-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 29 MAR *สารสมุนไพร (36)
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 29 MAR *สารสมุนไพร (36)

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 29/03/2016 7:09 am    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 29 MAR *สารสมุนไพร (36) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางรายการวิทยุ 29 MAR

AM 594 เวลา 06.30-07.00 (ทุกวัน) และ 08.10-09.00 (จันทร์-ศุกร์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...

* บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

http://kasate.site88.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1
* ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

http://www.mysuccessagro.com
* บ.มายซัคเซส อะโกร---ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
7) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

----------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)

มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
...... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .......
...... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .......

-----------------------------------------------------------




"สะเดาไทย" สมุนไพรกำจัดแมลงศัตรูพืช ขึ้นทะเบียน เป็นรายแรก :
โดย เจ้าของร้าน

บริษัท ผลิตภัณฑ์ไทย ผู้ผลิตและจำหน่ายสารสกัดสะเดา ที่ผ่านขั้นตอนการขึ้นทะเบียนสารกำจัดแมลงประเภทหนอนชอนใบได้ เป็นรายเดียวในประเทศไทย และมีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานราชการ คาดการณ์ "สะเดา" กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญในอนาคต บริษัทฯ พร้อมถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรและบุคคลทั่วไป

จากกระแสการใส่ใจในสิ่งแวดล้อมที่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนตื่นตัวในเรื่องนี้กันมากขึ้น อุตสาหกรรมการเกษตรเป็นหนึ่งในหลายอุตสาหกรรมที่มีส่วนในการทำลายสิ่งแวดล้อม จากการใช้สารเคมีเพื่อกำจัดศัตรูพืช ปัจจุบันประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทยได้ให้ความสนใจกับการทำการเกษตรกรรมแบบยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งวิธีการเกษตรดังกล่าวจะหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีให้มากที่สุด ดังนั้นจึงมีการแก้ไขปัญหานี้ ด้วยการพยายามคิดค้นหาทางกำจัดศัตรูพืชด้วยวิธีธรรมชาติหรือชีววิธี (BIO CONTROL)

ในที่สุดก็สามารถค้นพบสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการควบคุมแมลงศัตรูพืช โดยไม่ทำลายแมลงที่เป็นประโยชน์ต่อพืชด้วย ซึ่งแมลงที่มีประโยชน์เหล่านั้นจะเป็นตัวควบคุมแมลงศัตรูพืชเองตามหลักระบบนิเวศวิทยา ยิ่งกว่านั้น ยังช่วยลดการเกิดปัญหาแมลงสร้างความต้านทานหรือดื้อยา ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่ผู้ที่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ประสบอยู่ และไม่สามารถหาทางออกได้

เนื่องจากสารเคมีส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์ทางเดียว คือ ทางสรีรวิทยา ทำให้แมลงตายในทันที ส่วนที่แมลงที่ยังไม่ตายจะสามารถสร้างความต้านทานขึ้นได้ และยิ่งเมื่อมีการใช้สารเคมีสังเคราะห์เป็นเวลานานๆ ในปริมาณมากๆ จะยิ่งเป็นการคัดพันธุ์ที่ต้านทานไว้ ในขณะที่สารสกัดจากธรรมชาติที่ค้นพบได้นั้นออกฤทธิ์ถึง 2 ทางคือ

ทางสรีรวิทยา คือ การยับยั้งการเจริญเติบโตของแมลง
ทางพฤติกรรม คือ เป็นสารไล่ ยับยั้งการกิน และการวางไข่ อีกทางหนึ่งด้วย

ถือว่าครบวงจรในการกำจัดแมลงศัตรูพืชเลยทีเดียว สารสกัดดังกล่าวนั้นสกัดมาจากเมล็ดของ "สะเดา" และทำให้ "สะเดา" พันธุ์ไม้ที่หาได้ไม่ยากในประเทศไทยกลายเป็นพระเอกไปในทันที

น่าเสียดายที่เกษตรกรไทยไม่ค่อยให้ความนิยมกับสารสกัดสะเดานี่เท่าที่ควร ทั้งๆที่จัดว่าเป็นสารกำจัดศัตรูพืชที่ราคาไม่สูงเท่าสารเคมีที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ อีกทั้งยังไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญเกษตรกรสามารถผลิตใช้เองได้อย่างง่ายและประหยัด สาเหตุเนื่องจากเกษตรกรไทยยังคุ้นเคยกับการใช้สารเคมีสังเคราะห์ที่ออกฤทธิ์ให้ผลทันใจ แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มประสบปัญหาการดื้อยาของแมลง และจากการขาดความรู้และความเข้าใจ จึงทำให้ยิ่งใช้สารเคมีในปริมาณที่มากและถี่ยิ่ง ขึ้น นับเป็นความเข้าใจผิดที่ส่งผลเสียในระยะยาว

ดังนั้นถึงเวลาแล้ว ที่ทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมมือกันในการกระจายความรู้ความเข้าใจ ให้แก่เกษตรกรไทยอย่างทั่วถึง เกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้สารเคมีกำจัดแมลงศัตรูของพืชผัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการเตรียมรับกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกที่จะรับซื้อเฉพาะพืชผักผลไม้ที่ปราศจากสารพิษตกค้างเท่านั้น

ณ วันนี้มีบริษัทคนไทยที่ดำเนินการผลิตสารสกัดจากสะเดาเป็นจำนวนมากหลายราย แต่มีเพียงรายเดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติและขั้นตอนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับจากกรมวิชาการเกษตรให้ขึ้นทะเบียนเป็นสารกำจัดศัตรูพืช คือ บริษัท ผลิตภัณฑ์สะเดาไทย จำกัด

บริษัท ผลิตภัณฑ์สะเดาไทย ก่อตั้งขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของสองสามีภรรยา ชาตรี-สุภาภิญ จำปาเงิน เมื่อปี 2537 จากเงินทุนเบื้องต้นประมาณ 2 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าก่อสร้าง โรงงานและอุปกรณ์ต่างๆ โดยมีที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี

แรกเริ่มเดิมทีเขาทั้งคู่ไม่ใช่เกษตรกร แต่ทางฝ่ายชายคือ ชาตรี มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์บ้างพอสมควร เขาจบปริญญาตรีจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และหลังจบการศึกษาแล้วเขาไม่ได้ทำงานทางด้านที่จบมาในทันที แต่กลับไปทำเหมืองพลอยที่กาญจนบุรี จากนั้นก็ไปทำงานกับญี่ปุ่นเป็นบริษัทนำเข้าอุปกรณ์เครื่องมือหนัก อาทิ รถแทร็กเตอร์ รถแม็คโคร เป็นต้น ทำอยู่ได้ไม่นานรัฐบาลก็ประกาศลดค่าเงินบาทในช่วงปี 2527-2528 ธุรกิจนำเข้าประสบปัญหาหนัก เขาจึงหยุดทำทุกอย่างและกลับมาช่วยน้าชายที่ทำสวนผักกาดเขียวอยู่ที่สุพรรณบุรี ช่วยอยู่ได้สักพักจึงคิดออกมาทำเอง โดยช่วงนั้นปลูกผักกาด เขียวอยู่ได้ประมาณ 2-3 ปีก็ประสบกับปัญหาหนอนใยผักเยอะมาก เขาจึงเลิกปลูกผัก หันไปปลูกส้มโอแทน ระหว่างที่ทำสวนส้มโอได้ประมาณ 1 ปี เจ้านายเก่าชาวญี่ปุ่นที่เคยร่วมงานกันมา ก็ชวนให้เขากลับไปทำงานร่วมกันในตำแหน่งผู้จัดการโรงงานอาหารแช่แข็งส่งออกไปญี่ปุ่น ชาตรีเลยทิ้งสวนไปช่วยเขาได้ประมาณ 1 ปี ในขณะที่สวนส้มโอย่างเข้าปีที่ 3 แล้วแต่ไม่มีใครดูแล หนอนลงเสียหายมาก ยาฆ่าแมลงที่เตรียมไว้ฉีดก็หมดไปมาก เขาเลยคิดกลับมาดูแลเอง โดยขอลาออกจากโรงงานญี่ปุ่น และกลับมาฉีดยาฆ่าแมลงและบำรุงฟื้นส้มใหม่ จนกระทั่งได้ผลดี

แต่สิ่งที่เขาเรียนรู้ได้ในช่วงที่กลับมาฟื้นฟูสวนส้มด้วยการโหมฉีดยาฆ่าแมลงก็คือ เม็ดเงินที่เขาต้องสูญเสียไปจำนวนมากกับการซื้อยาฆ่าแมลงและจ้างคนงานเพื่อฉีดยา และยิ่งกว่านั้น ยามใดที่จ้างคนงานไม่ได้ เขาและภรรยาจึงต้องลงมือฉีดเอง ซึ่งภายหลังการฉีดยาแต่ละครั้ง เขากับภรรยาจะรู้สึกไม่สบาย ปวดหัว ต้องนอนพัก ลุกไม่ขึ้นเป็นวันๆ ชาตรีในฐานะผู้มีความรู้ทางด้านสุขภาพตามที่ร่ำเรียนมาก็เริ่มรู้แล้วว่า ไม่เป็นการคุ้มเลยที่จะเอาชีวิตเขากับภรรยาและคนงานมาทิ้งไว้ที่สวนส้ม เขาจึงตัดสินใจที่จะขายสวนทิ้ง ในระหว่างที่รอขายสวนอยู่นั้น เขาก็ได้ข่าวการใช้สารสกัดจากสะเดาในการกำจัดแมลงได้ผล โดยไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต เขาก็ให้โอกาสตัวเองอีกครั้ง โดยตัดสินใจเอาสะเดามาลองใช้กับสวนส้มโอซึ่งขณะนั้นเต็มไปด้วยหนอนนานาชนิด

"เราได้ยินข่าวมาว่ามีคนใช้แล้วได้ผล แต่ไม่รู้ว่าได้อย่างไร เราก็เลยลองใช้ดูบ้าง ซึ่งก็ได้ผลดีทีเดียว" ชาตรีกล่าว และเล่าว่า เขาเริ่มใช้สารสกัดสะเดาครั้งแรกเมื่อปี 2534 โดยเขาแบ่งสวนออกเป็น 2 ส่วน ครึ่งหนึ่งใช้สารเคมีฉีด อีกครึ่งหนึ่งใช้สารสกัดสะเดาฉีด ผลปรากฏว่า ส่วนที่ใช้สะเดาฉีดแมลงบางชนิดหายไปและแมลงบางชนิดยังอยู่ ในขณะที่ส่วนที่ใช้สารเคมียังมีแมลงอยู่เยอะมาก เขาเลยตัดสินใจเลิกใช้สารเคมีและเปลี่ยนมาใช้สารสกัดสะเดาฉีดทั้งหมด โดยในเดือนแรกเขาฉีดประมาณสัปดาห์ละครั้ง พอเดือนที่สองก็เว้นระยะห่างออกเป็น 10 วันฉีดครั้งและเดือนที่สามเว้นไป 15 วันฉีดครั้ง

ข่าวการใช้สารสกัดสะเดาได้ผลจากสวนเขาก็เริ่มแพร่สะพัดออกไป จากนั้นเริ่มมีผู้ที่สนใจทั้งนักวิชาการ นิสิตนักศึกษา และเกษตรกรที่สนใจเข้ามาดูงานที่สวน เขากับภรรยารับหน้าที่เป็นผู้บรรยายสรรพคุณ กระบวนการและวิธีการใช้กับบุคคลเหล่านั้น และสิ่งที่เขาทั้งสองได้รับเป็นสิ่งตอบแทนในครั้งแรกของการบรรยายก็คือ เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาก็พบกับความว่างเปล่าของอุปกรณ์และเครื่อง มือในการรดน้ำ ฉีดยาหายไปหมด เขาเกิดความสิ้นหวังท้อแท้กับความพยายามที่ทำมาทั้งหมด เขาจึงวางมือจากสวนส้ม ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่มีการรดน้ำ ฉีดหรือบำรุงใดๆเลย เป็นเวลาประมาณ 2 เดือนเศษ หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปดูที่สวนอีกที ปรากฏความอัศจรรย์ใจแก่เขามาก เนื่องจากส้มโอไม่มีการถูกทำลายเหมือนครั้งที่ใช้สารเคมีเลย

"สมัยที่ใช้สารเคมีเว้น 10 วันก็ไม่ได้ เว้นไม่เกิน 7 วันก็ต้องฉีดยาแล้ว และการฉีดแต่ละครั้งก็ใช้เงินประมาณ 4,000-5,000 บาทต่อครั้ง เดือนหนึ่งก็เป็นหมื่น ในขณะที่เรายังไม่รู้เลยว่าจะได้เงินจากการขายส้มเท่าไร แต่เมื่อเรามาใช้สะเดา ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลดลงไปประมาณ 10 เท่าคือ เหลือเดือนละประมาณ 1,000 บาทเท่านั้น เราก็เลยใช้สะเดาติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือนนับแต่นั้น ผลก็คือ ตามปกติ

เมื่อส้มโอออกดอกจะมีเพลี้ยไฟมาก ซึ่งทำให้ส้มโอเสียหายเป็นลายไม่สวย ส่งออกไม่ได้ แต่หลังจากใช้สะเดาฉีดคู่กับสารเคมี ในอัตราเข้มข้นสารเคมี 1 ส่วนต่อสารสกัดสะเดา 5 ส่วน ฉีดให้ทั่วเพลี้ยไฟก็ตายเรียบ และเมื่อเริ่มคุมเพลี้ยไฟได้ ผมก็ลดสารเคมีลงและเลิกผสมไปในที่สุด และใช้สะเดาล้วนๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จากปีหนึ่งที่ต้องฉีดสารเคมีประมาณ 30-40 ครั้ง หลังจากที่ใช้สารสกัดสะเดามาติดต่อกันเป็นเวลา 5-6 ปีแล้วก็เหลือฉีดปีหนึ่งไม่ถึง 10 ครั้ง ประหยัดทั้งเงิน ทั้งแรงงาน ความปลอดภัย ก็มีสูง ส้มก็ส่งนอกได้ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม" และนี่เองคือสาเหตุในการต่อกำลังใจให้แก่เขาและภรรยาที่จะเริ่มต้นสู้ใหม่อีกครั้ง และหันมาจริงจังกับการศึกษาคุณสมบัติของสารสกัดสะเดา

จนที่สุดในปี 2537 เขาก่อตั้งบริษัท ผลิตภัณฑ์สะเดาไทยขึ้นมา เพื่อผลิตสารสกัดสะเดาที่มีชื่อสามัญว่า AZA-DIRACHTIN เพื่อจำหน่ายแก่หน่วยงานราชการและเกษตรกรที่ต้องการ โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า "สะเดาไทย" และมีผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากสะเดาให้เลือกใช้หลายชนิด ได้แก่ สะเดาไทยหมายเลข 111 เป็นสารสกัดสะเดาที่ใช้ผสมกับน้ำฉีดพ่นเพื่อกำจัดแมลง, สะเดาไทย 222 เป็นสะเดาอัดเม็ดสำเร็จรูป มีคุณสมบัติกำจัดตัวหนอนหรือตัวอ่อนของแมลงในดิน และไส้เดือนฝอยที่กัดกินรากพืชอยู่ในดิน ทั้งยังใช้เป็นปุ๋ยธรรมชาติได้ด้วย และสะเดาไทย 555 เป็นสะเดาบดสำหรับปรับปรุงดินและเป็นปุ๋ยธรรมชาติเช่นกัน

นอกจากนั้น เขายังทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้ที่สนใจทั่วไป โดยมีสวนของเขาเป็นกรณีศึกษา ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้เขาจะปรับปรุงสวนของเขาให้มีพันธุ์ไม้หลายชนิด ทั้งแปลงผัก แปลงผลไม้ และแปลงดอกไม้ เพื่อให้การศึกษาได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย

"ตอนนี้เริ่มมีบริษัทเคมีในต่างประเทศหันมาเพาะแมลงที่เป็นประโยชน์ขาย แต่เขาจะไม่สามารถข้ามขั้นตอนของการใช้สารสกัดสะเดาได้เลย เพราะหากเขานำแมลงที่มีประโยชน์ไปปล่อยในแปลงพืชของเขา ขณะที่ยังมีแมลงศัตรูพืชจำนวนมากอยู่ ก็จะไม่ได้ผลอะไรเลย ทั้งยังเป็นการฆ่าแมลงที่เป็นประโยชน์อีกด้วย ดังนั้นจึงต้องใช้สารสกัดสะเดา มาควบคุมศัตรูพืชให้ได้ก่อนในช่วงเริ่มต้น" ชาตรีกล่าวถึงความจำเป็นของการใช้สารสกัดสะเดาต่อการเกษตรที่หลีกเลี่ยงสารเคมี และเขามีความเห็นว่า "สะเดา" จะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจในอนาคต เนื่องจากเกษตรกรต้องหันมาใช้ประโยชน์จากสะเดากันมากขึ้น นอกจากสารสกัดจากสะเดาจะมีคุณสมบัติในการกำจัดแมลงศัตรูพืชแล้ว ยังมีคุณสมบัติเป็นสมุนไพรรักษาโรคได้หลายโรคด้วย เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น และส่วนของเนื้อไม้ก็สามารถนำไปใช้ในการก่อสร้างได้ เนื่องจากเนื้อไม้สะเดามีคุณสมบัติเป็นไม้เนื้อแข็ง โตไว ทนทานในทุกสภาพดินและอากาศแล้งแบบเมืองไทย

"เราพยายามประสานงานกับหน่วยงานราชการ อาทิ กรมชลประทาน กรมทางหลวง และกรมป่าไม้ให้ปลูกต้นสะเดาริมคลอง ริมทาง เพื่อจะได้มีวัตถุดิบมากขึ้น เนื่องจากสารสกัดจากสะเดาที่ให้ประสิทธิภาพดี ต้องสกัดจากเมล็ดสะเดาที่เกิดจากต้นสะเดาที่ปลูกตามธรรมชาติ มีระยะห่างพอที่สะเดาจะติดลูกได้ เพราะหากปลูกชิดกันแบบสวนทั่วไปจะทำให้สะเดาไม่ออกลูก จะใช้ประโยชน์ได้แต่เพียงเนื้อไม้เท่านั้น"

แม้ว่า สารสกัดสะเดาจะมีคุณสมบัติในการกำจัดศัตรูพืชได้หลายชนิด แต่การขึ้นทะเบียนเป็นสารกำจัดศัตรูพืช ที่ไม่เป็นอันตรายต่อการบริโภคกับกรมวิชาการเกษตรนั้น สามารถขึ้นทะเบียนได้ครั้งละหนึ่งประเภทเท่านั้น โดยในขณะนี้ทางบริษัทได้ขึ้นทะเบียนกับหนอนชอนใบเป็นประเภทแรก และจะทำการขึ้นทะเบียนกับหนอนประเภทอื่นอีกต่อไป

นอกจากนั้น ชาตรียังฝากกระตุ้นเตือนรัฐบาลให้ใส่ใจกับการจดลิขสิทธิ์ การรักษาพันธุ์สมุนไพรไทย หรือพันธุ์ไม้ไทยด้วย เพื่อประโยชน์ของลูกหลานในอนาคต

ที่มา : ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
http://www.thaineem.co.th

-------------------------------------------------------


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©