ผู้ส่ง |
ข้อความ |
kimzagass |
ตอบ: 15/07/2010 9:49 pm ชื่อกระทู้: |
|
กำจัดวัชพืชในนาข้าว
หลักการและเหตุผล :
วัชพืช คือ พืชชนิดหนึ่งที่เกิดหรือขึ้นในที่ๆไม่ต้องการ มีวัฏจักรชีวิต (เกิด แก่ เจ็บตาย ขยายพันธุ์)และต้องการปัจจัยพื้นฐาน (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค) เช่นเดียวกับพืชอื่นๆ และพืชที่ถูกเรียกว่าวัชพืชมักเจริญเติบโตดีกว่าพืชหลักที่คนปลูก ในความเป็นจริงนั้น ปัจจุบันยังไม่มียาฆ่าหญ้าหรือ สารกำจัดวัชพืชใดๆ ในโลกนี้ สามารถฆ่าหรือกำจัดวัชพืชให้ตายอย่างเด็ดขาดแน่นอนได้เมื่อใช้ตามอัตราที่ระบุบนฉลาก อาการที่เห็นนั้นเป็นเพียงใบไหม้เท่านั้น ในขณะที่ หัว-เหง้า-เมล็ด ยังอยู่ ซึ่งไม่นานก็จะแตกยอดแทงหน่อขึ้นมาใหม่
ดังนั้น การโฆษณาว่ายาฆ่าหญ้าหรือสารกำจัดวัชพืชชนิดนี้หรือชนิดนั้นสามารถกำจัดได้ถึงรากและเหง้าจึงเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงโฆษณาชวนเชื่อทั้งสิ้น และผู้ใช้ก็โกหกตัวเองว่าได้ผล
นอกจากนี้ ยาฆ่าหญ้าหรือสารกำจัดวัชพืช (ทุกชนิดหรือทุกยี่ห้อในท้องตลาด) ให้ผลเสียมากกว่าผลดี อาทิ มีสถานะเป็นกรดจัดจึงทำให้ดินเป็นกรด.....เป็นพิษต่อจุลินทรีย์ในดิน......ทำให้เดินเสียสมดุล.....เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคพืช.....สภาพแวดล้อมบริเวณใกล้เคียงเสีย....ละอองเป็นพิษต่อพืชประธาน
วิธีการกำจัดหญ้าหรือวัชพืชที่ได้ผลที่สุด ซึ่งนอกจากไม่ส่งผลเสียดังกล่าวแล้วยังส่งผลดีแบบยั่งยืนระยะยาวนานอีกด้วย นั่นคือใช้มาตรการปรับเปลี่ยนหรือตัดวงจรปัจจัยพื้นฐานไม่ให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของหญ้าหรือวัชพืชเท่านั้น ได้แก่......
ล่อให้งอกแล้วทำลาย :
หลังเกี่ยวข้าวแล้วให้ปล่อยน้ำเข้าพอหน้าดินชื้นโดยไม่ต้องไถ จากนั้นบรรดาพืชทุกชนิด (เมล็ดหญ้า เมล็ดข้าวร่วงและหน่อวัชพืช) จะงอกขึ้นมา ปล่อยให้พืชทุกอย่างงอกอย่างอิสระหรือเปิดโอกาสให้งอกมากๆ มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะเมล็ดวัชพืชบางชนิดงอกเร็ว บางชนิดงอกช้า
ย่ำเพื่อทำลาย :
เมื่อเห็นว่าบรรดาเมล็ดพืชทุกอย่างงอกขึ้นมาแล้ว และบรรดาหน่อวัชพืชต่างๆก็แทงยอดขึ้นมาจากเหง้าหรือไหลทั้งหมดแล้วด้วย ให้ปล่อยน้ำเข้าแล้วลงมือย่ำเทือกครั้งที่ 1 ย่ำเทือกให้ใบและต้นพืช (วัชพืชและข้าว) ทุกอย่างที่ขึ้นมาแหลกสลายลงไปคลุกกับเนื้อดิน เสร็จแล้วไขน้ำออกพอเหลือติดหน้าดิน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 7-15 วัน จะเห็นว่ายังมีวัชพืชบางส่วนงอกขึ้นมาอีกแต่จะน้อยกว่าครั้งแรกหลายเท่า
ปล่อยน้ำเข้าแล้วย่ำเทือกรอบ 2 ย่ำเพื่อทำลายใบและต้นวัชพืชเหมือนรอบที่ 1 ย่ำเทือกรอบ 2 เสร็จทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน ให้พิจารณา ถ้ายังมีวัชพืชขึ้นอีกมากก็ให้ไขน้ำเข้า
ย่ำเทือกรอบ 3 แต่ถ้าเห็นว่าวัชพืชลดลงจนเป็นที่น่าพอใจก็ไม่ต้องย่ำเทือกรอบ 3 ให้เตรียมการลงมือปลูก (หว่าน-ดำ) ได้เลย
หมายเหตุ :
พืชหรือวัชพืชใดๆที่งอกขึ้นมาจากเมล็ด เมื่อ ยอด-ใบ-ต้น ถูกย่ำทำลายไปแล้วจะไม่มีโอกาสงอกหรือเกิดใหม่อีกได้เลยตลอดชีวิต เพราะเมล็ดงอกได้เพียงครั้งเดียว ส่วนหน่อที่งอกขึ้นมาจาก หัว-เหง้า-ไหล ยอดที่งอกขึ้นมานั้นจะพัฒนาเป็น ต้น-ใบ ช่วยสังเคราะห์อาหาร ช่วงที่ยังไม่มีใบช่วยสังเคราะห์อาหารนั้น ต้นวัชพืชจะกินสารอาหารจาก หัว-เหง้า-ไหล ที่สะสมเอาไว้ เมื่อแตกยอดขึ้นมาทีไรเป็นถูกย่ำทำลายทุกครั้ง เพียง 2-3 รอบ ห่างกันรอบละ 7-10 วันเท่านั้น สารอาหารในหัว-เหง้า-ไหลที่เคยสะสมไว้หมด หัว-เหง้า-ไหล ก็เน่าสลายหมดโอกาสแตกยอดใหม่อีกตลอดกาล
การใช้จุลินทรีย์เป็นตัวช่วยย่อยสลายเศษ ใบ-ต้น-หัว-เหง้า-ไหล ที่ถูกย่ำให้เปื่อยยุ่ยแล้วกลายเป็นปุ๋ย นอกจากจะไม่ทำลายสภาพโครงสร้างดินแล้วยังปรับปรุงสภาพโครงสร้างดินให้ดีขึ้นอีกด้วย ในขณะที่การใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ใดๆ แม้จะช่วยสลายเศษพืชได้แต่กลับทำให้สภาพโครงสร้างของดินเสียและเสียอย่างถาวรอีกด้วย
สรุป :
1.ทำลายวัชพืชด้วยวิธีการบำรุงให้งอกแล้วย่ำทำลาย โดยการทำเทือกหลายๆรอบแต่ละรอบจำนวนวัชพืชจะลดลงและลดลงเรื่อยๆจนกระทั่งหมดไปนั่นเอง
2. ถอนด้วยมือ หลังจากกำจัดวัชพืชส่วนใหญ่ด้วยวิธีทำเทือกย่ำทำลายแล้ว เมื่อต้นข้าวเจริญเติบโตขึ้นมา วัชพืชประเภทงอกช้าอาจจะยังหลงเหลืออยู่ก็จะงอกขึ้นมาให้เห็นอีก การกำจัดในขั้นตอนนี้ต้องใช้วิธีเดินเข้าไปในแปลงแล้ว "ถอนด้วยมือ" เท่านั้น ซึ่งวิธีถอนด้วยมือนี้นอกจากจะเป็นการกำจัดได้อย่างสิ้นซาก (ไม่มีโอกาสงอกใหม่อีกเลยตลอดชีวิต) แล้ว ยังไม่ทำลายสภาพโครงสร้างดินอีกด้วย ในนาดำช่วยให้การกำจัดวัชพืชด้วยวิธีถอนด้วยมือทำได้ง่ายกว่านาหว่าน
3. ป้องกันกำจัดหญ้าหรือวัชพืชตัวใหม่ เมื่อในแปลงนาข้าวไม่มี "เมล็ด-หัว-เหง้า-ไหล" ของวัชพืชที่จะเกิดใหม่ได้แล้ว เมล็ดแก่จากต้นวัชพืชบนคันนาหรือบริเวณข้างแปลงยังสามารถปลิวตามลมเข้าไปในแปลงแล้วเกิดเป็นต้นใหม่ขึ้นมาได้ กรณีนี้แก้ไขโดยการตัดหรือใช้ไม่เรียวฟาดก้านดอก ขณะที่ยังเป็นดอกอ่อนเพื่อทำลายดอกตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ให้เป็นดอกแก่แล้วมีเมล็ดขยายพันธุ์ได้
การใส่ปุ๋ยคอกมูลสัตว์กินหญ้า (วัว ควาย แพะ) มักมีเมล็ดพันธุ์วัชพืชปนมาด้วยเสมอ กำจัดเมล็ดพันธุ์วัชพืช โดยการหมักนาน 6 เดือน - 1 ปี เพื่ออาศัยจุลินทรีย์ทำลายชีวิตเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นก่อน ถ้าไม่มีเวลาหมักก็ให้ใช้เฉพาะ "น้ำมูลสัตว์" หมักก่อนหรือไม่หมักก็ได้ ราดรดลงบนเศษซากพืช (ฟาง ต้นถั่ว วัชพืช) ในแปลงหลัง หรือก่อนไถกลบก็ได้ หลังจากนั้น นอกจากเศษซากพืชจะกลายสภาพเป็นปุ๋ยคอกมูลสัตว์โดยไม่มีเมล็ดวัชพืชหรือพืชใดๆปนเปื้อนมาด้วยแล้ว ยังได้ทำให้คุณภาพของเนื้อปุ๋ยดีกว่ามูลสัตว์ที่มาจากสัตว์โดยตรงอีกด้วย
4. ข้าววัชพืช คือ วัชพืชชนิดหนึ่งที่เจริญเติบโตได้ดีมากในนาข้าว แต่ในแปลงเกษตรอื่นๆที่แม้จะมีสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยพื้นฐานด้านการเกษตรเหมือนนาข้าวกลับไม่เจริญเติบโต มีชื่อตามภาษาท้องถิ่น เช่น ข้าวนก. ข้าวหาง. ข้างเด้ง. ข้าวลายหรือข้าวแดง. ข้าวป่าหรือข้าวละมาน. (คำว่า ข้าวนก หมายถึงสายพันธุ์ข้าวที่ใช้เลี้ยงนกเขา หรือ นกสวยงามในกรง.........แต่คำว่า ข้าววัชพืช เป็นชื่อที่ทางราชการกำหนด)
ดังกล่าวข้างต้นแล้วว่า ปัจจุบันนี้ยังไม่มีสารเคมีใดในโลกสามารถกำจัดข้าววัชพืชโดยเฉพาะได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์
ลักษณะเด่นของข้าววัชพืชในแปลงนาข้าว :
- งอกหลังต้นข้าว (นาหว่าน) 8-10 วัน แต่เจริญเติบโตเร็วกว่าต้นข้าวแล้วเป็นต้นแก่มีเมล็ดขยายพันธุ์ได้ก่อนต้นข้าว หรือ เกิดทีหลังแต่แก่ก่อน
- สายพันธุ์เดียวกันแต่เมล็ดพันธุ์บางเมล็ดอยู่ได้นาน (1-12 ปี)โดยไม่เสื่อมความงอกในขณะที่บางเมล็ดงอกได้เร็ว หรือ พักตัว/ไม่พักตัว....พักตัวนาน/พักตัวไม่นาน
- ไม่มีโรคและแมลงศัตรูหรือมีน้อยมาก
- เปอร์เซ็นต์ความงอกสูงมาก แม้เมล็ดที่ยังแก่ไม่จัดก็สามารถงอกได้
- ปรับตัวให้ต่ำกว่าหรือสูงเท่ากับต้นข้าวเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกกำจัดได้ดี
- จากเมล็ดข้าววัชพืช 1 เมล็ด ในนาข้าวรุ่นที่ 1 ขยายพันธุ์ต่อเนื่องถึงทำนารุ่นที่ 6 จะมีเมล็ดมากถึง 31,250,000,000 เมล็ด
วิธีกำจัดข้าววัชพืช :
- ล่อให้งอกแล้วย่ำทำลายด้วยวิธีย่ำเทือก ย่ำซ้ำหลายๆรอบเพื่อกำจัดวงรอบหรือวัฏจักชีวิต
- เปลี่ยนจากการทำนาหว่านมาเป็นนาดำ ทั้งนี้ นาดำ 1 รุ่น กำจัดข้าววัชพืชได้กว่า 90 % จากนั้นใช้วิธีถอนด้วยมือก็จะทำให้ต้นข้าววัชพืชหมดไปจากแปลงนาได้
- ถอนด้วยมือ (นาดำทำได้ง่ายกว่านาหว่าน)
- ป้องกันเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่จากแหล่งภายนอก เช่น เมล็ดพันธุ์ รถเกี่ยว และจากแปลงข้างเคียง |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 15/07/2010 8:40 pm ชื่อกระทู้: |
|
นาดำ ...... เนื่องจากต้นข้าวแต่ละกอขึ้นห่างกัน ทำให้มีช่องทางเดินเข้าไปถอนด้วยมือได้....
นาหว่าน.... เนื่องต้นข้าวแต่ละกอขึ้นชิดกันมาก ทำให้ไม่มีช่องทางเดินเข้าไปถอนด้วยมือได้ แต่ถ้าคนเข้าใจ เขาจะยอมเหยียบย่ำทิ้งไปบ้าง เพื่อให้กอข้าวห่างๆ กัน
นาดำ-นาหว่าน ..... ก่อนลงมือดำหรือก่อนลงมือหว่าน คุณต้องทำเทือกก่อนเหมือนกันใช่ไหม
จังหวะทำเทือกน่ะ ย่ำเทือกหลายๆรอบ 2 รอบ 3 รอบ 4 รอบ ห่างกันรอบละ 7-10 วัน การย่ำเทือกทำให้วัชพืชตายได้ไหม.....กำจัดวัพืชให้เรียบร้อยเด็ดขาดก่อน เมือต้นข้าวโตขึ้นมาแล้วจะมีวัชพืชขึ้นอีกได้ไหม ไม่ว่านาดำนาหว่าน มันก็นาเหมือนกันนั่นแหละ
ทำไมยังเอา นาดำกับนาหว่าน มาเกี่ยวกับการกำจัดวัชพืชอยู่อีกล่ะ ยังมองไม่เกมส์ออกอีกหรือ
ลุงคิมครับผม |
|
|
toto |
ตอบ: 15/07/2010 8:10 pm ชื่อกระทู้: |
|
ขอบคุณ ลุงคิม คุณอ๊อด มากครับ
พรุ่งนี้ผมโทรคุยกับคุณคำรณก่อนครับ ลุงคิมตอบผมพอจะเข้าใจแล้วครับ
พอดีผมติดปัญหากับผู้ใหญ่ทีบ้านครับ เรื่องฉีดยาฆ่า คุมวัชพืช
ผมไม่ฉีดเขาก็เลยห่วงๆๆครับ ( บ่น ) ผมก็เลยคิดว่าถ้าทำนาดำอาจจะคุมวัชพืชใด้บ้าง
เผื่อจะไม่ต้องโดนสวดยับครับ เพราะตอนนี้ผมยังไม่มั้นใจในตัวเองว่าตัวเองจะกำจัด
วัชพืชใด้มากแค่ใหน ยังไงก็สู้ต่อครับ
ขอบคุณมากครับ
ปล.กำลังหาข้อมูลเครื่องหยอดข้าวปลูกแช่น้ำนาน้ำตม |
|
|
eawbo |
ตอบ: 15/07/2010 8:09 pm ชื่อกระทู้: |
|
แต่ละกระทู้น่าสนใจและให้ความรู้ สนใจและอ่านทุกกระทู้ แต่ตอนนี้ได้เวลาฟังวิทยุ |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 15/07/2010 7:16 pm ชื่อกระทู้: |
|
ริมถนนทางไปไร่กล้อมแกล้ม นาแปลงหนึ่งขนาด 200 ไร่ ระแคะระคายว่าเจ้าของเป็นผู้จัดการธนาคาร นาแปลงนี้มีรถไถแบบโรตารี่ รถดำนา เป็นของส่วนตัว ไม่ได้รับจ้าง
สังเกตุต้นข้าวดูผลผลิตแล้วก็งั้นๆ แหละ ก็ไม่รู้นะว่าเจ้าของเขาบำรุงอย่างไร ทั้งๆที่รถไถ รถดำนา ก็วิ่งผ่านหน้าไร่กล้อมแกล้มประจำ ก็แสดงว่าเจ้าของไม่รู้ว่าที่ไร่กล้อมแกล้มมีอะไร
คนไม่รู้ก็คือคนไม่รู้ ถือเป็นเรื่องธรรมดา..... แต่ชาวบ้านที่รู้ แต่ไม่เข้ามาหานี่สิ ยิ่งธรรมดาใหญ่เลย...ว่ามั้ย
ติดอะไรเท่าเขาจะได้น้อยกว่าเขา แต่ถ้าคิดอะไรเหนือกว่าเขาเพียงก้าวเดียวจะเหนือกว่าเขามาก
ว่าไหมอ๊อด
ลุงคิมครับผม |
|
|
ott_club |
ตอบ: 15/07/2010 6:48 pm ชื่อกระทู้: |
|
คำพูด: | เคยเจอมา คนรับจ้างดำนา ใช้รถดำเขาใช้ต้นกล้าเล็กมาก และดำลอยเยอะ ต้นกล้าเหมือนไม่ค่อยสมบูรณ์ ต้นกล้าปักในนาตื้น ครับ |
ที่ลุงคิมเขียนบอกมาก็ถูกต้องครับ
แต่โดยปกติรถดำนามันจะสามารถปรับการปักดำได้ทุกขนาดครับ ไม่ว่าจะเป็นความลึกในการปักดำ ความห่างระหว่างกอ(ห่างสุดน่าจะประมาณเกือบๆ ฟุต) จำนวนต้นกล้าที่จะปักลงไป แสดงว่าที่คุณโตโต้เคยเจอมาคนขับฝีมือไม่ถึงมังครับ ต้นกล้าที่ใช้รถปักดำถ้าคนขับเก่งๆ ผลงานที่ออกมาผมว่าดีกว่าคนดำอีกนะครับ อายุต้นกล้าที่ใช้รถปักดำจะอยู่ที่ประมาณ 15 วัน เพราะฉนั้นคุณจึงเห็นว่ามันต้นเล็กๆ ครับ รถดำแบบเดินตามผลงานออกมาจะดีที่สุดครับในบรรดารถดำด้วยกัน
ผมว่าปัจจุบันคนเริ่มเห็นประโยชน์ของการทำนาดำมากขึ้นนะครับ คุณออกรถดำสักคัน(แบบเดินตาม) ทำของตัวเองให้เห็นผล แล้วขยายสู่ข้างบ้าน ขยายสู่ตำบล น่าจะเวิร์คครับ
ไม่มีนาสักกะหน่อยแต่รู้ดีไปโหมดดด
อ๊อดครับ |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 15/07/2010 6:24 pm ชื่อกระทู้: |
|
ที่คุณอ๊อดบอกว่าลงทุนซื้อ "รถดำนา" แล้วรับจ้างดำนาซี่ เห็นรวยมาหลายรายแล้ว....คำกล่าวนี้เมื่อก่อนซัก 4-5 ปี ถือว่าถูกต้องอย่างมากๆ ครั้นมาวันนี้ ปัจจัยต่างๆเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะทัศนะคติของชาวนา
เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว "รถดำนา" กับ "ไถกลบฟาง" HOT-HIT มาก ที่ไหนๆ ก็ทำนาแบบ "ไถกลบฟาง" แล้วดำนาด้วยรถ การไถกลบฟางทำให้ได้อินทรีย์วัตถุปรับปรุงบำรุงดิน การดำนาด้วยรถดำนาทำให้ประหยัดต้นทุนกว่านาหว่าน (เทียบผลผลิตที่ได้รับกับรายจ่ายอื่นๆ).... การทำนาข้าวนั้น ขี้เทือกกับรถดำต้องสัมพันธ์กันระหว่างความลึหรือความหนาของขี้เทือก กับ น้ำหนักรถดำนา
ขี้เทือกลึกหรือหนามากๆ รถดำติดหล่ม หรือก็วิ่งเป๋ไปเป๋มาทำความเสียหายแก่ต้นกล้าที่ดำไปก่อนได้ ....... ความลึกหรือความหนาของขี้เทือกไม่เท่ากันทุกจุด แม้ดินผิวด้านบนจะราบเรียบมองเห็นได้ แต่ด้านล่างสุดของขี้เทือกลึกไม่เท่ากัน อันนี้เป็นผลงานของจุลินทรีย์ในการย่อยสลายอินทรีย์วยัตถุ เมื่อรถดำนาวิ่งไปตรงจุดที่ขี้เทือกลึกกว่าปกติก็เกิดอาการเป๋หรือไม่ก็ติดหล่มอีก
ปัญหาขี้เทือกลึกเกินนี้ เรื่องของเรื่องก็คือ ชาวนาเล่นไถกลบฟางแบบไม่บันยะบันยัง ไถกลบฟางแล้ว 1 รุ่น 2 รุ่น ได้ขี้เทือกลึกครึ่งหน้าแข้งซึ่งถือว่าพอดีแล้วไม่พอ พ่อยังเล่นไถกลบ 3 รุ่น 4 รุ่น 5 รุ่นติดต่อกัน จนขี้เทือกลึกท่วมหัวเข่า รถดำจึงเข้าทำงานไม่ได้
ลุงคิมเคยพูด (รายการวิทยุ - บรรยาย - เขียน) อยู่เสมอว่า..... นาข้าวที่ได้ข้าวเปลือก 100 ถัง จะมีฟางประมารณ 1,200 กก. (งานวิจัย : จุฬาลงกรณ์ฯ) เมื่อไถกลบฟาง 1 รุ่น หรือ 2 รุ่นติดต่อกันแล้วให้สังเกตุขี้เทือก ถ้าขี้เทือกลึกได้ประมาณครึ่งหน้าแข้งหรือเหนือตาตุ่มแล้วก็ให้หยุดการไถกลบฟางแต่ให้เอาออก (เอาออกไปทำอะไร .....ไม่พูด)
นี่คือคำตอบ วันนี้หารถรับจ้างดำนาทำยายากมาก
อ่าน LINE ธรรมขาติของต้นข้าวให้ออก ประเด็น "นาดำ (รถ/คน)" กับ "นาหว่าน (คน/เครื่อง)" ไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้ได้ผลผลิตมากหรือน้อยต่างกัน ระยะห่างระหว่างต้น ระหว่างแถว ของต้นข้าวแต่ละกอต่างหากที่เป็นปัญหา ....... ดำด้วยรถหรือมือคนต้นข้าวห่างกัน 1 ข้อนิ้วมือ กับนาหว่านแต่ต้นข้าวห่างกัน 1 ศอกแขน อย่างไหนต้นข้าวโตแล้วให้ผลผลิตดีกว่ากัน
เมื่อไม่มีรถดำ ไม่คนรับจ้างดำ จำเป็นต้องหว่าน ก็ต้องมาพิจาณาว่า หว่านอย่างไรให้เมล็ดข้าวตกลงพื้นห่างกัน 20-25 ซม. เสมอกันทั้งแปลงได้..... หว่านด้วยมือคนเดินสาด หรือหว่านด้วยเครื่องพ่นเมล็ด ที่สามารถปรับระยะห่างหรือระยะกระจายของเมล็ดข้าวได้
เรื่องกำจัดวัชพืช อย่าเข้าใจว่า ทำนาดำแล้ววัชพืชไม่ขึ้นเอง แต่ทำนาหว่านแล้วต้นวัชพืชขึ้นเองได้ มันคนละเรื่อง และคนละขั้นตอนกัน
ดำกล้าลงไปแล้วต้นกล้าลอย อันนี้เกิดจากขี้เทือกลึกไม่เท่ากันจนรถดำเป๋ไปเป๋มา มือจับกล้าของรถดำจึงปักกล้าลงได้ลึกไม่เท่ากัน มือจับบางอันปักลงดินได้ แต่บางครั้งปักลงไปไม่ถึงเนื้อดินก็อยู่บนน้ำ ถ้าขี้เทือกด้านล่างกับด้านบนลึกและราบเรียบเท่าๆ กันซี่ รถดำก็จะทำงานได้ดีตามสเป็คที่เขาสร้างมา แม้แต่คนดำด้วยมือก็เถอะ ถ้าปักต้นกล้าลงไปไม่ลึกพอ ต้นกล้าก็ลอยได้เหมือนกัน
ล้อรถดำเป็นซี่เหล็กแคบจึงจมโคลนง่าย ต่างกับล้อรถเกี่ยวที่ล้อเป็นสายพานตีนตะขาบกว้าง จึงไม่จมโคลน
นาดำ - นาหว่าน เมื่อได้รับการบำรุงเหมือนกันย่อมให้ผลผลิตเหมือนกัน แต่หากบำรุงเหมือนกันแต่ผลผลิตต่างกัน อันนั้นขึ้นอยู่กับ "ปัจจัยพื้นฐาน" ว่าด้วย "ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค" ต่างหาก
ลุงคิมครับผม
ปล.
อ.สามชุก สุพรรณบุรี ติดต่อไปที่ "คำรณ" (035)504-172 ฉายาทำนาแบบเจ้าพระยา |
|
|
toto |
ตอบ: 15/07/2010 2:45 pm ชื่อกระทู้: |
|
[quote="ott_club"]ถ้าแถวนั้นหารถดำยาก ก็แสดงว่าพื้นที่นั้นรถดำน้อย แล้วแบบนี้ทำไมคุณไม่ซื้อรถดำนาออกรับจ้างซะเลยก็สิ้นเรื่อง ผมว่ารายได้ดีกว่าทำนาอีกนะครับ ลงทุนรถดำ ถาดเพาะกล้า และความรู้อีกนิดหน่อย รวยไม่รู้เรื่องนะทำเป็นเล่นไป ผมเห็นมาหลายรายแล้ว[/quote
สวัสดีครับ
แถว อ.สามชุกตอนนี้เขายังนิยมหว่านอยู่ครับ เขายังคิดว่าถ้าหว่านใด้ปริมาณต้นข้าวเยอะ
ต้นข้าวเยอะเขาคิดว่าใด้รวงข้าวเยอะ เลยยังนิยมหว่าน
และ ทำนาดำต้นทุนครั้งแรกสูงกว่านาหว่าน ไม่ใด้คิดถึงค่ากำจัดวัชพืช
ถ้าหน้าใหนเห็นว่าวัชพืชเยอะถึงจะทำนาดำ
เคยเจอมา คนรับจ้างดำนา ใช้รถดำเขาใช้ต้นกล้าเล็กมาก และดำลอยเยอะ ต้นกล้าเหมือนไม่ค่อยสมบูรณ์ ต้นกล้าปักในนาตื้น ครับ
ส่วนตัวผม ความรู้ยังน้อย งบประมาณก็ยังน้อยอยู่ครับ ยังไม่กล้าคิดการใหญ่ครับ |
|
|
ott_club |
ตอบ: 15/07/2010 2:19 pm ชื่อกระทู้: |
|
ถ้าแถวนั้นหารถดำยาก ก็แสดงว่าพื้นที่นั้นรถดำน้อย แล้วแบบนี้ทำไมคุณไม่ซื้อรถดำนาออกรับจ้างซะเลยก็สิ้นเรื่อง ผมว่ารายได้ดีกว่าทำนาอีกนะครับ ลงทุนรถดำ ถาดเพาะกล้า และความรู้อีกนิดหน่อย รวยไม่รู้เรื่องนะทำเป็นเล่นไป ผมเห็นมาหลายรายแล้ว |
|
|
toto |
ตอบ: 15/07/2010 1:16 pm ชื่อกระทู้: |
|
สวัสดีครับ ลุงคิม และทุกคน
ลุงครับผมรบกวนหน่อยครับ ลุงช่วยแนะนำ เจ้าที่รับจ้างดำนาด้วยรถดำ
คุณภาพข้าวกล้าดีหน่อย รบกวนคุณลุงโพส เบอร์โทรให้หน่อยนะครับ
แล้วผมจะโทรไปติดต่อเขาครับ
ขอบพระคุณมากครับ |
|
|
somchai |
ตอบ: 14/07/2010 10:06 pm ชื่อกระทู้: |
|
รบกวน คุณ toto บันทึกข้อมูล ทั้งหมดไว้ด้วยนะครับ รวมทั้งภาพด้วย
ขอบคุณครับ |
|
|
toto |
ตอบ: 12/07/2010 6:49 pm ชื่อกระทู้: |
|
kimzagass บันทึก: |
... 100 กำลังใจไม่เท่า 1 มั่นใจ ...
นาข้าวขายเป็นข้าวปลูก 2 ไร่ เพิ่มเป็น 4 ไร่ ขยับเป็น 10 ไร่ ด้วยแรงงานสองคนผัวเมียทำได้ไหม ?
ลุงคิมครับผม |
สวัสดีครับ
ต้องขอเวลาขัดเกลาสักพักใหญ่ๆๆครับ แต่ตั้งเป้าจะไปให้ถึงครับ
แค่สองยังไม่แน่ใจครับอาจจะต้องขอตัวช่วยครับ
ตอนนี้เริ่ม ล่อให้งอก อยู่ครับ แล้วจะเข้ามาขอความรู้เรื่อยๆๆครับ
ขอบคุณมากครับ |
|
|
somchai |
ตอบ: 11/07/2010 10:10 pm ชื่อกระทู้: |
|
นี่ละครับ รอยยิ้มที่สดใส จากสมาชิกสีสันชีวิตไทยที่แท้จริง รวมๆแล้วทำนาเกือบๆร้อยไร่ บอกกับผมว่าทำนา
ตามแนวทาง สีสันชีวิตไทยมานานแล้ว เลยได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ไงครับ
ผมกะว่าไป ครานี้ จะเจอสมาชิก แบบนี้ละครับ แต่ถามๆพี่ชาตรี กับ พี่ วินัย ก็บอกไม่เห็นสมาชิก นาข้าว มาเลยวันนี้ |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 11/07/2010 9:31 pm ชื่อกระทู้: |
|
.................. 100 กำลังใจไม่เท่า 1 มั่นใจ ..................
นาข้าว 2 ไร่ ขายเป็นข้าวปลูก ได้มากกว่านาข้าว 5 ไร่ ขายส่งโรงสี..... นี่คือสัจจธรรมที่ใครๆ ก็ไม่อาจปฏิเสธ และนี่คือแสงสว่างปากถ้ำที่ต้องไปให้ถึง
หลักการและวิธีการตามที่ลุงคิมให้นั้น.....
- ความยากที่จะเข้าใจ เกิดจากใจที่ไม่ยอมรับ ไม่ยอมปรับเปลี่ยน บางคนเรียกว่า "ยึดติด"
- การที่จะแวกวงล้อมออกมาจากวังวนเดิมได้ ต้องอาศัย "ตัวของตัวเอง" เท่านั้น
- จงวิเคราะห์แนวทางที่ลุงคิมแนะ โดยเอาความจริงมาเป็นหลัก แล้วตัดสินใจเลือกทางเดิน
ขยัน-อดทน-มีหลักการ เท่านั้น จึงจะนำพ่าไปสู่เป้าหมายได้
นาข้าวขายเป็นข้าวปลูก 2 ไร่ เพิ่มเป็น 4 ไร่ ขยับเป็น 10 ไร่ ด้วยแรงงานสองคนผัวเมียทำได้ไหม ?
ลุงคิมครับผม |
|
|
toto |
ตอบ: 11/07/2010 4:17 pm ชื่อกระทู้: |
|
สวัสดีครับ ลุงคิม คุณสมชาย และทุกคน
วันนี้ต้องขอขอบพระคุณมากครับ ใด้พบกับพี่ชาตรี พี่สมบัติ ลุงอู๊ด คุณนิรชา คุณจุ๋มและหลายคน
ต้องขอขอบคุณอีกครั้งครับ ผมต้องขึ้น บทที่สาม ให้ใด้ครับ
ตอนนี้เตรียมตัวย่ำเทือกรอบแรก คืบหน้ายังไงผมจะมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆครับ
ขอบคุณครับ |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 11/07/2010 8:30 am ชื่อกระทู้: |
|
6 ประสบการณ์ตรง.....พอหรือยัง ?
ลุงคิมครับผม |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 10/07/2010 8:01 pm ชื่อกระทู้: |
|
ไม่รู้ซี คิดเอาเอง.....
ทำอย่างเดิม ได้น้อยกว่าเดิม....
ขยันมาก ได้มาก - ขยันน้อย ได้น้อย....
ขี้เกียจ ไม่ได้ข้าวแต่ได้หนี้....
ปลูกพืชตามใจพืช ไม่ใช่ตามใจคน.....
ทำแล้วทำให้จริง ทำไม่จริง ไม่ทำดีกว่า....
นาข้าวประณีต รวยมาหลายรายแล้ว....
ลุงคิมครับผม |
|
|
toto |
ตอบ: 10/07/2010 6:32 pm ชื่อกระทู้: |
|
สวัสดีครับ
ผมใด้อ่านประสบการณ์ตรงของลุงคิมแล้วครับ ผมตั้งใจไว้แล้วครับฉีดพ่นบ๋อยแค่ใหนก้ไม่หวั่น
เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วครับพร้อมสู้ครับ
พรุ่งนี้พบกันนะครับ คาดว่าผมน่าจะถึงวัดส้มเกลื้ยงไม่น่าจะเกินเที่ยงครับ
ขอบคุณครับ |
|
|
somchai |
ตอบ: 09/07/2010 7:38 pm ชื่อกระทู้: |
|
5555 ผมจะไปฟังลุง ทางวิทยุ คร้าบบบบ ผมสื่อสารผิดเองครับ ถ้าอ่านดีๆ
โปรแกรมของลุง คือ จบรายการวิทยุ อาจจะมา |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 09/07/2010 7:13 pm ชื่อกระทู้: |
|
ลุงคิมไม่ได้ไปออกอากาศที่วัดส้มเกลี้ยงหรอกนะ ที่ ร.ร.วัดท่าตำหนักก็ไม่ได้ไป เพราะเห็นว่าอยู่ใกล้ๆ แต่ถ้าเป็นที่อื่นไกลๆ ก็ว่ากันไปอีกเรื่อง...... หรือแม้แต่ไปตัวเปล่าๆ ก็ยังเอาแน่ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับอารมย์น่ะ เรื่องนี้เอาแน่กับลุงคิมไม่ได้ ขืนใครฝากท้องมีหวังอดตายแน่ ..... ประมาณนั้น
ลุงคิมครับผม |
|
|
somchai |
ตอบ: 09/07/2010 7:10 pm ชื่อกระทู้: |
|
ผมกะว่าจะไปฟัง ลุงคิมพูดออกรายการที่นั่นเลยครับ นั่งจิบกาแฟร้อนๆ รอคุณ toto |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 09/07/2010 4:30 pm ชื่อกระทู้: |
|
ประสบการณ์ตรง-1
คราวๆไปบรรยายที่ ต.คลองมหาสวัสดิ์ จัดโดย จนท.เกษตร มีชาวนาโดยตรงมาฟังราว 50 คน บรรยายตั้งแต่เช้า (9 โมง) ถึง บ่าย 2 โมง....ครั้นถึงช่วง ถาม-ตอบ ข้อข้องใจ
- นาข้าวตั้งแต่ระยะกล้าถึงเก็บเกี่ยว ให้ฉีดืทางใบ 7 วันๆ/ครั้ง...
- 7 วันถี่ไป ขอเป็น 10 วันได้ไหมครับ ? .....
- ก็พอได้นะ....
- 10 วันก็ยังถี่ไป ขอเป็น 15 วันได้ไหมครับ ?.....
- ก็พอลุ้น ลองดู.....
- 15 วันก็ยังถี่ ไม่มีเวลา ของเป็น 1 เดือนได้ไหมครับ ?.....
- งั้นก็อย่าฉีด อย่าเฉิด แม่งเลย เอาไปเวลาไปทำอะไร เห็นเม้าท์การเมืองอยูที่ศาลาตอแหลโน่นแน่ะ
ประสบการณ์ตรง-2
ป้ากาญจน์ อยู่บางเลน ทำนา 50 ไร่ ประวัติเป็นหนี้เกือบล้าน ตัดสินจใจเด็ดขาดเปลี่ยนแนวมาทำตามลุงคิม ท่ามกลางเสียงคัดค้านแบบหัวชนฝาของสามี ถึงขั้นเกือบหย่ากัน แต่ป้ากาญจน์ ไม่ยอม ลงมือทำจนได้......นาข้าวแนว "อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสมของต้นข้าว" วิเคราะห์แนว "ลงทุนเพื่อลดต้นทุน" เพียง 2 รุ่น สามารถไถ่ถอนโฉนดกลับบ้านได้ คราวนี้สามีเสียงอ่อยๆ ครั้นทำรุ่นที่ 3 ได้เงินสด ป้ากาญขน์ ชวนสามีไปอู่รถ
- แกไปอู่รถกะข้าซักกะเดี๋ยวซี่.....
- แกจะไปทำไม ? ....
- อยากถอยรถมาใช้งานซักคันว่ะ.....
- แกไปคนเดียวเถอะ.....
ป้ากาญจน์ ก็เลยชวนลูกสาวให้ไปด้วย ไม่กี่ชั่วโมง ป้ากาญจน์ฯ กลับมาบ้าน พร้อม อีซูซุ ดีแม็กซ์.ป้ายแดง สีเขียวอมเทา ถึงบ้านโยนกุญแจให้สามี สามีไม่พูดซักคำ.....วันนั้นป้ากาญจน์ มาหาลุงคิมที่วัดส้มเกลี้ยง พร้อมด้วยดีแม็กซ์ป้ายแดง....ป้ากาญจน์ นั่งพับเพียบกับพื้น ขณะที่ลุงคิมกับอีกหลายๆคนนั่งเก้าอี้
- ลุงคิม ขอกราบที่ตักสักครั้งเถอะ.....
- เฮ่ย เฮ่ย เฮ่ย....อีกาญจน์ มันไม่ใช่เรื่องนะ....
- ลุงก็ดูซี่ ป้ายแดงคันนี้ซื้อเงินสด ไม่ใช่เพราะลุงคิมหรอกรึ.....
- ไม่ใช่ มึงทำของมึงเองต่างหาก.....
- ไม่รู้ละ ขอกราบลุงคิม แล้วลุงช่วยเจิมรถให้ฉันด้วย.....
- เฮ่ยยยย กูไม่ใช่พระนี่หว่า.....
ป้ากาญจน์ อายุอานามพอๆกับลุงคิม เมื่อไม่ได้กราบที่ตักจึงยกมือพนมขึ้นจรดหน้าผาก น้ำตาคลอเบ้า ลูกสาวอยู่ข้างๆบีบแขนแม่เหมือนเข้าใจ.....ป้ากาญจน์ฯ พูดต่อ
- โฉนดฉันก็ได้กลับคืนมาแล้ว.... เดี๋ยวนี้ ธ.ก.ส.มันเอารถมารับฉันไปบรรยายที่โน่นที่นี่ แทบทุกอาทิตย์ ตอนนี้ฉันมีรถเองแล้ว ไม่ต้องมารับ ฉันจะไปของฉันเองเหมือนที่ลุงคิมไป
- เอาวะกาญจน์ นาข้างบ้านเขาเอาด้วยไหม.....
- โอ๊ยยยย ไอ้พวกนั้นมันหยิ่ง เห็นกับตามันยังไม่เอาด้วยเลย....
- เออ งั้นถือว่าแกยังไม่ประสบความสำเร็จนะ ต้องทำให้ข้างบ้านเล่นด้วย นั่นแหละถึงจะเรียกสำเร็จ
วันดีคืนดี อาจได้ยินเสียงป้ากาญจน์ ออกอากาศที่วิทยุ มก. เอเอ็ม 1107 คู่กับคุณถวิล สุวรรณมณี พูดถึงนาข้าว โดยเน้นแนวทางปรัชญาการเกษตร ได้ฟังแล้วหลายคนอาจไม่เชื่อว่านั่นคือผู้หญิงสูงอายุที่มีความรู้พื้นฐานเพียง ป.4 สมัยเก่าเท่านั้น
ประสบการณ์ตรง-3
กลุ่มเกษตร ต.บางช้างใหญ่ สามพราน นครปฐม เข้ามาฟังบรรยายก็ดูเหมือนสนใจดี (ลุงคิมไปบรรยายนอกสถานที่) จึงให้แกนนำ (คุณสมมาตร) หาใครซักคนทำแปลงนาข้าวสาธิต ขอเนื้อที่ 5-10 ไร่ ข้างถนนใหญ่ เพื่องลุงคิมไปง่าย คนสัญจรไปมาเห็นง่าย มีข้อแม้....
1. เป็นนาดำ ดำด้วยเครื่องหรือมือก็ได้
2. ดำด้วยเครื่อง ลุงคิมช่วยออกค่าดำให้ครึ่งหนึ่ง
3. เลือกพันธุ์ข้าวตามใจชอบ
4. ให้ปุ๋ย/ฮอร์โมน ฟรี แช่เมล็ดพันธุ์ บำรุงในแปลงตั้งแต่ระยะกล้าถึงเกี่ยว
5. ให้สารสกัดสมุนไพรฟรี
6. ค่าแรงงาน ค่าน้ำมันเครื่องจักรกล เจ้าของนาออกเอง
7. ได้ข้าวมาเอาไปทั้งหมดเลย ถ้าได้น้อยกว่าที่เคยได้ ยินดีชดใช้จนเท่าที่เคยได้
8. ควบคุมระดับน้ำ ต้องเอาน้ำ เข้า-ออก จนเหลือเท่าที่ต้นข้าวต้องการ
9. ฉีด ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สมุนไพร อาทิตย์ละครั้ง ถ้ามีศัตรูพืชระบาดต้องฉีดสมุนไพรวันเว้นวัน
เมื่อข่าวโครงการนี้แพร่ออกไป อ.บางเลน เกิดความสนใจ ถามว่า "ขออีกแปลงได้ไหม...?" ลุงคิมตอบ "O.K. .....หลักเกณท์เดียวกัน" ..... คำตอบที่มาจากแกนนำ ทั้ง 2 แปลง เหมือนกัน คือ
รับหลักเกณท์ข้อ 9 ที่ว่าต้องฉีดปุ๋ย/ฮอร์โมน ทางใบอาทิตย์ละครั้งว่าไม่ได้ ทำไม่ไหว ไม่มีเวลา
แต่ขอ ปุ๋ย/ฮอร์โมน ไปทำเองได้ไหม
ลุงคิมตอบ "NO WAY STATION" .... นึกในใจ เราไปยุ่งกับเขาทำไม (วะ)....
ประสบการณ์ตรง-4
นาข้าวข้างถนนเลี่ยงเมือง สุพรรณบุรี เนื้อที่ 20 ไร่ ประวัติดินไม่คอยดี ยาฆ่าหญ้า. ยาฆ่าหอยเชอรี่. เผาฟาง. ยาฆ่าแมลง. ใช้ยูเรีย 2 กระสอบ/ไร่/รุ่น. เคยได้ผลผลิตสูงสุด 80 ถัง/ไร่
ราวปีที่แล้ว โทรศัพท์มาหาลุงคิม สอบถามเรื่องนาข้าว บอกว่า ในนาปีนี้หญ้าครึ่งหนึ่ง ต้นข้าวครึ่งหนึ่ง เพราะไม่ได้ยาฆ่ายาคุมวัชพืช เนื่องจากไม่มีทุน จะบำรุงได้อย่างไร ?
ลุงคิมสอบถามรายละเอียดต่างๆ.....
- กล้าบ้าไหม ? .....
- กล้าครับ ถ้ามันได้ผล....
- ข้างบ้านเขาจะหาว่าคุณบ้านะ ......
- ไม่เป็นไรครับ ถ้าได้เงิน.....
- งั้นใช้สูตร "เลยตามเลย" ลุยได้เลย....
- เป็นยังไงครับสูตรเลยตามเลย.....
- เอาขี้ค้างคาวครึ่งลิตร ละลายน้ำเท่าไหร่ก็ได้ ฉีดลงโคนกอต้นข้าว 1 ไร่......
- ได้ครับ.....
- ไปซื้อปุ๋ยไบโอไรซ์ ที่ร้านใกล้บ้าน ฉีดทางใบ ทุก 7 วัน ให้ได้ซัก 4-5 รอบ จนถึงวันเกี่ยว....
- ได้ครับ....
- ข้าวเป็นน้ำนมแล้ว ไปซื้อโกร์วกรีน ฉีดทางใบ ทุก 7 วัน สลับกับไบโอไรซ์ก็ได้....
- ได้ครับ.....
- ข้าวน้ำนมฉีดแคลเซียม โบรอน ซักรอบนะ.....
- ได้ครับ.....
- แค่นี้แหละ วันนี้ซื้อไปก่อน วันหลังทำเองได้ค่อยทำเอง จะได้ไม่ต้องซื้อ....
- ตอนนี้หญ้ากับข้าวมันอยู่ด้วยกัน หญ้าไม่แย่งอาหารต้นข้าวเหรอครับ....
- ฉีดทางใบ ใบหญ้าจะมาแย่งอาหารจากใบข้าวได้ยังไง....
- เอ้อ จริงซิครับ.....
- ไม่ต้องห่วงหญ้า เพราะมัวแต่กลัวหญ้าได้อาหาร ต้นข้าวเลยอด ใช่ไหม ?......
- ใช่ครับ.....
- บำรุงทั้งข้าวทั้งหญ้าพร้อมกันไปเลย เกี่ยวข้าวแล้วไถกลบก็จะได้ปุ๋ยที่หญ้าเอาไปคืนมา....
- ครับ.....
ท่ามกลางเสียงทักท้วงของนาแปลงข้างๆ ที่รู้ไม่จริง พูดแต่ว่า "หญ้าแย่งอาหาร - หญ้าแย่างอาหาร" กระทั่งถึงวันเกี่ยว นาแปลงนี้ได้ 120 ถัง/ไร่
ประสบการณ์ตรง-5
ที่บ้านแพรก อยุธยา นาข้าว 200 ไร่ อดีตทำแบบเดิมๆ เป็นหนี้อยู่ล้านกว่า ตัดสินใจเปลี่ยนแนวมาเป็น "อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม - ตามความเหมาะสม" ด้วยการ "ซื้อ" ทุกตัวที่ลุงคิมแนะนำ ซื้อผ่านเอเย่นต์ด้วย จากผลผลิตเคยได้เฉลี่ย 60 ถัง/ไร่ ขึ้นมาเป็นเฉลี่ย 100 ถัง/ไร่ทันทีที่เริ่มเปลี่ยนแนว ช่วงนั้นราคาข้าวส่งโรงสี 12,000 /เกวียน ได้ข้าวมา 200 เกวียน ขายแล้วเป็นเงินเท่าไหร่ คิดเอาเอง
งานนี้ลุยต่อ ยอมเสียเวลาไถกลบฟาง ย่ำเทือก 3 รอบ กำจัดหญ้า แถมขี้เทือกลึกดีกว่าเก่า รุ่นใหม่นี้เห็นชัดว่า ต้นทุนต่ำกว่าทำนาแบบเดิม 200 % ผลผลิตเฉลี่ยเพิ่มเป็น 110 ถัง/ไร่ ขายข้าวได้เกวียนละ 8,000
ตรวจบัญชีฟาร์ม ต้นทุนเบ็ดเสร็จ (ปุ๋ย + แรงงาน + ฯลฯ) 1,000,000 ...... ขายข้าวได้ 3,000,000 เมื่อหักลบกลบทุนแล้วเหลือกำไรสทุธิ 2,000,000 เข้าบ้านเพียวๆ ไม่ต้องไปจ่ายที่ไหนอีก
ใครว่า ทำนาไม่มีโอกาสจับเงินล้าน.....คิดผิดครับ
ประสบการณ์ตรง-6
คำรณ มะลิทอง ชมรมสีสันชีวิตไทย สาขาบ้านทึง สามชุก สุพรรณบุรี ทำนาข้าวแบบ "เจ้าพระยาทำนาประณีต" บนเนื้อที่ 20 ไร่ ได้ข้าว 137 ถัง/ไร่ ทุกขั้นตอนทำตามแนวที่ลุงคิมแนะนำ ปุ๋ย/ฮอร์โมน ส่วนหนึ่งซื้อ ส่วนหนึ่งทำเอง ใส่ปุ๋ยเคมี 5-10 กก./ไร่/รุ่น กำจัดหญ้าด้วยวิธีย่ำเทือกกับจ้างคนถอนด้วยมือ ไม่ใช้ยาฆ่าหอยเชอรี่ ไม่ใช้สารเคมีฆ่าแมลงแต่ใช้สารสกัดสมุนไพร (ทำเอง) ผสมผสานกับการบำรุงต้นให้สมบูรณ์แข็งแรง (แม็กเนเซียม. สังกะสี. แคลเซียม โบรอน.) จนต้นข้าวเกิดภูมิต้านทานสู้กับโรคแมลงได้เองตามธรรมชาติ..... วันนี้ ขึ้นปีที่ 5 ของการทำนาตามแนว "อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม - ตามควารมเหมาะสม" แล้ว ยังให้ผลผลิต 100 (+)/ไร่ เหมือนเดิม ในขณะที่ต้นทุนไม่ถึง 3,000 /ไร่ .... เจ้าพระยาทำนาไม่เคยย่ำโคลน ไม่เคยลุยน้ำ วันๆได้แต่ยืนอยู่บนคันนา (กางร่ม) ชี้นิ้วสั่งให้คน (รับจ้าง) ทำตามเท่านั้น
ประสบการณ์ตรง-7 |
|
|
k9anake2007 |
ตอบ: 09/07/2010 4:04 pm ชื่อกระทู้: |
|
วันที่ 11/7/53 ผมขอไปนั้งฟัง และ เก็บข้อมูล เรื่องการทำนาด้วยครับ
...อีกอย่าง คืออยากทราบว่า นาข้าว ลุงคิม จะเก็บเกี่ยววันใหนครับ
ผมจะขอตามไปดูครับ |
|
|
toto |
ตอบ: 09/07/2010 8:39 am ชื่อกระทู้: |
|
สวัสดีครับ
ผมสะดวกทั้ง 2 วันครับ นัดเป็นวันอาทิตย์ที่ 11 นี้ เวลากี่โมงดีครับ ผมไปใด้ทั้งวันครับ
วัดส้มเกลี้ยง คิดว่าน่าจะไปถูก ดูแผนที สองสามรอบแล้วครับ
ขอบคุณมากครับ |
|
|
somchai |
ตอบ: 08/07/2010 9:53 pm ชื่อกระทู้: |
|
จุดมุ่งหมายที่ผมจะไปคือ อยากไปรู้จัก สมาชิกที่ทำนาข้าว แนวทางเดียวกับพวกเรา เพื่อ ขอคำปรึกษา และ ไปเรียนรู้จริงๆ สถานที่จริง อาจจะไปทุกวันเสาร์หรือ อาทิตย์ รู้ถึงปัญหา รู้เห็นการบำรุง จนถึงการเก็บเกี่ยวเลย หากเป็นไปได้นะครับ จะได้มีข้อมูลที่ได้ไปสำผัสด้วยตัวเอง
คุณ toto สะดวก วันไหน อยากเจอตัวเป็นๆ ของลุงคิมก็ต้องมาวันอาทิตย์ ครับ |
|
|