-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - เด็กไทยขาด "จินตนาการและความอยากรู้อยากเห็น"
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

เด็กไทยขาด "จินตนาการและความอยากรู้อยากเห็น"

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
Aorrayong
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 30/07/2009
ตอบ: 869

ตอบตอบ: 28/07/2010 7:11 am    ชื่อกระทู้: เด็กไทยขาด "จินตนาการและความอยากรู้อยากเห็น" ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แปลกดีที่สองสามวันมานี้ ได้มีโอกาสคุยกับบุคคลที่มีโอกาสพบเจอแล้วพูดกันถึงเรื่องอนาคตลูกหลานเรา ว่าเด็กส่วนใหญ่
ไม่ยอมเรียนหนังสือ เอาแต่สนุกสนานเฮฮา ดูทืวี เล่นเกมส์ ทำให้หวนนึกถึงช่วงที่ตัวเองอยู่ในวัยเด็ก
อยู่ในสวนใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ
ของเล่นก็หาในระแวกสวน สิ่งที่ได้นอกจากความสนุกสนานคือ ธรรมชาติช่วยหล่อหลอมทำให้เราเกิดจินตนาการ

ส่วนเด็กสมัยนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่หน้าจอ ทีวี และจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นปัญหาทำให้เด็กขาดจินตนาการ ขาดความอยากรู้อยากเห็น

"ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง" อาจารย์ได้พูดถึงประเด็นนี้เช่นกัน

อาจารย์บอกว่า เด็กสมัยนี้ขาดจินตนาการและความอยากรู้อยากเห็น การเรียนในระดับมหาวิทยาลัย
ก็เรียนเพื่อเอาเกรด ไม่ได้เอาความรู้



ในเมื่อพวกเค้าคือ อนาคตที่ต้องสืบทอดแนวคิดจากพวกเรา จะเกิดอะไรขึ้นกับ "ทายาทเกษตรรุ่นต่อจากเรา"

ทุกวันนี้ กว่าเราจะปรับทัศนคติรุ่นพ่อรุ่นแม่เราสำเร็จก็ลำบากแสนเข็ญแล้ว ยังต้องมาเจอรุ่นลูกรุ่นหลานที่เรียกว่าเป็น “ลูกเทวดา” ก็คงไม่ผิดอะไร
หรือว่าเราควรจะกล่าวโทษผู้ใหญ่ ที่ไม่เห็นความสำคัญในการจัดการหรือแก้ปัญหา “ระบบการศึกษาของไทย”


คนแก่...ขี้บ่น
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Aorrayong
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 30/07/2009
ตอบ: 869

ตอบตอบ: 28/07/2010 7:15 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ที่มา คัดลอกจาก http://www.naewna.com/news.asp?ID=217548

"สร้าง สังคมแห่งการเรียนรู้" ทางเลือก-ทางรอด การศึกษาไทย (สกู๊ปแนวหน้า)

หากเปรียบเทียบเป็น"คน" ต้องบอกว่าเป็น "คนไข้อมโรค" เจ็บป่วยออดๆแอดๆ มาร่วม 1 ศตวรรษสำหรับ
"ระบบการศึกษาของไทย" ที่เจอสารพันปัญหารุมเร้ามาเนิ่นนาน

แม้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามระดมทั้ง "เงิน"และ"แรง" หัดให้เด็กไทยฝึกคิดวิเคราะห์ มากกว่าการท่องจำ
เร่งพัฒนาคุณภาพบุคลากรทางการศึกษา แต่ถึง ณ เวลานี้ ต้องยอมรับว่ายังไม่

เห็นผลงานที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมมากนัก

เมื่อเร็วๆนี้มีการจัดประชุม"กำหนดยุทธศาสตร์การส่งเสริมสังคมแห่งการเรียน รู้และคุณ ภาพเยาวชน" ที่โรงแรมสยามซิตี
ถ.ศรีอยุธยา ภายในงานมีผู้ทรงคุณวุฒิมากมายมาให้ข้อคิดที่น่า สนใจยิ่งเกี่ยวกับระบบการศึกษาเมืองไทย

ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส บอกว่า การศึกษาเป็นการปฏิรูปที่สำคัญที่สุด ประเทศไทยที่เรียกว่า
วิกฤติสุดๆ แบบไม่มีทางไปในทุกด้านนั้น เพราะสังคมไทยมีความซับซ้อน เชื่อมโยง คนไทยยังขาดวัฒนธรรมทางปัญญา
เพราะเราอยู่ในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีภัยธรรมชาติน้อย ทำให้เรานั่งนอนเก็บเกี่ยวทรัพยากร โดยที่ไม่มีการพัฒนาทางปัญญา


หมอประเวศบอกว่า ปัญหาใหญ่ของการศึกษา คือ "การคิดแบบมิติเดียว" โดยแยกการ ศึกษา ออกจากการเรียนรู้
การใช้ชีวิตจริงในท้องถิ่น ตัดขาดจากวัฒนธรรมทางสังคม โดยยึดติดกับระบบที่ใช้ครู ห้องเรียนเป็นตัวตั้ง เด็กจึงเป็นแต่ผู้รับ
ทำให้เด็กเกิดความเบื่อหน่ายในการเรียน

"เรามีทรัพยากร ในการเรียนรู้อยู่ในชีวิตจริง แต่ขังเด็กให้อยู่ในห้องเรียน ตัดขาดกับการปฏิ สัมพันธ์ กับกระบวนการใช้ชีวิต
ทำให้เด็กขาดจินตนาการในการพัฒนา การศึกษาไทยจึงถูกมองว่า เป็นการท่องวิชา เอาวิชาเป็นตัวตั้ง แต่ในความเป็นจริงมนุษย์เรา
มีความสามารถหลายมิติ การ ศึกษา ที่แบ่งแยกวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ ออกจากการเรียนรู้ทำให้เด็กขาดความมั่นใจในตัวเอง กลายเป็นเด็กไม่เก่ง"

หมอประเวศอธิบายว่า การศึกษา ควรเป็นกระบวนการที่สร้างสัมพันธ์รอบด้านกับครอบ ครัว สังคมและชุมชน
ซึ่งจะทำให้เกิดสภาพการเรียนรู้ที่สูงขึ้น ที่สำคัญเวลาปฏิรูป ต้องมองให้เป็นระบบ เพื่อการพัฒนารากฐานสังคมที่มั่นคง
ก่อให้เกิดการศึกษาเพื่อชุมชน โดยคนในชุมชนจะทำให้สังคมมั่นคง

"การเกณฑ์เด็กให้เรียนระดับอุดมศึกษานอกพื้นที่ ทำให้มหาวิทยาลัยกลายเป็นเรื่องของธุรกิจ และการสอบเอนทรานซ์กลาง
เป็นประตูสวรรค์กับนรก ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถสร้างบุค ลากรที่มีคุณภาพ ทำงานเป็น อดทน และมีความรับผิดชอบได้
เพราะฉะนั้นควรสร้างค่านิยมใหม่ว่า เด็กไม่จำเป็นต้องเรียนในระบบอุดมศึกษาเท่านั้น เพื่อจะประสบความสำเร็จ
ขณะเดียวกันก็ปรับทัศ นคติเกี่ยวกับอาชีวศึกษาว่า เป็นรากฐานที่ตอบโจทย์ให้แก่สังคมแรงงาน หากทำสำเร็จก็จะตอบ
สนองความต้องการของสังคมเศรษฐกิจได้มาก" หมอประเวศ แนะ

"การคิดแบบมิติเดียว" ที่หมอประเวศ พูดถึงนั้นกำลังเป็นปัญหาที่ลุกลามบานปลาย

สะท้อนได้จาก รายงานของ สำนักทดสอบทางการศึกษา ของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
ที่ระบุว่า นักเรียนที่จบ ป.3 ปีการศึกษา 2552 จำนวน 5.2 แสนคน ในจำนวนนี้ คำนวณเลขไม่เป็น 1.1 แสนคน
อ่านภาษาไทยไม่ออก 3.7 หมื่นคน และเขียนภาษาไทยไม่ได้ 9.3 หมื่นคน

นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และที่ปรึกษาอนุกรรมการ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพเยาวชน (สสค.)
แสดงทัศนะว่าการปฏิรูปการศึกษา การเรียนรู้ เป็นสิ่งสำคัญเกินกว่าที่จะให้ภาคส่วนใด ภาคส่วนหนึ่งรับผิดชอบ
สิ่งสำคัญในการศึกษาคือ ต้องมีการมองตัวเอง ประเมินตัวเอง และปรับปรุงตัวเอง

"ขอยกพระบรมราโชวาทที่ว่า การศึกษาเป็นการพัฒนาที่เป็นระบบ และมีจุดมุ่งหมาย โดยรับสั่งว่า การพัฒนาต้องอาศัย
จิตใจที่ต้องหวงแหนแผ่นดินของเรา และเราต้องช่วยกัน เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน คำว่า รู้ หมายถึงการแยกแยะสิ่งดี
สิ่งเลว และ รัก หมายถึงการมีความรักในการปฏิบัติ เมื่อผ่านขั้นตอนการรู้จริงแล้ว ต้องสร้างฉันทะ หรือความรักในการทำงาน"

"เรามาประชุมกันเพื่อทำอะไรดีๆ ให้แก่สังคมไทย เราต้องรู้จริง เราต้องเข้าใจว่า อะไรคือ ความเข้มแข็งของระบบการศึกษาไทย
ประเทศไทยเป็นของเรา การศึกษาไทยมีความสำคัญมากต่อเด็กและเยาวชน ซึ่งการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ตั้งแต่ระดับรากหญ้านั้น
ก็จะส่งผลในการพัฒนาสังคมไทยต่อไป" นพ.เกษม กล่าว

ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ยก กรณีศึกษา "Quality Education Fund"
เขตปกครองพิเศษ (ฮ่องกง) สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ปัจจุบันการศึกษาไทยเป็นระบบที่ "อ้วนแต่เด็กผอม" คือ
พัฒนาแต่ระบบด้วยการใส่เงินเข้าไป แต่ไม่ตรงจุด ขณะที่ฮ่องกง เน้นการให้ทุน ที่ตรงตามความต้องของนักเรียน
และตอบโจทย์ตามแผน พัฒนาสังคม ทำให้ประเทศพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน โดยโครงงานจะเน้นให้เด็กอยากเรียนรู้
ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจะนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ในสังคม

"การวิจัยพบว่า หากครูเก่ง เด็กก็จะเก่ง เพราะฉะนั้นหากระบบการศึกษาได้สนับสนุนไปถึงตัวครู แล้วก็จะทำให้เกิดการพัฒนา
100% เพราะฉะนั้นจุดสำคัญจึงไม่ได้อยู่กับการสร้าง แต่เป็นการพัฒนาโรงเรียนทั้งระบบ" เธอว่า

ข้อมูลจาก International Institute for Management Development (IMD) หน่วยงานจัดอันดับด้านการศึกษา
รายงานว่า ในปี 2552 ประเทศไทยมีสมรรถนะด้านการศึกษาในภาพรวมอยู่อัน ดับที่ 47 จากทั้งหมด 57 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชีย
ส่วนประเด็นด้านโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 42

สำหรับการลงทุนทางการศึกษา ดร.สีลาภรณ์ บอกว่า ประเทศไทยมีการลงทุนด้านการศึก ษา สูงกว่าหลายๆ ประเทศในภูมิภาคเอเชีย
โดยเฉพาะ เกาหลี ,ญี่ปุ่น ,ฮ่องกง และสิงคโปร์ ทว่าอัน ดับตัวชี้วัด ภาพรวมด้านการศึกษาของไทย ยังถือว่าด้อยกว่า ทั้งนี้
เป็นที่น่าสังเกตว่า มาเลเซียลงทุนทางการศึกษามากขึ้นทุกๆปี โดยในปี 2550 ลงทุนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 2.2 ทำให้กระโดด
ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 18 แซงประเทศไทย ด้านอัตราส่วนนักเรียนต่อครู ในระดับประถมศึกษาไทยมีอัตราส่วน 18.3 ต่อ 1 ส่วน
ระดับมัธยมศึกษา 21.7 ต่อ 1

" อย่างไรก็ตาม สมรรถนะการศึกษาไทยในเวทีสากล ยังอยู่ในระดับไม่เป็นที่น่าพอใจและยังล้าหลังหลายๆ ประเทศ
ทั้งด้านโอกาส คุณภาพ และประสิทธิภาพทางการจัดการศึกษา" ดร.สีลาภรณ์ กล่าว

หัวใจสำคัญ ในการพัฒนาประเทศชาติ คือการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้เพื่อพัฒนา ระบบ การศึกษาไทย ข้อคิดในวงประชุม
ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งเสียงสะท้อน ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ควรรับ ฟัง

SCOOP@NAEWNA.COM
วันที่ 2/7/2010
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Yuth-Jasmine
สาวดี่
สาวดี่


เข้าร่วมเมื่อ: 05/07/2010
ตอบ: 384

ตอบตอบ: 28/07/2010 7:41 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

บอกได้คำเดียวว่า "หมาเศร้า" ครับพี่
เอาวาถ้าทำได้น่ะ ผมไม่โทษ เด็ก ครับ
แต่ผมจะเอา ผู้ใหญ่ ที่สอนเด็ก (เป็นหรือเปล่า) ไปไถกลบฝังน่ะครับ
สิ้นเรื่องสิ้นราวไป

พูดมากก็เหมือน วัวพันหลัก น่ะครับ
เดี๋ยวเขาจะว่าเรา ปากสุนัข (หมาเพราะกว่า) น่ะครับ

ก็เหมือนอย่างที่ลุงพูดแหละครับ
ปลูกต้นไม้ต้องเข้าใจธรรมชาติต้นไม้
เลี้ยงเด็กก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของพวกเขาจริงไหม

แต่ผู้ใหญ่เดี๋ยวนี้ชอบเลี้ยงเด็กแบบ เอาหน้า บวก ตัดรำคาญ
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะครับ ก็อ้างกันเข้าไปครับ ว่า ต้องทำงาน ไม่มีเวลา
ก็กรรมของเด็กสิครับ ที่ต้องอยู่กับ ไอ้หน้าเหลี่ยม (จอคอมฯน่ะ อย่าเข้าใจผิด) ทั้งวัน
ไม่รู้แม้กระทั่งว่า จะได้อะไรจากสิ่งเหล่านี้บ้าง เศร้าไหมครับ

เคยถามหลานน่ะว่า อินเตอร์เน็ท คืออะไร ทราบไหมครับ
หลานตอบว่า เกมส์ ไงครับ งงไหม คนเป็นพ่อเป็นแม่เคยไหมครับที่จะ
กรอกข้อมูลดี ๆ ให้กับเขา (จะไปกรอกได้ยังไง ตัวเองยังมิรู้เลย ก็เห่อก็บ้า
ตามเขาไป บ้านคนอื่นมี บ้านอิฉันมีมั่ง ที่เหลือ กูไม่เกี่ยว)

มีของดีแต่เข้าไม่ถึงนี่มันเจ็บน่ะครับ
โทษใครไม่ได้ครับ ต้องโทษผู้ใหญ่อย่างเรานี่แหละ ที่นำร่องผิด ๆ
ให้กับ อนาคตของชาติ ของเราจริง ๆ

เก่งแต่โกง กับ ดีแต่ซื่อ(บื้อ) ไม่อยากคิดเลยครับ ว่าลูกหลานเราจะเป็นแบบไหน?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
ott_club
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009
ตอบ: 718

ตอบตอบ: 29/07/2010 9:25 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ที่พี่ยุทธพูดมามันก็ถูก แต่ยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว พวกเราต่างหากที่ต้องตามเด็กให้ทัน จะเอาพวกเราคนรุ่นเก่ายุคบุกเบิกไปเทียบกับยุคนี้คงไม่ได้ ดูรุ่นพ่อรุ่นแม่พวกเราซิ ยังใช้กระดานชนวนเรียนหนังสือเลย มารุ่นเราก็แบบหนึ่ง ส่วนรุ่นลูกเรามันก็ต้องยุคคอมพิวเตอร์อย่างว่าแหละ

พูดในฐานะคนมีลูกนะครับ เด็กสมัยนี้ยอมรับว่าเลี้ยงยาก ไม่มีความอดทนในการรอคอย เอาแต่ใจ แล้วก็ติดเกมส์ แต่อย่างว่าเด็กก็คือเด็ก หากขาดการอบรมสั่งสอนเขาก็ต้องเป็นไปในสิ่งที่เขาต้องการ

พ่อและแม่นั่นแหละ คือครูคนแรกที่จะสั่งสอนให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็นคนอย่างไร อย่างเช่นแม่ผมสอนอยู่ตลอดว่าให้ขยัน ประหยัด อดทน แบ่งปัน อย่าอยากมีตามข้างบ้าน ก็จดจำคำพวกนี้มาสอนลูกต่อไปอีก ก็อยากให้เขาโตมาแบบมีคุณภาพ ไม่ใช่ให้คนอื่นมาด่าลูกเราได้ว่า "ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน" ......

จาก พ่อลูกสอง
_________________
อ๊อด ระยอง


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ott_club เมื่อ 30/07/2010 7:49 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 29/07/2010 9:53 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

มีลูกแค่สอง.....ฮึ ไม่ใช่ 3 เหรอ.....
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Aorrayong
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 30/07/2009
ตอบ: 869

ตอบตอบ: 30/07/2010 12:14 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สรุปว่า ถ้าใครมีลูก ไม่ควรจะเลี้ยงลูกเอง ส่งไปให้ปู่ย่า ตายาย เลี้ยงจะดีกว่า เพราะอะไรน่ะเหรอ

เพราะว่า ที่เราเป็นผู้เป็นคนมาทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เพราะพ่อแม่เราเหรอ

แต่พวกเรากำลังเลี้ยงลูกให้เป็น "ลูกเทวดา"...ว่ามั้ย?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ott_club
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009
ตอบ: 718

ตอบตอบ: 30/07/2010 8:04 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Aorrayong บันทึก:
สรุปว่า ถ้าใครมีลูก ไม่ควรจะเลี้ยงลูกเอง ส่งไปให้ปู่ย่า ตายาย เลี้ยงจะดีกว่า เพราะอะไรน่ะเหรอ

เพราะว่า ที่เราเป็นผู้เป็นคนมาทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เพราะพ่อแม่เราเหรอ

แต่พวกเรากำลังเลี้ยงลูกให้เป็น "ลูกเทวดา"...ว่ามั้ย?


เป็นเหตุผลที่ดี ทุกวันนี้เลยส่งลูกไปอยู่กับยาย เพราะยายโหดตีไม่ยั้งมือเลยแหละ ตัวผมนะหรือแค่เห็นน้ำตาลูกก็ใจสลายแล้ว คนไม่มีลูกไม่รู้หรอก เวลาลูกมีความสุขคนเป็นพ่อเป็นแม่สุขกว่าแค่ไหน ลองมีดูนะ
_________________
อ๊อด ระยอง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
meninblack
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010
ตอบ: 81

ตอบตอบ: 30/07/2010 11:16 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เฮียอ๊อดพูดได้ถูกต้อง...
พ่อ-แม่เป็นแบบอย่างของลูก และเป็นผู้ที่ต้องดูลสั่งสอนลูกด้วย ตามสุภาษิต รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี(ลูกตัวเองไม่ค่อยตี ตีแต่ลูกคนอื่น) ลูกทำผิด โทษพ่อแม่
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
jukiio
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 11/11/2009
ตอบ: 4

ตอบตอบ: 30/07/2010 11:16 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

หนูขอถามนิดนึงนะค่ะว่า .. การที่เราเอาลูกไปให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง แล้วเราได้อยู่เลี้ยงลูกของเราร่วมกับปู่ย่าตายายรึป่าว ถ้าช่วยกันเลี้ยงมันก็เป็นการดี แต่ถ้าหากไม่ได้อยู่ด้วยมันก็น่าคิดว่ามั้ยค่ะ ..เพราะถ้าหากลูกของเราโตขึ้นมาแล้วมีลูก แล้วใครจะเลี้ยงดูลูกของลูกเราอีกละค่ะ ในเมื่อตัวเราเองที่เป็นพ่อแม่ยังไปให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง หนูว่าน่าสงสารลูกของเราเองมากกว่านะค่ะ ที่พ่อกับแม่ยังเลี้ยงเค้าเองไม่ได้เลย


ขอโทษล่วงหน้าด้วยนะค่ะ หากคิดอะไรไปแล้วอาจดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ เพราะหนูเองยังไม่เคยมีครอบครัว ยังไม่เคยมีลูก แต่ก็พอจะเข้าใจเพราะที่บ้านมีหลานวัย 4 ขวบ 1 คน ที่ซนมากมาย แต่ก็รักที่สุดค่ะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ott_club
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009
ตอบ: 718

ตอบตอบ: 30/07/2010 8:54 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

มันเป็นความสามารถเฉพาะบุคคลครับ คนมีแม่ยายดีก็แบบเนี้ยแหละ

"พ่อตาไว้เลี้ยงควาย แม่ยายไว้เลี้ยงลูก" (สุภาษิตลูกเขยตัวแสบ)
_________________
อ๊อด ระยอง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 31/07/2010 5:48 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

โบราณว่า....................ชาดจะดี ไม่ต้องแต้มสีก็แดง - หนามแหลมไม่มีใครเสี้ยม....


เดี๋ยวนี้เด็กมี 3 หน้า ......
- หน้าที่ 1 ...... เมื่ออยูกับครู
- หน้าที่ 2 ...... เมื่ออยู่กับเพื่อน
- หน้าที่ 3 ...... เมื่ออยู่กับพ่อแม่



ใน 1 วันมี 24 ชม. ......
เขาอยู่ที่โรงเรียน 8 ชม. .... นอน 8 ชม. .... ที่เหลืออีก 8 ชม.เขาอยู่ที่ไหน ? อยู่กับใคร ? ทำอะไร ?

ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©