-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ ........ 4 DEC
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ ........ 4 DEC

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 04/12/2011 6:59 am    ชื่อกระทู้: ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ ........ 4 DEC ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 4 DEC



**********************************************************

สร้างสรรสังคม....ส่งเสริมคนดี....พัฒนาชีวิต ให้มีคุณภาพ...

กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ทางสถานีวิทยุ พล.ปตอ. เอเอ็ม 594 เวลา 08.10–09.00 และ 20.05-20.30 ทุกวัน

ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ

เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 สายด่วน 4 ตัว ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว
ก่อนเริ่มรายการที่ โทรศัพท์มือถือส่วนตัว (081) 913-4986

*********************************************************






จาก : (083) 198-47xx
ข้อความ : จะปลูกกล้วยหอม ขอคำแนะนำปลูกพันธุ์อะไรดี.....ขอบคุณครับ

ตอบ :

กล้วยหอมแจ๊คพ็อต :
กล้วยหอมราคาดีมากช่วงเทศกาล ตรุษจีน, สาร์ทจีน, เชงเม้ง, ไหว้พระจันทร์. ผลที่มีขนาดใหญ่ จำนวนผลในหวีมาก สีจัด
ไร้ตำหนิ มีราคาแพงมาก ลักษณะสีเหลืองเปรียบเสมือนสีทอง ถือเป็นโหงวเฮ้งที่ดี คนซื้อใช้เป็นเครื่องเซ่นไหว้

ผลสุกเต็มที่ในวันเซ่นไหว้ถือว่าดีที่สุด แต่ปัจจุบันค่านิยมบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป กล้วยหอมที่ลักษณะทุกอย่างดี แต่ยังดิบอยู่
ก็ใช้เป็นเครื่องเซ่นไหว้ได้เช่นกัน


ระยะพัฒนาการของกล้วยหอม :
- ตั้งแต่เริ่มปลูกถึงแทงปลี 7-8 เดือน
- ตั้งแต่แทงปลีถึงเก็บเกี่ยว 70-80 วัน หรือ....
- ตั้งแต่เริ่มปลูกถึงตัดเครือ 10 เดือนครึ่ง


เทคนิคการทำให้ตัดเครือได้ในวันที่ต้องการ
1. จากวันตัดเครือ ให้นับถอยหลังในปฏิทิน 10 เดือน สำหรับการเลี้ยงต้น
2. จากระยะ 10 เดือนสำหรับการเลี้ยงต้นให้นับถอยหลัง 2 เดือน สำหรับการเลี้ยงเหง้า
3. จากระยะ 2 เดือนสำหรับการเลี้ยงเหง้า ให้ลงหน่อ สำหรับการตัดต้นก่อนเลี้ยงต้น
สรุป :
- ลงหน่อ 2 เดือน เลี้ยงเหง้าแล้วตัดต้น + 10 เดือน สำหรับการเลี้ยงต้น .... หรือ
- วันที่ตัดต้น คือ วันเริ่มนับอายุ เริ่มปลูก ถึง ตัดเครือ ..... หรือ
- ลงหน่อก่อนวันตัดเครือ 12 เดือน

หมายเหตุ :
- ในธรรมชาติไม่มีตัวเลขและไม่มีสูตรสำเร็จ วันที่ตัดเครือ คือ วันที่กล้วยยังดิบอยู่ หากต้องการขายกล้วยสุก ก็ต้องตัดเครือ
ล่วงหน้า 7 วัน สำหรับบ่ม
- กำหนดวันตัดเครือล่วงหน้า 7-15 วัน ต้องเปลี่ยนวันลงหน่อก่อน 12 เดือน เป็น 12 เดือนครึ่ง ก็จะทำให้มีกล้วยออกตลาดตั้งแต่
ก่อนวันไหว้ ถึงวันไหว้ 10-15 วัน
- หลังวันไหว้แล้ว ราคาจะกลับมาสู่ปกติ

**** การปฏิบัติบำรุงกล้วยหอม แจ้งแล้วตามรายละเอียดในลิงค์.....

คลิก.
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=26
[ กล้วยหอม. กล้วยน้ำว้า. กล้วยไข่. กล้วยเล็บมือนาง. ]

http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=29&page=1
กล้วยหอม...




ราคากล้วยหอมทองเฉลี่ยรายเดือน ประจำปี 2554

เดือน ................. เฉลี่ย ............... สูงสุด ................ ต่ำสุด
ม.ค. ................... - ................... - ................... -
ก.พ. ............... 385.00 ............ 420.00 .............. 350.00
มี.ค. ................... - ................... - ................... -
เม.ย. .................. - ................... - ..................... -
พ.ค. ................... - ................... - ..................... -
มิ.ย. ................... - ................... - ..................... -
ก.ค. ................... - ................... - ..................... -
ส.ค. .................... - .................. - ..................... -
ก.ย. .................... - .................. - ...................... -
ต.ค. .................... - .................. - ....................... -
พ.ย. .................... - .................. - ....................... -
ธ.ค. ..................... - .................. - ....................... -




วัน/เดือน/ปี ................. เฉลี่ย ............. สูงสุด .............. ต่ำสุด

23/02/2554 .............. 350 .............. 350 ............... 350
12/02/2554 .............. 420 .............. 420 ............... 420
15/06/2553 .............. 300 .............. 300 ............... 300
08/02/2553 .............. 300 .............. 300 ................ 300

http://www.taladsimummuang.com/dmma/portals/PriceListItem.aspx?id=020101030

-------------------------------------------------------------------------------------------





จาก : (084) 918-60xx
ข้อความ : ผมอยากทราบว่า ผมจะปลูกพริกกะเหรี่ยง เริ่มต้นวิธีขั้นแรก เริ่มต้นแบบไหน ตอบคืนนี้ครับ.....ขอบคุณครับ

ตอบ :

เตรียมดิน :
1. ไถดินขี้ไถใหญ่ๆ ตากแดดจัด 10-15 แดดจัด เพื่อฆ่าเชื้อโรค
2. ใส่อินทรีย์วัตถุ (ขี้ไก่แหลบ-ขี้วัว-ขี้หมู-ยิบซั่ม-เศษพืชแห้ง) อัตรา 15-25% ของเนื้อดิน
3. ราดทับอินทรีย์วัตถุด้วยปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 3-5 ล./ไร่
4. ไถพรวนให้ "อินทรีย์วัตถุ-ปุ๋ยน้ำชีวภาพฯ" คลุกเคล้ากับเนื้อดิน ลึก 30-50 ซม.
5. ทำแปลง สันแปลงสูง 20-30 ซม. โค้งหลังเต่าหรือแบนราบ ตามความเหมาะสม
6. รักษาความชื้นหน้าดินโดยคลุมแปลงด้วยหญ้าหรือฟางแห้งหนาๆ
7. บ่มดินโดยรดด้วยปุ๋ยน้ำชีวภาพฯ 30-10-10 (1-2 ล.)/ไร่/7 วัน 3-4 รอบ รวมเวลา 1 เดือน
8. ตรวจสอบน้ำขังค้างบนสันแปลง หลังให้น้ำ (วันละ 3 รอบ) แล้ว น้ำในเนื้อดินระดับ "ชื้น" สม่ำเสมอ
9. ถอนวัชพืชบนสันแปลงและข้างแปลงแล้วทิ้งคลุมหน้าดิน สม่ำเสมอ


เตรียมแปลง :
- ติดตั้งระบบสปริงเกอร์แบบพ่นน้ำเหนือทรงพุ่ม ให้หยดลงพื้นเอง
- พริกที่ปลูกยกแปลงเป็นสันลูกฟูก สูงๆ จะมีอายุยืนนานกว่าปลูกบนแปลงพื้นราบหรือสันแปลงเตี้ยๆ


เตรียมเมล็ดพันธุ์ :
- ตรวจสอบอายุเมล็ดพันธุ์ ที่เกี่ยวข้องกับระยะพักตัว หรือเก่าจนเสื่อมความงอก
- ตรวจสอบความน่าเชื่อเถือของบริษัทผู้ผลิต

- แช่เมล็ดพันธุ์ใน "น้ำอุ่น 50 องศา ซ. (พีเอช 6.0) 1 ล. + ไคโตซาน 1 ซีซี. + สังกะสี อะมิโน คีเลต 1 ซีซี." นาน 6-12 ชม.
- นำเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการแช่แล้ว ห่มบนผ้าขนหนูชุบน้ำที่ใช้แช่จนชุ่ม

(ผ้าขนหนูชุบน้ำโชกๆ ปูบนถาดแบนราบ โรยเมล็ดที่แช่แล้วลงไป เกลี่ยเมล็ดอย่าให้ซ้อนทับกัน ปิดทับด้วยผ้าขนหนู ชุบน้ำโชกๆ
ด้านบนอีกชั้น กดผ้าขนหนูให้สัมผัสเมล็ดทั้งบนและล่าง แบบนี้จะทำให้เมล็ดได้รับอากาศที่ผ่านผ้าขนหนูลงไปอย่างทั่วถึง ส่งผล
ให้เปอร์เซ็นต์การงอกดี เก็บในร่ม อุณหภูมิห้อง ......ไม่มีผ้าขนหนู ใช้กระดาษชำระซ้อนกันหนาๆ แทนได้....กรณ๊ที่ต้องเพาะ
หลายวัน จนผ้าขนหนูหรือกระดาษชำระแห้ง ให้พ่นฝอยด้วยน้ำเปล่าพอเปียกได้)

เตรียมกล้า :
- เมื่อเมล็ดเริ่มมีรากงอกออกมาให้เห็น ไม่ควรให้ยาวเกินไป เพราะรากอาจหักได้ ให้นำลงเพาะในถุงเพาะกล้า ถุงละ 1-2 เมล็ด
- ดินเพาะกล้า "ดินร่วน + ขี้วัวเก่าข้ามปี + ยิบซั่ม + กระดูกป่น"
- วางเมล็ดที่ห่มรากเริ่มงอกแล้วลงบนดินเพาะ แล้วโรยทับด้วยดิรเพาะ หนาประมาณครึ่งข้อนิ้วมือ
- รดน้ำพอหน้าดินชื้น


บำรุงกล้าในถุงเพาะ :
- เก็บถุงเพาะกล้าในร่ม ให้น้ำพอหน้าดินชื้น ทุก 2-3 วัน
- เมื่อต้นกล้าโตได้ใบจริง 2-3 คู่ ให้แคลเซียม โบรอน 1 ครั้ง
- ก่อนนำกล้าลงปลูกในแปลง 3-5 วัน นำต้นกล้าออกแดด เริ่มจากแดดน้อยๆก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มแดดให้แรงขึ้นๆ ๆๆ เพื่อให้ต้นกล้า
ได้คุ้นเคยกับแสงแดด
- ก่อนย้ายกล้าลงแปลงให้งดน้ำ 2-3 วัน เพื่อให้ดินในถุงเพาะแห้ง กระชับรากดีๆ เมื่อยกต้นกล้าออกจากถุงก็จะมีดินหุ้มราก
- ลงกล้าช่วงเย็น ไม่มีแสงแดด ช่วยให้ต้นกล้าฟื้นตัวได้เร็ว
- เลี้ยงต้นกล้าให้โตได้ใบ 10-20 ใบก่อน จึงย้ายลงแปลงจริง ต้นจะโตเร็ว สมบูรณ์ แข็งแรง ให้ผลผลิตเร็ว และดีกว่าต้นกล้าเล็กๆ ที่
ใบยังน้อย

หมายเหตุ :
- ขั้นตอน "เตรียมดิน-เตรียมแปลง-บ่มดิน" ถือว่าสำคัญมาก จะช่วยให้ต้นพริก โตเร็ว สมบูรณ์ แข็งแรงให้ผผลิตดีทั้งปริมาณ
และคุณภาพ เหนืออื่นใด คือ ต้นอายุยืน (......การปลูกพริกแบบเดิมๆ ที่นิยมทำกันนั้น พอต้นพริกอายุได้ 6-8 เดือน ก็โทรม
จนต้องรือทิ้งแล้ว แต่หากมีการเตรียมดิน-เตรียมแปลงดี และบ่มดินดี ต้นพริกจะอายุยืนนานถึง 1-2-3 ปี......)

- ต้นพริกอายุยืนนานข้ามปี ต้นสูงท่วมหัว ให้ตัดแก่งเหมือน "ทำสาว" มะม่วงหรือไม้ผลทั่วไป ตัดแต่งขนาดทรงพุ่มให้เหลือความ
สูงราวหัวเข่า กว้าง 1 ศอกแขน แล้วบำรุงเรียกยอดใหม่ เลือกยอดใหม่ เอากิ่งที่เหมาะสมต่อการออกดอกติดผลไว้ กิ่งที่ไม่เหมาะ
ให้ตัดทิ้ง เพื่อไม่ให้ทรงพุ่มแน่นเกินไป ก็จะได้พริกต้นใหม่ ออกดอกติดผลเร็ว โดยไม่ต้องปลูกใหม่

- ไม่ใส่ปุ๋ยเคมีทางรากเพิ่ม เพราะ.....1) ในปุ๋ยน้ำวภาพระเบิดเถิดเทิง มีทั้งอินทรีย์ และปุ๋ยเคมี อยู่แล้ว กับ .....
2) จะให้ทั้งปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี ผ่านทางใบ เมื่อต้นโตขึ้นอยู่แล้ว

บำรุง :
ระยะต้นเล็ก......ทางราก ให้ "ปุ๋ยน้ำวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (1-2 ล.)" /ไร่/15-20 วัน รดโคนต้น บริเวณ
ทรงพุ่ม ตอนค่ำ ......ทางใบ ให้ "ไบโออิ" ทุก 7 วัน ฉีดพ่นให้โชก ลงถึงพื้นดินโคนต้น

ระยะต้นโตให้ผลผลิตแล้ว....ทางราก ให้ "ปุ๋ยน้ำวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 (1-2 ล.)/ไร่/15-20 วัน รดโคนต้น
บริเณทรงพุ่ม ตอนค่ำ ..... ทางใบ ให้ "UN" (ไบโออิ + ฮอร์โมนไข่ไทเป + ยูเกร้า) ทุก 7 วัน ฉีดพ่นให้โชก ลงถึงพื้นดินโคนต้น

หมายเหตุ :
- ทุกครั้งที่ฉีดพ่นทางใบ ให้ผสมสารสมุนไพรร่วมเข้าไปด้วย เพื่อประหยัดเวลา
- ฉีดพ่นสารสมุนไพรเดี่ยวๆ ทุก 2-3 วัน เพื่อป้องกัน
- การบำรุงต้นให้สมบูรณ์อยู่เสมอ ด้วยวิธีการแบบ "อินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสมของพริก" ความสบูรณ์ของต้น
จะช่วยให้เกิดภูมิต้านทานสู้กับโรค แมลงศัตรูพืชได้

-------------------------------------------------------------------------------------------


การปลูกพริกกะเหรี่ยง



คุณลักษณะที่เด่นเฉพาะตัวของพริกกะเหรี่ยง คือ ต้องปลายแหลม ก้นโต สีส้มจัด (ไม่แดงคล้ำ) เผ็ดแต่ไม่แสบลิ้นและมีกลิ่นหอม

อาจจะกล่าวได้ว่าพริกกะเหรี่ยงเป็นวัฒนธรรมของคนกะเหรี่ยง ก็ว่าได้ ถึงกับมีคำกล่าวว่า มีข้าว มีพริก มีฟืน ไม่ต้องมีเงิน ก็อยู่ได้
หลายคนเคยรับประทานก๋วยเตี๋ยวน้ำพริกกะเหรี่ยง แต่ไม่ทราบว่าพริกกะเหรี่ยงคือพริกอะไร

พริกกะเหรี่ยงไม่ใช่พริกขี้หนูสวน ในธรรมชาติพริกขี้หนูสวนจะเจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีในพื้นที่ปลูกที่ร่ม รำไรในขณะที่พริก
กะเหรี่ยงชอบแสงแดดจัด การปลูกพริกกะเหรี่ยงของคนกะเหรี่ยงจะปลูกแบบพืชไร่โดยการเอาเมล็ดพริกผสม กับเมล็ดพืชอื่น ๆ อาทิ
เมล็ดฟัก, แฟง, แตง กวา ฯลฯ หว่านในไร่หลังจากที่หยอดเมล็ด ข้าวไปแล้ว เมล็ดข้าวงอกก่อนและเป็นร่มเงา ให้ต้นกล้าผักซึ่งรวมถึง
ต้นกล้าพริกด้วย ระหว่างที่รอต้นข้าวให้ผลผลิตชาวกะเหรี่ยง จะได้กินผักชนิดต่าง ๆ เป็นอาหาร เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จต้นพริกกะเหรี่ยง
อยู่ ในระหว่างออกดอกและติดผลพอดี ชาวกะเหรี่ยงทยอยเก็บเกี่ยวพริกกะเหรี่ยงได้ต่อเนื่องถึง 5-6 เดือน

ชาวกะเหรี่ยงบอกถึงคุณลักษณะที่เด่นเฉพาะตัวของพริกกะเหรี่ยงดังนี้ ต้อง ปลายแหลม ก้นโต สีส้มจัด (ไม่แดงคล้ำ) เผ็ดแต่ไม่แสบ
ลิ้นและมีกลิ่นหอม พริกกะเหรี่ยงว่ามีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม มีลำต้นใหญ่ การแตกแขนงดี สามารถเก็บผลผลิตติดต่อกันได้ระยะ
เวลานาน นิยมแปรรูปเป็นพริกแห้งโดยใช้พริกกะเหรี่ยงสด 3 กิโลกรัม เมื่อเป็นพริกแห้งได้น้ำหนักเฉลี่ย 1-1.3 กิโลกรัม ปัจจุบันโรงงาน
ที่ผลิตซอสพริกนิยมนำเอาพริกกะเหรี่ยงแห้งไปปั่นผสมกับพริกหนุ่มเขียวเพื่อเพิ่มความเผ็ดและมีกลิ่นหอม

ผศ.ดร.จานุลักษณ์ ขนบดี จากสถาบันวิจัยเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จังหวัดลำปาง ได้กล่าวว่า
การปลูกพริกกะเหรี่ยงของเกษตรกรในเขตพื้นที่ ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ จ.ตาก ส่วนใหญ่เกษตรกรจะปลูกพริกกะเหรี่ยงแซมหรือปลูก
หมุนเวียนร่วมกับพืชชนิดอื่น ๆ เช่น ข้าวโพด และมันสำปะหลัง เป็นต้น

โดยสามารถปลูกพริกได้เพียงละ 1 ครั้งเท่านั้น ศักยภาพในการผลิตพริกกะเหรี่ยง ของเกษตรกรในเขต ต.คีรีราษฎร์ สามารถผลิตพริกได้
เฉลี่ยเพียง 200-300 กิโลกรัมต่อไร่เท่านั้น ผลผลิตออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม มีผลผลิตออกในแต่ละปีเฉลี่ยวัน
ละ 200,000 กิโลกรัม จากการดำเนินงานนักวิจัยได้รวบรวมพันธุ์พริกพื้นเมืองจนได้พริกสายพันธุ์ดี 14 สายพันธุ์

หลังจากนั้นทำการทดสอบและประเมินพันธุ์โดยนักวิจัยและภาคเอกชน ผลสำเร็จที่ได้ คือ พริกพันธุ์คีรีราษฎร์ 1 ที่สามารถปรับตัวได้ดี
ในพื้นที่ และ ให้ผลผลิตสูงมากกว่า 1.5 ตันต่อไร่ และได้ส่งเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรนำไปเพาะและเพิ่มจำนวนเมล็ดพันธุ์เพื่อการ
ผลิตและจำหน่ายเป็นพริกพันธุ์การค้าในระยะต่อไป


ที่มา : เดลินิวส์
http://www.xn--b3c4bjh8ap9auf5i.th/jobs-make-earning-2223
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©