนเท่าทันกัน แต่ยัยเฉิ่ม คงต้องเกิดใหม่อีกหลาย
รอบแหละึถึงจะทัน



ขอบคูณค่ะ
ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 12/07/2012 11:08 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีค่ะ ทิดแดง ทิดบัติ และ สมช.ทุกท่าน


ยัยเฉิ่ม ไม่กล้าจะลงรูปตัวเองหรอกค่ะ ให้ดูเพียงแค่ลูกชาย เพราะลูกชายหล่อ ขยัน ขนาดนี้ แม่จะขนาดไหน ถ้าลงลงรูปแล้ว
กลัวเวลาไปไหนมาไหน ต้องพกไม้ไปด้วย คอยไล่คนให้หนี เดี๋ยวไม่มีทางเดิน

เครื่องพ่น ที่ได้จากทิดแดง ดีมาก และก็ทำตามที่ทิดบอกทุกอย่าง


จะหยิบจับ แตะต้อง ประคองหน่อย......ราคาน้อย แต่คุณค่า มากเหลือหลาย
จะหยิบจับ คิดระวัง ดังดอกไม้...........จงเห็นใจ หยิบฉวย ช่วยเบามือ


เบามือสุดๆ แต่ก้นกระแทกพื้นไปสามสี่รอบ ทั้งคนทั้งเครื่อง แบบว่าใส่เต็มพิกัด แล้วพื้นนาไม่เสมอ ล้ม กระโดดไม่พ้นขอบปูน
เจ็บไปทั้งคนทั้งเครื่อง แต่ยังใช้งานได้ตามปกติค่ะ มีข้อเสียนิดหน่อย ก็ตรงสายสะพายชอบหลุด นอกนั้นเอาอยู่ทุกประการ


เห็นอุปกรณ์ของทิดแดงแล้ว โอ้โฮ้ ทำไมถึงได้สาระพัดประโยชน์ขนาดนี้ สุดยอด ทั้งคนทั้งเครื่อง ยัยเฉิ่มยังเอามาคิดกับลูกชายว่า
ถ้ามีปั๊มแบบลุง เราอาจทำสปริงเกอร์ในนาข้าวได้นะเนี่ย ทำคล้ายกับที่ชาวสวนเค้ารดน้ำผัก น่าจะดีนะ ทิดว่ามะ



น้ำชลประทาน กว่าจะถึงนายัยเฉิ่ม ก็ประมาณปลายเืดือน ยัยเฉิ่ม เอาน้ำขี้หมู ที่มีอยู่ใส่ลงนาได้ไหมคะลุง และถ้าอยากให้เป็น
"ขี้หมู ซุปเปอร์" จะต้องทำยังไรคะ


มุ่งมั่น แนวแน่ แม่นสูตร แม่นหลัการ




ขอบคูณค่ะ
ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 12/07/2012 6:47 pm    ชื่อกระทู้: Re: ความรู้แค่หางอึ่ง ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

cherm บันทึก:
สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีีค่ะ ทิดแดง ทิดบัติ และสมช.ทุกท่าน



ลุงเคยบอกว่า ความรู้เท่าเดิม เพียงแต่เรามีความรู้ไม่ถึงมันแค่นั้นเอง การศึกษาเรียนเท่าทันกัน แต่ยัยเฉิ่ม คงต้องเกิดใหม่อีกหลาย
รอบแหละึถึงจะทัน

ตอบ :
กรณีศึกษานี้เกิดขึ้นเมื่อครั้ง นศ.วิทยาลัยเกษตรกรรม สิงห์บุรี ระดับ ปวช.-ปวส.ไป LEARNING BY DOING ที่ไร่กล้อมแกล้ม
โดยมี อ.เอกชัยฯ เป็นพี่เลี้ยงและควบคุมดูแล



เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า.....

วันนั้น ชั่วโมงนั้น เป็นชั่วโมงสอนเรื่อง "ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อไม้ผล" บอกว่า ในไม้ผลยืนต้นมีขั้นตอนในการปฏิบัติบำรุงที่พอ
สรุปได้โดยประมาณ ดังนี้....

1) เรียกใบอ่อน
2) สะสมตาดอก
3) เปิดตาดอก
4) ปรับ ซี/เอ็น เรโช
5) เปิดตาดอก
6) บำรุงดอก
7) บำรุงผลเล็ก
8 ) บำรุงผลกลาง
9) บำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว

แต่ละขั้นตอนได้อธิบายรายละเอียดในการปฏิบัติว่าด้วย ปัจจัยพื้นฐานเพื่อการเพาะปลูกในไม้ผลยืนต้น, การเตรียมความพร้อม
ของต้น, การให้ ปุ๋ย/ฮอร์โมน/อื่นๆ ทั้งทางใบและทางราก ด้วยสารสังเคราะห์ และ/หรือ สารอินทรีย์, ลักษณะอาการตอบ
สนองของต้น, การประเมินผล, ปัญหา อุปสรรค และการแก้ไข, ฯลฯ

ในคำอธิบายส่วนใหญ่ "เน้นภาษาอังกฤษ" ตามเอกสารตำราที่ นศ.ได้เรียนมาจากวิทยาลัยอยู่แล้วเป็นหลัก......สอนการปฏิบัติ
บำรุงต่อไม้ผลไปเพียงขั้นที่ 1-2-3 อาการ ไม่รู้-ไม่เข้าใจ เริ่มปรากฏ โดยเฉพาะในเรื่องของภาษาที่ใช้สอน ผู้สอนต้องบอกว่า

"....เธอเป็น นศ. การเรียนการสอนต้องใช้ศัพท์เทคนิคที่เป็นศัพท์ทางวิชาการเต็มรูปแบบ ทุกอย่างว่าตามเอกสาร ตำรา งานวิจัย
แม้แต่ภาษาอังกฤษก็ใช้ต้องทับศัพท์ เพราะมันไม่มีศัพท์ภาษาไทยโดยเฉพาะกำหนดให้ เช่น ถามว่า ไนโตรเจน ภาษาไทย
ว่าอย่างไร ฟอสฟอรัส ภาษาไทยว่าอย่างไร โปแตสเซียม ภาษาไทยว่าอย่างไร กับอื่นๆอีกหลายอย่าง ..... ต่อไปเมื่อเธอเรียน
สูงขึ้น ถึงระดับปริญญา เธอจะต้องพบกับศัพท์เทคนิคที่สูงกว่านี้ ไม่ใช่เฉพาะแต่ภาษาอังกฤษเท่านั้น อาจจะมีภาษาลาติน ภาษา
กรีก ภาษาอื่นๆเข้ามาอีก....."

งานสอนดำเนินต่อ กระทั่งถึงขั้นตอน ปรับ ซี/เอ็น เรโช" ..... นศ.หญิง คนหนึ่งกล้าแสดงออก (ขอชมว่า เก่ง) บอกด้วยน้ำเสียง
จริงใจ ว่า......"คุณลุงคะ วิชานี้สูงจังเลยค่ะ....."

ลุงคิมยิ้มให้แล้วตอบว่า....."วิชาการไม่มีสูง ถึงสูงก็สูงปกติ เพียงแต่เธอยังเรียนไม่ถึง วิชานี้อยู่ในระดับที่ นศ.ต้องเรียนแล้ว ....
สมมุติว่า วิชาการมี 100 บท แต่เธอเพิ่งเรียนถึงบทที่ 20 แบบนี้ วิชาสูง หรือเธอต่ำ ล่ะ...."

อ.เอกชัยฯ นั่งอยู่ข้างๆ ขออณุญาติเสริมว่า....."วิชาการปรับ ซี/เอ็น เรโช ในไม้ผล กลับไปวิทยาลัยคราวนี้พวกเธอจะต้องได้เรียน
อาจารย์ที่สองมี 2 คน..."

"อาจารย์สอน 2 คน เชียวหรือคะ แสดงว่าต้องยากมากๆ..." นศ.คนนั้นถามย้อนเสียงสูง

"ใช่...." อ.เอกชัยฯ ยืนยัน พร้อมบอกชื่ออาจารย์ผู้ที่จะมาทำหน้าที่สอน แล้วต่อท้ายให้อีกว่า "....พวกเธอมาเรียนที่นี่ พวกเธอได้
เปรียบเพื่อนๆอีกหลายคน เพราะได้เรียนล่วงหน้า แถมยังได้สัมผัสกับของจริงอีกด้วย ตั้งใจเรียนให้ดี คุณลุงบอกแล้ว จะยากหรือ
ง่ายอยู่ที่ใจ....."

ความรู้สึกของ นศ.เริ่มเครียด ลุงคิมจึงสั่งพัก ระหว่างพักคือ "กิน" เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ



ปุจฉา วิสัชนา :
วิชาการที่ว่าสูง เพราะเรายังเรียนไม่ถึง ......
ทำอย่างไร เราจึงจะสูงกว่าวิชาการนั้น คำตอบ คือ เรียนให้ถึงวิชาการนั้นแล้วสร้างวิชาการนั้นต่อออกไปอีก



จ.จ.จ.









.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 13/07/2012 5:00 pm, แก้ไขทั้งหมด 6 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 12/07/2012 6:49 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

cherm บันทึก:
สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีค่ะ ทิดแดง ทิดบัติ และ สมช.ทุกท่าน




น้ำชลประทาน กว่าจะถึงนายัยเฉิ่ม ก็ประมาณปลายเืดือน ยัยเฉิ่ม เอาน้ำขี้หมู ที่มีอยู่ใส่ลงนาได้ไหมคะลุง และถ้าอยากให้เป็น
"ขี้หมู ซุปเปอร์" จะต้องทำยังไรคะ ?

ตอบ :
คำตอบนี้ไม่ได้เรียงลำดับหัวข้อ ก่อน-หลัง เพราะเขียนขึ้นมา "ตามนึก" นึกอะไรได้ก่อน เขียนก่อน นึกได้ทีหลัง เขียนหลัง.....เพราะ
ฉนั้น อ่านแล้วไปจัดอันดับเอาเอง วิธีการจัดลำดับ คือ ดูที่ต้นข้าวเป็นหลัก นัยว่า ปลูกข้าว ต้องยึดต้นข้าวเป็นศูนย์กลาง.....ประมาณนี้


**** ขี้หมู ซุปเปอร์ คือ ขี้หมูธรรมดาๆจากคอก แล้วใส่อะไรก็ได้ที่เป็นสารอาหารพืช ประเภทต้นข้าว เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก เข้าไป
ด้วย "ชนิดและปริมาณ" ที่ตรงกับความต้องการของต้นข้าว ..... การใส่ เติม/เสริม/เพิ่ม/บวก อะไรลงไปในขี้หมูที่มาจากคอกให้
เรียบร้อยก่อน (ทำงานครั้งเดียว) แล้วใส่ลงไปนาพร้อมกัน หรือ ใส่คนละครั้ง ใครใส่ก่อน/ใครใส่หลัง (ทำงาน 2 ครั้ง) แล้วให้ทุก
อย่างไปรวมกันในดิน ได้ทั้งนั้น....กรณีนี้ได้ใส่ปุ๋ยน้ำชีวภาพระบิดเถิดเทิง 30-10-10 ลงไปก่อนแล้ว อัตรา 2 ล./ไร่ นั้น เมื่อ
ใส่ขี้หมูตามลงไป มันก็จะไปรวมกับปุ๋ยน้ำชีวภาพฯ ที่รออยู่ในดินก่อนแล้วเอง คราวนี้หละ จากขี้หมูธรรมดาๆก็จะกลายเป็น "ขี้หมู
ซุปเปอร์" ขึ้นมาทันที โดยอัตโนมัติธรรมชาติ

เหมือคนกินข้าว มีกับข้าว 10 อย่าง กินทีละคำ แต่ละคำมีกับข้าว 1 อย่าง กินครบ 10 คำ ก็จะได้กับข้าว 10 อย่าง กับข้าวทั้ง 10 อย่าง
จะไปรวมกันในกระเพาะ .... หากกินข้าว แล้วกินกับข้าวพร้อมกันทั้ง 10 อย่างในคำเดียวกัน กิน 10 คำ ก็ไปรวมกันในกะเพราะได้
เหมือนกัน ใช่หรือไม่ ประเด็นอยู่ที่กับข้าว 10 อย่าง ไม่ใช่การใส่พร้อมกัน หรือไม่พร้อมกัน

คนกับต้นไม้มีอาการกินอาหารเหมือนๆกัน ..... คน : อาหารบางอย่างในหลายอย่างกินพร้อมกันเป็นคำเดียวกันได้ แต่ถ้าอาหารบาง
อย่างในหลายๆอย่าง ต้องกินแยกกันจึงจะดีกว่า ฉันใด .... ต้นข้าว อาหารบางอย่างในหลายๆอย่าง รับพร้อมกันได้ แต่บางอย่างใน
หลายๆอย่างนั้น รับพร้อมกันไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับระยะพัฒนาการของต้นข้าว ฉันนั้น แล....


**** คน : กินข้าว 1 จานอิ่ม มีเรี่ยวแรงตามอัตตภาพ หากกิน 10 จาน หามีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้น 10 เท่าไม่ ดีไม่ดี จะพานตาย
เอาแน่ะ ว่ามั้ย เพราะฉนั้น คนจึงควรกินอาหารวันละ 3 มื้อ มื้อละ 1 จาน...... พืช : ก็ดุจกัน อย่าเพียงคิดว่า "ของฟรี" ดีทั้ง
นั้น ได้มาฟรี ใส่หนัก-ใส่อีก-ใส่เข้าไป ใส่อย่างไม่ถูกวิธี จะกลายเป็นเหมือนคนกินข้าวมื้อละ 10 จาน เอานะ....

แม้ในธรรมชาติจะไม่มีตัวเลข และไม่มีสูตรสำเร็จ ถ้าถามว่า ปุ๋ยน้ำชีวภาพฯ + ขี้หมู ต้องใส่อย่างละเท่าไหร่ คำตอบคือ "ไม่รู้"
อยากรู้ให้ไปถามต้นข้าว ครั้นถามต้นข้าว ต้นข้าวก็ตอบว่า ไม่รู้" ให้ไปถามดิน ครั้นถามดิน ดินก็ตอบว่า ไม่รู้ ให้ไปถาม น้ำ-
จุลินทรีย์-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-โรค ..... แม้ไม่มีตัวเลขและสูตรสำเร็จ แต่ก็ยังพอมีหลักการและเหตุผลให้
ตัดสินใจ ดังนี้....

ให้สารอาหารพืชแบบ "ให้น้อยแต่บ่อยครั้ง....."

ต้นข้าว "พูดด้วยใบ บอกด้วยราก...." หากสงสัยว่า สารอาหารเพียงพอหรือไม่ ให้ดูที่รากกับใบ .... ราก-ใบ คือ จุดเริ่มต้นแห่ง
ความสมบูรณ์และความสบูรณ์ คือ จุดเริ่มต้นแห่งผลผลิต (คุณภาพและปริมาณ)

ถ้าลักษณะอาการบอกว่าพอก็หยุด ถ้าลักษณะอาการบอกว่าไม่พอก็ใส่เพิ่ม

ระยะพัฒนาการของต้นข้าว : ระยะกล้า, ระยะแตกกอ, ระยะตั้งท้อง. ระยะออกรวง, ระยะน้ำนม และระยะก่อนเกี่ยว



สรุป :
ช่วงเตรียมดิน ใส่ "ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10" ลงไปก่อนแล้ว 2 ล./ไร่ แนะนำให้ใส่ "ขี้หมูเปล่า" เพิ่ม 5 ล./ไร่

ช่วงทำเทือกครั้งสุดท้าย (ก่อน หว่าน/ดำ/หยอด) ลงมือปลูกได้เลย โดยไม่ต้องใส่เพิ่มทั้งน้ำหมักชีวภาพฯ และขี้หมู


หมายเหตุ :
อัตราใช้ทั้ง 2 อย่างจะพอหรือไม่พอ ให้ดูจากลักษณะการเจริญเติบโตของต้นข้าวตามระยะ ถ้าพอก็คือ "พอ" ..... ถ้าดูแล้วไม่พอ
จึงใส่เพิ่ม ก็ไม่สายเกินไป....



**** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง มีธาตุหลัก (30-10-10) แม็กเนเซียม, สังกะสี อะมิโน คีเลต, ธาตุรอง/ธาตุเสริม แล้ว
หากจำเป็นอาจ +30-10-10 หรือ 25-7-7 หรือ 16-8-8 หรือ 16-16-16 สูตรใดสูตรหนึ่งเพิ่ม อัตรา 10 กก./ไร่ ใส่ครั้งแรก
ตอนทำเทือก กับใส่ครั้งที่ 2 อีก 10 กก. ตอนต้นข้าวแตกกอ-ตั้งท้อง ..... จึงเท่ากับใส่ปุ๋ยธาตุหลักเพียง 20 กก./ไร่/รุ่น เท่านั้น

ต้นข้าวต้องการธาตุหลัก (N-P-K) 20 กก. ที่เหลือต้องการ รอง/ธาตุเสริมฮอร์โมน และอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 14 ตัว



**** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง - ขี้หมูซุปเปอร์ ไม่ใช่ของวิเศษที่สามารถทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้ตามฝัน หากปัจจัยพื้น
ฐานเพื่อการเพาะปลูกข้าว (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สายพันธุ์-โรค) ไม่เหมาะสม .... ปัญหาปัจจัยพื้นฐานฯ ปัจจัยใด
ปัจจัยหนึ่งไม่เหมาะสม ต้องได้รับการแก้ไขอย่าง ถูกต้อง/เหมาะสม เป็นรายปัจจัยไปได้



**** วิธีใส่ปุ๋ยน้ำชีภาพฯ - ขี้หมู ใช้ตามอัตราที่แนะนำ ผสมน้ำมากๆ กะว่าเพียงพอสำหรับเนื้อที่ 1 ไร่ ปรับหัวฉีดให้ได้น้ำเม็ดใหญ่ๆ
หรือใช้สายยางฉีด ให้ลงเป็นบริเวณๆ หรือเป็นจุดๆ แต่ละจุดห่างกันตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ตอนย่ำเทือก ลูกทุบหรืออีขลุบจะช่วย
กวาด หรือละเลง น้ำหมักฯ-ขี้หมู ให้กระจายไปทั่วแปลงเอง



เกษตรานุสติ :
- รวบรวม ปัญหา/ข้อขัดข้อง/ความสำเร็จ ในการทำนารุ่นที่แล้ว แล้วเตรียมป้องกันปัญหานั้น กับเสริมความสำเร็จให้ดีขึ้น
- คำนวนล้วงหน้าถึง "ต้นทุน" ที่จะต้องใช้จ่ายในการทำนารุ่นนี้
- วางแผนการทำงาน จัดเวลา และแรงงานที่จะต้องใช้ในการทำนารุ่นนี้
- ควบคุมแรงงานให้ทำงานตามคำสั่งอย่างแท้จริง
- ทำเองแทนการจ้างแรงงานให้มากที่สุดเพื่อลดต้นทุนและประสิทธิภาพประสิทธิผลของเนื้องาน
-
-


- เตรียมล่วงหน้าให้พร้อม.....
1) สารสมุนไพร (ก่อนระบาด/ขณะระบาด)
2) ปุ๋ย/ฮอร์โมน บำรุงต้นข้าวเมื่อธรรมชาติวิปริต (ร้อน/หนาว-น้ำท่วม/ฝนแล้ง)
3) ปุ๋ย/ฮอร์โมน บำรุงต้นข้าวเมื่อธรรมชาติปกติ (สารลมเบ่ง-เอ็นเอเอ.-แคลเซียม โบรอน)
4)
5)



จ.จ.จ.











.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 17/07/2012 1:34 pm    ชื่อกระทู้: ชาวนาแท้ๆ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จาก : (089) 732=68xx
ข้อความ : ลุงคิมครับ บ้านผมทำนา 50 ไร่ ลงทุนใช้ยูเรีย 70 กส. ใช้ 16-20-0 อีก 50 กส. ยาฆ่าหญา ยาฆ่าแมลง
บางปีมียาฆ่าหอยเชอร์รี่ ค่าแรง ค่ารถไถ ค่ารถเกี่ยว ค่าน้ำมันสูบน้ำ รวมแล้วเกือบ 4 แสน ได้ข้าวไม่ถึง 50 เกวียน ....(ต่อ)
ตอบ :

----------------------------------------------------------------------------------------------


จาก :(089) 732=68xx
ข้อความ : ตอนนี้บ้านผมมีหนี้เกือบล้านเหมือนกัน ผมคุยกับแม่แต่ไม่คุยกับพ่อเรื่องหนี้กับรายได้ แม่ผมน้ำตาร่วงแต่ไม่พูด
อะไร ผมโตเป็นหนุ่มแล้ว แม่กอดผมแรงๆ ผมก็น้ำตาร่วงด้วย มันเป็นน้ำตาลูกผู้ชายครับ ....ขอบคุณลุงครับ
ตอบ :

-----------------------------------------------------------------------------------------------




สวัสดีค่ะ ลุงคิม

ยัยเฉิ่ม ได้อ่านกระทู้ถามในรายการวิทยุ แต่ไม่ได้ฟังว่าลุงตอบว่าอย่างไร

ยัยเฉิ่ม อ่านคำถามแล้ว ก็ได้แต่คิดว่า น้องคนนี้ เค้าจะทำอย่างไรต่อไป เดินตามข้างบ้านต่อไป หรือจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร
จะพึ่งใครที่จะช่วยใ้ห้ปลดหนี้ได้ กล้าที่จะปฏิวัติคนในบ้านหรือเปล่า ถ้าเดินตามแนวทางลุง จะมีแรงทนทานเสียงรอบข้างไหวไหม

ลุงว่าน้องเค้าจะทำอย่างไร และลุงตอบว่าอย่างไร



ขอบคูณค่ะ
ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 20/07/2012 4:45 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สอนเขาว่า.....

**** กรณีที่พ่อกับแม่ไม่ฟังลูก ยึดติดแบบเดิมๆ ทำตามข้างบ้าน ทำตามโฆษณา ทำทั้งๆที่ขายแล้วขาดทุนก็ยังทำ ..... บางบ้าน
พ่อแม่บางคนด่าลูก "กู อาบน้ำร้อนมาก่อนมึง มึงไม่ต้องมาสอนกู" พ่อแม่ใครเป็นเยี่ยงนี้ ห้ามเด็ดขาดนะ ห้ามสอนพ่อ ห้ามสอนแม่ ห้าม
เถียงพ่อ ห้ามเถียงแม่ มิฉนั้นเราจะกลายเป็นลูกอกตัญญู ขอให้คิดเสียว่า ที่พ่อแม่เป็นหนี้เป็นสินในวันนี้ เพราะต้องหาเงินมาเลี้ยงเรา ส่งเรา
เรียน สารพัดที่เราอยากได้ แล้วเราได้เพราะพ่อกับแม่ซื้อให้ แล้วพ่อกับแม่เอาเงินมาจากไหนล่ะ ก็มาจากที่เป็นหนี้นั่นแหละ ..... แต่หาก
บ้านใด ทั้งพ่อและแม่ ปรึษาลูก ถามลูก นั่นแหละคนเป็นลูก จงพูด-จงบอก-จงเล่าให้ฟัง ว่าแต่คนเป็นลูกมี ข้อมูล/แนวคิด (แม่นสูตร แม่น
หลักการ) หรือไม่ เท่านั้นหละ



**** กรณีที่พ่อกับแม่ไม่ฟังลูก ยึดติดแบบเดิมๆ ทำตามข้างบ้าน ทำตามโฆษณา ทำทั้งๆที่ขายแล้วขาดทุนก็ยังทำ แบบนี้เมื่อ
พ่อแม่ บอกให้ใส่อะไรลงไปในนา จงใส่ตามที่พ่อแม่สั่ง พ่อแม่ บอกให้ฉีดอะไรที่ต้นข้าว ก็จงฉีดตามที่พ่อแม่สั่ง เช่น พ่อแม่ให้ใส่ยูเรีย
ก็จงใส่ ให้ฉีดสารเคมี ก็จงฉีด แล้วรอจังหวะถ้ามีโอกาส เราก็แอบเอาปุ๋ยตัวที่ถูกต้อง +สารสมุนไพร ไปฉีดทางใบให้กับต้นข้าว โดย
หลักทางวิชาการแล้ว ต้นข้าวที่ได้รับปุ๋ยทางใบ (Mg-Zn-TE) ย่อมดีกว่าต้นข้าวที่ได้รับแต่ยูเรียเดี่ยวๆอย่างแน่นอน


**** กรณีที่พ่อกับแม่ไม่ฟังลูก ยึดติดแบบเดิมๆ ทำตามข้างบ้าน ทำตามโฆษณา ทำทั้งๆที่ขายแล้วขาดทุนก็ยังทำ แบบนี้
เมื่อพ่อแม่ บอกให้ใส่อะไรลงไปในนา จงใส่ตามที่พ่อแม่สั่ง พ่อแม่ บอกให้ฉีดอะไรที่ต้นข้าว ก็จงฉีดตามที่พ่อแม่สั่ง ทำไปก่อน เมื่อใด
ที่พ่อแม่เผลอ หรือเมื่อใดที่พ่อแม่ฟังเรา ยอมรับเรา จะด้วยหลักการและเหตุที่เราบอก หรือจะด้วยเหตุอื่น ก็จงเอาปุ๋ยที่เรามั่นใจให้
ทับลงไป ต้นข้าวที่ได้รับปุ๋ยเราเพิ่ม ย่อมดีกว่าต้นข้าวที่ได้รับแต่ปุ๋ยเท่าที่พ่อแม่สั่งให้ใส่เท่านั้น อย่างแน่น


**** ถ้าไม่กล้าสอนพ่อสอนแม่ หรือสอนไม่ได้เพราะไม่มีข้อมูล ให้แกล้งเปิดวิทยุดังๆ เปิดรายการวิทยุลุงคิม เดี๋ยวลุงคิมสอนเอง.....
สร้างสถานการณ์นาข้าวนาใครก็ได้ อย่าให้พ่อแม่รู้ว่าเป็นนาของตัวเอง แล้วส่งเป็นคำถามมาที่รายการลุงคิมให้ลุงคิมสอนแทนก็ได้



จ.จ.จ.



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 23/07/2012 4:21 pm    ชื่อกระทู้: มันจะได้เรื่องหรือว่ะ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีค่ะ สมช.ทุกท่าน


ที่ทำงาน : เฮ้ย ไอ้ขวัญ เครื่องหยอดข้าวเอ็งไปถึงไหนละวะ
ยัยเฉิ่ม : ตอนนี้หนูกำลังซ้อมมืออยู่ค่ะ ยังไม่ได้ลงจริง

ที่ทำงาน : มันจะไปได้เรื่องอะไรวะ วันหนึ่งจะได้สักกี่ไร่ จะไปทันคนอื่นเค้าได้ไง มัวแต่ช้ายืดยาด เดี๋ยวก็ไม่ทัีนน้ำหรอก
ยัยเฉิ่ม : วันหนึ่งได้ตั้ง 8-10 ไร่นะ

ที่ทำงาน : เอ้อนั่นแหละ ไม่ทันพวกหรอก เอ็งเลิกคิดอะไรใหม่ๆ ที่มันไม่เข้าท่า เถอะวะ คนอื่นเค้าก็ทำตามปกติ ก็ได้ไร่ละเกวียน เอ็งคิดโน่นคิดนี่ ไม่เห็นจะได้เรื่อง
ยัยเฉิ่ม : ได้แต่ยิ้มแหยๆๆ






ไปงานบวชคุยกับป้าศรี

ป้าศรี : ป้าขวัญ ปีนี้ได้ข้าวกี่เกวียน
ยัยเฉิ่ม : ได้นิดหน่อยน่ะป้าศรี แต่ไม่ขาดทุน

ป้าศรี : เค้าว่า ป้าขวัญทำนาแบบใหม่เหรอ นาอินทรีย์ เค้าทำกันมาเยอะแล้ว เลิกกันหมด ได้ข้าวน้อย


ยัยเฉิ่ม : ถึงน้อยก็ไม่ขาดทุนนะป้า ข้าวไม่เป็นโรคด้วย
ป้าศรี : ไร่ หนึ่งหว่านข้าวปลูกไปกี่ถัง

ยัยเฉิ่ม : ไม่ถึงสองถังดีนะ
ป้าศรี : โอ๊ยถ้าเป็นป้านะ ถ้าไม่ถึงสามถังละไม่มีสบายใจ หว่านข้าวน้อย ได้ต้นน้อย รวงน้อย ยังไงงๆต้องให้หนาเข้าไว้

ยัยเฉิ่ม : หว่านหนามันเป็นโรคนะ ทั้งเพลี้ย ทั้งรา ทั้งหนอน
ป้าศรี : ก็ฉีดยาซิ แล้วปีนี้ทำต่อหรือป่าว

ยัยเฉิ่ม : ทำแบบเดิมแหละ อินทรีย์นำ เคมีเสริม ใช้ทั้งปุ๋ยหมัก ทั้งยา ทั้งปุ๋ยสูตรทั้งยูเรีย ใส่หมดแหละ
ป้าศรี : เออ แบบนี้แหละถึงจะได้ข้าว ทำมาตั้งนาน พอเปลี่ยนก็เป็นเรื่อง เห็นไหม ได้ข้าวนิดเดียว ป้าทำนะ ไม่เคยต่ำกว่าไร่ละเกวียน แล้วจะใช้ข้าวปลูกกี่ถังล่ะงวดนี้

ยัยเฉิ่ม : ก็ว่าจะเอาสักไร่ละ 1 ถัง
ป้าศรี : มันจะได้กินข้าวเหรอ ป้าน่ะตั้งสามถังนะ

ยัยเฉิ่ม : งวดนี้หนู่จะทำนาหยอดข้าว




................ ยังไม่จบค่ะ .............




มุ่งมัน-แน่วแน่-แม่นสูตร-แม่นหลักการ

ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 13, 14, 15  ถัดไป
หน้า 5 จากทั้งหมด 15

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©