kimzagass
หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11561
|
 ตอบ: 22/06/2011 5:32 pm ชื่อกระทู้: Re: ศัตรูข้าวตอนดินแห้ง ............................... sa |
 |
|
จาก : sa
ถึง : kimzagass
ตอบ : 21/06/2011 11:51 pm
ชื่อกระทู้ : ศัตรูข้าวตอนดินแห้ง
สวัสดีครับลุงคิม
รบกวนถามลุงคิมเกี่ยวกับการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูข้าว ตอนฝนทิ้งช่วง ดินแห้งขาดน้ำ
สภาพนา
- ทุงกุลาร้องให้ ร้อยเอ็ด ทำนาปี น้ำฝนอย่างเดียว (นาหว่าน)
ตอบ :
ข้าวหอมมะลิ กข.105 ว่าได้ราคาเกวียนละ 12,000 ในขณะที่ข้าวหอมจังหวัดได้ราคาเพียง 7,500-8,000 แม้ข้าวหอมมะลิจะได้ราคาถึง 12,000 อยากรู้ว่าจะมีสักกี่คนไหมที่กล้าสงสัยบ้างว่า...
"ต้องใช้เนื้อที่กี่ไร่ จึงจะได้ข้าว 1 เกวียน" ....คำตอบที่ได้ยินแล้วใจหายแว้บ ก็คือ... "ต้องใช้เนื้อที่ถึง 3 ไร่ จึงจะได้ข้าว 1 เกวียน"
นั่นหมายความว่า....ข้าวหอมมะลิ 1 เกวียน 12,000 หาร 3 เท่ากับ 4,000 บาท/ไร่ เท่านั้น
ขายได้ไร่ละ 4,000 ลงทุน 3,000/ไร่ นั่นเท่ากับมีรายได้เพียง 1,000 บาท/ไร่/ปี หรือเดือนละ 100 (-) บาท ใช่หรือไม่ ?
เกือบ 50 ปีแล้วที่หอมมะลิ กข.105 ถือกำเนิดขึ้นมา ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 35-45 ถัง/ไร่ ตั้งแต่กำเนิดจนถึงปัจจุบัน นั่นหมายความว่า ไม่มีการพัฒนาใดๆ ทั้งเทคโนโลยีสายพันธุ์ และเทคโนโลยีการผลิต แม้แต่ปัญหาเรื่องน้ำที่จำเป็นต่อการเพาะปลูกก็ยังไม่มีการแก้ไข ปรับปรุง เคยแล้งยังไงก็ยังแล้งอยู่อย่างนั้น
(.... โครงการ โขงชีมูล คิดมาตั้งแต่ พ.ศ.2505/จอมพลสฤษดิ์ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการ อย่างดีที่รัฐบาลบางสมัย หยิบยกขึ้นมาปัดฝุ่นแล้วก็ยัดกลับเข้าลิ้นชักอย่างเดิม ....)
ในเมื่อข้าว กข.105 ปลูกได้ปีละครั้ง หากมีน้ำชาวนาก็พร้อมที่จะเปลี่ยนสายพันธุ์ข้าวเป็นข้าวสายพันธุ์อื่น นั่นเท่ากับได้ทำนาปีละ 2 ครั้งแล้ว หรือจะปลูกพืชอายุสั้นอย่างอื่นก็ยังได้อีกด้วย
ความแห้งแล้งคือปัญหาหลักที่ทำให้คนอิสานต้องละทิ้งถิ่นฐานไปหางานทำในเมืองเพื่อปากท้องและความอยู่รอด ขืนอยู่แต่ที่บ้านมีหวังอดตาย นี่คือ "การล่มสลายของสังคมชนบท" ผู้คนไปที่แออัดหางานทำในเมืองใหญ่ ก็สร้างปัญหา "สังคมเมืองฟอนเฟะ" ขึ้นมาอีก
รายการ ทีวี. เคยพาพ่อใหญ่-แม่ใหญ่ จากอิสานที่มาทำงานก่อสร้างใน กทม. สัมภาษณ์ออกอากาศ
ผู้ดำเนินรายการ : (พูดอิสานสำเนียงกลาง) พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ ปลูกบักเขือเป็นบ๊อ ?
พ่อใหญ่แม่ใหญ่ : (พูดสำเนียงอิสาน) เป๋น
ผู้ดำเนินรายการ : ปลูกบักหุ่ง เป็นบ๊อ ?
พ่อใหญ่แม่ใหญ่ : เป๋น
ผู้ดำเนินรายการ : ปลูกบักอึ๊ เป็นบ๊อ ?
พ่อใหญ่แม่ใหญ่ : เป๋น
ผู้ดำเนินรายการ : (ตีหน้าสงสัย) แล้วทำไมไม่ปลูก
พ่อใหญ่แม่ใหญ่ : (สีหน้าเริ่มรำคาญ ตอบเสียงดัง) มัน บ่อ มี น่าม...ฮุ่ บ๊อ...
ชนิดแมลง
- แมลงปีกแข็งสีดำตัวประมาณแมลงวันหรื่ิอเล็กกว่า ชาวบ้านเรียก ซัดดัม จะหมุดลงดิน กัดกินโค่นต้นและรากข้าว จะเข้าทำลายเฉพาะที่ดินแห้ง อายุข้าว 2-3 สัปดาห์ ต้นข้าวที่โดนจะเฉาแห้งตาย
ตอบ :
ชื่อแมลงตัวนี้เคยได้ยินมาเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว แล้วไม่ได้ยินอีกเลย ตอนนั้นไม่รู้แล้วก็ไม่เข้าใจด้วยว่า มันเกี่ยวกับ "ซัดดัม ฮุสเซ็น" ตรงไหน ยังไง ทั้งๆที่ลุงคิมรู้ประวัติซัดดัม ฮุสเซ็นดี ..... พยายามทบทวนความทรงจำเก่าๆว่า แมลงตัวนี้ มันคืออะไร ? หน้าตาเป็นอย่างไร ? มีชื่อทางวิชาการไหม ? คิดยังไง้ยังไงก็คิดไม่ออก สรุปเลยว่า "ไม่รู้จัก" ก็แล้วกันนะ
เอาละ แมลงก็คือแมลง มันคือศัตรูพืชในข้าวชนิดหนึ่ง ในเมื่อแมลงคือสัตว์ มีชีวิตเหมือนสัตว์อื่นๆ (รวมทั้งคนด้วย) ย่อมมี "จุดอ่อน-จุดแข็ง" ประจำตัว....สิ่งมีชีวิต (มนุษย์ สัตว์ พืช จุลินทรีย์) ย่อมต้องการสภาวะแวดล้อมเพื่อการดำรงชีวิต ถ้าสภาวะแวดล้อมเหมาะสมก็อยู่ได้ แต่ถ้าสภาวะแวดล้อมไม่เหมาะสมก็อยู่ไม่ได้
วงจรชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด คือ "เกิด - กิน - แก่ - เจ็บ - ตาย - ขยายพันธุ์" เหมือนกันทั้งหมด ลองดูซิว่า วงจรชีวิตช่วงไหนที่ "ตัด" ได้ง่ายที่สุด นอกจากนั้น ลองดูอีกว่า เขาชอบ เขาไม่ชอบ ต่อสภาวะแวดล้อมแบบไหน รู้แล้วก็จัดการตรงนั้นจะได้ไหม ?
การป้องกันเบื้องต้น
ใช้น้ำต้ม (สะเดา บอระเพ็ด ขี้เหล็ก สาบเสือ) 3 ครั้ง สูตรในเว็ป ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3 วัน
ตอบ :
ในธรรมชาติไม่มีตัวเลข ไม่มีสูตรสำเร็จ และไม่มีของวิเศษ สูตรเดียวกัน ที่หนึ่งใช้ได้ผล แต่อีกทีที่หนึ่งกลับไม่ได้ผล เป็นเรื่องธรรมดา แม้ข้อมูลทุกสูตรในเว้บนี้ หรือเว้บไหนๆก็เถอะ ส่วนหนึ่งมาจากงานวิจัยของนักวิชาการ บางส่วนมาจากประสบการณ์ตรงของคนที่เคยใช้ กับบางส่วนมาจากภูมิปัญญาของคนโบราณ ถามว่า เชื่อถือได้ไหม ตอบได้เลย ได้/ไม่ได้-50/50 ทำเกษตรต้องอาศัย เก่ง + เฮ็ง จึงจะประสบความสำเร็จ.....ทำเอง ใช้ไม่ได้ผลก็ซื้อ แล้วดูซิว่า ที่ซื้อมาน่ะใช้ได้ผลไหม ?
ข้อมูลจากทุกแหล่งล้วนแต่เป็นข้อมูล "เบื้องต้น" ทั้งนั้น คนใช้ต้องเอาไป "ต่อยอด-ขยายผล-ปรับ-ประยุกต์" ให้เหมาะสมกับสภาพทั่วไปหรือสภาพแวดล้อมของแปลงเกษตรของตัวเอง
คุณบอกว่าแมลงตัวนี้อยู่ในดิน กัดกินรากต้นข้าว แล้วคุณไปฉีดทางใบ มันจะได้ผลเต็มร้อยได้ไง แมลงในดินบางชนิด ลุงคิมเคยแนะนำหลายคนให้ฉีดอัดลงดินไปเลย ฉีดโชกๆ บ่อยๆ แบบ 3 วันติดต่อกันเลย ก็ยังเอาอยู่ คุณก็น่าจะลอง ว่ามั้ย
- นอกจากพืชสมุนไพร 4 ตัวนี้แล้ว ยังมีตัวอื่นที่แมลงชนิดนี้ไม่ชอบอีกไหม
- ต้มแบบไหน วิธีต้มมีหลายแบบ ต้มแล้วได้สารออกฤทธิ์แรงแค่ไหน
- กรณีทางดิน น่าจะพิจารณาใช้ กากชา. ยาฉุน. ดูบ้างนะ
- น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง หมักนานข้ามปี (สูตรในเว้บ) มีสารท็อกซิก. กับกลิ่นที่แมลงในดินไม่ชอบ ก็น่าจะลอง
ผลจากการสังเกตุ
ยังมีบางส่วนที่ยังโดนกัดกินอยู่
ตอบ :
แสดงว่ามาถูกทางแล้ว ปรับสารออกฤทธิ์ให้แรงขึ้น ปรับเทคนิคการใช้ให้ดีกว่านี้ จับจุดอ่อน (นิสัย) ของเจ้าแมลงตัวนี้ให้ได้แล้ว แล้วตีตรงจุดนั้น ..... คลิกย้อนไป "หน้าแรก-เมนูหลัก-สารสมุนไพร" ในเว้บนี้นี่แหละ แล้วทำความเข้าใจในหัวข้อ "ลด-ละ-เลิก" สารเคมีดูหน่อย บางที่อาจพบทางใหม่นะ
หมายเหตุ
เป็นนาพี่สาว ผมเป็นคนแนะนำ แต่พี่สาวกลัวว่าจะเอาไม่อยู่เลยรบกวนลุงคิม ว่ามีวิธีอื่นๆ ที่จะใช้เพื่อป้องกันกำจัด เพราะกลัวว่าฝนจะทิ้งช่วงนาน..
ตอบ :
ที่นาของใครไม่สำคัญ เพราะแมลงมันไม่รู้หรอกว่า ที่นาแปลงนี้ ข้าวต้นนี้เป็นของใคร ในเมื่อเป็นที่นาของพี่สาว คุณเป็นน้อง ก็ต้องหาวิธีช่วยพี่ .... เคยใช้สารเคมีไหม สารเคมีตัวไหนเอาอยู่....ถ้าเราจะใช้สารสมุนไพรแบบสารออกฤทธิ์เข้มข้น แล้ว + สารเคมีที่เคยใช้ซัก 1 ใน 4 ของอัตราใช้ข้างขวดเข้าไปด้วย (สารสมุนไพร + สารเคมี) ซักรอบสองรอบ คงไม่ผิดมั้ง .... ลุงคิมสอนใครต่อใครได้แค่ "นับ 1 " คือ สอนให้คิดเป็นเท่านั้น เหมือนมหาลัย ธรรมศาสตร์ จุฬา เกษตร ฮาวาร์ด อ๊อกฟอร์ด ก็สอนได้แค่ "นับ 1" เหมือนกัน ที่เหลือคนเรียนหรือ นศ.ต้องไปต่อยอด ขยายผลเอาเอง
ลุงคิมครับผม
ขอบคุณครับ.
sa. |
|
คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว
ค้นหา
กลุ่มผู้ใช้งาน
ข้อมูลส่วนตัว
เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ
เข้าระบบ
