ระเบิดฯ ผลงานกล้อมแกล้มดอทเน็ต #1

[Aorrayong]

น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง ...... ผลงานกล้อมแกล้มดอทเน็ต #1

ขั้นตอนที่ 1 :
ส่วนผสม :
ปลาทะเล 20 กก. + กากน้ำตาล 5 กก. + น้ำส้มสายชู 250 ซีซี.+ สับปะรด 2 หัว
+ น้ำหมักเก่า 2 ล. น้ำมะพร้าว 2 ล. (สังเกตุ : ปลาไม่ได้บด, ไม่ใส่จุลินทรีย์, กาก
น้ำตาลน้อยมาก)
การหมัก :
หมักทิ้งไว้ 2 อาทิตย์ ปลาทั้งตัวเปื่อยยุ่ยเหลวเป็นน้ำวุ้น กลิ่นคาวเหมือนมาครั้งแรก
แมลงวันไม่ตอม ไมมีหนอน วัดค่า พีเอช.ได้ 3.5 ถือว่า O.K. คนวันละ 1 ครั้ง
ขั้นตอนนี้หมักนาน 3 เดือน

ขั้นตอนที่ 2
หมักขั้นตอนที่ 1 ครบ 3 เดือนแล้วเติมน้ำมะพร้าว 180 ล. หรือจนเต็มถัง 200 ล.
หมักในน้ำมะพร้าวต่อไปจนข้าม 1 ปี หรือ 2 ปี หรือ 3 ปี ขั้นตอนนี้ไม่ต้องคนก้นถัง
แต่ให้คนเฉพาะส่วนปากถัง ซัก 2-3 วัน/ครั้ง

ขั้นตอนที่ 3
หมักขั้นตอนที่ 2 ข้ามปีแล้ว ถือว่าพร้อมใช้งาน ก่อนใช้งานจริงก็เติม ไขกระดูก.
เลือด. ขี้ค้างคาว. นม. ไข่. ธาตุหลัก (สูตรตามชนิดพืช). ธาตุรอง. ธาตุเสริม.
แม็กเนเซียม. สังกะสี. สาหร่ายทะเล. ฮิวมิก แอซิด. บี-1. อมิโน.

(หมัก 3 ปี....ขายลิตรละ 100 แถมต่างหาก คุ้มมั้ยเนี่ย................ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ)





จากการหมักขั้นตอนที่ 1 ผ่านไปเพียง 2 อาทิตย์ พบว่าปลาทั้งตัวเปื่อยยุ่ยเหลว
เป็นน้ำวุนแล้วนั้น วันนั้นหมาที่ไร่คาบไก่มาตัวหนึ่ง น้ำหนักซัก 1 กก.เห็นจะได้
เลยจับยัดซากไก่ทั้งตัวลงถังหมักไปเลย.....เวลาผ่านไปอีก 1 อาทิตย์ ใช้ไม้
พายคนพิสูจน์ซากไก่ตัวนั้นขึ้นมาดู พบว่าไก่ทั้งตัวเหลือแต่ไส้ที่เห็นติดปลายพาย
เท่านั้นเอง นอกนั้นทุกส่วนเหลวกลายเป็นน้ำวุ้นรวมกับปลาไปแล้ว

เรื่องจับซากไก่สดๆ ยัดลงไปทั้งตัวแบบนี้ ที่ไร่กล้อมแกล้มทำบ่อย เพราะหมา
มันเอาไก่มาให้อยู่เรื่อยๆ ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่า มันไปเอามาจากไหน เท่าที่สังเกตุ
ใกล้ๆ ไร่กล้อมแกล้มมีฟาร์มไก่ไข่ ขนาดใหญ่อยู่ 1 ฟาร์ม เมื่อมีไก่ตายมันก็เลย
เอามาก็ได้

หมายเหตุ :
ภาพนี้ลุงคิมถ่ายเองด้วยโทรศัพท์. ถ่ายมาแล้วน้ำส้ม (ลูกสาว) ส่งไปให้คุณอ้อระยอง
แล้วคุณอ้อระยอง โพสต์ลงเน็ตอีกต่อหนึ่ง......โพสต์รูปลงแล้วลุงคิมก็ตามมาอธิบาย

เพราะฉนั้น งานนี้ขอบคุณใครดี ?

[Aorrayong]

แสดงว่าจุลินทรีย์แรงมากๆ แล้วขนไก่ย่อยสลายหมดเลยเหรอคะ?

ขอบคุณน้องหมาที่อุตส่าห์คาบไก่มาให้หรือจะขอบคุณจุลินทรีย์ ที่ทำหน้าที่ได้ดีมากๆ

[kimzagass]

โถ โถ โถ....เวรกรรมตาคิม....สู้หมาก็ไม่ได้ หมามันยังได้คำชม

แล้วจุลินทรีย์มาจากไหนล่ะ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่.....แสดงว่าเป็นจลินทรีย์ธรรมชาติ เมื่อได้รับสารอาหาร คือ "กากน้ำตาล + น้ำส้มสายชู" ในปริมาณที่เหมาะสม (ไม่มาก ไม่น้อย เกินไป) มันจึงขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนขึ้นมาเองตามธรรมชาติวิสัย..... สังเกตุที่ใครต่อใครทำกันแบบ ปลา 1 ส่วนกากน้ำตาล 1 ส่วน (ปลา 20 กก. + กากน้ำตาล 20 กก.) แล้วใส่ พอดอ.พอแดะ. อะไรลงไปน่ะ หมักเป็นปีแล้ว ปลายังเป็นตัวๆ เฉยอยู่เลย นั่นมันปลาแช่อิ่มคร้าบบบบบบ


เรื่องขนไก่นี่ตอนนี้คงต้องยอมแพ้ไปก่อน ไก่ทั้งตัว หมักนาน 6-8 เดือนแล้ว ส่วนขนยังลอยฟ่องอยู่ผิวหน้าปากถังเลย

ส่วนเปลือกไข่ เยื่อในเปลือกไข่ ที่ว่าย่อยยากนั้น วันนี้สบายมาก แค่ข้ามเดือนเดียวเปื่อยยุ่ยเป็นแป้งเลย ส่วนนี้แหละเอามาใส่ในน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงก่อนใช้งานซะเลย


ลุงคิมครับผม

[Aorrayong]

[kimzagass]

งานเข้าอีกแล้วสิเรา.....

แหล่งที่ไปเอาน้ำมะพร้าว เห็นมี "จาว" มะพร้าวทิ้งเกลื่อนกองขยะเยอะแยะทุกวัน จำได้ว่า เคยปล่อยจาวมะพร้าวไว้ในถังหมัก นานแค่ไหนจำไม่ได้ ไม่เปื่อยสลายซักที เพราะฉนั้นงานนี้คงต้องช่วยบดด้วยมือให้แหลกก่อนซักระดับหนึ่ง เพราะสารอาหารพืชในจาวมะพร้าวตัวนี้น่าสนใจอย่างมากๆ......ขอบคุณที่เอื้อเฟื้อข้อมูล


ลุงคิมครับผม

[Aorrayong]

ลุงคะ จุลินทรีย์ที่ได้ ส่วนหนึ่งได้มาจากน้ำหมักเก่า 2 ลิตร ที่เราเติมเข้าไปด้วยใช่หรือเปล่าคะ?

[Aorrayong]

ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7

มะพร้าว
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ฯลฯ

ประโยชน์

มะพร้าวสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น[ต้องการอ้างอิง]

* ในผลมะพร้าวอ่อนจะมีน้ำอยู่ภายใน เรียกว่าน้ำมะพร้าว ใช้เป็นเครื่องดื่มเกลือแร่ได้ เนื่องจากอุดมไปด้วยโพแทสเซียม นอกจากนี้น้ำมะพร้าวยังมีคุณสมบัติปลอดเชื้อโรค และเป็นสารละลายไอโซโทนิก ซึ่งด้วยเหตุนี้จึงสามารถนำน้ำมะพร้าวไปใช้ฉีดเข้าหลอดเลือดเวน ในผู้ป่วยที่มีอาการขาดน้ำหรือปริมาณเลือดลดผิดปกติได้
* น้ำมะพร้าวสามารถนำไปทำวุ้นมะพร้าวได้ โดยการเจือกรดอ่อนเล็กน้อยลงในน้ำมะพร้าว
* เนื้อในของมะพร้าวแก่ นำไปทำกะทิได้ โดยการขูดเนื้อในเป็นเศษเล็ก ๆ แล้วบีบเอาน้ำกะทิออก
* กากที่เหลือจากการคั้นกะทิ ยังสามารถนำไปทำเป็นอาหารสัตว์ได้
* ยอดอ่อนของมะพร้าว หรือเรียกอีกชื่อว่า หัวใจมะพร้าว (coconut’s heart) สามารถนำไปใช้ทำอาหารได้ ซึ่งยอดอ่อนมีราคาแพงมาก เพราะการเก็บยอดอ่อนทำให้ต้นมะพร้าวตาย ด้วยเหตุนี้จึงมักเรียกยำยอดอ่อนมะพร้าวว่า 'สลัดเจ้าสัว' (millionaire's salad)
* ใยมะพร้าว นำไปใช้ยัดฟูก ทำเสื่อ หรือนำไปใช้ในการเกษตร
* น้ำมันมะพร้าว ได้จากการบีบหรือต้มกากมะพร้าวบด นำไปใช้ในการปรุงอาหารหรือนำไปทำเครื่องสำอางก็ได้ และในปัจจุบันยังมีการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันมะพร้าวอีกด้วย
* กะลามะพร้าว นำไปใช้ทำสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ เช่น กระบวย โคมไฟ กระดุม ซออู้ ฯลฯ
* ก้านใบ หรือทางมะพร้าว ใช้ทำไม้กวาดทางมะพร้าว
* จั่นมะพร้าว (ช่อดอกมะพร้าว) ให้น้ำตาล
* จาวมะพร้าวใช้นำมาเป็นอาหารได้ ในจาวมะพร้าวมีฮอร์โมนออกซิน และฮอร์โมนอื่นๆแต่ มี ฮอร์โมนออกซินปริมาณมากที่สุด ซึ่งเมื่อนำไปคั้น และนำน้ำที่ได้จากจาวมะพร้าว ไปรดต้นพืช จะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชได้
* น้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าวใช้ถ่ายพยาธิได้
* เปลือกหุ้มรากมะพร้าวใช้รักษาโรคคอตีบได้
* น้ำมันจากกะลามะพร้าวใช้รักษาโรคผิวหนังได้

[kimzagass]

แน่นอน....ถูกต้อง.....


ยิ่งถ้าเอาจุลินทรีย์จากก้นถังที่หมักนานข้ามปีแล้วจะแรงกว่านี้ (คาดว่า...) เพราะจุลินทรีย์ก้นถังเป็นจุลินทรีย์กลุ่มไม่ต้องการอาาศ ซึ่งมีพลังในการย่อยสลายเหนือกว่าจุลินทรีย์ปากถัง หรือจุลินทรีย์กลุ่มต้องการอากาศ (ข้อมูล : อาจารย์วิชัยฯ เทคโนฯ พระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง)

หลังจากหมักขั้นตอนที่ 2 (เติมน้ำมะพร้าวแล้ว) ราว 6 เดือน - 1 ปี ใช้ไม้พายงัดส่วนผสมก้นถังขึ้นมาช้าๆ ๆๆ จะเห็นส่วนผสมที่เป็นกากเปื่อยยุ่ย มีน้ำวุ้นสีน้ำตาลใสปนอยู่ด้วย เจ้าน้ำวุ้นใสๆ ตัวนี้นี่แหละที่อาจารย์วิชัยฯ บอกว่า คือ ไซโตไคติน. อมิโนโปรตีน. ฟลาโวนอยด์. ควินนอยด์. โพลิตินอล. อโรเมติก แอซิด. และจุลินทรีย์กลุ่มบาซิลลัส.ที่ไม่ต้องการอากาศ

ลุงคิมครับผม

[Aorrayong]

[kimzagass]

แน่นอน ...... จากงานวิจัยก็ยืนยันอยู่แล้วว่า ปลาทะเล. กับ น้ำมะพร้าว. มีสารอาหาร/ฮอร์โมน.อะไรบ้าง

นอกจากนี้ใน ไขกระดูก. เลือด. นม/ไข่. ขี้ค้างคาว. ที่หมักแยกนานข้าม 2-3 ปี แล้วเอามาใส่เติมเพิ่มในขั้นตอนที่ 3 ก่อนใช้งาน ก็มีสารอาหาร/ฮอร์โมน เหมือนกัน

สารอาหารทั้งปวงที่ได้เป็น......."อินทรีย์"....โดยแท้ นี่แหละคือ .............. "อินทรีย์ นำ"
ก่อนใช้งานจริงก็เติมเพิ่มปุ๋ย......"เคมี".........ลงไป นี่แหละคือ ................ "เคมี เสริม"
ปุ๋ยเคมีที่เติมเพิ่ม ก็เลือก.........."สูตร".........ที่ตรงกับพืช นี่แหละคือ ........ "ตามความเหมาะสมของพืช"


................. อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม - ตามความเหมาะสมของพืช.................


จาก "น้ำหมักชีวภาพ" ธรรมดาๆ ที่นักวิชาการห้ามเรียกว่าปุ๋ยเพราะมีสารอาหารพืชน้อย (1-2-3 % เท่านั้น.....เรื่องนี้ จริง) ครั้นเมื่อเติมปุ๋ยเคมี (หลัก/รอง/เสริม/ฮอร์โมน/อื่นๆ) ลงไปด้วย "สูตรและปริมาณ" ตามต้องการ จึงกลายเป็น "ปุ๋ยน้ำชีวภาพ" ได้อย่างสง่าผ่าเผย ชนิดที่ใครก็ไม่กล้าเถียง เพราะ ก.ใส่กับมือ..... เมื่อแน่ใจมั่นใจก็ตั้งชื่อ "ระเบิดเถิดเทิง" ซะเลย อยากขายดีก็ต้อง "โฆษณา" บ้าเลือด ประมาณนั้น


สรุป :
- ใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรนี้แล้ว ในพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียว ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีเพิ่ม แต่ในพืชยืนต้นอายุนาน อาจใส่เพิ่ม 4-5 % ของอัตราเดิมที่เคยใช้ก็พอแล้ว
- เพิ่มส่วนผสมอินทรีย์บางตัวให้เหมาะสมกับชนิดพืช เช่น ถั่วไร่เพิ่มเลือด. ผักกินใบเพิ่มนม/ไข่. พืชกินหัวเพิ่มขี้ค้างคาว.
- สารอาหารครบถ้วน หรือมีชนิดมากกว่าปุ๋ยเคมีในกระสอบ
- ประหยัดเงินค่าปุ๋ยเคมี
- ช่วยปรับปรุงบำรุงดิน
- สร้าง/สะสม สารอาหารในดินให้มีและเกิดขึ้นใหม่อย่างสม่ำเสมอ
- ฯลฯ


น่าลองไหม ?
ลุงคิมครับผม

[goodwind]

[goodwind]

[kimzagass]

อืมมมม.....ไม่ขอบคุณลุงคิมด้วยเหรอ

ไม่ขอบคุณลุงคิม ไม่ว่าอะไร แล้ว "น้ำส้ม" ลูกสาวลุงคิมที่ส่งรูปผ่านไปทางคุณอ้อ.ล่ะ ขอบคุณไหม ?

[goodwind]

[Aorrayong]

พี่อ้อทำหน้าที่แค่โพสต์รูป ส่วนข้อความฝีมือลุงคิมล้วนๆ ..... น้องจุ๋มจำสำนวนลุงไม่ได้อีกเหรอ