-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 9 SEP
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 9 SEP
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 9 SEP

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 09/09/2011 5:37 am    ชื่อกระทู้: ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 9 SEP ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 9 SEP


**********************************************************

สร้างสรรสังคม....ส่งเสริมคนดี....พัฒนาชีวิต ให้มีคุณภาพ...

กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ทางวิทยุ พล.ปตอ. เอเอ็ม 594 เวลา 08.10–09.00 และ 20.05-20.30 ทุกวัน

เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 สายด่วน 4 ตัว ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว
ก่อนเริ่มรายการที่ โทรศัพท์มือถือส่วนตัว (081) 913-4986

*********************************************************



จาก : (081)913-49xx
ข้อความ : อยากทราบว่าให้ "ซิงค์กรีนรุ้ง" และ "สารสกัดสมุนไพร" ทางใบ แล้วอีก 2 ถึง 3 ชั่วโมงฝนตก ที่ให้ไปนี้
ต้นไม้จะได้ไหมครับ.....เกษตรกรหมู่บ้าน


ตอบ :
"ซิงค์กรีนรุ้ง" คือ ผลิตภัณท์ของบริษัทสปอนเซอร์รายการภาคเช้า เนื้อในมีอะไรบ้างลุงคิมไม่รู้ เพราะไม่ได้เป็นคนทำส่ง
เขาทำของเขาเอง โดยนักวิชาการหรือนักประสบการณ์ของเขาเอง เขาไม่ได้บอกว่าใส่อะไรบ้าง ลุงคิมก็ไม่ได้ถามอีกว่าใส่
อะไรบ้าง มันเป็นเรื่อง "ความลับ-มายาท" ...... ถ้าวิเคราะห์แบบ "คนเห็นตีนงู งูเห็นนมไก่" แล้วเดาๆ ได้ว่า เนื้อใน
อย่างน้อยก็ต้อง "แม็กเนเซียม.- สังกะสี. - ยูเรีย" เป็นส่วผสมหลัก ที่เหลือจะ "เติม-เสริม-เพิ่ม-บวก" อะไรก็
ว่ากันไปตามสูตรของใครก็ของใคร.......ถ้าเทียบกับของลุงคิมก็คือ "ไบโออิ" นี่แหละ.....ต้นไม้ต้นพืช ไม่รู้จักชื่อ
ยี่ห้อ ไม่รู้จักโฆษณา ไม่รู้จักคนปรุง ไม่รู้จักสี ไม่รู้จักกลิ่น ต้นไม้ต้นพืชรู้จักแต่เนื้อในเท่านั้น

บอกแล้วไง ธาตุอาหารที่พืชกินมี 14 ธาตุ, 3 ก๊าซ, 10 ฮอร์โมน, 3 วิตามิน กับอีก 100 และอื่นๆ เหมือนกันหมด
ทั้งโลก อยู่แต่ว่า ปุ๋ยสูตรไหน สูตรของใครจะใส่กี่อย่าง ใส่อะไรบ้างเท่าไหร่ เท่านั้น ที่เหลือคือ "โฆษณา" ครับ



พืชรับสารอาหารได้ 2 ทาง คือ ปากใบ กับปลายราก
รับสารอาหารทางปากใบได้ขณะที่ใบเปียก
รับอาหารทางรากได้ขณะที่ดินมีความชื้น

ปุ๋ยทางใบ เข้าสู่ต้นพืชได้ทั้งทางใบและทางราก (2 เด้ง)
ปุ๋ยทางราก เข้าสู่ต้นได้เฉพาะทางรากทางเดียว (1 เด้ง)

ตอนที่คุณให้ปุ๋ยทางใบ ขณะให้ใบย่อมเปียก จังหวะที่ใบเปียกนี่แหละพืชได้รับสารอาหารแล้ว หลังจากใบแห้ง ถึงจะมีปุ๋ยตก
ค้างติดอยู่กับใบ พืชก็เอาไปกินไม่ได้ ต่อมาฝนตก น้ำฝนจะชะล้างปุ๋ยทางใบที่แห้งติดใบอยู่ให้ตกลงดิน รากก็จะทำหน้าที่
ดูดไปกินได้

ส่วนสารสกัดสมุนไพร ปกติเขาควรจะอยู่ได้ซักหลายๆวันหน่อย พอโดนฝน สารออกฤทธิ์ก็หมดไปด้วย อันนี้ต้องว่ากันใหม่

-------------------------------------------------------------------------




จาก : (083) 693-50xx
ข้อความ : สวัสดีครับลุง ขอรบกวนเรียนถามเรื่อง "เสาวรส" เริ่มจากพันธุ์ วิธีปลูก วิธีบำรุงรักษา การเก็บเกี่ยว ผลผลิต
อายุของต้น จะรอความเมตตาจากลุง การให้ความรู้เป็นทานที่ประเสริฐ ขอให้ลุงจงบำเพ็ญทานต่อไป ด้วยความเคารพ
อย่างสูง .......จากวิลัย


ตอบ :
มีตลาดรองรับแล้วเหรอ...ที่ไหนล่ะ
อยู่มาจนทุกวันนี้ ยังไม่เคยเห็นใครกินเสาวรสสด กินน้ำเส่าวรส เลย

คิดถึง "ป้ารำไพ" อดีตครู จ.เลย มีคนบอกป้าว่า ภาคกลางปลูกเสาวรส ปลูกกระเทียม ไม่ได้ ต้องปลูกภาคเหนือเท่านั้น.....
ป้ารำไพ ตัดสินใจท้าพิสูจน์ ปลูกเสาวรส 1 ค้าง ประมาณ 10 ต้น กับกระเทียมอีก 1 แปลง ขนาด 3 x 10 ม. ที่บ้าน อ.เสนา
จ.อยุธยาเมืองเก่า ปลูกแล้วบำรุงเลี้ยงตามมีตามเกิด ไม่ได้ใส่ปุ๋ยเคมีแม้แต่แหมะเดียว เพราะไม่รู้จะใส่สูตรไหน ถึงวัน เสาวรส
ออกดอกติดลูกเต็มต้น ใครอยากกินไปเก็บเอา ก็ไม่เห็นมีใครกิน เพราะไม่รู้วิธีกิน ส่วนกระเทียมก็ลงหัวดี รูปร่าง ขนาด รสชาด
ไม่ได้ต่างจากกระเทียมเมืองเหนือเลยซักกะนิด.... คราวนี้ ป้ารำไพ บอก ใครว่า เสาวรส-กระเทียม ปลูกภาคกลางไม่ได้
แม่เถียงตายแน่....




อ้างอิง :

คลิก....ไปดูรายละเอียด...
http://clgc.rdi.ku.ac.th/index.php/resource/65-new-fragrant/174-passiflora

http://www.magnoliathailand.com/webboard/index.php?topic=6006.0



http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?category=110&id=4525

-------------------------------------------------------------------------



จาก : (087) 423-98xx
ข้อความ : ส.ว.ด.ค่ะคุณลุง หนูทำน้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง ตามสูตรที่หน้าเวบ แต่หนูหาส่วนผสมตามสูตรได้
ไม่ครบ เช่น น้ำมะพร้าว ไขกระดูก เลือด ขอปรึกษาลุงคิมว่าจะใช้อะไรแทนได้บ้าง......ขอบคุณค่ะ สิงห์บุรี


ตอบ :

วัตตถุประสงค์ที่แท้จริงของการทำน้ำหมักชีวภาพ คือ ให้ได้สารอาหารสำหรับพืช ให้ได้ทั้งปริมาณ และชนิด มากที่สุดเท่าที่
จะทำได้ นั่นคือ ต้องคัดสรรวัสดุส่วนผสมที่มีสารอาหารมากๆโดยเฉพาะมาทำ และทำด้วยกรรมวิธีที่เหมาะสมถูกต้อง

สารอาหารพืชในน้ำหมักชีวภาพประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ฮอร์โมน วิตามิน และอื่นๆ เป็นสารอาหารประเภท
อินทรีย์ หรือ "สารอินทรีย์-อินทรีย์สาร" ซึ่งจุลินทรีย์เป็นตัวดึง (เอ็นไซม์/ย่อยสลาย) ออกมาจากวัสดุส่วนผสม
แล้วเปลี่ยนรูปมาอยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใด้

เกษตรกรสหรัฐ อเมริกา รู้จักการใช้น้ำหมักชีวภาพ (สูตรที่เกษตรกรไทยทำและใช้ในปัจจุบัน) มานานกว่า 60 ปีแล้ว
ปัจจุบันเขาพัฒนาไปสู่รูปแบบใหม่ที่ประหยัดและได้ประโยชน์สูงกว่าแบบเดิม แต่ยังคงความเป็น "อินทรีย์ชีวภาพ"
อยู่เหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิม.....บางครั้งก็ให้ สงสัย-สงสัย อยู่เหมือนกันว่า คนที่ไปเรียนเกษตรที่อเมริกาน่ะ เขาไปเรียน
อะไรกัน แม้แต่ พ่อแม่ญาติพี่น้อง ในหมู่บ้านเขาเองทำนาข้าวยังเผาฟางอยู่เลย


"ระเบิดเถิดเทิง" หมายถึงเฉพาะ "น้ำหมักชีวภาพ" ที่มีขั้นตอนการทำ ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 :
ปลาทะเลสด + กากน้ำตาล + จุลินทรีย์เดิม + เปลือกสับปะรด.....หมักนาน 3 เดือน

ขั้นตอนที่ 2 :
จากขั้นตอนที่ 1 เติมน้ำมะพร้าวเพียวๆ ให้ท่วม 4-5 เท่า.....หมักต่อ 2-3 ปี

ขั้นตอนที่ 3 :
จากขั้นตอนที่ 2 เติม N-P-K, TE, Mg, Zn, HUMIG, B-1, AMINO .... พร้อมใช้งาน


- ในขั้นตอนที่ 2 เรียกว่า "น้ำหมักชีวภาพ" เพราะปริมาณสารอาหารมีเพียง 1-2-3% เท่านั้น ถือว่าน้อยมาก
- ในขั้นตอนที่ 3 เรียกว่า "ปุ๋ยน้ำชีวภาพ" ได้ เพราะมีปริมาณและชนิดของสารอาหาร (ปุ๋ยเคมี) มากตามที่ใส่เพิ่มลงไป

- ถ้าทำจากส่วนผสมและวิธีทำตามนี้เรียกว่า "ระเบิดเถิดเทิง" ได้ การใช้ชื่อนี้เพื่อความเข้าใจในการสื่อสารกันเท่านั้น ไม่
ได้สงวนลิขสิทธิ์
- ถ้าทำจากส่วนผสมและวิธีทำที่ "ต่าง" ไปจากนี้ ดีกว่าหรือด้อยกว่า ควรใช้ชื่ออื่น เพื่อป้องกันการสับสนในการสื่อสารกัน


หมายเหตุ :
การปั่นด้วยโมลิเน็กซ์ยักษ์ใช้เวลาเพียง 10 นาที ปลาสดตัวโตขนาดฝ่ามือแหลกละเอียดเหลวเป็นวุ้นได้ ถ้าปล่อยให้
จุลินทรีย์เข้าย่อยสลายตามธรรมชาติต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือน เนื้อปลาทั้งตัวจึงจะเหลวเป็นวุ้นได้ ทั้งนี้ เป้าหมาย
หลักของการหมักโดยอาศัยจุลินทรีย์ก็เพื่อ ให้ส่วนผสมทุกตัวถูกย่อยสลายจนถึงระดับโมเลกุล หรือเล็กกว่า เช่น โปรตีน
ถูกย่อยสลายเป็นอะมิโน ซึ่งพืชสามารถนำไปใช้ได้ทันที

ในปลาทะเลสดมี แม็กเนเซียม, สังกะสี, แมงกานิส, ทองแดง, โซเดียม, โอเมก้า, ฟลาโวนอยด์ ซึ่งใน ปลาน้ำจืด-
หอยเชอรี่-พืชผักผลไม้ ไม่มี

น้ำหมักชีวภาพทั่วๆไป ปกติมีสารอาหารน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเติมน้ำเปล่าลงไปเท่ากับยิ่งทำให้สารอาหารทีมีอยู่เจือ
จางเหลือน้อยลงไปอีก

น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิงไม่เติมน้ำเปล่าแต่เติมน้ำมะพร้าวแทน เพราะในน้ำมะพร้าวมี จิ๊บเบอเรลลิน. ไซโตไคนิน.
เอสโตรเจน. แคลเซียม. แม็กเนเซียม. ฟอสฟอรัส. สังกะสี, และน้ำตาล. เป็นสารอาหารประเภทโมเลกุลเดี่ยวที่พืชสามารถ
นำไปใช้ได้ทันที ทั้งทางรากและทางใบ จึงเท่ากับเป็นการเพิ่มทั้งปริมาณและชนิดของสารอาหารให้มากขึ้น หรือมากว่าเติม
น้ำเปล่า

ในปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงมี ปุ๋ยอินทรีย์ + ปุ๋ยเคมี นี่คือแบบ "อินทรีย์นำ-เคมีเสริม" ทั้งนี้ ธาตุหลัก (N-P-K) ต้อง
พิจาณาเลือกใช้สูตรที่ตรงกับพืช อย่างแท้จริง


การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและทางเคมี ในกระบวนการหมัก :
- หมักนาน 3 เดือน ได้ธาตุหลัก
- หมักนาน 6 เดือน ได้ธาตุรอง/ธาตุเสริม
- หมักนาน 9 เดือน - ข้ามปี ได้ฮอร์โมน และสารท็อกซิก

- ระหว่างการหมักไม่เหม็นเน่า ไม่มีหนอน (เหม็น-เน่า-หนอน คือ แบทีเรียเชื้อโรค)
- แมลงวันไม่ตอมถังหมัก แม้ไม่มีฝาปิด
- ส่วนผสมทุกตัวเหลวเป็นน้ำวุ้น
- ก้นถังหมัก มีจุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องกาอากาศ (มีพลังในการย่อยสูง)
- ปากถังหมัก มีจุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศ (จุลินทรีย์ผิวดิน)
- จุลินทรีย์ในน้ำหมักพร้อมใช้ คือ "จุลินทรีย์เดิม" เหมาะสำหรับใช้ในการหมักส่วนผสมใหม่แบบต่อเชื้อ


คำแนะนำ :
- ไม่มีไขกระดูก แก้ปัญหาโดยการใช้ กระดูกไก่-หมู-วัว-ควาย สดๆ บดให้ละเอียด อัตรา 1-2-3 กก. ต่อน้ำหมักฯ
1 ถัง (200 ล.) ก็ได้ ..... (ไขกระดูกสด 1 กก.มีสารอาหารพืชเท่ากับกระดูกป่น อบแห้ง 1,000 กก. ..... สารคดี
ดิสคัพเวอรี่)

- ไม่มีเลือด แก้ไขโดยการใช้เลือดหมูในตลาดที่เอามาผัดกับถั่วงอก หรือต้มเลือดหมู หรือเชือดคอไก่ 1-2 ตัว แทน
ใช้อัตราเดียวกับกระดูกบดละเอียด ก็ได้ ..... (เซลล์หุ่มเม็ดเลือดมีไซโตไคนิน....จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)

- ไม่มีน้ำมะพร้าว แก้ไขโดยไปตามร้าขายมะพร้าวขูด แล้วเจรจาขอฟรี หรือขอซื้อ อยู่ที่ฝีปากของแต่ละคน ..... (บริษัท
ยักษ์ใหญ่ ซื้อน้ำมะพร้าวลิตรละ 4 บาท จากโรงงานทำน้ำมันมะพร้าว....บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ว่า เอาน้ำมะพร้าวไปทำ
น้ำส้มสายชู....)

-----------------------------------------------------------------------------------------
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©