ปลวกทำลายต้นมะลิ

[kritsadalampang]

สวัสดีเพื่อนๆทุกท่านและลุงคิม
คือขณะเวลานี้ปลวกได้ทำให้ต้นมะลิของผมตายไป 8 ต้นแล้ว ผมควรจะผสมน้ำหมักสมุนไพรไล่แมลงสูตรรวมมิตรที่ผมหมักใว้ใช้พ่นป้องกันต้นมะลิ โดยหากจะใช้ผสมเพื่อป้องกันภาคพื้นดินป้องกันปลวกทำลายต้นมะลิควรจะผสมอัตราส่วนเท่าใดจึงจะเหมาะสม ปกติผมใช้ 120 ซีๆ ต่อน้ำ 20 ลิตรพ่นทั่วต้นมะลิ แต่ไม่เคยใช้ทางดินป้องกันปลวกจึงอยากขอปรึกษากับเพื่อนๆทุกๆท่านและลุงคิม ขอบคุณครับผม

[kimzagass]

สัจจธรรมแห่งธรรมชาติ.....สิ่งมีชีวิต (มนุษย์ สัตว์ พืช) ต้องอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ถ้าสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมจะอยู่ไม่ได้ หรือตายไปเลย

การที่ "ปลวก" เข้าไปอยู่กับต้นมะลิ แสดงว่าเขาชอบสภาพแวดล้อมที่มีลักษณะอย่างนั้น เขาเรียกว่า "สัญชาติญานการดำรงชีวิต" ไม่ต้องฝึก ไม่ต้องสอน มันเกิดเองตามธรรมชาติ.....จากหลักการและเหตุผลนี้ สัตว์จำพวก มด. แมลง. กบ. เขียด. งู. หนู. รวมไปถึงสัตว์เซลล์เดียวอย่างจุลินทรีย์ ก็เข้าไปอยู่อาศัยได้ ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับเขา หรืออยู่ไม่ได้ ถ้าสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม

วิเคราะห์ดีๆ สภาพแวดล้อมที่ว่านี้ หมายถึงอะไรบ้าง ?

กลิ่น....รส....อุณหภูมิ....แสง...ควารมชื้น....อาหาร....เชื้อโรค....ศัตรู....ฯ ล ฯ

แล้ววิเคราะห์ต่ออีกว่า "อะไรหรือสิ่งใด ที่ปลวก (โจทย์) หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ไม่ชอบ.....เมื่อรู้แล้วก็จงจัดการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปสู่แบบที่เขาไม่ต้องการ

จุดอ่อนของ "ปลวก"
1. ไม่ชอบ "ด่าง" ..........โบราณใช้น้ำละลายขี้เถ้า ราดรดไปที่รัง
2. ไม่ชอบ "เค็ม" ..........โบราณเกลือโรยบางๆ ลงไปที่รัง
3. ไม่ชอบ "โซดาไฟ" .... โบราณใช้น้ำซักผ้าที่มีผงซักฟอก ราดรดลงไปที่รัง
4. ไม่อบ "กลิ่น" ...........โบราณใช้น้ำหน่อไม้ดอก หรือ น้ำหมักชีวภาพ ราดรดไปที่รัง
5. ไม่ชอบ "รส" ............โบราณใช้น้ำคั้นหนอนตายหยาก ราดรดไปที่รัง
6. ไม่ชอบ "ศัตรู" ..........โบราณเอาไก่ขังสุ่ม วางไว้ที่รัง
7. ไม่ชอบ "แดด" ..........โบราณเปิดพื้นที่ให้แสงแดดส่องถึง
8. ไม่ชอบ "ร้อน" ..........โบราณใช้ไฟเผา

พิจารณาเลือกใช้ตามความเหมาะสม พึงสังวรณ์ ปลวกตายแต่ดินตายแล้วมะลิตาย ก็ไม่ได้อะไร


ลุงคิมครับผม

[kritsadalampang]

ขอบคุณลุงคิมมากครับผม

ที่ได้ให้แนวทางป้องกันปลวก อันลักษณะแวดล้อมนี่อาจเป็นเพราะว่าผมนำฟางข้าวแห้งมาปกคลุมหน้าดินค่อนข้างหนาบริเวณโคนต้นมะลิแต่ผมก็ไม่ได้คลุมจนมิด โดยเว้นให้บริเวณรอบๆโคนต้นให้เป็นผิวดินโล่งๆ เพื่อไม่ให้หนอนหรือแมลงมาหลบใต้ต้นได้ โดย ยึดหลักตามแบบที่ลุงคิมแนะนำไว้ที่หน้าหลักเรื่องสมุนไพรไล่แมลง ในคำที่ว่า ต้องให้แสงแดดส่องทั่วๆ จากต้นลงมาถึงโคนต้นเพื่อไม่ให้เชื้อโรคและแมลงศัตรูพืชได้อาศัย ซึ่งน้ำหมักสมุนไพรก็ใช้แนวทางที่ลุงคิมได้อธิบายแบบละเอียด 3 วันพ่น 1 ครั้ง

ซึ่งมาจนบัดนี้ ผมเทียบดูผลกับต้นมะลิของป้าผมที่เขาเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านปลูกดอกไม้มานับหลายสิบปีมันสูสีกันดี แต่ป้าผมใช้เคมีในการกำจัดซึ่งเวลาพ่นต้องใส่เสื้อผ้ารัดกุมมิดชิด ดูแล้วผมทรมานแทนป้าจังครับ มันดูแล้วทั้งร้อนและอึดอัดดีแท้เชียว และไหนต้องเสี่ยงกับละอองพิษเคมีที่ซึมเข้าทางตา ซึ่งผมคิดว่าไงๆ มันต้องซึมเข้าได้ไม่มากก็น้อย สะสมไปเรื่อยๆ และพอผมเดินผ่านต้นที่ป้าท่านเพิ่งพ่นผ่านไปไม่ถึง 5 นาที ผมได้กระสากลิ่นเคมีที่พ่นตามต้นมะลิ ผมรู้สึกอยากอ๊วกอย่างแรง มึนหัวมากๆ และดูตามดอกต่างๆ และใบมันก็ยังเห็นความเสียหายจากแมลงทำลายไม่ใช่น้อยๆ เชียวละ

และทำให้ผมนึกเปรียบเทียบกับน้ำหมักสมุนไพรที่ผมลงทุนหมักไว้ มันได้ผลไม่ต่างกันเท่าไร คือ ดอกและใบต้นมะลิของผมมันก็ยังเจออาการโดนแมลง หนอน ทำลายกัดกิน พอๆ กันแต่มันดีที่สารสมุนไพรไม่เหม็นแรงๆ แบบเคมี และไม่ต้องแต่งกายมิดชิด ใส่แค่เสื้อกล้ามสพายกระป๋องเดินพ่นสารป้องกันแมลงพร้อมเปิดเพลงวิทยุฟังเพลงเพราะๆ ยามตะวันใกล้ลาลับท้องฟ้า มีลมเอื่อยๆ พัดผ่านเป็นระลอกๆ มันสุขใจจัง

นี่เสียดายแค่สภาพการเงินยังไม่พร้อมที่จะไปเรียนรู้การทำโฮโมนและปุ๋ยต่างๆ ที่ไร่ของลุงคิม หากได้ไปเรียนและทำได้เองคงจะมีความสุขกับการดูแลพืชต่างๆ ของเราให้มันสมบูรณ์ออกผลผลิตได้ดี นับว่าเป็นความสุขแบบชาวเกษตรมือใหม่แบบผม

ขอบคุณลุงคิมครับผม