-
MySite.com :: ทบทวนกระทู้ - ขอคำปรึกษา เรื่องนาข้าวอิสาน....
ผู้ส่ง ข้อความ
DangSalaya
ตอบตอบ: 20/09/2013 11:29 am    ชื่อกระทู้:

songpon03122526 บันทึก:
DangSalaya บันทึก:
DangSalaya บันทึก:
สวัสดีครับลุงคิม ..คุณทรงพล.....

ไม่มีอะไร...เห็นว่าเนื้อความมันอาจเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เลยยกมาไว้ใกล้ ๆ กัน...รวมเป็นเรื่องเดียวกันดีมั๊ย....

.


คุณทรงพลฯ

ป็นยังไงบ้าง หายจ้อยไปเลย ...ไม่เห็น Update รูปนาข้าวมาให้สมาชิกได้ดูกันบ้างเลย ..............
.


ครับผม

ติดตามข่าวสารทุกวัน

............ว่าจะ update วันนี้ การไฟฟ้าบอกจะดับไฟ 1 วัน

สงสัยเค้าอ้างว่า ลาวไม่ส่งกระแสไฟฟ้ามั๊ง เลยต้องดับไฟ ความจริงเหนือเขื่อนที่กั้นแม่น้ำมูล น้ำมันไม่มีแบบที่เขื่อภูมิพลนั่นแหละ..

เรื่องการรวมกระทู้ดีครับ พี่ใหญ่บอกวิธีรวมกระทู้หน่อยครับ

ขอบคุณครับ


คุณทรงพลฯ พี่มันเป็นแค่ คิมวางซุก ...เรื่องการรวมกระทู้หรือจะทำอะไรนี่นะ (ขี้เยี่ยวไม่ออก)กรุณาบอก Web Master Kimzagas ได้เลยครับว่า จะเอาแพะกระทู้ไหน มาชนกับแกะกระทู้ที่เท่าไหร่ แบบเดียวกับเอาม้าผสมฬา ออกมาเป็น ฬ่อ นั่นแหละ (น่าจะออกมาเป็นม้าฬ่อนะ)

ขืนให้พี่รวมมีหวัง ข้อมูลหายหมดทั้งเว็ป พี่ตายแน่ ๆ เลยน้องเอ๊ย....


.
kimzagass
ตอบตอบ: 20/09/2013 10:08 am    ชื่อกระทู้:

วิธี "เรียน-สอน" ที่ดีที่สุด คือ "เรียน-สอน" จากปัญหา เพื่อรู้จักปัญหาแล้ว เมื่อทำบ้าง จะได้ไม่เกิดปัญหา

วัฒนธรรมการเกษตรบ้านเรา ยุคนี้ควรเรียนรู้ "ปัญหา" ให้มากกว่า หรือเรียนก่อนการเรียนรู้แต่ "ความสำเร็จ" .... ทำอะไรแล้วไม่เกิดปัญหา ย่อมเกิดความสำเร็จ ตรงกันข้าม หากทำอะไรแล้วเกิดแต่ปัญหาปัญหาปัญหา ปัญหาเรื่องไม่เป็นเรือง ปัญหาโลกแตก ปัญหาซ้ำซาก ปัญหาไม่คาดคิด ปัญหาสภาวะจำยอม ปัญหาบางอย่างแก้ไขได้ ปัญหาบางอย่างแก้ไขไม่ได้ ต้องปล่อยเลยตามเลย มีแต่ปัญหาเดี๋ยวก็เกิดอาการต๊อแต๊ สุดท้าย คือ ล้มเหลว

สังเกตุซี่ ทุกปัญหาที่เกิด ล้วนแล้วแต่เคยเกิดมาแล้วทั้งสิ้น เกิดกับเราเกิดกับคนอื่น เกิดกับเราแล้วเกิดกับเราอีก ฉนี้ใยจึงยอมให้มันเกิดอีก


.... โบราณว่า :
เจ็บแล้วไม่จำ
ก่อนทำไม่คิด
ฉลาดแต่ไม่เฉลียว
ไม่กันก่อนแก้
แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
ไม่แก้ที่ต้นเหตุ
ไม่กันก่อนแก้
แก้ปัญหาแบบลิงแก้แห
แก้ปัญหาแบบวัวพันหลัก
จมปลักอยู่กับปัญหาเดิมๆ
.... ใช่หรือไม่ ?

"ความบล้มเหลว คือ ความสำเร็จ" (โธมัส อัลวา เอดิสัน) เพราะเมื่อทำใหม่จะไม่ทำซ้ำเดิม นั่นแล....


.
songpon03122526
ตอบตอบ: 20/09/2013 9:24 am    ชื่อกระทู้:

DangSalaya บันทึก:
DangSalaya บันทึก:
สวัสดีครับลุงคิม ..คุณทรงพล.....

ไม่มีอะไร...เห็นว่าเนื้อความมันอาจเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เลยยกมาไว้ใกล้ ๆ กัน...รวมเป็นเรื่องเดียวกันดีมั๊ย....

.


คุณทรงพลฯ

ป็นยังไงบ้าง หายจ้อยไปเลย ...ไม่เห็น Update รูปนาข้าวมาให้สมาชิกได้ดูกันบ้างเลย บ้านผม ฝนตกตลอด น้ำแยะมาก กำลังตากเกสร แต่หวาดเสียวช่วงวันจะ้กี่ยวประมาณกลางเดือนหน้า.......ไฟล์เสียงกำลังตัดต่อ จะส่งตามมา


.


ครับผม

ติดตามข่าวสารทุกวัน

แต่ไม่ค่อยได้โพส ที่ผ่านมาข้าวรอน้ำฝน ดูแล้วยังไม่สบายตา สบายใจ เลยยังไม่กล้าโพส ตอนนี้ข้าวพอดูได้แล้ว วันสองวัน เดี๋ยว update ครับ ว่าจะ update วันนี้ การไฟฟ้าบอกจะดับไฟ 1 วัน

เรื่องการรวมกระทู้ดีครับ พี่ใหญ่บอกวิธีรวมกระทู้หน่อยครับ

ขอบคุณครับ
DangSalaya
ตอบตอบ: 20/09/2013 7:51 am    ชื่อกระทู้:

DangSalaya บันทึก:
สวัสดีครับลุงคิม ..คุณทรงพล.....

ไม่มีอะไร...เห็นว่าเนื้อความมันอาจเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เลยยกมาไว้ใกล้ ๆ กัน...รวมเป็นเรื่องเดียวกันดีมั๊ย....

.


คุณทรงพลฯ

ป็นยังไงบ้าง หายจ้อยไปเลย ...ไม่เห็น Update รูปนาข้าวมาให้สมาชิกได้ดูกันบ้างเลย บ้านผม ฝนตกตลอด น้ำแยะมาก กำลังตากเกสร แต่หวาดเสียวช่วงวันจะ้กี่ยวประมาณกลางเดือนหน้า.......ไฟล์เสียงกำลังตัดต่อ จะส่งตามมา


.
DangSalaya
ตอบตอบ: 21/06/2013 8:34 am    ชื่อกระทู้:

สวัสดีครับลุงคิม ..คุณทรงพล.....

ไม่มีอะไร...เห็นว่าเนื้อความมันอาจเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เลยยกมาไว้ใกล้ ๆ กัน...รวมเป็นเรื่องเดียวกันดีมั๊ย....

.
kimzagass
ตอบตอบ: 13/02/2013 6:50 pm    ชื่อกระทู้: Re: ก้าวต่อไป

songpon03122526 บันทึก:


ยังมีคำถามอีกครับลุง

- เรื่องปากใบของพืช เรื่องนี้แต่ละแหล่งข้อมูลให้ข้อมูลไม่เหมือนกันเลย บางแหล่งบอกเปิดตอนกลางวัน บางแหล่งบอกเปิดช่วงเช้าถึงเที่ยง ตอนบ่ายเปิดบ้างแต่ไม่มาก บางแหล่งบอกเปิดตอนมีแสงอาทิตย์ อย่างไหนถูกต้องและการให้ปุ๋ยทางใบให้เวลาใดเหมาะสม ถ้าให้ตอนเช้า ตี 5 ถึง 8 โมงเช้า และ 4 โมงถึง 6 โมงเย็นจะได้ไหมครับ
ตอบ :
- นี่แหละที่คนโบราณว่า "รู้น้อยพลอยรำคาญ รู้มากยากนาน" ..... คนรุ่นเราเอาง่ายๆ "รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง กำลังดี"
- จะบอกว่า อย่ากังวลกับข้อมูลเลย ทุกข้อมูลมาจากนักวิชาการ.....คุณไม่รู้เหรอ นักวิชาการน่ะ ท่านไม่คุยกันหรอก กลัวเสียเหลี่ยม


- การสลายพิษจากกากน้ำตาลมีกี่วิธี อะไรบ้าง
ตอบ :
1) ต้มที่ความร้อน 80 องศา ซี. นาน 1 ชม.
2) หมักจุลินทรีย์นานข้ามปี


- เรื่องหม้อปุ๋ยหน้าโซนและระบบสปริงเกอร์ผมพยายามมองรูปจากในเว็บ แต่ก็นึกภาพจริงไม่ออก ยังไงคงต้องไปศึกษาไร่กล้อมแกล้มสักครั้ง
ตอบ :
เชิ่อเหรอว่ามันใช้งานได้จริง เพราะ "คนคิดคนทำ" ไม่มีความรู้เรื่องวิศวะน้ำเลย.....ในชีวิตร่ำเรียนเต่ "วิชาฆ่าคน" .....


- เรื่องต้นข้าวกลม ต้นข้าวแบน ที่ลุงให้สังเกตในระยะแตกกอตั้งท้อง ผมยังไม่กระจ่างครับ แต่ผมรู้ว่าข้าวที่ผมปลูกจะออกรวงประมาณ 15 ตุลาคมของทุกปี จะเก็บเกี่ยววันที่ 15 พฤศจิกายนของทุกปี จากการศึกษา sri บอกว่า ข้าวจะเริ่มตั้งท้องก่อนออกรวงประมาณ 1 เดือน จากข้างบนก็ประมาณ 15 กันยายน ผมจะเริ่มสังเกตต้นข้าวกลม ต้นข้าวแบนประมาณช่วงไหนครับ (ที่ผ่านมาไม่เคยสังเกตเลยครับ)
ตอบ :
สวมวิญญานนักวิจัย ถอนต้นข้าวขึ้นมาดู นั่นแหละ ก.ทำกับมือ ม.อย่าเถียง


.


คลิก
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=1698
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เรื่อง นาข้าว....

.
songpon03122526
ตอบตอบ: 12/02/2013 10:19 am    ชื่อกระทู้: ก้าวต่อไป

สวัสดีครับลุงคิม และสมช.ทุกท่าน


- เมื่ออาทิตย์ก่อนได้ไปไถกลบตอซังอีกที่หนึ่ง ที่ไถช้าเพราะนาผืนนี้ตอนเกี่ยวข้าว ยังมีน้ำอยู่มาก ระบายน้ำออกไม่ทัน เนื่องจากฝนตกตอนเกี่ยวข้าว ตอนไถความชื้นอยู่ในระดับพอดีเลย ไอ้เจ้าใบ้ไถคนเดียว ไม่ยอมให้ไถเลย คราวนี้มันไถเร็วขึ้น จากครั้งก่อน 9 ไร่ ใช้เวลา 1 วัน เต็ม มาคราวนี้ 19 ไร่ ใช้เวลา 1 วันเหมือนกัน นาผืนนี้เป็นที่ลุ่ม ถ้าฝนตกมาทุกปี น้ำประมาณหัวเข่า ปีนี้ว่าจะไปใส่ท่อระบายน้ำ ถ้าฝนตกมาน้ำในนาสูงกว่า 5 เซนติเมตร ให้ไหลลงห้วยไปเลย

- จากที่เคยมีคำถามจะถามลุงมากพอสมควร แต่จากที่ได้โหลดไฟล์เสียงลุงคิม จากที่คุณแดงศาลายาและคุณเสิร์ซลงไว้ ผมเปิดฟังทุกวัน ผมก็ได้คำตอบเกือบทุกโจทย์ที่ผมสงสัย คำตอบมีไนไฟล์เสียงแล้ว ชอบตรงที่ลุงพูดตรงนี้ ให้ความรู้แก่ผู้ไม่ค่อยรู้ มีความจริงใจอยากให้คนอื่นรู้ ลุงเป็นผู้ให้จริงๆครับ

- ตอนนี้รู้สึกตื่นเต้น อยากลงมือทำนา อยากนำความรู้ที่ได้ศึกษา จากการถาม จากการฟังไฟล์เสียง นำมาลงมือปฏิบัติ อยากเห็นผลลัพธ์ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องรอฤดูกาล ประมาณเมษายน พฤษภาคม ตอนนี้ก็ได้แต่เก็บเกี่ยวความรู้ วิเคราะห์หาเหตุผล ความเป็นไปได้ ในการทำนาแบบใหม่ คิดถึงความล้มเหลวจากนารุ่นที่ผ่านมา ฝึกการอ่าน line ธรรมชาติ


ยังมีคำถามอีกครับลุง
- เรื่องปากใบของพืช เรื่องนี้แต่ละแหล่งข้อมูลให้ข้อมูลไม่เหมือนกันเลย บางแหล่งบอกเปิดตอนกลางวัน บางแหล่งบอกเปิดช่วงเช้าถึงเที่ยง ตอนบ่ายเปิดบ้างแต่ไม่มาก บางแหล่งบอกเปิดตอนมีแสงอาทิตย์ อย่างไหนถูกต้องและการให้ปุ๋ยทางใบให้เวลาใดเหมาะสม ถ้าให้ตอนเช้า ตี 5 ถึง 8 โมงเช้า และ 4 โมงถึง 6 โมงเย็นจะได้ไหมครับ

- การสลายพิษจากกากน้ำตาลมีกี่วิธี อะไรบ้าง

- เรื่องหม้อปุ๋ยหน้าโซนและระบบสปริงเกอร์ผมพยายามมองรูปจากในเว็บ แต่ก็นึกภาพจริงไม่ออก ยังไงคงต้องไปศึกษาไร่กล้อมแกล้มสักครั้ง

- เรื่องต้นข้าวกลม ต้นข้าวแบน ที่ลุงให้สังเกตในระยะแตกกอตั้งท้อง ผมยังไม่กระจ่างครับ แต่ผมรู้ว่าข้าวที่ผมปลูกจะออกรวงประมาณ 15 ตุลาคมของทุกปี จะเก็บเกี่ยววันที่ 15 พฤศจิกายนของทุกปี จากการศึกษา sri บอกว่า ข้าวจะเริ่มตั้งท้องก่อนออกรวงประมาณ 1 เดือน จากข้างบนก็ประมาณ 15 กันยายน ผมจะเริ่มสังเกตต้นข้าวกลม ต้นข้าวแบนประมาณช่วงไหนครับ (ที่ผ่านมาไม่เคยสังเกตเลยครับ)



ขอบคุณครับ


.
kimzagass
ตอบตอบ: 21/01/2013 1:41 pm    ชื่อกระทู้: Re: ก้าวต่อไป

.

[quote="songpon03122526"]

ปุจฉา :
1> อ่านปฏิวัติฟางเส้นเดียว ฟูกูโอกะ เขาพูดว่า การไถพรวนดินเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ จะทำให้ดินไม่ดี แต่ตั้งแต่เรียนมา เขาบอกว่า ไถพรวนดินหลายครั้งทำให้ดินละเอียด ร่วนซุย จะดี อย่างไรถูกต้อง ? เหตุผลเป็นอย่างไร ?
วิสัชนา :
- อย่างไรถูกต้อง ? ...... คำตอบอยู่ที่ดิน ถ้าถามอีกว่าดินอย่างไหนดี คำตอบก็อยู่ที่พืช.....ดินนาข้าว ดินผักกาดผักคะน้า ดืนต้นมะม่วง ไม่เหมือนกัน เรียกว่า "ตามความเหมาะสมของต้นข้าว ของผักกาดผักคะน้า ของมะม่วง" .... แนวคิดแบบฉีกตำรา คือ ต้นทุนต่ำสุด-ประสิทธิภาพสูงสุด (MINIMUM-MAXIMUM) กรณีดินนาข้าว ไม่ไถแต่่ข้ามไปเทือกเลย ย่ำหลายๆรอบ ได้ทั้งกำจัดวัชพืช ได้ทั้งดินเลนขี้เทือก แบบนี้ลดต้นทุนค่าไถ ลดต้นทุนค่ากำจัดวัพืช แล้วเพิ่มปุ๋ยวัชพืช เพิ่มโครงสร้างดิน

- เหตุผลเป็นอย่างไร ?
ปัจจัยพื้นฐานเพื่อการเพาะปลูกของญี่ปุ่นกับของไทย....ของญี่ปุ่นสมัยนั้น (เสร็จสงครามโลก 2) กับของญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน....ของไทยสมัยนั้น (เสร็จสงครามโลก 2) กับของไทยยุคปัจจับัน ต่างกันอย่างสิ้นเชิง จึงเกิดนิยามที่ว่า ดินเขาดินเรา อากาศเขาอากาศเรา กับอีกหลายๆอย่างที่ เขากับเรา ต่างกัน......ธรรมชาติไม่มีตัวเลขและสูตรสำเร็จ ทางเลือกที่น่าพิจารณา คือ ฟูกูโอกะ + ไทย โดยมีพืชที่ปลูกเป็นศูนย์กลาง....ลุงคิมกล้าพูด/เขียน เพราะ ก...ทำกับมือ มาแล้ว ไม่ไถแต่ย่ำเลย ย่ำ 3 รอบ ห่างกันรอบละอาทิตย์ ได้ขี้เทือกลึกและดีกว่าไถหลายสิบเท่า แถมยังดีต่อข้าวรุ่นถัดๆมาอีกด้วย.....อ่าน LINE ธรรมชาติให้ออก



2> ผมยังไม่กระจ่างเกี่ยวกับความสูงของต้นข้าว อย่างเช่น มาตรฐานข้าวพันธ์หนึ่งสูง 100 เซนติเมตรมาตรฐาน แต่ถ้าผมปลูกไปแล้ว มันสูงไม่ถึง 100 เซนติเมตร แต่ดูไปแล้วต้นสมบูรณ์ดี อวบ กลม แน่น ใบตั้ง ใบข้าวเขียวพอดี แต่ความสูงไม่ถึงเกณฑ์ ผลผลิตข้าวจะลดลงไหมครับ หรือว่าผลผลิตข้าวไม่เกี่ยวกับความสูงของข้าว
วิสัชนา :
ถามต้นข้าวซิครับ.....ประเทศไทยมีมาตรฐานเหรอ ทำให้เหนือกว่ามาตรฐาน ABOVE THE BEST ได้ไหม ? ทำอย่างไร ? นี่คือคำถามที่ต้องถามตัวเอง

อ่านกระทู้นาข้าวชนะเลิศในประเทศไทย 150 (+) ถัง/ไร่ สูงกว่ามาตรฐานไหม



3> ผมอ่านประสบการณ์ที่ลุงทำนา ตอนแตกกอ ลุงให้ระเบิดเถิดเทิง + 16-8-8 10 กก.ต่อไร่ พ่นลงดิน นาผมเป็นนาหว่าน ถ้าพ่นลงดินต้องโดนใบข้าวมากกว่านาดำของลุงแน่ อัตราปุ๋ยเคมีที่ใส่นี้ โดนใบข้าวไม่เป็นไรใช่ไหมครับลุง
วิสัชนา :
สาเหตุที่น้ำหมักชีวภาพทั่วๆไป เมื่อให้ทางใบหรือสัมผัสใบแล้วใบไหม้เป็นเพราะ "กากน้ำตาล" มากเกินที่พืชจะรับได้ แต่ในน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง ปริมาณ 200 ล. มีกากน้ำตาลเป็นส่วนผสมเพียง 5-10 ล.เท่านั้น

กากน้ำตาลใหม่ มีสาร 18 ตัวที่ทำให้ใบไหม้ กับโมเลกุลของกากน้ำตาลใหม่มีขนาดใหญ่ผ่านปากใบพืชไม่ได้ก็ใบพืชก็ไหม้อีกเช่นกัน....แต่ในน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง ผ่านกรรมวิธีสลายพิษ 18 ตัวในกากน้ำตาลแล้ว กับผ่านกรรมวิธีทำให้โมเลกุลของส่วนผสม (ปลาทะเล เลือด ไขกระดูก) ที่มีขนาดใหญ่ เปลี่ยนโครงสร้างเป็น อะมิโน โปรตีน ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก สามารถผ่านปากใบได้เรียร้อย....นี่คือ หลักการและเหตุผลที่ น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง สัมผัสใบพืช (ทุกชนิด) นอกจากไม่เกิดอาการใบไหม้แล้ว ยังได้สารอาหารผ่านปากใบได้อีกด้วย

ใครทำใครก็เรียก "น้ำหมักชีวภาพน้ำหมักชีวภาพน้ำหมักชีวภาพ" กันทั้งนั้น ถามหน่อยว่า เมื่อทำไม่เหมือนกัน (วัสดุส่วนผสม-กรรมวิธี) แล้วประสิทธิภาพที่ออกมาจะเหมือนกันได้ไง....ทุกอย่าง ทุกขั้นตอน ในน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิงมีหลักวิชาการ มีงานวิจัย ทั้งในประเทศและต่างประเทศรองรับยืนยัน วิเคราะห์ใน LAB ได้ ...... เพราะฉนั้น อย่ามั่ว !

ลุงคิม "ชื่นชม" เกษตรกร ผู้ไฝ่รู้ อุตสาหะมานะพยายามเข้าไปเรียนเพื่อให้รู้ แต่ขอถาม "คนสอน" (ดอกเตอร์ ปราชญ์ชาวบ้าน เกษตรกรดีเด่น) ว่า คุณ (มึง) เอาอะไรไปสอนเขา



4> ลุงครับ ปุ๋ยพืชสด (ประเภทถั่ว) ถ้าปลูกแล้วมันโตขึ้นมา วัว ควาย มันจะกินใบไหมครับ
วิสัชนา :
ก็ถามมันเองซิคร้าบบบบบ.....



5> ได้ติดตามเกษตรสัญจร ภาค 5 เห็นคุณแดง ว่า ยูเรีย แรง 1 เท่า ยูเรีย จี เกรด แรง 2 เท่า ไธโอยูเรีย แรง 3 เท่า ถ้านำไธโอยูเรียนำมาทำเป็นสารลมเบ่งใช้กับนาข้าวแทนยูเรีย จี เกรด จะดีไหมครับ ?
วิสัชนา :
ยูเรีย จี เกรด. ไธโอยูเรีย. เป็นไนโตรเจนเหมือนกัน แต่ให้ผลต่อพืชต่างกัน แม้ไม่มีเอกสารตำราใดระบุ ไม่มีงานวิจัยรองรับ แต่จากประสบการณ์ตรงทำให้พอสรุปได้ว่า ..... (35-0-0, 21-0-0, 15-0-0 ก็ไนโตรเจน แต่มีความเหมือนบนความต่าง ความต่างบนความเหมือนกับยูเรีย) ยูเรีย จี. เหมาะสำหรับพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียว กับไม้ยืนต้นอายุหลายสิบหลายร้อยปี เหมาะสำหนรับเรียใบอ่อน .... ไธโอยูเรีย. เหมาะสำหรับไม้ผลยืนต้นบางชนิด (เน้นย้ำ....บางชนิด) ช่วงเปิดตาดอกต้องมีไนโตรเจนเป็นตัวเสริม เช่น มะม่วง มังคุด ทุเรียน เป็นต้น




6> นาข้าว 1 ไร่ ถ้าพ่นปุ๋ยทางใบ ปกติใช้น้ำกี่ลิตรครับ
วิสัชนา :
ถ้ายังไม่เคยสร้างประสบการณ์ตรงให้กับตัวเองเลย ก็จะอยู่ในวังวนเยี่ยงนี้ตลอดไป....บ้านลุงคิมเรียกว่า "เกร็ง" ประมาณนี้

ประสบการณ์ตรง.....น้ำ 200 ล. + ปุ๋ยทางใบ 200 ซีซี. ฉีดพ่นนาข้าวได้ 4-5 ไร่ เพราะฉนั้น เนื้อที่ 1 ไร่ บวกลบคูนหาร-บัญญัติไตรยางค์-สแคว์รู้ท-ยกกำลัง เอาเองเถอะ



.
songpon03122526
ตอบตอบ: 21/01/2013 1:04 pm    ชื่อกระทู้: ก้าวต่อไป

สวัสดีครับลุงคิม และ สมช.ทุกท่าน


จากที่ปีใหม่ได้ไถกลบฝางไป การไถค่อนข้างยาก บางทีต้องซ้ำหลายรอบ จากนั้นมาได้ไถกลบฝางอีก 2 ที่ โอ้แม่เจ้า ที่นี้แหละ 2 ที่นี้ ฟางเยอะกว่าที่เคยไถ เยอะกว่ามากเสียด้วย การไถกลบฝางจึงเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย ปกติไม่ไถกลบ วันหนึ่ง 20 ไร่ สบายๆ แต่พอไถกลบฟางแค่นั้นแหละ วันหนึ่ง 10 ไร่ กว่าจะเสร็จเอาซะเย็นเลย ไม่ได้ไถเองหรอกครับ ได้เจ้าน้องคนหนึ่งไถให้ เจ้านี้ชอบรถไถมาก เรื่องอื่นใช้ไม่ค่อยได้ แต่ถ้าไปไถนา ลุยอย่างเดียวเลย เจ้านี้เป็นใบ้ พูดไม่ได้ แต่สมองน้องเค้าเป็นอัจฉริยะ ขับรถยนต์ รถไถ ซ่อมรถ ซ่อมจักรเย็บผ้า และอื่นๆ เออคนใบ้นี่ก็ไม่ธรรมดา เก่งกว่าผมซะอีก ผมตั้งให้ไถลึกมาก น้องเค้าไถอย่างเดียว แค่นั้นแหละนาข้างเคียงถามว่าทำไมไถลึกจัง ผมก็ยิ้มๆในใจตอบว่าคอยดูแล้วกัน ได้ศึกษา sri ,irri ,ฟูกูโอกะ ล้วนแต่บอกว่า ฟางนี้แหละประเสริฐที่สุดแล้ว ดังนั้น ในใจผมถึงแม้การไถนาครั้งนี้จะยากลำบากเพียงใด แต่ต้องทำต่อไป และทำอย่างมีความสุข ฟาง คือ อินทรีย์วัตถุ คือปุ๋ยที่จะดูแลดินของผม ถึงตอนนี้รู้สึกมั่นใจว่าที่ตนเองทำมา เดินมา ไม่ผิดทาง


ไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้นำขี้ไก่ใส่ลงไปในผืนนาของตัวเอง ประมาณ 240 ถุง ถุงละประมาณ 15 กิโลกรัม ได้เจ้าหนุ่มน้อยกับน้องชายเขา ช่วยลงปุ๋ย ยังเหลืออีกประมาณ 200 ถุงที่ยังไม่ใส่ในนา ค่อยๆทำไป เดี๋ยวเสร็จเอง ได้ขี้ไก่จากแม่ยาย แม่ยายมีฟาร์มไก่ ลงทุนค่าแกลบกับแม่ยายคนละครึ่ง ได้ปุ๋ยคนละครึ่งฟาร์ม ขอได้ 2 ปีแล้ว แต่ปีหน้าไม่รู้ได้หรือเปล่า ผมใส่ปุ๋ยไป ผมก็ยิ้มไป รู้สึกดีใจ มีความมั่นใจมาก ที่ได้ใส่อินทรีย์วัตถุ ลงไปให้ดิน ทำให้ดินดี พร้อมเพาะปลูก ผมใส่ปุ๋ยขี้ไก่ปีที่แล้วครั้งแรก ข้าวยังไม่ใส่ปุ๋ยเคมีเลย ต้นข้าวสูงถึงเอว ตรงไม่ใส่ปุ๋ยขี้ไก่สูงครึ่งเข่าถึงหัวเข่า ต่างกันมากเลย ปัจจัยพื้นฐานอื่นๆเหมือนกัน โอ้...อินทรียืวัตถุ ดินขาดสิ่งนี้ไม่ได้
ปุจฉา

1> อ่านปฏิวัติฟางเส้นเดียว ฟูกูโอกะ เขาพูดว่า การไถพรวนดินเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ จะทำให้ดินไม่ดี แต่ตั้งแต่เรียนมา เขาบอกว่า ไถพรวนดินหลายครั้งทำให้ดินละเอียด ร่วนซุย จะดี อย่างไรถูกต้อง ? เหตุผลเป็นอย่างไร ?

2> ผมยังไม่กระจ่างเกี่ยวกับความสูงของต้นข้าว อย่างเช่น มาตรฐานข้าวพันธ์หนึ่งสูง 100 เซนติเมตรมาตรฐาน แต่ถ้าผมปลูกไปแล้ว มันสูงไม่ถึง 100 เซนติเมตร แต่ดูไปแล้วต้นสมบูรณ์ดี อวบ กลม แน่น ใบตั้ง ใบข้าวเขียวพอดี แต่ความสูงไม่ถึงเกณฑ์ ผลผลิตข้าวจะลดลงไหมครับ หรือว่าผลผลิตข้าวไม่เกี่ยวกับความสูงของข้าว

3> ผมอ่านประสบการณ์ที่ลุงทำนา ตอนแตกกอ ลุงให้ระเบิดเถิดเทิง + 16-8-8 10 กก.ต่อไร่ พ่นลงดิน นาผมเป็นนาหว่าน ถ้าพ่นลงดินต้องโดนใบข้าวมากกว่านาดำของลุงแน่ อัตราปุ๋ยเคมีที่ใส่นี้ โดนใบข้าวไม่เป็นไรใช่ไหมครับลุง

4> ลุงครับ ปุ๋ยพืชสด (ประเภทถั่ว) ถ้าปลูกแล้วมันโตขึ้นมา วัว ควาย มันจะกินใบไหมครับ

5> ได้ติดตามเกษตรสัญจร ภาค 5 เห็นคุณแดง ว่า ยูเรีย แรง 1 เท่า ยูเรีย จี เกรด แรง 2 เท่า ไธโอยูเรีย แรง 3 เท่า ถ้านำไธโอยูเรียนำมาทำเป็นสารลมเบ่งใช้กับนาข้าวแทนยูเรีย จี เกรด จะดีไหมครับ ?

6> นาข้าว 1 ไร่ ถ้าพ่นปุ๋ยทางใบ ปกติใช้น้ำกี่ลิตรครับ

ถาม ถามและ............................ถาม



ขอบคุณครับ

.
kimzagass
ตอบตอบ: 02/01/2013 2:03 pm    ชื่อกระทู้:

songpon03122526 บันทึก:


ผมอยู่ตรง อ.กระสังครับ ดูจากแผนที่แล้วดินตรงนั้นอุดมสมบูรณ์พอควร ปิดปีใหม่ก็เลยได้มีโอกาสไปนา ไปไถดะไว้
นาแปลงแรก เผาฟางแล้วไถ แปลงที่สองไถโดยไม่เผาฟาง ตอนแรกว่าจะเผาเหมือนกัน คิดไปคิดมา ก็เผาฟาง อินทรีย์
วัตถุในดินไม่มีเลย แบบนี้เปลืองปุ๋ยเคมีแน่ ยิ่งนานวันยิ่งใส่เคมีเพิ่ม ยิ่งนานวันดินเริ่มไม่ดี ทีนี้คิดใหม่ครับลองไม่เผาฟาง

ดูซิ จะเป็นอย่างไร ตอนแรกคิดว่ามันไถยาก ตรงไหนฟางหนาคงไถไม่ลง พอลองไถดูจริงๆ เป็นอย่างที่คิด ไถยากกว่าเผา
ฟาง แต่ดินดี ลอยไถต่อไป เจอฟางหนาไถไม่ลง ไม่เป็นไร ถอยรถไถใหม่สองสามครั้งก็ไถได้
COMMENT :
ไม่เผาฟาง-ไถกลบฟาง อุปมาดั่งหนุ่มสาวจีบกัน....สาวจีบหนุ่มครั้งแรกก็ว่ายาก....หนุ่มจีบสาวครั้งแรกก็ว่ายาก เหมือนกัน (ยุคนี้
หนุ่มจีบสาว-สาวจีบหนุ่ม ได้ทั้งนี้ เพราะสิทธิเท่าเทียมกัน) จีบแล้วได้แล้ว ครั้งต่อๆ ๆๆ ๆๆ ก็จะง่ายเอง ไม่ต้องเอ่ยวาจา แค่กระพริบ
ตาเท่านั้น รู้เรื่อง....ประมาณนี้

คุณลงทุน "ยอมยาก" กับนารุ่นแรก ครั้นรุ่นต่อๆ ๆๆ ๆไปจะง่ายเอง รุ่นแรกอาจจะต้องไถช่วยมันก่อน รุ่นต่อ ๆๆ ๆๆไป ไม่ต้องไถ
เอาน้ำเข้าแล้วตีเทือกประณีตได้เลย......วิธีนี้ ยืนยันนอนยันนั่งยัน โก้งโค้งตีลังกาสลับเข่ายึดพื้นยัน ได้เลย เพราะ ก....ทำกับ
มือ มาแล้ว ม...อย่าเถียง

จะทำการใดให้จินตนาการถึงผลที่จะเกิดใน "ระยะสั้น ระยะปานกลาง ระยะยาว" ว่าจะเป็นอย่างไร

ประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการทำเกษตร อาทิ สหรัฐ อเมริกาทั้งทวีป ยุโรปทั้งทวีป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน ทำนาไม่
เผาฟาง ปลูกพืชไม่เผาเศษซากพืช แต่เขาเอามันกลับลงดิน ใช้เป็นตัวบำรุงดินกันทั้งนั้น แล้วไฉนเกษตรกรไทยจึงไม่เห็นประโยชน์
ของเศษซากพืช ใครส่งเสริม......หา !



จากการไถครั้งนี้เผาฟาง ไถง่ายกว่า ไม่ต้องไถหลายรอบ แต่ดินไม่มีอินทรีย์วัตถุยิ่งนานวันดินยิ่งแย่ ไม่เผาฟาง ไถยาก
กว่า ต้องไถหลายรอบกว่า เพื่อให้ฟางพลิกไปอยู่ใต้ดิน แต่ดินน่าจะดีกว่า เริ่มมีอินทรีย์วัตถุในดิน คิดว่าแบบนี้ดีกว่า
เปลืองตอนแรกแต่ตอนหลังคุ้ม มีอีกหลายที่ที่ยังไม่ได้ไถ คิดว่าจะไม่เผาฟางแล้วครั้ง คำถามที่เกิดขั้นกับตัวเอง ถ้าไถ
แบบนี้ไปอีก สามปี จะเกิดอะไรขึ้นกับดินในนาของเรา
COMMENT :
ประสบการณ์ตรง.....ไถกลบฟางรุ่นแรก ได้ขี้เทือกลึก "เหนือตาตุ่ม-ต่ำกว่าครึ่งหน้าแข้ง....ไถกลบฟางรุ่นที่สอง ได้ขี้เทิอก
"ครึ่งหน้าแข้ง-เหนือกว่าครึ่งหน้าแข้ง .... ไถกลบฟางรุ่นที่สาม ได้ขี้เทือก "เหนือครึ่งหน้าแข้ง-หัวเข่า" ......

ขี้เทือกที่ดี คือ ลึก "ครึ่งหน้าแข้ง หรือ ต่ำกว่าเล็กน้อย" เพราะฉนั้นอาจจะไถกลบแค่ 2 รุ่นก็พอ ส่วนฟางรุ่นสามที่ได้มา
ก็ให้เอาอออก หรือจากรุ่นสองต่อรุ่นสามสามารถเอาฟางเพิ่มได้อีกก็ให้ไถกลบต่อ

สรุป : จะไถกลบฟางกี่รุ่นก็สุดแท้ หากได้ขี้เทือกลึก "ครึ่งหน้าแข้ง" แล้ว ให้หยุดการไถกลบ แต่ให้เอาฟางออก เหลือ
แต่เหง้ากับรากต้นข้าวก็พอ





จากการไถนาที่ผ่านมา ขี้ดินที่ได้จับตัวกันเป็นรูป แสดงว่าดินผืนนี้ไม่ใช่ดินทรายจัด น่าจะเป็นดินร่วนปนทราย
COMMENT :
ดิน คือ ดิน ดินเหนียว-ดินร่วน-ดินทราย-ดินร่วนปนทราย-ดินเหนียวปนทราย ทุกชนิด คือ ดิน.....
ดินดี คือ ดินที่มีอินทรีย์วัตถุ....อินทรีย์วัตถุ คือ เศษซากพืชและสัตว์, แหล่งอาศัยจุลินทรีย์, ทำให้ดินโปร่ง ร่วนซุย
น้ำและอากาศผ่านสดวก

ดินไม่ดี คือ ดินไม่มีอินทรีย์วัตถุ หากต้องการทำดินไม่ดีให้เป็นดินดี ก็จงใส่อินย์ทรีย์วัตถุ....ใส่มากใส่น้อย ขึ้นกับต้นทุน
อินทรีย์วัตถุเดิมที่มี ต้นทุนมีมากใส่น้อย ต้นมีน้อยใส่มาก.....ใส่แล้ว ใส่ครั้งเดียว อยู่ได้นานหลาย ๆๆ ๆๆปี

อินทรีย์วัตถุ + จุลินทรีย์ ช่วยให้เกิดสารอาหารพืชในดิน (ไม่มาก), ช่วยให้ดินตอบสนองต่อปุ๋ยเคมี (ดินกินปุ๋ย), ช่วย
ป้องกัน/แก้ ดินเป็นกรด, ช่วย ป้องกัน/กำจัด เชื้อโรคในดิน,




จากประสบการณ์ที่ผ่านมาปี 55 นาผืนหนึ่งใส่ขี้ไก่ลงไปครึ่งผืน ไม่ใส่ครึ่งผืน ดินเหมือนกัน น้ำเหมือนกัน แสงแดด
เหมือนกัน สารอาหาร โรค สายพันธ์ เหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ได้ ตรงที่ใส่ขี้ไก่ ต้นข้าวสูงถึงสะโพก ตรงที่ไม่ได้ใส่ขี้ไก่
ต้นข้าวสูงถึงครึ่งหน้าแข้ง ต่างกันมากครับ อย่างนี้เองที่ว่า ดินต้องมาก่อน ดินต้องดี อินทรีย์วัตถุต้องมี ตอนที่ต้น
ข้าวตรงที่ใส่ขี้ไก่เจริญเติบโต ก็ไม่เห็นต้องมีน้ำขังในนา แสดงว่าปัจจัยเรื่องน้ำตัดทิ้ง ดินสำคัญ ยิ่งไปอ่านเทคนิคการ
เพิ่มผลผลิตข้าว (sri) ที่คุณแดงส่งเมล์มาให้ บอกว่า ข้าวไม่ใช้พืชน้ำ ที่นี้ถึงบางอ้อเลย แสดงว่าที่ผ่านมาเราคิดผิด
มาโดยตลอดเลย รอแต่ฝน รอแต่ฝน เพื่อจะใส่ปุ๋ย เพราะต้นข้าวมันเตี้ย ข้าวมันเตี้ยเพราะดินไม่ดี ถ้าดินดีแล้ว ต้นข้าว
สูงไม่เตี้ย ที่นี้ไม่ต้องรอฝน เดี๋ยวถึงเวลาฝนก็ตกเอง ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นแล้งจนข้าวตายหมด ประมาณสิงหาคมของ
ทุกปี ฝนก็ตกลงมาทุกครั้ง ผมคิดใหม่แล้วครับ
COMMENT :
อินทรีย์วัตถุ-จุลินทรีย์ คือ ตัวอุ้มน้ำ กักเก็บน้ำไว้ไต้ดิน ยามเมื่อฝนตกลงมาถ้าหน้าดินแข็ง เนื่้อดินเหนียว น้ำฝนไม่
อาจซึมลงไต้ดินได้ น้ำฝนมาทีไรจะไหลผ่านไปเลย ตรงกันข้าม ถ้าในเนื้อดินชั้นล่างมีอินทรียืวัตถุ สภาพดินโปร่ง ร่วน
ซุย น้ำ อากาศผ่านสดวก เมื่อฝนตก น้ำฝนจะซึมลงไต้ดิน ให้อินทรีย์วัตถุอุ้มน้ำไว้จนอิ่ม จากนั้น้ำที่เหลือก็จะไหล
ผ่านไป

กรณีดินนาคุณที่ว่ามีทรายมาก น่าจะส่งอินทรีย์วัตถุลงไปในเนื้อดินลึกๆ ด้วยการไถลึกๆ ลึกถึงระดับหัวเข่าได้ยิ่งดี
(....ใช้รถไถริปเปอร์ / ชาวไร่เรีย ไถสิ่ว ระเบิดดินดาน....) ถ้าอินทรีย์วัตถุอุ้มน้ำไว้มากๆ น่าจะอยู่ได้นานนับเดือน
เมื่อน้ำบนผิวดินไม่มีแต่น้ำไต้ดินมี รากข้าวเขาจะลงไปหาน้ำไต้ดินเองตามธรรมชาติ แค่นี้ต้นข้าวก็ยืนอยู่ได้แล้ว





จากประสบการณ์ที่ผ่านมาปี 55 ต้นข้าวเตี้ยมากระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนสิงหาคม ต้นข้าวประมาณ 75 วันสูง
แค่ครึ่งหน้าแข็ง เกิดจากดินไม่ดี ไม่มีอินทรีย์วัตุ ไม่ไถกลบฟาง ช่วงนี้ไม่มีน้ำขัง ใส่ปุ๋ยเคมีไม่ได้ ถ้าใส่เจอแสงแดดระเหย
หมด คราวนี้คิดใหม่ ทำดินให้ดี ให้ดินมีอินทรีย์วัตถุ พอถึงเดือนมิถุนายน กรกฎาคม ใส่ปุ๋ยทางดินไม่ได้ เพราะยังไม่มีน้ำ
แต่ดินพอมีความชื้นก็ใส่ปุ๋ยทางใบซิ ใช่ไหมครับลุง ดินมีความซื้นแต่ไม่มีน้ำขัง ใส่ทางใบได้ไหมครับ

การทำนาครั้งต่อไปคงต้องทำไปด้วย วิเคราะห์ไปด้วย หาสาเหตุ หาคำตอบ หาผลลัพธ์ หาความรู้เพิ่มเติมครับ สอบ
ถามผู้รู้ด้วยครับ
COMMENT :
ทุกคำถาม มีคำตอบในตัว.....
ทุกการกระทำ คือ ประสบการณ์ตรง.....

พูดได้เต็มปาก ไม่ต้องกลัวใครว่า "โม้...."
วัดกึ๋นคน วัดที่คำถาม ไม่ใช่วัดที่คำตอบ....



ปุจฉา :
1 ยิปซั่มกับโดโลไมค์ ถ้าใส่ปรับปรุงดิน ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันไหมครับ
ตอบ :
"ยิบซั่ม - โดโลไมค์ - มาร์ล - ปูนขาว" ต่างก็มีสารอาหารพืชเหมือนๆ กัน แต่ไม่มากจนพืชนำไปใช้จนได้เกรด เอ.

ข้อต่าง :
ยิบซั่ม. pH 7.0-7.5 = เป็นกลาง ........................ (Ca 18% S 23%)
โดโลไมค์-มาร์ล-ปูขาว. pH 13.0-14.0 = ด่างจัด ..... (Mg 3% Ca 1%)

เพราะฉนั้น อย่าตั้งความหวังว่าจะได้สารอาหาร แต่จงตั้งความหว้งว่าจะปรับค่า pH ดิน, ปรับสภาพโครงสร้างดิน เป็นหลัก


2 ยาฆ่าหญ้าแบบอินทรีย์ที่ใช้สัปปะรดเป็นส่วนประกอบใช้กับนาข้าวได้ไหมครับ
ตอบ :
ได้.....ถามว่า ไม่ใช่ได้ไหม ?
หญ้ากับข้าว คือ พืชตระกูลหญ้าเหมือนกัน ใช้แล้วหญ้าใบไหม้ก็กระทบกระเทือนต้นข้าวด้วย หากจำเป็นต้องใช้เพราะสภาวะ
จำยอม ต้องรู้วิธีแก้....เรียนผูก ต้องเรียนแก้.....



3 ลุงทำนา ตอนข้าว 20, 30, 40 วัน ให้ไบโออิ แตกกอ ให้เคมี ถ้า 30 วันให้เคมี แล้วตามด้วยไบโออิ ทุก 10 วัน
สองอย่างนี้ แตกต่างกันไหมครับ
ตอบ :
ใช้ "ไบโออิ + ปุ๋ยทางใบสูตรแตกกอ + ยูเรีย + สารสมุนไพร" ผสมกัน ไปพร้อมกัน ทำงานครั้งเดียวไม่ดีกว่าเหรอ
จะไปทำเรื่องง่ายให้มันยากทำไม......





.
songpon03122526
ตอบตอบ: 02/01/2013 10:49 am    ชื่อกระทู้:

สวัสดีปีใหม่ครับลุงคิม พี่แดง พี่สมบัติ พี่เฉิ่ม และสมช.ทุกท่านที่มิได้เอ่ยนาม


ปีใหม่นี้ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดขอให้สมดั่งใจปรารถนา อายุมั่นขวัญยืน ร่ำๆรวยๆกันทุกคนครับ มีสิ่งดีๆ
เข้ามาในชีวิตทุกคนครับ


ผมอยู่ตรง อ.กระสังครับ ดูจากแผนที่แล้วดินตรงนั้นอุดมสมบูรณ์พอควร ปิดปีใหม่ก็เลยได้มีโอกาสไปนา ไปไถดะไว้
นาแปลงแรก เผาฟางแล้วไถ แปลงที่สองไถโดยไม่เผาฟาง ตอนแรกว่าจะเผาเหมือนกัน คิดไปคิดมา ก็เผาฟาง อินทรีย์
วัตถุในดินไม่มีเลย แบบนี้เปลืองปุ๋ยเคมีแน่ ยิ่งนานวันยิ่งใส่เคมีเพิ่ม ยิ่งนานวันดินเริ่มไม่ดี ทีนี้คิดใหม่ครับลองไม่เผาฟาง
ดูซิ จะเป็นอย่างไร ตอนแรกคิดว่ามันไถยาก ตรงไหนฟางหนาคงไถไม่ลง พอลองไถดูจริงๆ เป็นอย่างที่คิด ไถยากกว่าเผา
ฟาง แต่ดินดี ลอยไถต่อไป เจอฟางหนาไถไม่ลง ไม่เป็นไร ถอยรถไถใหม่สองสามครั้งก็ไถได้


จากการไถครั้งนี้เผาฟาง ไถง่ายกว่า ไม่ต้องไถหลายรอบ แต่ดินไม่มีอินทรีย์วัตถุยิ่งนานวันดินยิ่งแย่ ไม่เผาฟาง ไถยาก
กว่า ต้องไถหลายรอบกว่า เพื่อให้ฟางพลิกไปอยู่ใต้ดิน แต่ดินน่าจะดีกว่า เริ่มมีอินทรีย์วัตถุในดิน คิดว่าแบบนี้ดีกว่า
เปลืองตอนแรกแต่ตอนหลังคุ้ม มีอีกหลายที่ที่ยังไม่ได้ไถ คิดว่าจะไม่เผาฟางแล้วครั้ง คำถามที่เกิดขั้นกับตัวเอง ถ้าไถ
แบบนี้ไปอีก สามปี จะเกิดอะไรขึ้นกับดินในนาของเรา


จากการไถนาที่ผ่านมา ขี้ดินที่ได้จับตัวกันเป็นรูป แสดงว่าดินผืนนี้ไม่ใช่ดินทรายจัด น่าจะเป็นดินร่วนปนทราย

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาปี 55 นาผืนหนึ่งใส่ขี้ไก่ลงไปครึ่งผืน ไม่ใส่ครึ่งผืน ดินเหมือนกัน น้ำเหมือนกัน แสงแดด
เหมือนกัน สารอาหาร โรค สายพันธ์ เหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ได้ ตรงที่ใส่ขี้ไก่ ต้นข้าวสูงถึงสะโพก ตรงที่ไม่ได้ใส่ขี้ไก่
ต้นข้าวสูงถึงครึ่งหน้าแข้ง ต่างกันมากครับ อย่างนี้เองที่ว่า ดินต้องมาก่อน ดินต้องดี อินทรีย์วัตถุต้องมี ตอนที่ต้น
ข้าวตรงที่ใส่ขี้ไก่เจริญเติบโต ก็ไม่เห็นต้องมีน้ำขังในนา แสดงว่าปัจจัยเรื่องน้ำตัดทิ้ง ดินสำคัญ ยิ่งไปอ่านเทคนิคการ
เพิ่มผลผลิตข้าว (sri) ที่คุณแดงส่งเมล์มาให้ บอกว่า ข้าวไม่ใช้พืชน้ำ ที่นี้ถึงบางอ้อเลย แสดงว่าที่ผ่านมาเราคิดผิด
มาโดยตลอดเลย รอแต่ฝน รอแต่ฝน เพื่อจะใส่ปุ๋ย เพราะต้นข้าวมันเตี้ย ข้าวมันเตี้ยเพราะดินไม่ดี ถ้าดินดีแล้ว ต้นข้าว
สูงไม่เตี้ย ที่นี้ไม่ต้องรอฝน เดี๋ยวถึงเวลาฝนก็ตกเอง ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นแล้งจนข้าวตายหมด ประมาณสิงหาคมขิอง
ทุกปี ฝนก็ตกลงมาทุกครั้ง ผมคิดใหม่แล้วครับ


จากประสบการณ์ที่ผ่านมาปี 55 ต้นข้าวเตี้ยมากระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนสิงหาคม ต้นข้าวประมาณ 75 วันสูง
แค่ครึ่งหน้าแข็ง เกิดจากดินไม่ดี ไม่มีอินทรีย์วัตุ ไม่ไถกลบฟาง ช่วงนี้ไม่มีน้ำขัง ใส่ปุ๋ยเคมีไม่ได้ ถ้าใส่เจอแสงแดดระเหย
หมด คราวนี้คิดใหม่ ทำดินให้ดี ให้ดินมีอินทรีย์วัตถุ พอถึงเดือนมิถุนายน กรกฎาคม ใส่ปุ๋ยทางดินไม่ได้ เพราะยังไม่มีน้ำ
แต่ดินพอมีความชื้นก็ใส่ปุ๋ยทางใบซิ ใช่ไหมครับลุง ดินมีความซื้นแต่ไม่มีน้ำขัง ใส่ทางใบได้ไหมครับ

การทำนาครั้งต่อไปคงต้องทำไปด้วย วิเคราะห์ไปด้วย หาสาเหตุ หาคำตอบ หาผลลัพธ์ หาความรู้เพิ่มเติมครับ สอบ
ถามผู้รู้ด้วยครับ


ปุจฉา :
1 ยิปซั่มกับโดโลไมค์ ถ้าใส่ปรับปรุงดิน ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันไหมครับ
2 ยาฆ่าหญ้าแบบอินทรีย์ที่ใช้สัปปะรดเป็นส่วนประกอบใช้กับนาข้าวได้ไหมครับ
3 ลุงทำนา ตอนข้าว 20, 30, 40 วัน ให้ไบโออิ แตกกอ ให้เคมี ถ้า 30 วันให้เคมี แล้วตามด้วยไบโออิ ทุก 10 วัน
สองอย่างนี้ แตกต่างกันไหมครับ



ขอบคุณครับ


.
Sombutt
ตอบตอบ: 28/12/2012 5:17 pm    ชื่อกระทู้: ข้าวบุรีรัมย์

สวัสดีครับคุณทรงพล





จากแผนที่ จว.บุรีรัมย์ คุณอยู่ครงไหนผมไม่ทราบ ให้คุณดูแล้วก็วิเคราะห์กับตารางการปลูกข้าวของ จว.บุรีรัมย์ ว่าอะไรเป็นอะไร
คุณต้องทราบดีกว่าผมเพราะเป็นจังหวัดที่คุณอยู่

ข้อมูลนี้ผมได้จากพี่ชาย ส่งให้ผมเพื่อเปรียบเทียบกับนาของเชียงราย เนื่องจากเป็นดินทรายคล้าย ๆ กัน แต่อินทรีย์วัตถุในดินแตก
ต่างกัน

ปัญหานาของคุณคือหน้าแล้งไม่มีน้ำ ความจริงมันต้องมี มิฉะนั้น คนโบราณจะเอาน้ำที่ไหนมากิน ลองหาดู ทุกอย่างไม่พ้นความ
พยายาม บริเวณที่คุณบอกว่า มีน้ำซึม ตักนิดเดียวก็แห้ง แสดงว่าตรงนั้นมันมีน้ำ...ถ้าขุดลึกลงไปอีก อาจเจอตาน้ำใต้ดิน
ลองขุดดู



.
kimzagass
ตอบตอบ: 28/12/2012 11:44 am    ชื่อกระทู้:

.


ยืนยันคำตอบเดิม......


ไปดูลาดเลาก่อนดีมั้ยว่า มัน "ใช่หรือไม่ใช่" ในความคิดของคุณ



.
songpon03122526
ตอบตอบ: 28/12/2012 11:08 am    ชื่อกระทู้:

สวัสดีครับลุงคิม และสมช.ทุกท่าน


ใช่ไม่ใช่เป็นอย่างไร
อยากเรียนรู้เพิ่มเติมในสิ่งที่ไม่ค่อยรู้ คำตอบ ใช่
อยากเปลี่ยนวิธีทำนาข้าวจากแบบเดิม ลดต้นทุน ต้นข้าวได้อาหารครบทุกตัว ใช่
กล้าที่จะคิดใหม่ กล้าลงมือทำหรือไม่ ตั้งแต่เกิดมาผมไม่ค่อยคิดเหมือนใครอยู่แล้ว

ไม่กลัวว่าเขาจะหาว่าบ้าหรือ บ้านานแล้ว
ความรู้ผมมีน้อยนิด หาความรู้เพิ่มเติม เดินทางหาครูอบรมสั่งสอน ใช่
ทำไมไม่หาครูที่อื่น เรียนที่อื่น ที่อื่นพูดอ้อม กว้างเกินไป ลุงพูดตรงดี เข้าใจง่าย
ความรู้พอมี อยู่อย่างนี้ต่อไป ทำนาแบบเดิม ไม่ใช่


ลูกศิษย์ลุงคิม เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนวิธีทำนา ได้ดี ผมพร้อมทำตาม
ทำนาตามแบบลุงคิมหมดเลย ไม่ใช่ครับ ดิน น้ำลุงคิม อีกอย่าง ดินน้ำผมอีก
อย่าง ประยุกต์เข้าด้วยกัน


เรียนแล้วกลับไปบ้านวางทิ้งเปล่าไม่ทำ ตั้งแต่เกิดมาสิ่งไหนผมอยากทำผมได้ทำหมดแล้ว สิ่งนี้ก็ไม่น่าพลาด


นาผม ดินทราย แนะนำได้เลยครับ


ที่อยากไปไร่กล้อมแกล้ม เพราะจะไปเรียนด้วยตา ได้ยินกับหู ได้ไปเรียนกับมือ ครับ บางทีเรียนแต่ในเน็ตไม่ไปดู ไปมอง
ไปฟัง ไปทำ มันยังไงยังไงอยู่ ได้ไปดูไปมอง ไปถาม ไปฟัง มันมั่นใจกว่าเยอะ

ผมรวบรวมคำถามที่จะถามลุง ได้เกือบสองกระดาษ a4 แล้วครับ
ผมคิดว่าทำนาแบบเดิมไม่รวย ทำนา
แบบลุงไม่จน ดังนั้นในความคิดผมจึงตอบว่า ขอเดินทางไปหาครูที่ไร่กล้อมแกล้ม ไปให้ครูได้ประสิทธิ์ประสาทวิชา เป่าคาถา
อาคมให้ ยังใงลุงรับผมเป็นศิษย์ด้วย


ขอบคุณครับ



.
kimzagass
ตอบตอบ: 24/12/2012 9:33 pm    ชื่อกระทู้:

.


ยืนยันคำตอบเดิม......


ไปดูลาดเลาก่อนดีมั้ยว่า มัน "ใช่หรือไม่ใช่" ในความคิดของคุณ



.
songpon03122526
ตอบตอบ: 20/12/2012 9:56 am    ชื่อกระทู้: ครับผม

สวัสดีครับลุงคิม และสมช.ทุกท่าน


ตั้งแต่ได้รู้จักเว็ปเกษตรลุงคิม ก็ได้ศึกษาหาความรู้มาโดยตลอด เข้าเว็ปศึกษาหาความรู้เกือบจะทุกวัน ได้ความรู้ที่
ตนเองไม่เคยรู้เลย ได้ความรู้ใหม่ๆทางการเกษตร ได้รู้จักคำว่าประณีต

อดีตที่ผ่านมา ผมจบ ป.ตรี คณิตศาสตร์ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความพยายามในการตั้งคำถามและหาคำตอบ
ทำให้ผมมีความรู้ในด้านอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ผมสามารถสร้างเครื่องเสียงโดยที่มีคุณภาพไม่ต่างจากต่างประเทศ
ซึ่งผู้ที่เรียนอิเล็กทรอนิกส์มายังทำไม่ได้เลย

ต่อมาผมศึกษาหาความรู้จากอินเตอร์เน็ต หนังสือ ทำให้สามารถซ่อมคอมพิวเตอร์ ประกอบคอมพิวเตอร์เป็น

ผมเกิดมาพร้อมกับนาข้าว พ่อผมเป็นครูท่านก็ไม่ทิ้งนาข้าว ผมทำนาข้าวตั้งแต่เด็กๆ และผมก็รักมันมากเสียด้วย
แต่เนื่องด้วยทำนากับพ่อแม่ ก็เลยไม่ได้คิดอะไร เช่น ทำอย่างไรถึงลดต้นทุน ทำอย่างไรถึงเพิ่มผลผลิต

แต่พอปัจจุบันพ่อแม่แบ่งนาให้ทำ และเราก็ต้องเอาเงินไปลงทุนกับนา ที่นี้เราก็เริ่มคิดว่าทำอย่างไร ลดต้นทุนลง
ได้ผลผลิตมากขึ้น จนมารู้จักลุงคิม ทำให้รู้จักคำว่า "ประณีต" คำนี้ทำให้ผมลองไล่คิดอดีตที่ผ่านมา ผมทำนาแบบเหมา
จ่ายมาทั้งสิ้น ผมเป็นคนเรียนหนังสือค่อนข้างดี รู้จักธาตุรอง ธาตุเสริม แต่ทำไมนาข้าวผมไม่มีธาตุรอง/ธาตุเสริมเลย
เจ็บใจนัก มีแต่ n. p. k. อย่างเดียว



ประสบการณ์ทำนาของผม :
ไถดะ 1 ครั้ง แล้วรอฝน ฝนตกแล้ว หว่านข้าวแล้วไถอีกครั้งหนึ่งพร้อมคราด พอฝนตกก็ฉีดยาฆ่าหญ้า ผมก็ใส่ปุ๋ยรอบที่
หนึ่ง ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน ใส่ปุ๋ยรอบที่สอง แล้วก็รอเก็บเกี่ยว ทำอย่างนี้ไม่รู้กี่ปีแล้ว เจ็บใจเหลือเกิน 40-50 ถังต่อไร่


ประสบการณ์นาข้างเคียง :
ไถดะ 3 ครั้ง จนดินละเอียดดีมาก รู้ว่าดินละเอียดดีแล้วทำไมไม่ทำตาม ปวดใจอีกครั้ง นี่แหละเหมาจ่ายของผม ฝนตก
แล้ว เขาก็หว่านข้าว ไถกลบพร้อมคราด พอเริ่มมีน้ำเขาก็ฉีดยาฆ่าหญ้า ใส่ปุ๋ยรอบแรก ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนก็ใส่ปุ๋ยรอบ
ที่สอง หลังจากใส่ปุ๋ยรอบที่สองแล้ว เขาก็เริ่มฉีดฮอร์โมน ที่ขายตามท้องตลาดทั่วไปบ้าง โอทู บ้าง ไม่รู้ฉีดไปก็รอบ
หลายรอบเหมือนกัน สุดท้ายก็รอเก็บเกี่ยว 70-75 ถังต่อไร่ อัตราการใส่ปุ๋ยทั้งสองรอบเท่ากัน รู้ว่าเขาทำได้ดีแล้วทำไม
ไม่ทำตาม เจ็บใจจริงๆ ผมมีความคิดเพราะว่าคำว่าประณีตแท้ๆ

ผมนั่งคิดไปคิดมา ฮอร์โมนที่เขาใช้ โอทรีโฟร์ไฟว์. ที่เขาใช้ มีสารอาหารอะไร คำตอบของผมน่าจะมีไม่ครบ และน่าจะมี
น้อยด้วย ไบโออิ. ไทเป. ยูเรก้า. ของลุง มีสารอาหารอะไร คำตอบของผม น่าจะมีครบทุกตัว เข้มข้นด้วย

ผมไปทำงานอยู่สมุทรปราการ สองปี ตอนย้ายกลับบ้าน มีเพื่อนคนหนึ่งบอกผมว่า ไปบ้านจงไปทำนาแบบคนจบปริญญา
นะ คำพูดนี้อยู่ในสมองผมไม่มีวันลืม

สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาผมนั่งทบทวน ถามตัวเอง ว่าผมจะไปไร่กล้อมแกล้มดี หรือว่าไม่ไปดี ผมถามตัวเองไม่น้อย
กว่า สิบครั้ง คำตอบที่ผมได้มา ถ้าไม่เดินทางไปหาครู เราจะมีความรู้ได้อย่างไร จนมีความคิดแน่วแน่ว่าจะไป ผมก็
เลยไปบอกภรรยาว่าผมจะไปไร่กล้อมแกล้ม ภรรยาผมก็จะไปด้วยเหมือนกัน นั่งคิดไปนั่งคิดมา ผม 40-50 ถังต่อไร่
เขา 70-75 ถังต่อไร่ ปริมาณน้ำก็พอๆกัน ปุ๋ยเคมีก็พอๆกัน แสงแดด อากาศ ดิน ไม่แตกต่างกัน ผลผลิตที่ต่างกัน
น่าจะมาจาก สารอาหารที่ข้าวได้ไม่เหมือนกันด้วยทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา เป็นเหตุผลว่าผมคงต้องเดินทางไปไร่กล้อม
แกล้มครับลุงคิม


เครื่องเสียงทำได้ คอมพิวเตอร์ซ่อมเป็น ถ้าต่อไปจะทำนาแบบคนจบปริญญาแท้ๆจะเป็นไรไป



ขอบคุณครับ


.
kimzagass
ตอบตอบ: 20/12/2012 7:28 am    ชื่อกระทู้: Re: สอนด้วยครับ

songpon03122526 บันทึก:
.

สวัสดีครับลุงคิมและสมช.ทุกท่าน


จากข้อ 2. ลุงคิมไม่รับนัดใคร ถ้าหาไม่เจอ ก็ไม่ผิดนัด คือ ผมอยากรู้ระบบสปริงเกอร์ อยากเห็นสวนผลไม้ อยากทำ
ไบโออิ ไทเป ยูเรก้า เป็น ผมก็เลยจะลงทุนเดินทางจากบุรีรัมย์ ไปหาที่ไร่กล้อมแกล้ม ถ้าลุงไม่รับนัด ผมจะไปเรียน
กับใคร ถ้าผมเดินทางไปแล้วหาลุงไม่เจอ ก็น่าเสียดายเวลา โอกาส ค่าน้ำมันเดินทาง

ผมไปเพื่อศึกษาเรียนรู้ อยากเห็นในสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็น ได้คุยกับผู้รู้ในสิ่งที่ไม่ค่อยรู้

วันจันทร์ถึงศุกร์ผมติดงานประจำ วันเสาร์ อาทิตย์พอมีเวลาว่าง

ผมอยากทำให้ที่บ้านมีผลไม้ อยากให้ที่นามีไบโออิ ไทเป ยูเรก้า เป็นอาหารให้ต้นข้าว


ยังไงก็รับผมเป็นลูกศิษย์อีกสักคน



ขอบคุณครับ


.




ไปดูลาดเลาก่อนดีมั้ยว่า มัน "ใช่หรือไม่ใช่" ในความคิดของคุณ


.
kimzagass
ตอบตอบ: 19/12/2012 6:02 pm    ชื่อกระทู้: Re: หนุ่มไฟแรง

DangSalaya บันทึก:
สวัสดีครับลุงคิม และคุณ songphon ....

ระหว่างที่รอคำตอบลุงคิม ถ้าคุณมีมีใจอยากจะเปลี่ยนแนววิธีทำนา อยากให้ลองคลิกไปที่ เกษตรสัญจรภาค 2 ลอง
ไปดูซิว่า กะเหรียงบนดอยเค้าปลูก (นาหยอดเมล็ด) ข้าวแห้งน้ำบนดอยจากที่เคยใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว 6 กระบุงได้ข้าว
40 กว่าถัง / ไร่ เปลี่ยนวิธีทำมาใช้เมล็ดพันธุ์เพียง 2 กระบุง ได้ข้าว 65 ถัง / ไร่ เค้าทำยังไง ลองดูแล้วคิดเอามา
ปรับเปลี่ยนจากวิธีที่คุณทำ ก็น่าจะได้ผลดีขึ้น ผมกำลังจะลองลุ้นว่าทำยังไงถึงจะให้เค้าได้ซัก 80 ถัง / ไร่


ระยะนี้เข้าใจว่าคุณคงเกี่ยวข้าวไปแล้ว ไม่แน่ใจว่ายังพอมีฝนตกอยู่บ้างหรือไม่ ถ้าพอมีฝน แนะนำให้หว่านถั่วเขียว
ประมาณ 60 - 65 วันเก็บเกี่ยวได้ ได้เมล็ดถั่วเขียว ได้ปุ๋ยจากต้นถั่ว ถ้าไม่เอาฝัก 45 วันตัดทิ้งเลย ถั่วจะเน่า
เปื่อยกลายเป็นปุ๋ย ได้ธาตุอาหารไนโตรเจน ดีกว่า ยูเรีย พันเท่า



สำหรับเบอร์โทร "ตุ๊หล่าง" ขอเวลาค้นหาก่อน ผมไม่ได้ติดต่อไปนานแล้ว แต่รู็ว่า แกไม่ค่อยจะว่าง เพราะต้องถูก
เชิญไปเป็นวิทยากรเป็นประจำ ถ้าอยากรู้เรื่องการทำนาอินทรีย์ ไปที่นั่นไม่ผิดหวัง


หลานเขยของผมอยู่ที่ สตึก มันบอกว่าจะเอาข้าวหอมมะลิมาฝาก ก็รออยู่ยังไม่เห็นมาซักที แต่มีลูกพี่ลูกน้องอยู่
ยโสฯ ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 ขายอย่างเดียว ส่วนข้าวเหนียวซื้อกิน นี่ก็ได้รับฝากข้าวหอมมาแล้วประมาณซัก 10
กก.เห็นจะได้


ข้าวหอมมะลิ105 ของยโสฯ ตอนหุงก็หอม ตอนกินก็หอม ส่วนข้าวหอมมะลิ105 จากที่อื่น ตอนหุงหอม แต่ตอน
กินกลิ่นไม่มี



.
songpon03122526
ตอบตอบ: 19/12/2012 9:32 am    ชื่อกระทู้: สอนด้วยครับ

.

สวัสดีครับลุงคิมและสมช.ทุกท่าน


จากข้อ 2. ลุงคิมไม่รับนัดใคร ถ้าหาไม่เจอ ก็ไม่ผิดนัด คือผมอยากรู้ระบบสปริงเกอร์ อยากเห็นสวนผลไม้ อยากทำ
ไบโออิ ไทเป ยูเรก้า เป็น ผมก็เลยจะลงทุนเดินทางจากบุรีรัมย์ ไปหาไร่กล้อมแกล้ม ถ้าลุงไม่รับนัด ผมจะไปเรียน
กับใคร ถ้าผมเดินทางไปแล้วหาลุงไม่เจอ ก็น่าเสียดายเวลา โอกาส ค่าน้ำมันเดินทาง ผมไปเพื่อศึกษาเรียนรู้
อยากเห็นในสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็น ได้คุยกับผู้รู้ในสิ่งที่ไม่ค่อยรู้ วันจันทร์ถึงศุกร์ผมติดงานประจำ วันเสาร์ อาทิตย์
พอมีเวลาว่าง ผมอยากทำให้ที่บ้านมีผลไม้ อยากให้ที่นามีไบโออิ ไทเป ยูเรก้า เป็นอาหารให้ต้นข้าว ยังไงก็รับ
ผมเป็นลูกศิษย์อีกสักคน


ขอบคุณครับ



.
kimzagass
ตอบตอบ: 17/12/2012 5:26 pm    ชื่อกระทู้: Re: สอบถามครับ

songpon03122526 บันทึก:


สวัสดีครับลุงคิมและสมช.ทุกท่าน

ขออนุญาติถามหน่อยครับ

1> นาข้าวที่ลุงคิมทำ เห็นระยะกล้า ใส่ปุ๋ย 18-38-12 ถ้าใส่ปุ๋ยสูตร 10-52-17 หรือ 15-30-15 แทนได้ไหมครับ 18-38-12
ผมหาไม่ได้เลย
ตอบ :
ตามทฤษฎีถือว่า "ใช้ได้" เป็นทฤษฎีปฏิบัติแบบกว้างๆ เพราะฉนั้นผลรับที่ออกมาในระดับ "ดีกว่าไม่ได้ให้" แต่ทฤษฎีลึกๆ ได้
ระบุถึงสภาพโครงสร้างของดินซึ่งจะส่งผลโดยตรงไปยังต้นข้าว นั่นคือ การตอบสนองต่อปุ๋ยทางใบของต้นพืช ต้องมีความสมบูรณ์
ต้องต้นเป็นพื้นฐานรองรับ และความสมบูรณ์พื้นฐานของต้นมาจาก ปัจจัยพื้นฐาน 5 ประการ (ยกเว้น สารอาหาร)

สรุปคำตอบ.....อย่ากังวลกับหลักวิชาการมากนัก นั่คือ "ใช้ได้" แต่ให้พึงตระหนักอยู่เสมอว่า "ดินต้องมาก่อน ดินต้องมาก่อน
น้ำตามเป็นตัวต่อมา" เป็นหัวใจหลัก ..... ดินดี น้ำ ทุกอย่าง O.K.






2> โดยส่วนมากลุงคิมว่างวันไหนครับ ผมว่าจะไปเยือนไร่กล้อมแกล้มเพื่อศึกษาการทำเกษตร การทำนา ระบบสปริงเกอร์ การทำ
ปุ๋ยใช้เอง การปลูกผลไม้ ไม่ทราบว่าลุงคิมจะสะดวกไหมครับ
ตอบ :
ว่างทุกวัน-ไม่ว่างทุกวัน หลายปีมานี้ไม่เอาปฏิทินมาเป็นกรอบล้อมชีวิต ไม่เอานาฬิกามาเป็นผู้ออกคำสั่ง พูด (เขียน) แบบนี้เหมือน
"กวน" นะ ...... ในความเป็นจริงก็คือ ทำตัวตามสบายๆ ทำให้สบายที่สุด ทำในสิ่งที่ชอบ ชอบในสิ่งที่ทำ ลุงคิมไม่เคยรับนัดใคร
อย่างดีก็แค่บอกว่า จะไป-จะทำ-จะรับ-จะให้ เท่านั้น ชีวิตแบบนี้ถ้า ไม่ได้ทำ-ไม่ได้ไป-ไม่รับ-ไม่ให้ ก็ไม่ถือว่าผิดนัด เพราะไม่รับนัด

เช่น สมมุติว่า (วันนี้ 18.00 น.) "พรุ่งนี้ลุงคิมเข้าไร่กล้อมแกล้มไหม ?" คำตอบ ณ เวลานี้ คือ "เข้า....แต่เช้าเช็คซ้ำอีกครั้งนะ
อาจจะไม่เข้าก็ได้ แล้วสายๆ เช็คซ้ำอีกรอบ ตอนนี้อยู่ที่ไร่กล้อมแกล้มหรือเปล่า ?" นั่นแหละ ถ้าอยากเจอก็จะเจอ....ลุงคิมพูด
เย็นวันนี้ว่า "พรุ่งนี้ไป" เป็นการบอกกล่าวธรรมดาๆ ของคนคุยกันเท่านั้น ไม่ใช่ "รับนัด" จึงไม่ถือว่าผิดนัด

แนวคิดที่จะไปเรียนที่ไร่กล้อมแกล้มนั้น อยากเรียนเรื่องอะไรก็สุดแท้ ใช้เวลาเพียง 1-2-3-4 ชม.แล้วบรรลุได้เลย ขอบอกว่า ที่
ไร่กล้อมแกล้มทำไม่ได้ ไม่มีความสามารถปานนั้น.....คุณไปเรียนตามสวนเกษตรดีเด่น เรียนกับปราชญ์ชาวบ้าน ชั่วโมงเดียว
เขาก็สอนคุณได้....เขาได้สอน แล้วคนเรียนได้อะไร

อุดมกาณ์ของไร่กล้อมแกล้ม ต้องการสอนให้ทำเอง ด้วยมือตัวเองได้เลย การเรียนการสอนอย่างนี้ ใช้เวลาแค่ปุุบปับได้เหรอ..
..ใครๆก็สอนได้ แต่ลุงคิมสอนไม่ได้ สอนไม่เป็น สอนไม่เก่ง ประมาณนี้

ก็เพราะอุดมการณ์ "บ้าบ้า" แบบนี้ไงล่ะ สอนคนตามสไตล์สวนเกษตรดีเด่น สอนแบบปราชญ์ชาวบ้าน เขียนหนังสือบนอากาศให้
คนอ่าน คนสอนพูด พูดพูดพูด-พูดให้ฟัง คนเรียนก็ฟัง ฟังฟังฟัง-ฟังคนพูด กลับไปเลยทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง.....ปรับเปลี่ยน
วิธีสอนใหม่ จากพูดมาเป็นทำ ทำให้ดู ให้ลองทำกับมือ เรียกว่า "การปฏิบัตินำ วิชาการเสริม" กระนั้น คนสอนได้ทำให้ดู
ครั้งเดียว คนเรียนก็ได้ดูหรือได้ลองทำครั้งเดียว เพราะคนเรียนต้องรีบกลับบ้าน ทั้งที่คนสอนยังพร้อมสอนอยู่ ฉนี้แล้ว การเรียน
การสอนนั้นจะได้อะไร แต่สิ่งที่คนสอนได้รับ คือ "ด่า" ยังไงล่ะ

อยากรู้ไหมว่า คนที่เคยมาเรียนแล้วกลับไปทำไม่ได้ เขาด่าลุงคิมว่ายังไง.....

สุดท้าย "ก....เลิกสอน" เลิกสอนแบบเป็นทางการ เลิกสอนแบบเป็นกิจลักษณะ แต่ถ้าอยากเรียนจริงๆก็จะสอน แต่สอนแบบให้
เป็น "ลูกมือ" วันใดมีออร์เดอร์ปุ๋ยเข้ามาก็ให้เป็นลูกมือทำปุ๋ย วันใดมีงานเกี่ยวกับต้นไม้ก็ให้เป็นลูกมือทำงานเกี่ยวกับต้นไม้
วันไหนๆไม่มีออร์เดอร์ วันไหนไม่มีงานเกี่ยวกับต้นไม้ ก็นอน....คงไม่ใช่สอนแบบ คนสอนพูดพูดพูด แล้วให้คนเรียนจดจดจด
บอกตามตรง "หายเมาแล้ว (ว่ะ....)



คลิกไปอ่าน....
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3181&sid=f4c9b16d5339887b699bb7739443527e
ประสบการณ์ชีวิต กับกล้วยไม้ : ประสาบการณ์ตรง 3 ศิษย์กับครู - ครูกับศิษย์





3> ข้าวหอมมะลิสูงประมาณ 130-150 ซม. เขาวัดตอนตั้งท้องหรือตอนออกรวงแล้วครับ
ตอบ :
เขาก็ต้องวัด ณ วันที่ต้นข้าวเจริญเติบโตสูงสุดซี่ วันเกี่ยวโน่นนนนนนนน......




รบกวนด้วยครับ






.
songpon03122526
ตอบตอบ: 17/12/2012 10:13 am    ชื่อกระทู้: สอบถามครับ

สวัสดีครับลุงคิมและสมช.ทุกท่าน


ขออนุญาติถามหน่อยครับ
1> นาข้าวที่ลุงคิมทำ เห็นระยะกล้า ใส่ปุ๋ย 18-38-12 ถ้าใส่ปุ๋ยสูตร 10-52-17 หรือ 15-30-15 แทนได้ไหมครับ
18-38-12 ผมหาไม่ได้เลย

2> โดยส่วนมากลุงคิมว่างวันไหนครับ ผมว่าจะไปเยือนไร่กล้อมแกล้มเพื่อศึกษาการทำเกษตร การทำนา ระบบ
สปริงเกอร์ การทำปุ๋ยใช้เอง การปลูกผลไม้ ไม่ทราบว่าลุงคิมจะสะดวกไหมครับ

3> ข้าวหอมมะลิสูงประมาณ 130-150 ซม. เขาวัดตอนตั้งท้องหรือตอนออกรวงแล้วครับ


รบกวนด้วยครับ
songpon03122526
ตอบตอบ: 03/12/2012 3:33 pm    ชื่อกระทู้: ครับผม

ขอบคุณมากครับลุงคิมที่ช่วยตอบคำถามผม
kimzagass
ตอบตอบ: 03/12/2012 2:21 pm    ชื่อกระทู้: Re: สงสัยอีกแล้ว

songpon03122526 บันทึก:
สวัสดีลุงคิม และ สมช.ทุกท่าน


ผมอยากรู้อีกแล้วครับ

1. ข้าวเริ่มจากท้องกลมจนถึงเริ่มออกรวง (หางแย้) ใช้เวลากี่วัน ? ถึงเก็บเกี่ยวใช้เวลากี่วันครับ ? (กำหนดระยะเวลาให้
ปุ๋ยทางใบครับ)
ตอบ :
ในธรรมชาติไม่มีตัวเลขและสูตรสำเร็จ ในโลกนี้ทุกอย่างมีทั้ง ปัจจัยเสริม-ปัจจัยต้าน เจ้า 2 ปัจจัยนี้นี่แหละที่เป็นตัวกำหนด....
เรื่องอายุของพืชอย่างต้นข้าว ให้เอางานวิจัยเป็นพื้นฐานแล้ว +/- ด้วย 5 ถึง 10 วัน จำนวนวันที่ +/- ถ้าปัจจัยเสริมดี อายุก็
อาจจะเป็น -5 (เร็วขึ้น) แต่ถ้าเจอปัจจัยต้าน อายุก็อาจจะเป็น +10 (ช้าออกไป) ก็ได้.....เพราะในงานวิจัยมิได้พบกับปัญหา
"ปัจจัยเสริม-ปัจจัยต้าน" ทุกอย่างทางธรรมชาติเหมือนแปลงข้าวเรา ผลของงานวิจัยที่ได้นั้น ได้มาจากแปลงที่ทำการวิจัย
แปลงเดียวเท่านั้น ฉนี้แล้ว จะเอามาเป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับทุกแปลง ทุกพื้นที่ ทุกภาค ทั่วประเทศ ทั่วโลก ได้ยังไง....


ปัจัยเสริม/ปัจจัยต้าน เบื้อต้นประกอบด้วย สายพันธุ์ - 6 ปัจจัยพื้นฐานเพื่อการเพาะปลูก - ธรรมชาติ - ฝีมือ - ดวง

คน-หมู-หมา-กา-ไก่-เป็ด-ช้าง-ม้า-แร่ด อายุเท่ากัน ร่างกายเจริญเติบโตหรือพัฒนาการเท่ากัน เหมือนกันไหม
เพราะอะไร...นั่นคือคำตอบ

ข้าวทุกสายพันธุ์มีช่วงการเจริญเติบโตหรือพัฒนาการเหมือนกัน คือ เมล็ดงอก ระยะกล้า ระยะแตกกอ ระยะตั้งท้อง
ระยะออกรวง ระยะน้ำนม....แต่ละระยะของแต่ละสายพันธุ์ไม่เท่ากัน ขึ้นกับสายพันธุ์และความสมบูรณ์

ตั้งแต่เริ่มต้นถึงเกี่ยว ข้าวพันธุ์เบา 90 วัน ข้าวพันธุ์หนัก 120 วัน





2. จากประสบการณ์ทำนาของลุงปุ๋ยเคมีสูตรไหนเหมาะสมกับการทำนาข้าว 16-8-8, 16-16-8, 15-15-15, 16-20-0,
18-38-12 หรือสูตรอื่นๆ (ประยุกต์ อินทรีย์-เคมี) ครับ
ตอบ :
ไม่มีตัวเลข ไม่มีสูตรสำเร็จ แต่มีหลักการและเหตุผล....N สำหรับข้าวระยะกล้า ช่วยเร่งการเจริญเติบโตทางลำต้นและใบ
เพราะฉนั้นก็ต้องให้ N มีเรโชสูงกว่าตัวอื่นๆ ในเมื่อมีหลายสูตร แล้วต้องใช้สูตรไหน คำตอบอยู่ที่ "6 ปัจจัยพื้นฐานเพื่อการ
เพาะปลูก" ในขณะที่ลำต้นและใบกำลังเจริญเติบโตนั้น สรีระส่วนอื่นๆต้องเจริญเติบโตด้วยไหม ถ้าเป็นคนสูงแต่ผอม หรือ
เตี้ยแต่อ้วน จะดีหรือ

เหมือนหุ่นลุงคิม "เลว-อ้วน-เตี้ย-ขาสั้น-หัวล้าน-ดั้งหัก-ตาเหล่-ปากจัด-จน" นี่แหละเพราะ "อาหารผิด + กินถูก = เป็น
แบบนี้" ไงล่ะ

ถามถึงประสบการณ์ในการเลือกใช้ปุ๋ย บ่อยครั้งที่แนะนำให้เขาใช้แล้วล้มเหลว ก็มีที่บางครั้งใช้แล้วได้ผล ทั้งนี้ดินเป็นตัว
กำหนด ดินแต่ละที่ สภาพ-โครงสร้าง ไม่เหมือนกัน การตอบสนองต่อปุ๋ยจึงไม่เหมือนกัน อยากรู้ต้องเข้า LAB ..... เมื่อ
ไม่มีตัวเลขและสูตรสำเร็จแต่มีหลักการ การตัดสินใจฟันธงสำหรับนาข้าวก็คือ ยึดตัวหน้า (N) สูงกว่าตัวกลาง (P) ตัวท้าย
(K) เข้าไว้ แต่ต้องมีครบทั้ง 3 ตัว แม้จะผิดพลาดบ้างก็คงไม่ร้ายแรงนัก เพราะถึงอย่างไร ต้นข้าวมิใช่ต้องการปุ๋ยเพียง 3 ตัว
นี้เท่านั้ีน ยังมี ธาตุรองอีก 3 ตัว ธาตุเสริมอีก 9 ตัว ฮอร์โมนอีก 2-3-4 ตัว อื่นๆอีกนับ 100 ตัว เป็นตัวช่วยอยู่แล้ว....
สำคัญที่ "ต้นทุน" หากทำเกษตรตามตำรารับรอง "เจ๊งกับเจ๊ง" แต่หากทำตามธรรมชาติมี "รวยกับรวย" แน่นอน

ที่สำคัญ อ่านวัฏจักรธรรมชาติของต้นข้าวให้กระจ่าง แล้วบริหารจัดการไปตามนั้น....ปลูกข้าวพูดภาษาข้าว ไม่ใช่พูดภาษา
คน.....ปลูกข้าวตามใจข้าว ไม่ใช่ตามใจคน...คน พูดเอง เออเอง - ถามเอง ตอบเอง




ถ้าลุงว่างจากภารกิจการงานช่วยตอบคำถามผมหน่อยนะครับ



ขอบคุณครับ


.
songpon03122526
ตอบตอบ: 03/12/2012 10:22 am    ชื่อกระทู้: สงสัยอีกแล้ว

สวัสดีลุงคิม และ สมช.ทุกท่าน


ผมอยากรู้อีกแล้วครับ

1. ข้าวเริ่มจากท้องกลมจนถึงเริ่มออกรวง (หางแย้) ใช้เวลากี่วัน ? ถึงเก็บเกี่ยวใช้เวลากี่วันครับ ? (กำหนดระยะเวลา
ให้ปุ๋ยทางใบครับ)

2. จากประสบการณ์ทำนาของลุงปุ๋ยเคมีสูตรไหนเหมาะสมกับการทำนาข้าว 16-8-8, 16-16-8, 15-15-15, 16-20-0,
18-38-12 หรือสูตรอื่นๆ (ประยุกต์ อินทรีย์-เคมี) ครับ

ถ้าลุงว่างจากภารกิจการงานช่วยตอบคำถามผมหน่อยนะครับ



ขอบคุณครับ


.
songpon03122526
ตอบตอบ: 29/11/2012 9:52 am    ชื่อกระทู้: ขอบคุณครับ

ขอบคุณคุณแดง ศาลายา



- เกษตรสัญจรภาคสอง เดี๋ยวผมศึกษาหาข้อมูลครับผม

- ผมเกี่ยวข้าวแล้ว ฝนไม่ตกแล้วครับ แต่ดินมีความชื้นอยู่ ถ้าปลูกถั่วเขียวก็พอจะงอกอยู่ ถ้าถั่วเขียวงอกแล้วไม่โดนฝน
เลยแม้แต่ครั้งเดียว ถั่วเขียวจะมีชีวิตรอดไหมครับ

- ถั่วเขียวแค่ตัดทิ้งก็สามารถย่อยสลายเองตามธรรมชาติใช่ไหมครับ หรือต้องใช้จุลินทรีย์ช่วยครับ

-เรื่องความสูงของต้นข้าว เช่น หอมมะลิ 105 สูงประมาณ 140-150 ซม. เขาวัดกันช่วงไหนครับ วัดตอนข้าวออกรวงแล้ว
หรือเปล่าครับ


ขอบคุณครับ




.