เหตุเกิดที่ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย

[kimzagass]

วันนี้ พุธที่ 16 มิ.ย. ประจำทุกวันพุธ ที่ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย สี่แยกบางแพ-โพธาราม ถ.เพชรเกษม จ.ราชบุรี



ปัญหาคาใจ 1

สมาชิก : ผมเปิดตาดอกชมพู่ทับทิมจันทร์ด้วยฮอร์โมนไข่ ซื้อไปจากที่นี่ นี่แหละ ตอนนี้เริ่มออกดอกมาบ้างแล้วแต่ยังไม่มากนัก อยากให้ออกมาอีก ทำได้ไหมครับ ?

ลุงคิม : แดดดีไหม ?

สมาชิก : แดดดีครับ แดดจัดทุกวัน ทรงพุ่มโปร่งเพราะตัดแต่งกิ่งไว้ดี ใบใหญ่เป็นมัน หูใบอ้วน ตามอย่างที่ผู้พันแนะนำนั่นแหละครับ ..... ทับทิมจันทร์นี่ ถ้าออกดอกช่วงนี้ได้จะเก็บได้ราวๆ พฤศจิกา ช่วงนั้นราคาดีครับ

ลุงคิม : ของบ้านอื่นออกรึยัง ?

สมาชิก : ยังไม่ออกเลยครับ เห็นบางสวนเจอฝนไปเมื่อเดือนที่แล้ว แตกใบอ่อนเต็มต้นเลย ก็คงต้องเริ่มต้นกันใหม่นั่นแหละครับ

ลุงคิม : อืมมม....แบบนี้นี่ ถ้าออกสวนเดียวก็รวยเละซิ (วะ) ทับทิมจันทร์ก่อนปีใหม่จะราคาดีมาก ถ้าถึงปีใหม่ทับทิมจันทร์ราคาไม่ดีแต่ทูนเกล้ากลับราคาดี แต่เอาเถอะ ทิมจันทร์เขาโหงวเฮ้งดี คนซื้อไปเป็นเครื่องไหว้ (ไหว้พระเสียเปล่า ไหว้เจ้าดีกว่า เสร็จแล้วได้กิน) เพราะสีออกแดง ยิ่งถ้าได้ไซส์ 4-5 ลูกโล เอวตรง ไส้ตัน เม็ดเล็ก เนื้อแน่น....มึงเอ๊ยยยย

สมาชิก : (หัวเราะ....) รุ่นที่แล้วผมใช้อเมริกาโน ได้ 6 ลูกโล รุ่นนี้ว่าจะใช้สหประชาชาติ จะดีไหมครับ ?

ลุงคิม : ก็เห็นที่สามพรานเขา โอเค.นะ 5-6 ลูกโล แต่ก็มีอยู่เจ้านึง ใจร้อนไปหน่อย ใช้ยูเรก้า.ตัวเดียว 50 ซีซี.ต่อน้ำ 20 ล. ปรากฏว่า "แตกหัว" ทั้งสวนเลย เจ้าของมาที่นี่ หัวเราะแล้วบอก "สมน้ำหน้าตัวเอง" เห็นบอกว่า ขนาดหัวแตกแต่ก็ยังเหลือราคาดีกว่าสวนข้างเคียงนะ

สมาชิก : ทำไมหัวแตกล่ะครับ

ลุงคิม : ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ใจร้อน ไม่เชื่อมือลุงคิมน่ะซี เคยใช้ยี่ห้ออื่น ใส่มากแค่ไหนไม่เป็นไร แต่พอมาเจอยูเรก้า.เท่านั้นแหละ ย้ำแล้วย้ำอีกใช้ 20 ซีซี.ต่อ 20 ลิตร อย่าเกิน อย่าเกินนะ มันแรงนะ (โว้ย).....แล้วไง พ่อเล่นใส่ตั้ง 50 ซีซี. เจอไป 2 รอบเท่านั้แหละ ร้อยเรียบ

สมาชิก : แล้วทำไงดีครับ ?

ลุงคิม : เอางี้ ระวังทับทิมจันทร์จะกลายเป็นทับทิมจน เล่นกับทับทิมจันทร์ต้องใจเย็นๆ....ใช้ฮอร์โมนไข่ ดอกเริ่มออกแล้ว ให้ใช่ต่อไป ให้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงระยะระฆังห่อผล นั่นแหละถึงจะมาใช้ยูเรก้า. หรือไม่ก็สหประชาติ เพราะนิสัยทับทิมจันทร์ ตอนออกดอกจะมีใบอ่อนออกมาด้วย พอใบอ่อนออกมาก็ถีบดอกถีบลูกร่วงหมด....

สมาชิก : จริงๆ ครับ

ลุงคิม : เพราะฉนั้นก็ต้องให้ฮอร์โมนไข่ไปเรื่อยๆ ดอกก็จะออกมาเรื่อยๆ ถ้าไม่ใช้ฮอร์โมนไข่ก็ให้ใช้ 0-42-56 สูตรสะสมตาดอกตัวนี้แทนได้ ทีนี้ ปัญหายังไม่จบ ชมพู่อายุผลสั้นมากๆ การให้ปุ๋ยทางใบ 7 วันครั้งจะไม่พอ เพราะฉนั้นต้องให้ถี่ขึ้น ให้ทุก 3 วันไปเลย แล้วก็ให้แบบให้น้อยแต่บ่อยครั้ง เคยให้ครั้งละ 20 ซีซี. ชก็ลดลงมาเหลือแค่ 10 ซีซี. ....ไหวไหม (วะ) ?

สมาชิก : ไหวซิครับ ไม่ไหวก็ต้องไหว เงินนี่ครับ

ลุงคิม : งั้นนะ....โอเค. ช่วงเปิดตาดอกถึงบำรุงดอกให้ฮอร์โมนไข่ เว้น 3 วันขึ้นวันที่ 4 ให้ ให้ไปเรื่อยๆ จนถึงระยะระฆัง ห่อผล.....อีกอันนึง อันนี้สำคัญมากๆ ช่วงผลเล็กระยะกระโถน ให้ +จิ๊บ. เข้าไปด้วย ใส่เติมเพิ่มในฮอร์โมนไข่ หรือยูเรก้า.ก็ได้ 10 ซีซี.ก็พอ ให้ซัก 2-3 รอบ จนถึงผลระยะระฆังแล้วก็หยุด อันนี้จะช่วยให้ลูกเอวไม่คอด ทรงลูก ตรง ถ้าลูกตรงได้เนื้อจะแน่น ไส้ต้น ไม่มีเม็ด...... ถึงระยะระฆังก็ห่อผลแล้วบำรุงผลตามปกติ ให้ยูเรก้า. บวกกับน้ำดำไบโออิ. เป็นสหประชาชาติเลย หรือถ้าจะ +แคลเซียม โบรอน. ตามไปอีกตัว เป็น 3 ตัวเลยก็ได้

สมาชิก : อัตราใช้ล่ะครับ ?

ลุงคิม : ถ้าเป็นสหประชาชาติ 3 ตัว เอาตัวละ 10 ซีซี. รวมเป็น 30 ซีซี.ต่อน้ำ 20 ล. ให้ถี่ๆ แบบเว้น 3 วันขึ้นวันที่ 4 ให้ ..... ลองกะซิว่าตลอดอายุผลถึงวันเก็บเกี่ยว จะมีโอกาสได้ให้กี่ครั้ง

สมาชิก : ถ้าเว้น 3 วันให้ ก็จะได้ซัก 4-5 ครั้ง นั่นแหละครับ

ลุงคิม : 4-5 ครั้ง คิดว่าพอมีช่วงให้ขยายขนาดได้ไหม ?

สมาชิก : คงพอครับ

ลุงคิม : นิสัยชมทุกสายพันธุ์ เขาจะตอบสนองต่อปุ๋ยฮอร์โมนทางใบเร็วมาก ถ้าถือหลักให้น้อยแต่บ่อยครั้งแบบนี้ รับประกันได้ 5 ลูกโลแน่...... อืมมม แล้วไม่ต้องใส่ปุ๋ยทางดินเลยนะ ที่เคยใส่ยิบซั่ม ใส่กระดูกป่น ไว้ก่อน อันนั้น โอเค.แล้ว......แล้วก่อนเก็บก็ไม่ต้องเร่งหวานด้วย เอาเถอะ ไอ้เจ้าสหประชาชาติสูตรนี้จะเร่งหวานให้เอง ไม่ต้องห่วง ขืนเร่งหวานต่างหากเข้าไปอีก คราวนี้แหละจะหวานแสบคอจนกินไม่ได้เลยแหละ

สมาชิก : แล้วไคโตซานล่ะ จำเป็นไหมครับ ?

ลุงคิม : จำเป็นก็ได้ ไม่จำเป็นก็ได้ เพราะในยูเรก้า. ไบโออิ. ใส่ให้แล้ว แต่ถ้าอยากให้อีกก็ให้แบบแยกต่างหากก็แล้วกัน ซักแค่รอบเดียวก็พอ ใส่มากเปลืองเปล่าๆ น่ะ.....ช่วงนี้ไปจนถึงเก็บเกี่ยว ระวังอย่าให้ขาดน้ำนะ ชมพู่เนี่ย ให้น้ำตอนเย็น ใกล้ๆค่ำ ดีกว่าให้ตอนเช้าหรือตอนกลางวันนะ

สมาชิก : จริงครับ วิธีนี้ผมก็ทำอย่างที่ผู้พันเคยแนะนำนั่นแหละครับ ตื่นเช้ามาเห็นผลเลยครับ

ลุงคิม : เห็นผลอะไรเหรอ ?

สมาชิก : ข้างบ้านเขาก็หาว่าผมบ้าน่ะซีครับ

คนร่วมฟัง : หัวเราะ.....



ลุงคิมครับผม

[kimzagass]

ปัญหาคาใจ 2

เกริ่นกล่าว.......ข้างๆ ชมรมฯ มีร้านรับทำป้ายอิ๊งค์เจ๊ต ชายลูกค้าของร้านทำป้ายคนหนึ่งท่าทางคนมีเงินเสร็จธุรกิจกับร้านทำป้ายแล้ว ก่อนจากเหลือบมองมาที่ชมรมฯ เห็นกองกระสอบปุ๋ยอินทรีย์วางอยู่ กับรถบันทุกปุ๋ยจอดอยู่หน้าร้านชมรม คงเดาเอาเองว่าร้านนี้ขายปุ๋ย กับเห็นมีคนนั่งคุยปรึกษากันอยู่ในร้าน แว่วๆ เสียงพูดคุยที่ได้ยินก็เป็นเรื่องต้นไม้ใบหญ้า ครั้นเข้ามาฟังใกล้ๆ ยิ่งแน่ใจว่าที่นี่ปรึกษาปัญหาเกษตรได้ ตัดสินใจทะลุกลางปล้อง (เสียมารยาท) ถามปัญหาด้วยทั้งๆ ที่ ลุงคิมกำลังให้คำแนะนำกับคนหนึ่งอยู่ก่อน

ทะลุ : ผมอยากถามเรื่องมะยงชิดหน่อยครับ..... คือ ผมจะสั่งซื้อต้นมะยงชิด ต้นโตแล้ว ออกลูกแล้ว ซัก 4-5 ต้น เอาไปปลูก เนื้อที่ข้างบ้านประมาณไร่กว่าๆ เขาบอกไว้ต้นละ 15,000 อันนี้คุณว่าดีไหมครับ

(อืมมม คิด......นิสัยถาวรอย่างหนึ่งของลุงคิม คือ ไม่ถามชื่อคน จึงตั้งชื่อคฑาชายนายนี้ว่า "ทะลุ" เหตุเพราะเริ่มต้นด้วยทะลุกลางปล้องไง..... นายคนนี้ไม่เคยฟังรายการวิทยุกับไม่เน็ตกับพวกเรา จึงไม่รู้จักลุงคิม สังเกตุจากเรียกลุงคิมว่า "คุณ" ..... นายคนนี้ คือ เกษตรกรบ้านจัดสรร และไม่มีพื้นฐานการเกษตรเลย....)

ลุงคิม : ไม้ต้นนั้นอายุต้นกี่ปีแล้ว ขนาดสูงแค่ไหน เคยให้ผลผลิตหรือยัง ชื่อพันธุ์อะไร ?

ทะลุ : อายุต้น เห็นเจ้าของว่า 4 ปี ตอนนี้ต้นสูงท่วมหัว ให้ผลผลิตแล้ว เจ้าของบอกว่าลูกใหญ่ รสชาติดีมาก ชื่อพันธุ์อะไร อันนี้ไม่ได้ถาม

ลุงคิม : เอาละ ที่ถามทุกหัวข้อนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ.... ประเด็นสำคัญอยู่ที่มะยงชิดเนี่ย เขาเป็นไม้ประเภทมีรากน้อย ระบบรากไม่ค่อยแข็งแรง ถ้ามีการขุดย้ายจะกระทบกระเทือนรากอย่างรุนแรง ยิ่งเป็นไม้ใหญ่ย้ายแบบ "ขุดล้อม" ด้วยแล้ว โอกาสรอดยากมาก

มีตัวอย่างที่องค์รักษ์ นครนายก เกษตรกรดีเด่น ขายมะยงชิดขนาดอายุต้น 5 ปี สูง 4-5 เมตร ตัดแต่งกิ่งเรียบร้อย ล้อมขึ้นมาลงเข่งพร้อมขนย้ายได้แล้ว แถมบนต้นในเข่ง 2 ต้นมีลูกโชว์ให้เห็นด้วย ขนาดลูกก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก พอจะเดาๆ ได้ว่า บำรุงไม่ถึงขั้นประมาณนั้น สนนราคาก็ตกต้นละ 15,000 ถึง 20,000 ทั้งหมด 10 ต้นพอดี

ทะลุ : (คงเห็นท่าทางเรื่องนี้ยาวแน่ มองหาเก้าอี้มานั่งคุยดีกว่า......)

ลุงคิม : (หัวเราะ.....) แค่ 3 เดือน 6 เดือนตาย เรียบร้อยโรงเรียนมะยงชิด ไม่เหลือเลยซักต้น

ทะลุ : แต่ของผมนี่ เจ้าของเขารับประกัน แล้วเขาไปปลูกให้ด้วยนะครับ

ลุงคิม : อืมมม ... ผมก็ไม่รู้จักเจ้าของมะยงชิดสวนนั้นแล้วก็จะไม่ถามด้วยว่าอยู่ที่ไหน กับคุณผมก็ไม่รู้จักมาก่อนเหมือนกัน แต่จะเล่าเรื่องจริงของมะยงชิดให้รู้ .... เสียเงินพอว่า เสียเวลาพอทน แต่เสียรู้นี่สิ มันเจ็บ คุณว่าไหม ?

ทะลุ : งั้นผมควรทำไงดีครับ ?

ลุงคิม : ถ้ารักจะปลูกมะยงชิดจริงๆ ละก็ อย่าล้อมต้นใหญ่มาปลูกเลย มันไม่โตต่อหรอกคุณ เผลอๆ ตายจ้อย แต่ถ้าคุณเอาต้นเล็กที่เรียกว่า "กล้า" ที่รากในถุงชำเดินดีแล้ว มีเสริมรากด้วย ซัก 1-2-3 ราก เอามาปลูก ในแปลงปลูกก็จัดให้มีไม้พี่เลี้ยงไว้ก่อนล่วงหน้า ลงมะยงชิดไปแล้วบำรุงดี ไม้พี่เลี้ยงดี รับรองแค่ 2 ปีก็ออกดอกให้ลูกได้ เอางี้......

อันดับแรก .... วางแผนหมายตาในแปลงที่คุณจะปลูกก่อนว่าจะลงมะยงชิด ณ จุดไหนบ้าง 1-2-3-4 ต้น ก็ว่าไป หมายตาได้แน่นอนแล้ว เอาไม้ปักเป็นหลักมาร์คไว้ก่อน ตอนนี้คุณก็จะเห็นพื้นที่ว่างระหว่างต้นมะยงชิดแต่ละต้นๆ ได้ใช่ไหม....คราวนี้

อันดับสอง .... คุณปลูกกล้วยลงไปก่อน เอากล้วยน้ำว้านี่แหละง่ายดี เป้าประสงค์ คือ จะอาศัยกล้วยเป็นพี่เลี้ยงให้มะยงชิด คุณจะได้ความเย็นชื้นในอากาศจากกล้วย ได้รากกล้วยบำรุงดิน เขาเรียกว่า ปลูกกล้วยเอารากไง ช่วงนี้ก็ให้บำรุงกล้วยไปตามปกติ....จากนั้นก็

อันดับสาม .... เมื่อกล้วยเริ่มแตกหน่อ ประมาณ 6 เดือนหลังปลูก ตอนนี้รากกล้วยแผ่เต็มพื้นที่ไต้ผิวดินแล้ว ก็ให้ลงกล้ามะยงชิดได้ หลังจากกล้ามะยงชิดแตกใบอ่อน 2-3 ชุดแล้ว นั่นแสดงว่ารากเดินดีแล้ว ก็ให้เริ่มริดใบกล้วยออกบ้าง หรืออาจจะลดจำนวนต้นลงบ้างก็ได้ ..... เลี้ยงมะยงชิดกับกล้วยต่อไปเรื่อยๆ ก่อน รอจนกระทั่งมะยงชิดเริ่มออกดอก ให้ผลผลิตซักรุ่นแรกแล้วนั่นแหละ ถึงค่อยเอาพี่เลี้ยงออก มะยงชิดก็จะอยู่ด้วยตัวเองได้.....ก็แค่นี้แหละ

ทะลุ : (เผลอตัว อ้าปากค้าง นั่งฟังนิ่ง ไม่ออกความคิดเห็น ไม่ถามแทรก คงเป็นเพราะไม่เคยรู้เรื่องทำนองนี้มาก่อน...."

ลุงคิม : มะยงชิดน่ะ ถ้ามี 1 ราก 5 ปีให้ลูก....ถ้ามี 2 ราก 4 ปีให้ลูก....ถ้ามี 3 ราก 2-3 ปีให้ลูก..... เพราะฉนั้นต้องเสริมรากครับ

ทะลุ : (อึ้งไปชั่วครู่ แล้วเหมือนนึกขึ้นได้...) วันนี้ผมขอตัวก่อนครับ แล้วผมจะมาปรึกษาใหม่

ลุงคิม : (คิด....เอาละซีกู หมูจะหามเอาคานไปสอด) เชิญ


ลุงคิมครับผม