-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-Atomic Biotech
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - Atomic Biotech
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

Atomic Biotech

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/08/2010 1:43 pm    ชื่อกระทู้: Atomic Biotech ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ทำความรู้จักกับ Atomic Biotech (english version)

งานวิจัยที่ก้าวหน้าไปถึง ระดับ Atomic Biotech ที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งกว่าระบบนาโน ที่เราคุ้นชิน เทคโนโลยี่ ในระดับ Atomic Biotech เสมือนหนึ่งเป็น พลังงานนิวเคลียร์ภาคเกษตรกรรม เมื่อนำมาประยุกต์เข้ากับสารสกัดเข้มข้นจากวัตถุดิบธรรมชาติ ทำให้พลังงานทั้งหมด ที่อยู่ในสารสกัดเข้มข้น N-function เมื่อถูกทำให้เจือจางลงด้วยน้ำแล้ว และหลังจากการฉีดพ่น ไปที่ทุกส่วนของพืชทุกชนิด แม้แต่บนใบบอน หรือใบกล้วย ที่มีไขมันพืชเคลือบอยู่ สารละลายที่อุดมด้วยพลังงานนิวเคลียร์ภาคเกษตรกรรม ใน N-function จะกระจายตัวไปทั่วบนใบ กิ่งก้าน และลำต้นของพืช และถูกดูดซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อและเซลล์ของพืชได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสารจับใบแต่อย่างใด ทำให้ใช้ง่าย ประหยัดปุ๋ย หรือยาต่างๆได้มาก และยังใช้ได้ทุกฤดูกาลอีกด้วย พลังงานทั้งหมดในสารละลาย? ที่ถูกเครื่องฉีดพ่นเป็นฝอยออกไป เกือบจะไม่มีการสูญเสียเลย สำหรับส่วนที่ตกลงบนพื้นดิน ก็จะถูกรากพืชดูดซึมไปใช้ประโยชน์ และขบวนการนี้ยังไม่ต้องพึ่งพาจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในดิน ทำการย่อยสลายเสียก่อน พืชจึงจะดูดซึมเข้าสู่ เซลล์ของพืชผ่านระบบราก เช่นเดียวกับปุ๋ย ทุกๆชนิด ที่เกษตรกรเคยชิน ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์เคมี หรือน้ำหมักชีวภาพ เหล่านี้ ก่อนจะถูกพืชดูดซึมเข้าสู่รากขนอ่อนได้ จะต้องได้รับการย่อยจากบรรดาจุลินทรีย์ในดินเสียก่อนให้มีขนาดเล็ก สะดวกแก่การดูดซึมของระบบราก พืชจึงจะสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้สะดวก

การแปรรูปปุ๋ยในดินของจุลินทรีย์ เพื่อลดขนาดโมเลกุลของปุ๋ยและยาต่างๆลง เพื่อให้รากพืชดูดซึมเข้าสู่ส่วนต่างๆของลำต้น ขบวนการเหล่านี้จะมีปัจจัยด้านเวลาเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ทำให้ปุ๋ย หรือเคมีต่างๆ ต้องใช้เวลาที่เนิ่นนานออกไป ซึ่งแตกต่างกับระบบ Atomic Biotech โดยสิ้นเชิง ที่พืชพร้อมใช้พลังงานที่บรรจุอยู่ในนวัตกรรม N-function ได้ในเวลาอันรวดเร็ว และพืชจะเก็บสะสมพลังงานนี้เอาไว้ในทุกๆส่วนของพืช แม้แต่รากได้ประมาณ ๓๐ วัน เมื่อฉีดพ่นในอัตราความเข้มข้นมาตรฐาน พืชพร้อมนำไปใช้สังเคราะห์แสงแดดได้ทุกเมื่อ ขณะที่พืชมีความจำเป็นต้องใช้พลังงาน เพื่อการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่อยู่เสมอ เมื่อมีความชื้นและแสงแดด จึงช่วยร่นระยะเวลาการเจริญเติบโต ของผลิตผล หรือลำต้น หน่อ หรือฝัก หรือรวงข้าว ได้รวดเร็วกว่าการใช้ปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยอินทรีย์ และการเจริญเติบโตของพืชล้มลุกในแปลงจะเจริญงอกงามสม่ำเสมอ และสุกพร้อมเก็บเกี่ยวได้พร้อมกันทั้งแปลง ไม่สร้างปัญหาให้ผลผลิตเกิดความเสียหายระหว่างการเก็บเกี่ยว และมีคุณภาพดี และยิ่งสารสกัดเข้มข้น อุดมด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่จำเป็นต่อชีวิตของพืชมีอยู่อย่างครบครัน ผลการพัฒนานี้ จึงกลายมาเป็น นวัตกรรม สมัยใหม่ ที่ก้าวหน้ายิ่งทางการเกษตรสมัยใหม่ สำหรับช่วยเกษตรกรลดต้นทุนการผลิต และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ผลผลิตการเกษตรที่ปลอดสารพิษตกค้าง เหมาะสำหรับการบริโภค

ทั้งหมดนี้เป็นการอธิบายในลักษณะชาวบ้าน จะได้ฟังสะดวกและเข้าใจง่าย ถึงนวัตกรรม N-function ที่ใช้ประยุกต์เข้ากับ Atomic Biotech ทั้งนี้นับเป็นข่าวดี ๒ เด้งสำหรับพี่น้องเกษตรกรชาวไทยทั้งประเทศ ที่ บริษัท เอไอ บิสเน็ต จำกัด (มหาชน) และ บริษัทของคุณ สาโรช บุญทอง ที่มีเป้าหมายตรงกัน เพื่อเข้ามาช่วยลดต้นทุน ให้แก่พี่น้องเกษตรกร พร้อมๆกับการเพิ่มผลผลิตคุณภาพสูง ที่ปลอดสาร และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย


www.ainews1.com/aticle12.html -
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
mongkol
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 29/06/2010
ตอบ: 134

ตอบตอบ: 22/08/2010 5:19 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ลุงคิมไม่ใช่เจ้าของสินค้า N-Function หรือที่เป็นสินค้าที่มีเทคโนโลยี่ Atomic Biotech

เจตนาขอลุงคือ เห็นสิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์บางประการหรือบางแง่มุมจึงนำมาเผยแพร่ต่อ พร้อมมีที่มาของข้อมูล

แต่จากความรู้และการค้นหาความจริง ผมเองพบเสมอว่า เรามักถูกหลอกหรือทำให้สับสนจากสินค้าที่อ้างถึง สิ่งที่พิสูจน์ได้ยากหรือไม่มีตัวตน การอ้างเทคโนโลยีจอมปลอม แล้วสร้างราคาแบบโคตรแพง

ผมอยากแนะนำวิธีการสืบค้นข้อมูลจากบรรดาธุรกิจแปลกๆ ว่า เท็จจริงประการได ง่ายๆๆ คือใช้ Google นั่นหละ ท่านพิมพ์คำทีเขาเอามาอ้างอิงแล้วลองสืบค้นดูว่า มีวิชาการ หรือการทดลอง หรือมีขาย หรือผลการใช้ แต่ต้องทำใจว่าอาจเป็นภาษาต่าชาติ หลายครั้งหรือเกือบทั้งหมด ผมพบว่าเป็นแค่ภาษาทางการตลาด ที่ยืมศัพท์ทางวิชาการมาสร้างความขลัง ไม่ใช่ผมค้านหรือขัดแย้ง แต่ถ้าจะอ้างวิชาการ เทคโนโลยี่มันควรมีความจริง

ถ้าจะค้าขายกับเกษตรกร ควรเริ่มจากความจริง ไม่ใช่การหลอก หรือสร้างความสับสน สงสัยอะไรโทรมาได้เลย 089-144-1112
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/08/2010 6:29 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ใครมีความคิดเห็นอย่างไร ว่ามาอีกได้นะ.....แว่วๆ ว่า ผลิตภัณท์ตัวนี้ โคตรพงกว่า โอทู....อีกแน่ะ....

พัฒนา คือ สิ่งที่ดีขึ้น ดีกว่า ไปจนถึง ดีที่สุด....
โลกต้องพัฒนา เราก็ต้องพัฒนา

บนเส้นทางแห่งการพัฒนา สองข้างทางย่อมแวดล้อมและเรียงรายด้วยสิ่งแปลกใหม่เสมอ ทั้งที่เป็นของจริง และเป็นของปลอม

หัวใจของนักพัฒนาย่อมไม่ยึดติด พบเห็นสิ่งใดย่อมไม่ปฏิเสธทันทีทันใด และถ้ารับก็ต้องรับอย่างมีเงื่อนไข บนพื้นฐานความเป็นตัวของตัวเอง

CASE STUDY ต่อผลิตภัณท์ตัวนี้เหมือน GUIDE LINE ทางความคิด เป็นกลยุทธทางการตลาด นอกจากวิเคราะห์ว่า "เขาคิดขึ้นมาได้อย่างไร...?" แล้ววิเคราะห์ต่อแบบการ์ตูน-การ์ตูน "ทำให้มันเป็นของจริงขึ้นมา ได้หรือไม่...?"

สิ่งประดิษฐ์ใหมๆในโลกนี้ ถือกำเนิดมาจากความคิดแบบการ์ตูน


ชอบ IDEA (ว่ะ...)
ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/08/2010 7:49 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จับตาสินค้านาโน

ผู้เขียน: ดร. ณัฏฐิตา ชวนเกริกกุล
หน่วยงาน: นักวิจัยสถาบันวิจัยโลหะและวัสดุ และฐานการจัดการความรู้เรื่องความปลอดภัยด้านสารเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สนับสนุนโดย สกว.)


ในปัจจุบัน เราอาจจะได้ยินคำว่า นาโน กันอย่างมากมาย จนดูเหมือนว่าเป็นการเติมคำนำหน้า เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ และให้เกิดความทันสมัย เรื่องราวเกี่ยวกับความตื่นตัวทางด้านนาโนเทคโนโลยีเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เฉพาะแต่เพียงประเทศไทยเท่านั้น ทั้งงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การจดสิทธิบัตรต่างๆ หรือการผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับนาโนเทคโนโลยี หลายคนอาจจะคิดว่านาโนเทคโนโลยีเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องไกลตัว หรือเข้าใจได้ยาก แต่สำหรับตอนนี้นาโนเทคโนโลยีได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของมนุษย์เป็นจำนวนมาก บทความนี้จะเป็นการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนาโนเทคโนโลยี

จากการรวบรวมข้อมูลล่าสุดโดย Project on Emerging Nanotechnologies ของสหรัฐอเมริกา พบว่าในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่วางขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป มากกว่า 500 รายการ ในการจัดกลุ่มสินค้าตามลักษณะการนำไปใช้งานแสดงให้เห็นว่า กลุ่มที่เป็นผลิตภัณฑ์ทางด้านสุขภาพมีจำนวนมากที่สุด ซึ่งคิดเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 50 ของผลสำรวจทั้งหมด แผนภาพแสดงจำนวนสินค้าในแต่ละกลุ่ม

นอกเหนือจากสินค้าในกลุ่มสุขภาพแล้ว สินค้าที่มีจำนวนมากในอันดับรองลงมาได้แก่ สินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งเครื่องใช้ในบ้านและสวน และยังพบสินค้านาโนเทคโนโลยีในเครื่องใช้สำหรับเด็กอีกด้วย

สำหรับสินค้าในกลุ่มสุขภาพ จำนวนผลิตภัณฑ์ที่มีมากได้แก่ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องสำอาง ซึ่งมีจำนวนเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของสินค้าทั้งหมดในกลุ่มนี้ ผลิตภัณฑ์อื่นๆได้แก่ ของใช้ส่วนตัว เครื่องกีฬา อุปกรณ์ในการกรอง และครีมกันแดด ดังแสดงในรูปที่ 2

จำนวนผลิตภัณฑ์โดยจำแนกตามชนิดของวัสดุนาโนที่ใช้ ซึ่งพบว่ามีการใช้เงิน (Silver) มากที่สุด ตามด้วยคาร์บอนทั้งในรูปแบบที่เป็นฟลูเลอรีน (C60) และท่อนาโน (nanotubes) อีกกลุ่มของวัสดุที่มีการนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์นาโนเทคโนโลยีคือสารประกอบออกไซด์ของโลหะ ซึ่งได้แก่ซิลิกอนไดออกไวด์ (SiO2) ไทเทเนียมไดออกไซด์ (TiO2) หรือซิงค์ออกไซด์ (ZnO) นอกจากนี้ยังมีการนำอนุภาคนาโนของทองมาใช้อีกด้วย

นอกจากนั้นในการสำรวจยังพบว่าจำนวนของสินค้านาโนเทคโนโลยี มีการเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า ในช่วงเวลา 14 เดือน (ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2549 ถึง พฤษภาคม 2550) ดังแสดงรายละเอียดดังรูปที่ 4

จากการรวบรวมข้อมูลพบว่าผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ (ประมาณร้อยละ 52) เกิดจากบริษัทผู้ผลิตในสหัฐอเมริกา ตามด้วยกลุ่มประเทศในแถบเอเชียตะวันออก (ร้อยละ 26) ได้แก่ประเทศจีน ญี่ปุ่นไต้หวัน และเกาหลี สำหรับประเทศในทวีปยุโรปและประเทศอื่น ซึ่งรวมถึงประเทศไทย มีสินค้านาโนเทคโนโลยีคิดเป็น ร้อยละ 16 และ ร้อยละ 6 ตามลำดับ รูปที่ 5 แสดงแผนภาพอัตราส่วนจำนวนผลิตภัณฑ์นาโนเทคโนโลยีจำแนกตามกลุ่มประเทศ

สำหรับประเทศไทยมีสินค้านาโนเทคโนโลยีซึ่งได้ออกวางจำหน่ายมาบ้างแล้ว และเมื่อเดือนกรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมานี้ สถาบันนวัตกรรมแห่งชาติได้จัดงานสัมมนา “ธุรกิจนวัตกรรมด้านนาโนเทคโนโลยี” ที่เปิดโอกาสให้มีการพบปะกันระหว่างนักวิจัยและภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งยังมีการบรรยายในหัวข้อการพัฒนาต่อยอดงานวิจัย เพื่อการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมของประเทศไทย ดังนั้นจึงอาจจะกล่าวได้ว่า ผลิตภัณฑ์อีกจำนวนมากกำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งนี้การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้านาโนเทคโนโลยี คงจะขึ้นกับการใช้วิจารณญาณของผู้บริโภค ว่าจะเปรียบเทียบข้อดีกับข้อด้อย และการคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ ซึ่งจะหมายรวมถึงความปลอดภัยของนักวิจัย ความปลอดภัยของพนักงานผู้ผลิตในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมด้วย

เอกสารอ้างอิง
Project on Emerging Nanotechnologies: http://www.nanotechproject.org
Chuankrerkkul, N. and Sangsuk, S. “Current Status of Nanotechnology Consumer Products and Nano-Safety Issues”. The First Thailand National Nanotechnology Conference, Chiangmai, Thailand, 14-16 August 2007



ความคิดเห็นที่ 1 ของผู้ทรงคุณวุฒิ :

คำว่าสินค้านาโนในที่นี้ หมายถึง การนำนาโนเทคโนโลยีมาใช้กับส่วนใดส่วนหนึ่งของสินค้า เช่น เสื้อนาโน อาจเป็นเสื้อที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ หรืออาจเป็นเสื้อที่ไม่เปียกน้ำ ด้วยการนำนาโนเทคโนโลยีมาใช้ทำให้เสื้อเหล่านั้นมีสมบัติพิเศษที่ผิดแปลกไปจากเสื้อโดยทั่วไป เพราะฉะนั้นเสื้อนาโนไม่ได้หมายถึง เสื้อที่ตัวเล็กๆขนาดนาโนเมตร ซึ่งนอกจากเสื้อแล้ว นาโนเทคโนโลยียังนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้อีกมากมายอาทิ เครื่องสำอาง หรืออุปกรณ์กีฬา ดังนั้นถ้าจะพูดถึงประโยชน์ก็คงพูดได้ว่า นาโนเทคโนโลยีทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีสมบัติใหม่ๆได้

โดย: ดร.สุพิณ แสงสุข


www.chemtrack.org/News-Detail.asp?TID=5&ID=4 -
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
eawbo
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 03/03/2010
ตอบ: 52

ตอบตอบ: 22/08/2010 7:52 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ธุระกิจขายตรงสินค้าราคาแพงอยู่แล้ว ปัญหาคือผู้ทำธุระกิจเขาแน้นเรื่องการตลาดเป็นหลัก จะว่าโฆษณาชวนเชื่อก็ว่าได้ หลัก ๆ คือหาสมาชิก มงกุฏเพชรลงทุน 25,200 บาท เดือนถัดไปต้องรักษาสิทธิ์อีกเดือนละ 1,600 บาท ถ้าทำได้ตามแผนงานจะมีรายได้วันละ 21,000 บาท (วันละ) เรื่องคุณภาพสินค้าไม่รู้โม้เกินจริงหรือเปล่า แต่ถ้าสินค้าเขาดีตามที่คุยก็ถือว่าส่วนที่แพงเป็นค่าสมองที่คิดค้น และผู้ใช้ก็คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป

เทคโนโลยี่ที่บริษัทนี้เสนอมาถือว่าดีมากแต่ไม่รู้ว่าเป็นจริงแค่ไหน

เอี๋ยวครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/08/2010 8:02 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวทช.ส่ง 'นาโน' ช่วยเกษตรกร ยืดอายุผลไม้-ปุ๋ยธาตุอาหารสูง

ศูนย์นาโนเทคร่วมกับกรมวิชาการเกษตร ดึงผลวิจัยจากแล็บนาโนสู่เกษตรกร เล็งพัฒนาถุงนาโนห่อผลไม้กันเชื้อรา-ยืดอายุนานขึ้น 2 เท่าตัว และปุ๋ยนาโนนำส่งธาตุอาหารตามที่พืชต้องการ คาด 5 ปีผลิตผลงานวิจัยเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมเกษตร ลดปัญหากีดกันทางการค้าได้สำเร็จ

ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า ศูนย์นาโนเทคและกรมวิชาการเกษตรได้ลงนามความร่วมมือด้านการวิจัยพัฒนาอย่างเป็นทางการ ระยะ 5 ปี เป้าหมายเพื่อต่อยอดงานวิจัยพื้นฐานด้านนาโนเทคโนโลยี สู่การประยุกต์ใช้จริงในมุมของเกษตรกร เช่น วัสดุห่อหุ้มผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณสมบัติยืดอายุหรือคงสภาพสดของสินค้า รวมถึงปุ๋ยประสิทธิภาพสูงสามารถนำส่งธาตุอาหารตามที่พืชต้องการ

"เกษตรกรต้องการใช้ถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษควบคุมการสุกของผลไม้ ป้องกันแสงอาทิตย์และแมลงศัตรู เพื่อให้ผลไม้มีผิวสวยงามเป็นที่ต้องการของตลาด แต่เทคโนโลยีนาโนจะเพิ่มคุณสมบัติให้ถุงดังกล่าวสามารถป้องกันเชื้อราจากแบคทีเรีย และยืดอายุผลไม้ได้นานขึ้น 2 เท่าตัว เทคโนโลยีนาโนยังสามารถควบคุมการปลดปล่อยธาตุอาหารจากปุ๋ยให้ตรงกับความต้องการของพืช ทดแทนปุ๋ยนาโนจากต่างประเทศ คาดว่าความร่วมมือนี้จะก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า"

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า งานวิจัยด้านการเกษตรและเทคโนโลยีการผลิตพืช มีความหลากหลาย ตั้งแต่การปรับปรุงพันธุ์ แปรรูป เครื่องจักรกลในการเก็บเกี่ยว ทั้งหมดพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเกษตรกร ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ทั้งจากปัจจัยด้านสภาพอากาศ และความต้องการอาหารที่เปลี่ยนไป

"คุณภาพและความปลอดภัย เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ซึ่งเรามองว่าวัสดุห่อหุ้มผลไม้ในขั้นตอนการปลูกจนถึงขนส่งเพื่อนำไปขาย ที่สามารถป้องกันเชื้อรา แบคทีเรีย สาเหตุที่ทำให้ผลไม้เน่าเสียได้นั้น จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร ท่ามกลางมาตรการกีดกันทางการค้าที่อุตสาหกรรมเกษตรจำต้องเผชิญอยู่ ณ ปัจจุบัน"

ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตร มีศูนย์วิจัยกว่า 110 ศูนย์ทั่วประเทศ ซึ่งพร้อมประสานกับนักวิจัยของ สวทช. รวมถึง มองหาโจทย์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจริง เพื่อหาวิธีการแก้ไขร่วมกัน ตลอดจนผลักดันให้เกิดกลไกการทำงานที่ชัดเจน พร้อมทั้งนำผลงานต้นแบบที่ได้จากห้องปฏิบัติการไปขยายผลทดลองใช้ในพื้นที่จริง เช่น แปลงสาธิต ของศูนย์วิจัยทางการเกษตร เป็นต้น


www.bangkokbiznews.com/2010/07/13/news_31214105.php?news...
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/08/2010 8:35 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ไบโอ เทคโนโลยี ไทยต้องวิ่งให้ทัน ก่อนตกกระแสโลก

หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่ติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง คงจะได้เห็นลีลาของนักอ่านหนังสือตัวยงของพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะหลายครั้งที่นายกรัฐมนตรีผู้นี้ได้ออกมาวาดลวดลายแนะนำหนังสือน่าอ่านผ่านเวทีการประชุมคณะรัฐมนตรีให้กับบรรดารัฐมนตรีทั้งหลายไปอ่านเพื่อที่จะตามให้ทันกับกระแสโลก เปรียบเสมือนเป็นการจุดกระแสของการอ่านให้กับคนไทยทั้งประเทศด้วยเพราะดูจากยอดขายหนังสือแต่ละเล่มที่ท่านแนะนำก็จะมียอดขายดีทีเดียว และถ้าท่านเป็นหนึ่งในผู้ที่รักการอ่านและติดตามหนังสือที่ท่านทักษิณแนะนำคงจะไม่ลืมหนังสือเล่มนี้ ็ เมื่ออนาคต ไล่ล่า คุณิ หรือ AS THE FUTURE CATCHES YOU

หนังสือเล่มนี้ท่านนายกฯได้แนะนำให้คณะรัฐมนตรีต้องอ่านเป็นลำดับต้น ๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ และนาโนเทคโนโลยี สและหนังสือดังกล่าวได้มีการตีพิมพ์เป็นฉบับภาษาไทยในต้นปี 2546 สโดยผู้ที่เขียนหนังสือเล่มนี้คือ นายฮวน เอนริเกซ์ (Juan Enriqez)ผู้อำนวยการโครงการวิทยาศาสตร์ชีวภาพของ ฮาร์วาร์ดบิสเนสสคูล ซึ่งบุคคลผู้นี้มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าธุรกิจ และชีวิตทั่วไปในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนหากใครเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทันจะต้องสะดุดล้ม ในทางกลับกันหากใครเตรียมตัวดีก็หมายถึงก็จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล

หนังสือดังกล่าวอธิบายให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคตที่ สังคมจะต้องพึ่งความรู้มากขึ้น โดยเฉพาะความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งประเทศใดด้อยคุณภาพก็ไม่สามารถอยู่ในโลกของการแข่งขันได้ แต่ปัจจัยที่เปลี่ยนโลกไปมากคือความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่มาเป็นหนึ่งเดียวกับอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ กล่าวคือ เป็นความรู้ที่มีฐานพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง และความรู้ดังกล่าวนี่เองจะเป็นตัวตัดสินประเทศใดจะรุ่งเรืองหรือตกต่ำในอนาคต

เพียงไม่ถึงปีจะด้วยอิทธิพลของหนังสือดังกล่าวหรือไม่ก็ตามหรือเพราะต้องวิ่งตามกระแสโลก ก่อนสิ้นปี 2546 นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสิ่งท้าทายสำหรับประเทศไทยที่จะก้าวไปในอนาคตให้ทันด้วยการให้ความสำคัญกับ นาโนเทคโนโลยี ซึ่งหมายถึงเทคโนโลยีย่อส่วนที่จะจัดโครงสร้างอะตอมของสารใหม่ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยเนื่องจากเห็นว่าไทยมีศักยภาพทางด้านวัตถุดิบอยู่แล้วนั่นคือ เกษตรกรรม

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ "นายกฯ ทักษิณ คุยกับประชาชน"เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2546 ว่า ได้ กำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีทุกคนให้ความสำคัญกับ ็นาโนเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ย่อส่วน เป็นเทคโนโลยีที่ไปจัดโครงสร้างของอะตอมสารแต่ละอย่างใหม่ ทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจจะมีวัสดุบางอย่างที่แข็งกว่าเหล็กถึง 100 เท่า แต่มีน้ำหนักน้อยกว่าเหล็กถึง 6 เท่า และในอนาคตจะมีการสร้างอะไหล่ชิ้นส่วนของมนุษย์ เรียกว่า Bio Compatible Replacement คือมีการเปลี่ยนอะไหล่มนุษย์ด้วยเทคโนโลยี และสามารถชะลอความแก่ได้ โดยสิ่งที่เรียกว่า Artificial Red blood Cells

"ปกติมนุษย์นี่มันจะแก่ เพราะว่าเซลล์หยุดการเจริญพันธ์ หยุดการแตกตัว เขาก็เลยสร้างเซลส์ เม็ดเลือดแดงเทียมด้วยเทคโนโลยีนี้ ก็เทคโนโลยีนี้จะมาแรง มาเร็ว ซึ่งผมได้อ่านหนังสือเรื่อง The next big thing is really small เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก และระยะหลังนี่ หนังสือที่ออกมาพูดกันถึงเรื่องนาโนเทคโนโลยีทั้งนั้น เราต้องให้ความสำคัญ ไม่เช่นนั้นเราจะตกรถ เพราะเราเป็นประเทศหนึ่งที่มีเกษตรกรรม มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีเทคโนโลยีชีวภาพอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว ถ้าเอา 2 เทคโนโลยีนี้มารวมกัน ก็จะเกิดสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาติในอนาคต ไม่เช่นนั้นเราจะเป็นชาติที่ทำงานหนัก แต่ได้เงินน้อยอยู่เรื่อย เราต้องพัฒนาเทคโนโลยีไปด้วย"นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า จะต้องเอาจริงในเรื่องนาโนเทคโนโลยี โดยคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ จะต้องพิจารณาควบคู่กับเรื่องของศูนย์นาโนเทคโนโลยี เพื่อจะทำให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าทางด้านของเทคโนโลยีชีวภาพ กับนาโนเทคโนโลยีไปควบคู่กัน เพราะเป็นเทคโนโลยีที่เอามาผสมผสานกัน เพื่อให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้

เป้าหมายไทย สู่ 'ศก.ชีวภาพ'

ดังนั้นเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยในอนาคตต้องตกกระบวนของกระแสโลกรัฐบาลจึงได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาอย่างชัดเจนภายใต้การบริหารงานของทักษิณ ชินวัตร สโดยเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. สนายกฯในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สได้เห็นชอบในกรอบนโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ของประเทศ ตั้งแต่ปี 2547-2554 เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายระดับชาติ 6 ด้าน สประกอบด้วย

1.การมุ่งสร้างเศรษฐกิจชีวภาพสมัยใหม่
2.การสนับสนุนการเป็นครัวของโลก
3.ประชาชนมีสุขภาพดี และเป็นศูนย์กลางสุขภาพแห่งเอเชีย
4.รักษาสิ่งแวดล้อมและผลิตพลังงานสะอาด
5.สนับสนุนระบบเศรษฐกิจพอเพียง
6.สร้างกำลังคนด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่มีคุณภาพ

แนวทางและประเด็นเป้าหมายในการพัฒนา 6 ด้าน ในปี 2547-2554 โดย

เป้าหมายระดับชาติที่ 1 คือ ธุรกิจชีวภาพสมัยใหม่เกิดและพัฒนาโดยมีกลยุทธ์สำคัญ คือ การสร้างบรรยากาศและแรงจูงใจให้เกิดการร่วมทุนทางธุรกิจด้านเทคโนโลยีชีวภาพ รวมทั้งสนับสนุนการลงทุนวิจัยพัฒนานวัตกรรม ผลักดันให้มีกลุ่ม บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เป้าหมายระดับชาติที่ 2 ให้มีองค์ประกอบด้านเทคโนโลยีชีวภาพมากขึ้น ในกลุ่มคลัสเตอร์ ที่มีมูลค่าเพิ่ม โดยมุ่งรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร เพื่อขยายมูลค่าการส่งออกให้เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านล้านบาท (ประมาณ 3 เท่าของมูลค่าส่งออกปี 2545) และเพิ่มการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปให้มากขึ้นจากอันดับที่ 12 ให้เป็น 1 ใน 5 ของโลกในปี 2554

เป้าหมายระดับชาติที่ 3 เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยมีสังคมที่มีสุขภาพดีและเป็นศูนย์สุขภาพแห่งเอเชีย มีกลยุทธ์สำคัญ คือ เร่งการลงทุนวิจัยและพัฒนาโรคเขตร้อน และโรคทางพันธุกรรม ส่งเสริมให้ผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีมูลค่าสูงจากทรัพยากรในประเทศ ใช้นโยบายต่างประเทศในการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน สนับสนุนการจัดตั้งบริษัทใหม่ที่ผลิตชุดตรวจและธุรกิจบริการตรวจสอบพันธุกรรมภายในประเทศ

เป้าหมายระดับชาติที่ 4 เพื่อใช้เทคโนโลยีชีวภาพรักษาสิ่งแวดล้อมและผลิตพลังงานสะอาดนั้น มีกลยุทธ์สำคัญ คือ การปรับปรุงกฎหมายและข้อกำหนดให้เอื้อต่อการลงทุนบำบัดของเสีย กำหนดมาตรการบังคับใช้ให้ผลตอบแทนธุรกิจที่สามารถลดของเสียและใช้พลังงานทดแทน รวมถึงกำหนดมาตรการทางการเงินและภาษีเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนเปลี่ยนของเสียให้เป็นพลังงาน ส่งเสริมการพัฒนา และการใช้ปุ๋ยชีวภาพ แทนการใช้สารเคมี

เป้าหมายระดับชาติที่ 5 เพื่อใช้เทคโนโลยีชีวภาพ เป็นปัจจัยสำคัญของเศรษฐกิจพอเพียง มีกลยุทธ์สำคัญ คือ การเพิ่มคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าชุมชน ใช้เทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก ในการเพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชน พัฒนาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ รวมทั้งอนุรักษ์แหล่งทรัพยากรและนำทรัพยากรมาใช้อย่างยั่งยืน

เป้าหมายระดับชาติที่ 6 สมุ่งพัฒนาระบบการสร้างกำลังคนที่มีคุณภาพ มีกลยุทธ์สำคัญ คือ การจัดทำทำเนียบนักวิจัยชั้นนำ 5,000 คนแรก สร้างภาวะดึงดูดการทำงานวิจัยและพัฒนาโดยการสร้างเมืองและชุมชนวิจัย เช่น อุทยานเทคโนโลยีชีวภาพ สร้างเส้นทางนักวิจัยอาชีพ และชักจูงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพต่างประเทศให้มาทำวิจัย และพัฒนาในไทยในสาขาที่ขาดแคลน

สำหรับคณะทำงานที่จะเข้ามาดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย 6 ข้อดังกล่าว คือ
1.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านการพัฒนาธุรกิจชีวภาพ โดยมีนายสมพงษ์ วนาภา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นประธาน
2.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านอาหารและการเกษตร มีนายกรพจน์ อัศวินวิจิตร เป็นประธาน
3.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านสุขภาพ มี ดร.พรชัย มาตังคสมบัติ เป็นประธาน
4.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านสิ่งแวดล้อม และพลังงานสะอาด มี น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รมว.พลังงาน เป็นประธาน
5.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจพอเพียง มี ศ.น.พ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน และ
6.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านการพัฒนากำลังคน มี ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ เป็นประธาน

แผนการพัฒนาประเทศไทยดังกล่าวนับเป็นความท้าทาย เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ได้เริ่มนับหนึ่งแล้วและพร้อมที่จะขับเคลื่อนแรงมากขึ้นเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี แต่ไทยยังขาดปัจจัยเกื้อหนุนหลายด้าน และที่สำคัญสุดคือ ระบบการศึกษา ที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่เอื้ออำนวยเท่าใดนัก แต่ถ้าไทยไม่เริ่มต้นวันนี้มีหวังตกกระบวนแน่


www.biothai.net/news/4560 -
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/08/2010 8:40 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Smart Farm - ยุคใหม่ของเกษตรโลก

ประเทศไทยยังเป็นประเทศเกษตรกรรม ถึงแม้ปัจจุบันสินค้าอุตสาหกรรมจะกลายมาเป็นสินค้าหลักในการส่งออกก็ตาม แต่อาชีพของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ก็ยังคงตั้งอยู่บนรากฐานของ “ทรัพย์ในดินสินในน้ำ” มาแต่ไหนแต่ไร แต่น่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่งว่า งานวิจัยส่วนใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์ไทย กลับไม่ได้เกื้อหนุนต่ออาชีพนี้เท่าไรนัก งานวิจัยทางการเกษตรของไทยในปัจจุบันไม่ได้ก้าวตามโลกที่ได้ข้ามไปสู่ยุคไอที – จีโนม – นาโน ไปหลายปีแล้ว ทั้งนี้เพราะประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลายต่างก็กำลังขะมักเขม้นกันทำวิจัยในศาสตร์ที่จะทำให้เกษตรกรรมของศตวรรษที่ 21 เป็นอาชีพสุดแสนจะไฮเทค ด้วยการนำเทคโนโลยีผสมผสานต่างๆ ทั้ง คอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ ไอที สื่อสาร เซ็นเซอร์ เทคโนโลยีชีวภาพ รวมทั้งนาโนเทคโนโลยี เข้ามาช่วยในการทำให้ ไร่นา ฟาร์มเกษตรทั้งหลาย ให้กลายมาเป็นที่ทำงานสุดไฮเทค ศาสตร์ที่จะช่วยทำให้ฟาร์มธรรมดาๆ กลายมาเป็น ฟาร์มอัจฉริยะ (Smart Farm หรือ Intelligent Farm) นี้ได้รับการขนานนามว่า Precision Agriculture Precision Agriculture หรือ Precision Farming ภาษาไทยยังไม่มีการบัญญัติศัพท์ เพราะยังไม่มีการทำวิจัย หรือ นำมาใช้กันอย่างกว้างขวาง จึงขอเรียกมันว่า เกษตรกรรมความแม่นยำสูง ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากใน ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ออสเตรเลีย และเริ่มแพร่หลายเข้าไปในหลายประเทศ ทั้งยุโรป ญี่ปุ่น แม้กระทั่งประเทศเพื่อนบ้าน ของเราอย่าง มาเลเซีย ก็มีการทำวิจัยทางด้านนี้ หรือไกลออกไปอีกนิดอย่างอินเดียก็ทดลองใช้เทคโนโลยีนี้กันอย่างกว้างขวาง จึงมีความจำเป็นที่ประเทศไทย จะต้องเริ่มให้ความสนใจในเรื่องนี้ให้มากขึ้น เพราะย่านนี้เป็นย่านของเกษตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นพม่า ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม มิฉะนั้นในอนาคตอันใกล้นี้เมื่อเทคโนโลยีเกษตรความแม่นยำสูง ถูกนำไปใช้เชิงพาณิชย์เมื่อไหร่ ประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสในการส่งออกเทคโนโลยีเหล่านี้ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกำลังมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ในประเทศมาเลเซียเอง มีการนำ Precision Farming มาใช้ดูแลสวนปาล์มขนาดใหญ่ ทำให้มีผลผลิตสูง จริงๆแล้วประเทศไทยเองมีพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่กว่าเสียอีก ทั้งยังมีความหลากหลายทางพืชพันธุ์เหลือคณา ได้เปรียบเขาหลายๆ อย่าง จึงน่าจะมีการวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยีนี้ให้มีความก้าวหน้ากว่าเขาให้ได้



(ภาพบน - เกษตรกรกำลังนั่งจิบไวน์มองฟาร์มของพวกเขา เซ็นเซอร์ต่างๆที่ติดตั้งอยู่ในฟาร์มกำลังเก็บข้อมูล ดิน น้ำ ฟ้า ฝน และตัดสินใจเปิด-ปิดน้ำ ให้ปุ๋ย หรือ ออกคำสั่งให้รถเก็บเกี่ยวออกไปทำงานเอง อาชีพเกษตรกรที่เคยต้องหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน กลับผันเปลี่ยนไปเป็น หลังนวดสปาหน้าดูจอ เทคโนโลยี Precision Farming กำลังจะทำให้อาชีพเกษตรกรรมกลายมาเป็นอาชีพที่มีความสุขที่สุดในโลก)


gotoknow.org/blog/smart-farm/192485 -
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/08/2010 8:45 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ปุ๋ยนาโนเทค ประสิทธิภาพสูงไร้สารตกค้าง

ดร.วิยงค์ กังวานศุภมงคล นักวิจัยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) กล่าวว่า หลังจากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกรมวิชาการเกษตร และผู้ประกอบการอ้อยและกล้วยไม้ ที่ประชุมตกลงคัดเลือกอ้อยและกล้วยไม้เป็นพืชนำร่องสำหรับปุ๋ยรุ่นใหม่ที่ควบคุมการปลดปล่อยสารเคมีส่งถึงพืชได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

“จากการจัดเวิร์คช็อปเมื่อเดือนพฤษภาคม ผู้ประกอบการและเกษตรกรประสงค์ให้มีงานวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับระบบควบคุมการปล่อยปุ๋ยสำหรับอ้อยและกล้วยไม้ ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญเป็นอันดับต้น เพื่อเสริมศักยภาพในการส่งออกผลิตผลจากพืชทั้งสองชนิดและลดการนำเข้าปุ๋ยที่มีเทคโนโลยีดังกล่าวจากต่างประเทศในราคาแพง" นักวิจัย กล่าว

ที่ผ่านมา กล้วยไม้และอ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจที่ส่งออกจำนวนมาก การเพาะปลูกยังต้องใส่ปุ๋ยบำรุงต่อการปลูกมากกว่า 1 ครั้ง และเกิดโอกาสสูญเสียสารเคมีไปกับดินมากกว่าต้นไม้ ขณะที่ต้นไม้ดูดซึมปุ๋ยได้น้อย

นักวิจัย กล่าวต่อว่า การพัฒนาเทคโนโลยีควบคุมการปลดปล่อยปุ๋ยคาดจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปีเป็นอย่างต่ำ ในการพัฒนารูปแบบที่จะใช้ โดยวางแผนพัฒนาเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบขึ้นรูปปุ๋ยพร้อมกับวัสดุดูดซึม และแบบใช้วัสดุดูดซึมเป็นตัวห่อหุ้มปุ๋ย เพื่อให้ได้ปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพสูงแข่งขันกับต่างประเทศได้

หลังจากนั้นทีมวิจัยและพัฒนามีกำหนดลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากภาคเกษตรกรเกี่ยวกับชนิดของปุ๋ย สภาพดิน อุณหภูมิ เพื่อเป็นข้อมูลปรับปรุงปุ๋ย ทดสอบสมบัติและนำไปทดสอบใช้ในแปลงสาธิตให้มีคุณภาพสูงสุด

ดร.วิยงค์ กล่าวว่า หากงานวิจัยดังกล่าวประสบความสำเร็จจะเป็นทางเลือกในการเพาะปลูกอ้อยและกล้วยไม้ให้กับเกษตรกรและผู้ค้าปลีกของไทย ช่วยลดการนำเข้าปุ๋ยสูตรควบคุมการปลดปล่อยจากต่างประเทศที่ปัจจุบันมีราคาสูงมาก

ห้องปฏิบัติการที่ร่วมวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ห้องปฏิบัติการโครงสร้างนาโนไฮบริดและนาโนคอมพอสิต และห้องปฏิบัติการระบบนำส่ง ในสังกัดศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ รวมถึงกรมวิชาการเกษตรรับหน้าที่ช่วยตรวจสอบคุณภาพของปุ๋ยให้ได้ตามมาตรฐานที่มีอยู่ ก่อนส่งไปทดสอบในแปลงสาธิตเพื่อดูประสิทธิภาพของปุ๋ยในขั้นตอนสุดท้าย

ดร.อภิชัย ดาวราย นักวิชาการจากภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มองว่า แนวโน้มในอนาคตภาคเกษตรกรรมมีต้องการใช้สารเคมีเพาะปลูกมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการบริโภคของประชากรโลก โดยพัฒนาการของสารเคมีในอนาคตจะเน้นไปที่ความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และมีประสิทธิภาพในการทำลายศัตรูพืชที่จำเพาะเจาะจง รวมถึงสลายตัวได้เร็วไม่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมรอบนอกหรือการส่งออก

“ต่อไปเราจะหาปุ๋ยที่มีการพัฒนาสูตรขึ้นใหม่ยาก เพราะต้องใช้เวลาพัฒนานานมากกว่า 5 ปีกว่าจะได้ปุ๋ยแต่ละชนิดที่มีประสิทธิภาพพร้อมใช้งานจริง สิ่งที่จะเห็นต่อไปเป็นการนำปุ๋ยสูตรเดิมไปปรับคุณสมบัติ เช่น การนำสารเคมี 2-3 ชนิดที่มีอยู่มาผสมเป็นผลิตภัณฑ์เดียว เพื่อลดจำนวนครั้งในการใส่ปุ๋ยและเกิดความคุ้มค่าที่สุด" นักวิชาการด้านเกษตรกล่าว

สำหรับการจัดเวิร์คช็อปครั้งที่ 2 กำหนดขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายน เพื่อระดมความคิดในการกำหนดทิศทางเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่นำมาใช้พัฒนาปุ๋ยสำหรับอ้อยและกล้วยไม้ให้มีประสิทธิภาพสูง ตลอดจนเทคโนโลยีที่มีการใช้งานอยู่เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจ

ขอขอบคุณเนื้อหาจาก http://www.bangkokbiznews.com


www.trueplookpanya.com/true/othersListDetail.php?cat_id=52... -
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/08/2010 8:51 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เกษตรกรรมความแม่นยำสูง

เกษตรกรรมความแม่นยำสูง เป็นที่นิยมกันมากใน ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ออสเตรเลีย และเริ่มแพร่หลายเข้าไปในหลายประเทศ ทั้งยุโรป ญี่ปุ่น แม้กระทั่งประเทศเพื่อนบ้าน ของเราอย่าง มาเลเซีย ก็มีการนำ Precision Farming มาใช้ดูแลสวนปาล์มขนาดใหญ่ ทำให้มีผลผลิตสูง ประเทศไทย มีพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ มีความหลากหลายทางพืชพันธุ์ ได้เปรียบเขาหลายๆ อย่าง จึงน่าจะมีการวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยีนี้ให้มีความก้าวหน้า Precision Agriculture เกิดจากแนวคิดที่ว่า พืชพันธุ์ที่ปลูก และ สภาพล้อมรอบ (ดิน น้ำ แสง อากาศ) ในไร่นา มีความแตกต่างกัน ในแต่ละบริเวณ แม้จะอยู่ในไร่เดียวกันก็ตาม สภาพล้อมรอบที่แตกต่างนี้ มีผลให้การเกิดผลผลิต แตกต่างกันได้ ดังนั้นการปรับการดูแลให้เหมาะสมกับ สภาพที่แตกต่างนั้น จะทำให้สามารถสร้างผลผลิต อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ปัญหาก็คือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าความแตกต่างนั้นมีจริง แล้วจะวัดอย่างไร หรือเมื่อรู้แล้ว เราจะนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างไร รวมไปถึงจะบริหารจัดการอย่างไร นาโนเทคโนโลยีสามารถเข้ามาช่วยในงานของ เกษตรกรรมความแม่นยำสูงหลายๆ ด้าน ตั้งแต่เรื่องของ เซ็นเซอร์ตรวจวัด การควบคุมการปลดปล่อยปุ๋ย และ ยาฆ่าแมลงด้วยความแม่นยำสูง บรรจุภัณฑ์ทางการเกษตร การตรวจวัดความสด การควบคุมความสดอาหาร ป้ายอิเล็กทรอนิกส์เก็บข้อมูลสินค้า เป็นต้น


แรงจูงใจหรือแรงผลักดัน ที่ทำให้ประเทศไทยต้องหันมาสนใจวิถีแห่งเกษตรกรรมความแม่นยำสูง ในปัจจุบันและอีกไม่นานต่อจากนี้ ก็คือ สภาพสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมถอย จากการเกษตรที่ขาดข้อมูลความเชื่อมโยง ระหว่างกิจกรรมในไร่นา กับสภาพแวดล้อมที่ถูกกระทบ ราคาพืชผลทางการเกษตรที่แปรเปลี่ยนตามปริมาณผลผลิต ซึ่งขาดความสามารถในการคาดการณ์ล่วงหน้า สภาวะการกระจายตัวและพฤติกรรมของประชากรที่เปลี่ยนไป ทำให้แรงงานภาคการเกษตรขาดแคลน หรือขาดคุณภาพ รวมไปถึงสภาวะโลกร้อนที่ทำให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไป จนภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดมาหลายชั่วคนสำหรับใช้ในการดำรงชีวิต และใช้ตัดสินใจในการดำเนินกิจกรรมในไร่นา เริ่มใช้ไม่ได้ผล หรือมีความสุ่มเสี่ยงมากขึ้น เหล่านี้ทำให้การทำการเกษตรในอนาคตข้างหน้า ต้องวางอยู่บนพื้นฐานของข้อมูล และสภาพล้อมรอบที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเรียลไทม์มากขึ้น จะว่าไปแล้วเกษตรกรรมความแม่นยำสูง สามารถทำได้ง่ายกับฟาร์มหรือไร่นาขนาดเล็กด้วยซ้ำไป ซึ่งก็เป็นลักษณะของเกษตรกรรมในประเทศไทย แม้แต่ในประเทศกำลังพัฒนาก็สามารถทำได้ เช่น การทำสวนชาใน Tanzania และ Sri Lanka

ติดตามเพิ่มเติมที่ http://nanotech.sc.mahidol.ac.th/i-sense/precision_farming.html


smart-farm.blogspot.com/2008/07/precision-agriculture.html -
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/08/2010 8:55 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

'ดร.วีระชัย' ชูนโยบายวิทยาศาสตร์เพื่อเกษตร

ดร.วีระชัย วีระเมธีกุล รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยภายหลังการประชุมให้นโยบายกับผู้บริหารสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ว่า โครงการที่ต้องทำทันทีและงานที่จะต้องผลักดันเร่งรัดติดตาม ล้วนอยู่ในกรอบนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเน้นการเพิ่มขีดความสามารถเป็น หัวใจหลัก วิทยาศาสตร์จะเข้าไปรองรับความต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชุมชนหรือเอกชน โดยจะเป็นตัวแก้ปัญหาหรือเสริมมูลค่าให้ผลผลิตของประเทศไทย

ประเทศไทยจะพัฒนาก้าวกระโดดไปได้ต้องใช้เทคโนโลยีก้าวกระโดด เช่น นาโนเทคโนโลยี ไบโอเทคโนโลยี มาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม หรือแม้แต่เรื่องปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภัยแล้งก็จะนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเพื่อช่วย สนับสนุนการเกษตร เช่น ข้าวที่ทนสภาพแล้งได้ดีหรือทนดินเค็มได้ดี รวมถึงปุ๋ยนาโนที่จะควบคุมการปล่อยสารอาหารออกมาในเวลาที่ต้องการได้ เป็นต้น

รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มงานด้านอาหารและการเกษตรนั้น สวทช. มีหลายงานที่นับว่าโผล่พ้นน้ำแล้ว โดยตนจะเข้าไปช่วยเสริมให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของชาติ เช่น สวทช. มีองค์ความรู้เรื่องการวิจัยพัฒนาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์และปรับปรุงพันธุ์ตลอด จนขยายพันธุ์ “กุ้งกุลาดำ” อยู่แล้วนั้น ตนจะให้ขยายมาพัฒนาพันธุ์ “กุ้งขาว” ด้วย เนื่องจากกุ้งขาวราคาไม่สูง และปัญหาเรื่องโรคน้อยกว่า นอกจากนี้ได้ขอให้ สวทช.เน้นเพิ่มงานยุทธศาสตร์เรื่องความปลอดภัยของอาหาร และกระบวนการผลิตที่จะส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในอนาคต เช่นเดียวกับงานวิจัยพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับยางพารา ควรพยายามให้สอดคล้องกับแผนระดับชาติหรือการ ต่อยอด

นอกเหนือจากนี้ สวทช. ยังมีองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีดีเอ็นเออย่างมาก อาทิ องค์ความรู้ด้านพันธุกรรมมาพัฒนาปาล์มน้ำมันให้ได้ทะลายพันธุ์ดี โดยใช้เทคโนโลยีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อโดยไม่ทำลายต้นแม่ และไม่กลายพันธุ์ก็เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว แต่ได้ขอให้เพิ่มเติมในเรื่องการเสาะหาพืชหรือสัตว์พันธุ์ดีจากทั่วโลกและหา วิธีปรับปรุงพันธุ์เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทยด้วย เนื่องจากประเทศไทยมีนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งอยู่แล้ว ส่วนตนจะมาทำหน้าที่ช่วยเสริมโดยอาศัยประสบการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งจะดูแลเรื่อง งบประมาณ และจะช่วยประสานบูรณาการกับกระทรวงหรือหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาและความก้าวหน้าที่ดียิ่งขึ้นไป.

soclaimon.wordpress.com/2010/07/30/ดร-วีระชัย-ชูนโยบายวิทย/ -
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©