-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - Wasabi (วาซาบิ)
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

Wasabi (วาซาบิ)

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11561

ตอบตอบ: 15/06/2011 5:47 am    ชื่อกระทู้: Wasabi (วาซาบิ) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Wasabi (วาซาบิ)





Have You ever tasted wasabi? With the rising popularity of Japanese cuisine in Thailand, it is not surprising that many of you can recall the taste of this powerfull green paste. Once wasabi touches your tongue, you feel a jolt that travels like electricity up your nasal cavity with a heat so intense that it makes yous eyes water. But as soon as the pain subsides, your head feels light with a slight euphoria, which is probaby why many people are unable to resist the taste of wasabi and often return for more.





What is wasabi and why do the Japanese use it as condiment? Wasabi, also know as Japanese horseradih, is a plant in the same family as cabbage and mustard. The root of the wasabi plant, which contains several health benefits, is finely grated into green paste that is used to eat with many Japanese dishes. Wasabi has an anti-bacterial property that can prevent food poisoning, which is why it often accompanies raw fish. The wasabi sting is also potent enough to kill the bacteria in your mouth, whicth helps freshen your breath and prevent cavities. In addition, wasabi may prevent gastric lesions and stop the grwth of stoach cancer cells. With a long list of health benefits, the spice lovers have ecen more reasons to add a bigger pinch of wasabi in their next meals. It is not just the thrill of eating it, but a pinch of wasabi a day could keep both the doctor and the dentist away.





[บทแปล]

วาซาบิ มีชื่อเรียก อีกอย่างหนึ่งว่า ฮอร์สราดิชญี่ปุ่น เป็นพืชตะกูลเดียวกับกะหล่ำปีและมัสตาร์ด รากของต้นวาซาบิ มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการนั้น ถูกนำมาบดให้ละเอียดและปั้นเป็นก้อนสีเขียวเพื่อใช้แกล้มอาหารญี่ปุ่น วาซาบิมีคุณสมบัติในการฆ่าแบคทีเรียซึ่งสามารถป้องกันโรคอาหารเป็นพิษ มันจึงเป็นเครื่องเคียงที่เหมาะกับปลาดิบเป็นอย่างยิ่ง เพราะความเผ็ดร้อนของวาซาบิ แรงพอที่จะฆ่าแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งช่วยให้ลมหายใจสดชื่นและป้องกันฟันผุ นอกจากนั้น วาซาบิยังป้องกันโรคแผลในกระเพาะอาหาร และช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งในช่องท้องได้อีกด้วย และการทานวาซาบิวันละ 1 ก้อนอาจช่วยให้ไม่ต้องไปหาทั้งอายุรแพทย์และทันตแพทย์เลยก็ได้นะครับ








http://sara-d-onair.exteen.com/20081111/wasabi



เช้านี้ (13 มิ.ย. - 05.30) ข่าวเกษตร ทีวี ช่อง 7 นำเสนอเรื่อง "วาซาบิ" หรือ "ต้นมาสตาด" ซึ่งเป็นผักเมืองหนาว สามารถปลูกได้แล้วที่ลำปาง (หรือลำพูน อาจจำผิด) ........... ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11561

ตอบตอบ: 15/06/2011 5:56 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

วาซาบิ

รศ.นิพนธ์ ไชยมงคล


วาซาบิ Japanese horseradish/ Wasabi ; Eutrema wasabi (Siebold)
Maxim. Syn. Wasabia japonica (Miq.) Matsumuraอยู่ในวงศ์Brassicaceae (Cruciferae) หรือ พืชตระกูลกะหลํ่า ภาษาเขียนของญี่ปุ่นมีความหมาย คือ Mountain Hollyhock เนื่องจากใบมีลักษณะคล้ายดอกโฮลี่ฮอค และขึ้นบนภูเขา รากวาซาบิ เรียก hon wasabi หรือ true wasabi เป็นพืชป่าดั้งเดิมของญี่ปุ่น เจริญได้ดีในสภาพที่มีอุณหภูมิ ความเข้มแสงตํ่า ความชื้นสูง พบเจริญตามธรรมชาติใกล้แหล่งนํ้า ลำธารบนภูเขา เชื่อว่าแหล่งกำเนิดมาจากเกาะSakhalin ทางทิศเหนือของ Hokkaido ต่อมาแพร่กระจายไปทั่วเกาะญี่ปุ่น สายพันธุ์ที่พบมีสองสายพันธุ์ คือ Wasabi tenuis ซึ่งเป็นสายพันธุ์ป่าเรียก yuri wasabi และ Wasabia japonica สายพันธุ์ที่นำมาเพาะปลูกเรียก swamp wasabi หรือ sawa wasabi ทั้งสองสายพันธุ์จะแตกต่างกันด้านขนาดของราก สีของดอก และขนาดของใบ Wasabia japonica มีชื่อวิทยาศาสตร์ต่าง ๆกัน คือ Allaria wasabi (Sieb.) Makiko.; Cochlearia wasabi (Sieb.); Eutrema wasabi (Sieb.) Maxim.; Eutrema japonica (Miq.) Koidz; Eutrema okinosi mensis Takenouchi; Lunaria japonica Miq.; Wasabia pungons Malsum. เป็นต้น

ชาวญี่ปุ่นรู้จัก wasabi และนำ มาประกอบอาหารกว่า 400 ปี และนำมาเพาะปลูกเป็นการค้าประมาณ 300 ปี โดยในระยะแรกจะปลูกแบบธรรมชาติ คือ ปลูกในลำ ธารที่มีนํ้าไหลผ่านตลอดเวลา แต่เนื่องจากความต้องการของตลาดสูงขึ้นจึงได้นำ ไปปลูกในนาข้าวที่อยู่ในพื้นที่สูงและรักษาระดับความชื้นสมํ่าเสมอ นอกจากนี้ได้นำไปขยายพื้นที่ผลิตในไต้หวันและเกาหลี เมื่อประมาณ 60 ปีที่ผ่านมา

ปัจจุบันความต้องการของตลาดในประเทศไต้หวันและเกาหลีสูงขึ้น ทำให้ผลผลิตไม่พอเพียงสำหรับความต้องการของตลาดในญี่ปุ่น จึงได้นำไปขยายพื้นที่ปลูกใน ประเทศจีน เนปาล นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา แคนนาดา และ อินโดนีเซีย

วาซาบิปลูกเพื่อใช้ราก ก้านใบและใบ ประกอบอาหาร หรือแปรรูป ในระยะแรกใช้ประกอบอาหารทะเล เนื่องจากมีรสชาติเผ็ดและมีความหวาน สีเขียวอ่อน กลิ่นหอม จึงนิยมใช้ประกอบอาหารญี่ปุ่น เช่น ปลาดิบ (sashimi) ข้าวห่อสาหร่าย (sushi) ก๋วยเตี๋ยว (soba) วาซาบิมีรสชาติเผ็ดแตกต่างจากพริกคือ มีระยะความเผ็ดสั้น กลิ่นจะสูญเสียเมื่อผสมซีอิ้วหรือเมื่อได้รับความร้อน

การบริโภคอาจจะใช้ในรูปสดโดยบดหรือขูดเป็นฝอย ใส่อาหาร หรือแปรรูป เช่น วาซาบิเข้มข้น (paste) วาซาบิผง (powder) และในรูปนํ้า เพื่อใช้ปรุงแต่งกลิ่น ก้านใบ และใบใช้ดองในเหล้าสาเก หรือในซีอิ้ว

เนื่องจากปริมาณการผลิตวาซาบิไม่พอเพียง จึงนำ ฮอสเรดิช หรือมัสตาด ผสมแป้ง และสีเขียวจากพืชมาใช้แทน

วาซาบิเป็นพืชที่มีมูลค่าสูง เนื่องจากปลูกได้เฉพาะบางพื้นที่ ๆมีสภาพแวดล้อมเหมาะสม ใช้เวลาตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวนาน 18 เดือน - 2 ปี อยู่ในกลุ่มพืชต้องการความชื้นสูง (aquatic plant) เจริญได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิตํ่า และความเข้มแสงตํ่า ในพื้นที่ ๆมีอุณหภูมิเฉลี่ย 20 องศา ซี. อุณหภูมินํ้า 10-13 องศา ซี. ความเข้มของแสงไม่เกิน 2,000 แรงเทียน คือ สภาพแปลงปลูกที่เหมาะสำหรับการปลูกวาซาบิ โดยทั่วไปจะปลูกในพื้นที่สูง 1,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป มีแหล่งนํ้าสะอาดพอเพียง ในเขตร้อนเจริญได้ดีในสภาพแปลงปลูกที่มีต้นไม้ไม่ผลัดใบขนาดใหญ่ขึ้นหนาแน่น

วาซาบิเป็นพืชข้ามปี ประกอบด้วยรากสะสมอาหาร (rhizome) และรากดูดกลืนอยู่ใต้ดิน รากสะสมอาหารมีลักษณะกลม ปลายรากแหลม ประกอบด้วยตาหน่อ ซึ่งจะเจริญและใช้ขยายพันธุ์ต่อไป แต่ละรากจะมีจำนวนหน่อ 20 หน่อ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพแวดล้อม ขณะที่ตาหน่อเจริญ ตาหน่ออื่น ๆจะพักตัว จนกว่าจะปลิดหน่อแรกออก หน่ออื่นจึงจะสามารถเจริญได้

W. japonica มีความยาว 5.0–30.0 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.0 ซม. มีจำนวนราก 20-25 รากต่อต้น ความยาว 30–100 เซนติเมตร ซึ่งจะเจริญเป็นรากสะสมอาหารและรากดูดกลืน ส่วนที่อยู่เหนือดินประกอบด้วยก้านใบยาว 30–50 ซม. ใบมีลักษณะรูปไข่หรือกลม ส่วนโคนใบที่ติดกับก้านใบจะเว้าเข้าไปเป็นรูปหัวใจ คล้ายใบบัวบก กว้าง 15.0-30.0 เซนติเมตร จำนวน 55–65 ใบต่อต้น การเจริญของใบในฤดูหนาวและฤดูร้อนค่อนข้างช้าประมาณ 2-3 ใบต่อเดือน ในสภาพอากาศที่เหมาะสมใบเจริญ 5-6 ใบต่อเดือน ต้นวาซาบิที่มีอายุ 15 เดือนจะมีจำนวนใบประมาณ 62 ใบ และใบจะเหลือง ร่วง 2-6 ใบต่อเดือน ช่อดอกแบบไม่จำกัด ยาว 20–60 ซม. ดอกมีสีขาว กลีบดอกยาว 8.0-9.0 มิลลิเมตร เมล็ดจะมีการพักตัว 3 เดือน

ในประเทศญี่ปุ่นดอกเริ่มเจริญในเดือนมกราคมและดอกบานสูงสุดในเดือนเมษายน เมล็ดพันธุ์สามารถเก็บเกี่ยวได้ 50-60 วัน หลังจากดอกบาน เมล็ดอ่อนสีเหลือง ส่วนเมล็ดแก่สีดำ การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์เริ่มจากปลายเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคม ความแข็งแรงของเมล็ดขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในระยะที่เมล็ดเจริญ การเก็บเกี่ยวเมล็ดในช่วงกลางเดือนเมษายนจะให้เมล็ดที่มีคุณภาพสูงที่สุด

เมล็ดที่เก็บเกี่ยวใหม่ ไม่สามารถงอกได้ ระยะเวลาการพักตัวขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในระหว่างที่เมล็ดเจริญ เมล็ดที่แก่ในระยะที่มีอุณหภูมิตํ่า จะมีระยะพักตัวนานคุณค่าทางโภชนาการ

จากการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของวาซาบิพบว่า ประกอบด้วยสารที่สามารถสลายสารพิษในอาหาร ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่นิยมนำ มาบริโภคกับปลาดิบ การเปลี่ยนรูปของ glucoside (sinigrin; C10H16KNO9S2) โดย enzyme myrosinase ทำให้เกิดสารระเหยที่ให้กลิ่นหอมของวาซาบิ โดยมี allyl isothiocyanate เป็นส่วนประกอบที่สำคัญเมื่อบริโภควาซาบิ จะทำให้เกิดความร้อนขึ้นจมูก ส่วนประกอบที่สำคัญของสารนี้ คือ 6-methylthiohexyl isothiocyanate, 7-methylthioheptyl isothiocyanaye และ 8-methylthioocytyl isothiocyanate

จากการค้นพบสาร isothiocyanate ในวาซาบิ เมื่อนำไปทดลองกับสัตว์เลี้ยงพบว่านอกจากจะทำ ลายจุลินทรีย์ที่ทำ ให้เกิดอาหารเป็นพิษ ยังสามารถป้องกันเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหลอดลมอักเสบและป้องกันโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร มะเร็งเต้านม และมะเร็งในลำ ไส้ใหญ่ นอกจากนี้พบว่าสามารถป้องกันโรคฟันผุที่เกิดจากเชื้อ Streptococcus mutans.

การขยายพันธุ์ สามารถทำ ได้โดยการเพาะเมล็ด แยกกอ การเลี้ยงเนื้อเยื่อหรือใช้หน่อขนาดเล็กการเพาะกล้าจะใช้เวลา 1 ปี และเก็บเกี่ยวหลังย้ายปลูก 10–12 เดือน การใช้รากขนาดเล็กจะเก็บเกี่ยวหลังปลูก 8–10 เดือน

การปลูกในประเทศไทย มีผู้นำเข้ามาทดลองปลูกกันมาก แต่ไม่ประสพผลสำ เร็จเนื่องจากพันธุ์และสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม สาขาพืชผัก ภาควิชาพืชสวน คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้เริ่มทำ การศึกษาเมื่อเดือนมีนาคม 2531 ที่ศูนย์ฝึกอบรมและสาธิต ห้วยทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ (ระดับความสูง 750 เมตร จากระดับนํ้าทะเล) พบว่าในระยะต้นกล้า ลำต้น และใบ เจริญได้ดี แต่รากมีขนาดเล็กเนื่องจากอุณหภูมิค่อนข้างสูงและเป็นป่าโปร่ง การเจริญทางลำต้น ใบ สูง


แหล่งผลิตการตลาด
แหล่งผลิตและตลาดที่สำ คัญคือ ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี จีน และไต้หวัน ซึ่งเป็นทั้งประเทศผู้ผลิตและผู้นำเข้า แต่ตลาดที่ใหญ่ที่สุด คือ ญี่ปุ่น

การผลิตในปัจจุบัน
ประเทศ ............... ผลผลิต (ตัน/ปี)
ญี่ปุ่น ..................... 5,000
ไต้หวัน ................... 500
อื่น ๆ ..................... 500

***** ผลผลิตในไต้หวัน 5,040 กิโลกรัมต่อไร่ (เฉลี่ย 250 กรัม/ต้น)


สภาพดินปลูก
วาชาบิ เป็นพืชที่ใช้รากเป็นอาหาร ดังนั้นดินในพื้นที่ปลูกควรจะร่วนซุย หน้าดินลึก ระบายนํ้าได้ดีปานกลาง มีอินทรีย์วัตถุสูง pH 6.0–6.5


การเตรียมแปลงเพาะกล้า
ทำ แปลงเพาะกว้าง 1.00 เมตร ยาว 10–15 เมตร (แปลงยาวเหนือ–ใต้) สูง 40 ซม. ทำหลังแปลงเป็นรูปโดม นูนขึ้นเล็กน้อย ปรับ pH ให้อยู่ระหว่าง 6.0–6.7


ปุ๋ยสูตรที่ 1 เตรียมดิน (กก./ตร.ม.) ...... ปุ๋ยสูตรที่ 2 ก่อนเพาะเมล็ด (กก./ตร.ม.)
1. ปุ๋ยหมัก 1.4 กก. ....................... 1. ปุ๋ยหมัก 1.4 กก.
2. มลูวัว 0.5 กก. ......................... 2. 12-24-12 0.25 กก.
3. ปนูขาว 0.25 กก. ...................... 3. โดโลไมท์ 0.25 กก.


การอบดิน
หลังจากใส่ปุ๋ย คลุกดินด้วยไตรโคเดอร์ม่า หรือ Tachigaren อัตรา 30 กรัม/ตร.ม. เพื่อป้องกันและกำจัดโรคในดิน


การเพาะเมล็ด
1. แช่เมล็ดในเบนเลท อัตรา 1: 1000 (เก็บรักษาใน 5 องศา ซี. เวลา 6 ชั่วโมง)
2. แช่เมล็ดในจิบเบอเรลลิค แอซิด 100 ppm (เก็บรักษา 5 องศา ซี. เวลา 4-5 ชั่วโมง)
3. หยอดเมล็ดระยะ 4 x 6 ซม. ใช้เมล็ด 3-4 ต้น/หลุม
4. กลบปุ๋ยหมักบางๆ
5. ใช้ เบนเลท อัตรา 1 : 1,000 รดแปลงให้ทั่ว
6. รักษาอุณหภูมิแปลงเพาะให้อยู่ระหว่าง 12–13 องศา ซี.
7. รักษาความชื้นให้สมํ่าเสมอ อย่าให้แฉะหรือแห้งเกินไป
8. เมล็ดจะงอกภายในเวลา 7-10 วัน


การย้ายกล้า
ครั้งที่หนึ่ง
- ย้ายเมื่อมีใบจริงใบแรกกางออกเต็มที่ 1 ใบ
- ใช้จำนวนต้น 120-180 ต้น/ตร.ม. (7 x 10 ซม.)


การใส่ปุ๋ยแปลงกล้า
ระยะที่มีใบจริง 1-2 ใบ ใช้ ยูเรียละลายนํ้า 1.5 - 1.8 กรัม/ลิตร
ระยะที่มีใบจริง 3-4 ใบ ใช้ ยูเรียละลายนํ้า 2.0 - 3.0 กรัม/ลิตร


พรวนดินและใส่ปุ๋ยคอกเพิ่ม
รักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระหว่าง 13-15 องศา ซี.

ครั้งที่สอง
ทำ การย้ายกล้าครั้งที่ 2 หลังจากย้ายครั้งที่ 1 เป็นเวลา 3 เดือน
การย้ายกล้าควรขุดให้ลึกและรากติดมากที่สุด
ใช้จำนวนต้น 30 ต้น/ตร.ม. (15 x 20 ซม.)

ครั้งที่สาม
ขึ้นอยู่กับการเจริญเติบโตของพืช
ใช้จำนวนต้น 10 ต้น/ตร.ม. (20 x 30 ซม.)


การย้ายกล้า
หลังจากถอนกล้าควรเก็บไว้ในที่ร่มทันที ในกรณีที่ไม่สามารถปลูกได้ในทันที สามารถเก็บรักษาในห้องเย็นได้ 30 วัน

การปลูกควรทำ ความสะอาดราก โดยใช้นํ้าสะอาด ตัดแต่งใบที่เสียออก เพื่อป้องกันโรคแพร่กระจายในแปลงปลูกและลดการคายนํ้าในระยะแรก


แปลงปลูก
ควรเตรียมดินให้ลึก 50-60 ซม. ใช้หินเรียงด้านข้างแปลง เพื่อป้องกันการพังทะลายของดิน

เจาะร่องแปลงปลูก ใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยเคมี ตามวิธีการใส่ปุ๋ย ผสมให้คลุกกับดิน ขึ้นแปลงให้มีหน้าดินสูง 40-50 ซม. ใช้จำนวนต้น 9-10 ต้น/ตร.ม. หรือใช้ระยะปลูก 25 x 40 ซม.

การใส่ปุ๋ย (จำนวน กก./ 1,000 ตร.ม. )
1. มูลวัว
2. กากถั่ว
3. ปุ๋ยหมัก
4. magnesia lime
5. 15-15-15


การใส่ปุ๋ยหลังจากครั้งที่ 5
ใส่ปุ๋ย 13-13-21 จำนวน 40 กก./1,000 ตร.ม. ทุก 3-6 เดือน


การคลุมดิน
หลังจากย้ายปลูกควรใช้วัสดุคลุมดิน เพื่อรักษาความชื้น ควบคุมวัชพืช และควบคุมอุณหภูมิในดินโดยรักษาอุณหภูมิในดินให้อยู่ในระดับ 19 องศา ซี. ฟางข้าวสามารถลดอุณหภูมิในดินช่วงฤดูร้อน ขี้เถ้าแกลบช่วยเพิ่มอุณหภูมิในฤดูหนาว

การพลางแสง
เนื่องจากเป็นพืชที่ต้องการความเข้มแสงตํ่า การปลูกในเขตร้อนซึ่งมีความเข้มแสงสูง และอุณหภูมิสูงกว่า 24.0 องศา ซี. ควรปลูกในระหว่างต้นไม้ใหญ่ หรือพลางแสง 70-75 %


การให้นํ้า
วาซาบิเป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูง อาจจะปลูกโดยให้นํ้าไหลผ่านแปลงปลูกสูง 2-3 เซนติเมตร หรือทดนํ้าเข้าแปลง หรือให้นํ้าระบบสปริงเกอร์ โดยเฉพาะช่วงที่มีอุณหภูมิสูง การให้นํ้าช่วยลดอุณหภูมิในดินและในแปลงปลูก

การปลูกในพื้นที่ ๆมีความชื้นสูง ประกอบด้วยรากจำนวน 20-25 ราก มีความยาวแตกต่างกันตั้งแต่ 30–100 เซนติเมตร ซึ่งจะพัฒนาเป็นรากสะสมอาหารและรากดูดกลืนต่อไป


การป้องกันและกำ จัดโรคแมลง
วาซาบิเป็นพืชตระกูลกะหลํ่า โรคและแมลงเข้าทำ ลายเช่นเดียวกับพืชตระกูลกะหลํ่าอื่นๆ โดยทั่วไปวาซาบิค่อนข้างทนทานต่อโรคและแมลง ควรฉีดสารเคมีป้องกันและกำจัดเฉพาะเมื่อศัตรูพืชเข้าทำลาย ในระยะเพาะกล้าหรือในแปลงปลูก ควรใส่กำมะถันผง (sulfur dust) เพื่อป้องกันมดและหอยทาก


หมายเหตุ : สรุปผลการทดลองพบว่า
> เมล็ดพันธุ์ที่นำ เข้ามาควรรักษาให้มีสภาพความชื้นสูง

> การปลูกด้วยเมล็ดจะให้ผลดีกว่าการปลูกด้วยหัวพันธุ์ทั้งที่มาจากไต้หวันหรือญี่ปุ่น โดยมีนํ้าหนักเฉลี่ย 380 และ 470 กรัม/ต้น ในเวลา 5 และ 7 เดือนตามลำดับ

> หัวพันธุ์ที่มาจากญี่ปุ่น จะเจริญได้ดีและเร็วกว่าไต้หวัน แต่ค่อนข้างอ่อนแอ อัตราการรอดตายหลังย้ายปลูกตํ่า พบโรครากเน่าดำ เชื่อว่าจะติดมากับท่อนพันธุ์ โรคนี้ระบาดมากในประเทศญี่ปุ่น

• หัวพันธุ์ที่มาจากไต้หวันเจริญช้าแต่ค่อนข้างทนทานต่อโรค
• หัวพันธุ์ที่มาจากไต้หวันจะทิ้งใบและแตกใบใหม่ ส่วนที่มาจากญี่ปุ่น จะไม่ทิ้งใบ
wasabi paste, wasabi powder
• การปลูกในเดือน กรกฎาคม จะเจริญได้ดีกว่าการปลูกในเดือนพฤษภาคม


การเก็บเกี่ยว
เก็บเกี่ยวหลังย้ายปลูก 18-24 เดือน หรือเมื่อรากมี
ความยาว 4-6 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ทำ ความสะอาด
แยกรากขนาดเล็กออก เพื่อนำ ไปขยายพันธุ์ต่อไป



คลิกไปดูรูปประกอบ....
http://www.agric-prod.mju.ac.th/vegetable/File_link/wasabi.pdf
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11561

ตอบตอบ: 15/06/2011 6:52 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

"วาซาบิ" ของดีญี่ปุ่น คนไทยหัวใส ผลิตขายทั่วโลก....


คลิกไปดูตามลิงค์.......(COPY มาไม่ได้)
http://www.siaminfobiz.com/mambo/content/view/2890/
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©