-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางรายการวิทยุ 27 JAN
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางรายการวิทยุ 27 JAN

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 27/01/2012 7:10 am    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางรายการวิทยุ 27 JAN ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางรายการวิทยุ 27 JAN


**********************************************************

สร้างสรรสังคม....ส่งเสริมคนดี....พัฒนาชีวิต ให้มีคุณภาพ...

กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ทางสถานีวิทยุ พล.ปตอ. เอเอ็ม 594 เวลา 08.10–09.00 และ 20.05-20.30 ทุกวัน

ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ

เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 สายด่วน 4 ตัว ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว
ก่อนเริ่มรายการที่ โทรศัพท์มือถือส่วนตัว (081) 913-4986

**********************************************************



จาก : ถามตรงทางโทรศัพท์ (กึ่งถาม-กึ่งขู่)
ข้อความ : อยากปลูกเสาวรส ช่วยหาข้อมูลให้หน่อย ปลูกแล้วแปรรูปด้วยนะ จะคอยฟังคำตอบทางรายการวิทยุ พรุ่งนี้เช้า....
ตอบ :
- จะปลูกไว้ดูเล่น หรือปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ
- ถ้าปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ ถามหน่อย ตลาดอยู่ที่ไหน
- ทำเป็นน้ำเสาวรส แล้วส่งออก เห็นด้วยอย่างมากๆ เพาะส่งออกเท่านั้นที่จะทำให้
เศรษฐกิจชาติโตได้

- ประสบการณ์ตรง : สมช.รายการวิทยุ ป้ารำไพ อดีตครูจาก จ.เลย เคยปลูก
เสาวรสไว้ดูเล่นที่ อ.เสนา จ.อยุธยา ก็ออกดอกติดผลดกดีนะ




เสาวรส (Passion fruit) หรือที่เราเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า กะทกรกฝรั่ง




เป็นไม้ผลประเภทเถาเลื้อย อยู่ในตระกูล Passifloraceae โดยมีลักษณะลำต้นเป็นเถา มีมือเกาะออกตามซอกใบ และเมื่อผลสุกจะ มีสีต่างๆ กัน ขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ โดยพันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากในประเทศไทยมี 3 พันธุ์ คือ

1. พันธุ์ผลสีม่วง
เมื่อผลสุกจะมีสีม่วงเข้มผิวเป็นมัน น้ำจาก พันธุ์ผลสีม่วง มีรสชาติดีกว่าพันธุ์ผลสีเหลืองมีกรดต่ำสีสวยและหวาน จึงเหมาะสำหรับรับประทาน ผลสด ข้อเสียของพันธุ์นี้คือ ค่อนข้างจะอ่อนแอต่อโรค

2. พันธุ์ผลสีเหลือง
เมื่อผลสุกจะมีสีเหลืองขมิ้น ผิวเป็นมัน น้ำคั้นของพันธุ์นี้ มีกรดมาก ซึ่งมี pH ต่ำกว่า 3 เหมาะสำหรับส่งเข้าโรงงานเพื่อแปรรูปมากกว่าการ รับประทานผลสด ข้อดีของพันธุ์นี้คือ ให้ผลดกและมีความต้านทานโรคและแมลงสูงกว่าพันธุ์ผลสีม่วง

3. พันธุ์ลูกผสม
เป็นพันธุ์ที่เกิดจากการผสมระหว่างพันธุ์ผลสีม่วงกับพันธุ์ผลสีเหลือง เพื่อคัดเลือกต้นพันธุ์ใหม่ ที่รวมลักษณะผลที่เด่นของแต่ละพันธุ์ไว้ ทำให้มีลักษณะผลใหญ่ ให้ผลดก มีรกห่อหุ้ม เมล็ดมาก เปลือกบาง ต้านทานโรค และมีช่วงเวลาในการให้ผลที่ยาวนาน พันธุ์นี้จะให้ทั้งผลที่มีสีม่วงและผลสีเหลือง พันธุ์ลูกผสมนี้เหมาะสำหรับปลูกเพื่ออุตสาหกรรมการทำน้ำเสาวรส เพราะสามารถเก็บผลผลิตป้อนเข้าโรงงานได้ตลอดทั้งปี

ส่วนเปลือก ผลและเนื้อส่วนนอก มีลักษณะแข็ง ไม่สามารถรับประทานได้ และส่วนภายใน ผลมีเมล็ดสีน้ำตาลเข้มหรือดำจำนวนมาก ซึ่งเมล็ดจะมีรกเป็นเยื่อเมือกสีเหลืองหรือสีส้ม ลักษณะเหนียวข้นและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวห่อหุ้มอยู่โดยรอบ เสาวรสสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเขตอากาศเย็นทางภาคเหนือ หรือเขตอากาศร้อนชื้นทางภาคกลางและ ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก แต่ให้ผลผลิตต่อไร่สูง จึงเป็นพืชที่สามารถทำรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ดี ประกอบกับตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง

การใช้ประโยชน์ของเสาวรส
1. เนื้อในหรือรกที่หุ้มเมล็ดของผลเสาวรส ใช้รับประทานสดได้ โดยผ่าผลแล้วเติมน้ำตาลทรายเพียงเล็กน้อยก็สามารถรับประทานได้ทั้งเมล็ดเลย หรือจะนำไปทำเป็นแยมผลไม้ก็ได้

2. เปลือกและเนื้อส่วนนอก สามารถนำไปหมักทำเป็นอาหารสัตว์และปุ๋ยหมักได้

3. น้ำคั้นจากเนื้อซึ่งส่วนนี้มีกลิ่นหอมและ มีกรดมาก ใช้ผสมเป็นเครื่องดื่ม หรือใช้ผสมกับน้ำผลไม้ชนิดอื่น เช่น น้ำแอปเปิ้ล น้ำส้ม น้ำสัปปะรด น้ำพีช เป็นต้น โดยอัตราการผสมน้ำเสาวรสประมาณ 5 หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติที่ดี ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ เพราะนอกจากทำให้เครื่องดื่มมีกลิ่นและรสชาติที่ดีขึ้นแล้ว ยังมีคุณค่าทางอาหารสูงอีกด้วยและน้ำเสาวรสยังสามารถนำไปใช้แต่งกลิ่นและรสชาติของไอศกรีม ขนมเค้ก เยลลี่ เชอร์เบทพาย ลูกกวาด และไวน์

วิธีการเตรียมเครื่องดื่มจากเสาวรส
ส่วนผสม
- เสาวรสสุก 2-3 ผล
- น้ำต้มสุก 2 ถ้วย
- น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วย
- เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. นำผลเสาวรสสุกล้างให้สะอาด
2. ผ่า 2 ซีกและใช้ช้อนเอาเมล็ดและส่วนที่เป็นน้ำสีส้มออกให้หมดจากเนื้อผล
3. เติมน้ำสุกและคั้นกรองด้วยกระชอนกับ ผ้าขาวบาง เพื่อแยกเอาเมล็ดและเส้นใยออก
4. เติมน้ำเชื่อม เกลือป่น ชิมรสตามชอบ

คุณค่าทางโภชนาการ
ส่วนประกอบทางเคมีของน้ำเสาวรส ประกอบด้วยน้ำประมาณ 76-85% ของแข็งที่ละลาย ได้ประมาณ 17.4% คาร์โบไฮเดรตประมาณ 12.4% กรดอินทรีย์ประมาณ 3.4% นอกจากนั้นมีแคโรทีนอยด์ สารประกอบไนโตรเจน สารประกอบที่ให้กลิ่น วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ รวมทั้งเอนไซม์


จากการที่เสาวรสมีวิตามินเอค่อนข้างสูง โดยเฉพาะสารแคโรทีนอยด์ จึงช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ จากการศึกษาพบว่า มีวิตามินซีค่อนข้างสูง คือ 39.1 mg/100 g ของน้ำเสาวรส ซึ่งมากกว่าที่พบในมะนาวและพบสาร albumin-homologous protein จากเมล็ดของผลเสาวรสซึ่งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ และยังมีสรรพคุณ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเส้นเลือด และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

ดังจะเห็นว่าเสาวรสเป็นผลไม้ที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ แต่ในประเทศไทยกลับไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ทั้งๆ ที่เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ค่อนข้างสูง และใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง แถมยังเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย ให้ผลผลิตต่อไร่สูง ประกอบกับตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง สามารถทำรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ดี ดังนั้นทั้ง ภาครัฐบาลและเอกชนจึงควรทำการส่งเสริมการปลูก การแปรรูปผลิตภัณฑ์ ให้เป็นไม้ผลเศรษฐกิจ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ ผลไม้ชนิดนี้ให้รู้จักกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย

วิภาพรรณ ผจงวิริยาทร
กลุ่มวิจัยมาตรฐานสมุนไพร



http://www.google.co.th/imgres?imgurl=http://www.raiphuphanresort.com/images/1155714528/2.jpg&imgrefurl=http://www.raiphuphanresort.com/index.php%3Flay%3Dshow%26ac%3Darticle%26Id%3D338535%26Ntype%3D1&h=577&w=500&sz=105&tbnid=LFO3MXW3LZ3CSM:&tbnh=134&tbnw=116&prev=/search%3Fq%3D%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%26tbm%3Disch%26tbo%3Du&zoom=1&q=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AA&hl=th&usg=__hu4el_-8qr_7r900RNlTwHolH9c=&sa=X&ei=C_QhT9dWxrysB-m6kMAI&ved=0CCAQ9QEwAw

www.raiphuphanresort.com/index.php?lay=show...


----------------------------------------------------------------------------------------------------



จาก : (087) 369-96xx
ข้อความ : มะนาวเสียบยอด มี ข้อดี/ข้อเสีย อย่างไรบ้างครับ.....
ตอบ :
มะนาวเสียบยอดบนตออะไรน่าจะบอกกันหน่อย....

ยอดมะนาวแป้นเสียบยอดบนตอมะนาวด่านเกวียน, ตาฮิติ, น้ำหอมทูนเกล้า สามารถทำได้.....ยอดมะนาวแป้นเสียบยอดบนตอมะสังข์, มะขวิด หรือมะกรูด, ส้มโอ, ส้มเช้ง, ส้มเขียวหวาน, ส้มมือ, สิ้งจี๊ด ทำได้ทั้งนั้น....ทำไว้ดูเล่นน่ะดี แต่ทำเพื่อเศรษฐกิจ ไม่มีใครเขากันหรอก


เอาเป็นว่า ยอดมะนาวเสียบบนตออะไรก็สุดแท้ หลังจากเสียบติด ระยะอายุ 3-5 ปีแรก ทุกอย่างดูดี ให้ลูกดก คุณภาพสูง ไม่มีโรคแมลงรบกวน เพราะระบบรากของตอหาอาหารเก่งเป็นตัวเลี้ยง จากนั้นเหมือนตอจะเริ่มรู้ตัวว่า รู้ว่ายอดนี้ไม่ใช่ต้นของตัวเองแต่เป็นใครก็ไม่รู้ ว่าแล้วก็ไม่ส่งอาหารไปเลี้ยง เมื่อส่วนยอดแม้จะโตจนให้ผลผลิตแล้วไม่ได้รับสารอาหารก็จะเริ่มโทรม ไม่โตต่อ แคระแกร็น แล้วตายลงในที่สุด ในขณะเดียวกัน ตอจะใหญ่ขึ้นๆ จ้องแต่แตกใบอ่อน เพื่อให้เป็นต้นของตัวเอง ลักษณะที่ตอใหญ่ขึ้นๆ จนตอใหญ่กว่าต้น แต่ส่วนต้นยังใหญ่เท่าเดิมแบบนี้เขาเรียกว่า "ตีนช้าง" ซึ่งไม่ดี ..... วิธีการนี้ มาใหม่ๆนิยมกันมาก เดี๋ยวนี้ไม่มีใครทำแล้ว


----------------------------------------------------------------------------------------------------





จาก : (1188)
ข้อความ : น้ำส้มควันไม้ปล่อยไปกับน้ำ พืชตระกูลแตงโม มีผลดี ผลเสีย อย่างไรบ้าง.....ผู้ปลูกแตงโมมือใหม่ ลูกศิษย์อาจารย์
ตอบ :
"น้ำส้มควันไม้ ปล่อยไปกับน้ำ" เท่ากับให้ทางดิน แบบนี้ไม่มีข้อมูล ไม่เคยทำแล้วก็ไม่คิดจะทำด้วย เพราะสารสำคัญในน้ำส้มควันไม้ คงไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคพืชในดินได้หรอกนะ

ประสิทธิภาพของน้ำส้มควันไม้ในการกำจัดศัตรูโดยตรงน่าจะเป็น "กลิ่น" สำหรับไล่แมลงปากกัดปากดูดไม่ให้ทำลายพืช หรือเข้าวางไข่ให้เกิดหนอนมาทำลายพืชอีกต่อหนึ่ง....มั้ง

เห็นบอกกันลั่นสนั่นเมืองว่า ในน้ำส้มควันไม้มีฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ก็อยากถามย้อนว่า ฮอร์โมนตัวนั้น "ชื่ออะไร ?" เพราะในกระบวนการผลิต ต้องเผาไม้ให้ได้ควัน แล้วเอาควันไปควบแน่นให้เป็นหยดน้ำ ในขั้นตอนการเผามีความร้อนสูง ฮอร์โมนอะไรก็อยู่ไม่ได้ มั่นเสื่อมหมดแล้วไม่ใช่รึ

ฮอร์โมนธรรมชาติแท้ๆ สู้ความร้อนได้ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส ถ้าเกินนี้จะเสื่อมสภาพ และไม่สู้ UV ในแสงอาทิตย์ ถ้าโดนแสงอาทิตย์ก็เสื่อม เพราะฉนั้นต้องใช้ตอนทีไม่มีแสงแดดเท่านั้น นั่นคือ ให้ทางรากไม่ให้ทางใบ

ในพืชทุกชนิดมีฮอร์โมนธรรมชาติทั้งนั้น ไม่งั้นพืชจะเจริญเติบโด้ไง เพียงจะเป็นฮอร์โมนตัวไหน ปริมาณหรือความเข้มข้นจะ มาก/น้อย ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของพืช กับปัจจัย แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล

สำคัญสุดคือ ปริมาณหรือเปอร์เซ็นต์เนื้อฮอร์โมนเอาแน่นอนไม่ได้ บางครั้งอัตราเปอร์เซ็นต์ไม่ถึงขั้นตามที่พืชต้องการ เมื่อให้แก่พืชก็จะไม่ได้ผล เช่น ในกวาวเครือขาว.มี เอ็นเอเอ. ถ้าเอาน้ำหมักกวาวเครือขาว.ไปให้แก่ไม้ผลระยะเป็นดอกเพื่อบำรุงเกสร ถ้าเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้จริงของไม้ผลนั้น ก็จะไม่ได้ผล นี่เท่ากับเสียเวลาเปล่า

ข้อมูลเรื่อง "น้ำส้มควันไม้ (WOOD VENIGA)" ที่มาจากญี่ปุ่น เขาไม่บอกเหมือนที่ครูไทยเอาไปสอนเกษตรกร......ข้อมูลจากญี่ปุ่นบอกว่า ได้น้ำสัมควันไม้มาแล้ว ต้องเก็บนิ่งนาน 6 เดือนถึง 1 ปีขึ้น ให้กากทุกอย่างนอนก้น แล้วเอาส่วนน้ำใสด้านบนไปใช้ เท่านั้น.....หากเอาน้ำส้มควันไม้ที่ได้ใหม่ๆไปใช้เลย กากละอองจากไม้ที่ปนมากับควันจะไปอุดปากใบทำให้ต้นพืชได้.....สารสำคัญในน้ำส้มควันไม้จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดไม้ที่เอามาเผาด้วย ไม่ใชนึกจะเอาไม้อะไรมาเผาก็เผา ได้ควันมา ควบเย็นแล้วถือว่าใช้ได้เหมือนกันหมด......อย่ามั่ว


----------------------------------------------------------------------------------------------------




จาก : (090) 141-86xx
ข้อความ : ตอนส้มกิ่งอ่อน แบบมะนาวได้ไหม......
ตอบ :
ตอน กิ่งส้ม-กิ่งมะนาว เลือกกิ่งกลางอ่อนกลางแก่ ที่เปลือกเริ่มเกิดลายงา เป็นกิ่งกระโดงชี้ขึ้นฟ้า ความยาวกิ่งไม่ควรเกินครึ่งศอกแขนหรือสั้นกว่า


----------------------------------------------------------------------------------------------------




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©