-
MySite.com :: ทบทวนกระทู้ - เกษตรสัญจร 3 ... ตาก-เถิน-แม่สะเรียง-ทุ่งบัวตอง-แม่ฮ่องสอน-ปาย
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
ตอบตอบ: 22/06/2017 7:55 pm    ชื่อกระทู้:

.....
DangSalaya
ตอบตอบ: 15/02/2017 8:28 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 3 ภาคพิเศษ ทำบุญสร้างกุศล เพิ่มทาน และปัญญาบารมีก

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน


เกษตรสัญจร 3 ภาคพิเศษ ทำบุญ สร้างกุศล เพิ่มทาน และปัญญาบารมีกันครับ


บทที่ 12 ตอนที่ 4 .4 – 2 – ช่วยกันได้ ก็ช่วยกันไปครับ






(1)



(2)

มีเพื่อนทางแม่ฮ่องสอน ส่งข้อมูลมาครับ อาจมาช้าไปหน่อย แต่คงจะยังพอทัน ลองโทรคุยกับคุณสุวิทย์ ดูครับ 081 – 166 – 2100...

ของเหลือใช้ที่เพื่อนๆ ทั้งหลายมีอยู่ แต่กำลังคิดจะทิ้ง อาจเป็นประโยชน์แก่คนที่ขาดแคลนนะครับ....เป็นการเพิ่มบุญกุศล ได้ทั้งทานบารมี และปัญญาบารมี พร้อมกัน

อาจจะรวบรวม ส่งโดยตรงที่ รร. บ้านปู่แก้ว ต.สบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน 58110




(3)


(4)


(5)



ขอบคุณครับ
orchid
ตอบตอบ: 07/12/2016 3:50 am    ชื่อกระทู้:

สวัสดีครับลุง...พี่ทิดแดง คุณแคท


ดอกบัวตอง บานจนโรย โรยจนบานไปหลายรอบแล้วนะครับพี่ท่าน..คนที่อยากอ่านต่อ ก็คอยอยู่นั่นแล้ว..

.
DangSalaya
ตอบตอบ: 16/09/2016 3:33 am    ชื่อกระทู้: แก้ไขรูปที่ขาดหาย...

...
kimzagass
ตอบตอบ: 04/12/2015 5:48 am    ชื่อกระทู้:

kimzagass บันทึก:
DangSalaya บันทึก:





.


(ซ้าย) พระเจ้าฟีล่อโก๊ะ ...... พระเจ้าโก๊ะล่อฝง (ขวา)
สองปฐมกษัตริย์ ผู้อัจฉริยะ แห่งสองแผ่นดิน ถิ่นกำเนิดชนชาติไทย (ไม่ใช่ ไต)
ผู้ยึดมั่นในคำสาบาล "รวยด้วยกัน" แต่ครั้งกระนั้น กระทั่งบัดนี้ และต่อไปถึงครั้งอนาคต นิรันดร.......





.


กราบเรียนลุงคิม

กรุณาย้ายรูปนี้ไปไว้ที่ วันที่ 22/11/2012 หน้า 1 ด้วยครับ

ขอบคุณครับ

--------------------------------------------------------------

ย้ายไปแล้ว
ไม่เห็นว่า เรื่องมันเกี่ยวกันตรงไหน ?


.
.
DangSalaya
ตอบตอบ: 04/12/2015 12:34 am    ชื่อกระทู้:

.
DangSalaya
ตอบตอบ: 04/12/2015 12:31 am    ชื่อกระทู้:

kimzagass บันทึก:
DangSalaya บันทึก:





.


(ซ้าย) พระเจ้าฟีล่อโก๊ะ ...... พระเจ้าโก๊ะล่อฝง (ขวา)
สองปฐมกษัตริย์ ผู้อัจฉริยะ แห่งสองแผ่นดิน ถิ่นกำเนิดชนชาติไทย (ไม่ใช่ ไต)
ผู้ยึดมั่นในคำสาบาล "รวยด้วยกัน" แต่ครั้งกระนั้น กระทั่งบัดนี้ และต่อไปถึงครั้งอนาคต นิรันดร.......





.


กราบเรียนลุงคิม

กรุณาย้ายรูปนี้ไปไว้ที่ วันที่ 22/11/2012 หน้า 1 ด้วยครับ

ขอบคุณครับ


.
DangSalaya
ตอบตอบ: 03/12/2015 9:02 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 3 การสัญจรครั้งใหม่ 18–24 กค.56

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน


เกษตรสัญจร 3 ภาค 2 การสัญจรครั้งใหม่ 18–24 กค. 56


บทที่ 12 ตอนที่ 4 - 4(1)- 20 กค.56 เดินทางถึงแม่ฮ่องสอน




การเดินทางช่วงที่ 4 ถึงแม่ฮ่องสอน….
นานโขที่ผมไม่ได้เปิดกระทู้นี้ ...พอจะเขียนต่อเข้าจริง ๆ ดันหา Scrip ไม่เจอซะงั้น....แล้วอีกอย่าง รูปที่ใช้โปรแกรม Ohozaa.com หายเกลี้ยง ขอเดินหน้าต่อก่อนละกัน แล้วค่อยเอารูปที่หายมาลงใหม่ นะครับ



ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แม้ว่า Scrip ไม่มี ก็ ขอมั่ว ไปตามเรื่องตามราวแล้วกันนะครับ รับรองว่า ไม่ว่าจะยังไง คราวนี้ผมพาท่านผู้ชมถึงแม่ฮ่องสอนแน่ ๆ





(1) มันเป็นเช่นนี้แลฯ





(2) พระท่านว่าไว้......





(3) เกิดก็เป็นทุกข์...ที่ถมเถไม่งอก ดันมางอกอีตรงรูนิดเดียว แบบนี้จะไม่ทุกข์ได้ยังไง





(4) แก่ก็เป็นทุกข์





(5) ตายก็เป็นทุกข์





(6) นั่งก็เป็นทุกข์ (โถ ๆๆๆ จะไม่ให้ท่านทุกข์ได้ยังไง ให้ท่านนั่งตากแดด แถมโบสถ์ก็แคบนิดเดียว)





(7) นอนก็เป็นทุกข์ (ก็อีกนั่นแหละ ให้ท่านนอนตากแดด แถมเอาผ้ามาห่มให้ท่านอีก กลางคืนพอว่า กลางวันมันร้อนนะโยม)





(8 ) ท่านไม่ยิ้มก็เป็นทุกข์ (แหม หลวงพ่อองค์นี้ หน้าไม่ยิ้มเลยอ่ะ...ว่าไป นี่พระพุทธยันตีเชียวนะคุณ)





(9) ท่านยิ้มก็ทุกข์ (แหม พระอะไรทาปากซะแดงแจ๊ดเชียว ยิ้มหวานอีกต่างหาก)





(10) โกรธกันก็เป็นทุกข์ (เมื่อไหรเค้าจะมาง้อน้า)





(11) พอใจก็เป็นทุกข์ (ทำซะสวยเชียว แต่เอ ฝนจะสาดมั๊ยเนี่ย)





(12) ไม่พอใจก็เป็นทุกข์ (เมื่อไหร่จะทำต่อซะที ปล่อยให้ตากแดดตากฝนอยู่ได้ )






(13) ร้อนก็เป็นทุกข์





(14) ฝนตกก็เป็นทุกข์





(15) หนาวก็เป็นทุกข์





(16) อยู่ใกล้ก็ทุกข์





(17) อยู่ไกลก็ทุกข์





(18 ) ดอกหอมเกินไปก็ทุกข์





(19) ดอกไม่หอมก็ทุกข์





(20) อยู่ข้างบนก็ทุกข์...





(21) อยู่ข้างล่างก็ทุกข์





(22) รูปไม่สวยก็ทุกข์





(23) คิดไม่ออกก็ทุกข์ (กำลังมัน ผักเหี่ยวหมดแล้วน้อง วันนี้จะได้แกงมั๊ยเนี่ย)





(24) คอสั้นก็ทุกข์





(25) คอยาวก็ทุกข์ (กะเหรี่ยงหลงจากดอยไหนว๊า คอมีสั้น มียาวได้ได้ด้วยวุ๊ย)





(26) นี่คือต้นเหตุให้เกิดทุกข์




(27) ทางไปสู่การปลดทุกข์





(28 ) นี่คือที่ปลดทุกข์





(29) ถ้าปล่อยวางเสียได้ก็หมดทุกข์






(30) ชะแว๊บ เป็นไงล่ะ มาถึงแล้วจ้า แม่ฮ่องสอน





(31) เจ้าของฉายา เมืองสามหมอก





(32) ผ่านมาแล้ว แค่เบาะ ๆ 1864 โค้งเอง





(33) จาก มส. ไปปายก็อีก 111 กม. เข้าเมือง มส.ก็อีก 1 กม.


บอกแล้วไม่เชื่อ ผมพาแฟนคลับมาถึงแม่ฮ่องสอนจนได้ละน่า....ขออภัยครับลุง ธัมมะธัมโมไปหน่อย หาบทไม่เจอจริง ๆ ครับ





ขอตามแก้รูปที่หายก่อนครับ ...แก้แล้วจะมีหายอีกมั๊ยเนี่ย....


.
orchid
ตอบตอบ: 19/05/2014 9:54 am    ชื่อกระทู้:

สวัสดีครับลุง...ทิดแดง....

กรุณา Update รูปที่ขาดหาย และพาสัญจรต่อด้วยก๊ดีครับ อ่านแล้วสนุก...ผมและแม่บ้านอยากเก็บข้อมูล เผื่อจะมีโอกาสได้เดินทางสัญจรเส้นนี้บ้าง...

ขอบคุณครับ



.
DangSalaya
ตอบตอบ: 18/10/2013 6:17 am    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 3 ...การสัญจรครั้งใหม่ 18 – 24 กค.56

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร 3 ...การสัญจรครั้งใหม่ 18 – 24 กค.56

บทที่ 12 ตอนที่ 4 - แม่สะเรียง – แม่ฮ่องสอน 20 กค.56

การเดินทางช่วงที่ 3 หมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาว – แม่ฮ่องสอน


พูดถึงหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาว ซึ่งในประเทศไทยจะมีอยู่ที่ จ.แม่ฮ่องสอนเพียงที่เดียว และมี 2 กลุ่มคือ

(1) กลุ่มคอยาวบ้านน้ำเพียงดิน ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ และมีทางเลี้ยวเข้าไปทางทิศตะวันตกห่างตัวจังหวัดลงมาประมาณ 30 กม.
(2) กลุ่มคอยาวบ้านในสอย อยู่ทางทิศเหนือและมีทางแยกเลี้ยวไปทางทิศตะวันตกห่างตัวจังหวัดขึ้นไปประมาณ 40 กม


กระเหรี่ยงทั้งสองกลุ่มจะอยู่เกือบติดชายแดนพม่า....ข้ามเขาตะนาวศรีก็จะเข้าเขตพม่าแล้วครับ และนับวัน ความคอยาวของกระเหรี่ยงทั้งสองกลุ่มคงจะเหลือเพียงตำนาน เพราะเมื่อความเจริญเข้ามาถึง เด็กรุ่นใหม่ ไม่นิยมคอยาวที่ดูไม่เหมือนคนทั่ว ๆ ไป นอกจากจะใส่ในงานพิธีเท่านั้น .....ดูไปเรื่อย ๆ จะรู้ว่า เค้าใส่คอให้ยาวได้ยังไง......

เนื่องจากผมมาทางแม่สะเรียง – ขุนยวม ก็จะผ่านทางเข้ากระเหรี่ยงคอยาวบ้านน้ำเพียงดิน ก่อนจะเข้าแม่ฮ่องสอน ก็คงจะแวะที่นี่ได้เพียงแห่งเดียว ส่วนกลุ่มคอยาวบ้านในสอยคงไม่ได้แวะ เพราะถ้าออกจากแม่ฮ่องสอนแล้ว จะผ่านเลยไปเพื่อจะไปเยี่ยมชมโครงการหลวงที่พระตำหนักปางตอง ซึ่งคิดว่า น้อยคนที่จะรู้จักและเคยได้ยินชื่อ

และเท่าที่ผมเขียนเล่ามาทั้งหมด ...หากมีข้อบกพร่อง ตกหล่นตรงไหนที่ผมไม่ได้เขียนถึง ขอรบกวนสมาชิกคุณ chet3614 ซึ่งเคยผ่านเส้นทางนี้มาแล้วกรุณาทักท้วงด้วย(ถ้าเข้ามาอ่านนะครับ) เพื่อที่จะให้ข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

...เสียดายที่ ไม่ได้มีโอกาส เข้าไปหา ตาเลอะ กระเหรี่ยงผู้ซึ่งปลูกกาแฟส่งให้ STAR BUCK จึงขออภัยคุณ chet3614 ที่ไม่ได้มีผลิตภัณฑ์กาแฟ สตาร์บั๊ค ตกเกรดมาฝาก เนื่องจาก ฝนตกทางขึ้นลำบากนอกจากจะใช้ โฟร์วีล.....ผมอุตส่าห์เตรียมหมากดิบเอาไปฝากแกด้วยเลยต้องเอาไปฝากไว้ที่อนามัยแม่ลาน้อย เอาไว้โอกาสหน้าครับ

คือกาแฟ สตาร์บั๊ค ที่คุณกินกันนั่นน่ะ ปลูกในเมืองไทยนี่แหละ ปลูกที่ อ.แม่ลาน้อย บนดอยที่บ้านแม่สะกั๊ว กับ บ้านแม่ละอูบ โดยมีข้อผูกพันสัญญา เวลาเซ็นสัญญา ลูกสาวตาเลอะจะเข้ามาเซ็นโดยมาพักที่ รร.ปาร์คนายเลิด ว่าแต่ละปีจะต้องปลูก(อาราบิก้า และโรบัสต้า)จำนวนเท่านั้นเท่านี้ ส่วนที่ได้ตามเกรดก็ส่งให้ สตาร์บั๊ค ส่วนที่ตกเกรด ตาเลอะก็ทำออกมาขายเอง โดยจำกัดบริเวณให้ขายที่บ้านตาเลอะเพียงแห่งเดียว และที่บ้านตาเลอะ ในหลวงเคยเสด็จไปประทับบนบ้าน

ปัจจุบัน ตาเลอะ ต้องไปปลูกบ้านใหม่ และเก็บบ้านหลังนั้น อนุรักษณ์ทุกอย่างไว้เป็นอนุสรณ์ ..จะขึ้นไปเพียงทำความสะอาด เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดูได้เห็น ....กาแฟสตาร์บั๊ค แก้วเท่าไหร่แล้วผมไม่รู้ แต่ที่บ้านตาเลอะ 40 – 60 บาท รสชาติอาจแตกต่าง แต่อย่างน้อยก็ได้กินกาแฟสายพันธุ์เดียวกับของ สตาร์บั๊ค ....คุณว่ามั๊ย ........ผมไปรู้จักกับ ตาเลอะ ได้ยังไง .....เรื่องมันยาว......เอาเป็นว่า ผมไปกับ ตชด.ครับ






(203) จากแยกผาบ่อง เลี้ยวเข้ามาบ้านน้ำเพียงดิน เพื่อไปหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาว... ผ่านแปลงปลูกถั่วเหลือง ดูเขียวสวยดี เลยเก็บรูปมาฝาก




(204)


(205)

(204 – 205) เห็นช้างเดินป้วนเปี้ยนแบบนี้ แสดงว่าใกล้หมู่บ้านกระเหรี่ยงเข้ามาแล้ว





(206) ในที่สุดก็ถึงบ้าน น้ำเพียงดิน หมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาว จะมีรูปแกะสลักด้วยไม้เป็นรูปกระเหรี่ยงคอยาว 2 คน ยกมือไหว้ต้อนรับอยู่ตรงนี้....เราจะไปดูกันครับว่า คอกระเหรี่ยงจะยาวจริงหรือไม่





(207) มีป้ายบอกทางลงไปหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาว ถ่ายย้อนแสงภาพเลยมืดไปหน่อย




(208 )



(209)

(208 – 209) ก็จะมีทางเดินลงไปที่หมู่บ้าน ซึ่งสองข้างทางก็จะมีร้านขายของที่ระลึก




(210)


(211)

(210 – 211) ต้องข้ามสะพานนี้ไปอีกฝั่ง แล้วเดินไปอีกหน่อยนึงครับ





(212) เริ่มจะเห็นด้านหลังของกระเหรี่ยงคอยาวแล้วนะครับ





(213) นี่ก็เป็นทางขึ้นไปบ้านของกระเหรี่ยงคอยาว





(214) โบราณท่านว่า ...เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม ...การจะเข้ากลุ่มกระเหรี่ยงคอยยาวได้ ต้องแปลงโฉมก่อนเพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติ เหมือนจิ้งจกน่ะครับ อยู่บ้านตึกก็ตัวขาว อยู่บ้านไม้ก็ตัวดำ




(215)



(216)



(217)



(218 )



(219)



(220)



(221)



(222)



(223)



(224)



(225)

(215 – 225) หลังจากแปลงโฉมแล้ว ก็จะกลายเป็นกระเหรี่ยงคอยาว(กำมะลอ)ขายสินค้าและของที่ระลึกในหมู่บ้านกระเหรี่ยงไปโดยปริยาย





(226) ตุ๊กตาที่ระลึกรูปกระเหรี่ยงคอยาว




(227)



(228 )



(229)



(230)




(231)

(227 – 231) กระเหรี่ยงคอยาวบางคนก็ใส่ปลอกคอ บางคนก็ไม่ใส่ ทอผ้า ขายของ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ก็ว่ากันไปตามอัธยาศัย





(232) กระเหรี่ยงคอยาวคนนี้ขายผ้าทอมือ และของที่ระลึกครับ




(233)



(234)

(233 – 234) อีกภาพลักษณ์หนึ่งของกระเหรี่ยงคอยาวแม่ลูกอ่อน





(235) เครื่องประดับทำด้วยเงินประดับด้วยพลอยสี สำหรับใช้ในงานพิธีครับ





(236) คนนี้ถือว่าเป็นกระเหรี่ยงคอยาวที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านว่า เป็นคนที่สวยที่สุด คือวัดความสวยตรงที่คอยาวที่สุด





(237) ไก่ในหมู่บ้านนี้ จะเป็นแบบนี้เกือบทุกตัว





(238 ) ไม่ได้ค่อยได้เห็นมานานแล้ว ที่นี่เค้ายังใช้ควายนาอยู่ครับ





(239) กำลังใช้ความคิดหนักเลย เป็นภาพแสดงอารมณ์ที่ไม่ได้ Action สงสัยว่าวันนี้ผักในถุงจะได้เอาไปทำกับข้าวหรือเปล่านะเนี่ย





(240) หลังจากที่ได้เห็นกระเกรี่ยงคอยาวทั้งตัวจริง ตัวปลอม สมใจแล้ว ก็ออกจากหมู่บ้านกระเหรี่ยงเดินทางต่อ





(241) ออกมาถึงปากทางแยกที่เข้าไป ก็ต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อจะไปแม่ฮ่องสอน.....




.
DangSalaya
ตอบตอบ: 16/10/2013 12:57 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 3 ...การสัญจรครั้งใหม่ 18 – 24 กค.56

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร 3 ...การสัญจรครั้งใหม่ 18 – 24 กค.56

บทที่ 12 ตอนที่ 4 - แม่สะเรียง – แม่ฮ่องสอน 20 กค.56

การเดินทางช่วงที่ 2 - ขุนยวม – หมู่บ้านกะะเหรี่ยงคอยาว


(2) จากวัดต่อแพ เดินทางต่อ ไปหมู่บ้านกระเหรียงคอยาว ….ระหว่างทางเจอเหตุการณ์รถตกเขา





(184) มีเหตุการณ์ตื่นเต้นนิดหน่อย คือ ออกจากวัดต่อแพมาได้ไม่ไกลนัก ฝนตกพรำ ๆ มาถึงทางโค้งบังเขาตรงจุดนี้ มีรถปิ๊คอัพวิ่งสวนทางมา แล้วก็มีปิ๊คอัพอีกคันหนึ่ง แซงทางโค้งขึ้นมา ต้องหักหลบกันสุดตัว พ้นมาได้หวุดหวิด ดีว่ามีไหล่ทางกว้าง ไม่งั้นคงชนหลักรายริมทาง....ผมต้องจอดรถ เพราะ....





(185)..คันที่แซงทำอีท่าไหนไม่ทราบ หลบเข้าไม่พ้น ประกอบฝนตกกับถนนลื่น คงจะเบรก รถเลยเป๋ปัดไหลขวางถนน คนขับคงหักขวารถเลยพุ่งออกไปทางขวา ไหลลงข้างทางไปเอ้งแม้งอยู่ก้นเอ่ง






(186) รอยที่รถไหลเป็นทางแล้วพรวดลงไปทางเหวนั่นแหละครับ





(187) ดีว่าชนต้นไม้ ไม่อย่างนั้น คงจะตีลังกาหงายท้อง






(188 ) จากข้างบน ลงมาถึงจุดนี้ สูงไม่น้อยกว่า 50 เมตร





(189) ท่านผู้นี้แหละครับ คนขับ รอดมาได้หวุดหวิด หน้ายังจ๋อยอยู่เลย เป็นครูครับ เพิ่งขับรถมาได้ยังไม่ถึง 6 เดือนใบขับขี่ยังไม่มี มาสอนหนังสือที่แม่ฮ่องสอน จะกลับบ้านที่เชียงใหม่ กลัวจะไปถึงดึก เลยรีบเพราะมีธุระ ผมขับไม่เร็วนะ แค่ 100 กว่า ๆ เอง ...โห มือใหม่หัดขับ ฝนตกถนนลื่นแซง ทางโค้ง 100 กว่า ...ว่ากันไป





(190) เดินทางต่อซิเรา คราวนี้ นกฮูก ตาโตกันเป็นแถว .....
....พ่อเห็นเค้าแซงขึ้นมาเหรอ ....
....เห็นตั้งแต่ตอนขึ้นเนินมาแตไกลแล้ว คิดว่าไม่รอดแหง๋ ๆ พ่อเลยผ่อนคันเร่งหลบเข้าชิดซ้าย ดีว่าไหล่ทางตรงนี้กว้าง ไม่งั้นอาจโดนเฉี่ยว ท้ายรถเค้าปัดห่างรถเราเมตรกว่าได้มั๊ง ...คนต่างจังหวัด ชอบประกันรถชั้น 3 ซ่อมรถกันหูตูบ …

…ทางข้างหน้า มีหมอกลงนะพ่อ.....
....แม่ฮ่องสอน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เมืองสามหมอก อยู่ยอดเขาก็ต้องมีหมอก ที่เห็นนี่ไม่ใช่หมอก แต่เป็นเมฆที่ลอยผ่านยอดเขา ...

....พ่อรู้ได้ยังไง.....
..หัดสังเกตแล้วก็จำเอาไว้ ขับรถผ่านหมอก กระจกแค่เป็นฝ้า ขับรถผ่านเมฆ กระจกจะเป็นละอองน้ำเกาะ ไม่เชื่อออกไปยืนดู แป๊บเดียวเสื้อจะเปียก ถ้าเป็นหมอก จะแค่ชื้น ๆ ที่รู้เพราะเคยจอดรถลงไปฉี่ แป๊บเดียวเสื้อเปียกเลยแหละ.....




(191)



(192)



(193)



(194)



(195)



(196)


(191 – 196) ก่อนจะถึงแม่ฮ่องสอนประมาณ 20 กม ผ่านร้านกาแฟสดบนยอดดอย ขอแวะชิมซะหน่อย บรรยากาศ น่านอนซักตื่น …..ดูแล้วไม่น่าจะขายได้ แต่น้องค้าบอกว่า ฤดูธรรมดาขายได้วันละประมาณ 30 – 50 ถ้วย ๆ ละ 30 บาท ก็พออยู่ได้ มีของกินเล่นอย่างอื่น และของที่ระลึกขายด้วย แต่ถ้าเป็นฤดูท่องเที่ยว ขายวันหนึ่งประมาณ 300 – 500 ถ้วย




(197)



(198 )

(197 – 198) เค้าเขียนบอกว่า เป็นกาแฟของชนเผ่า กะเหรี่ยง ม้ง ลีซู และ ลาฮู ปลูกบนดอย เอามาผสมรวมกันแล้วบดออกมาเป็นกาแฟ ใช้ชื่อ Brand ว่า ดวงดี กาแฟชาวเขา ถ้วยละ 30 บาท รสกลมกล่อม เข้ม หอม อร่อยครับ (ขนาดว่าชาวเขาคนละเผ่า เค้ายังรวมตัวกันตั้งเป็นกลุ่ม ผลิตกาแฟออกมาขาย แบบรวยด้วยกัน แต่พี่ไทย อยู่บ้านติดกันยังไม่ถูกกันเล๊ย เข้าทำนอง รวมกันตายหมู่ แยกกันอยู่ ตายสนิทคนเดียว





(199) หน้าตาของกาแฟ รสชาติเป็นยังไง .....ก็เหมือนกาแฟสดทั่วไปนั่นแหละ....





(200) มีกล้วยหอมหั่นเป็นชิ้น เรียงเป็นรูปรอยยิ้มแบบนี้แถมให้ด้วย กินกาแฟกับกล้วยหอม มันเข้ากันได้เหมือน ปี่ กับ ไวโอลิน





(201) ถ้าให้เลือกระหว่างเที่ยวทะเลกับเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร ผมไม่ชอบกลิ่นอายเค็ม ๆ ของทะเล ผมชอบเที่ยวป่าเขาลำเนาไพรมากกว่าครับ มันให้ความรู้สึกที่เงียบสงบ ลึกลับ ....ขอตายบนอกดีกว่าตกน้ำตายครับ





(202) เดินทางต่อครับ อีก 18 กม. จะถึงแม่ฮ่องสอน แต่ ผบ.ทบ.บอกอยากจะเห็นกระเหรี่ยงคอยาวซักครั้ง ได้เลย เดี๋ยวพอถึงทางแยก ผาบ่อง เราจะเลี้ยวซ้ายเข้าชุมชนกระเหรี่ยงคอยาวที่บ้านน้ำเพียงดิน ตรงนี้เป็นจุดที่แม่น้ำปาย ไหลจากปาย ผ่านปางหมู ผ่านแม่ฮ่องสอน มาออกบ้านน้ำเพียงดิน ไหลไปออกแม่น้ำสาละวินในเขตพม่า ที่ตรงจุดนี้

....อดใจ อีกนิดเดียวจะถึงหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวแล้วครับ ....


.
DangSalaya
ตอบตอบ: 09/10/2013 2:35 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 3......การสัญจรครั้งใหม่ 18 - 20 กค.56

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร 3......การสัญจรครั้งใหม่ 18 - 20 กค.56

บทที่ 12 ตอนที่ 4 - แม่สะเรียง – แม่ฮ่องสอน 20 กค.56

การเดินทางช่วงที่ 2 ขุนยวม – หมู่บ้านปะด่อง (กะเหรี่ยงคอยาว)


(1) วัดต่อแพ....




(149) หลังจากที่กินข้าวกินปลาอิ่มหมีพีมันแล้วก็เดินทางต่อ





(150) ระหว่างทางผ่านวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง ชื่อวัดต่อแพ วัดในรูปนี้แหละครับ เค้าบอกว่า ที่วัดนี้มีชาวบ้านไทใหญ่ สมัยโบราณสร้างผ้าม่านถวายวัดไว้ผืนหนึ่ง อายุประมาณเกือบ 200 ปี เป็นผ้าม่านที่มีราคาหาค่ามิได้ เพราะถักร้อยสลักลวดลายด้วยเส้นไหมทำด้วยทองคำ และประดับด้วยเพชรนิลจินดา ไม่น่าเชื่อว่า คนสมัยนั้นจะทำได้สวยงามถึงเพียงนี้ และการเดินทางในสมัยเมื่อ 200 ปีก่อนมาได้ทางเดียวคือทางน้ำ และการที่วัดนี้ได้ชื่อว่า วัดต่อแพ เพราะเป็นจุดที่เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ชาวชนเผ่าจะมาชุมนุมกันที่นี่เพื่อที่จะมาต่อแพ ทำแพ เพื่อบรรทุกสินค้า ล่องเดินทางไปตามแม่น้ำลงทางใต้ เอาสินค้าไปขายที่ขุนยวม แม่ลาน้อย แม่สะเรียง สบเมย





(151) ประวัติวัดต่อแพ ..คนเฒ่าที่วัดเล่าเรื่องเก่า ที่ฟังแล้วเหมือนนิยายปรัมปรา ซึ่งมีบันทึกอยู่ในพงศาวดารไทใหญ่ แต่ประวัติชาติไทยไม่ได้บันทึกไว้ ว่า เป็นเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรฯ และสมเด็จพระเอกาฯ ที่ไปทรงรับพระบรมอัฏฐิของสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา จากพม่าข้ามเทือกเขาตระนาวศรีเข้ามาฝั่งไทย แล้วพระองค์ไปทรงพระประชวรสิ้นพระชนม์ที่เมืองหาง ส่วนพระบรมอัฏฐิของสมเด็จพระพี่นาง ได้ทรงบรรจุไว้ที่เจดีย์หลังพระอุโบสถวัดน้ำฮู ใกล้ อ.ปาย และการที่ชาวไทใหญ่เข้ามาอยู่เมืองไทยก็เพราะ .เลือดไทย ไม่ยอมเป็นข้าใคร จึงมีไทใหญ่กลุ่มหนึ่ง หนีพม่าติดตามทัพของพระองค์ดำ ข้ามเขาตระนาวศรีมาอยู่ฝั่งไทยตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ ...เสียดายเวลามีน้อย ไม่อย่างนั้นผมคงได้ข้อมูลดี ๆ มาฝากเพื่อน ๆ อีกแยะ
ทำไมผมจำข้อมูลได้แยะจัง ...โทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ ใช้งานได้สารพัดอย่าง ก็ใช้งานให้คุ้มค่า เวลาคุยกัน เราก็บันทึกเสียงเอาไว้ซีครับ อยากรู้เรื่องก็เปิดฟังได้ภายหลัง......
แบบเดียวกับที่ผมอัดเสียงรายการที่ลุงคิมพูดทางวิทยุแล้วเอามาลงในเว็ปให้คุณได้ฟังลุงพูดย้อนหลัง ในกระทู้ 3267 นั่นแหละ ......อุตส่าห์ใช้เวลาในการบันทึกเสียงมาให้ฟังกัน ยังมีคนต่อว่าอีกแน่ะว่า บางวันเสียงค่อย บางวันเสียงดัง บางวันเสียงไม่ชัด ก็สัญญาณวิทยุมันเป็นแบบนั้น แล้วเครื่องมือที่ผมใช้เป็นแค่โทรศัพท์ราคาถูก ๆ ผมก็ฟังได้แบบนั้น เอาลงในเว็ปมันก็เป็นแบบนั้น ...อยากฟังเสียงชัด ๆ คุณก็อัดเสียงฟังเอาเองซีครับท่าน....คนแบบนี้เค้าเรียกว่า ผีเจาะปากมาให้พูดโดยแท้




(152)



(153)



(154)



(155)

(152 – 155) รูปทรง ลวดลายภายในวัดบ่งบอกถึง ศิลปะไทใหญ่ มีเจดีย์ เสาหงส์ ทรงพม่า สวยงามครับ





(156) เป็นฝักของกล้วยไม่ป่าภายในวัด




(157)



(158 )




(159)



(160)



(161)

(157 – 161 ) ภายในวัดมีแก้วมังกรสายพันธุ์หนึ่ง ดอกใหญ่ ลูกใหญ่ ถ้าโตเต็มที่จะใหญ่แค่ไหนไม่ทราบเหมือนกัน




(162)



(163)



(164)

(162 – 164) ดอกไม้กับสตรีและแมลง เป็นของคู่กันครับ รายการสีสันชีวิตไทย เป็นรายการที่มีสีสัน ก็ต้องหาสี มาจัดสรร ให้ดูสดใส




(165)



(166)



(167)



(168 )

(165 – 168 ) พระพุทธรูปศิลปะไทใหญ่ แกะด้วยซุงทั้งต้น จีวรประดับด้วยทอง ของจริงวิจิตรบรรจงสวยงามมากเลยครับ แต่ฝีมือการถ่ายรูปและกล้องจากมือถือราคาถูก ทำให้รูปออกมาไม่ดี





(169) องค์นี้พร้อมบุษบก ทำด้วยทองคำแท้ ๆ แต่องค์พระทำให้สีทองคล้ำลง ถามพระท่านว่า วางไว้แบบนี้ไม่กลัวคนขโมยหรือ...ท่านบอกว่า มีคนเคยขโมยไป 3 ครั้ง แต่ก็ต้องเอามาคืนทั้งสามครั้ง และคนที่ขโมย ก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว (เสียดายที่เจ๊ใหญ่ไม่ได้มาด้วย ไม่งั้นคงโดน ขูดหาข้อมูล....)





(170) มาถึงแล้วก็ทำบูญถวายทานกันตามอัธยาศัย ขอแบ่งบุญใาให้เพื่อน ๆ ทุกคนด้วยนะครับ





(171) ตามเสาภายในศาลา จะประดับด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปนกยูงรำแพนปิดทองแบบนี้ทุกต้น





(172) ประวัติของผ้าม่าน หากสนใจก็ลองอ่านดู คงพออ่านได้นะครับ




(173)



(174)



(175)



(176)



(177)

(173 – 177) ผ้าม่านทำด้วยมืออายุกว่า 150 ปี กว้าง 1.68 x 3.80 เมตร ลวดลายแบบพม่า แต่คุณค่าอยู่ที่ฝีมือในการทำและเครื่องประดับ





(178 ) ธรรมาสน์ สำหรับพระนั่งเทศน์ แกะสลักลวดลาย ดูเผิน ๆ ก็ธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา




(179)



(180)



(181)

(179 – 181) ลองมาดูใกล้ ๆ ครับ ว๊าว...จะเห็นคุณค่าว่า ประเมินราคามิได้ ประดับด้วย ทับทิม พลอย ไพลิน มรกต ทุกเม็ดยังไม่ได้เจียรนัย ....อยู่นานไม่ได้เดี๋ยวเกิดของเค้าหายขึ้นมาจะยุ่ง





(182) ขอบันทึกไว้เป็นที่ระลึกหน่อยว่า มาถึงแล้วจ้า....





(183) Go go go ....ไปต่อครับ



.
DangSalaya
ตอบตอบ: 28/09/2013 4:31 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 3 การสัญจรครั้งใหม่ แม่สะเรียง–แม่ฮ่องสอน–ปาย 18

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร 3 ..การสัญจรครั้งใหม่ แม่สะเรียง–แม่ฮ่องสอน–ปาย 18–24กค.56

บทที่ 12 ตอนที่ 4 - แม่สะเรียง – แม่ฮ่องสอน 20 กค.56

การเดินทางช่วงที่ 1 แม่สะเรียง – ขุนยวม

แม่สะเรียงเป็นเมืองเงียบสงบ เมื่อคืนหลับสบาย วันนี้ก็ 20 กค.56 ผมตื่นตั้งแต่ไก่โห่ อากาศเย็นสบาย มีหมอกบ้างเล็กน้อย จะไปตลาดก็ขี้เกียจ(เดิน) พอดีเด็กที่ห้องพักบอกว่าจะไปตลาดเลยขอซ้อนท้ายไปด้วย เห็นมีร้านขายโจ๊กกับปลาท่องโก๋ เลยขอลงตรงนั้นเพื่อจะซื้อโจ๊กกับปลาท่องโก๋...

. คุยไปคุยมาเค้าถามว่า มาจากไหน จะไปไหน
..ผมก็บอกว่า มาจากนครปฐม จะไปปาย
เค้าบอกว่า เค้าเป็นคนนครปฐม มาเที่ยวกับรถนำเที่ยวสองคนสามีภรรยา ชอบใจความเงียบสงบของที่นี่ เลยไม่กลับ มาเซ้งห้องเปิดขายโจ๊กอยู่ตรงนี้มา 15 ปีแล้ว

เมื่อซื้อโจ๊กกับปลาท่องโก๋เสร็จเรียบร้อย รถมอไซด์กลับมารับ ก็ล่ำลากันตามธรรมเนียม เค้าแถมปลาท่องโก๋ให้ผมมาอีกถุงนึง บอกเอาไปกินระหว่างทาง เพราะจากแม่สะเรียงถึงขุนยวม จะมีร้านขายอาหารที่แม่ลาน้อยซึ่งอยู่ห่างจากแม่สะเรียงไปอีกประมาณ 30 กว่ากม. จากนั้นจะเป็นทางขึ้นเขาตลอด และอาจจะไม่มีร้านอาหาร

กลับมาถึงที่พัก บรรดา กินนอน ทั้งหลายแต่งตัวกันเรียบร้อย

....พ่อกูหิ้วอะไรมาวะพะรุงพะรัง.....
....โจ๊กนครปฐมเจ้าแก่ อันนี้ซื้อ...อันนี้แถม เจอคนนครปฐมมาขายโจ๊กอยู่ที่นี่ 15 ปีมาแล้ว(ก็เลยเล่าเรื่องให้ฟัง)

....ของแถมมากกว่าที่ซื้ออีกนะพ่อ.....
....หลวงพ่อจรัญท่านว่า ผู้ใหญ่ให้อะไรให้รับเอาไว้ก่อน …..มีเสียงมาจากข้างหลัง

....ถ้าเค้ายกลูกสาวให้ล่ะ....
....ข้าน้อย ขอน้อมรับด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง....

หลังจากที่จัดการกับอาหารและภารกิจส่วนตัวเสร็จ ได้เวลา 8 โมงนิด ๆ ก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ




(116) ในรูปที่ 115 เมื่อวานเย็นตอนมาถึง ถ่ายรูปหลักกิโลเมตรเอาไว้ เพื่อว่า มาถึงแม่สะเรียงแล้วนะ ไม่ได้สังเกตว่าด้านหลัง มีศาลาทรงไทใหญ่ ทีแรกนึกว่าเป็นวัด ปรากฏว่าไม่ใช่ เป็นพิพิธภัณฑ์ ของเมืองแม่สะเรียง ยังเช้าอยู่เค้ายังไม่เปิด ก็เลยเดินทางต่อดีกว่า ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้หน่อย เอาไว้คุยได้ว่า กูไปมาแล้วนะ





(117) คนนี้ขอแจมด้วยทุกที่ ...สั่งด้วยนะ ...เอารูปลงเฟสให้ด้วย....(ตั้งแต่หัดให้เล่นเฟส เลยสนุก เพื่อนแยะอีกต่างหาก) ไม่ลงก็ไม่ได้เดี๋ยวไม่มีค่าน้ำมันรถ เพราะทุกคนที่ไปมอบหน้าที่ให้เป็นคนคุมคลัง





(118) ออกจากตัวเมืองแม่สะเรียงมาถึงหน้าพิพิธภัณฑ์ ถ้าไปทางขวาก็เข้าชียงใหม่ ทางที่ผ่านมาเมื่อวานนี้ จะไปแม่ฮ่องสอนก็ต้องไปทางซ้าย เลยพิพิธภัณฑ์มาหน่อยจะเจอป้ายบอกทาง เดินทางต่อครับ





(119) ออกจากแม่สะเรียงมาไมไกล ทางก็วกวนขึ้นเขา ชมทิวทัศน์มาตลอด บรรดานกฮูก ตาเริ่มจะหรี่เพราะสู้แสงตอนกลางวันไม่ได้ ใครใคร่หลับ หลับ ผมอยากจะหลับ แต่หลับไม่ได้ ขืนหลับละก็เป็นเรื่อง ก็ชมทิวทัศน์สองข้างทางไปเรื่อย ๆ .





(120)...ออกจากแม่สะเรียง ประมาณ 08.30 ระยะทาง 30 กม.มาถึงแม่ลาน้อย ก็เลี้ยวเข้าไปวนอุทยานถ้ำแก้วโกมล เค้าลือกันว่าหินงอก หินย้อย สวยนักหนา มาถึงหน้าทางเข้าถ้ำ 09.30 ประกาศว่าปิดเพื่อปรับปรุง เซ็งเป็ดเลย….น่าจะปิดป้ายบอกที่ปากทางเข้า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งรถเข้ามาอีกตั้งไกล ....นี่แหละครับ ประเทศไทย.....คนคุมคลัง ขอแจมด้วยอีกตามเคย ...รู้ซะด้วยนะว่า ....รายการลุง สีสันชีวิตไทยไม่ใช่เหรอ มันต้องมีสีสันหน่อยเซ่ ทำไม มีปัญหาเหรอ เดี๋ยวก็เลิกฟังซะร็อก....แน่ะ มีขู่จะเลิกฟังรายการลุงด้วยว่ะ




(121)



(122)

(121 – 122) เข้าถ้ำไม่ได้ เลยถ่ายรูปต้นไม้ ดอกไม้มาให้ดู ใบอะไรไม่รู้จัก แต่ดอกรู้จักดี กระดังงายังไม่ได้ลนไฟครับ





(123) จากถ้ำแก้วโกมล ออกมาถึงทางแยกแม่ลาน้อย จะไปแม่ฮ่องสอนก็ต้องเลี้ยวขวา ....ไปโลด




(124)



(125)



(126)



(127)

(124 – 127) ผ่านมาเจอกองหินที่เรียกว่า แพะ หรือ กองแลน เล็ก ๆ ช่างภาพอดใจไม่ได้ เลยขอลงไปถ่ายรูปเอาไว้ ดูมาดท่า่ถ่ายรูปซะก่อน





(128 ) ดอกอะไรไม่รู้จักครับ เห็นสวยแปลกดี





(129) ต้องไปกันต่อเพราะเส้นทางยังอีกยาวไกล




(130)




(130 – 131) ไปที่ไหนก็เจอ บนเขา บนดอย ริมทาง ดินก็เป็นหิน น้ำก็ไม่มี งามดีซะด้วย




(132)



(133)

(132 – 133) จะ สุขา บนยอดเขาทั้งที ต้องนี่ครับ สุดยอดส้วม ถ้าจะถามว่า มันเป็นยังไง ...ส้วมหญิงผมไม่รู้ รู้แต่ส้วมชาย ..ทีแรกนึกว่าฉี่ออกมาจะแข็งเป็นเส้น ต้องเด็ดทิ้ง สุดท้ายมันแปลก เพราะ ฉี่ออกมาเป็นน้ำ สุดยอดจริง ๆ





(134) อันนี้แปลกกว่า ...เอาซุงทั้งต้นมาผ่าสองซีก ทำเป็นที่นั่ง เท่ห์อย่าบอกใคร





(135) ต้นไม้แม้ตายแห้ง ก็ยังมีประโยชน์ เอามาทำวัสดุเครื่องใช้ไม้สอยได้ สุดท้ายก็เอามาทำฟืนเผาเป็นถ่าน ....แต่คน ถ้าตายแล้ว หาค่าอันใดมิได้เลย มีแต่คนเมินหน้าหนี เพราะเหม็นเน่าอีกต่างหาก ....ตายเช้า เผาเย็น ตกตอนดึกเมียมีผัวใหม่ไปแล้ว ...





(136) ไปกันต่อครับ หมู่บ้านเริ่มจะมีเห็น แสดงว่า ใกล้จะถึงขุนยวม





(137) ก่อนเข้าสู่ขุนยวม จะมีศาลาประดิษฐานพระธาตุเจดีย์ และพระพุทธรูป หลวงพ่อพระพุทธยันตี ก็ควรจะต้องจอดแวะไปกราบพระกันหน่อยครับ





(138 ) พระธาตุเจดีย์ ศรีขุนยวม ครับ




(139)



(140)

(139 – 140) หลวงพ่อพระพุทธยันตีครับ





(141) โบราณท่านว่า ไปไหว้พระหรือไหว้สถานที่มงคลที่ไหน ถ้ามีระฆังแขวนเอาไว้ ให้ตีระฆัง เพื่อบอกให้เทวดารับรู้ว่า ข้าฯ มาไหว้พระที่นี่แล้วนะ




(142)


(143)

(142 – 143) จตุบท ทวิบาท กึ่งเทพกึ่งสัตว์ในหิมพานต์ ผู้พิทักษ์พระธาตุเจดีย์ ซึ่งคงจะต้องอยู่เฝ้าที่นี่ไปอีกนานแสนนาน ชั่วฟ้าดินสลาย...





(144) เมื่อตอนเที่ยง ถามทุกคนว่า จะกินอะไรที่ขุนยวมกันมั๊ย ทุกคนบอกยังไม่ค่อยหิว โอเค งั้นก็ไปต่อ ขับมาได้เกือบจะเที่ยงครึ่ง ทุกคนบอกชักจะหิว .

..หิวตอนที่อยู่กลางป่ากลางเขายังงี้น่ะนะ แล้วปลาท่องโก๋ล่ะ .
...หมดไปตั้งนานแล้วพ่อ....




(145)



(146)



(147)

(145 – 147) ขับมาบนดอยอีกครึ่งชั่วโมงแม้ว มาเจอร้านอาหาร หนึ่งเดียวบนดอย ไม่กินก็ต้องกิน ...พอกินได้นะพ่อ..





(148 ) พอกินได้หรือพอกินไม่ได้ ไม่ทราบ แต่ เกลี้ยงแทบทุกจาน


ก็ขอพักแค่นี้ก่อนครับ
การเดินทางต่อจากนี้ก็จะคดเคี้ยว เลี้ยงโค้งขึ้นเขา เข้าแม่ฮ่องสอน แต่งานนี้ ขุนคลัง บอกว่า อยากเห็นกะเหรี่ยงคอยาวซักครั้ง ได้เลยครับ เดี๋ยวจัดให้.....


.
DangSalaya
ตอบตอบ: 20/09/2013 1:50 pm    ชื่อกระทู้:

kimzagass บันทึก:
ตอนนั้น ประอยู่ที่ บก. ซีไอเอ. (เก่า) ค่ายหัวเวียง อ.เชียงของ ตรงข้ามกับเมืองห้วยทรายของลาว มีโอกาสได้กุ๊กกิ๊กๆ (พัฒนาสัมพันธุ์) กับคนไทยเผ่าอีก้อ .... ที่นั่นมีประเพณีลานสาวกอดด้วยนะ

ลุงไปเรียกเค้าว่า อีก้อ...เค้าต้องเรียก อาข่าฮ่ะ มิน่า ถึงได้อดขึ้นลานสาวกอด

วันใดฝนตกหนักๆ บนภูเขา ดินแดงลูกรัง จะมีไส้เดือนตัวขนาดนิ้วมือ ยาวขนาดครึ่งศอกแขน (ใหญ่กว่าไอ้เพล่น ไส้เดือนภาคกลาง) เลื้อยขึ้นมาเล่นน้ำฝน คนเขาก็ออกหาจับ จับมาได้เอาไม้ตะเกียบแทง กลับในออกนอก-กลับนอกเข้าใน ล้างเมือกเครื่องในด้วยน้ำเกลือให้เกลี้ยง เหลือแต่ลำตัวคล้ายปลอกยาวๆ ตากแดด 2-3 แดดจัด ตัวไส้เดือนจะขาดเป็นท่อนๆ ขนาด 2-3 ข้อนิ้วมือ เอาลงทอดไฟอ่อนๆ จนสุกดี....อื้อฮือ เอา "ฮานามิ" มาแลกก็ไม่ยอม

กะเหรี่ยงที่นั่นกินไส้เดือนทอดไหม ?
หาข่าวหน่อยซี่...

อันนี้คำตอบยาว ขอยกไปตอบด้านล่างครับ


ปล.
- ไปเชียงของ ร้านอาหารริมโขงบอกว่ามี "ปลาบึก" จากแม่น้ำโขงแท้ๆ ให้กินตลอดปี .... ถ้าเป็นปลาบึกจริงก็คือจริง แต่เป็นปลาบึกเลี้ยงในบ่อ ตัวขนาด 20-30 กก. .... ถ้าเป็นปลาขึ้นมาจากน้ำโขงจริง เป็นปลาแม่โขงจริงๆ นั่นไม่ใช่ปลาบึกแต่เป็น "ปลาเริม หรือ ปลาเคิ่ง" ขนาด 20-30 กก.เหมือนกัน ตะกูลเดียวกันกับปลาบึก .... (แถม) ยี่สกแม่โขง ตัวโตแค่ 10-20 กก. ผิดกับยี่สกน้ำแคว ตัวโต 100-120 กก.

มันมีเค้าเรียกปลาโจก ปลาคัง ปลาแคร่ แต่ไม่ทราบว่ามาจากแหล่งไหนครับ



.



กะเหรี่ยงที่นั่นกินไส้เดือนทอดไหม ?
หาข่าวหน่อยซี่...


ไส้เดือนทอด ตามที่ลุงบอก ปัจจุบันเค้าพัฒนาเป็น ไส้เดือนอบเกลือมีใส่พร้าวคั่ว ถั่วคั่ว มีใบยี่หร่าหั่นฝอยคั่วใส่ลงไปนิดหน่อย ผสมพริกป่นลงไปด้วยใส่ถุงขาย 50 บาท ฝรั่งชอบมั่ก ๆ แล้วทิดแดงกินหรือเปล่า .แหวะ...จะไปเหลือเร๊อะ โถ พ่อเจ้าประคุนลุนช่อง


แต่อย่างอื่นมีอีกแยะครับ อยู่ในป่าจะเลือกอาหารไม่ได้ สัตว์ต่าง ๆ ตั้งแต่อยู่ใต้ดิน ...ตุ่น บึ้ง จิ๊กกุ่ง แมงกระชอน แมงนูน แมงมัน หนอนมะพร้าว ไปจนถึงที่บินได้ นกมีหูหนูมีปีก นกจริง ๆ ...ทั้งที่บินได้และบินไม่ได้..กินได้หมดทุกอย่าง ....ตามผมมาครับ แดง ศาลายา จะพาไปชม ผมไม่ชอบพูดโดยไม่มีรูปประกอบ เพราะมันไม่เห็นของจริง มีตัวอย่างให้ชมครับ



(1) ป่ามีเสน่ห์อยู่ในตัวเองครับ การออกหาอาหารในป่า 1 ปืนแก็ป 1 หน้าไม้ 1 หนังสติ๊ก 1 มีดเล็ก 1 มีดใหญ่ 1 ไม้ขีดไฟ 1 กระติกน้ำ 1 ห่อข้าว 1 เกลือ 1 เชือกเส้นไม่เล็กไม่ใหญ่ 1 เชือกขนาดใช้ตกปลา 1 เบ็ด ....แค่นี้พร้อมที่จะ ลุย




(2) กระปอม หรือกิ้งก่า มีตั้งแต่ตัวโต ถึงตัวเล็ก กระปอมตัวเล็ก ๆ ชาวดอย กะเหรี่ยงจะไม่เอา แต่พี่ไทยเข้าที่ไหน ชิบหายหมด บางเขต บางพื้นที่ เป็นที่ต้องห้ามตามประเพณี(ที่ฝังศพบรรพบุรุษ)ขอร้องว่าห้ามเข้า ห้ามไม่ฟัง ก็จะโดน หน้าไม้ติดลูกดอกอาบยางน่อง ตายแบบ Slow but sure เป็นผีเฝ้าป่าไปตามระเบียบ



(3)



(4)



(5)

(3 - 5) กระปอมย่าง อร่อยกว่าแย้




(6) ลาบกระปอม อร่อย แต่ผมกินไม่ได้ เพราะมันเผ็ดโคตร




(7)


(8 )

(7 - 8 ) อึ่งภูเขาย่าง กลิ่มหอมอย่าบอกใคร.....




(9) ต้มยำอึ่ง




(10) ปูกะเหรียง เนื้อแน่นตึงเลยครับลุง




(11) งูสิงครับ




(12) ย่างงูสิง พอสุกดีก็ดึงลอกหนังออก ...เนื้อขาวจั๊วะ เอาไก่ซีพังมาแลกซัก 10 ตัวยังไม่เอาเล๊ย




(13) ต้มงูสิง ความจริงเค้ามีชื่อเรียก แต่ผมเรียกไม่ถูก ขอเรียกว่า ต้มยำงูสิงก็แล้วกัน




(14) Best of The Best ...เต่าปูลู สัตว์อนุรักษ์ ถ้าทางการเห็นโดนจับนะครับ ทั้งปรับทั้งจำ...ความจริงไม่กลัวโดนจับ แต่อาจารย์อุปปัชฌาย์ ขอบิณฑบาตรไว้ ก็เลยบอกเจ้าโชเล่ว่า ปล่อยมันไป มันบ่นอุบอิบ ทำนองว่า เจอของวิเศษปล่อยไปทำไม ก็เลยเล่าเรื่องที่หลวงพ่อพระอาจารย์ขอร้องไว้ให้มันฟัง




(15) เป็ดป่า ....ตุ่นครับ เวลาย่างกลิ่นเปมือนเป็ดย่างไม่ผิดเพี้ยน แล้วเนื้อมันล่ะ เฮ้อ ถามลุงคิมเองเต๊อะ ...นำลายสอ...




(16) วิธีการดักตุ่นที่มากินเมล็ดกาแฟที่เค้าปลูกกันเอาไว้ครับ




(17) ปลาช่อนหรือปลาชะโดก็ไม่ทราบ เนื้อมันเหนียวจัง




(1Cool ไก่ป่าครับ ตัวนี้ทำไมตัวใหญ่จังว่ะ




(19) ผู้ชำนาญการดักไก่ป่า ดักขายมาซะนักต่อนักแล้ว




(20) นกมีหูหนูมีปีก เลือดค้างคาวสด ผสมเหล้า มันฝาด ๆ ซ่า ๆ ร้อนวาบจากคอลงไปถึงกึ๋นเลยก็แล้วกัน ....มิน่าเล่า ลุงคิมถึงเอาเลือดผสมใน 30-10-10 มันแรงอย่างนีนี่เอง เนื้อแกงเผ็ดครับ ..

...ลอกหนังค้างคาวถ้าทำไม่เป็น เหม็นสาบยิ่งกว่าแพะ(แหลกม่ายร่าย) ต้องผ่าหลัง ค่อย ๆ แหวก เอามือล้วงเข้าไปให้ถึงใต้ท้อง ขยุ้มหนังหน้าท้อง ดึงปรืีด หนังจะหลุดออกเหมือนกับใส่เสื้อเอากระดุมไว้ข้างหลัง แล้วถอด หรือดึงออกทางด้านหน้า ไอ้ก้อนกลิ่นสาบตรงจั๊กกระแร้มันจะติดหนังออกมา





(21) ของที่ระลึก หรือของฝาก ที่เป็นฝากจริง ๆ ครับ ความจริงเรียกว่า ขวาก แต่คนส่วนมากเรียกว่า ฝาก เวลาไปเที่ยวดอย เต้าเขียนป้ายว่าห้ามเข้าอย่าเข้าไปนะครับ เจอของฝากแน่ ๆ ตามในรูปนี้เหยียบลงไปจะทะลุหลังเท้า กว่าจะถึงหมอ บาดทะยักกินตายก่อนครับ เค้าแช่..?....เอาไว้ ไม่บอกดีกว่าครับ อันตราย เค้าจะใช้โคนหรือไม้ไผ่ที่แก่จ้ด เอามาต้มให้นิ่ม ผ่าแล้วเอามาหลาวตัดแต่ให้เป็นไปตามรูปทรง

ไม่ต้องถึงกะเหรี่ยงหรอกครับ ลูกชาวสวนต้องทำเป็น ทำได้ทุกคน แต่เด็กรุ่นใหม่ไม่สน อาจจะมีในวงการทหารยังใช้กันอยู่ ผมเคยคิดจะทำปักในสวนตรงทางที่มีรอยคนเดินผ่านนะครับ แต่ไม่อยากทำบาป เพราะการโดนฝากตำเท้า มันปวดทรมานสุด ๆ อย่าบอกใคร กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะมันปวด ....เคยโดนรึ ...ไม่เคยจะบอกได้ยังไง โดนแค่ขนิดสั้น ไม่เกิน สองนิ้วครับ .....


ไม่ว่าอยู่ป่าหรืออยู่สวน ต้องกินได้ทุกอย่างที่กินได้ แต่ของแปลก ๆ ตามที่เล่ามา โดยเฉพาะนก นอกจากกุ้ง ปลา ยายของผมห้ามเด็ดขาด เห้นหรือรู้เมื่อไหร่ โดนตียับ มหลัง ๆ นี้แม้แต่ปลาในบ่อที่เลี้ยงไว้ ผมไม่เคยจับมากินซักที ทำมาแยะแล้วครับ ขอหยุด หยุดมานานแล้วครับ โยมหยุดแล้ว อาตมาหยุดหรือยัง ...


อะไรไม่ว่า ตอนนี้ ข้าวกำลังตากเกสร แต่ฝนไม่ยอมหยุดตกนี่ซิครับ ...ลุงไม่ต้องมาหัวเราะให้ผมเลยนะ เอะอะก็เรื่องของธรรมชาติ ... เจ๊ใหญ่ก็ไม่อยู่ วันนี้ หวยจับยี่กีออก ฝนตกฟ้าร้องไม่ยั้งไม่หยุดเหมือนกัน.....






.
kimzagass
ตอบตอบ: 18/09/2013 9:58 pm    ชื่อกระทู้:

ตอนนั้น ประอยู่ที่ บก. ซีไอเอ. (เก่า) ค่ายหัวเวียง อ.เชียงของ ตรงข้ามกับเมืองห้วยทรายของลาว มีโอกาสได้กุ๊กกิ๊กๆ (พัฒนาสัมพันธุ์) กับคนไทยเผ่าอีก้อ .... ที่นั่นมีประเพณีลานสาวกอดด้วยนะ

วันใดฝนตกหนักๆ บนภูเขา ดินแดงลูกรัง จะมีไส้เดือนตัวขนาดนิ้วมือ ยาวขนาดครึ่งศอกแขน (ใหญ่กว่าไอ้เพล่น ไส้เดือนภาคกลาง) เลื้อยขึ้นมาเล่นน้ำฝน คนเขาก็ออกหาจับ จับมาได้เอาไม้ตะเกียบแทง กลับในออกนอก-กลับนอกเข้าใน ล้างเมือกเครื่องในด้วยน้ำเกลือให้เกลี้ยง เหลือแต่ลำตัวคล้ายปลอกยาวๆ ตากแดด 2-3 แดดจัด ตัวไส้เดือนจะขาดเป็นท่อนๆ ขนาด 2-3 ข้อนิ้วมือ เอาลงทอดไฟอ่อนๆ จนสุกดี....อื้อฮือ เอา "ฮานามิ" มาแลกก็ไม่ยอม

กะเหรี่ยงที่นั่นกินไส้เดือนทอดไหม ?
หาข่าวหน่อยซี่...


ปล.
- ไปเชียงของ ร้านอาหารริมโขงบอกว่ามี "ปลาบึก" จากแม่น้ำโขงแท้ๆ ให้กินตลอดปี .... ถ้าเป็นปลาบึกจริงก็คือจริง แต่เป็นปลาบึกเลี้ยงในบ่อ ตัวขนาด 20-30 กก. .... ถ้าเป็นปลาขึ้นมาจากน้ำโขงจริง เป็นปลาแม่โขงจริงๆ นั่นไม่ใช่ปลาบึกแต่เป็น "ปลาเริม หรือ ปลาเคิ่ง" ขนาด 20-30 กก.เหมือนกัน ตะกูลเดียวกันกับปลาบึก .... (แถม) ยี่สกแม่โขง ตัวโตแค่ 10-20 กก. ผิดกับยี่สกน้ำแคว ตัวโต 100-120 กก.



.
DangSalaya
ตอบตอบ: 18/09/2013 9:24 pm    ชื่อกระทู้: อาหารเย็นที่แม่สะเรียง

สวัสดีครับลุงคิม และสมาชิกทุกท่าน

มีคำถามหลังไมค์ว่า อาหารที่แม่สะเรียง เป็นอย่างไรบ้าง เผื่อมีโอกาสไปเที่ยว

ได้เลยครับ แดง ศาลายาจัดให้....ปกติผมไม่ค่อยได้สนใจถ่ายรูปอาหารมากนัก ถ้าผมไปคนเดียวก็คงไม่ถ่ายเหมือนกัน แต่งานนี้ไปกันเป็นฝูง แต่ละคน ประเภทช่างภาพลงเฟสทั้งนั้น ก็เลยมีรูปภาพอาหารมาให้ดู(ฝีมือเจ๊รองครับ)




(1) รู้สึกว่าจะเป็นยำรวมมิตร ความจริงผมก็สนเหมือนกัน แต่สนไม่ได้เพราะมันเผ็ด เกิดตอนเช้าท้องไส้มันป่วยขึ้นมา อาจต้องเปลี่ยนแผนการเดินทาง




(2) จานนี้ผ่านได้สบาย เห็ดหอมสดผัดน้ำมันหอย ...ใช้ได้เลยครับ




(3) ปลาจากแม่น้ำสาละวิน ต้มยำ ...แจ๋ว ...แม่สะเรียงอยู่ห่างจากแม่น้ำสาละวินไม่ไกลนัก 20 กว่ากิโลมั๊ง




(4) นี่ก็ปลาจากแม่น้ำสาละวิน ราดพริก สั่งบอกไปว่า ให้ทอดปลาให้กรอบ ทำน้ำราดมาต่างหาก เผื่คนไม่ชอบราดจะได้กินปลาทอดเปล่า ๆ ได้ พวกราดมาให้เรียบร้อย




(5) เวลาผ่านไปไม่นานนัก ก็เหลือแต่น้ำติดก้นจาน

จำชื่อร้านไม่ได้ครับ แต่อยู่ถนนเมนสายหลักที่เข้าตัวอ.แม่สะเรียง อยู่ข้าง เซเว่น ถามใคร ๆ ก็รู้จัก ...


.
DangSalaya
ตอบตอบ: 17/09/2013 11:39 am    ชื่อกระทู้:

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร 3 ...แม่สะเรียง – แม่ฮ่องสอน – ปาย การสัญจรครั้งใหม่ 18 – 24 กค.56

บทที่ 12 ตอนที่ 3 …จาก ตาก - เขื่อนภูมิพล – แม่สะเรียง - 19 กค.56

น้ำแห้งเขื่อน และอ่างเก็บน้ำ...ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย...แต่คนที่พูดความจริง ถ้าไม่ตายก็โดนย้าย...

การเดินทางช่วงที่ 2 ดอยเต่า - แม่สะเรียง


เดินชมบรรยากาศอ่างเก็บน้ำดอยเต่ากันอีกซักนิดนะครับ





(89)ความจริงแล้ว อ่างเก็บน้ำดอยเต่าจะเป็นจุดรับน้ำจากแม่น้ำปิง และแม่น้ำลำธารน้อยใหญ่จากดอยสองข้าง แล้วก็เป็นจุดเก็บน้ำขนาดยักษ์เนื้อที่เป็นแสน ๆ ไร่ละมั๊ง เก็บน้ำที่จะส่งน้ำไปที่เขื่อนภูมิพล

จะมีการล่องเรือเที่ยวจากเขื่อนมาดอยเต่า หรือจากดอยเต่าไปเขื่อน แต่ ณ วันนี้ น้ำในอ่างเก็บน้ำแห่งนี้แห้งผากติดก้นอ่าง เพราะมีคำสั่งจากเบื้องบน ให้ระบายน้ำออกจากอ่าง และออกจากเขื่อนเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม นี่เป็นเรื่องจริงครับ ....ผู้บริหารประเทศเค้าบริหารกันแบบนี้ครับ

...แม่ค้าที่แพบอกว่า เพิ่งจะปล่อยน้ำแห้งหมดเมื่อประมาณ 3 – 4 เดือนมานี่เอง เคยทำมาค้าขายได้จากนักท่องเที่ยว ตอนนี้กินลูกรัง ผมถามว่าน้ำเคยสูงแค่ไหน แกบอกพร้อมกับชี้มือไปที่ เกาะกลางน้ำที่มีเจดีย์ขาว ๆ อยูลิบ ๆ โน่น ...สูงถึงแค่ก้อนหินที่เรียงกันอยู่นั่นแหละ ไม่ต่ำกว่า 50 เมตรมั๊ง....ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไปแล้ว ....รอฝนตกเดี๋ยวน้ำก็เต็มเหมือนเดิม.....





(90) สาวน้อยผู้นี้ นัยว่าจะมาดูไอ้หนุ่มดอยเต่าซักหน่อย เลยกินแห้ว เพราะน้ำแห้ง ต้องร้องเพลง.... ถอยดีกว่า ไปดีกว่า.....





(91) ออกจากดอยเต่า มีป้ายบอกทางไป ฮอด (ฮอด ภาษาเหนือแปลว่า รอด ถ้าภาษาอีสานแปลว่า คิดถึง ใช่เปล่าครับ) ถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทาง 1103 พอถึงฮอด มีทางสามแยก ถ้าวขวาไปเชียงใหม่ ผมเลี้ยวซ้าย เส้นทาง 108 ไปแม่สะเรียง




(92)



(93)



(94)



(95)



(96)



(97)

(92 – 97)เลยฮอดมาไม่ไกลนัก จะมีสวนสนสวยงามริมทางซ้ายมือ ข้อมูลบอกว่า

สวนสนบ่อแก้ว

สวนสนบ่อแก้ว อยู่บนเส้นทางสายฮอด – แม่สะเรียง กิโลเมตรที่ 36 (อยู่เลยออบหลวงไปไม่ไกล) สวนสนเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำรวจวัตถุดิบเพื่อทำเยื่อกระดาษและเป็นแปลงทดลองปลูกพืชจำพวกสนสามใบ และยูคาลิบตัส ในเนื้อที่ทั้งหมด 2,072 ไร่ อากาศของที่นี่ชื้นและเย็นตลอดปี
เป็นแปลงเพาะพันธุ์สนที่มีแนวต้นสนปลูกเป็นระเบียบ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาเที่ยวชมในยามเช้าเนื่องจากจะได้สัมผัสกับอากาศที่บริสุทธิ์แล้ว ยังได้เก็บรูปพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าที่สวนสนบ่อแก้วแห่งนี้ สนในสวนสนบ่อแก้วนี้เป็นสนสามใบจะขึ้นเหนือระดับน้ำทะเล 500 เมตร




(98 )



(99)



(100)



(101)



(102)



(103)



(104)

(98 – 104) ขับมาเจอ แพะ ริมทาง ลักษณะคล้ายแพะเมืองผีที่ จ.แพร่ ไทใหญ่เรียก [color=red]กองแลน[/color] คือเป็นกองดินลูกรังที่ถูกน้ำฝนชะ ส่วนที่อ่อนพังไป ส่วนที่แข็งจะตั้งอยู่ และจะเปลี่ยนรูปทรงไปตามความแรงของน้ำที่เซาะ จัดมุมกล้องดี ๆ ถ่ายหนังหลอกคนดูได้สบาย





(105) ขับมาเจอนาขั้นบันได้ริมทาง ....ผมนำเสนอรายละเอียดไปแล้วครับ ในเกษตรสัญจร 2




(106)



(107)




(106 – 108) เป็นหมู่บ้านบนดอยอยู่ฝั่งตรงข้ามแปลงนาขั้นบันได ชุมชนนี้ เศรษฐกิจน่าจะดีไม่น้อย บ้านที่อยู่อาศัยสร้างด้วยไม้ หลังคามุงกระเบื้อง ปลูกกันลดหลั่นตั้งแต่ตีนดอยขยายขึ้นไปข้างบน ใครสร้างทีหลังก็ขึ้นไปสร้างข้างบนโน่น แต่ผมว่าดีนะ อากาศดีสุด ๆ แต่ก็ต้องระวังเรื่อง ไฟไหม้ สุด ๆ เหมือนกัน




(109)



(110)

(109 – 110) จากที่เคยเป็นแปลงนาข้าวดอย (ปลูกข้าวหอมดอย) กลายเป็นแปลงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แบบเดียวกับที่ จ.น่าน เพียงผ่านมาสามสี่ปี ปัญหาที่เกิดคือ น้ำ เริ่มลดน้อยลง ดินเริ่มเสีย ฝนตกน้ำที่ไหลลงมาพื้นราบกลายเป็นน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมียาฆ่าแมลง โรคภัยไข้เจ็บ ที่ไม่เคยมี กลับมีเกิดขึ้น ที่สำคัญ เมื่อดินเสียผลผลิตจะลดลงเป็นไปตาม Rule of diminishing return ...ลุงคิมพูดว่า ยะนัก ได้น้อย ยะน้อย ได้นัก ....เฮ็ดนักได้หลาย เฮ็ดหลายได้น้อย....

ตามรูปนี้ เคยปลูกข้าวหอมดอย ได้น้อย แต่ไม่เคยเป็นหนี้ พอปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สามสี่ปี หนี้มาจากไหนไม่รู้ ....และเมื่อผลผลิตตรงนี้ลดน้อยลง บริษัทที่ส่งเสริมให้ปลูกเค้าก็ย้ายหนี หาที่ใหม่ต่อไป เพื่อนกะเหรี่ยงบอกผมว่า อีกหน่อย ชนเผ่าที่อยู่บนดอยจะร้องไห้ ....





(111) ตรงจุดที่ผมยืนถ่ายรูปยังมีต้นข้าวโพดขึ้นแทนข้าวดอย ...





(112) เขียนไว้กลางถนน ไม่รู้ความหมายครับ





(113) Go ahead ต้องไปต่อครับ ตรงจุดที่จอดพักนี่ อยู่บนเกือบจะยอดดอย จอดถ่ายรูปแปลงข้าวโพดน่ะครับ เย็นแล้ว อยู่นานไม่ได้ กลัว ม้ง จับไปขึ้นลานสาวกอด ....





(114) 17.41 น. อีก 48 กม.จะถึงแม่สะเรียง พวกนกฮูก ค้างคาว ได้เวลาเริ่มงัวเงียตื่น คงจะหิว...
..ถึงไหนแล้วพ่อ....
..อีกอึดใจพระพุทธจะถึงแม่สะเรียง หิวกันละซี่ ....คำตอบคือ
....มั๊ง....





(115) 6 โมงครึ่งถึงป้ายบอกว่า เข้าเมืองอีก 1 กม. ....หาอะไรกินก่อนค่อยเข้าที่พัก.....อาบน้ำอาบท่าเสร็จ จะออกมาเดินโต๋เต๋ ...เดินออกมาหน้าที่พัก...ผีแทบจะหลอก ถนนโล่ง ทั้งรถทั้งคน ไม่มีวิ่งเลย ที่นี่กลางคืน เค้าอยู่บ้านกันหมด เป็นเมืองที่ สงบดีแท้ ....แล้วจะอยู่ไปทำไม่ล่ะ นอนซีวะเรา ....


.
DangSalaya
ตอบตอบ: 16/09/2013 11:47 pm    ชื่อกระทู้: ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย...แต่คนที่พูดความจริง .....?

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร 3 ...แม่สะเรียง – แม่ฮ่องสอน – ปาย การสัญจรครั้งใหม่ 18 – 24กค.56 บทที่ 12 ตอนที่ 3 …จาก ตาก - เขื่อนภูมิพล – แม่สะเรียง - 19 กค.56

หลังเขื่อนภูมิพลและทุกเขื่อน...ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย...แต่คนที่พูดความจริง ถ้าไม่ตายก็โดนย้าย...

[color=blue]การเดินทางช่วงที่ 1 เขื่อนภูมิพล - ดอยเต่า[/color]

วันที่ 19 กค.56 วันนี้จะเดินทางจากตาก ไปแม่สะเรียง ซึ่งจะไปได้ 2 เส้นทาง โดย

(1) จากตาก จะขึ้นไปเข้าทาง อ. เถิน ไป อ. ลี้ อ.ดอยเต่า อ.ฮอด แล้วก็ไป อ.แม่สะเรียง หรือ

(2) จากตาก ไปถึง อ.บ้านตาก เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทาง 1175 ออกไป อ.แม่ระมาด เลี้ยวขวาเข้าเส้นทาง 105 ผ่าน อ.ท่าสองยาง ไปถึง อ.สบเมย แล้วก็ไป อ.แม่สะเรียง ได้เหมือนกัน

แต่วันนี้ผมกำหนดจะไปทางเส้นทางที่(1) เพราะอยากไปเห็นระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลว่าสูง ต่ำ แห้งขอด ขนาดไหน ....ส่วนเส้นทางที่(2) คงต้องเป็นโอกาสหน้า

หลังจากเสร็จภารกิจตอนเช้าแล้ว ประมาณ 8 โมง ออกเดินทางจากตาก ไปเขื่อนภูมิพล....ซึ่งจะผ่าน อ.บ้านตาก พอถึงทางแยกเข้า อ.สามเงา ก็เลี้ยวซ้ายเข้าไป เพื่อไปเขื่อนภูมิพล





(61) เป็นเส้นทางจาก อ.สามเงาไปยังเขื่อนยันฮี หรือเขื่อนภูมิพล เส้นทางที่เข้า อ.สามเงา มีแต่สวน ร่มรื่น เงียบสงบมาก จากปากทางเข้ามา มีรถวิ่งสวนทางออกไปคันเดียว ขากลับออกจากเขื่อน จนถึงปากทาง ไม่มีรถวิ่งสวนเข้าไปซักคัน มีแต่รถมอเตอร์ไซด์สองสามคัน ผมถามเจ้าหน้าที่ ๆ เขื่อน เค้าบอกว่า ข้าราชการที่ชอบอยู่แบบสงบเงียบ ให้ขอย้ายมาอยู่ที่ อ.สามเงา





(62) ภาพด้านหลังเขื่อนภูมิพลครับ เขื่อนนี้กั้นแม่น้ำปิง ระหว่างเขาสองลูก แม่น้ำปิงจะไหลไปบรรจบกับแม่น้ำวัง ตรงบริเวณที่เลย อ.บ้านตากขึ้นมา ก่อนถึงทางแยกเข้า อ.สามเงา ชาวบ้านบอกว่า บริเวณที่แม่น้ำปิงกับแม่น้ำวังมาบรรจบกัน ปลาชุมมาก





(63) ภาพเต็ม ๆ หลังเขื่อน ..ใหญ่โตมโหฬาร ..น่าทึ่งครับ กั้นภูเขาสองลูกเพื่อกั้นทางน้ำ ...ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้ คงไม่ต้องบอกนะครับว่า เขื่อนนี้ใช้ทำอะไร...





(64) จากสันเขื่อนมองลงไปด้านล่าง หลังเขื่อน เห็นรถปิ๊คอัพ เหลือคันเล็กนิดเดียว ท่อเหล็กกล้า 8 อันนั้นเป็นที่ระบายน้ำลงไปสู่กังหันเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า




(65)



(66)

(65 – 66 ) เป็นอ่างเก็บน้ำหน้าเขื่อน จากแม่น้ำปิง จะไหลมารวมกันที่นี่





(67) บริเวณหน้าเขื่อน จะเห็นรอยคราบระดับน้ำหน้าเขื่อน ซึ่งคนที่นี่บอกว่า ระดับน้ำที่กักเก็บปกติน้ำจะอยู่บริเวณรอยคราบน้ำตรงกลางเขื่อนและน้ำจะท่วมบริเวณสันทรายที่มีแพหลังคาสีแดงจอดอยู่ เมื่อระดับน้ำสูงขึ้น แพจะลอยสูงตามระดับน้ำและจะอยู่ติดชายฝั่ง





(68 )....เมื่อปี 2554 ระดับน้ำขึ้นสูงถึงรอยระดับน้ำสีดำที่เห็นอยู่บนสุด เขื่อนจะแตกเลยต้องตาลีตาแหกปล่อยให้น้ำไหลท่วมกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง อวดเก่งว่ากูเอาอยู่ ก็ท่วมซะไม่มีเหลือ

.....ซึ่งโดยปกติธรรมดา ระดับน้ำเพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าจะต้องสูงกว่า ช่องระบายน้ำสีดำที่เห็นเป็นแนว

...แต่ ณ ปัจจุบัน ระดับน้ำถูก(สั่งการให้)ปล่อยออกจนถึงระดับที่เห็นอยู่นี่ เพื่อป้องกันน้ำท่วม ทำให้การผลิตไฟฟ้าในเดือนเมษายน 2556 ไม่พอแก่ความต้องการ ....นี่คือข้อที่เป็นความจริง ไม่ใช่ข้อเท็จ ที่รัฐบาลปิดหูปิดตาประชาชนส่วนใหญ่ไม่ให้รู้เรื่องจริง....




(69)



(70)



(71)

(69 – 71) เมื่อเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ก็ทำให้เกิดมีการสัญจรทางน้ำ ข้อมูลจากคนที่อยู่เหนือเขื่อนบอกว่า ชุมชนที่อยู่เหนือน้ำหน้าเขื่อนขึ้นไป จำเป็นที่จะต้องใช้ เรือ และ แพ ในการสัญจรทางน้ำ เนื่องจากการใช้ถนนไม่สะดวก โดยเฉพาะฤดูฝน ต้องใช้ทางน้ำอย่างเดียว มีเรือโดยสารแล่นไป – กลับ วันละ 1 เที่ยว




(72)



(73)

(72 – 73) จะเห็นคราบระดับน้ำปกติจะอยู่บริเวณก้อนหินระหว่างสีขาวและสีดำ (คราบน้ำสีขาวอยู่ใต้น้ำ สีดำอยู่เหนือน้ำ) แต่ตอนนี้มีแต่คราบน้ำตาจากชาวนาที่ต้องอาศัยน้ำจากชลประทานทำนาปรัง ....เค้าเรียกว่า เป็นความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า.....




(74)



(75)



(76)



(77)



(78 )

(74 – 78 ) เป็นสภาพของต้นไม้(ท่อนซุง)ขนาดใหญ่ที่กลายเป็นหิน ทับซ้อนกันจมอยู่ใต้ชั้นหิน มองเห็นลายเนื้อไม้ได้ชัดเจน





(79) น้ำที่ผ่านใบพัดกังหันปั่นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จะไหลออกลงไปด้านล่าง ผ่านจังหวัดตากลงไปถึงนครสวรรค์ ออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอันไกลโพ้น





(80) น้ำจากเขื่อนจะไหลผ่าน เขื่อนระบายน้ำย่อยอันนี้อีกครั้งเพื่อลดความแรงของน้ำให้น้อยลง และจะดูดน้ำจากบริเวณนี้ขึ้นไปใช้ปั่นกังหันเพื่อผลิตไฟฟ้าได้อีกครั้งหนึ่ง




(81)



(82)

(81 – 82) เป็นประตูระบายน้ำ ปรับ ให้มาก ให้น้อยได้ตามต้องการ




(83)



(84)

(83 – 84) สัญลักษณ์ของเขื่อนภูมิพลครับ เห็นสัญลักษณ์นี้แล้ว ขนลุกทันที มีความรู้สึกถึงพระบารมีปกเกล้า ที่มีแต่ความร่มเย็น และความอบอุ่นพร้อมกันไปในตัว พูดไม่ถูกครับ





(85) ออกจากเขื่อนถึงปากทางเลี้ยวซ้าย ขับมากี่ กม.จำไม่ได้ จำได้แต่ว่า ผ่าน อ. แม่พริก เลยมาอีกไม่นานจะมองเห็นป้ายอันนี้ เลยป้ายไปหน่อยก็เลี้ยวซ้ายเข้า อ.เถิน ตามเส้นทางสาย 106 ...ใกล้จะเที่ยง ก็เลยจอดแวะหาอะไรกินกันตามอัธยาศัย จากนั้นก็เดินทางต่อ





(86) มาเจอป้ายบอกว่า อีก 50 กม.จะถึง อ.ลี้ ....เมื่อถึง อ.ลี้ ผมแวะเข้าหาเพื่อนสมาชิกเกษตรลุงคิม . คอมท่านนึง อุตส่าห์โทรมาบอกไว้ล่วงหน้าแล้ว มาถึงดันไม่อยู่ ...โทรไปหาบอกว่า ติดราชการงานด่วน อยู่ห่างออกไปเกือบ 20 กิโล (สงสัยเอาของไปให้ กิ๊ก เจ้านาย) เค้าบอกมาว่า มีของฝากไว้ที่ สน. ให้แวะไปเอาเพราะเป็นทางผ่านอยู่แล้ว .....ผมก็เลยบอกว่า ...มียาบ้า(ปลาอินทรีเค็ม)ฝากมาให้ห่อนึงเหมือนกัน ก็จะฝากไว้ที่ สน.เหมือนกัน

เพื่อนสมาชิก เกษตรลุงคิม.คอม ที่ผมรู้จักมีอยู่หลายสถานที่ หลายจังหวัด ตอนที่ผ่านกำแพงเพชร ก็มีแต่ไม่มีเบอร์ติดต่อ ....





(87) ขับตามเส้นทาง 106 มาจนถึง บ้านแม่ตืน มีทางแยกซ้ายเข้าเส้นทาง 1103 มีป้ายบอกทางไป อ.ดอยเต่า และ อ.ฮอด ตั้งใจจะแวะไปหา อั้ยหนุ่มดอยเต่า .....





(88 ) พอไปถึง ผิดหวังอย่างแรง เพราะดอยเต่าเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มหึมา เก็บน้ำจากแม่น้ำปิง เพื่อระบายต่อไปยังเขื่อนภูมิพล แต่วันที่ไปถึง น้ำแห้งผากติดก้นอ่าง แพร้านอาหารที่เคยลอยอยู่เหนือน้ำ ต้องลงไปอยู่ติดพื้นก้นอ่าง ..

...เจ้าของแพร้านอาหารบอกว่า ..
..เปิ้นผันน้ำลงไปตี้เขื่อนม๊ดลึ่ง ตั้งแต่สามเดือนป่าย เวลานี้เป็นตี้ปลูกข้าวสาลีเลี้ยงสั๊ด .(เค้าผันน้ำลงไปที่เขื่อนหมดเกลี้ยง ตั้งแต่สามเดือนกว่ามาแล้ว เวลานี้กลายเป็นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์).

...ครับ เค้า คนนั้น ผู้ไม่มีประสบการ หรือผู้หาประสบการณืไม่มี สั่งให้ผันน้ำจากตรงนี้ ลงไปที่เขื่อน แล้วก็ปล่อยน้ำจนหมดเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วม..
...งานนี้เล่นไม่ยากครับ…เค้าบอกว่า เดี๋ยวฝนตกลงมาน้ำก็เต็มเหมือนเดิม .
....โอ้โอ คาดการณ์ล่วงหน้าได้เก๋งซะอีกด้วยแน่ะ..... ไร้เทียมทานจริงจริ๊ง...พ่อเจ้าประคุณลุนช่อง...

หลังเขื่อนภูมิพลและทุกเขื่อนจะถูกสั่งปล่อยน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วม เหมือนกันหมด ...ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย...แต่คนที่พูดความจริง ถ้าไม่ตายก็โดนย้าย...

..เพื่อน ๆ สมาชิกไม่รู้หรือครับว่า ....ที่นี่ประเทศไทยครับ …ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา ....คอยดูเต๊อะ ....อาเซี่ยนมาเมื่อไหร่ จะไม่มีน้ำตาให้หลั่ง ......


.
DangSalaya
ตอบตอบ: 22/08/2013 11:36 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 3 แม่่สะเรียง - แม่ฮ่องสอน - ปาย (NEW)

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร 3 ...การสัญจรครั้งใหม่ 18 – 24 กค.56

บทที่ 12 ตอนที่ 2 18 กค.56 ออกเดินทาง..

(เนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้อง)ไปไหว้พระที่อ.บ่อทอง - บ้านบึงก่อน แล้วเดินทางต่อ

วันแรกไปนอนค้างที่ตาก




(33) วัดที่ไป ชื่อวัด บุญญาวาส อยู่ ต.บ่อทอง จ.ชลบุรี เลย อ.บ้านบึงออกไปประมาณ 30 กม (มีคนยกที่ดินให้สร้างวัดป่า)





(34) วัดนี้เป็นสาขาวัดหนองป่าพง สายหลวงปู่ชา สุภัทโท ในวัดมีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นเรียงรายเป็นป่า เงียบ สงบ ร่มเย็นสบาย วัดป่าโดยทั่วไป จะมียุงก้นชี้(ยุงก้นปล่อง)ค่อนข้างแยะ แต่พวกเราที่ไป กินยาควินนินดักเอาไว้แล้วเพื่อความปลอดภัยเชื้อ มาลาเลีย จากยุง




(35)



(36)

(35 - 36) ท่านพระ อจ.ตั๋น (อจ.อัครเดช ถิรจิตโต)ลูกศิษย์หลวงปู่ชา สุภัทโท เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่นี่ครับ





(37) พระพุทธรูปบูชาสัมฤทธิ์ องค์ไม่ใหญ่นัก พระพักตร์อิ่มเอิบ งดงามยิ่งนัก ดูแล้วเพลิน เจริญตาเจริญใจ





(38 ) ที่เห็นในครอบแก้ว เป็นปางสดุ้งมารสมัยเชียงแสน ตั้งอยู่หน้าพระพุทธรูปทรงซุ้มจรณัม(อ่านว่า จอระนัม) หรือเรือนแก้ว ทรงพระพุทธชินราชครับ




(39)



(40)

(39 – 40 ) เป็นเจดีย์และมณฑป ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมธาตุ ครับ





(41) ผู้เลื่อมใสศรัทธาที่ติดรถไปด้วย มายืนแอคชั่นขอให้ถ่ายรูปให้หน่อย ก็เลยจำใจต้องถ่าย
รายการสีสันชีวิตไทย เป็นรายการที่มีสีสัน ก็นำมาลงเพื่อให้รายการนี้มีสีสันน่ะครับ....





(42) ไอ้เจ้าตัวเล็กมันบอกว่า รูปนี้เป็นปริศนาธรรม หลายคนพยายามมอง ก็เดาไม่ออกว่า ไปเกี่ยวกับธรรมะข้อไหน

ยิ่งเจ๊ใหญ่ด้วยแล้ว....ข้ามองไม่เห็นว่าจะเป็นเลขอะไรเลยว่ะ....(เกือบจะบอกไปแล้วว่า ..คนบุญไม่ถึงธรรมะก็แบบนี้แหละ... แต่ไม่กล้าพูด กลัวหัวโน....คนเล่นหวยก็แบบนี้แหละครับ เห็นอะไรจะตีเป็นตัวเลขไปซะหมด)





(43) คำเฉลยคือ พระท่านตากจีวรเอาไว้ เจ้าตัวเล็กมันถือกล้องแบบไหนไม่รู้ ภาพก็เลยออกมาเป็นแบบนั้น ดูไปอีกที่ก็คล้ายแสง ออโรร่า (แสงเหนือ แสงใต้)





(44) ป้ายเขียนบอกว่า เขตสงฆ์ห้ามเข้า คุณลองทายซิว่า มีคนเดินเข้าไปมั๊ยครับ....มีครับ เป็นหญิงสาวสวย แต่ไม่อยากจะถ่ายรูปมาประจาน....แถมยังมาบอกว่า ....พระท่านกำลังเดินทำอะไรไม่รู้ เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมา ....โถ เปรตข้างวัดแท้ ๆ ไม่รู้จักแม้กระทั่งว่า พระท่านกำลังเดินจงกรม เล่นแต่ไอแพด แชทกันกระฉุดก็แบบนี้แหละ





(45) เป็นต้นปรงชนิดหนึ่ง จุดประสงค์ไม่ได้ให้ดูต้นปรง แต่ให้ดูที่ก๊อกน้ำ..... อย่างบ้านเรา ๆ ก็ใช้ท่อ 4 หุน หรือ 6 หุน แต่ที่วัดนี้ใช้ท่อเมน 3 นิ้ว ท่อแยก นิ้วครึ่ง จากนิ้วครึ่งลดลงมาเหลือ 4 หุน กับ 6 หุน ต่อเข้ากับหัวก๊อกน้ำ

การต่อท่อแบบนี้ดูว่าอาจจะสิ้นเปลือง แต่เพื่อเพิ่มแรงดันน้ำ และลดแรงดันปั๊มน้ำที่ต้องสูบน้ำจากด้านล่างขึ้นมาบนเขา ลักษณะคล้าย แอร์แว หรือแอร์แวะ ไอเดียวิศวฯครับ ....พระอาจารย์ตั๋น ก่อนบวช ท่านเรียนจบวิศวฯมาครับ




(46)



(47)

(46 – 47) ดอกต้นจันผาครับ ช่อยาวเป็นเมตร ก็เพิ่งจะเคยเห็นนี่แหละ





(48 ) เป็นดอกกล้วยไม้สกุล ออนซีเดี่ยม ชนิดดอกใหญ่ ชาวบ้านมักเรียกว่า ดอกนางเต้นระบำ เพราะลักษณะคล้ายผู้หญิงกางแขนนุ่งกระโปรงบาน ทำท่าเหมือนเต้นระบำ....





(49) เป็นกล้วยไม้ไทยสกุลแวนด้า ชื่อฟ้ามุ่ย ต้นนี้เป็นต้นที่ผสมข้ามต้นระหว่างฟ้ามุ่ย + ฟ้ามุ่ย เพื่อให้ได้ ฟ้ามุ่ยที่มีลักษณะดีขึ้น(มีป้ายเขียนบอกเอาไว้) สำหรับต้นนี้ ฟอร์มดี แต่ลายสมุก(ลายขาวบนดอก)ไม่ชัดนัก และ...ท่านอาจารย์ครับ ผมขอเกสรตัวผู้นะครับ เมื่อท่านอาจารย์อนุญาต ก็เรียบร้อย แดงศาลายา....





(50 ) เป็นเห็ดชนิดหนึ่ง ครับ ดูสวยแปลกดี





(51) จากสิ่งที่ดูธรรมดา ตกแต่งนิดหน่อยก็กลายเป็นภาพที่ดูแปลกตาได้เหมือนกัน





(52) ที่วัดนี้ พอสี่ทุ่มจะปิดกระแสไฟฟ้า จะใช้ตะเกียงโบราณแทน มองจากไกล ๆ จะเห็นแสงไฟว๊อบ ๆ แวม ๆ ผมว่า Vergin ไปอีกแบบ ดีกว่าแสงไฟฟ้าที่สว่างไสว แต่แข็งทื่อ ๆ ไร้อารมณ์....แล้วสี่ทุ่มขืนใครออกมาเดินมีหวัง เสือคาบไปกิน เพราะรอบข้างเป็นป่าทั้งนั้น





(53) ท่านอาจารย์กำลังก่อสร้างพระเจดีย์บนยอดเขาเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมธาตุ ครับ





(54) คนนี้น้องเจ๊ใหญ่ครับ กำลังขอพร ถ้าเป็นเจ๊ใหญ่ ต้องขอหวยแน่ ๆ





(55) ศาลาราย มองจากข้างบนลานพระเจดีย์ลงไปข้างล่าง เป็นชั้น ๆ ลงไปนู่นนนนน ข้างล่างมีลานจอด ฮ. เพราะมีเชื้อพระวงศ์ มากราบท่านอาจารย์อยู่เป็นประจำครับ





(56) คนหนึ่งดูเสมือนว่ากำลังปลง อีกคนกำลังถ่ายรูป มองลงไปข้างล่างเป็นป่า ข้างหน้านู่นเป็นทิวเขา





(57) ก่อนออกเดินทางกลับก็ไปกราบลาท่านอาจารย์ ก็ได้ของที่ระลึกมาคนละ 1 องค์ ท่านบอกว่า เป็นเศษทองเหลืองที่เหลือจากหล่อพระประธานในพระอุโบสถ ทำรุ่นนี้รุ่นเดียว จะไม่ทำอีก หมดแล้วหมดเลย สาธุฯ

ออกจากวัด 11 โมงกว่า ก็รวบลัดตัดทาง จากบ่อทอง เข้าบ้านบึง กินข้าวกลางวันเสร็จแล้ว ประมาณ เกือบบ่ายสองโมง วิ่งตัดออกมอเตอร์เวย์ ปรู๊ดไปออกแยกบางปะอิน ดิ่งขึ้นสายเอเชีย

พอหนังท้องตึง หนังตาหย่อน ทั้งคนนั่งข้าง ทั้งคนข้างหลัง หลับกรนคร่อก ๆๆ ..... สบายโก๋ละทีนี้ เหยียบลุยลูกเดียว ไม่รำคาญหู ไม่มีคนบ่นว่าขับรถเร็ว ถ้าถนนโล่งก็แค่ 100 – 130 ถ้าถนนไม่โล่ง ก็ 80 -100 แค่นี้ถือว่าปกติหาว่าขับเร็ว





(58 ) บ่ายสองโมงจากบ้านบึง ลุยรวดเดียว สี่ร้อยกว่ากิโล ถึงตาก ทุ่มกว่า (แต่ถ้าปวดฉี่ก็ต้องจอดมั่งละครับ) ใช้เวลา 5 ชั่วโมงกว่า ได้เวลาหิว แต่ละคนงัวเงียตื่น ดูหน้าตาก็รู้ว่า หิว

....ทำไมมืดล่ะ ถึงไหนแล้วเนี่ย หลับเป็นตายเลย ....

...ก็มันทุ่มกว่าแล้วมันก็มืดน่ะซี ถึงตากแล้วจ๊ะเจ๊ หิวกันละซี....

ร้านนี้ชื่อ บ้านเคียงน้ำ อยู่ติดริมแม่น้ำปิง เพื่อนบอกว่าอร่อยก็เลยแวะมาลอง





(59) กำลังดูรายการอาหารด้วยใบหน้าที่หิวจัด ....

...หลายโต๊ะ กลัวจะช้านะพ่อ...โต๊ะโน๊นยังรออยู่เลย...

....เออน่า ใจเย็น ๆ รับรองเดี๋ยวได้กิน....กินง่าย ๆ อะไรก็ได้เอามั๊ย เดี๋ยวจัดให้ 5 อย่างพอนะ...ทุกคน OK

เข้าครัวเลยเรา พ่อครัวกำลังทำอาหาร...

.นั่นกำลังทำอะไร ..

..กุ้งกระเทียมพริกไทยครับ...

..ทำเพิ่มอีก 1 ....แล้วนั่นอะไร ..

..ต้มยำปลากรอบครับ ...

เพิ่มอีก 1 ….แล้วนั่นอะไร....เพิ่มอีก 1....

การที่ออกทำงานต่างจังหวัดบ่อย ๆ เวลาเย็นเลิกทำงานทุกคนจะ หิว ต้องทำแบบนี้แหละครับ สุดท้ายก็ได้อาหารครบ 5 อย่างในเวลาอันรวดเร็ว โต๊ะอื่นมองหน้า กระซิบบ๋อย ...

...บอกเค้าว่า โต๊ะนี้โทรมาจองอาหารไว้ล่วงหน้า.......





(60 ) นั่งกินอาหารริมแม่น้ำปิงที่ตาก มองเห็นแสงไฟที่สะพานข้ามแม่น้ำว๊อบ ๆ แวม ๆ ลมเย็น ๆ มีเพลงเบา ๆ ..

..เพลงยอด HIT ประจำร้านอาหารต่างจังหวัดที่ไม่เก่าซักทีไปเมื่อไหร่ ได้ฟังเมื่อนั้น

......รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก ...

.... พี่ไม่เคยหลอก บอกว่ามีเมียแล้ว พูดความจริงอยากไม่เชื่อก็ช่วยไม่ได้นี่เนาะ.....จริงมั๊ยครับลุง

ก่อนแยกที่นอน

….พรุ่งนี้ออกกี่โมง....

....กินอะไรตอนเช้าเสร็จ ออกแปดโมงตรงนะพ่อ.....

.... ตีห้าพ่อก็ตื่นแล้ว ขอเป็นพระยาน้อย ออกไปชมตลาดเช้าซักหน่อย เผื่อจะเจออะไรแปลก ๆ


มีต่อครับ



...
DangSalaya
ตอบตอบ: 18/08/2013 10:19 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 3 ...การสัญจรครั้งใหม่ 18 – 24 กค.56

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร 3 ...การสัญจรครั้งใหม่ 18 – 24 กค.56

บทที่ 12 ...ตอนที่ 1 - ภาค-2 เมล่อนครับ

การนำเสนอรูปภาพชุดนี้ สมาชิกแต่ละท่าน อาจมองได้หลายมุมมมอง กรุณาเปิดใจให้กว้าง อย่าคิดมาก เพราะผมไม่ได้โอ้อวด หรือแสดงตัวว่ามีเงินมากที่สามารถซื้อ เมล่อนลูกละ 300 บาทกิน (ลูกละ 1,000 - 7,000 ยังมีเลยครับ แต่มัน เว่อร์ ไปสำหรับผม)

ความจริงไม่ได้ตั้งใจซื้อ แต่ ชิมของเค้าไปแล้ว(6 คน 2 ลูก) ผมจึงถือเป็นการตอบแทนน้ำใจ และ ผมต้องการที่จะได้ ข้อมูล การปลูกเมล่อนในถุง ๆ ละ 4 ต้น พิถีพิถันสุด ๆ ทำได้ผลออกมาขายได้นำหนักลูกละ 1.30 กิโลกรัม ทุกลูก ขายลูกละ 300 ....เค้าทำยังไง ....จากข้อมูลที่อยากรู้ได้ผลเกินคาด และอาจมีข้อซักถามถึงปัญหาต่าง ๆ ได้อีกยาวไกล....

อยากนำเสนอให้สมาชิกได้ดูและคิดว่า เค้าทำขายได้ยังไง ลูกละ 300 บาท มีเท่าไหร่ ขายได้หมด สั่งจองตั้งแต่ลูกยังไม่แก่ ซึ่งคิดว่า เพื่อนสมาชิกที่อยากปลูกเมล่อน น่าจะทำได้

ที่ฟาร์มนี้(เนื้อที่ไม่เกิน 3 ไร่ ปลูกพืชหลายอย่าง)ทำเมล่อนขนาดมาตรฐาน รุ่นละไม่เกิน 400 ลูก ปีหนึ่งทำ 3 รุ่น (1,200 x 300 = ?)ยังมีพืชและผักอย่างอื่น โดยเฉพาะ สตรอเบอรี่สายพันธุ์ของ ญี่ปุ่น อร่อยซะไม่มีละ ....




(26) Safty Farm ส่งเมล่อนมาให้ 3 กล่อง(ๆ ละ 4 ลูก) ได้รับเมื่อวันที่ 15 สค.56 ผมออกจากนครปฐมไปรับ ..

...เหลือให้พ่อเท่าทุนแค่ 2 ลูกนะ ที่เหลือทั้งกินและแจก(ญาติ)ไปหมดแล้ว มีลูกตกเกรดแถมมาให้ 3 ลูก ....




(27) Packaging หุ้มด้วยตาข่ายโฟม ใส่ลงกล่องมีวัสดุกันกระแทก ไม่บอบช้ำแต่ประการใด เค้าทำเป็นอาชีพ ยังไง ๆ ก็ผ่านอยู่แล้ว



(28 )



(29)

(28-29) แกะตาข่ายโฟมออก ให้เห็นป้ายชื่อฟาร์มติด ในรูป 29 เป็นป้ายด้านหลัง ตัวเลข 1.30 คือน้ำหนักของแต่ละลูกจะหนัก 1.30 กิโลเป๊ะ




(30)



(31)

(30-31) ดูใกล้ ๆ แต่ละลูกครับ ที่ป้าย Safty Farm จะมีเขียนว่า Organic ซึ่งเป็น Organic แบบเดียวกับลุงคิม อินทรีย์ + ปุ๋ย(เคมี) แต่ไม่มีสารเคมีและยาฆ่าแมลง .....คอยติดตามอ่านครับแล้วจะรู้ว่า เค้าใช้อะไรไล่แมลง....






(32) พอดีมีผู้มาเยือน จึงจำเป็นที่จะต้อง ผ่า เพื่อให้ลองชิมดู...ก็ว่ากันไป..



.
DangSalaya
ตอบตอบ: 17/08/2013 1:04 am    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 3 ...การสัญจรครั้งใหม่ 18 – 24 กค.56

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร 3 ...การสัญจรครั้งใหม่ 18 – 24 กค.56

บทที่ 12 .......ตอนที่ 1 - Introduction

....ตามปกติถ้าผมจะขึ้นดอยไปปาย..ผมจะใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ เข้าทางแม่ริม – พอถึง แม่มาลัย ก็จะเลี้ยวแยกขึ้นดอยไปปาย.....

...แต่คราวนี้ผมจะเข้าทางแม่ฮ่องสอน เพราะไม่ได้ผ่านเส้นทางนี้มาหลายปีแล้ว ขาไป 5 คน ขากลับ 6 คน งอกมาจากไหนอีกคนหว่า.....

เนื่องจากการสัญจรชุดนี้ใช้เวลาเดินทางหลายวัน เรื่องจึง ยาวววววว และรูปก็มี แยะมากกกก

ผมจะขอเสนอมุมมองในลักษณะต่าง ๆ ให้เพื่อนสมาชิกที่ไม่มีโอกาสทั้งที่เคยไปและไม่เคยไปได้ดูกันในหลายมุมมอง(สมาชิกลุงคิมที่เคยผ่านเส้นทางนี้เท่าที่ผมรู้ก็มี คุณ Chet3614) หากว่ามันไร้สาระหรือไม่เป็นที่สบอารมณ์ของสมาชิกท่านใด ผมขออภัยครับ

เสียดายครับที่ผ่านแม่ลาน้อย แต่ไม่มีโอกาสขึ้นไปเยี่ยม ตาเลอะ กะเหรี่ยงที่ปลูกกาแฟส่งให้ สตาร์บั๊ค เพราะฝนตก ทางขึ้นมันลื่นและชัน ต้องใช้รถ Four Wheel เท่านั้น อุตส่าห์เอาหมากดิบไปฝาก แล้วกะจะไปชิมกาแฟสายพันธุ์ที่ส่งสตาร์บั๊ค อีกซักครั้ง เลยอดกิน....
.....ส่วนหมากดิบ ได้โทรขึ้นไปบอกว่า ได้เอาไปฝากไว้ที่อนามัยแม่ลาน้อย แล้วถ้าลงมาก็ให้แวะไปเอา (ขอยืมโทรศัพท์ที่อนามัย ยิงผ่านดาวเทียมขึ้นไป โทรศัพท์ของผมหมดสิทธิ์ จะใช้ได้เป็นบางจุดเท่านั้น นอกนั้น เป็นจุดบอดที่ไม่มีสัญญาณ 3 G กำมะลอ)



(1)



(2)

(1-2) ไปคราวนี้มีตากล้องไปกันหลายคน แต่ละคนไม่มีใครเป็น มือโปร ซักคน มีแต่มือแป โดยเฉพาะในรูปที่ 2 เจ้าตัวนี้มันถ่ายแหลกลาญ(ถ้าใช้ฟิล์มอย่างแต่ก่อน พ่อเอ็งตายแน่ ๆ )





(3) คันนี้แหละครับที่ไปลุยกันมา ใหม่เอี่ยมอ่อง เพิ่งจะเปลี่ยนเป็นป้ายดำ พ่อของไอ้เจ้าใส่เสื้อสีเหลืองลายดำ มันบอกว่า

......พ่อเอาคันนี้ไปลุยเลย ดูซิว่าจะสมกับที่มันโฆษณามั๊ย....

....จะดีรึ เอ็งใช้ยังไม่เท่าไหร่เลย เกิดโดนเฉี่ยวโดนครูด สีถลอก .เอาอีคันเก่าที่เคยไปดีกว่ามั๊ง....

....ผมซื้อมาใช้งานนะพ่อ ไม่ได้ซื้อมาบูชา รอยครูด รอยเฉี่ยวย่อมต้องมีเป็นธรรมดา อยากให้พ่อไปทดลอง...

....ข้าตีนหนักนะโว๊ย ยิ่งออก ตจว. ไม่ชอบให้มีรถขวางตาอยู่ข้างหน้า แต่เค้าบอกว่า ไอ้รุ่นใหม่ ๆ มันมีบอกว่า วิ่งไม่เกินแค่ไหนมันจะประหยัดน้ำมัน ....

.....พ่ออัดได้อัดไปเลย บอกแล้วว่าอยากลอง แล้วไอ้ปุ่มนี้ สามารถหลบคลื่นตรวจจับความเร็วได้ เป็นOption พิเศษ ไม่อย่างงั้น รถราคายี่สิบ สามสิบล้าน เค้าก็วิ่งเร็วไม่ได้ซีพ่อ ....แต่ถ้าวิ่งไม่เกินนี้ ไฟมันจะเขียว ประหยัดน้ำมัน ถ้าเกินนี้มันจะแดง หมายความว่า กินน้ำมัน

....เฮ้ย...แล้วเกียร์ออโต้กับทางขึ้นเขา ที่บางช่วงทางขึ้นมันชัน 45 องศา ทางยาวประมาณ 50 เมตร พอสุดทางมันต้องหักเลี้ยวเข้าทางลาดไปหน่อยแล้วหักขึ้นอีก 30 องศา นะว๊อย อยู่ที่สูงแรงโน้มถ่วงกะแรงดึงดูดมหาศาลเลยเอ็ง เกียร์มันจะรับไหว ไม่พังรึ....

...รุ่นใหม่มันจะมีตัวปรับให้เหมือนเกียร์หนึ่งรถธรรมดา กดมาตรงนี้พ่อ...มันจะอืดหน่อย เหมือนรถสิบล้อบรรทุกของขึ้นเขา แล้วถ้าเกิดมันพังเพราะการใช้งาน มันรับประกัน....

...แล้วมันจะรู้ได้ยังไงว่าพังเพราะการใช้งาน ...

....มันมีกล้องตรงนี้พ่อ Record ทุกอย่าง ได้ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วมันจะเซฟทับไปใหม่...

....แล้วถ้าขณะขึ้นเขาเกิดระบบไฟฟ้า หรือระบบเกียร์มันขัดข้องล่ะ โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณ จะทำยังไง...

....ไม่หมู่ก็จ่าละพ่อ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน...

...ไอ้เวร เอ็งเข้าใจพูด...แล้วลมยางล่ะ ปกติพ่อเติมลม 32 ….

….ประมาณนั้น OK ครับพ่อ....

ผลสุดท้ายก็กลับมาโดยสวัสดิภาพ....ถือว่าสอบผ่าน ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ตั้งแต่ค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร 3 มื้อ ค่าที่พัก ค่าทำบุญ ค่าซื้อของ ค่า....ฯลฯ เฉลี่ยแล้วคนละ 800 ต่อวัน ...เรียกว่าสนุกเต็มอิ่ม





(4) หลังเขื่อนภูมิพลครับ เมื่อปี 54 ระดับน้ำจะอยู่ที่ รอยคราบดำ ๆ บนสุด ซึ่งถือว่าเป็นจุดวิกฤต จำเป็นต้องปล่อยน้ำให้ไหลลงไปท่วมบ้านท่วมเมือง

ระดับน้ำปกติคือรอยคราบน้ำสีขาว ๆ ตรงกลาง

ระดับน้ำที่ต่ำกว่าปกติ คือรอบคราบน้ำสีดำที่อยู่เหนือช่องระบายน้ำที่เป็นช่อง ๆๆๆๆ

ระดับปัจจุบันคือระดับที่เห็นในรูป เพราะปลอดประสบการณ์ สั่งปล่อยน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม แล้วบอกเมื่อเดือนเมษาว่า จะต้องดับไฟ เพราะพม่าปิดการส่งแก๊สเพื่อซ่อมท่อ ....ขี้ฮกต่อแลทั่งเพ ข้อมูลดังกล่าวคือ ข้อเท็จ ....ส่วนข้อจริง มาจากชาวบ้านที่ขับเรือทั้งเรือขนส่ง เรือหางยาวหลังเขื่อน ที่จอดเรียงรายอยู่นั่นแหละครับ เป็นคนบอก.....นี่แค่เกริ่นเรื่องเท่านั้นนะครับ....





(5) ทางบนเขา แค่นี้ถือเป็นทางธรรมดา





(6) บนยอดเขา แบบนี้เรียกว่า อยู่เหนือเมฆ





(7) ประกาศให้รู้ว่า ตั้งแต่เข้าเขต จว.แม่ฮ่องสอนที่ ต.ป่าโป่ง จนมาถึงตัว จว.แม่ฮ่องสอน อีชั้นผ่านมาแล้ว 1864 โค้งย่ะ





(8 ) ครั้งแรกที่ผ่านเส้นทางสายนี้ เมื่อ 9 มิย.48 ไปเจอมักกลีผลดอกนี้ ถ่ายรูปเก็บเอาไว้





(9) ผ่านมาคราวนี้ 23 กค 56 ระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา มักกลีผลดอกนี้ก็ยังอยู่ ส่วนดอกอื่น ถูกเก็บไปหมดแล้ว แสดงว่า ดอกนี้ไม่เข้าตา นักสิทธิ์ คนธรรพ์ วิทยาธร แม้กระทั่ง ฤาษีชีเปลือย เลยหามีผู้ใดสนใจไม่ ...แล้วก็ดู แก่ ขึ้นคงจะหนาวนะ เพราะต้องห่มผ้า แบบนี้ไม่เรียกว่า มักกลีผลขึ้นคานแล้วจะเรียกว่าอะไรดี...





(10) สมาชิกหลังไมค์หลายท่านบอกว่า ไปแม่ฮ่องสอน ไม่เห็นมีรูป ปะด่อง หรือกะเหรี่ยงคอยาวมาให้ดูกันมั่งเลย คราวนี้มีแน่ ๆ ครับ ดูรุปหุ่นปั้นไปก่อน....





(11) มีของแท้มาให้ดูเป็น ออร์เดิ๊ฟ ก่อนครับ ถ้าซื้อของ ถ่ายฟรี ถ้าไม่ซื้อของต้องจ่ายค่าตัว ยี่ขวิบ (ค่าตัวนะครับ ไม่ใช่ค่า อีตัว)





(12) ไม่ว่าจะเป็นยุคใด สมัยใด ทุกอย่างมีทั้งของแท้และของเทียม แล้วก็ของเลียนแบบ ก่อนตัดสินใจต้องดูให้ดี ๆ ก่อนว่า อันไหนของแท้ อันไหนของเทียม .....แบบปุ๋ยลุงคิมอ่ะครับ มีทั้ง คิมซากัส และ คิมซาไก





(13) เป็นบึงใหญ่ที่ปางอุ๋งครับ ปกติระดับน้ำจะมีถึงริมขอบบึงบริเวณหญ้าเขียว ๆ แต่ ณ ปัจจุบัน นำเหลือติดก้นบึง เพราะมีคำสั่งให้ผันน้ำออกไปช่วยเกษตรกรทำนาปรัง.....ถามคนดูแลเค้าบอกว่า ....ท่านบอก เดี๋ยวฝนตกลงมาน้ำจะเต็มเหมือนเดิม....
ฮ่วย ท่านไหนก็ไม่รู้ แล้วเกิดฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลล่ะ ก็คงต้องโทษธรรมชาติ แทนที่จะโทษ ที่ฝนไม่ตกเป็นเพราะผลของการส่งเสริมให้ทำเกษตรเชิงเดี่ยว ...มันสะใจมั๊ยยย น้อง..........





(14) ปกติดอกไม้ชนิดนี้ชอบขึ้นในทะเลทราย แต่มีการทดลองปลูกเพื่อเตรียมรับมือกับสภาวะภัยแล้ง ที่จะบังเกิดมีในอีกไม่นานนัก....





(15) เดี๋ยวจะหาว่า เกษตรสัญจรชุดนี้ไร้สาระ ...อันนี้เป็น แตงโมไร้เมล็ด ที่สวน Safty Farm อยู่ในโรงเรือนที่กางมุ้ง แล้วลูกก็แขวนห้อยอยู่แบบนี้โดยไม่วางกับพื้น เจ้าของสวนบอกว่า ลูกนึงก็หนักประมาณ 2.5 – 3 กิโล ขายกิโลละ 50 บาท อยากขอซื้อไปชิมซักลูก แต่มี Order หมดแล้ว เค้าทำเอาไว้รุ่นนึงประมาณ 400 ลูกเท่านั้น ...ก็มันไม่ได้มีแตงโมอย่างเดียวซะเมื่อไหร่ล่ะ ผลไม้อย่างอื่นก็มีครับ





(16) อันนี้เป็น เมล่อน สายพันธุ์ คิโมจิ ใกล้แก่จวนจะเก็บได้อยู่แล้วครับ(อีกประมาณ 20 วัน)




(17)



(1Cool



(19)

(17 – 19) เห็นแล้วเกิดกิเลสอยากปลูกบ้างมั๊ยล่ะ....ปลูกในถุงครับ 1 ถุงปลูก 4 ต้น หรือ 4 เถา
1 เถาเอาไว้แค่ 1 ลูก ....1 ถุง 4 ต้นก็ได้ 4 ลูก

ขอซื้อก็ไม่ขาย เพราะถูกสั่งจองไว้หมดแล้ว ถ้าอยากได้ต้องจองรุ่นใหม่ ซึ่งจะเก็บผลได้ประมาณ 12 ไม่เกิน 15 สิงหาคม กิโลละ 300 บาทจ๊ะ

ฉะนั้น ไอ้ที่ลุงคิมแนะนำให้ปลูกไอ้นั่น ให้ทำไอ้นี่ แล้วบางคนชอบพูดว่า ทำแล้วปลูกแล้วไม่รู้จะไปขายที่ไหนน่ะ อยากให้คิดครับว่า ถ้าของที่คุณทำออกมาแล้ว ทำได้ดีแบบนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะไปขายที่ไหน อยู่ที่บ้านคุณก็ขายได้




(20)



(21)



(22)

(20 – 22) เจ้าของสวนบอกว่า เมล่อนพวกนี้ รสชาติ เหมือนกันแต่ ตกเกรด คือลูกนึง น้ำหนักไม่ถึง 1 กิโล และบางลูก สุกงอมเกินไป ขนส่งแล้วอาจมีปัญหา ถือว่าตกเกรด ...ชะอุ๊ย ..รักษาคุณภาพกันถึงขนาดนี้ มิน่า กิโลละ 300 จึงถูกสั่งจองหมดไม่มีเหลือ....

.แต่ที่เห็นนี้ เจ้าของบอกว่า เอาไว้รับประทานเอง หรือเอาไว้ให้ลูกค้าลองชิม แล้วก็เอาไว้ ปั่นเป็นน้ำ เมล่อน ....ทั้งเนื้อ ทั้งน้ำปั่น ขนาดว่า ผมไม่ค่อยชอบกินแคนตาลูป หรือเมล่อน ยังกินไปเกือบครึ่งลูก(ด้วยความเกรงใจ)

ส่วนที่เหลือ ไม่ต้องกลัวครับว่าจะเหลือ เพราะแต่ละคน ไม่ใช่ปอบ ก็กระสือทั้งนั้น พรึ่บเดียว เหลือแต่จาน เมล่อนปลอดสาร(ปลอดสารนะครับ ไม่ใช่ปลอดประสบการณ์)มันหวาน หอม นุ่ม อร่อยลิ้นแบบนี้เองนิ

.... เมื่อชิมของเค้าแล้ว ก็จำเป็น บอกให้ ผึ้ง จัดการสั่งจองไว้เลย นิสัยคนไทย เกรงใจกันแบบนี้แหละครับ ...เป็นนโยบายการตลาดที่เจ๋งจริง ๆ....เสียเมล่อนตกเกรดแค่ 3 ลูก ขายเมล่อนตามเกรดได้ตั้ง 3 ลัง (ลังละ 4 ลูก) ผึ้งโทรบอกว่า ทางฟาร์มได้ส่งแบบ Parcel Post มาให้แล้วได้รับเมื่อวันที่ 15 สค.56 ...วันเสาร์ที่ 17 ให้ผมออกมารับ
....ให้ลูกเดียวเท่านั้นนะ เดี๋ยวไม่พอแจก(ญาติแยะ).
....อะไรวะ ค่าเมล่อนนี่เงินตูนะว๊อย....ไม่ใช่เงินกองกลาง.....





(23) ใครอ่านออกช่วยอ่านแล้วแปลให้ที่เหอะ รู้แต่ว่า ที่ฟาร์มนี้สั่งเมล็ดพันธุ์
เมล่อน คิโมจิ จากญี่ปุ่นโดยตรง แล้วก็เป็นพันธุ์ที่ปลูกแล้วให้คุณภาพดีในเมืองไทย





(24) เป็นลูกเมล่อนที่ตัดทิ้ง เนื่องจากต้องการเพียง 1 ผล และ Best Of The Best 1 เดียวใน 1 เถาเท่านั้น ผมถามว่าเอาไปทำอะไรได้..

..เค้าบอกว่า ไอ้ลูกเล็ก ๆ ที่อ่อนมาก แม่ค้าข้าวแกงขอซื้อเอาไปแกงส้ม ....โห แม่ค้าข้าวแกงเจ้าไหนวะ แกงส้มเมล่อนอ่อน ...

..ส่วนที่ลูกโต ผลไม้รถเข็นเอาไปปอกเปลือก ฝานเป็นชิ้นแช่เย็น จิ้มพริกกับเกลือ พวกสาว ๆ นักศึกษาชอบ เมล่อนญี่ปุ่น จิ้ม พริกกับเกลือไทย ....ไฮโซ ซะไม่มีละ

และขอบอก ข้อมูลเกี่ยวกับเมล่อน และแตงโมไร้เมล็ด แม้จะไม่มาก แต่ก็ได้มาเพียบ





(25) ก่อนตะวันจะลับขอบฟ้า ก็เป็นการอุ่นเครื่องเกษตรสัญจรชุดนี้ และก็ขอจบแค่นี้ก่อนครับ เอวัง ฯ .



ยังมีต่อ


.
noo-ring
ตอบตอบ: 08/08/2013 8:55 pm    ชื่อกระทู้: เล่าเรื่องไปสัญจรมาลงต่อด้วยจ้า

สวัสดีจ้าลุง....ทิดแดง....

อย่าลืมเอาเรื่องที่ไป สัญจร มาเล่าให้ฟังต่อด้วยนะจ๊า....ขอบคุณจ้า.....



.
DangSalaya
ตอบตอบ: 15/05/2013 10:10 pm    ชื่อกระทู้:

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร 3 ตอนที่ 11 ข้าวบาเล่ย์ และข้าวหอมนิลที่ปาย........

ตามที่ได้บอกว่า เมื่อต้นเดือน กพ.56 ได้พาสาวรุ่น สาวแก่ แต่ไม่มีแม่หม้าย มีแต่สาวโสด ไปเที่ยวปาย

วันนี้พามาเที่ยววัดเก่าแก่ที่สุดของ อ.ปาย ชื่อวัดศรีดอนชัยครับ อายุประมาณ 800 ปี เดินออกหลังวัดมาไม่ไกลนัก พอเคี้ยวหมากแหลก มาเจอแปลงข้าวบาเล่ย์ ก็ต้องเดินเข้ามาดู เพราะไม่เคยเห็นใกล้ ๆ


รูป 1


รูป 2


รูป 3

รูปที่ 1 – 3 เป็นแปลงข้าวบาเล่ย์ เป็นอย่างนี้นี่เอง ปลูกบริเวณที่ราบเชิงดอย อากาศต้นเดือน กพ. ยังเย็น อยู่ครับ เนื้อที่แยะเหมือนกัน ..ปลูกแล้วขายส่งให้บริษัทบุญรอด ฯ เอาไปทำอะไรคงไม่ต้องบอกนะครับ




รูป 4


รูป 5


รูป 6

รูปที่ 4 – 6 ลองเข้าไปดูใกล้ ๆ อีกนิด จะเห็นรวงตั้งตรงไม่โค้งเหมือนข้าวบ้านเรา แสดงว่าก้านรวงแข็ง





รูปที่ 7 ไม่ใช่เทพธิดาดอย แต่เป็นคนขี้สงสัยไม่เคยเห็น ข้าวอะไรหว่า ทำไมมีหางด้วยแฮะ




รูป 8


รูป 9

รูปที่ 8 – 9 แอบตัดเอารวงมาดู เมล็ดดูแปลกดี (รูปที่ 9 ไม่รู้ถือยังไง ทำหล่นหายซะได้ กลับถึงที่พัก เหลือรวงเดียวเอง..)




รูป 10


รูป 11

รูปที่ 10 - 11 ออกจากวัดก็ขับรถเลยออกนอกเมืองไปอีก 4-5 กิโล ไปดูแปลงข้าวที่บ้านแม่นาเติง ก็มาเจอแปลงข้าวหอมนิล ผมก็แปลกใจว่า เค้าดูแลยังไงถึงไม่มีหญ้าขึ้นในแปลงนา ข้าวดีขนาดนี้คงได้หลายเกวียน และคิดว่า ข้าวหอมนิลคงชอบอากาศเย็น รวงถึงได้งาน ระเบิด ระเบ้อ แบบนี้




รูป 12



รูปที่ 12 – 13 คนนี้ครับ คุณธิดา ผมเคยลงรูปเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง ผู้หญิงที่รู้เรื่องข้าวเก่งกว่า เกษตรอำเภอ....เธอปลูกข้าวหลายอย่าง หอมนิล, ข้าวดอยสามสี, ข้าวลืมผัว...ข้าวก่ำ...ผมขอแบ่งเมล็ดพันธุ์ แต่เธอบอกว่า เอาไปสีเป็นข้าวกล้องขายหมดแล้ว เหลือแต่ที่เก็บไว้ทำพันธุ์





รูปที่ 14 แต่เธอก็อุตส่าห์มีน้ำใจ แบ่งมาให้ผมอย่างละถุง ๆ ละสองกิโลครึ่ง และเมื่อมาถึงนครปฐม ผมก็แบ่งปันให้เพื่อน ๆ หลายคน ๆ ละนิดละหน่อยเพื่อเอาไปขยายพันธุ์ .........ก็มีรายงานมาจากหลายทิศทางว่า ข้าวที่ให้ไปนั้น งอกดี ทั้งสามสายพันธุ์ แต่ก็มีบางคนได้รับแล้ว เงียบเป็นเป่าสาก หายจ้อยเข้ากลีบเมฆ




รูป 15


รูป 16


รูป 17

รูปที่ 15 – 17 มีคนที่ไปด้วย เค้าอยากเห็น คนสาวบนดอยว่าจะงามเหมือนที่ผมลงในเว็ปหรือเปล่า ....พาไปดูให้เห็นกัน จะ ๆ ไปเลยจะได้หายสงสัย นี่แหละจ้า สาวดอยที่ร่ำลือ บอกแล้วว่าที่ลงในเว็ปลุงคิมน่ะ ใช้ Photoshop ช่วย ก๊อไม่เชื่อ......





รูปที่ 18 ขอเวลาไปทำธุระส่วนตัวแป๊บนึง ....คำโบราณว่าไว้ ช้างเผือกย่อมเกิดในป่าฉันใด ท่ามกลางพงไพรย่อมมีดอกไม้งามฉันนั้น ....ชะแว๊บ ...นี่ก็ใช้ Photoshop ช่วยอีกนั่นแหละ...



ยังมีต่อครับ....
DangSalaya
ตอบตอบ: 07/05/2013 11:27 pm    ชื่อกระทู้:

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร 3 ตอนที่ 10 ภาค 3 ชม กาดแลง ...ตลาดชุมชนยามเย็น

กำลังจะพาไปชม กาดแลง ตลาดชุมชนยามเย็นดูของแปลก ๆ ... ก็มีคำขอหลังไมค์มาว่า อยากเห็น หมั่นโถวทอด หน้าตามันเป็นยังไง แล้วก็อยากเห็นอาหารแปลก ๆ ที่ลูก ๆ ของผมบอกว่าไม่ค่อยหิว ยังเรียบเหลือแต่จาน.. .....ถ่ายรูปมาด้วยหรือเปล่า เอามาลงให้ดูหน่อยเถอะ....ผมก็คิดว่า มันเป็นอาหารพื้น ๆ ผมก็เลยไม่ได้เอาลง รวบรัดให้เห็นเพียงจานอาหารที่โดนสกรัมหมดแล้ว ...เมื่อเพื่อน ๆ อยากเห็นผมก็จัดให้นิดหน่อยนะครับ




รูปที่ 49 สาวบริการจดรายการอาหาร





รูปที่ 50 หมั่นโถวทอด ก็คือ เอาหมั่นโถวมาทอด ทอดแล้วสีออกน้ำตาล ๆ ที่ไม่ทอดก็สีขาว สามลูกนี่ กินคนเดียว รับรอง กินไม่หมด





รูปที่ 51 ยำสาวน้อยยูนนาน เผ็ดมาก ๆ เลยครับ





รูปที่ 52 หมี่ – เกี๊ยวซ่า น้ำซุบทำจากเห็ดหอมสด ๆ ต้ม





รูปที่ 53 อาหารจานนี้ ทำจากมันฝรั่ง และ มันเทศบดละเอียด ผสมกัน ทำเป็นแผ่น แล้วเอาไปทอดให้กรอบ..จิ้มน้ำจิ้มในถ้วย อยากรู้ว่าอร่อยหรือไม่ ลองทำกินดูครับ ...รายการอาหารที่ถ่ายรูปไว้ได้มีแค่นี้ ส่วนอย่างอื่นถ่ายไม่ทัน กระสือ ครับ

ไปเที่ยวตลาดชุมชนกันครับ ตลาดที่ไปนี่เค้าเรียก กาดแลง หมายถึงตลาดตอนเย็นครับ ...ถึงตลาดก็แยกทางต่างคนต่างเดิน...





รูปที่ 54 รถคันนี้ลงมาจากดอย บรรทุกผักกาดลุ้ยเต็มคันรถประมาณ 1 ตันมาขายในตลาด





รูปที่ 55 คนนี้แหละครับ ผมบอกขออนุญาตเค้าถ่ายรูป กำลังตัดแต่งผักไร้สารพิษ เค้าบอกว่าเหลืออีกนิดเดียว เดี๋ยวก็หมดแล้ว ...ขายกิโลละ 5 บาท 1 ตัน ก็ 5,000 บาทละเนาะ...เศษผักเค้าขนกลับบ้าน เอาไปทำปุ๋ยหมัก ...หัวคิดคนดอยครับ....





รูปที่ 56 ผักสวยหรือไม่สวย ดูเอาเองครับ ผมยังอดใจไม่ไหว ซื้อไป 2 โล 10 บาท ได้ 4 ต้น เค้าแถมมาให้อีก 1 ต้น จะแกงส้ม...ต้มจืด ....ผัดกระเทียมใส่เกลือ ...อร่อยทั้งนั้นแหละครับ





รูปที่ 57 ผักสลัด มันน่ากินจังเลยครับ





รูปที่ 58 ดอกผักกวางตุ้งจีน คนเหนือนิยมกินผักกวางตุ้ง ที่มีดอกครับ





รูปที่ 59 หมดสมัยมะเขือยาวสีเขียว กลายเป็นมะเขือยาวสีม่วง แล้วครับ ผมไม่แน่ใจว่า เป็นพันธุ์เดียวกับ มะเขือม่วงญี่ปุ่นที่เก็บผลตั้งแต่ลูกเล็กเท่าหัวแม่มือ ที่ดอกตัวเมียยังไม่ร่วงหรือเปล่า




รูป 60


รูป 61

รูปที่ 60 – 61 ผัก Red Oak ชนิดเดียวกับที่กรุงเทพฯ มีขายในห้าง ฯ แต่ที่ปาย แค่ขึ้นร้าน มัดกำละ 5 บาท พวกสาว ๆ กรี๊ดดดด เอาไปทำสลัด





รูปที่ 62 มะเขือเทศที่ปายราคาค่อนข้างสูงครับ ร้านค้าเอาไปปั่นทำน้ำมะเขือเทศขายฝรั่ง





รูปที่ 63 คนเมืองเรียกเถาต้น สะค้าน ลักษณะเหมือนเถาวัลย์ ล้างผิวให้สะอาด ขูด แล้วฝานเป็นแว่น ใส่แกง รสออกฝาด ๆ กินเป็นยาครับ ท่อนละ 15 บาท





รูปที่ 64 ดอกคราม ที่เค้าเอาฝักแก่มาทำสีย้อมผ้าให้ออกสีคราม ผสมกับสีจากต้นอะไรอีก สองสามอย่าง ย้อมผ้าออกมาจะเป็นสี ผ้าม่อฮ่อม ครับ





รูปที่ 65 ดอกอะไร ลืมชื่อ ใส่แกง เคี้ยวกินมัน ๆ รสออกเปรี้ยว ๆ





รูปที่ 66 มาเจอกลุ่ม สาว ๆ กำลังพิจารณา บัวหิมะ กันอยู่อย่างจดจ่อ





รูปที่ 67 กำลังคิดว่า เอาดีหรือไม่เอาดี กินแล้วจะสวย แต่กลัว ๆ กล้า ๆ เพราะกลัว ผมจะหงอกขาว เป็นแบบนางพญาผมขาวในหนังจีนน่ะ .....ผมแอบกระซิบ ....เจ๊ ๆ ในเข่งหลังร้านตรงที่ฉันยืนถ่ายรูปนั่นน่ะ หัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้นเลย อยากสวย อายุยืน ไม่ต้องกลัวผมขาว ย้อมได้.....





รูปที่ 68 หมวกทำจากใบอะไรไม่ได้ถาม แต่คิดว่า คงไม่ได้ทำจากกากถั่วเหลืองนะ




รูป 69


รูป 70

รูปที่ 69 – 70 ....เพ่ ๆ อาป่า เม๊ ผ่า จ่า เมือ จี น๊า ขา ถู่ ๆ ...(พี่ ๆ เอารึเปล่า เมล็ดผักจาเมืองจีนนะ ขายถูก ๆ ) ....โห น้องคนสวย เส้นทางจากแม่สาย ไปเชียงแสน ที่เชียงรายน่ะ.... เม๊ ผ่า แพ๊ ส่า ซอ ที่ น่า ท้า น๊า เลอ....(เมล็ดผัก แพ็คใส่ซอง ที่นั่นทั้งนั้นเลย)




รูป 71


รูป 72


รูป 73

รูปที่ 71 – 73 มะม่วงป่า ชาวบ้านบอกว่า อายุกว่า 100 ปี ทางการจะตัดออกเพื่อจะทำถนน เวรจริง ๆ ...แต่ชาวบ้านไม่ยอม ....ป้าคำบอกผมว่า .. คนของทางการที่สั่งให้ตัด ตายไปสองศพ โดยไม่รู้สาเหตุ มะม่วงร้อยปีก็เลยรอดมาได้จนทุกวันนี้





รูปที่ 74 ออกจากตลาดก็เลยไปไหว้พระที่วัด ศรีดอนชัย วัดเก่าแก่อายุกว่า 700 ปี เป็นวัดแรกของอำเภอปาย ...

โบสถ์ที่เห็นเพิ่งสร้างเสร็จใหม่แทนหลังเก่าที่พังครืนลงมา ...องค์โสมฯ เสด็จไปยกช่อฟ้าเมื่อก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมา ...เป็นที่ฮือฮา กล่าวขวัญ ดีอกดีใจของบรรดาชาวไต ชาวเขา และชาวดอย ที่เป็นเวลานานมากทีมีโอกาสจะได้รับเสด็จเจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน ป้าคำบอก ผู้คนล้นหลาม





รูปที่ 75 พระประธานในโบสถ์ เป็นพระสำริดปางมารวิชัย(สดุ้งมาร) ก็อยู่คู่กับวัดมานานกว่า 700 ปีเท่ากับวัดละนะ .....มีคนในกลุ่มที่ไปด้วยกัน ถูกหวยด้วย แต่เก็บเงียบไม่ยอมบอกว่าถูกเท่าไหร่





รูปที่ 76 ไม่ใช่กาชงน้ำสำหรับดื่มนะครับ ...เป็นกาสำหรับกรวดน้ำ เวลาพระให้พรของชาวไทใหญ่ ท่านอาจารย์เจ้าอาวาสบอกว่า

......ทำจากเงินแท้ อายุเป็นร้อยปีแล้ว แล้วโยม ....
.....ไม่กลัวหายหรือครับอาจารย์....

.....ไม่กลัว เพราะเคยหายมาสองครั้ง แต่เค้า(ใครก็ไม่รู้)เอามาคืนทุกครั้ง....

ใครอยากได้ เหอ ๆ ๆ เอาไปเลย เหอ ๆ ๆ

.....ยังมีต่อครับ..



.
DangSalaya
ตอบตอบ: 06/05/2013 3:52 pm    ชื่อกระทู้:

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เกษตรสัญจร 3 ตอนที่ 10 ภาค 2 ที่พักที่ปาย

มาถึงปาย ก็จะต้องมีที่พัก ถ้าไม่ได้จองล่วงหน้า ก็ต้องหา ถ้าเป็นช่วงเทศกาล ไม่ต้องหา เพราะเต็ม ต้องหาที่กางเต๊นท์นอน ....ทีพักที่ปาย มีตั้งแต่คืนละ 300 ถึงคืนละ 30,000 ..ถ้ากางเต็นท์นอนก็คืนละ 100 ...ไอ้ค่าที่พักคืนละแพง ๆ ตั้งแต่คืนละ 3,000 ขึ้นไปนั้น แค่ฤดูกาลเดียว สิโรราบ ม้วนเสื่อกลับบ้าน ปล่อยหญ้าขึ้นรก ติดประกาศขายกันเป็นแถว ๆ ใครจะไปซื้อ ลงทุนไปทั้งที่ทั้งอาคาร เป็นแสนเป็นล้าน

ฝรั่งบอกว่า ถ้าจะเข้านอนคืนละ 30,000 ก็นอนแค่คืนเดียว เงินจำนวนนี้ อยู่ที่ปายได้เป็นเดือน หาบ้านเช่า เดือนละ 6,000 ก็สุดหรูแล้ว ที่เหลืออีก 24,000 ใช้วันละ 800 ใช้ไม่หมด .....

แต่อย่ากังวลครับ ถ้าคุณ ติดดิน ไปพักกับผมก็ได้ ไปกันเลย

ออกจากถนนคนเดิน ก็มีถถนสายหลักเมนอยู่เส้นเดียว คือ ทางหลวง 1095 ทางที่จะไปแม่ฮ่องสอน ที่ผมพาคุณผ่านมาแล้ว ออกจากตัวอำเภอปาย ก็มาอีกไม่ไกลจะมีทางแยกเข้าไปบ้านเวียงเหนือ เลี้ยวเข้ามาเลย




รูปที่ 24 เป็นสะพานข้ามแม่น้ำปายไปสู่บ้านเวียงเหนือและ ที่อื่น ๆ ...





รูปที่ 25 มองจากบนสะพานข้ามแม่น้ำปาย ไปทางทิศใต้ พอไปถึงบ้านเมืองแปง ก็ไหลย้อนไปทิศตะวันตก ไปที่บ้านปางหมู แล้วไหลผ่าน จ.แม่ฮ่องสอน ไปออกบ้านกะเหรี่ยงคอยาวที่บ้านน้ำเพียงดิน ผ่านแคว้นคะยา ไปออกแม่น้ำสาละวิน





รูปที่ 26 แม่น้ำจะโค้งขึ้นไปต้นน้ำทางทิศเหนือ จะเห็นมีคนจูงเรือ ในเรือมีปี๊บ และเดือนกุมภา อากาศยังหนาว เค้าลงไปลุยน้ำเย็น ทำอะไร ?





รูปที่ 27 เค้าตักทราย และหิน ขึ้นมาขายครับ ทรายและหินปี๊บละ 3 บาท เรือลำหนึ่งบรรทุกได้ 20 ปี๊บ เที่ยวหนึ่งก็ 60 บาท วันหนึ่ง 10 เที่ยว ก็ 600 บาท พอแล้ว เป็นอาชีพที่บริสุทธิ์ ไม่ต้องลงทุนอะไรมากนัก เพียงแต่ลุยน้ำเย็น ๆ หน่อยเดียว รายได้ดีพอสมควร แต่น้ำมันเย็นตลอดปีนี่ซิครับมันแย่หน่อย





รูปที่ 28 ต้นแม่น้ำปายมาจากยอดเขาหลายลูก และมาจากสายน้ำหลายสายมารวมกันที่บ้านดอยปีลู ทำไมผมรู้จัก ...สองเท้าพาไปครับ





รูปที่ 29 รู้สึกจะเป็นป้ายทำใหม่ เพราะแต่ก่อนไม่มี ก็ยินดีต้อนรับสู่บ้านเวียงเหนือครับ





รูปที่ 30 ด้านหลังป้าย ก็มีความหมายว่า ส่งแขก ตามแบบหนังจีน





รูปที่ 31 จากสะพานข้ามแม่น้ำปายมาอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะเห็นป้ายอันนี้ ตรงจุดนี้เค้าเรียกบ้านโฮ่ง ...ตัวเสา (ทำด้วยซุงทั้งต้น) และป้าย (ไม้สักแผ่นเดียว หนา 6 นิ้ว) เป็นของเดิม แต่หลังคาทำใหม่ครับ รูปนี้ถ่าย 12 ก.พ.56





รูปที่ 32 อันนี้เป็นของเดิม ถ่ายเมื่อ 19 ก.ค.48 วันที่ตระเวนไปดูที่กับลูกสาว เห็นป้ายอันนี้ปั๊บ ถูกชะตาปิ๊งเลย....บอกมอไซด์ รับจ้าง

...จอด ๆๆๆๆ ....ลูกสาวบอก
...หนูผ่านที่แปลงนี้มา 3 รอบแล้วนะพ่อ ที่ติดแบงค์กสิกร ประกาศขายทอดตลาดครั้งที่ 8 แล้ว เป็นที่หล่ม.....

…พ่อเห็นที่ตรงนี้แล้วชอบว่ะ....
....ตามใจพ่อ ๆ ว่าดีก็ โอเค ......





รูปที่ 33 ได้เพื่อนบ้านที่แสนดี บ้านนี้อยู่ตรงข้ามที่พอดี ...ลุงรัตน์ ป้าคำ ดีใจมาก ๆ ที่จะได้มีเพื่อนบ้านจากต่างถิ่น จากวันนั้น ถึงวันนี้ เกือบ 10 ปีที่รู้จัก

แต่เพื่อน ๆ เชื่อมั๊ยว่า กลางปี 2549 น้ำป่ามาจากแม่น้ำปายน้ำลงจากเขา ตูมเดียวพริบตาเดียว บ้านหลังนี้ และบ้านแถวนี้หลายหลัง หายวับไปกับตา เหลือแต่กองทรายและก้อนหินจากแม่น้ำกองเป็นภูเขา แต่น่าแปลกที่ ป้ายบ้านโฮ่ง ยังยืนหยัดอยู่ได้ ตามรูปที่ 31 เพราะไม่โดนน้ำซัด





รูปที่ 34 หลังจากนั้นป้าคำ-ลุงรัตน์ ก็สร้างบ้านใหม่ หลังคาสีแดงตามที่เห็นด้านหลัง รูปนี้ (ขออภัย-ฉายซ้ำ) ถ่ายข้างรถคันใหม่เมือวันที่ 14 เม.ย.56 หลังขายกระเทียม เมื่อเดือน ก.พ.56





รูปที่ 35 ก็เป็นทางเข้าบ้านพักของผมที่ปาย ต้องอาศับทางเข้า ผ่านศาลาทรงไทยหลังนี้ไปด้านหลังครับ





รูปที่ 36 กระท่อม “ จันทร์สว่าง “ อยู่กับดิน ติดดิน แบกับดิน ...ถ้าไม่รังเกียจ เชิญนะครับ





รูปที่ 37 อากาศหนาวหรือหน้าหนาวไม่ต้องกลัว มีเครื่องทำน้ำอุ่น เอนกประสงค์ 2 In 1 ไม่อันตราย ... 1) ใช้ทำน้ำอุ่น . 2) ให้แสงสว่าง เรียกว่า ให้ทั้งความร้อนและแสงสว่างพร้อมกันเลย...




รูป 38


รูป 39


รูปที่ 40


รูปที่ 41


รูป 42

รูปที่ 38 – 42 ซุงไม้เนื้อแข็งทั้งต้น ขนาดคนโอบ จากต้นไม้ที่ตายแล้ว ชาวบ้าน ชาวดอยเค้าเลื่อยเป็นท่อน ๆ เอามาทำฟืนหุงข้าว ต้มแกง ครับ ...ผมขอซื้อเอามาตั้ง ๆ เอาไว้นั่งเล่น ท่อนละ 20 บาท ไม่ต่อซักคำ ยกขึ้้นท้ายรถ รีบออกรถเลย เดี๋ยวเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาจะอดได้




รูป 43


รูป 44


รูป 45

รูปที่ 43 – 45 มีลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่านที่ครับ เป็นน้ำตกจากบนดอย แยกไหลลงมาตามร่องเขา ผ่านหมู่บ้าน ผ่านที่ตรงนี้มานานแสนนานแล้ว ไหลไปออกตรงหน้าป้าย บ้านโฮ่ง แล้วไหลลงแม่น้ำปาย น้ำไหลทั้งปีเลยครับ แต่ต้องคอยโกยทรายออกบ่อย ๆ เพราะน้ำที่ไหลมาจะมีตะกอนทรายติดมาด้วย ทำให้ลำธารตื้น..อยากฟังเสียงน้ำตก ก็เอาหินกั้นทางน้ำ พอน้ำสูงต่างระดับ มันก็ไหลตกฟังเสียงเพลินไปก้แล้วกัน




รูป 46


รูป 47


รูป 48

รูปที่ 46 – 48 ดอกกล้วยไม้ตระกูลช้าง เก็บจากป่าเอามาปลูก จะออกดอกช่วงมกราคม – กุมภาพันธุ์ มีกลิ่นหอมดีจังเลยครับ


อยู่แบบสบาย ๆ พอมี พอกิน อยู่แบบพอเพียง อยู่ที่ปายเป็นสังคมแห่งการเกื้อกูล เป็นสังคมแห่งการแบ่งปัน ใครทำมากได้มาก ใครทำน้อยได้น้อย ใครไม่มีที่ ไปงมหินโกยทรายในแม่น้ำขาย อยู่ได้สบาย ๆ



... ยังมีต่ออีกนะครับ


.