kimzagass |
ตอบ: 20/03/2010 11:23 pm ชื่อกระทู้: กล้วยหอมทอง สู่ญี่ปุ่น...ประสบการณ์ตรง |
|
กล้วยหอมทองปลอดสาร ตลาดเลือกได้ ก้าวไกลสู่ญี่ปุ่น
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 50 กล้วยหอมทอง เป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่มีศักยภาพในการส่งออก โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นมีความต้องการสูงมากกว่า 13 ปี ที่สหกรณ์ผู้บริโภคของญี่ปุ่นได้ลงนามทำสัญญารับซื้อกล้วยหอมทองกับกลุ่มผู้ผลิตของไทย เนื่องจากความเชื่อถือในคุณภาพสินค้าที่มีความปลอดภัย ไร้สารเคมีและสารพิษตกค้างปนเปื้อน ทำให้กล้วยหอมทองของไทยสามารถโลดแล่นอยู่ได้ในตลาดญี่ปุ่น ซึ่งนับวันแนวโน้มความต้องการของตลาดยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
นายโกศล โกมินทร์ เลขานุการกลุ่มเกษตรกรทำสวนทุ่งคาวัด อ.ละแม จ.ชุมพร กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรทำสวนทุ่งคาวัดเป็นกลุ่มหนึ่งที่มีการผลิตกล้วยหอมทองส่งออกไปยังญี่ปุ่น โดยกลุ่มฯได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเมื่อปี 2538 แรกเริ่มมีสมาชิก 36 ราย พื้นที่ปลูกประมาณ 70 ไร่ ส่งออกปีแรกประมาณ 200 กิโลกรัม ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 580 ราย กระจายอยู่ในพื้นที่ อ.ละแม อ.พะโต๊ะ อ.หลังสวน อ.ทุ่งตะโก อ.ท่าแซะ อ.เมือง จ.ชุมพร และมีบางส่วนอยู่ในเขต อ.ท่าชนะ อ.ไชยา อ.ดอนสัก อ.ตาขุน อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี รวมพื้นที่ปลูกกล้วยหอมทองปลอดสารพิษกว่า 1,800 ไร่ ประมาณ 80% ของสมาชิกเป็นเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินของ ส.ป.ก.
ช่วงปีที่ผ่านมา กลุ่มฯมีการผลิตและส่ง ออกกล้วยหอมทองปลอดสารไปยังญี่ปุ่น ประมาณ 2,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 21 ล้านบาท ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ปี 2550 นี้ กลุ่มฯจึงได้ปรับวิสัยทัศน์การดำเนินงานใหม่ คือ มุ่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างงานในชนบท งดใช้สารเคมี สร้างสัมพันธไมตรีสู่สากล โดยมีแผนเร่งขยายฐานการผลิตให้ได้ 2,000-3,000 ไร่ ใน 4 จังหวัด ทั้งชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และประจวบคีรีขันธ์ ขณะนี้กลุ่มฯมีการส่งออกกล้วยหอมทอง ประมาณ 35-40 ตัน/สัปดาห์ โดยส่งออกผ่านบริษัท แพน แปซิฟิค ฟู้ด คอร์ปอเรชั่น จำกัด ราคารับซื้ออยู่ที่ 14 บาท/กิโลกรัม และปีนี้ได้ตั้งเป้าที่จะผลักดันส่งออกกล้วยหอมทองดิบปลอดสารไปยังญี่ปุ่นให้ได้กว่า 3,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท
นายโกศลบอกอีกว่า กลุ่มฯมีการวางแผนการผลิตล่วงหน้า เน้นให้สมาชิกทุกแปลงจดบันทึกข้อมูลอย่างละเอียด ตั้งแต่การตรวจแปลง เตรียมดิน วัน เดือน ปีที่เริ่มปลูกกล้วย และต้องรายงานให้กลุ่มทราบเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะเมื่อกล้วยหอมทองมีอายุ 7 เดือน ซึ่งจะเริ่มออกปลีและออกเครือ สมาชิกต้องแจ้งจำนวนเครือกล้วยที่จะส่งขายให้กลุ่มทราบ เพื่อจะได้ประมาณการผลผลิตรวมและวางแผนการตลาดล่วงหน้าได้ ขณะเดียวกันการจดบันทึกยังสามารถช่วยในการตรวจสอบย้อนกลับได้ กรณีตรวจพบสินค้ามีปัญหาสารพิษปนเปื้อน
การปลูกกล้วยหอมทองเน้นผลิตแบบปลอดสารพิษ 100% เพื่อสร้างจุดแข็งให้กับสินค้า โดยพื้นที่ 1 ไร่ ใช้หน่อพันธุ์กล้วยประมาณ 300 ต้น สมาชิกอาจปลูกพืชตระกูลถั่วคลุมดินระหว่างแนวต้นกล้วยเพื่อลดปัญหาเรื่องวัชพืช กล้วยจะแตกหน่อเพิ่มจำนวนมากขึ้น ปลูกหนึ่งครั้งสามารถใช้งานได้นาน 5-8 ปี ขึ้นอยู่กับระบบการจัดการและการรักษาหน่อพันธุ์ หากพบโรคและแมลงศัตรูพืชรบกวน เช่น หนอนเจาะต้นก็ฉีดพ่นด้วยน้ำหมักชีวภาพที่ผลิตขึ้นเอง นอกจากจะได้ผลผลิตที่มีความปลอดภัยแล้ว สมาชิกยังมีสุขภาพดี ดินไม่ถูกทำลายและช่วยลดต้นทุนด้วยซึ่งอยู่ที่ 25-27 บาท/เครือ
หลังปลูกประมาณ 8 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตจำหน่ายได้ โดยกล้วย 1 ต้นจะให้ผลผลิต 1 เครือเท่านั้น แต่ละเครือจะมี 6-9 หวี น้ำหนัก 10-15 กิโลกรัม/เครือ ทุกเครือที่ส่งเข้ามายังศูนย์รวบรวมผลผลิตของกลุ่มต้องถูกตรวจสอบเข้มงวด เพื่อเช็กคุณภาพให้ได้ตามเงื่อนไขที่ลูกค้ากำหนด ตั้งแต่การตรวจเช็กสีเนื้อ โดยสีเนื้อกล้วยที่ดี ต้องมีความสุกไม่เกิน 80% และผลกล้วยต้องได้ขนาดมาตรฐาน ซึ่งกล้วยที่จะส่งออกต้องมีน้ำหนัก/ผลไม่น้อยกว่า 110 กรัม
ทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ สินค้ากล้วยหอมทองปลอดสารของกลุ่มจะไปลงตู้เรือที่ท่าเรือแหลมฉบังและขึ้นฝั่งญี่ปุ่นที่ท่าเรือโกเบ ใช้ระยะเวลาเดินทาง 14 วัน เมื่อถึงฝั่งญี่ปุ่นต้องผ่านวิธีการทางศุลกากร โดยกล้วยทุกกล่องต้องไม่สุก ถ้าตรวจพบกล้วยสุกจะถูกนำไปทิ้งทะเลทันที ส่วนกล้วยที่เหลือต้องนำเข้าโรงบ่ม ก่อนตัดแต่งและส่งจำหน่ายให้ผู้บริโภคทั่วไป
ปัจจุบันสมาชิกกลุ่มฯมีรายได้เฉลี่ย 5,000-8,000 บาท/คน/ เดือน ทำให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น และกลุ่มฯได้เร่งถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตกล้วยหอมทองปลอดสารพิษ รวมถึงการปลูก การดูแลรักษา การจัดการสวน และเทคนิคการปรับปรุงพันธุ์กล้วยเพื่อเป็นต้นแบบให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ภาคกลาง เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม เพื่อให้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพและเพิ่มประสิทธิภาพระบบการผลิต
อย่างไรก็ตาม หากสนใจศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกกล้วยหอมทองปลอดสารพิษ เพื่อการส่งออก สามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มเกษตรกรทำสวนทุ่งคาวัด หมู่ 1 ต.ทุ่งคาวัด อ.ละแม จ.ชุมพร โทร. 08-9288-3796, 08-7271-6214
ที่มา : เดลินิวส์ |
|