-
MySite.com :: ทบทวนกระทู้ - ไคโตซาน.กับนาข้าว
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
ตอบตอบ: 06/03/2010 4:58 pm    ชื่อกระทู้:

ไคติน ไคโตซาน

ดร.ปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์
ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์
โทร. 0-2470-9007 โทรสาร 0-2428-3534

หลักการและเหตุผล
ไคติน จัดอยู่ในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตประเภทโครงสร้างที่เป็นเส้นใย คล้ายคลึงกับเซลลูโลสจาก
พืช ไคตินพบได้ในเปลือกของสัตว์ เช่น กุ้ง ปู แกนหมึก แมลง ตัวไหม หอยมุก และผนังเซลล์
ของพวกรา ยีสต์ และจุลินทรีย์อีกหลายชนิด ไคตินในธรรมชาติมีโครงสร้างของผลึกที่แข็งแรง 3
ลักษณะ ได้แก่ แอลฟ่าไคติน เกิดจากเปลือกกุ้งและเปลือกปู เบต้าไคติน เกิดในแกนหรือ
กระดองหมึก และแกมม่าไคติน ไคโตซาน คือ สารโพลิเมอร์ชีวภาพที่สกัดจากไคติน ซึ่งเป็นโครง
สร้างของเปลือกกุ้ง กระดองปู แกนปลาหมึก และผนังเซลของเห็ด ราบางชนิด ไคติน-ไคโตซาน
จัดเป็นโคโพลิเมอร์ที่อยู่ร่วมกันในธรรมชาติ มีปริมาณของไคตินมากเป็นอันดับสองรองจาก
เซลลูโลส ไคติน-ไคโตซาน มีสมบัติพื้นฐานที่เข้ากับธรรมชาติได้ดี ย่อยสลายง่าย ไม่ก่อให้เกิด
อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งไคติน-ไคโตซาน มีหมู่อะมิโนที่แสดงสมบัติพิเศษ
หลายประการที่ต่างจากเซลลูโลส เช่น การละลายได้ในกรดอินทรีย์เจือจาง การจับกับอิออนของ
โลหะได้ดี และการมีฤทธิ์ทางชีวภาพ ปัจจุบันมีการนำสารไคติน-ไคโตซาน มาประยุกต์ใช้จริงทั้ง
ในภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม ทางการแพทย์และเภสัชกรรม เช่น สารตกตะกอนในการ
บำบัดน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเส้นใยสิ่งทอ เพื่อป้องกันแบคทีเรียและเชื้อรา
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อคุณภาพในการลดไขมันและคอเลสเตอรอล เรื่องความสวยความงามที่
เป็นที่สนใจของคุณสุภาพสตรีทั้งหลาย สารเร่งการเจริญเติบโตในพืชและสัตว์แลกเนื้อต่าง ๆ เช่น
สุกร กุ้ง เป็ด ไก่ สารเคลือบผลไม้เพื่อยืดอายุการเก็บรักษา สารถนอมอาหาร และแผ่นฟิล์มปิด
แผล ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

ภาพรวมการใช้ไคติน-ไคโตซานในประเทศไทย ณ วันนี้อาจกล่าวได้ว่า ประเทศไทยได้เปรียบกว่า
ประเทศอื่นๆ อันเนื่องมาจากมีความพร้อมทางด้านวัตถุดิบ (เปลือกกุ้งและปู) ศักยภาพในด้านวัตถุ
ดิบนี้ เป็นผลมาจากการที่ประเทศไทย เป็นประเทศที่ส่งออกกุ้งแช่แข็งเป็นสินค้าออกอันดับต้นๆ
ของโลก ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลได้มีนโยบายในการจำกัดพื้นที่การเพาะเลี้ยงกุ้ง แต่เปลือกกุ้งที่จะถูก
ป้อนให้กับโรงงาน เพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเป็นไคติน-ไคโตซาน นั้นได้มาจาก 2
แหล่ง คือ จากฟาร์มเพาะเลี้ยงกุ้งประมาณ 2 แสนตันต่อปี และจากทะเลประมาณ 3 แสนตันต่อปี
ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหาในด้านการขาดแคลนวัตถุดิบ เมื่อความต้องการใช้ไคติน-ไคโตซานในท้อง
ตลาดมีเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันนี้ก็ยังมีความพร้อมทางด้านเทคโนโลยี ทั้งนี้เพราะเทคโนโลยีที่ใช้ใน
การผลิตสารไคติน-ไคโตซาน เป็นเทคโนโลยีที่ง่ายไม่ซับซ้อน สามารถทำได้ตั้งแต่ในระดับครัว
เรือน ชุมชนและขยายใหญ่ในระดับอุตสาหกรรม ปัจจุบันโรงงานที่ดำเนินการผลิต ยังมีอยู่ไม่มาก
อัตราการผลิตของแต่ละโรงก็ยังไม่สูงมาก และเท่าที่ปรากฏก็ไม่ค่อยแสดงตัวมากนัก หากความ
ต้องการของตลาดมีมากขึ้น การขยายตัวเป็นอุตสาหกรรมมีความเป็นไปได้มากและรวดเร็ว เพราะ
ใช้เงินลงทุน เครื่องจักร-เครื่องมือ และแรงงานไม่มาก สามารถจัดการระบบการผลิตได้ไม่ยาก
จากความพร้อมในหลายด้านดังกล่าว ในอนาคตเมืองไทยอาจจะเป็นประเทศที่ส่งออกไคติน-ไค
โตซานระดับต้นๆ ของโลก เช่นเดียวกับกุ้งแช่แข็งก็อาจจะเป็นไปได้ ในแง่กระบวนการผลิตมีการ
ใช้สารเคมีร่วม ซึ่งอาจจะมีปัญหาตามมาได้ เช่น ปัญหาสารเคมีตกค้างและปัญหาผลกระทบด้าน
สิ่งแวดล้อม แต่ก็สามารถจัดการแก้ไขและควบคุมได้ โดยอาจนำแนวทางความรู้ทางเทคโนโลยี
สะอาดและเทคโนโลยีชีวภาพมาร่วมจัดการได้ นอกจากนี้เรายังสามารถพัฒนาการผลิตให้ครบ
วงจรได้ตั้งแต่ สารไคติน สารไคโตซาน และผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากสารไคติน-ไคโตซาน เช่น ปุ๋ย
เครื่องสำอาง และอาหารเสริม ฯลฯ อันเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยัง
ไม่เป็นการเสียเปรียบดุลการค้ากับต่างประเทศ กล่าวคือ ในการที่เราต้องส่งสารไคติน-ไคโต
ซานออกขายให้กับต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน ญี่ปุ่น จากนั้นประเทศเหล่านั้น ก็ทำการผลิต
ผลิตภัณฑ์จากสารนี้ แล้วส่งกลับมาขายในเมืองไทย ในราคาสูงมากเมื่อเทียบกับราคาไคติน-ไค
โตซานที่เราขายให้ไปข้างต้น ทั้งๆ ที่นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยในประเทศไทยเอง ก็มีความรู้
ความสามารถพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เหล่านั้นได้ แต่ทว่ายังต้องการแรงสนับสนุนและการส่ง
เสริมการผลิต ตลอดจนความร่วมมือกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักอุตสาหกรรม และผู้
ประกอบการ เพื่อนำไปสู่ระบบการผลิตเต็มรูปแบบในลำดับต่อไป


คุณสมบัติและลักษณะเด่น

*สมบัติและหน้าที่
**การประยุกต์ใช้และผลิตภัณฑ์ที่ได้นำไปใช้แล้ว

1. โพลีอิเลกโตรไลท์และคีเลต (B) ตัวรวมตะกอนและตัวตกตะกอน และการทำหน้าที่แคทอิออ
นิกสำหรับบำบัดน้ำเสีย ตัวตกตะกอนโปรตีนที่เป็นกรด และตัวตกตะกอนเพื่อแยกยูเรเนียม และ
โลหะจำเพาะบางชนิด ตลอดจนโลหะกัมมันตภาพรังสี

2. การขึ้นรูปเป็นลักษณะต่างๆ (A, B) ขึ้นรูปเป็นเส้นใย สิ่งทอ ขึ้นรูปเป็นแผ่นเยื่อบาง เพื่อใช้ใน
การกรองแยก เช่น แยกน้ำออกจากแอลกอฮอล์ ขึ้นรูปเป็นเม็ด เป็นแคปซูลเพื่อการเพาะเซลล์

3. การเป็นเจลที่อุ้มน้ำ (B) การใช้หุ้มเซลล์ และหุ้มเอนไซม์ เป็นตัวกลางสำหรับการแยกด้วยวิธี
โครมาโตกราฟฟีแบบเจล การขึ้นรูปเป็นรูพรุนแบบฟองน้ำ เชอโรเจล

4. การตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ (A, B) ตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ การทำวัสดุผสม
กับคาร์บอนไดออกไซด์

5. การย่อยสลายด้วยน้ำ (A, B) ผลิตสารกลูโคซามีน และโอลิโกเมอร์ของน้ำตาลต่างๆ (โดยทา
เคมีและเอนไซม์)

6. สารเหนียวและอุ้มน้ำ (B) เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง สำหรับบำรุงรักษาผิวและผม

7. การดูดซับโมเลกุลต่างๆ (A, B, C) ใช้เป็นตัวกลางเพื่อทำโครมาโตกราฟฟีแบบต่างๆ เช่น
แบบดูดซับและแบบแลกเปลี่ยน เพื่อแยกเลกติน, ไคติเนส และไลโซไซม์

8. ปฏิกิริยาเคมี (A, B) การสร้างกลิ่น รส การขจัดกลิ่นของฟอร์มาลดีไฮด์ การสังเคราะห์
สารอนุพันธ์ต่างๆ เป็นสารต่อเนื่อง

9. การนำไฟฟ้า (B) การนำแผ่นเยื่อบางไคโตซานผสมลิเธียม ไตรเฟลท ที่ใช้เป็นอีเลกโตรไลท์
ในแบตเตอรี่ ที่ปราศจากมลพิษ

10. การเคลือบ (B) การทำสีในการพิมพ์ การย้อมและสารเติมแต่งต่างๆ การทำสีทา
การทำลำโพง ทำเครื่องดนตรีเป็นสารแติมแต่งในอุตสาหกรรมกระดาษ เคลือบผิวผลไม้ ผัก เพื่อ
ยืดอายุการเก็บรักษา เคลือบรักษาเมล็ดพันธุ์พืช

11. ตัวดึงออกมา (A, B, C) เป็นตัวเหนี่ยวนำของโปรตีนที่ก่อให้เกิดโรคได้ สารที่ใช้ในการ
เกษตร เช่น การเคลือบเมล็ด การพ่นเคลือบใบ

12. ตัวต้านจุลินทรีย์ (B) ใช้ในการเก็บรักษาอาหารและผลไม้

13. ส่งเสริมพวกจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ (A, B) ช่วยในการปรับปรุงจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เช่น
1..... ในดินและในน้ำ
2..... ในสัตว์และในลำไส้คน

14. สารที่ปราศจากพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิต จึงใช้ได้ทั่วไป

15. สร้างภูมิต้านทานได้ (A, B, C) เป็นตัวเหนี่ยวนำไลโซไซม์ และ LPL activities ใน เนื้อ
เยื่อและในเลือด ต่อต้านสารก่อมะเร็ง

16. สมานแผล (A, B, C) ใช้เป็นตัวรักษาแผล โดยเฉพาะไฟไหม้ และแผลที่ ผิวหนังสำหรับ
คน สัตว์ และต้นไม้ (ทำผิวหนังเทียม) รักษากระดูก เอ็น และซ่อมแซมพวกเอ็นยึดอวัยวะต่างๆ

17. ย่อยสลายได้ในธรรมชาติ (A, B, C) ทำไหมเย็บแผลที่ละลายได้ สารปลดปล่อยยาอย่าง
ช้าๆ ควบคุมการย่อยสลายของเอ็นไซม์

18. ลดโคเลสเตอรอล (B) ใช้เป็นอาหารเสริมสุขภาพ และใช้เติมแต่งในอาหาร สัตว์ ลดความ
ดันเลือด

19. ห้ามเลือดต่อต้านการเกิดลิ่มเลือด (C) ทำยาห้ามเลือด ใช้ทำเส้นเลือด ใช้ทำคอนแทค
เลนซ์ตา

20. ใช้เป็นฟิล์มเคลือบผลไม้ (B) ช่วยให้ผลไม้ และผักสดอยู่นาน

21. เข้ากันได้กับอวัยวะร่างกาย (A, B, C) รักษาแผลไหมเย็บแผล


การนำผลงานไปใช้ประโยชน์
บัญชา ธนบุญสมบัติ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ

สารไคติน และสารไคโตซาน เป็นพอลิเมอร์ชีวภาพ ซึ่งผลิตจาก เปลือกกุ้ง และเปลือกปู แผ่น
เมมเบรน จากไคโตซาน ใช้ในการปิดแผล มีคุณสมบัติ ช่วยลดแผลเป็น บนผิวหนัง สารไคติน
และสารไคโตซาน

การทำวิจัยในเรื่องไคติน ไคโตซานได้กระทำแล้ว และได้นำสารสกัดจากไคติน-ไคโตซาน ไป
ประยุกต์ใช้อย่างจริงจังด้วยตัวเอง เพราะมีฟาร์มเล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก มีการเลี้ยง
สัตว์ เช่น สุกร เป็ด ไก่ ปลูกผลไม้ต่าง ๆ เช่น มะละกอ มะนาว มะม่วง และอื่น ๆ เมื่อนำสารสกัด
จากไคติน-ไคโตซานเข้าไปประยุกต์ ปรากฏว่า ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพเป็นที่น่าพอใจยิ่ง นอกจาก
นั้นยังได้นำไปใช้จริงกับนาข้าว ไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกบนภูเขาทางภาคเหนือด้วย การใช้สารไค
ติน-ไคโตซานจะนำไปสู่การเกษตรแบบอินทรีย์ (Organic Farm) ซึ่งสามารถลดปัญหาสารเคมี
ตกค้าง ปัญหามลพิษ ปลอดภัยต่อเกษตรกรผู้ใช้ และผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และยัง
สามารถทดแทนการใช้สารเคมี ซึ่งส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศปีละจำนวนมากๆ

ไคติน/ไคโตซาน (Chitin/Chitosan)
ไคติน/ไคโตซานเป็นพอลิเมอร์ชีวภาพซึ่งผลิตจากสิ่งเหลือจากอุตสาหกรรมสัตว์น้ำแช่แข็ง (เช่น
เปลือกกุ้งและเปลือกปู) และเป็นพอลิเมอร์ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไคติน/ไคโตซานมีความเข้ากันได้ทางชีวภาพ (biocompatible) และ สามารถสลายตัวได้ทาง
ชีวภาพ (biodegradable) จึงถือได้ว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งไคติน (chitin) และไคโตซาน (chitosan) มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายเซลลูโลส ต่างกันตรง
ที่ไคตินจะมีหมู่อะเซตาไมด์และอะเซตามิโด แต่ไคโตซานจะมีหมู่เอมีน (amine group) แทน
ที่จะเป็นหมู่ไฮดรอกซิลที่ C-2 ของวงแหวนน้ำตาล (sugar ring) ตามปกติจะพบทั้งวงแหวน
น้ำตาลของไคตินและไคโตซานในสายโซ่เดียวกัน จึงมักจะรวมเรียกสารเคมีพวกไคติน/ไคโต
ซาน การแบ่งแยกไคตินกับไคโตซานจะอาศัยจำนวนหมู่เอมีน ถ้ามีหมู่เอมีนมากกว่า 70% จะ
เรียกว่าไคโตซานในแง่ของวัสดุแล้วไคติน/ไคโตซานถือว่ามีสมบัติโดดเด่น ทั้งนี้เนื่องจากเปลือก
กุ้งและเปลือกปูซึ่งเป็นแหล่งไคติน/ไคโตซานนั้นเป็นวัสดุเชิงประกอบที่นอกจากจะเหนียวฉีกขาด
ยาก ยังสามารถรับแรงได้สูง และไม่เปลี่ยนรูปร่างได้ง่าย ๆ ถ้าหากพิจารณาในเชิงโครงสร้าง ไคติน
จะจัดเรียงตัวเป็นโครงสร้างผลึกเหลวแบบคลอเลสเทอริก

(cholesteric liquid crystal structure) โดยมีโปรตีนและปูนขาวแทรก ทำให้วัสดุนี้ทนแรง
ได้ทุกทิศทางไคติน/ไคโตซานมีความเป็นวัสดุพิเศษ คือ ตัววัสดุสามารถทำหน้าที่ทางเคมีหรือ
ทางชีวภาพบางอย่างได้ด้วยตัวเอง

(ภาษาอังกฤษเรียกว่าเป็น functional materials) ตัวอย่างเช่น เป็นแผ่นโพลาร์เมมเบรน
(polar membrane) ซึ่งสามารถใช้ในการแยกแอลกอฮอล์ (เจือจาง) โดยกระบวนการเพอร์วา
พอเรชัน (pervaporation) เป็นต้น

ในทางการแพทย์และเภสัชกรรม ได้มีการศึกษาแล้วว่าเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วนั้นนอกจากที่จะ
ไม่ดูดซึมเข้าไปในร่างกายและช่วยในการเคลื่อนตัวของอาหารในลำไส้ดังเช่นอาหารจำพวกไฟ
เบอร์โดยทั่วไปแล้ว ยังจะมีความสามารถในการจับคลอเลสเตอรอลและไขมันในอาหารที่รับ
ประทานเข้าไปก่อนที่จะเกิดการดูดซึมสารเหล่านั้น

ในปัจจุบันได้มีการนำไคโตซานบริสุทธิ์มาเป็นอาหารเพื่อสุขภาพในการประกอบการลดความอ้วน
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ทำผิวหนังเทียมรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ใช้ปลดปล่อยยา รักษา
เหงือกและฟัน

นอกจากนี้ สารไคติน/ไคโตซานยังสามารถประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์และอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่าง
หลากหลาย เช่น ใช้หุ้มเมล็ดพันธ์พืชเพื่อยืดอายุการเก็บและป้องกันราและจุลินทรีย์ในอุตสาห
กรรมการเกษตร ใช้เป็นสารต่อต้านราและจุลินทรีย์ ใช้เป็นสารกันบูด เคลือบอาหาร ผัก และผล
ไม้ ในอุตสาหกรรมอาหาร ใช้เติมแต่งและเป็นสารพื้นฐานของแป้งทาหน้า แชมพู ครีม และสบู่ โล
ชันเคลือบป้องกันผิวและผม เนื่องจากไคติน/ไคโตซานสามารถอุ้มน้ำและเป็นตาข่ายคลุมผิวหนัง
ใช้ผสมเส้นใย เช่น สิ่งทอและกระดาษ เพื่อป้องกันและต้านทานเชื้อโรค และยัง
ทำให้เยื่อเหนียวและแข็งแรงเพิ่มขึ้น เป็นต้น

Lowly shrimp shells could yield jumbo benefits, researchers say
kimzagass
ตอบตอบ: 02/12/2009 9:18 pm    ชื่อกระทู้:

เรื่องแค่นี้ถือว่าปกติธรรมดามากนะอ๊อด..... ลุงคิมเคยเห็นแล้วก็ได้ยินมาหลายต่อหลาย
เรื่อง.....มีทั้งรู้จักคนทำแล้วก็ไม่รู้จัก......ก็ไม่รู้ว่าในตลาดเกษตรทั่วประเทศรวมแล้วมาก
ขนาดไหน....
ott_club
ตอบตอบ: 02/12/2009 8:57 pm    ชื่อกระทู้:

ไม่มีอะไรหรอกลุง เขาชวนไปดูการใช้ไคโตซานกับสวนปาล์มน้ำมัน ยางพารา ก็เท่านั้น

ไคโตซานเดี่ยวๆ ใช้กับพืชแล้วดีได้ ผมก็จะนับถือเลยแหละ

เคยมี ดร. แห่งสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่แห่งประเทศไทย(วว.) นำไคโตซานยี่ห้อ
ดังของเมืองไทย ไปเข้า LAP เพื่อดูส่วนผสม พบปุ๋ยเกล็ดและธาตุอาหารพืชบางชนิด

ทีนี้จะเชื่อหรือยังว่าไคโตซานที่ขายๆ กันนะ มันก็คือปุ๋ยทางใบกับฮอร์โมนตัวหนึ่งเท่านั้น

ไม่ได้โจมตีใครแต่เล่าสู่กันฟังเท่านั้นครับ

อ๊อดครับ
kimzagass
ตอบตอบ: 02/12/2009 5:25 pm    ชื่อกระทู้:

คุยกันเรื่ออะไรน่ะ......บอกลุงหน่อย อยากคุยด้วยน่ะ.....
กระทู้ "ไคโตซาน" เริ่มต้นดูดีนี่นา แล้วไง ตอนท้ายชักจะเขวๆ.....เง็ง

ยอมรับ....คนแก่ตาไม่ทัน (ว่ะ)
ott_club
ตอบตอบ: 02/12/2009 12:56 pm    ชื่อกระทู้:

ใครต้องการไปดูบอกผมด้วยครับ "ผมจะได้ไม่ไป"

ใครไม่ไปก็บอกผมด้วยนะครับ "ผมไม่มีเพื่อนไป"
101
ตอบตอบ: 02/12/2009 10:03 am    ชื่อกระทู้:

ขออนุญาตนะครับ คือว่า ผมไม่ได้มาขาย และ ยังไม่คิดที่จะขาย เพียงแต่หากมีท่านที่ต้องการดูก็
สามารถ ส่งเมล์มาได้ครับ เพราะจะได้เห็นด้วยตาตนเอง โดยไม่มีการชวนเชือ หรือว่านตามๆๆกัน
ไป โดยไม่มีโอกาศเห็นครับ

สำหรับเรื่องรูปภาพนั้นเราสามารถทำเองก็ได้ ใครเข้าจะเอาภาพไม่ดีมาลงใช่ไหมครับ เพราะ
ฉะนั้น ผมเห็นว่า มันเป็นสิ่งที่ดีที่เดียว หากคนที่ต้องการรู้ จะได้เห็นไปพร้อมๆๆกัน ครับ และ มันจะ
ดีมาก หากในสถานที่ ที่ผมไปทำนั้นใกล้กับ บ้านหรือในสวนของพวกท่าน ท่านจะได้ทั้งประหยัด
และสะดวก โดยไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โดยคนที่รับความรู้คือพวกท่านที่ได้เห็นและ
ศึกษาไปในตัวนะครับ
pitak.x@gmail.com Wink

ขอบคุณครับ
kimzagass
ตอบตอบ: 01/12/2009 7:22 pm    ชื่อกระทู้:

ไม่เข้าใจคร้าบบบบบบ...... อ่านแล้วไม่รู้เรื่องคร้าบบบบบ

แปลไทยเป็นไทยหน่อยเซ่.....นะคุณ "สองหารไม่ลงตัว"
101
ตอบตอบ: 01/12/2009 10:57 am    ชื่อกระทู้:

แปลกยังไง แปลกที่ไม่ยอมรับ หรือแปลกที่เราจะยอมรับว่า เราใกล้กันมากว่าตัวหนังสือ หรือ
แปลกที่เราปิดตัวเราไว้ไม่ให้รับรู้ว่ามีอย่างอืนๆๆ บนโลกนี้ หรือว่าเราเองทีแปลก ครับ

ยังมีอีกหลายอย่างทีสำคัญกับพีชตั้งมากมาย ในแต่ละอย่างก็ต้องออกไปพบเจอถึงจะได้รู้ว่า การ
นำมาใช้นั้น จะใช้ในลักษณะไหน และ ช่วงเวลาไหน ก็จะได้ประโยชน์ของตัวเองอย่างสุงสุด

ก็หวังว่า เพื่อนที่คิดว่าจะหาความรู้ให้ตัวเอง ก็คงต้องรอดูว่า ตัวท่านเองจะพบเราแค่ในตัวหนังสือ
หรือว่า พบของจริงจะดีกว่า ไม่มีใครเขาว่า ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ และควรใช้ที่เท่าไหร่ จะปิดตัวเอง
อ่านแต่ตัวหนังสือ ก็อยู่ที่ ท่านๆๆ นะครับ

Wink
kimzagass
ตอบตอบ: 30/11/2009 2:33 pm    ชื่อกระทู้:

แปลก....ใช่ แปลก....แปลกมากๆด้วย....
ไม่ใช่แปลกที่ไคโตซาน แต่แปลกที่คนตืนไคโตซานต่างหาก

กระแสหรือเปล่า....

จะอะไรกับมันนักหนา....มันก็แค่ธาตุ (ฮอร์โมน) อาหารพืชตัวหนึ่ง
อยู่ในกลุ่มอัตราส่วนผสม "เศษหนึ่ง-ส่วนสี่" เท่านั้น

ยังมีอีกหลายตัวที่มีความสำคัญต่อพืช แล้วก็ยั่งยืนถาวรกว่าด้วย



ระวังจะมีความรู้แค่โฆษณานะ
ลุงคิมครับผม
ott_club
ตอบตอบ: 30/11/2009 12:46 pm    ชื่อกระทู้:

แปลก แปลก
101
ตอบตอบ: 30/11/2009 12:17 pm    ชื่อกระทู้:

สวัสดีครับ

ตามคำตอบเรื่อง การนำรูปมาลงนั้น ตามที่แนะนำนั้นเราได้ทำไว้อยู่แล้วแต่โปรแกรมไม่สามารถ
ป้องกันการ copy ได้ครับ และที่สำคัญ จะลงรูปไปทำไมในเมื่อ ยังมีโอกาสที่จะเห็นด้วยตา และ
สัมผัสได้ ไม่ได้เสียเงินด้วยนะครับ การลงรูปไม่ต่างกับการโฆษาณาตัวเอง เลย เพราะฉะนั้น ก็ยัง
ไม่ลงรูปอยู่ดีครับ

สำหรับพี่ๆๆเพื่อนๆๆที่จะไปดูสามารถ ส่งเมล์มาได้นะครับ เวลาจะได้แจ้งให้ทราบ หากอยู่แถวนั้น ก็
ใกล้นิดเดียว เอง นะครับ เพราะนำไปใช้ในไร่ปลาม์ แถว นายายอารม ครับ ร่วมถึงไร่แถวแก่งหาง
แมว ครับ ( ในไร่ไหน ให้ไปได้ก้อ จะนำเข้าไปดูครับ ) บางไร่เจ้าของเค้าไม่ได้ให้คนนอกเข้า ก้อ
คงพาเข้าไปไม่ได้ครับ

สำหรับพี่ที่ถามมานั้น หากต้องการไปจริงๆๆแล้วส่งเมล์มานะครับ


ขอบคุณครับ Wink
man_supakarn
ตอบตอบ: 06/11/2009 10:42 pm    ชื่อกระทู้: แมน

ขอบคุณพี่อ้อครับ

ที่ให้ความรู้เรื่องไคติน-ไคโตซามอ่านแล้วเข้าใจดีครับ
Pitipol
ตอบตอบ: 06/11/2009 10:34 pm    ชื่อกระทู้:

สายระยอง นี่หมายถึง เส้นไปทางระยองเลยหรือเปล่าครับ ไม่ใช่บายพาส

พี่อ็อดจะไปดูไหมครับ ผมไปด้วย
ott_club
ตอบตอบ: 06/11/2009 9:28 pm    ชื่อกระทู้:

สนใจการใช้กับยางพารา กับปาล์มน้ำมันครับ

ปาล์มน้ำมันกับฮอร์โมนน้ำดำสูตรลุงคิม "สุดยอดไปเลยครับ"

บริษัทที่รับซื้อปาล์มอยู่แถวบ้านก็มี 2 บริษัทเท่านั้น คือ สุขสมบูรณ์ปาล์มออย
กับไทยอีสเทิร์นปาล์มออย ว่าแต่บริษัทไหนละครับ

อ๊อด ระยองครับ
sonfrog@hotmail.com
Pitipol
ตอบตอบ: 06/11/2009 10:07 am    ชื่อกระทู้:

แล้วถ้าเป็นทุเรียน มังคุด เงาะ กล้วย และดอกไม้ทั่วไปหละครับ ใช้อย่างไร

ภาพถ่ายนั้น ใข้โปรแกรมตกแต่งภาพ ใส่ลายเซ็นต์ของคุณเข้าไปได้ เหมือน
อย่างช่างภาพทั่วไปที่เอามาภาพถ่ายของเขามาเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตครับผม
101
ตอบตอบ: 06/11/2009 9:33 am    ชื่อกระทู้:

ขอตอบตามที่ถามมานะครับ

การใช้ในอัตราส่วนที เป็นสูตรของ อ.สุวรี คือ ใช้อัตราส่วนที่ 1 cc ต่อ
น้ำ 1 ลิตร ครับ ไม่ว่าจะแช่เมล็ดพันธุ์ หรือ ฉีดพ่นในนาข้าว ส่วนใน
พืชชนิดอืนๆ ต้องแจ้งมาว่า จะนำไปใช้กับพืชชนิดใด จะได้อธิบายว่า
ใช้ในช่วงระยะเวลาไหนถึง ได้ประโยชน์สูงสุดครับ


สำหรับรูปแปลงสาธิต ไม่สามารถลงให้ดูได้เพราะอาจโดน copy ครับ
สำรับ ที่อยู่ที่แจ้งไว้ว่า อยูระยอง นั้นสามารถ ติดต่อตามเมล์ได้ ว่าอยาก
เห็นพืชแบบ ไหนครับ เพราะทางเราเองเน้นที่ของจริง อาจเสียเวลา สักนิด
จะได้ไม่เสียใจไปอีกนานครับ

แถบระยองที่ ทำการอยู่นั้น จะเป็นมันสำปะหลัง และ ยางพารา และปาล์ม ครับ
โดยที่ มีบริษัทที่รับซือ ปาล์ม ริมถนนสายระยอง ใช้ในการเพราะต้นอ่อนอยู่
( ไม่สามารถเปิดเผยชือได้ ) ครับ เพราะอาจมีผลกระทบต่อสัญญา ครับ

สำหรับพี่ที่ถามมานั้น ตาม email ที่ผมแจ้ง สามารถ ติดต่อได้นะครับ จะได้อะไร
มากขึ้นครับ

ยินดีเสมอครับ Wink
Pitipol
ตอบตอบ: 04/11/2009 8:43 am    ชื่อกระทู้:

101 บันทึก:
ขออนุญาติ ตอบกระทู้นี้นะครับ หากต้องการ ไคโตซานที่จะใช้
กับนาข้าว นั้น สามารถติดต่อ ไปใช้ได้ ครับ โดย มันักวิชาการ
และการรับรอง จาก อ. สุวลี จันทร์กระจ่าง ครับ หรือสามารถ
ชมแปลงสาทิตได้ ว่า การใช้ที่แท้ จริงแล้ว ใช้อย่างไร และใช้
ช่วงไหน ครับ

ติดต่อได้ทาง เมล์ นะครับ pitak.X@gmail.com ครับ Wink


ถ้าอย่างนั้นแล้วขอให้คุณ 101 นำข้อมูลมาอธิบายบนเว็บนี้ด้วยครับ
ว่าการใช้ที่แก้จริงแล้ว ใช้อย่างไร ใช้ช่วงไหน
แล้วภาพแปลงสาธิตที่ว่าใช้แล้วเป็นอย่างไร
และคำรับรองจากอ.สุวลี จันทร์กระจ่างครับ
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นในวงกว้างครับ
ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
101
ตอบตอบ: 02/11/2009 12:40 pm    ชื่อกระทู้:

ขออนุญาติ ตอบกระทู้นี้นะครับ หากต้องการ ไคโตซานที่จะใช้
กับนาข้าว นั้น สามารถติดต่อ ไปใช้ได้ ครับ โดย มีนักวิชาการ
และการรับรอง จาก อ. สุวลี จันทร์กระจ่าง ครับ

หรือสามารถ ชมแปลงสาทิตได้ ว่า การใช้ที่แท้ จริงแล้ว ใช้อย่างไร
และใช้ช่วงไหน ครับ

ติดต่อได้ทาง เมล์ นะครับ pitak.X@gmail.com ครับ Wink
kimzagass
ตอบตอบ: 24/10/2009 5:41 am    ชื่อกระทู้:

ที่ไร่กล้อมแกล้มมี "เปลือกกุ้ง" ที่สกัด "โปรตีน. กับ ไขมัน." ออกหมดแล้ว
พร้อมเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็น "ไคติน - ไคโตซาน" ทันที

เปลือกกุ้งสกัดแล้วนี้น้ำหนักเบามากๆ สนนราคามิตรภาพ กก.ละ 3,500 บาท
ผลิตเป็นไคโตซาน.ได้ 100 ล.

อัตราใช้จริงๆเพียง 2 ซีซี./น้ำ 20 ล. ..... ในฮอร์โมนน้ำดำใส่ให้แล้ว 1 เปอร์เซ็นต์
ถือว่าเหลือเฟือสำหรับพืช (เน้นย้ำ.... 2 ซีซี. ต่อ น้ำ 20 ล.)

สรุป.....ไคติน. กับ ไคโตซาน. คนละตัวกัน แล้วก็คนละเรื่องกันด้วยนะ


อย่ามั่ว อย่าโมเมชั่น.....ขายสิ่งที่ถูกต้องเถอะ มันก็ได้กำไรเหมือนกันนั่นแหละ


ลุงคิมครับผม
Aorrayong
ตอบตอบ: 23/10/2009 10:17 pm    ชื่อกระทู้:

ที่มาhttp://www.material.chula.ac.th/CCB/th-infoBenefit.htm

ของเหลือจากทะเลสู่ไคติน-ไคโตซาน
ในแต่ละปีประเทศไทยมีการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกุ้ง ปู
และปลาหมึกซึ่งอัตราการส่งออกนี้เป็นดัชนี แสดงถึงกากของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต
อาทิ เปลือก-หัวกุ้งกระดองปู และแกนปลาหมึก โดยในปัจจุบัน ของเหลือเหล่านี้ถูกขายให้กับ
โรงงานผลิตอาหารสัตว์ในราคาที่ต่ำมาก ดังนั้น การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม จึงเป็น
ที่จับตามองของนักอุตสาหกรรม

การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า







กากของเหลือจากทะเลเหล่านี้สามารถนำมาทำให้มีมูลค่าเพิ่มได้โดยนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์
ที่เรียกว่าไคติน และ ไคโตซาน

ไคติน มีชื่อทางเคมีว่า Poly [b-(1®4)-2-acetamido-2-deoxy-D-glucopyranose] ซึ่งพบ
มากในเปลือกกุ้ง กระดองปู แกนปลาหมึก ผนังเซลล์ของเชื้อจุลินทรีย์และเห็ดรา อย่างไรก็ตามการ
ผลิตเชิงพาณิชย์มักจะใช้เปลือกกุ้ง กระดองปูและแกนปลาหมึกเป็นวัตถุดิบ โดยผ่านกระบวนการผลิต
ที่ไม่ยุ่งยากนัก ได้แก่ กระบวนการสกัดโปรตีน โดยใช้โซเดียมไฮดรอกไซด์เจือจาง
และกระบวนการสกัดแร่ธาตุ โดยใช้กรดเกลือเจือจาง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จะเรียกว่า “ไคติน”

ไคโตซาน มีชื่อทางเคมีว่า Poly [b-(1®4)-2-amino-2-deoxy-D-glucopyranose] ซึ่งเป็น
อนุพันธ์ของไคตินที่สกัดโดยผ่านกระบวนการดึงหมู่อะซิทิลของไคตินออกด้วยด่างเข้มข้น เรียกกระบวน
การนี้ว่า deacetylation ผลิตภัณฑ์ไคโตซานที่ได้จะมีคุณภาพและสมบัติแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเทคนิค
และขั้นตอนการผลิต


ขั้นตอนการผลิตไคติน - ไคโตซาน

เปลือกกุ้ง (Shrimp Biowaste)

กระบวนการแยกโปรตีน (Deproteination)
ด้วยสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์เจือจาง

กระบวนการแยกแร่ธาตุ (Decalcification)
ด้วยสารละลายกรดเกลือเจือจาง

ไคติน (Chitin)

กระบวนการดึงหมู่อะซิทิล (Deacetylation)
ด้วยสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์เข้มข้น

ไคโตซาน (Chitosan)


การประยุกต์ใช้ไคโตซาน
ไคติน-ไคโตซานเป็นวัสดุชีวภาพที่มีความหลากหลายและมีสมบัติที่โดดเด่น อาทิ มีความ
เป็นประจุบวกสูง สามารถทำเป็นแผ่นฟิล์ม มีความเข้ากันได้ทางชีวภาพ สามารถย่อยสลาย
ได้ตามธรรมชาติ ไม่มีพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ไคติน-ไคโตซานจึงสามารถนำ
มาประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์และอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ดังนี้:

Ø ด้านการแพทย์และเภสัชกรรม อาทิ เป็นวัสดุตกแต่งแผล และควบคุมการปลด
ปล่อยของยา

Ø ด้านการเกษตร อาทิ เคลือบเมล็ดพันธุ์พืชและเป็นสารกระตุ้นการเจริญเติบโต
ของพืช

Ø ด้านเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อาทิ เป็นสารเติมแต่งในแป้งทาหน้า
แชมพู สบู่ และครีมทาผิว

Ø ด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอและกระดาษ อาทิ รักษาความสดใสของสีผ้า ระบาย
เหงื่อ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา และเป็นการเพิ่มความแข็งแรงของกระดาษ

Ø ด้านการแยกทางชีวภาพ อาทิ การทำเป็นแผ่นเมมเบรน เพื่อใช้ในการกรอง
แยกด้วยเทคนิคต่างๆ

Ø ประโยชน์ด้านอื่นๆ อาทิ บรรจุภัณฑ์, สารเพิ่มความหนืด

“การผลิตไคตินและไคโตซาน”
วัตถุดิบที่สามารถนำมาผลิตเป็นไคตินและไคโตซานนั้น ได้มาจากเปลือกของสัตว์ไม่มี
กระดูกสันหลังที่มีข้อ-ปล้อง อาทิ กุ้ง ปู ปลาหมึก ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเชิงพาณิชย์
ส่วนการผลิตจากเปลือกของแมลงและผนังเซลของเห็ดรานั้น ยังอยู่ในระดับห้องปฏิบัติการ

การผลิตไคตินและไคโตซานสามารถผลิตได้ด้วยวิธีทางเคมีและชีวภาพ ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะ
วิธีทางเคมีซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันมากในเชิงพาณิชย์ การผลิตจะเริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบ ซึ่งอาจจะ
สับวัตถุดิบเป็นชิ้นเล็กๆ หรือไม่ก็ได้ บางครั้งอาจจะนำมาล้างน้ำเพื่อกำจัดไขมัน โปรตีนและสิ่ง
สกปรกบางส่วนออกจากวัตถุดิบ ก่อนการนำ มาผ่านกระบวนการแยกโปรตีนด้วยด่างเจือจาง
และตามด้วยกระบวนการแยกแร่ธาตุด้วยกรดเกลือเจือจาง ซึ่งทั้ง 2 ขั้นตอนนี้ สามารถสลับ
ลำดับก่อนหลังได้ ผลิตภัณฑ์ที่ได้นี้ เรียกว่า “ไคติน”

จากนั้น นำไคตินที่ได้มาเข้าสู่กระบวนการผลิตไคโตซาน โดยการแช่ไคตินในสาร
ละลายด่างเข้มข้น เพื่อดึงหมู่อะซิทิลออกจากไคติน ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการผลิตไคโตซาน
ได้แก่ อุณหภูมิ ระยะเวลาในการทำปฏิกิริยา ความเข้มข้นของด่าง สภาวะและขั้นตอนในการ
ผลิตไคติน อัตราส่วนของไคตินต่อสารละลายด่างเข้มข้น

จากรายงานวิจัย พบว่า
การผลิตไคตินและไคโตซานจากเปลือกกุ้งนั้น สารละลายด่างที่มีความเข้มข้น 4% เหมาะสำหรับ
การแยกโปรตีน ที่อุณหภูมิห้อง และการแยกแร่ธาตุด้วยกรดเกลือที่มีความเข้มข้น 4% ที่อุณหภูมิ
ห้องนั้น ควรจะแช่วัตถุดิบในกรดเกลืออย่างน้อย 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ การผลิตไคโตซานที่มีความ
หนืดสูงๆ จะต้องใช้ ไคตินที่ผ่านกระบวนการผลิตด้วยขั้นตอนการแยกแร่ธาตุก่อนการแยกโปรตีน

อย่างไรก็ตามการผลิตไคโตซานให้ได้สมบัติจำเพาะตามต้องการและสามารถแข่งขันกับตลาด
โลกได้นั้น จำเป็นที่จะต้องอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมและการควบคุมคุณภาพ



ที่มาข้อมูล:

1. No, H.K. and Meyers, S.P. Preparation of chitin and chitosan. Chitin Handbook. . p. 475-489. ISBN 88-86889-01-1. (1997).

2. Pranee Lertsutthiwog และคณะ Effect of chemical treatment on the characteristics of shrimp chitosan. Journal of Metals, materials and Minerals. 12(1): 11-18 (2002).
kimzagass
ตอบตอบ: 23/10/2009 10:01 pm    ชื่อกระทู้:

อ.สุวลีฯ กับ ลุงคิม. ซี้ปึ้กกันมากๆ......เคยร่วมกันลุยแนะนำ
ความรู้เรื่องไคโตซานเมื่อราว 10 ปีที่แล้ว

อ.เคยมาออกอากาศเผยแพร่ความรู้เรื่อง "ไตติน- ไคโตซาน"
ทางสถานีวิทยุก็หลายๆครั้ง แบบนี้คงต้องเชิญมาออกอากาศ
อีกซะแล้ว จะได้รู้กันซะทีว่าเจ้า "ไคโตซาน ไดเรคเซลล์"
ที่กำลัง HOTHIT กันนั้น....... ขี้หกทั้งเพ
Aorrayong
ตอบตอบ: 23/10/2009 9:51 pm    ชื่อกระทู้:

ลุงคิมเคยบอกว่า รศ. สุวลี จันทร์กระจ่าง เป็นต้นกำเนิดของไคติน-ไคโตซาน

ที่มา คัดลอกจากhttp://www.material.chula.ac.th/CCB/staff/Suwalee_T.htm

รศ. สุวลี จันทร์กระจ่าง



ประวัติโดยย่อของ รศ. สุวลี จันทร์กระจ่าง

ประวัติการศึกษา

2505 วท.บ. (เคมี) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

2512 วท.ม. (Nutrition Science) สถาบัน Columbia University



หน้าที่ปัจจุบัน

- อาจารย์พิเศษแผนกเทคโนโลยีชีวภาพ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย

- ที่ปรึกษาพิเศษด้านไคติน/ไคโตซาน สถาบันวิจัยโลหะและวัสดุ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

- อาจารย์พิเศษในบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

- ที่ปรึกษาพิเศษด้านเทคนิคองค์การอาหารและเกษตร (FAO) แห่งสหประชาชาติ (เลขที่ 36590)

- ประธานคณะทำงานชมรมไคติน/ไคโตซานแห่งประเทศไทย





Publications

Lertsutthiwong, P., Chandrkrachang, S., Nazhad, M.M. and Stevens, W.F. Chitosan as a dry strength agent for paper. Appita Journal 2002; 55(3): 208-212.

Noomhorm, A., Kupongsak, S. and Chandrkrachang, S. Deacetylated chitin used as adsorbent in production of clarified pineapple syrup. J Sci Food Agric 1998; 76: 226-232.

Nwe, N., Chandrkrachang, S., Stevens, W.F., Maw, T., Tan, T.K., Khor, E. and Wong, S.M. Production of fungal chitosan by solid state and submerged fermentation. Carbohydrate Polymers 2002; 49: 235-237.

A step-by-step guide on the small-scale processing of agar-agar and comment on aquasanitation. FAO Fisheries Circular. No. 848 Rome, FAO, 1992.

Chandrkrachang, S. and Wanichpongpan, P. Modification of chitosan membranes by some additive substances. Proc. Conf. Sci. Technol. Bangkok, 23rd, 1997; p.1000.

Ng, C.H., Wanichpongpan, P. and Chandrkrachang, S. Study of some physical properties of chitosan membrane in comparing with cellulose acetate membrane. Proc. Conf. Sci. Technol. Bangkok, 23rd, 1997; p.996.

Wanichpongpan, P., Ng, C.H., Stevens, W.F. and Chandrkrachang, S. The study of dialysis of ammonium sulphate solution through the chitosan membranes in comparing with the cellulose acetate membranes. Proc. Conf. Sci. Technol. Bangkok, 23rd, 1997; p.998.

Chinadit, U., Wanichpongpan, P., Ng, C.H., Stevens, W.F. and Chandrkrachang, S. Chemical deacetylation of shrimp chitin in different conditions. Advan. Chitin Sci. Taiwan 1998; 3: 165-168.

Pan, Y., Montet, D., Rakshit, S.K., Nuchnoi, P., Chandrkrachang, S. and Stevens, W.F. Utilization of Partially Deacetylated Chitin and Chitosan as Flocculent and Decolorant in Refining Sugar. Advan. Chitin Sci. Taiwan 1998; 3: 481-488.

Chandrkrachang, S. and Wanichpongpan, P. Preparation and characterization of controlling pore size chitosan membranes. Advan. Chitin Sci. Potsdam 2000; 4: 349-354.

Chandrkrachang, S., Anal, A.K., Ng, C.H., Stevens, W.F., Sathirakul, K. and Wanichpongpan, P. Research and development of chitin/chitosan membrane for bioseparation techniques for clinical application. Proc. 1st Thailand Materials Science and Technology Conf., Bangkok 2000; 68-71.

Lertsutthiwong, P., Stevens, W.F. and Chandrkrachang, S. Improved paper performance using chitosan. Proc. 1st Thailand Materials Science and Technology Conf., Bangkok 2000; 361-363.

Ng, C.H., Chandrkrachang, S. and Stevens, W.F. Effect of the rate of deacetylation on the physico-chemical properties of cuttlefish chitin. Advan. Chitin Sci. Potsdam 2000; 4: 50-54.

Poonpolwatanaporn, P., Parkpian, P. and Chandrkrachang, S., Absorption of heavy metals from sewage sludge by using chitosan: a preliminary study. Proc. Conf. Sci. Technol. Bangkok, 26th, 2000; p. 295.

Rao, M.S., Kungsuwan, A., Chandrkrachang, S. and Stevens, W.F. Drum Reactor for Lactobacillus fermentation of shrimp biowaste for production of chitin and other value added products. Proc. Seminar on the production of protein and the utilization of shrimp head. Bangkok 2000; 118-125.

Siraleartmukul, K., Limpanath, S., Udomkichdecha, W. and Chandrkrachang, S. The relationship between the crystallinity and degree of deacetylation of chitin from crab shell. Advan. Chitin Sci. Potsdam 2000; 4: 330-333.

Siraleartmukul, K., Psutiworanat, R., Rattanawaleedirojn, P., Hannongbua, S., Siriwong, K., Jaiboon, N. and Chandrkrachang, S., A study of chitosan coating on different types of national fiber by scanning electron microscopy (SEM). Proc. Conf. Sci. Technol. Bangkok, 26th, 2000; p. 714.

Wanichpongpan, P., Annachhatre, A.P. and Chandrkrachang, S. Bioseparation of protein from cheese whey by using chitosan coagulation and ultrafiltration membranes. Advan. Chitin Sci. Potsdam 2000; 4: 116-121.

Chandrkrachang, S., Anal, A.K. and Wanichpongpan, P. Pore size control in microporous chitosan membranes. Chitin and Chitosan: Chitin and Chitosan in Life Science. Yamaguchi 2001; 64-67.

Hein, S., Ng, C.H., Chandrkrachang, S. and Stevens, W.F. A systematic approach to quality assessment system of chitosan. Chitin and Chitosan: Chitin and Chitosan in Life Science. Yamaguchi 2001; 32-335.

Lertsutthiwong, P., Chandrkrachang, S. and Stevens, W.F. The effect of chitosan on properties of handsheet paper. Chitin and Chitosan: Chitin and Chitosan in Life Science. Yamaguchi 2001; 163-164.

Ng, C.H., Chandrkrachang, S. and Stevens, W.F. Effect of the deacetylation conditions on the distribution pattern of the N-acetamide groups in partially deacetylated chitin. Chitin and Chitosan: Chitin and Chitosan in Life Science. Yamaguchi 2001; 336-339.

Nwe, N., Chandrkrachang, S. and Stevens, W.F. Fungal chitosan from solid-state fermentation. Chitin and Chitosan: Chitin and Chitosan in Life Science. Yamaguchi 2001; 482-484.

Rao, M.S., Tuyen, M.H., Stevens, W.F. and Chandrkrachang, S. Deproteination by mechanical, enzymatic and Lactobacillus treatment of shrimp waste for production of chitin. Chitin and Chitosan: Chitin and Chitosan in Life Science. Yamaguchi 2001; 301-304.

Wanichpongpan, P., Suriyachan, K. and Chandrkrachang, S. Effects of chitosan on the growth of gerbera flower plant (Gerbera jamesonii). Chitin and Chitosan: Chitin and Chitosan in Life Science. Yamaguchi 2001; 198-201.

Lertsutthiwong, P., Ng, C.H., Chandrkrachang, S. and Stevens, W.F. Effect of chemical treatment on the characteristics of shrimp chitosan. Journal of Metals, Materials and Minerals 2002; 12(1): 11-18.

Lertsutthiwong, P., Stevens, W.F. and Chandrkrachang, S. The utilization of chitosan for the production of high quality paper. Proc. 2nd Thailand Materials Science and Technology Conf., Bangkok 2002; 146-147.

Lertsutthiwong, P., Chandrkrachang, S. and Stevens, W.F. Improved surface properties of printing paper using chitosan. Proc. of 5th Asia Pacific Chitin-Chitosan Symposium, Bangkok 2002. (In press).
kimzagass
ตอบตอบ: 23/10/2009 9:41 pm    ชื่อกระทู้:

ที่ว่ามานี่มันไม่ใช่ "ไคโตซาน" นะ แล้วมันคืออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน
วิเคราะห์แล้วน่าจะมี "ไนโตรเจน" กับ "คาร์บอน" อีกนิดหน่อยเท่านั้น

โถ.....เวรกรรม
ลุงคิมครับผม
Aorrayong
ตอบตอบ: 23/10/2009 8:48 pm    ชื่อกระทู้:

ที่มาhttp://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J8284770/J8284770.html

ไคโตซาน...................ทำเองก็ได้ง่ายกว่าเห็นๆ... vote [ถูกใจ] [แจ้งลบ]
ไปแอบดูกระทู้ชาวบ้าน ที่หว้ากอมาเจอกระทู้นี้เข้าน่าสนใจดี
เลยแอบเอามาให้พี่ๆ น้องๆ พ้องเพื่อนได้ดูกันครับ... ^^



ปัจจุบัน โรงงานอาหารทะเลบ้านเราทำไคโตซานขายกันเยอะพอสมควร
ราคาตกลงมาอยู่ที่กิโลละไม่ถึงพันบาทแล้ว ล่าสุดดูในเนต ราคาปลีก
ไคโตซานผงอยู่ที่โลละ 600-700 บาท

การผสมจากไคโตซานผง
ก่อนอื่นก็ซื้อไคโตซานผงมาก่อน โดยติดต่อโรงงานต่างๆที่ขายอยู่ในเนต
ถ้ารวมๆซื้อกันแบบกระสอบได้ก็จะคุ้มหน่อย

วิธีใช้งานแบบที่ ๑
ไค โตซาน 1 กก ละลายน้ำส้มสายชู 1 ลิตร ต้มให้เดือด กวนๆ ทิ้งไว้ข้ามคืน
จะออกเป็น ของหนืดๆ เหนียวๆ ถ้าละลายไม่หมด ก็เติมน้ำส้มลงไปอีก ...
เอาทั้งหมดเทใส่ถังใหญ่ เติมน้ำลงไปให้เป็น 50 ลิตร กวนๆ จะได้ไคโตซาน 2%
น่าจะเป็นความเข้มข้นที่ใกล้เคียงกับของ red crap ในราคาลิตรละประมาณ 14 บาท
(red crap ขายลิตรละสามร้อยถึงสี่ร้อยบาท) ใช้งานแบบเดียวกันคือผสม 20 cc ใน
น้ำ 20 ลิตรสำหรับการฉีดพ่นในนาข้าว นอกจากนี้ยังใช้ฉีดพ่นกล้วยไม้หรือเคลือบผล
ไม้ได้อีกด้วย

จากคุณ : PUF
tumburirum
ตอบตอบ: 23/10/2009 12:00 am    ชื่อกระทู้:

-
การฉีดไคโตซานเดือนที่ 1, 2, 3, ออกรวง นั้น จะทำให้ข้าวได้ผล
อย่างไรครับ?


ก็อปมาจากคำโฆษณานะครับ เพราะเป็นเกษตรกรมือใหม่จริงๆ เลย
ไม่ค่อยรู้ จบอิเล็กทรอนิกส์มา

ประโยชน์ไคโตซานพืช
ออกฤทธิ์เป็นตัวกระตุ้นเซลล์ของพืชให้กินอาหารได้ดีขึ้น เร่งราก ลำ
ต้น ใบ ดอก และผล ทำให้พืชโตไว โตเร็ว ใบเขียวเข้ม ผลดอก ขั้วเหนียว
เพิ่มผลผลิตสูง พืชแข็งแรง ทานต่อโรคแมลง และ ศัตรูพืช เคลือบเมล็ด
ป้องกันเชื้อรา ป้องกันและกำจัดโรคที่จะเข้าทำลายเมล็ดและต้นอ่อน เพิ่ม
เปอร์เซ็นการงอกของเมล็ด เร่งรากสำหรับกิ่งชำหรือกิ่งตอน แช่ปลายกิ่งชำ
ทาน้ำยาเข้มข้นที่บริเวณรอยควั่นป้องการและกำจัดแมลง กลิ่นเฉพาะของ
ไคโตซาน แมลงมื่อได้กลิ่นจะบินหนี ทำให้พืชผลิตน้ำย่อย

ไคติเนส (chtinase) ป้องกันและกำจัดโรคพืช ช่วยเสริมให้พืชสร้างสารต่อ
ต้านโรคพืช เช่นไฟโตอะเล็กซิน ไคติเนส มีผลให้เชื้อราอ่อนแอลงเนื่อง
จากสร้าง RNA ได้น้อยลง เป็นปุ๋ยให้แก่พืช เป็นธรรมชาติที่ไม่เสถียรย่อย
สลายได้ง่าย ปลดปล่อยธาตุ ไนโตรเจนแก่ดิน ตรึงไนโตรเจน พืชได้รับกระ
บวนการตรึงในโตรเจนของไรโซเบียมในปมรากสามารถดูดซึม ธาตุอาหาร
พืชในดินหลายชนิด โปแตสเซียม แมกนีเซียม ฟอสเฟต แคลเซียม. เหล็ก.
ไนเตรท.

ช่วยปรับสภาพดินให้ดีขึ้น ดินที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก PH5.5-6.3 ฟื้นฟู
จุลินทรีย์ในดิน Effeetive micro-organisms,Actiomycetes. Sp Trichoderma sp
p., Zymogenous. ลดปริมาณจุลินทรีย์ที่เป็นโรคพืช Furarium-Phythopthora spp

- เว็บไซต์ที่คุยเรื่องการทำไคโตซานเองคือเว็บไหนครับ? สอนทำอย่างไรครับ?
http://www.are101.org ก็เลยมารู้จักเว็ปนี้
http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J8284770/J8284770.html

- หลังจากที่พี่ tumburirum ออกมาทำนา เสียงตอบรับจากคนรอบตัวเป็นอย่างไร
ครับ? มี อุปสรรคไหมครับ?
มีแต่คนถามว่าเมื่อไหร่จะไปกรุงเทพ


ปล.ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ของพี่ tumburirum หายไวๆ นะครับ

ขอบคุณครับ หัวใจแกเต้นประมาณ 20-30 ครั้งต่อนาที ตอนนี้ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ
แล้ว เต้นอยู่ประมาณ 60-120 ครั้งต่อนาที ใช้ชีวิตได้เป็นปกติแต่ไม่ให้ทำงานหนักครับ