-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-วิธีทำ ข้าวกล้องงอก
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - วิธีทำ ข้าวกล้องงอก
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

วิธีทำ ข้าวกล้องงอก

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11561

ตอบตอบ: 21/06/2011 9:54 pm    ชื่อกระทู้: วิธีทำ ข้าวกล้องงอก ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

วิธีทำ ข้าวกล้องงอก ง่ายๆ ด้วยตัวเอง





เรียนรู้วิธีการง่ายๆ ในการทำ "ข้าวงอก" ทานด้วยตัวเอง เผยประโยชน์ต่อร่ายกายครบครัน ช่วยชะลอความแก่ นอนหลับสบาย ควบคุมน้ำตาลและคลอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ช่วยขับสารแห่งความสุข แถมยังป้องกันมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย

กระแสการรับประทาน "ข้าวงอก" ได้หวนกลับมาอีกครั้ง จึงมีโอกาสได้ทดลองทำข้าวงอกทานเองอีกหน เพื่อนำประสบการณ์และวิธีการทำข้าวงอก ซึ่งเรียนรู้มาจากมูลนิธิขวัญข้าวและโรงเรียนชาวนาแห่งสุพรรณบุรี มาถ่ายทอดให้แก่ผู้อ่านต่อไป


นายเดชา ศิริภัทร ผู้อำนวยการมูลนิธิขวัญข้าว ให้ความรู้เกี่ยวกับข้าวงอกว่า การรับประทานข้าวงอกเกิดขึ้นที่ประเทศจีนเมื่อนานมาแล้ว แต่ได้รับความนิยมมากที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะชาวแดนอาทิตย์อุทัยเชื่อว่า "ข้าวงอกให้พลังแห่งชีวิต"

วิธีการทำ "ข้าวงอก" สามารถทำได้ด้วยตนเองอย่างไม่ลำบาก และไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อแพงๆ มารับประทาน เริ่มจากการเลือก "ข้าวกล้อง" เป็นอันดับแรก โดยต้องเน้นเลือกข้าวกล้องที่สดใหม่และเมล็ดสมบูรณ์มาเพาะ เนื่องจากจะสามารถงอกได้ดี โดยเมล็ดข้าวกล้องต้องมีอายุไม่เกิน 1 ปี เพราะมี "จมูกข้าว" และ "เปลือกหุ้มเมล็ด" อยู่ ทำให้มีพลังชีวิตค่อนข้างสมบูรณ์ นอกจากนี้ ข้าวกล้องต้องไม่บรรจุในถุงสุญญากาศ ไม่มีแมลงรบกวน และถ้าเป็น "ข้าวกล้อง อินทรีย์" ได้ ก็ยิ่งดีเข้าไปอีก

จากนั้น นำข้าวกล้องไปซาวน้ำ และแช่น้ำไว้อย่างน้อย 6 ชั่วโมง ต่อมาก็เทข้าวที่อุ้มน้ำใส่ผ้าสะอาดและมีความหนานุ่ม โดยอาจเลือกใช้เสื้อยืดเก่าหรือผ้าขนหนูเก่าก็ได้ แล้วใช้ผ้าห่อคลุมให้มิดชิด แต่พอมีอากาศให้เมล็ดข้างหายใจ พรมน้ำแค่พอชุ่ม แต่อย่าให้แฉะ ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง

ถ้าเตรียมแช่ข้าวไว้เย็นวันศุกร์ นำมาบ่มในผ้าเช้าวันเสาร์ พอถึงเช้าวันอาทิตย์ก็สามารถหุงข้าวรับประทานได้ เพราะแค่เพียงข้ามคืน เราจะสามารถสังเกตเห็นจมูกข้าวสีขาว โผล่ขึ้นมาชัดเจน

เมล็ดข้าวที่ถูกบ่มแล้วสามารถนำไปหุงให้สุกได้เลย แต่มีเคล็บลับในการหุง คือ ต้องใส่น้ำน้อยกว่าการหุงตามปกติเกือบครึ่งหนึ่ง

ข้าวงอกที่หุงสุกจะมีกลิ่นหอมแปลกจากข้าวธรรมดา เมล็ดข้าวจะไม่จับเป็นก้อน กินหอมนุ่มอร่อยลิ้น หากค่อยๆ เคี้ยวจะสามารถรับรสนุ่มหวานที่แปลกไปจากเดิม


ประโยชน์ของข้าวงอก
พลังชีวิตในข้าวงอก คือ สารกาบ้า (Gamma - Aminobutyric Acia หรือ GABA) ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นในกระบวนการฟื้นชีวิตของเมล็ดข้าว ทั้งนี้ สารกาบ้ามีอยู่ในเมล็ดข้าวและจะมีเพิ่มขึ้นเมื่อเป็นข้าวงอก อายุ 1 - 2 วัน เมื่อเข้าสู่วันที่ 3 สารกาบ้าจะลดลงเรื่อยๆ

"สารกาบ้า" เป็นกรดอะมิโน ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาทในระบบประสาทส่วนกลาง และเป็นสารสื่อประสาทประเภทยับยั้ง ทำหน้าที่รักษาสมดุลในสมอง ทำให้ผ่อนคลายและนอนหลับสบาย นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นต่อมไร้ท่อ ซึ่งผลิตฮอร์โมนที่ช่วยการเจริญเติบโตและเกิดสารป้องกันไขมัน ชื่อ "Lipotropic"

สารกาบ้ายังช่วยทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายสม่ำเสมอ ชะลอความชรา ความคุมระดับน้ำตาลและพลาสมาคลอเลสเตอรอลในกระแสเลือก รวมทั้งขับเอ็นไซม์ เพื่อขจัดสารพิษออกจากร่ายการ แถมยังช่วยกระตุ้นการขับน้ำดีสู่ลำไส้ เพื่อย่อยสลายไขมัน ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ และช่วยขับสารแห่งความสุข

ส่วนในวงการแพทย์มีการใช้ "สารกาบ้า" รักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น โรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ โรคลมชัก


เห็นไหมละว่า ประโยชน์เพียบจริงๆ !!!

http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=3280.0

--------------------------------------------------------------------------------------------------
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11561

ตอบตอบ: 21/06/2011 9:59 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เปิดเคล็ดลับทำ “ข้าวกล้องงอก”





แม้ข้าวกล้องงอกจะอุดมไปด้วยสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น สาร GABA (gamma aminobutyric acid) ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน ช่วยในการควบคุมน้ำหนักตัว และที่สำคัญช่วยบำรุงเซลล์ประสาท ทำให้สมองเกิดการผ่อนคลาย ป้องกันการทำลายสอง ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคสูญเสียความทรงจำ หรือ อัลไซเมอร์นั่นเอง รวมไปถึงสารดีอื่นๆ เช่น ใยอาหาร กรดไฟติก (Phytic acid) วิตามินซี วิตามินอี แต่ข้อจำกัดของข้าวกล้องงอกที่ทำให้หลายๆ คนไม่ค่อยอยากรับประทาน ก็คือสีที่เข้มและรสชาติหลังหุงสุกไม่ค่อยถูกปากนัก

แต่ล่าสุดมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้คิดค้นวิธีการผลิตข้าวกล้องงอกที่ลดข้อจำกัดดังกล่าวได้แล้ว รศ.วรนุช ศรีเจษฏารักข์ อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในฐานะผู้ศึกษาการผลิตข้าวกล้องงอกด้วยวิธีการนำข้าวเปลือกมางอกทั้งเปลือกก่อนนำมาทำเป็นข้าวกล้อง โดยได้รับการสนับสนุนงานวิจัยจาก สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เปิดเผยผลการศึกษาว่า การผลิตข้าวกล้องงอกด้วยวิธีการดังกล่าวทำให้ได้สาร GABA มากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ข้าวกล้องงอกยังมีสีสวย ไม่คล้ำ ข้าวมีลักษณะนุ่ม รสชาติปนหวานนิดๆ ถูกใจผู้บริโภคกลุ่มผู้รักสุขภาพมากขึ้นอีกด้วย

“สำหรับขั้นตอนการศึกษานั้น เริ่มจากการนำข้าวเปลือกมาผ่านกระบวนการแรก คือ แช่น้ำที่อุณหภูมิประมาณ 35 - 40 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 10 - 12 ชั่วโมง จากนั้นนำขึ้นมาวางไว้ในถาดเพื่อทำการเพาะงอกโดยให้ออกซิเจนและอยู่ในห้องที่มีความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสม ใช้เวลาประมาณ 20-30 ชั่วโมง ข้าวที่เตรียมไว้จะเริ่มมีรากออกมาจากข้าวเปลือก หลังจากนั้นนำไปอบแห้งที่อุณหภูมิ ประมาณ 50 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 ชั่วโมง เสร็จขั้นตอนนี้จึงนำข้าวเปลือกที่ผ่านการอบแห้งมาสีกะเทาะเปลือกเป็นข้าวกล้องงอก”

รศ.วรนุช ให้ข้อมูลด้วยว่า จากการศึกษาพบว่า พันธุ์ข้าวที่สามารถให้สาร GABA สูงที่สุด คือ ข้าวมะลิแดง โดยมีสาร GABA เพิ่มขึ้น เป็น 12 มิลลิกรัมต่อ100 กรัมน้ำหนักแห้งมากกว่าข้าวทุกสายพันธุ์ที่เคยนำมาทำข้าวกล้องงอก ไม่ว่าจะเป็นข้าวขาวดอกหอมมะลิ 105 ข้าวชัยนาท ข้าวคลองหลวง กข.6 และข้าวเหนียวดำ

“ข้อดีของการทำข้าวกล้องงอกแบบงอกทั้งเปลือก คือ สีข้าวจะสวยกว่าข้าวกล้องงอกทั่วไป รสชาติดี กรุบกรอบ หวานมัน นอกจากนี้ เวลากะเทาะเปลือกงอกได้เม็ดข้าวเต็มสูง และปริมาณข้าวหักน้อยกว่ากะเทาะเปลือกที่ไม่ผ่านการงอก ซึ่งผู้บริโภคยอมซื้อในราคามากกว่า 1.5-2 เท่าของราคาข้าวกล้องปกติอีกด้วย” รศ.วรนุช แจกแจง

นอกจากนั้น จากการศึกษายังพบด้วยว่า ภายหลังการเก็บเกี่ยวข้าว ระยะเวลาในการพักข้าวเปลือกก่อนการนำไปงอก มีผลต่อปริมาณการงอกและปริมาณสารGABA โดยระยะเวลาพักข้าวเปลือกนาน ปริมาณการงอกจะสูง แต่ปริมาณสาร GABA ลดลง ดังนั้น จึงต้องศึกษาระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวก่อนนำไปเพาะให้เหมาะสม เพื่อให้ได้สาร GABA ในปริมาณที่สูงที่สุด

ส่วนในนั้น รศ.วรนุช บอกว่า มีแผนจะพัฒนาต่อโดยการแปรรูปข้าวกล้องงอกไปเป็นน้ำข้าวกล้องงอกผสมน้ำผลไม้ ที่ให้ทั้งสารกาบาและสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูงในเครื่องดื่มชนิดเดียวกัน โดยขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์

รศ.วรนุช กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า การค้นพบวิธีการผลิตข้าวกล้องงอกโดยวิธีเพาะทั้งเปลือกในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมถึงประโยชน์ที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มมูลค่าข้าวไทย การนำผลวิจัยไปพัฒนาต่อยอดในด้านการแพทย์เพื่อสุขภาพ และขยายผลในเชิงอุตสาหกรรม สร้างรายได้ให้เกษตรกร


สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ รศ.วรนุช ศรีเจษฏารักข์ ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น โทร.081-0503311 หรือ 043-362132


ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ
ที่มาภาพประกอบ: หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ


http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/news/8740
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11561

ตอบตอบ: 21/06/2011 10:24 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)















เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

เวลานี้อาหารสุขภาพยอดฮิตที่ถูกถามหากันมากที่สุด คงหนีไม่พ้น "น้ำข้าวกล้องงอก" เป็นแน่ เพราะตั้งแต่ผ่านพ้นช่วงปีใหม่มา "น้ำข้าวกล้องงอก" ก็ได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการเป็นพิเศษ วันนี้กระปุกเลยนำเรื่องราวของข้าวกล้องงอกมาฝาก พร้อมวิธีทำน้ำข้าวกล้องงอกด้วยค่ะ

เรื่องราวของ "ข้าวกล้อง" และ "ข้าวกล้องงอก"
สำหรับข้าวกล้องนี้ถือว่าเป็นเมนูยอดฮิตของคนรักสุขภาพเลยทีเดียว โดยข้าวกล้องนั้น ก็คือข้าวที่ผ่านกรรมวิธีการสีเพียงครั้งเดียว เพื่อให้เปลือก (แกลบ) หลุดออกไป ดังนั้นจึงยังมีจมูกข้าว และเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวที่เป็นสีน้ำตาลและสีแดง (รำ) เหลืออยู่ ต่างจากข้าวประเภทอื่นๆที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวัน ซึ่งจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวหลุดลอกออกไปหมดแล้ว

จมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (รำ) นี่แหละค่ะที่เป็นแหล่งอุดมไปด้วยกรดไฟติก (Phytic acid) วิตามินบี 1 บี 2 บี 6 บี 12 วิตามินซี วิตามินอี สารกาบา (Gamma amino butyric acid) เส้นใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่นิยมรับประทานข้าวกล้องมากนัก ด้วยข้าวกล้องจะมีเนื้อแข็ง เพราะมีกากเยอะจึงไม่นิ่มเหมือนข้าวประเภทอื่นๆ ทำให้รู้สึกว่าทานไม่อร่อยนั่นเอง

ส่วนข้าวกล้องงอก เป็นเรื่องที่เพิ่งได้ยินกันไม่นานนี้เอง ซึ่งข้าวกล้องงอก (Germinated brown rice หรือ GABA-rice) เป็นข้าวกล้องที่ต้องนำมาผ่านกระบวนการงอกเสียก่อน พอนำข้าวกล้องมาแช่น้ำจนกลายเป็นข้าวกล้องงอกแล้ว จะทำให้ข้าวกล้องมีสารอาหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสารกาบา และข้าวกล้องที่แช่น้ำทิ้งไว้แล้วเมื่อนำไปหุงก็จะได้ข้าวที่นุ่มน่ารับประทานกว่าข้าวกล้องธรรมดาด้วย

"สารกาบา" พระเอกของข้าวกล้องงอก
สารกาบา หรือ Gamma amino butyric acid เป็นกรดอะมิโนจากกระบวนการ Decarboxylation ของ กรดกลูตามิก ( Gutamic acid) กรดนี้มีความสําคัญในการทำหน้าที่สารสื่อประสาท (Neurotransmitter) ในระบบประสาทส่วนกลาง และสารกาบายังเป็นสารสื่อประสาทประเภทสารยับยั้ง (Inhibitor) โดยจะทำหน้าที่รักษาสมดุลในสมอง ช่วยทำให้สมองผ่อนคลายและนอนหลับสบาย อีกทั้งยังทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นต่อมไร้ท่อ (Anterior Pituitary) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต (HGH) ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ และเกิดสาร Lipotropic ป้องกันการสะสมไขมัน

จากการศึกษาและวิจัยพบว่า การบริโภคข้าวกล้องงอกที่มีสารกาบามากกว่าข้าวกล้องปกติ 15 เท่า จะสามารถป้องกันการทำลายสมอง และโรคสูญเสียความทรงจำ หรืออัลไซเมอร์ได้ ดังนั้น จึงได้มีการนำสารกาบามาใช้ในวงการแพทย์เพื่อการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาทต่างๆ หลายโรค เช่น โรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ โรคลมชัก เป็นต้น รวมทั้งผลการวิจัยด้านสุขภาพระบุว่าข้าวกล้องงอกที่ประกอบด้วยสารกาบา มีผลช่วยลดความดันโลหิต ลด LDL (Low Density lipoprotein) ลดอาการอัลไซเมอร์ ลดน้ำหนัก ทำให้ผิวพรรณดี และใช้บำบัดโรคเกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลางได้อีก

ประโยชน์ของข้าวกล้องงอก
ประโยชน์ที่ได้จากการรับประทานข้าวกล้องงอกนั้น นอกจากจะเป็นประโยชน์ที่ได้รับจากสารกาบา ไม่ว่าจะเป็นช่วยให้สมองผ่อนคลาย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ บำรุงระบบประสาท หรือลดความดันโลหิตแล้ว การรับประทานข้าวกล้องงอกยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ช่วยระบบย่อยอาหาร ช่วยให้สมองผ่อนคลาย นอนหลับสบาย และช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้ด้วย แถมยังช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ ไม่ให้แก่ก่อนวัยได้อีก (สาวๆ ต้องฟังไว้) ถือได้ว่าแค่รับประทานข้าวกล้องงอกก็ครบถ้วนไปด้วยสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น

ผู้ที่ไม่ควรทานข้าวกล้องงอก
สารต่างๆในข้าวกล้องงอกล้วนมีประโยชน์มากมาย ดังนั้นข้าวกล้องงอกจึงมีประโยชน์ต่อทุกเพศ ทุกวัย ยกเว้นกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเกาต์ ที่ไม่ควรรับประทาน เพราะเมล็ดข้าวกล้อง หรือยอดผักต่างๆ ที่กำลังจะงอก จะมีสารยูริคจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคเกาต์ ซึ่งเป็นโรคเกิดจากการที่มีสารยูริคจำนวนมากสะสมอยู่ตามข้อ จนเกิดการอักเสบนั่นเอง


วิธีทำน้ำข้าวกล้องงอกด้วยตัวเอง
ตบท้ายด้วยขั้นตอนการทำน้ำข้าวกล้องสำหรับรับประทานเอง
1.คัดเลือกข้าวกล้อง โดยข้าวกล้องที่สามารถนำมาแช่น้ำให้เกิดการงอกได้ดีนั้นจะต้องเป็นข้าวกล้องใหม่ ที่ผ่านการกะเทาะเปลือกมาไม่เกิน 2 สัปดาห์ (ถ้าเป็นข้าวเก่า ส่วนปลายจะไม่สามารถงอกออกมาได้)

2.นำเมล็ดข้าวกล้องใหม่นั้นมาซาวน้ำ ล้างเอากรวดทรายออกก่อนหนึ่งครั้ง

3.นำข้าวกล้องไปแช่น้ำประมาณ 1 ลิตร ทิ้งไว้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง จะเกิดเป็นตุ่มงอกสีขาวขึ้นมาที่เมล็ดข้าว

4.จากนั้นนำข้าวขึ้นมาผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปต้มให้เดือดโดยใช้ไฟปานกลาง แต่อย่าให้เดือดมาก เพราะถ้าร้อนมากไป สารกาบาจะถูกทำลายมาก แต่หากเดือดพอดีแล้วให้เคี่ยวต่อไปสัก 15-20 นาที สารกาบาจะยังเหลืออยู่ถึง 70% ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย

5.เสร็จแล้วให้ใช้ผ้าขาวบางหรือตะแกรงกรองน้ำข้าวมารับประทานได้ทันที หรือจะเติมเกลือ น้ำตาลเล็กน้อย เพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกปากค่ะ

ท้ายนี้เรามีวิธีหุงข้าวกล้องมาฝากกันค่ะ โดยถ้าอยากหุงข้าวกล้องให้อร่อยนุ่มล่ะก็ จะต้องนำข้าวกล้องไปแช่น้ำทิ้งไว้ก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้เมล็ดข้าวบานออกเล็กน้อย จากนั้นนำไปหุงก็จะได้ข้าวที่นุ่มน่ารับประทาน ซึ่งการหุงข้าวนี้จะทำให้สารกาบ้าถูกทำลายไป 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว แต่ถ้าทำเป็นข้าวกล้องงอกขึ้นมา จะช่วยเพิ่มสารอาหารให้มากขึ้นกว่า 10 เท่า เลยล่ะค่ะ

รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมลองไปทำน้ำข้าวกล้องงอกทานกันนะคะ เพราะแค่รับประทานข้าวกล้อง หรือ น้ำข้าวกล้องงอก เราก็จะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนมีประโยชน์ โดยไม่ต้องไปหาซื้ออาหารเสริมมารับประทานเลยล่ะ


http://hilight.kapook.com/view/32558
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11561

ตอบตอบ: 21/06/2011 10:28 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

การผลิตข้าวกล้องงอก


ภูมิปัญญาการผลิตข้าวกล้องงอก

ชื่อ - นามสกุล นางณัฏฐ์ ตั้งพิทักษ์ไกร
ตำแหน่ง นักวิชาการพัฒนาชุมชนปฏิบัติการ
สังกัด สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองศรีสะเกษ
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อสะดวก 045 - 644845
ชื่อเรื่อง การผลิตข้าวกล้องงอกปลอดสารพิษ


การทำนาในยุคปัจจุบันของคนไทยมีการใช้สารเคมีกันเป็นอย่างมากนับตั้งแต่การใช้สารเคมีกำจัดหญ้าก่อนไถ การเผ่าตอซัง การใช้สารเคมีคุมหญ้า ใช้สารฆ่าแมลง ในการทำนา รวมทั้งการใช้ปุ๋ยเคมีในอัตราที่สูง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม ผลผลิตที่ได้ไม่มีคุณภาพ มีสารเคมีปนเปื้อนสะสมอยู่ในผลผลิตการเกษตร และในดิน ทำให้คุณภาพดินเสื่อมโทรม ทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่มีคุณภาพ ขายไม่ได้ราคา เกษตรกรรายหนึ่ง คือ คุณปติ ศรีคราม บ้านหางว่าว หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่ม ได้หันมาปลูกข้าวปลอดสารพิษ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2549 ทุกขั้นตอน ใช้วิธีการแบบดั้งเดิม ผลิตข้าวมีคุณภาพก่อน และนำมาแปรรูปเป็นข้าวกล้องงอกขาย เป็นสินค้า OTOP ระดับ 5 ดาว

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมือ พ.ศ. 2549 - ปัจจุบัน
สถานที่เกิดเหตุการณ์ บ้านเลขที่ 17 หมู่ 4 ตำบลทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ



เนื้อเรื่อง
การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงมาแปรรูปใช้ในกิจกรรมการทำนาจนถึงการแปรรูปอาหาร ของ นายปติ ศรีคราม นับว่าได้ผลอย่างยิ่งทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น เนื่องจากผลผลิตขายได้ราคา ที่สูงกว่าการขายข้าวธรรมดา ในการผลิตเริ่มต้นด้วยการเตรียมดิน คือการไถ่กลบตอซัง กำจัดวัชพืชด้วยการถอนแทนการใช้สารเคมี การนำมูลสัตว์ ใบไม้ น้ำหมักชีวภาพ สาร พด. ของกรมพัฒนาที่ดิน นำมาบำรุงดิน เพื่อให้ดินมีความสมบูรณ์ และการคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวใช้ข้าวมะลิ 105 ปลอดสิ่งเจือปน นำมาใช้ในการทำนา พร้อมดูแลรักษาโดยใช้ภูมิปัญญา สารชีวภาพต่าง ๆ ในการกำจัดแมลง ตลอดทั้งการปรับที่นาให้พื้นที่เสมอเรียบ เมื่อหว่านข้าวแล้วใช้ปุ๋ยชีวภาพอย่างเดียว จนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยวด้วยมือ โดยไม่ให้ข้าวกรอบเกินไป และการตีข้าวแบบโบราณ ทำให้เมล็ดข้าวไม่หัก เวลาสี เมล็ดข้าวมีคุณค่าสูง คุณปติ ศรีคราม ทำอย่างไร ข้าว 1 กิโลกรัม ปกติขายราคา 30 – 40 บาท แต่พอมาแปรรูปเป็นข้าวกล้องงอก จะทำให้เพิ่มมูลค่าในการขายได้ ราคาถึง กิโลกรัมละ 100 – 110 บาท เนื่องจากข้าวมีคุณภาพ ปลอดสารพิษ จึงได้ศึกษาตำราต่าง ๆ /ไปศึกษาดูงาน /ขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย เช่น มูลนิธิธรรมเกษตรธรรมชาติมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ และโครงการเกษตรอินทรีย์ ลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา จนได้ดำเนินการผลิตข้าวกล้องงอก


ขั้นตอนการทำ
1. นำข้าวเปลือกไปแซ่น้ำ ประมาณ 1 คืน ถ้าอากาศหนาวให้แช่ประมาณ 30 ชั่วโมง
2. นำข้าวเปลือกที่แช่ไว้แล้ว มาล้างทำความสะอาดให้ไม่มีกลิ่นเหม็น
3. นำข้าวเปลือกที่ล้างแล้ว ใส่กระสอบถุงปุ๋ยมัดปากถุงไว้ประมาณ 1 คืน (ถ้าอากาศร้อนข้าวจะงอกเร็ว)
4. พอข้าวเริ่มงอก ให้นำข้าวเปลือกมานึ่งให้สุก(ให้กลับข้าวให้สุกทั่วถึงกัน)
5. เตรียม วัสดุเพื่อนำข้าวที่นึ่งสุกแล้ว ไปตากแดด (ไม่ให้ข้าวแห้งมาก)

6. นำข้าวที่ตากแดดแล้วไปสีเป็นข้าวกล้อง
7. นำข้าวกล้องที่สีเสร็จมาเก็บกากข้าว
8. ถ้าหากข้าวกล้องยังไม่ให้แห้งดี นำผึ่งให้แห้ง
9. นำข้าวกล้องบรรจุภัณฑ์ ใส่ถุงสูญญากาศ เตรียมจำหน่าย


ผลที่เกิดขึ้นจริง
1. เพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร
2. มีรายได้เพิ่ม
3. ลดรายจ่ายการใช้สารเคมี
4. สุขภาพผู้บริโภค/ผู้บริโภค แข็งแรงมีสุขภาพที่ดีขึ้น


บันทึกขุมความรู้ (Knowledge Assets)
- การต่อยอดผลผลิตทางการเกษตร
ในรูปผลิตภัณฑ์แปรรูปก้าวสู่ OTOP ระดับ 5 ดาว

แก่นความรู้(Core Competencics)
- การศึกษาขั้นตอนกระบวนการผลิตข้าวอินทรีย์
- การศึกษาขั้นตอนกระบวนการผลิตข้าวกล้องงอก
- การลงมือปฏิบัติจริง

กลยุทธ์ในการทำงาน
- การศึกษาขั้นตอนกระบวนการผลิตข้าวอินทรีย์
คุณปติ ศรีคราม ได้ศึกษากระบวนการและขั้นตอนการผลิตข้าวอินทรีย์จากเอกสารหลายช่องทางแล้วนำมาทดลองในแปลงปลูกของตนเอง มีการจดบันทึกความเปลี่ยนแปลงเพื่อนำมาเปรียบเทียบให้ได้ข้าวปลอดสารพิษที่แท้จริง

- การศึกษาขั้นตอนกระบวนการผลิตข้าวกล้องงอก
ในการผลิตข้าวกล้องงอก ได้มีการไปศึกษาดูงาน ศึกษาจากเอกสารพร้อมได้ลงมือปฏิบัติ และเข้าอบรมกระบวนการผลิตจากโครงการเกษตรอินทรีย์ ก้าวสู่วิกฤตโลก พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ณ ศูนย์วิจัยเกษตรอินทรีย์ ลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย และ อบรมเกษตรอินทรืย์ก้าวหน้าปฏิบัติการเขียวแนวใหม่ โดยมูลนิธรรมเกษตรธรรมชาติ มีการทดลองเพื่อให้ได้ข่าวกล้องงอกที่มีคุณภาพ รวมถึงการเก็บรักษาคุณภายใต้การบรรจุภัณฑ์ที่ดี จนสามารถผลิตคุณภาพมาตรฐานคงที่ตลอดมา

- การลงมือปฏิบัติ
มีการทำซ้ำ หลาย ๆ ครั้ง เพื่อนำผลผลิตมาเปรียบเทียบคุณภาพ ซี่แต่ละครั้งก็จะมีการบันทึกผลการลงมือปฏิบัติ ในขั้นตอนต่าง ๆ พร้อมมีการตรวจสอบคุณภาพกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน ทำให้ได้ข้าวกล้องที่มีคุณประโยชน์ต่อผู้บริโภค มีความสะอาดปราศจากสิ่งเจือปน


http://kmcdd.ecgates.com/kmblog/other_diary_post_display.php?diaryid=1170&userid=392
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©