-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 28 NOV
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - รอยยิ้ม-เสียงหัวเราะ ... หลังนาล่ม
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

รอยยิ้ม-เสียงหัวเราะ ... หลังนาล่ม

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 24/09/2011 7:44 am    ชื่อกระทู้: รอยยิ้ม-เสียงหัวเราะ ... หลังนาล่ม ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

รอยยิ้ม-เสียงหัวเราะ ... หลังนาล่ม


หมอดูไพ่ป๊อก ใต้ต้นมะขามสนามหลวงฝั่งวัดพระแก้ว เปิดหน้าไพ่ใบสุดท้ายขึ้นมาเป็น A. ทั้ง 4 ดอก.... ทำนาย "ฟันธง" ว่า

"....... ราศีกรกฎบดทับราศีกันย์ ทำนายว่า นาข้าวจะพบกับความเสียหายถึง 3 ใน 4 ของประเทศ บรรดาโรงสีใหญ่น้อย
จะขาดแคลน ข้าวเปลือก-ข้าวสาร ที่จะส่งออกตามออร์เดอร์ เป็นเหตุให้ถูกปรับตามสัญญา โรงสีอาจล้มละลายถึงปิด
กิจการ......

......... ราศีตุล เคียงข้างราศีพฤศจิก เล็งไปทางราศีธันว์ โชคลาภ ทรัพย์สินเงินตรา จะเข้าข้างชาวนา เทวดาประกัน
ราคาข้าวไว้เกวียนละ 15,000 ด้วยอานิสงแห่งความมีสติ ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท มั่นคงพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง
จะขายข้าวได้สูงกว่าราคาประกัน เพราะบรรดาโรงสีใหญ่น้อยต่างแก่งแย่งกันขอซื้อข้าวจากชาวนา เพื่อเอาไปส่งตามออร์
เดอร์ในสัญญา กับทั้งเพื่อหลีกเว้นจากการถูกปรับ กระทั่งล้มละลายได้............................ฟันธง"

หมอดูคู่หมอเดา .... เชื่อโบราณบานบุรี ไม่เชื่อก็ไม่ดี เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง กำลังดี

เป็นชาวนาต้องทำนา ทำนาข้าวปลูกข้าว หรือเห็นน้ำท่วมจะเปลี่ยนไปปลูกแห้ว ทำนาแห้ว นาบัว นาผักบุ้ง นากะเฉด

ด้วยสภาวะจำยอม เมื่อพื้นที่เกษตรถูกออกแบบไว้สำหรับทำนาข้าว ก็ต้องทำนาข้าวต่อไป

อดีต คือ บทเรียน....ปัจจุบัน คือ ความจริง.... อนาคต คือ ความฝัน....
ชีวิต คือ การต่อสู้ ศัตรู คือ ยาบำรุง ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นไป ถ้าไม่ดิ้นก็สิ้นใจ

โลกนี้ล้วนมีของคู่ มืดคู่สว่าง ร้อนคู่เย็น ดีคู่เลว โชคคู่เคราะห์ ซ้ายคู่ขวา หน้าคู่หลัง ....... สำเร็จคู่ล้มเหลว

นาเช่า เช่าที่นาทำมากี่ชั่วอายุ ชั่วอายุละกี่รอบ จนป่านนี้ยังไม่มีกำไรพอซื้อที่ดินเป็นของตัวเอง ชื่อตัวเองในโฉนด แม้เพียง
5-10 ไร่ นอกจากสร้างที่ดินให้ตัวเองไม่ได้ ยังมีหนี้สินเพิ่มขึ้นอีก วันดีคืนร้าย เจ้าของที่ดินขอขึ้นราคาค่าเช่า มันแสนสุด
จะปวดร้าว

มีที่ดินเป็นของตัวเอง ตกทอดมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ หลายๆชั่วอายุ แต่มาวันนี้ที่ดินผืนนี้ต้องตกไปเป็นของคนอื่น
เพราะภาวะหนี้สิน หนี้สินที่เกิดจากการทำนา ทำนาแบบไม่คำนึงถึงต้นทุน ต้นทุนที่ลงไปจึงเป็นต้นทุนที่สูญเปล่า


พระศาสดาทุกศาสนาทรงสอนเหมือนกัน ทำดีได้ดี-ทำถูกต้องได้ผลถูกต้อง....ทำชั่วได้ชั่ว-ทำผิดได้ผลผิด
นั่นคือ ผลย่อมมาจากเหตุ หรือเหตุย่อมสะท้อนไปถึงผล

*** ทำแบบเดิมได้น้อยกว่าเดิม ขาดทุนอย่างเดิม
*** ทำตามคนที่ประสบความสำเร็จย่อมประสบความสำเร็จยิ่งกว่า ทำตามคนที่ล้มเหลวย่อมประสบความล้มเหลวยิ่งกว่า

*** คิดใหม่ทำใหม่ ปลูกข้าวตามใจข้าว เลิกตามใจคน เลิกตามใจพ่อค้าข่ายปุ๋ยขายยา
*** ปลูกข้าวแบบ อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม - ตามความเหมาะสมของนาข้าวหลังน้ำท่วม ช่วงหน้าหนาว

แม้ไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ยากอย่างที่กลัว เรื่องนี้ ยากหรือง่าย อยู่ที่ใจของตัวเอง ตราบใดที่ใจไม่เอา ไม่เปิดใจ ไม่ยอม
รับความจริง มิจฉาทิฐิ ยึดติดกับวิธีการเดิม ทั้งๆที่ทำแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น ตราบนั้นทุกสถานการณ์ก็จะมีแต่ เลวร้าย-เลวร้าย
ลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็คือ ไม่เหลืออะไรเลย

ไม่มีงานใดในโลกนี้ที่ไม่มีปัญหา แต่หากป้องกันปัญหาไว้ก่อน แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แล้วทำไป ระหว่างทำไม่เกิดปัญหา
งานนั้นย่อมสำเร็จ แต่หากทำไปๆ ยิ่งทำยิ่งมีปัญหา จะเกิดอาการท้อแท้ สุดท้ายงานนั้นก็ล้มเหลว



เข้าประเด็น :
หลักการและเหตุผล :
- น้ำท่วมนาข้าวคราวนี้ บรรดาสารพัดหลากหลายอินทรีย์วัตถุที่หน้าดิน หายไปกับน้ำจนหมดสิ้น กระทั่งเหลือแต่เนื้อดินเป่ลาๆ
- ดินที่ไม่มีอินทรีย์วัตถุ ย่อมไม่มีจุลินทรีย์....ดินที่ไม่มีจุลินทรีย์ คือ ดินตาย


แนวทางปฏิบัติและการแก้ปัญหา (ระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว)
แบบลงทุนด้วยเวลา..

1. ไถดะ ไถแปร แล้วหว่านพืชตระกูลถั่ว
2. ใช้เวลาประมาณ 45 วัน ต้นถั่วออกดอก
3. สูบน้ำเข้านา น้ำลึก 10 ซม.
4. ใส่ปุ๋ยน้ำชีวภาพ 30-10-10 (5 ล.) ยิบซั่ม 25 กก., 16-16-16 (10 กก.) สำหรับเนื้อที่ 1 ไร่
5. ไถดะ ไถแปร ทำเทือก ตามปกติ
6. ลงมือทำนาข้าว "แบบประณีต" ต่อไป

แบบลงทุนด้วยเงิน
1. ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 100 กก. ยิบซั่ม 50 กก. กระดูกป่น 25 กก. หว่านทั่วแปลง
2. สูบน้ำเข้าลึก 10 ซม.
3. ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (5 ล.) + 16-16-16 (10 กก.) สำหรับเนื้อที่ 1 ไร่
4. ไถดะ ไถแปร ทำเทือก ตามปกติ
5. ลงมือทำนาข้าว "แบบประณีต" ต่อไป


ลุงคิมครับผม....















.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 06/10/2011 4:10 pm, แก้ไขทั้งหมด 29 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 24/09/2011 10:23 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

7 วิธีเบื้องต้นสำหรับ "เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส"






โลกนี้มีได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ มีคนจำนวนมากต้องเผชิญปัญหามากมายทั้งที่เกิดจากตนเอง และบางครั้งก็เกิดจากผู้อื่น
ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ เราจะผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นได้อย่างไร มาเริ่มต้นจากวิธีง่าย ๆ ด้วยตนเองด้วย 7 วิธีเบื้องต้นสำหรับ
"เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส"


จากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันทำให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายในตลาดแรงงาน ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ต้องเผชิญกับสภาวะการ
ถูกพักงาน การถูกเลิกจ้าง หรืออย่างเบาหน่อยก็คือการลดอัตราเงินเดือนหรือลดรายได้ประจำ หลายคนปรับตัวและ ค้นหาทาง
เดินใหม่ได้ แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่อยู่ในภาวะ "สับสน" โดยไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับอนาคตของตนเอง บริษัทก็ปิดไปจำนวน
ไม่น้อย นายจ้างทั้งหลายก็ยังไม่ฟื้นตัว การจ้างงานใหม่คงต้องรออีกสักระยะ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นเวลานานเท่าใด ถึงตรงนี้จะพึ่ง
คนอื่นคงไม่ดีเท่ากับ "พึ่งตนเองก่อน" เป็นอันดับแรกพยายามทำใจให้สงบตั้ง "สติ" ให้ดี และใช้ช่วงเวลานี้ "เปลี่ยนวิกฤต
ให้เป็นโอกาส" กันดีกว่า "การเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส" เป็นเรื่องไม่ยาก สามารถเริ่มต้นได้จากตัวเราเอง ดังนี้


1. คิดใน "แง่บวก" หรือ "แง่ดี" อยู่เสมอ พยายามเปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมองหาข้อดีและคิดแต่สิ่งดีนั้นไว้เสมอ เช่น คิดว่า
"ความทุกข์ที่เราทุกข์อยู่ทุกวันนี้ ยังมีคนที่ทุกข์ยิ่งกว่าเราอีกหลายคน" หรือ "โชคดีนะที่เขาให้เราหยุด เราก็ทำมานานแล้ว
พักเสียบ้างจะได้หายเหนื่อยหรือไม่บางทีอาจได้งานที่ดีกว่าเก่าทำก็เป็นไป ได้" หรือ "ดีนะที่เขาลดเงินเดือนเราดีกว่าเลิก
จ้าง" เป็นต้น


2. ให้ "กำลังใจ" ซึ่งกันและกัน กำลังใจเป็นโอสถทิพย์ที่ใครได้รับแล้วชื่นใจ เป็นยาที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ ยิ่งให้ก็ยิ่งมีมากขึ้น ทุก
คนควรให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อนฝูง พี่น้อง สามี ภรรยา พยายามปลอบใจและให้กำลังใจ ถ้ามีโอกาสก็ไปเยี่ยมไปคุยกัน
แต่ถ้าการเดินทางไปหากันไม่สะดวกก็โทรศัพท์ หรือจดหมายก็ได้ ในบางครั้งคำพูดที่แสดงความรู้สึกเห็นใจ เข้าใจเป็นสิ่งที่มี
ค่ายิ่งกว่าเงินทองทรัพย์สินมากมาย ได้กำลังใจนิดเดียวอาจทำให้เขายืนขึ้นและเดินต่อไปได้เองอีกยาวไกล


3. ค้นหา "จุดเด่น" ของตนเอง คนเราทุกคนจะมี "จุดเด่น" หรือความสามารถพิเศษที่เพื่อน ๆ ยอมรับ ลองถามเพื่อน ๆ หรือคน
ใกล้ชิดดูแล้วนำ "จุดเด่น" หรือความใกล้ชิดดูแล้วนำ "จุดเด่น" หรือความสามารถพิเศษนั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เช่น บางคน
ทำกับข้าวอร่อยมากเปิดร้านอาหารได้เลย หรือจัดดอกไม้สวย ทำเป็นของชำร่วยขายวันเทศกาลต่าง ๆ ได้สบาย เป็นต้น


4. ปรับปรุง "จุดอ่อน" มองหา "จุดอ่อน" ของตนเอง แล้วปรับปรุงเพิ่มเติมเสีย เช่น บางคนความรู้น้อย เพราะสมัยก่อนอยาก
เรียนแต่ไม่มีเวลา ตอนนี้มีเวลาแล้วมองหาที่เรียนเพิ่มเติมเสีย ถ้าไม่สะดวกไปนั่งเรียนในห้องเรียน ก็เรียนด้วยตนเองที่บ้าน
กับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ที่สำคัญประหยัดอีกด้วย


5. "ทำงาน" ที่หาได้ไปก่อน ในช่วงนี้ไม่ควรเลือกงาน ถ้ามีงานอะไรที่พอทำได้ ถึงแม้จะเดินทางลำบากขึ้น ตำแหน่งกับราย
ได้ลดลงก็ทำไปก่อน และหันมาใช้วิธีประหยัดรายจ่ายทดแทน เพราะการใช้วิถีชีวิต "รายได้มากจ่ายมาก เงินเหลือเก็บ
น้อย" กับการที่รายได้น้อยใช้จ่ายสมเหตุผล มีเงินเหลือเก็บมาก" วิถีชีวิตแบบไหนน่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมกับปัจจุบันมากกว่า
กัน ที่สำคัญงานใหม่อาจดีกว่างานเก่าก็เป็นได้ ขอให้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่าง "ผู้มีความรับผิดชอบ และทำ
ให้ดีที่สุด"


6. ทำงาน "เสริม" เพิ่มรายได้ หลายคนจะมีเวลาเหลือจากงานประจำ ไม่ตอนเย็นหลังเลิกงาน ก็วันเสาร์หรือวันอาทิตย์
จัดสรรเวลาที่เหลือหางานทำเสริมเป็นการเพิ่มรายได้ เช่น ทำขนมส่งขายร้านประจำใกล้บ้าน หรือนำของที่ไม่เป็นประโยชน์
สำหรับเราแต่สภาพดีมาขายราคาพิเศษในตตลาดนัดวัน เสาร์-อาทิตย์ เป็นต้น ที่สำคัญงานเสริมทีทำไม่ควรใช้เวลามากจน
ไม่มีเวลาพักผ่อน หรือใช้เวลางานประจำไปทำงานเสริมจนทำให้งานประจำเสียหาย


7. "ทำงานที่ฝัน" ให้เป็นจริง เริ่มต้นลงมือทำสิ่งที่ฝันไว้เสียทันที ไม่ต้องรอเช่นหลาย ๆ คนเคยมีความฝันว่าในอีก 5-6 ปี
ข้างหน้าจะหยุดทำงานประจำเมื่ออายุ 50 ปี แล้วไปปลูกผัก ทำสวน ทำไร่ในต่างจังหวัด หรือพักผ่อนเสียที" ถึงวันนี้แล้วทำ
ฝันให้เป็นจริงได้เลย ลงมือศึกษาหาความรู้ที่เกี่ยวข้องเสียเป็นการเตรียมพร้อมก่อนไปลงมือจริงจัง เพราะความรู้บางอย่างต้อง
ใช้เวลา และต้องลงมือทำถึงจะรู้จริง หรือถ้าไม่รู้ก็ควรเข้าไปหาความรู้จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ เช่น ห้องสมุดประชาชน ห้อง
สมุดมหาวิทยาลัย เป็นต้น หรือเข้าไปในพื้นที่เพื่อหาความรู้จากผู้รู้ในท้องถิ่น เป็นต้น



จะเห็นได้ว่า "7 วิธีเบื้องต้น สำหรับเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส" เป็นวิธีการที่เริ่มต้นที่ "ตนเอง" สามารถดำเนินการได้ทันที
ที่สำคัญขอให้ "ลงมือทำทันที" เพราะลำพัง "การคิดเพียงอย่างเดียวย่อมไม่เกิดผลถ้าไม่มีการกระทำ" และเมื่อได้ลงมือปฏิบัติ
แล้ว หากยังไม่ประสบผลสำเร็จ ขออย่าเพิ่ง "ท้อถอย" ขอให้มีความอดทน เพียรพยายาม ค้นหาวิธีการใหม่เพื่อต่อสู้ต่อไป
แล้วชัยชนะก็จะเป็นของเราไม่วันใดก็วัน หนึ่ง ดังคำกล่าวที่ว่า "ชัยชนะย่อมอยู่กับผู้ไม่ยอมแพ้"



http://www.studentkm.net/blog_view.php?b_id=91


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 26/09/2011 4:18 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 24/09/2011 10:30 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

มีดีบ้างไหม : คำถามพลิกชีวิต เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส






มีดีบ้างไหม โดย นายแพทย์เทอดศักดิ์ เดชคง เป็นหนังสือที่ช่วยให้เราหลุดจากความทุกข์ได้ดีมากๆเลยค่ะ

ชอบมากกับทฤษฎี 10-90 กับความจริงของชีวิต ตามทฤษฏีนั้น คุณหมอบอกไว้ว่า

ชีวิตของคนเรานั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก 10% ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในตัวเราเอง 90%

ความสุขของเราหายไป 90% เพราะใจของเราไม่ได้ประเมินว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความสุข เราจึงคิดว่าเหลือความสุขจริงๆ
เพียงแค่ 10% ของความสุขทั้งหมด

ความทุกข์ของเราจริงๆมีแค่ 10% ส่วนที่เหลืออีก 90% เป็นความทุกข์ที่จิตใจปรุงแต่งว่าเป็นความทุกข์

ซึ่งวิธีที่เปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นความสุข ก็มีอยู่วิธีเดียวค่ะ คือการปรับเปลี่ยนการมองโลก เปลี่ยนมามองโลกในแง่ดี
เมื่อหลุดพ้นจากกรอบของตัวเองแล้ว ก็จะพบทางเดินใหม่ ที่มีความสุขมากขึ้นค่ะ

คนส่วนใหญ่เคยชินว่า เมื่อไม่สมหวังต่อสิ่งที่ตั้งใจไว้ก็เกิดความทุกข์ โดนนายดุ 5 นาที ช้ำใจไป 5 วัน เพราะใจมันไป
ย้ำคิดย้ำทำกับคำพูดของนาย เผลอๆใจมันคิดไปไกลว่านายลำเอียง

เหมือนแบกก้อนหินไว้บนบ่า หนักมั้ยคะ ถ้าหนักก็วางลงก็ได้

การวางก้อนหินไม่ใช่การไม่สนใจ การละทิ้ง

แต่เป็นการวาง “อารมณ์” ที่คาดหวัง ผูกพันและเป็นทุกข์

พูดง่ายๆก็คือ ให้เราทำกิจกรรมต่างๆด้วยความตั้งใจ ไม่ใช่ด้วยความทุกข์

เราลองมาปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดของเรากันดีกว่าค่ะ เวลาเจอเหตุการณ์หรือปัญหาแย่ๆ ลองถามตัวเองซิคะ ว่าสิ่ง
ที่เกิดกับเราตอนนี้อยู่นี่ มันมีอะไรดีบ้างไหม บางครั้ง เราอาจได้รับคำตอบในอีกด้าน นอกกรอบที่ตัวเองตั้งไว้ก็ได้นะคะ

เมื่อหลุดพ้นจากข้อจำกัดของตัวเองแล้ว ก็จะพบทางเดินใหม่ ที่มีความสุขมากขึ้นค่ะ

ถ้าความสุขใครเพิ่มขึ้นมาเต็ม 90% แล้ว อย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันมั่งนะคะ




http://www.oknation.net/blog/astranger/2008/02/24/entry-1


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 26/09/2011 4:19 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 24/09/2011 10:39 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

พลิกวิกฤตน้ำท่วม จับปลาขาย อาชีพเสริม





ชาวนาพิจิตรพลิกวิกฤตเป็นโอกาส จับปลาขายสร้างรายได้งาม

ชาวบ้านต.วังจิก อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมบ้านเรือนและไร่นาเสียหายอย่างหนักแต่ไม่ยอมงอมืองอเท้า
แต่ใช้วิกฤตเป็นโอกาสรวมตัวกันออกหาปลาที่หลุดออกจากบ่อเลี้ยงรวมทั้งปลาตามธรรมชาติได้เป็นจำนวนมากก่อนนำไปวาง
ขายข้างท้องถนนเส้นทางสาย พิจิตร-วังจิก-หนองหัวปลวก โดยขายราคาต่ำกว่าท้องตลาดเพราะเป็นปลาที่ชาวบ้านจับได้
เองแล้วนำมาขายโดยตรง จึงทำให้ได้รับความสนใจจากนักเดินทางจอดแวะเวียนมาซื้อกันเป็นจำนวนมากทำให้มีรายได้วัน
ละเกือบพันบาท

นอกจากนี้ ปลาที่หาได้คราวละมากๆก็นำมาแปรรูปทำเป็น ปลาเค็ม ปลาแห้ง ปลาย่าง ปลาแดดเดียว ขายอยู่ที่ กก.ละ 90-
150 บาท เป็นการสร้างรายได้ที่งดงามและมีงานทำอยู่กับบ้านไม่ต้องอพยพไปขายแรงงานในกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นการสู้ชีวิต
ของชาวพิจิตรที่เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสในช่วงน้ำท่วมใหญ่และยาวนานในครั้งนี้ดังกล่าว





http://www.posttoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD/106033/%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 26/09/2011 4:20 pm, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 24/09/2011 11:06 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

พลิกวิกฤติเป็นโอกาสของคนเมืองสกล แล้งจัด-หาไข่มดแดง ตั้งเพิงขายริมทาง

สุพจน์ สอนสมนึก


"เส้นทางเถ้าแก่"สัปดาห์นี้มาที่จ.สกลนคร ที่ริมถนนสายบ้านสูงเนิน-อ.อากาศ อำนวย จ.สกลนคร จะพบกับเพิงที่ชาวบ้านริมทาง
ระหว่างบ้านบะหว้า-บ้านถ่อน มีการนำสินค้าป่ามาวางจำหน่าย จักจั่น ดอกกระเจียว และเห็ดป่าบางชนิด เรียกว่าพลิกวิกฤตเป็นโอกาส
เนื่องจากเป็นพื้นที่แห้งแล้งถึงกับต้องประกาศเขตภัยพิบัติแล้งถึง 7 อำเภอ



- หนีแล้งเข้าเมือง
นายประกิม นาขมิ้น และ นางสุวพัฒน์ นาขมิ้น สามีภรรยา บ้านบะหว้าหมู่ที่ 7 ต.บะหว้า อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร เผยว่า หากพูด
ถึงความแห้งแล้งแล้วทุกปีก็จะแล้งไปทั่ว ชาวบ้านหลายคนในหมู่บ้าน โดยเฉพาะเด็กและคนหนุ่มสาวพากันหนีแล้งไปทำงานในเมือง
ปล่อยให้เด็กเล็กและคนชราเฝ้าบ้าน

"พอถึงหน้าทำนาก็กลับมา เป็นเรื่องปกติของคนชนบท ส่วนตัวเองก็เคยทำเหมือนกัน แต่ไม่อยากจากบ้านไปไหน ประกอบกับลูก
ก็ยังเรียนหนังสือจึงหาอยู่หากินที่บ้านดีกว่า"



- เข้าป่าหาของขาย
โดยเข้าป่าหาเห็ด หาดอกกระเจียว และจักจั่นมาวางขายริมถนน ลูกสาวสองคนมาช่วยขาย ซึ่งสินค้าที่มาวางขายเป็นพวกของป่า
ที่หาได้ตามหมู่บ้าน รายได้เฉลี่ยวันละ 500-700 บาท

"ลูกสาวสองคนก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปตอนแรกเห็นเพื่อนๆไปทำงานก็อยากไป แต่ผมได้ให้ช่วยงานที่บ้านและบอกว่าที่บ้านก็มีเงิน
อยู่เต็มไปหมด เพียงแต่เราไปหาให้ได้"



- เริ่มให้หาไข่มดแดง
ฝึกให้เขาตื่นเช้าเริ่มจากจับจักจั่น จากนั้นก็หาไข่มดแดงและดอกกระเจียว ปลูกเพิงริมทางในที่นาตนเอง วางขายให้กับคนที่
ผ่านไปมา

"บางที่ใช่ว่าหากันได้ง่ายๆ บางทีไม่ได้ไปหาเองแต่ก็รับซื้อจากญาติๆ พี่น้องที่ออกไปหาแล้วนำมาขายที่ริมทาง ซึ่งคนที่ไปหา
ก็นำมาขายให้เพราะเห็นว่าเป็นเด็กและหารายได้เองประกอบกับมีจำนวนไม่มากด้วย"



- พอมีรายได้ไม่อยากจากบ้าน
ด้านด.ญ.ปภัสสร กล่าวว่า ตอนแรกอยากไปทำงานในเมืองเหมือนเพื่อนบางคน แต่เมื่อหันมาหาจักจั่นและของป่าขาย ทำให้มี
รายได้ดี จึงไม่คิดอยากไป เพราะคิดว่าช่วงปิดเทอมก็หาเงินหางานทำที่บ้านดีกว่า ได้เท่าไหร่ก็เหลือเท่านั้น และก็ไม่ต้องห่าง
ไกลด้วย ส่วนเงินที่ขายได้ก็จะเก็บไว้แล้วนำไปฝากไว้เพื่อเป็นทุนการศึกษาต่อไป



- วิธีการหาไข่มดแดง
สำหรับวิธีการหาไข่มดแดง ที่นิยมกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ใช้ไม้ไผ่เป็นลำผูกตะกร้าที่ปลาย เดินหาตามป่า เห็นรังมดแดงก็จะสอย
โดยวิธีเขย่าไม้ไผ่ให้รังมดแดงหลุดออกมา หาจนกว่าจะพอใจ จากนั้นนำรังไข่มดแดงทั้งหมดไปแช่ใส่ถังน้ำ บรรดามดแดงก็
จะไต่ถังหนีน้ำออกมา ส่วนใหญ่จะไปแกงส้ม หรือยำ

สำหรับท่านใดที่ต้องการหาอาชีพเสริมช่วงฤดูแล้งอย่างนี้ ลองออกหาไข่มดแดงตามต้นไม้นอกจากจะทำอาหารได้แล้ว ยังสามารถ
เป็นรายได้ดีอีกด้วย ไม่ต้องลงทุนอะไรมากเลย ขอให้ขยันเป็นพอ



http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dNakF5TURRMU5BPT0=


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 26/09/2011 4:21 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 24/09/2011 11:25 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เหยื่อน้ำท่วมสุโขทัย พลิกวิกฤตเป็นโอกาส จับปลารากกล้วยขาย กก.ละ 200 บ.





ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณท่อระบายน้ำ ริมถนนสายศรีสำโรง-สวรรคโลก หมู่ 1 ต.ย่านยาว อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ชาวบ้านที่
ส่วนใหญ่ทำอาชีพสวนกล้วยตานี ได้พากันแห่ออกมาจับปลาทอง และปลารากกล้วย ขายกันอย่างคึกคัก หลังพืชสวนทั้งละมุด
และกล้วยตานี ถูกน้ำท่วมเสียหายยับกว่า 10 ล้านบาท จากอิทธิพลของพายุนกเตน ที่ผ่านมา

นายเอกสิทธิ์ คงดวน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ย่านยาว กล่าวว่า หมู่บ้านนี้ถูกน้ำท่วมขังมานานเกือบ 1 เดือนแล้ว และชาวสวนก็เดือด
ร้อนกันมาก เพราะไม่สามารถตัดใบตองมาขายกันได้ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงครอบครัว อีกทั้งบ้านเรือนก็ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ จะล้างทำ
ความสะอาด หรือขนย้ายทรัพย์สินกลับเข้าบ้านก็ไม่ได้ เพราะได้รับแจ้งเตือนว่าจะมีพายุลูกใหม่เข้ามาอีก


ชาวบ้านบางราย จึงจำเป็นต้องอาศัยข้างถนน เป็นที่ประกอบอาหาร และใช้ศาลาริมทาง เป็นที่เก็บสิ่งของชั่วคราวขณะที่ชาวบ้านอีก
นับร้อยคน ก็ได้พากันมาดักจับปลาทอง และปลารากกล้วย ที่ว่ายไหลมาตามท่อระบายน้ำ เพื่อนำไปเป็นอาหาร รวมทั้งขายหาเงิน
ใช้ระหว่างนี้ โดยปลาทั้ง 2 ชนิด จะขายได้ถึงกิโลกรัมละ 200 บาท


ทั้งนี้ ชาวบ้านบอกว่า เป็นเวลานานร่วม 10 ปีแล้ว ที่เพิ่งจะสามารถจับปลารากกล้วย ที่มากับน้ำท่วมได้จำนวนมากเท่านี้ ซึ่งถ้าเฉลี่ย
ต่อคน ก็จะใช้อุปกรณ์ช้อนจับได้ 5-10 กิโลกรัม ต่อวันเลยทีเดียว



ที่มา สยามรัฐ
http://news.mediathai.net/detail_news.php?newsid=88069


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 26/09/2011 4:22 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 24/09/2011 11:30 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

พลิกวิกฤตแล้งเป็นโอกาส ดำน้ำหากรวดหินขาย






จากการสภาพอากาศที่แห้งแล้งในจังหวัดน่าน ส่งผลให้ลำน้ำต่าง ๆ แห้งขอดโดยเฉพาะลำน้ำน่านที่เป็นแม่น้ำสายหลักตื้นเขิน
สันดอนทรายโผล่ป็นช่วง ๆ ทำให้เกษตรกรที่อยู่ตามริมน้ำน่านที่เคยประกอบอาชีพปลูกพืชผักไม่สามารถปลูกได้ ต้องเปลี่ยนอาชีพ
มาดำน้ำหากรวด หินทรายขายให้นายทุนที่นำรถมาบรรทุกซื้อถึงริมฝั่งน้ำเพื่อเลี้ยงชีพช่วงหน้าแล้งนี้ แต่ก็พลิกวิฤตเป็นโอกาส
สามารถสร้างรายได้ให้วันละ 300-600 บาท

โดยชาวบ้านจะนำเรือท้องแบนและเกวียนเทียมวัวไปลอยลำอยู่กลางแม่น้ำบริเวณที่มีหิน ทรายโผล่ แล้วก็ดำน้ำนำบุ้งกี๋ใส่หิน ทราย
จากนั้นก็ร่อนจนเศษดิน และวัสดุที่ไม่ต้องการออกจนหมดจึงจะเทลงใส่เรือและเกวียนที่ลอยลำรออยู่ กว่าชั่วโมงจนเต็มลำเรือ
และเกวียน เสร็จแล้วก็จะนำขึ้นฝั่งเพื่อเทกองไว้ริมน้ำเตรียมขายให้นายทุนที่จะนำรถมาซื้อถึงที่ในราคาลูกบาศก์เมตรหรือคิวละ 300
บาท โดยแต่ละวันจะสามารถหาได้อย่างมาก 2-3 คิวเท่านั้น เพราะแต่ละครั้งต้องออกแรงมากทำให้เหนื่อยเกินกำลัง


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNd01EYzJPRFV6TlE9PQ==&sectionid=


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 26/09/2011 4:23 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 24/09/2011 11:36 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

พิจิตรน้ำท่วม วัยรุ่นคึกคัก แห่เล่นน้ำสนุกสนาน ของกินขายดี












วิกฤตน้ำท่วมแต่วัยรุ่นสนุกสนานถือเป็นโอกาสคลายเครียดรวมพวกวัยโจ๋หนุ่ม-สาวนับร้อยแห่กันมาเล่นน้ำในช่วงยามเย็นบรรยากาศ
คล้ายชายหาดริมทะเลส่งผลแม่ค้าลูกชิ้นปิ้ง ข้าวเหนียวส้มตำ ไก่ย่างขายดิบขายดีเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสสาวประเภทสองสวมบท
โคโยตี้ระเริงเล่นน้ำ


วั
นนี้ 23 สิงหาคม 2554 จากสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่จังหวัดพิจิตรส่งผลให้น้ำท่วมสูงและน้ำได้ไหลข้ามถนนที่บริเวณทางหลวงชนบท
หมายเลข พจ.-3027 บ้านไร่- กำแพงดิน เทศบาลตำบลสามง่าม อำเภอสามง่าม ระดับน้ำสูงกว่า 30-40 เซนติเมตรอีกทั้งน้ำได้ท่วม
นาข้าวเป็นพื้นที่หลายตารางกิโลเมตรเมื่อมองจะเห็นแต่ท้องน้ำสุดลูกหูลูกตาคล้ายกับทะเลสาบน้ำจืด ทำให้ชาวบ้านและกลุ่มวัยรุ่นหนุ่ม-
สาวพอตกตอนเย็นก็รวมตัวกันนับร้อยคนขับขี่รถจักรยานยนต์มาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานและมีบางรายก็นำรถกระบะมาเปิดเครื่อง
เสียงร้องเล่นเต้นรำแถมมีสาวประเภทสองมาเต้นโคโยตี้กลางสายน้ำที่ท่วมท้องถนนกันอย่างสนุกสนาน ถือเป็นการคลายเครียดจากการ
ที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมทำให้ลืมความทุกข์ไปได้ชั่วขณะกับสายน้ำที่ใสไหลเย็นฉ่ำ



ส่วนพวกแม่ค้าก็เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสนำลูกชิ้นปิ้ง ข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่าง มาตั้งโต๊ะวางขายสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ จึงนับได้ว่า
ชาวพิจิตรถึงจะมีวิกฤตแค่ไหนก็สามารถทำใจให้สนุกสนานและลืมความทุกข์ได้ดังกล่าว




http://www.phichittoday.com/news/08.54/news22085407.html


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 26/09/2011 4:23 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 24/09/2011 11:46 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ชาวบ้านค่าย พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ดึงรากบัวส่งขาย รายได้วันละกว่า 500 บาทต่อคน





นายทวีศักดิ์ พรไพศาล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านค่าย ตำบลบ้านค่าย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ นำผู้สื่อข่าวไปดูชาวบ้าน
ดึงรากบัว ที่บริเวณบึงแก้งนรา เนื้อที่กว่า 800ไร่ หลังจากที่บึงแห่งนี้ประสบปัญหาภัยแล้งจนน้ำแห้งขอด จนชาวบ้านสามารถลงไป
เดินเล่นได้ ต่อมาพบว่าภายในบริเวณบึงที่แห้งขอดนี้มีรากบัวหลวงกระจัดกระจายเต็มพื้นที่บึง ชาวบ้านสามารถสร้างรายได้โดยการ
ลงไปดึงรากบัวขึ้นมาขายสร้างรายได้เฉลี่ยวันล่ะ 500-600บาทต่อคน โดยจะมีพ่อค้าที่เป็นชาวบ้านในพื้นที่เป็นผู้รับชื้อในราคา กิโล
กรัมล่ะ 14 บาท จากนั้นก็จะมีพ่อค้าที่เดินทางมาจากกรุงเทพ,นครราชสีมา,และต่างจังหวัด มารับซื้อต่ออีกทอดหนึ่งในราคา กิโลกรัม
ละ 15 บาท ซึ่งในแต่ล่ะวันชาวบ้านสามารถดึงรากบัวได้กว่า 500กิโลกรัม สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเป็นอย่างดี





บึงแก้งนราแห่งนี้ เป็นบึงขนาดใหญ่มีพื้นที่กว่า 800 ไร่ ติดกับลำน้ำชี ถือเป็นบึงที่ชาวบ้านได้อาศัยในการอุปโภค บริโภค ตลอดจนด้าน
การเกษตรมาอย่างต่อเนื่องและมีน้ำขังตลอดปี ส่วนปีนี้เกิดภาวะแล้งจัด ไม่มีน้ำจากลำชีไหลเข้ามาเติม ทำให้น้ำในบึงแห่งนี้แห้งขอด
กลายเป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่





นายทวีศักดิ์ พรไพศาล กล่าวว่า บึงแก้งนราแห่งนี้ก่อนหน้านี้ไม่เคยพบว่ามีการขาดน้ำ เนื่องจากเป็นบึงขนาดใหญ่ ที่อยู่ติดกับลำชีโดยใน
แต่ล่ะปีเมื่อระดับน้ำในบึงลดลง น้ำจากลำชีก็จะไหลเข้ามาเติมให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นแก้มลิงตามธรรมชาติ แต่ปีนี้ปรากฏ
ว่าลำน้ำชีแห้งขอดเร็วผิดปกติ ทำให้บึงแก้งนราได้รับผลกระทบไปด้วย





อย่างไรก็ตามท่ามกลางความวิกฤตยังพบโอกาสใหม่ของชาวบ้าน เนื่องจากภายในบึงที่แห้งขอดนี้มีรากบัวหลวงที่มีคุณภาพ และปลอด
สารพิษซ่อนอยู่ในตรมใต้บึงเต็มไปหมด ชาวบ้านต่างออกมาดึงรากบัวขึ้นมาขายให้กับพ่อค้าที่เดินทางมารับซื้อถึงที่ รากบัวที่นี้มีคุณ
สมบัติพิเศษกว่าที่อื่นคือ เนื้อนุ่มกรอบ ขาว อวบ และปลอดสารพิษเนื่องจากเป็นรากบัวที่เกิดเองตามธรรมชาติ หลังจากที่ค้นพบครั้ง
แรกชาวบ้านขายราคากิโลกรัมล่ะ 5 บาท แต่ต่อมาพ่อค้าที่เดินทางมารับซื้อ ต่างแย่งกันเสนอราคาให้กับชาวบ้าน จนราคาขยับขึ้น
ไปถึงกิโลกรัมล่ะ 14-15 แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างรายได้เสริมช่วงหน้าแล้งเป็นอย่างดี



http://pr.prd.go.th/chaiyaphum/ewt_news.php?nid=1144


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 26/09/2011 4:24 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 24/09/2011 12:23 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ชาวบางบาลพลิกวิกฤติเป็นโอกาส รับจ้างออกขับเรือรับ – ส่งชาวบ้านช่วงน้ำท่วม





ชาว ต.บางชะนี และ ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยานำเรือมาออกรับ – ส่ง ชาวบ้านข้ามฟากช่วงน้ำท่วม คิดคนละ 10 บาท
มีรายได้ต่อวันคนละ 200 – 300 บาท ชาวบ้านบอกไม่ท้อแม้น้ำท่วม

วันนี้ (22/8/54) เวลา 13.30 น. ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นอีก 15 ซม. ในวันนี้ ทำให้เจ้าของเรือยนต์ข้ามฟากหน้าวัด
จุฬามณี ต.บ้านกุ่ม องบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยาต้องหยุดรับ – ส่งชั่วคราว เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวมาก โดยชาวบ้าน
บอกว่าเจ้าของเรือเกรงว่าหากนำเรือยนต์ขับรับ – ส่ง ชาวบ้านอาจจะเกิดอันตราย อีกทั้งการนำเรือขนาดใหญ่วิ่งรับ – ส่ง ชาวบ้าน
ข้ามฟาก จะต้องเสียเวลาในการปล่อยเรือให้ไหลไปตามน้ำและจึงขับย้อนกลับขึ้นมา

นายชูศักดิ์ ศรีสุข อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 ม.2 ต.บางชะนี อ.บางบาล กล่าวว่า โดยวันนี้เป็นวันแรกที่มีการหยุดวิ่งเรือดังกล่าว
ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ ต.บางชะนี และ ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล ต่างนำเรือเครื่องที่ใช้สำหรับหาปลา มาออกวิ่งรับ – ส่ง ชาวบ้าน แทน
การออกจับปลาหรือออกไปทำงานรับจ้าง เนื่องจากมีรายได้ต่อคนวันละ 200 – 300 บาท แล้วแต่ระยะทาง แต่หากเป็นการนั่ง
เรือข้ามฟากปกติ ก็จะคิดอัตราคนละ 10 บาท ใช้เวลาประมาณ 2 นาที

ล่าสุดขณะนี้มีชาวบ้านนำเรือมาขับรับจ้างไม่ต่ำกว่า 10 ลำ โดยจะแบ่งคิวกันรับ – ส่ง แล้วแต่ความใกล้ไกล ส่วนเรือที่มีขาประจำ
อยู่แล้ว ชาวบ้านที่รับจ้างขับเรือ ก็จะไม่ตัดหน้ากัน ทั้งนี้คนขับเรือกล่าวยอมรับว่า หากระดับน้ำท่วมสูงเท่ากับปีที่ผ่านมา ก็จะต้อง
เปลี่ยนท่าขึ้น – ลง เรือรับจ้างและราคาก็อาจจะขยับขึ้นแต่ไม่มาก เพราะไม่อยากซ้ำเติมชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหา
น้ำท่วม และต้องใช้เรือข้ามฟากเป็นพาหนะ


เสกสม แจ้งจิต ข่าว



ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : อยุธยา (ส.ปชส.)/เสกสม แจ้งจิต Rewriter : สุริยน ตันตราจิณ
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

http://thainews.prd.go.th/view.php?m_newsid=255408220140&tb=N255408


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 26/09/2011 4:25 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 24/09/2011 12:41 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

น้ำท่วม จับงูขาย อาชีพเสริม รายได้ดี

ชาวนาหลายคนก็หันมาจับงูขาย ทั้งงูเห่า งูสิง ขายกันทุกวัน จนแทบจะแย่งกันจับ เพราะได้ราคาดี มีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ โดยงูเห่า
รับซื้อกิโลกรัมละ 620 บาท






ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ส.ค.) ว่าที่ อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ซึ่งมีการทำนาข้าวกว่า 208,000 ไร่มากที่สุดในจังหวัดและ
ถูกน้ำท่วมเสียหายยับแล้วกว่า 50,000 ไร่ ทำให้เกษตรกรชาวนาบางส่วนต้องพากันหารายได้เสริมหลังนาล่ม โดยออกพายเรือ
ล่างูเห่า งูสิง ที่หนีน้ำเข้าไปหลบอยู่ในพงหญ้า กลางทุ่ง กลางป่า จนสามารถสร้างรายได้อย่างงามท่ามกลางวิกฤต




นายใบ ยิ้มเพ็ง อายุ 56 ปี ชาวบ้านสามพญา ต.หนองตูม และนายวิรัตน์ พึ่งทรัพย์ อายุ 30 ปี ชาวบ้านหมู่ 6 ต.กง บอกว่า หลังนา
ล่มข้าวจมน้ำมานานเกือบ 1 เดือน ชาวนาหลายคนก็หันมาจับงูขาย ทั้งงูเห่า งูสิง ขายกันทุกวัน จนแทบจะแย่งกันจับ เพราะได้
ราคาดี มีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ โดยงูเห่ารับซื้อกิโลกรัมละ 620 บาท (1 ตัวหนักประมาณ 1 กิโลครึ่ง)ส่วนงูสิงกิโลกรัมละ 350 บาท




ด้าน นายรส ทับเพชร อายุ 48 ปี ชาวบ้านหมู่ 12 ต.กง บอกว่า ตั้งแต่มีน้ำท่วมมาเกือบเดือน ตนออกล่างูเห่าทุกวัน โดยจับได้
เฉลี่ยวันละ 3 ตัว หรือคิดเป็นเงินก็เกือบ 3,000 บาทต่อวัน แต่บางคนเขาหาเก่งมาก วันเดียวจับได้ถึง 30 ตัวก็มี ได้เงินสด
เกือบ 30,000 บาท เลยทีเดียว

ทั้งนี้ทุกปีที่ผ่านมา หากน้ำท่วมในพื้นที่นานกว่า 3 เดือน ถ้าขยันหาจับงูเห่าขายทุกวัน ก็จะได้เงินถึงเกือบ 300,000 บาทเลยทีเดียว

ส่วนมากงูเห่ามันจะหากินหนูนาที่หนีน้ำไปทำรังอยู่ในพงหญ้ากลางทุ่ง กลางป่า พอกินเสร็จมันก็อาศัยอยู่ตรงนั้น นายรสบอก
และว่า งูเห่าจะหาได้ง่ายเฉพาะช่วงน้ำท่วม หากพ้นไปแล้วก็ต้องหันไปทำอาชีพเดิม



ที่มา : manager
http://www.อาชีพเสริม.th/jobs-make-earning-3792




ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมได้เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมได้เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส จับงูเห่าขาย
น้ำท่วมนา หาปลา และสัตว์น้ำขายสร้างรายได้เสริมเป็นกอบเป็นกำ



เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากหลายพื้นที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วม หลายพื้นที่ในจังหวัดพิษณุโลก ที่ขณะนี้
มีพื้นที่รุนแรง มีน้ำท่วมขังอยู่จำนวนมาก จำนวน 3 อำเภอคือ อ.บางระกำ อ.พรหมพิราม และ อ.เมือง พิษณุโลก มีพื้นที่ความเสีย
หายไม่ต่ำกว่า180,000 ไร่ แต่ก็มีประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมได้เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส จับงูเห่าขาย น้ำท่วมนา หาปลา และสัตว์
น้ำขายสร้างรายได้เสริมเป็นกอบเป็นกำ เนื่องไม่สามารถไปประกอบอาชีพอื่นได้ โดยเฉพาะชาวบ้านที่หมู่ 10 บ้านแม่ระหัน ต.
บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก ที่ได้ถูกน้ำท่วม ชาวบ้านได้หันไปจับงูเห่ามาขาย สร้างรายให้กับตัวเองและครอบครัว

นายสุธรรม โพธิ์งาม อายุ 34 ปี กล่าวว่า ไม่รู้จะไปทำ หรือประกอบอาชีพอะไร จึง จับงูเห่าขาย น้ำท่วมนาของตนเองในครั้งนี้
จำนวนกว่า 38 ไร่ โดยเฉพาะถ้าจับงูเห่าได้เป็นๆ และยังมีชีวิตอยู่ จะทำให้ขายได้ราคากิโลกรัมละ 500 บาท แต่ถ้างูเห่าที่ตาย
แล้ว ขายกิโลกรัมละ 300 บาท แต่ถ้าแกงผัดเผ็ดงูเห่า จะขายแบบถุงๆละ 50 บาท เพราะเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากขณะนี้
ซึ่งแต่ละวันจะมีชาวบ้านพากันมาซื้อจนทำให้ไม่พอขาย มีรายได้เฉลี่ยวันละ 1,000 บาท

ขณะที่เด็กๆในบ้านแม่ระหัน บอกว่าไม่รู้สึกกลัวกับการได้เห็นงูเห่า เพราะงูเห่าสร้างอาชีพให้กับพ่อแม่ช่วงน้ำท่วมวันละหลาย
ร้อยบาท เวลาพบเห็นก็จะบอกให้พ่อกับแม่ไปจับหรือไม่ก็ช่วยพายเรือพาพ่อไปจับงูที่เกาะตามต้นไม้ด้วยทุกครั้ง




ที่มา ข่าวสด
http://www.อาชีพเสริม.th/jobs-make-earning-3792


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 26/09/2011 4:26 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 24/09/2011 12:50 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ชาวร้อยเอ็ด จับหนูนาขายประทังชีพ หลังถูกน้ำท่วมขังนายาวนาน





วันที่ 25 ส.ค. จากปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ซ้ำซากในเขตตำบลนางาม อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ส่งผลทำให้ชาวบ้านมีรายได้
จากอาชีพเสริมอย่างนายมนตรี แสนสุข อายุ 46 ปี และนางเทวี คำภักดี อายุ 42 ปี ภรรยา ชาวบ้านตำบลนางาม ได้ออกเดิน
ทางไปตามถนนในหมู่บ้าน นอกหมู่บ้าน และท้องนาที่กำลังถูกน้ำท่วมขัง เพื่อออกหาหนูนา เพื่อนำไปเป็นอาหารรับประทาน
ส่วนที่เหลือก็จะนำออกขายหลังจากที่เกิดน้ำท่วมและไม่สามารถออกไปทำนาได้


นายมนตรีบอกว่า วันหนึ่งจะได้หนูประมาณ 2-3 กิโลกรัม จะนำไปขายที่ตลาดในราคากิโลกรัมละ 100-120 บาท ซึ่งก็เพียง
พอสำหรับการดำรงชีพ โดยเฉพาะช่วงนี้หนูสามารถหาง่ายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหนูจะหนีน้ำท่วมมาอยู่ริมถนน หรือ บนที่สูง
หรือแม้กระทั่งบนต้นไม้


ส่วนสถานการณ์น้ำในแม่น้ำยังที่อำเภอเสลภูมิ ก็ยังมีระดับน้ำสูงอยู่ เนื่องจากพื้นที่อำเภอเสลภูมิเป็นที่ลุ่ม และเป็นจุดพบกัน
ระหว่างแม่น้ำชีกับแม่น้ำยัง ทำให้ถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานานกว่า 2 เดือน นอกจากนี้ยังมีหลายตำบลที่ถูกน้ำท่วมอย่างเช่น ตำบล
ขวาว ตำบลบึงเกลือ ตำบลวังหลวง น้ำยังได้ไหลเข้าท่วมในพื้นที่บ้านเรือนของประชาชนแล้ว



ที่มา : ข่าวสด
http://www.esanclick.com/news.php?No=27574
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 06/10/2011 7:55 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

พลิกวิกฤติน้ำท่วมชาวบ้านต่อเรือขายสะพัดเดือนละแสน

แนวหน้า -


จากสภาพน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ กลับได้สร้างอาชีพและธุรกิจเกิดใหม่ขึ้น โดยชาวบ้าน ที่มีฝีมือความรู้ในการ
ต่อเรือ เปิดรับจ้างต่อเรือให้กับชาวบ้าน เฉพาะน้ำท่วมกว่า 1 เดือนมีเงินหมุนเวียนเข้ามา กว่า 100,000 บาท

โดยผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์รายงาน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมว่า จากการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและความเดือด
ร้อนของชาวบ้านใน ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ที่ได้รับ ผลกระทบจากน้ำท่วมมานับเดือน พบว่าระดับน้ำใน
ตอนนี้ยังทรงตัวไม่มีประมาณเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังมีความกังวลอิทธิพลของพายุนาลแกที่อาจจะทำให้ น้ำท่วมรุนแรงและ
ยาวนานไปอีก

ขณะที่บ้านเลขที่ 83 ม.1 บ้านโนนศิลาเลิง ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ บ้านพักของนายนิเวศน์ นาชัยนาค
อายุ 63 ปี มีเรือที่รอการต่อประกอบเรียงรายอยู่จำนวนมาก และเมื่อสอบถามทราบว่าเป็นเรือของชาวบ้านในหมู่บ้าน
ที่มาจ้างวานให้ต่อขึ้นเพื่อใช้ในช่วงน้ำท่วม เนื่องจาก กลัวโรคน้ำกัดเท้า นอกจากนี้ยังจะใช้ประโยชน์ ในการออกหา
ปลามาประกอบอาหารและเป็นพาหนะ ในการสัญจรไปมาช่วงน้ำท่วม

นายนิเวศน์ นาชัยนาค กล่าวว่า ตั้งแต่ น้ำท่วมมาได้มีชาวบ้านจ้างวานให้ต่อเรือเพิ่มขึ้น ซึ่งในการต่อเรือจะต้องใช้เวลา
3-5 วัน ต่อเรือ 1 ลำ โดยราคาจะเริ่มตั้งแต่ 7,000-10,000 บาท ตามขนาด 11 ฟุตขึ้นไป ซึ่งเรือกำลังได้รับความ
นิยมจากชาวบ้านเพราะต้องใช้สัญจรไปมาระหว่างบ้าน และนาข้าวหรือสถานที่ราชการเมื่อต้องออกจากหมู่บ้าน
ซึ่งการต่อเรือที่ทำตอนนี้เป็นการใช้ ภูมิปัญญาดั้งเดิมที่เรียนรู้มาจากปู่ย่าตายายแต่รับรอง ว่าสามารถใช้การได้ ซึ่ง
ตั้งแต่เกิดน้ำท่วมมาต่อเรือ ออกขายแล้วจำนวน 15 ลำ

อย่างไรก็ตามมีรายงานและคำเตือนรับมือ พายุนาลแกจากอุตุนิยมวิทยาจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่จะทำให้มีฝนตกใน
พื้นที่กว่าร้อย 70 นอกจากนี้อุณหภูมิยังลดต่ำลงอย่างฉับพลัน โดยยอดดอยอุณหภูมิต่ำสุดที่วัดได้เริ่มมีอากาศเย็น
ปกคลุมทั้ง จังหวัดอุณหภูมิสูงสุดที่ 22-24 และต่ำสุดบริเวณยอดภูเขาที่ 16-17 องศาเซลเซียส

ในขณะที่นายนริศ ปิยพฤทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่าจังหวัดพิษณุโลก เริ่มประสบปัญหาจาก
สภาพอากาศที่หนาวเย็นเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา ถือเป็นธรรมชาติที่ปีไหนน้ำเยอะอากาศก็จะหนาวเย็นมาก โดยใน
ช่วง 2 วัน ช่วงกลางคืนและช่วงเช้าจะรู้สึกว่าหนาวเย็น แต่อาจเป็นผลดีทำให้พายุฝนเบาบางลงบ้าง จากภัยหนาวที่
เริ่มเข้ามาทางจังหวัดพิษณุโลกได้สั่งการให้ทางอำเภอ ทั้ง 9 อำเภอ ตั้งศูนย์ช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยหนาวแล้ว

ส่วนที่จ.พิจิตร สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ส่งผลต่ออาชีพของประชาชน โดยที่ต.รังนก อำเภอสามง่าม น้ำจากแม่น้ำ
ยมได้เข้าท่วมโรงผลิต น้ำปลา-ปลาร้า ของกลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านรังนก แม้ว่าจะตั้งอยู่บนที่สูงกว่าบ้านเรือนประชาชน
โดยน้ำได้เข้าท่วมถังเก็บน้ำปลา ปลาร้า ระดับน้ำท่วมสูง 30-70 เซนติเมตร ท่วมนานมาแล้วกว่า 3 เดือน กลุ่มแม่
บ้านต้องหยุดผลิตน้ำปลาเป็น การชั่วคราว เนื่องจากขาดบรรดาพ่อค้ามาซื้อ และไม่สามารถถ่ายเทผลิต ของเก่าออก
และนำปลาใหม่ มาผลิตได้เนื่องจากพื้นที่ผลิตน้ำท่วมหมด ทำให้กลุ่ม แม่บ้านสูญเสียรายได้ไปแล้วกว่า 1 แสนบาท


รัฐบาลอย่ามุ่งแต่เกมการเมือง (บทบรรณาธิการ) ท้องถิ่นบุรีรัมย์กำชับ อปท. เร่งช่วย ปชช.ประสบภัย น้ำท่วมอยุธยา
วิกฤติทั้งจังหวัด "นาลแก" ซ้ำ อ่วมอีกลุ่มเจ้าพระยาวิกฤติ...น้ำมาจากไหน? (รายงานพิเศษ) กรมหมอดินเร่ง
สำรวจพื้นที่น้ำท่วมเตรียมแผนฟื้นฟูพร้อมมาตรการป้องกันระยะยาวหัวข้อที่เกี่ยวข้อง



http://www.ryt9.com/s/nnd/1251673
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 12/11/2011 6:48 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)








แม่น้ำบางปะกงเริ่มเน่า "กระเบนราหู" - สัตว์น้ำลอยตายเกลื่อน





http://www.siamfishing.com/board/view.php?tid=639122
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 14/11/2011 4:42 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ฮือฮา ปลากดยักษ์ ​ติดเบ็ดชาวบ้าน คาดมากับน้ำท่วม





http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U11325418/U11325418.html









http://www.ethailand.com/th/news/-257776.html
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 14/11/2011 4:46 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

หวั่นใช้ “ปลากินยุง” ช่วงน้ำท่วมกลายเป็น “เอเลี่ยน” รุกรานปลาท้องถิ่น











http://manager.co.th/science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000145060
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 17/11/2011 10:12 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)


รณรงค์ให้ประชาชนเลิกใช้รถส่วนตัวได้สำเร็จ





ประชาชนมีเรือลำแรก แทนรถคันแรก









ทุเรียนก็มี แต่...ไม่มีกลิ่นทุเรียนเลย..ซักนิด!







รูป...ที่ออกมามีส่วนเหมือนหรือคล้ายเจ้าตัวจริงๆ

โอว....นายแน่มาก!!



http://www.bangpoosociety.com/forum/index.php?PHPSESSID=4a40a6288293a36eefdc9f6090d2fde7&action=recent;start=10
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 17/11/2011 10:19 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)





















http://www.bangpoosociety.com/forum/index.php?action=recent;start=40
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 19/11/2011 8:42 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ค่าจอดรถหนีน้ำท่วม 10,000 บาท !!!!!






http://www.talkystory.com/?p=22157
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 25/11/2011 10:21 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ค่าจอดรถหนีน้ำท่วม 10,000 เป็นไปตามเงื่อนไข ไม่ได้โหดร้าย


หลายท่านที่ใช้ Facebook อยู่ขณะนี้ คงจะได้เห็นการแชร์รูปถ่ายที่เป็นใบเสร็จรับเงินชำระค่าที่จอดรถ ของโรงพยายาบาล
ไทยนครินทร์ ที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง (ซึ่งไม่รู้ต้นตอที่แท้จริงว่ามาจากไหน) นำมาโพสต์ไว้ พร้อมระบุข้อความ

ค่าจอดรถหนีน้ำท่วม 10,000 บาท

อ่านไม่ผิดหรอก.. ดูมันเถิด เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เป็น…โรงพยาบาลซะเปล่า ไร้จิตสำนึกจริงๆ หากำไรบนความเดือดร้อนของ
ประชาชน

ตอนแรกมันเรียก 54,000 นะ ต้องไปคุยกับผู้บริหาร เพราะที่บ้านเป็นสมาชิกของโรงพยาบาลนี้อยู่ 17 ชีวิต หลานๆ 7-8
คนก็เกิดที่นี่หมดทุกคน มีการเอาใบเสร็จของคนอื่นมาให้ดูด้วยว่าเนี่ย มีคนจ่ายสามหมื่น.. ตอนแรกให้จอดเพราะมีญาติ
ทำงานอยู่ข้างในเค้าคุยให้ แต่แล้วพอจะเอารถออกกลับโดนเรียกเงินอย่างหน้าเลือด

** ข้อความข้างบนนี้เป็นของผู้ที่ประสบเหตุมาด้วยตนเอง ที่มา จาก Facebook November 4 at 12:22am

ในใบเสร็จรับเงินดังกล่าว ออกโดยบริษัทโรงพยาบาลไทยนครินทร์ จำกัด (มหาชน) ระบุวันที่ 3/11/54
เขียนว่า ได้
รับเงินจาก คุณเพ็ญศรี ……. ชำระค่าที่จอดรถ (เหตุน้ำท่วม) วันเข้า 13/10/54 ออก 3/11/54
จำนวนเงิน 10,000 บาท (รวมจอด 21 วัน )

เมื่อข้อความ รูปภาพดังกล่าวเผยแพร่ออกไปก็ทำให้มีผู้กดแชร์ ส่งต่อ พร้อมกับแสดงความคิดเห็นต่างๆ ไปเป็น
จำนวนมาก

ได้พยายามหาข้อมูลเพื่อหาแหล่งต้นตอที่มา ไปพบเว็บบอร์ดหนึ่งในเว็บไซต์ www.g-pra.com ซึ่งเขียนหัว
เรื่องว่า อุ..แม่จ้าววว..ใจไม่แข็งทำไม่ได้

โดยผู้ที่ใช้ชื่อว่า ร่มฉัตร โพสต์เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า “กลัวน้ำท่วม เอารถไปจอดหนีน้ำที่โรงพยาบาลไทยนครินทร์
บางนา เสียค่าจอดรถ 50400 บาท คิดชั่วโมงละ 100 บาท วันละ 2400

ต้องขอคุยกับผู้บริหาร ก็ยังเลือกทำร้ายใจลูกค้าได้อีก จะปรับวันละ 600 บาท ประมาณหมื่นกว่าบาท แต่ให้เท่านี้
เอาไหม ยังเก็บอีก โอ้วแม่เจ้า เกินไปหรือเปล่าเนี่ย ไม่เห็นใจผู้เดือดร้อนเลย ทั้งที่เราเป็นคนไข้ของโรงบาลนี้ แบบนี้
สมควรยังไงดีเนี่ย”

เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง และให้ความเป็นทั้งสองฝ่าย. จึงได้โทรศัพท์ไปยัง โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ที่ได้รับ
การพาดพิงถึง เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล จึงได้โอนสายให้คุยกับ เจ้าหน้าที่แผนกรักษาความปลอดภัยด้านอาาคาร
และสถานที่ของโรงพยาบาล ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ก็ได้รับการชี้แจงว่า

ทางคณะผู้บริหารโรงพยาบาลไม่ได้มีมาตรการเปิดที่จอดรถให้กับผู้ที่ประสบภัยหรือกลัวน้ำท่วมบ้านนำรถมาฝากจอด
ไว้แต่แรกอยู่แล้ว เนื่องจาก ทางโรงพยาบาลต้องสงวนสิทธิให้ผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยที่มาใช้บริการนำรถมาจอดในระยะ
เวลาไม่นานได้เท่านั้น

แต่ในช่วงวิกฤตการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ถึง เดือนพฤศจิกายนปรากฎว่า มีผู้นำรถมาฝากจอด
และแอบจอดจำนวนมาก ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ได้ให้บัตรที่จอดรถไว้กับทุกคันที่นำมาจอด

โดยด้านหลังก็เขียนระบุเงื่อนไขการจอดรถชัดเจน หากเกินเวลาหรือไม่เป็นไปตามเงื่อนไขก็ต้องมีการเสียค่าปรับ
เป็นระเบียบที่คนนำรถมาจอดต้องทราบกันดีอยู่แล้ว

กรณีดังกล่าว เป็นเรื่องจริง และทางโรงพยาบาลก็ได้เรียกเก็บกับผู้ที่นำมาจอดแล้วนำรูปมาโพสต์ตามจำนวนแรก ที่ว่า
50,400 บาท ซึ่งต่อมาก็มีการคุยกับทางผู้บริหาร และเช็คประวัติว่าเคยเป็นผู้ที่เคยมาใช้บริการของโรงพยาบาลบ่อยๆ
จริง เราก็อนุโลมลดหย่อนค่าจอดรถเหลือ 10,000 บาท ซึ่งทางผู้ที่อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมรายนั้นก็ยินยอมจ่าย
และนำรถออกจากโรงพยาบาลไปแต่โดยดี

“ไม่เข้าใจว่า เขาจะนำรูปใบเสร็จและข้อความไปโพสต์ต่อว่าโรงพยาบาลให้เสียชื่อเสียงทำไม เพราะแม้เขาจะเป็นลูกค้า
ที่มารับการใช้บริการของทางโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆก็จริงแต่ช่วงเวลานั้น เขาไม่ได้เจ็บป่วยหรือแอดมิตต้องนอนพัก หรือเป็น
อะไร แค่เอารถมาฝากจอดเฉยๆ

ทางโรงพยาบาลไม่ใช่ว่าไม่เห็นใจ ไม่ได้โหดร้าย แต่เมื่อมีคนนำรถมาจอดฝากจอดเกินกำหนดเวลาก็ต้องเสียค่าปรับ
นี่เป็นมาตรการแต่แรกของทางโรงพยาบาลอยู่แล้ว

ค่าปรับเราก็ไม่ได้เก็บเต็มเม็ดเต็มหน่วย จริงๆต้องจ่าย 5 หมื่นด้วยซ้ำ ช่วงนั้นส่งผลให้ผู้ที่เจ็บป่วยจริงๆไม่มีที่จอดรถต้องไป
จอดรถด้านนอกโรงพยาบาลได้รับความเดือดร้อนจำนวนมากเช่นกัน บางคนเจ็บหนักมาก แต่เมื่อรถเข้ามาจะจอดก็เจอรถ
ขวางจอดซ้อนคัน ต้องย้อนศรกันไปจอดที่อื่น”

ข่าวโดย : มติชนออนไลน์


http://www.talkystory.com/?p=22509
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 27/11/2011 3:25 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ต้มไขมันโคขุนโพนยางคำ อาชีพแปลกสร้างรายได้


บ้านโพนยางคำ จ.สกลนคร นับเป็นแหล่งเลี้ยงโค และผลิตเนื้อโคขุนขึ้นชื่อที่สุดในประเทศไทย หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันว่า
"โคขุนโพนยางคำ" นอกจากเนื้อชั้นเลิศแล้ว ผลพลอยได้จากการเลี้ยงโคขุน ยังเกิดอาชีพแปลกที่สร้างรายได้อย่างงาม โดย
ต่อยอดนำไขมันโคขุนมาต้มเป็นน้ำมันดิบเพื่อขายต่อให้แก่อุตสาหกรรมทำเครื่องสำอาง เพ็ญทูล บุตรโคษา ผู้ยึดอาชีพ
ทำน้ำมันดิบจากไขมันโคขุน เล่าว่า ไขมันโคขุนในท้องถิ่นมีจำนวนมาก เนื่องจากชาวบ้านมีอาชีพหลักเลี้ยงโคเนื้อโพนยางคำ
ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในแต่ละวันจะมีโคเข้าโรงเชือดจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการ
เฉพาะส่วนเนื้อเท่านั้น ที่เหลือ ไม่ว่าเป็นไขมัน หนัง และกระดูก ทางสหกรณ์ที่เป็นโรงเชือดจะขายออกไปหมด ส่วนตัวที่มา
ทำอาชีพ เกิดจากเดิมวิ่งรถรับส่งนักเรียน มีรถประจำ 2 คัน ได้แก่ รถกระบะ กับรถตู้ ซึ่งช่วงปี พ.ศ. 2550 ราคาน้ำมันดีเซล
ขึ้นสูงอย่างมาก ทำให้เริ่มสนใจศึกษาการผลิตน้ำมัน ไบโอดีเซล ?ตอนนั้นเราไม่มีความรู้เลย อาศัยหาความรู้จากอินเตอร์เน็ต
ปรึกษาจากคนที่เชี่ยวชาญบ้าง และลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง โดยซื้อไขมันวัวมาต้ม แล้วผสมกับวัตถุดิบอื่นๆ ตามสัดส่วนที่
ได้ศึกษามา เพื่อทำเป็นไบโอดีเซล หลังจากนั้น ทดลองนำไปผสมกับน้ำมันดีเซลในสัดส่วน 1 ต่อ 5 แล้วใช้กับรถของตนเอง
ปรากฏว่าใช้ได้ดี ลดค่าน้ำมันได้เยอะมาก ?


เพ็ญทูล [...]



http://www.keajon.com/category/newidea/
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 27/11/2011 4:04 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

หล่อเรือไฟเบอร์กลาส สร้างรายได้













http://www.อาชีพเสริม.th/jobs-make-earning-5475
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©