-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - การปลิดผลและการห่อผลมะม่วง
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

การปลิดผลและการห่อผลมะม่วง

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
hearse
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 08/01/2010
ตอบ: 110

ตอบตอบ: 08/08/2010 10:35 am    ชื่อกระทู้: การปลิดผลและการห่อผลมะม่วง ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

มะม่วงจัดได้ว่าเป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่สำคัญอันดับต้นๆของประเทศไทย เดิมปลูกเพื่อบริโภคภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันการปลูกมะม่วงของเกษตรกรไทยมุ่งส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม เกาหลีใต้ แอฟริกา รัสเซีย จีน สหภาพยุโรป ภายใต้ระบบการผลิตตามมาตรฐานการส่งออก พันธุ์มะม่วงที่สามารถส่งออกได้ เช่น น้ำดอกไม้เบอร์ 4 น้ำดอกไม้สีทอง หนังกลางวัน มหาชนก และแรด ส่วนปริมาณการส่งออกของมะม่วงแต่ละพันธุ์ขึ้นอยู่กับความต้องการของประเทศนั้นๆ

พื้นที่ปลูกมะม่วงในประเทศไทยประมาณ 2 ล้านไร่ มีบริษัทส่งออกถึงประมาณ 30 บริษัท ถึงแม้จะมีพื้นที่ปลูกและปริมาณมาก แต่มะม่วงที่มีคุณภาพดี ตรงตามมาตรฐานมีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอต่อการส่งออก เฉพาะประเทศญี่ปุ่นประเทศเดียวต้องการมะม่วงถึง 1 หมื่นตัน แต่ไทยสามารถส่งได้เพียง 1,500 ตันเท่านั้น

อย่างไรก็ตามเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง จำเป็นจะต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเทคนิคและวิธีการผลิตมะม่วงให้ได้คุณภาพตรงตามมาตรฐานที่แต่ละกลุ่มกำหนดไว้ และจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องรวมกลุ่มกันผลิตมะม่วงเพื่อที่จะบริหารจัดการด้านการผลิต การควบคุมคุณภาพและปริมาณผลผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปลอดภัยของผู้บริโภคและผู้ผลิต เช่น สารเคมีตกค้างและสารเคมีที่ห้ามใช้ในกระบวนการผลิต จึงจะประสบความสำเร็จในการผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออกอย่างมืออาชีพ สามารถยกระดับความเป็นอยู่และเศรษฐกิจของครอบครัวให้มั่นคง สามารถแข่งขันกับการตลาดภายใต้การค้าเสรีอย่างยั่งยืน และทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยพัฒนาเจริญก้าวหน้าต่อไปได้


การปลิดผล
ให้ปลิดผลออกก่อนการห่อผล จำนวน 3 ครั้ง

ครั้งที่ 1 ...... เมื่อผลมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ (ประมาณ 20 วันหลังติดผล) โดยเลือกปลิดผลที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ออก ได้แก่ ผลกระเทย ผลไม่ได้รูปทรง ผลบิดเบี้ยว และผลที่เบียดกัน อย่างไรก็ตาม ผลเหล่านี้สามารถขายได้ 13 บาทต่อ กก. นับเป็นผลขนาดเล็กสุดที่ปลิดออกในช่วงพฤศจิกายน-ต้นธันวาคม

ครั้งที่ 2 ...... ประมาณ 30 วันหลังติดผล ได้แก่ ผลกระเทย ผลบิดเบี้ยว ผลผิดรูปทรง ผลสีเขียวคล้ำ (ผลที่สมบูรณ์จะมีสีเขียวอ่อน) ผลขนาดลูกปิงปองขึ้นไป (เรียกลูกใหญ่) ขายได้ 3 บาทต่อ กก.

ครั้งที่ 3 ...... ซอยผลให้ห่าง กรณีช่อที่มีผลอยู่ห่างกัน เหลือไว้ไม่เกิน 2 ผลต่อช่อ (ผลลาย ผิวมีรอยขีด ผลต่อช่อมากเกินไป) ผลใหญ่ขายได้ 3 บาทต่อ กก. (มะม่วงยำ)

การปลิดผล ให้ระวังเรื่องยางเปื้อนผลที่ไม่ตัดออก ด้วยการพยายามปลิดผลในช่วงบ่าย ซึ่งจะมียางน้อยกว่าช่วงเช้า และใช้กระดาษชำระซับน้ำยางไว้ กรณีฝากท้อง ไว้ผลรอบสุดท้าย ไม่เกิน 5 ผลต่อช่อ (ปลิดผลกระเทย บิดเบี้ยว ผลที่ติดกันออก)

การไว้ผลต่อช่อ จะอิงตลาดปลายทางเป็นเกณฑ์ หากส่งผลสด ต้องการผลขนาดเล็ก (280-450 กรัมต่อผล) จะไว้ผลต่อช่อมากกว่าส่งเพื่อทำมะม่วงแช่แข็ง ที่ต้องการผลขนาดใหญ่ (330 กรัมต่อผล ขึ้นไป)


การห่อผล
วัสดุห่อผล ทั้งน้ำดอกไม้เบอร์ 4 และน้ำดอกไม้สีทอง ใช้ถุงกระดาษคาร์บอน 2 ชั้น ข้อดีคือ สีผิวผลมะม่วงจะขึ้นสีเหลืองดี แม้ห่อเมื่อผลแก่ คุณสมบัติของถุงห่อผล ควรเลือกถุงกระดาษสีน้ำตาลด้านนอก เหนียวไม่ยุ่ยเมื่อถูกน้ำ หนา มัน นุ่มไม่กระด้าง กระดาษคาร์บอนด้านในหนา ถุงมีลวดโผล่ และลวดแข็ง เมื่อพับลวดพันก้านผลแล้วไม่คลายตัวออก ลวดที่โผล่ออกมาควรจะอยู่ด้านซ้ายของถุง จะสะดวกกว่าอยู่ด้านขวา และลวดที่โผล่ออกมายาวจะดีกว่าลวดไม่โผล่หรือโผล่ออกมาสั้น แนะนำ ถุงชุนฟง (ถ้าเก็บรักษาดีใช้ได้ถึง 5 ครั้ง) ราคา 1.30 บาทต่อถุง

ระยะการห่อในมะม่วงแต่ละพันธุ์ เริ่มห่อผลตั้งแต่ระยะขนาดไข่ไก่ คือ มีความยาวผลประมาณ 13-15 เซนติเมตร (ผลกว้าง 3 เซนติเมตร) โดยตัดแต่งช่อผลก่อนห่อ อธิบายว่าถ้าห่อผลในระยะที่เล็กกว่านี้ การร่วงของผลยังเกิดขึ้นมาก เนื่องจากพื้นที่โดยทั่วไปมีสภาพแห้งแล้งและร้อนจัด



วิธีการห่อ
ต้องพ่นสารเคมีก่อนห่อ เทคนิคการห่อผล มีให้เลือก 2 วิธี ดังนี้

1...... จีบรูดปากถุงไว้ตรงกลาง ข้อดีคือ มัดได้แน่น กันเพลี้ยแป้งเข้าไปในถุงได้ดีกว่าแบบพับ จุดอ่อนคือ เก็บถุงไว้ใช้ต่อไม่ค่อยดี เพราะถุงจะยับมาก

2...... พับขอบถุงทั้งสองด้านมาประกบกันที่ตรงกลาง ข้อดีคือ ถุงไม่ยับ เก็บไว้ใช้ครั้งต่อไปได้ดี ห่อได้เร็ว จุดอ่อนคือ ลวดมัดไม่แน่น ประโยชน์ที่ได้รับ ป้องกันลมพัดผลไปกระแทกกับกิ่ง ป้องกันโรคที่อยู่ในอากาศ ป้องกันแมลงที่อยู่ด้านนอกถุง ทำให้ผิวไม่ลาย เป็นสีเหลืองสม่ำเสมอ



การเก็บเกี่ยว
หลังห่อผลพ่นสารเคมี 2 ครั้ง จากนั้นใช้การนับวันเป็นดัชนีการเก็บเกี่ยว ประมาณ 120 วันหลังดึงดอก เมื่อถึงกำหนดให้สุ่มเปิดดูเป็นระยะ ดูสีผิวผลเรียบเนียนมีนวล (ขึ้นสี) อกเต็ม แก้มอูม สะดือเรียบ ปลายผลพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองมีสีเหลืองเข้มขึ้น แล้วสุ่มไปจมลอยในน้ำ ต้นละ 1 ผล ประมาณ 5 ต้น เมื่อผลจมดิ่ง ตะแคง นิ่ง ไม่กระดก เป็นระยะที่เก็บเกี่ยวได้ (ความแก่ของผล 80-90% สำหรับผลแช่แข็ง) ประมาณ 130-140 วันหลังดึงดอก และสามารถเก็บต่อเนื่องไปได้ถึง 15 วัน

หากมีฝนตก สามารถยืดเวลาการเก็บออกไปได้อีก เนื่องจากอากาศเย็น หากอากาศร้อนจัดผลจะแก่เร็วขึ้น ระยะการเก็บเกี่ยวจะสั้นลง

วิธีการเก็บ
เตรียมอุปกรณ์ เช่น ตะกร้า บันได กรรไกร รถบรรทุก (ควรควบคุมความสูงของต้นให้ไม่เกิน 2.5 เมตร) เด็ดที่โคนช่อผล เนื่องจากเด็ดง่าย ยางไม่ไหลเปื้อนผล ถือง่าย แล้ววางลงตะกร้าทั้งถุงห่อ ขนไปโรงคัดบรรจุแล้วถอดถุง ตัดขั้วผลให้เหลือยาว 3-5 ซม. (เป็นระยะที่ยางไม่ไหล) พร้อมคัดแยกเกรด

รอบที่ 1 (เรียกว่า “แยกหยาบ”) ได้ผลที่จำหน่ายได้กับผลตกเกรด (เน้นที่ขนาดผลตามที่บริษัทส่งออกกำหนด)

รอบที่ 2 คัดแยกเกรดที่จะส่งชมรมฯ หากมีผลที่มีรอยเปื้อนเช็ดให้สะอาด จัดใส่ตะกร้าที่บุกระดาษหนังสือพิมพ์ทั้ง 4 ด้าน รองแต่ละชั้น บรรจุ 3 ชั้น


สารเคมีที่ห้ามใช้
1. Cypermethrin ไซเปอร์เมทริน
2. Abamectin อะบาเม็คติน
3. Dinotefuran ไดโนทีฟูแรน
4. Carbosulfan คาร์โบซัลแฟน
5. Chlorpyrifos คลอไพรีฟอส
6. Propiconazole โพรพิโคนาโซล

สารเคมีที่ทางประเทศญี่ปุ่นกำลังเฝ้าระวัง
1. Tetraconazole เตตระโคนนาโซล
2. Pirimiphos-methyl พิริมิฟอสเมทธิล
3. Piracolestrobin ไพราโคลสโตรบิน
4. Lamda-Cyhalothrin แลมป์ด้าไซฮโลทริน
5. Thiamethoxam ไธอะมีโทแซม

ขนาดของผลมะม่วงเพื่อส่งออกประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
2 S ............ 225 – 249 กรัม
S ............... 250 – 279 กรัม
M ............... 280 – 329 กรัม
L ............... 330 – 379 กรัม
2 L ............. 380 – 449 กรัม
3 L ............. 450 กรัมขึ้นไป


ที่มา :
1.ธวัชชัย รัตน์ชเลศ ศูนย์วิจัยเพื่อเพิ่มผลผลิตทางเกษตร คณะ เกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
2.ชมรมผู้ปลูกมะม่วง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©