ผู้ส่ง |
ข้อความ |
jee_ex15 |
ตอบ: 29/11/2010 8:11 pm ชื่อกระทู้: |
|
คำพูด: | jee_ex15 บันทึก:
คำพูด:
มากีต้าแท้ (ฝาแฝดโรบิ้น) จะมีทั้ง 4 จังหวะ และ 2 จังหวะ แต่ส่วนมากคนจะใช้ 2
จังหวะมากกว่า เพราะแรง รอบจัด หาอะไหล่ง่าย (แท้-เทียม) ราคาโดยทั่วไปก็
8,500 ขึ้นไปถึง 9,000 ต่ำกว่านี้ก็ของก๊อปค่ะ
makita แท้( MADE IN JAPAN) รุ่น EBH340U เครื่อง
ยนต์ 4 จังหวะ (ไม่ต้องผสมน้ำมัน) ปรกติราคาหมื่นกว่า GRAND SALE
Promotion 8,800.- ราคาขายส่ง 7,500.- (อาจมีผู้ซื้อได้ถูกกว่านี้)
ร่วมแชร์ข้อมูล
จีรศักดิ์ ครับ[/img]
มันไม่ได้เมดอินเจแปนจริงๆ หรอกครับ มันย้ายฐานการผลิตมาที่ไชน่ากันหมดแล้ว
ครับ แต่มันยังเจือกติดคำว่า MADE IN JAPAN อยู่ เวรกรรม ! ไม่เชื่อลองถามคนขายส่งดูก็ได้
_________________
อ๊อด ระยอง |
makita ก๊อป สามพันกว่า
รักนะ จุ๊บๆ
จีรศักดิ์ ครับ |
|
|
Sita |
ตอบ: 29/11/2010 6:20 pm ชื่อกระทู้: |
|
...... |
|
|
catcaty |
ตอบ: 19/11/2010 10:20 pm ชื่อกระทู้: |
|
[quote="Sita"]หอยหลอดนี่ตัวเล้กๆรึเปล่า พี่ซุปจัง เคยกินแต่ผัดหอยลาย
แป้งว่าหอยลายน่าจะอร่อยกว่านะ หอมพริกเผา,ใบโหรพาดีออก..
แป้ง[/quote
บ้านนอก(ว่ะ)....!
หมึกมั้ง ? |
|
|
Soup |
ตอบ: 19/11/2010 8:59 pm ชื่อกระทู้: |
|
อืมม์ ผมไม่ได้ไปนานมากแล้ว ชักสับสน เมื่อกี้ค้นในกูเกิ้ล ร้านลุงขันธุ์อยู่ดอนหอยหลอดครับ ขอบคุณคุณ commando ที่เตือนครับ
http://www.lungkhan.com/ |
|
|
commando |
ตอบ: 19/11/2010 8:44 pm ชื่อกระทู้: |
|
บางปูอยู่สมุทรปราการไม่ใช่หรือที่เขาไปดูนกนางนวลกันน่ะ ดอนหอยหลอดอยู่สมุทรสงครามครับ |
|
|
Soup |
ตอบ: 19/11/2010 8:40 pm ชื่อกระทู้: |
|
หอยหลอดตัวมันยาว ๆ เล็ก ๆ ที่สมุทรสาครหรือสมุทรสงครามนี่แหละ พี่จำจังหวัดไม่ได้ เขาเรียกบางปู เป็นชายเลน เขาจับหอยหลอดโดยการใช้ปูนขาวหยอดลงในรูหอย แล้วหอยก็จะหนีปูนขึ้นมาบนทรายแล้วเขาก็จับมัน จับกันจนเลนเกือบจะเป็นปูนขาวไปแล้ว ร้านลุงขันธุ์อร่อยมาก ๆ ขอบอก
หอยลายก็อร่อยดีนะ แม่พี่ก็ชอบกิน แต่มักจะมีดินกับทรายปนมาด้วย |
|
|
Sita |
ตอบ: 19/11/2010 8:19 pm ชื่อกระทู้: |
|
หอยหลอดนี่ตัวเล้กๆรึเปล่า พี่ซุปจัง เคยกินแต่ผัดหอยลาย
แป้งว่าหอยลายน่าจะอร่อยกว่านะ หอมพริกเผา,ใบโหรพาดีออก..
แป้ง |
|
|
Soup |
ตอบ: 19/11/2010 8:04 pm ชื่อกระทู้: |
|
หอยหลอดผัดฉ่า อร่อยอย่าบอกใครเลยนะน้องแป้ง |
|
|
Sita |
ตอบ: 19/11/2010 7:59 pm ชื่อกระทู้: |
|
kimzagass บันทึก: | เออ.....อีหอยหลอด |
..แป้งเอ๊ย..ลุงเค้ารักและเอ็นดูเอ็งหรอก..เค้าหยอก(ด่า)เล่น
ใช่มั้ยคะ คุณลุง.
แป้งเองเจ้าค่ะ |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 19/11/2010 7:45 pm ชื่อกระทู้: |
|
เออ.....อีหอยหลอด |
|
|
Sita |
ตอบ: 19/11/2010 7:03 pm ชื่อกระทู้: |
|
ขอบพระคุณนะคะคุณลุง..
โหล..สองโหล..สามโหล.เทสส..คุณลุงได้ยินเสียงแป้งมั้ยคะ..
คีรีบูนแป้ง(จะโดน ด อา ไม้เอก มั้ยเนี่ย ขำๆนะคะคุณลุง) |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 18/11/2010 10:13 pm ชื่อกระทู้: |
|
นกคีรีบูน
เป็นนกเลี้ยงในกรงที่มีทั้งความสวยงามและเป็นนกนักร้องเพลงที่มหัสจรรย์ยิ่งยวดของโลกก็ว่าได้ มีผู้เลี้ยงนกเป็นอันมากยังนิยมเลือกนกที่สามารถร้องเพลงได้ไพเราะเพราะพริ้ง เช่น นกคีรีบูนนี้ถึงแม้ความสวยงามในด้านขนของมันจะน้อยกว่านกหงส์หยก แต่นกคีรีบูนก็ยังมีสีสดสวยงามชวนดูอยู่ไม่น้อย เช่น สีเขียว สีเหลืองอ่อน (สีทอง) สีเหลืองธรรมดา สีเงิน สีขาว สีน้ำตาล สีอบเชย สีลูกกวางอ่อน สีส้ม และสีแดง โดยเฉพาะสีแดงนี้ก็กำลังได้รับความนิยมมาก
สำหรับนกคีรีบูนนั้นมีแตกต่างกันตั้ง 50 ชนิด แต่ละชนิดมีสีสันผิดแปลกกันเล็กน้อยบ้างมากบ้างตามประเภท แบ่งง่าย ๆ เป็น 2 ประเภท ได้แก่
นกรูปงาม
นกนักร้องเพลง
และในโอกาสนี้ก็จะขอเสนอเฉพาะชนิดพันธุ์นกคีรีบูนที่มีผู้เลี้ยงเท่านั้นคือ
นกคีรีบูนชอบเปอร์
นกคีรีบูนชนิดพันธ์นี้รูปร่างค่อนข้างเล็กแต่ก็แข็งแรงเลี้ยงดูง่ายและขยันร้องเพลงมีหลายสีสรร เช่น สีเหลืองอ่อน สีเหลืองธรรมดา สีเทาปนฟ้า สีอบเชย สีขาว และสีเทา
นกคีรีบูนรอลเล่อร์
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นชนิดพันธุ์ที่เลิศล้ำที่สุด นกคีรีบูนพันธุ์ดั้งเดิมนี้มีสีเขียวแกม น้ำตาลเข้ม มีจุดเหลืองแซมอยู่ ส่วนที่ท่อนคอนนั้นจะมีสีที่เรียกว่า "พร่างพราย" ทั่วไป ผู้เลี้ยงนกทั้งหลายนิยมการเลี้ยงคีรีบูนรอลเล่อร์ก็เพื่อฟังเสียงเพลงอันไพเราะของมัน
นกคีรีบูนรอลเล่อร์นี้มีพันธุ์กำเนิดเดิมในประเทศเยอรมัน จุดประสงค์ก็เพื่อให้เป็นนกนักร้องเพลงโดยเฉพาะมีบางคนถึงกับเล่าว่านกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกมือชั้นครู (Schoolmaster) แต่อันที่จริงแล้วคีรีบูนรอลเล่อรจะต้องจัดเลี้ยงไว้เป็นพิเศษ เพราะมันสามารถร้องเพลงได้ไพเราะ ฉายาของมันก็คือ ราชาแห่งเสียงเพลง ดังที่ได้กล่าวไว้ ซึ่งเป็นที่นิยมเรียกกันในเยอรมันเป็นครั้งแรก ผู้เลี้ยงนกจะคัดเลือกคีรีบูนรอลเล่อร์ตัวเด่น ๆ มาเป็นครูฝึกสอนลูกนก ลูกนกนี้จะต้องให้อยู่กับนกครูผู้ฝึกตลอดเวลา จะทำให้ลอกแบบการร้องเพลงได้อย่างถูกต้อง
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่านกคีรีบูนรอลเล่อร์พันธุ์นี้ถูกผสมพันธุ์เพื่อการร้องโดยเฉพาะ เดิมนกชนิดนี้มีสีเขียวแก่ แต่การมาได้ผสมพันธุ์ให้มีสีเหลืองอ่อน และแก่ ขาว สีส้ม และสีแก่ชนิดอื่น ๆ นอกจากนั้นยังมีสีแต้มพร่างพรายด้วย และที่สำคัญที่สุดของนกพันธุ์นี้ก็ต้องหุบปากร้องเพลง นกที่ดีต้องร้องด้วยเสียงต่ำก่อน แล้วเปลี่ยนเป็นรัว และเสียงครวญชนิดอื่น ๆ อีก ซึ่งนกพันธุ์นี้จะส่งเสียงร้องเพลงได้ดีหรือเลวก็อยู่ที่การผสมพันธุ์มากกว่าอยู่ที่การฝึกให้ร้องเพลง
นกคีรีบูนนอร์วิช
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกขนาดใหญ่ มีทั้งพันธุ์ไม่มีหงอนและพันธุ์ที่มีหงอน นกคีรีบูนชนิดที่หัวเกลี้ยงไม่มีหงอนนั้นจะมีหัวกลมรูปร่างอวบอัด ปีกสั้น ปลายปีกไม่ประสานกัน นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้หากเป็นดีจริง ๆ จะมีราคาและมีค่าคู่ควรแก่ราคาทีเดียว จึงต้องจัดให้มันได้กินอาหารสีผสมกับอาหารตามธรรมดา ตามส่วนของการเลี้ยงอาหารนกคีรีบูน วิธีการนี้จะทำให้สีขนลำตัวสวยงามและหากนกได้กินหัวผักกาดแดงสด ๆ จะช่วยให้สีส้มแกมแดงของมันงดงามยิ่งขึ้น แต่เรื่องเสียหายของนกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้ก็มีอยู่อย่างหนึ่งคือ มักจะเป็นโรคที่เรียกว่า "Lump" ซึ่งจะเกิดจากกระจุกขนซึ่งมีลักษณะอ่อน ไม่สามารถแซกเสียดผิวหนังขึ้นมาได้ และจะเป็นก้อนกลม ๆ อยู่ใต้ผิวหนังแล้ว ค่อยเจริญขึ้นจนเป็นก้อนแข็ง ซึ่งจะต้องรักษาโดยใช้ไอโอดีนทาแต้มให้หลุดไป ถ้าเอาไอโอดีนทาไม่ได้ผลจะต้องใช้สัตวแพทย์จัดการเอาออก ซึ่งความยุ่งยากนี้ก็มักจะเกิดขึ้นอีกทุกครั้งที่ผลัดขน ฉะนั้นทางที่ดีจึงควรทำลายทิ้งเสีย หากนกตัวนั้นเป็นโรคนี้ขึ้นมา เพื่อไม่ให้นกเกิดความทรมานต่อไป
สำหรับมีคีรีบูนนอร์วิชพันธุ์หัวหงอนนี้ไม่ต้องเลี้ยงด้วยอาหารสีและถ้าต้องการลูกนกที่มีหงอนบนหัว ก็ควรผสมพันธุ์ที่มีหงอนภู่บนหัวด้วยกันหรือกับพันธุ์ที่ไม่มีหงอนบนหัว
นกคีรีบูนยอร์คไชร้
คีรีบูนชนิดพันธุ์นี้ได้รับความนิยมมากเช่นกัน นกคีรีบูนยอร์คไชร์เป็นนกที่ร้องเพลงเสียงดัง แต่ชนิดเพลงของมันอยู่ในวงจำกัด มีทั้งที่เป็นสีเหลืองธรรมดา สีเหลืองอ่อน สีเขียว สีอบเชย สีขาว และอื่น ๆ สำหรับตัวเมียตามปกติมีขนาดเล็กกว่าตัวผู้เล็กน้อย ความสำคัญของนกยอร์คไชร้คือจะต้องมีขนาดยาว 6 ? นิ้ว จึงจะเป็นมาตรฐานถูกต้อง และนับว่ายาวที่สุดในบรรดาคีรีบูน ทั้งหลาย
คีรีบูนยอร์คไชร์นี้เป็นนกที่ต้องเลี้ยงด้วยอาหารบำรุงสีด้วยเช่นกัน และถ้าเลี้ยงดูให้อาหารและดูแลถูกต้องก็ไม่มีเรื่องยุ่งยากอะไร และมันจะวางไข่ที่มีเชื้อสมบูรณ์ แต่คีรีบูนนี้เป็นนกพ่อแม่ที่มีความสามารถในการเลี้ยงลูก จึงต้องให้คีรีบูนอื่น ๆ ช่วยทำการฟักไข่และเลี้ยงลูกแทน
นกคีรีบูนแลนแคชเชยร์คอบปี้
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกที่มีขนาดใหญ่ที่มีสีสันตามธรรมชาติคือมีสีเขียวปนเทานั้น บางทีอาจจะกล่าวถึงนกคีรีบูนพันธุ์ Manchester coppy) ก็ได้ แต่นกพันธุ์นี้ในประเทศอังกฤษยังมีอยู่น้อยในทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นการแนะนำจึงไม่ได้นำเสนอนกนี้
นกคีรีบูนพันธุ์นี้มีหงอนงดงามเรียบร้อย ลักษณะการยืนก็เหมือนกับคีรีบูนพันธุ์ยอร์คไชร์
นกคีรีบูนบอร์เดอร์แฟนซี
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกขนาดเล็ก มีรูปลักษณะเช่นเดียวกับนอร์วิช แต่บอร์เดอร์แฟนซีไม่มีหงอน การร้องเพลงของมันก็ไม่สู้กว้างขวางส่วนสีก็เช่นเดียวกับนกคีรีบูนยอร์คไชร์ คีรีบูนชนิดนี้เป็นชนิดที่มีลูกดกที่สุดชนิดหนึ่ง เป็นนกที่เหมาะสมแก่ผู้ที่จะเริ่มเลี้ยงนกคีรีบูน เพราะผสมพันธุ์ได้อย่างอิสระเสรี ทั้งในกรงผสมพันธุ์ และในสถานที่เลี้ยงนอกบ้าน และมีอำนาจนำมาผสมกับพันธุ์สีแดง (Red Factor) ได้ แต่ก็บรรลุความสำเร็จไม่มากนัก นกคีรีบูนบอร์เดอร์แฟนซีที่ดีควรมีขนาดความยาวมาตรฐาน 5 ? นิ้ว จะมีลักษณะที่โดดเด่นอีกอยู่หลายประการ เป็นต้นว่ามีหัวเล็ก ที่ตั้งของดวงตาจะอยู่ในลักษณะอันเหมาะสม มีด้านหน้าเชิดขึ้น หน้าอกกลม ปีกพนมอยู่เหนือหางส่วนปลายของปีกต้องบรรจบกันอย่างเรียบร้อย
นกคีรีบูนบอร์เดอร์แฟนซีนี้ถูกนำมาผสมกับนกคีรีบูนรอลเล่อร์ทำให้เกิดนกคีรีบูนพันธุ์ใหม่ขึ้นมาเรียกว่า "นักร้องเพลงอเมริกัน" ที่มีสำเนียงร้องเพลงเป็นทั้งเสียงรัว เสียงดัง เสียงนิ่มนวลและเสียงห้าวหาญ
นกคีรีบูนลิชาร์ด
คีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกอีกชนิดหนึ่งที่มีสีสวยงามสามารถอ้าปากรองเพลงได้ดี นอกนั้นยังสามารถเลี้ยงลูกได้ดีด้วย มีขนาดความยาว 5 ? นิ้ว คีรีบูนลิชาร์ดมีขนสีพื้น 2 สี คือ ขนสีเหลืองแก่หรือสีเหลืองอ่อน แต่ก็เรียกว่าสีทองและสีเงิน นกชนิดนี้มีทั้งขนส่วนปกคลุมหัวและไม่มีขนส่วนปกคลุม จึงควรผสมนกที่มีขนปกคลุมด้วยกัน และก็ควรพันธุ์เฉพาะนกสีทองและสีเงินล้วนเฉพาะปากและเท้าเท่านั้นจึงจะเป็นสีดำได้ นกคีรูบูนลิชาร์ดนี้เมื่อมีอายุมากขึ้น ขนที่สวยงามของมันจะหม่นหมองและเจือจางลงไป จึงต้องเลี้ยงด้วยอาหารบำรุงสีด้วย
นกคีรีบูนฮาร์ทธ์เม้าเท่น
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้มีทั้งที่มีหงอนและไม่มีหงอนบนหัว มีขนาดความยาวมาตรฐาน 5 ? นิ้ว นกคีรีบูนพันธุ์ฮาร์ทธ์เม้าเท่นมีหลายสีสันหลายพันธุ์ยิ่งกว่านกคีรีบูนชนิดอื่น เพราะยังมีสีบลูหรือสีดินชนวนซึ่งคีรีบูนชนิดอื่นไม่มีคีรีบูนฮาร์ทธ์เม้าเท่นที่ดีจะร้องทำนองเพลงได้หลายชนิดกว่าคีรีบูนอย่างอื่น และเป็นนกที่เปิดปากร้องเพลงเด็ดขาดยิ่งกว่าอย่างอื่นเช่นเดียวกัน
นกคีรีบูนคลอเดอร์แฟนซี
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกพันธุ์ใหม่ กำเนิดในอังกฤษ มีลักษณะคล้ายนกคล้ายพันธุ์บอร์เดอร์แฟนซี แต่มีขนาดลำตัวเล็กกว่าพันธุ์บอร์เดอร์ มีหงอนที่หัวห้อยเป็นภู่ปรกลงมาปิดนัยน์ตานกประมาณ ? หนึ่ง เป็นนกสีขนสวยงามตามธรรมชาติ จึงไม่จำเป็นต้องเลี้ยงด้วยอาหารดีอย่างใด
อย่างไรก็ดี คีรีบูนคลอชเดอร์นี้นับได้เป็นนกแคล่วคล่องว่องไว มีการเคลื่อนไหวที่ดูกระฉับกระเฉง ประกอบกับเป็นนกขนาดเล็กที่น่ารักและไม่ต้องใช้เนื้อที่ใหญ่โตมากนักจึงเหมาะสำหรับผู้เลี้ยงนกเพื่อไว้ดูเล่นที่อยู่ตามแฟลตมากทีเดียวเพราะไม่จำเป็นต้องใช้กรงเลี้ยงที่มีขนาดใหญ่โต
นกคีรีบูนเบลเยี่ยนแฟนซี
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกที่มีหัวและคอยาวยื่นออกมาเบื้องหน้าส่วนหน้าอกค่อนข้างตื้น ไหล่สูง ซึ่งนับว่ามีลักษณะและรูปร่างแตกต่างออกไปจากนกคีรีบูนอื่น ๆ มาก ขนลำตัวมีปลายขนเป็น สีขาวคล้ายกับสีไหม หางงองุ้มเข้ามา ส่วนจำพวกพันธุ์ไม่แท้จะมีหางเหยียดตรง
อย่างไรก็ดี นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้ไม่สู้จะเลี้ยงแพร่หลายนัก ส่วนลักษณะที่นิยมอยู่คือ จะต้องยืนตัวตั้งตรง คอ และหัวจะเป็นมุมฉากกับลำตัวเมื่อเกาะคอน
นกคีรีบุนสกอทแฟนซี
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า dlasgow don นกคีรีบูนพันธุ์นี้มีลักษณะ รูปร่างและสีสันเหมือน ๆ กันกับนกคีรีบูนเบลเยี่ยนแฟนซี
นกคีรีบูนเรดแฟคเตอร์
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้มีผู้นิยมนกเป็นอันมากชอบเลี้ยง แม้ว่าจะมีขนาดเล็กแต่ก็มีสีแดงสวยงามและน่าสนใจ เป็นนกพันธุ์ทางระหว่างคีรีบูนธรรมดากับนกซิสกิ๊นสีแดงจากอเมริกาใต้ นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้สามารถผสมพันธุ์ต่อไปได้อีก แต่สีก็จะค่อย ๆ จางลงไป
นกคีรีบุนลอนดอนแฟนซี
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้ลำตัวเป็นสีส้ม แต่ปีกและหางเป็นสีคล้ำถึงแม้ว่าเป็นชนิดที่ให้กินอาหารบำรุงสี แต่สีขนลำตัวก็จะเสื่อมจางลงไปได้ จึงมีผู้เลี้ยงนกนิยมเลี้ยงกันไม่มากนัก
นกคีรีบูนโคลัมบัส
เป็นนกคีรีบูนอีกชนิดพันธุ์หนึ่งซึ่งยังไม่สู้แพร่หลายในประเทศอื่น ๆ เว้นไว้แต่ในสหรัฐโดยเฉพาะมลรัฐโอริโอ นกชนิดพันธุ์นี้ไม่ได้จัดความยาวพิกัดแน่นอน ประมาณกันว่ายาว 6 นิ้ว เป็นนกคีรีบูนพันธุ์ที่มีหงอนที่เกิดจากผสมพันธุ์ระหว่างยอร์คไชร์
นกคีรีบูนพันธุ์สีใหม่
สำหรับนกคีรีบูนชนิดพันธุ์ใหม่ในปัจจุบันก็มีพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นมากมาย และมีหลายสีสัน นอกจากสีตามปกติ เช่น สีเหลือง หรือสีเงิน สีฟ้า สีขาว และยังมีอีกชนิดหนึ่งที่นิยมกันมากคือสีแดงใหม่ อันผสมได้ขึ้นใหม่ ต่อจากนั้นก็มีพันธุ์ที่เรียกว่า สีลูกกวางอ่อนซึ่งมีจุดสีขาวเป็นพื้น นั่นเอง สีเขียว และสีแดงแกมน้ำตาล สำหรับนกคีรีบูนพันธุ์ใหม่ ที่น่าดูอีกชนิดหนึ่งคือ Blue Lizard และ Gloster สีขาว ซึ่งมีหงอนเป็นสีฟ้า
นกคีรีบูนพันธุ์สีใหม่เหล่านี้ เกิดจากความพากเพียรพยายามอันสมควรยกย่องในการเสริมสร้างนกหรือก็คือ ความสำเร็จในการผสมพันธุ์ปรับปรุงนกคีรีบูนนั่นเอง
http://www.vet.ku.ac.th/library-homepage/db_directory/poultry/bird/keereeboon/keereebtype.htm |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 18/11/2010 10:08 pm ชื่อกระทู้: |
|
Sita บันทึก: | catcaty บันทึก: | อะไรของมัน....บทจะมาก็โผล่มาดื้อๆ บทจะไปก็ไปไม่ให้ตั้งตัว
แช่งให้มันนอนไม่หลับซะดีมั้ย? |
อย่าใจร้ายกับน้องนักเลย สงสัยอีแร้งอย่างแป้งจะต้องหลบอีกาอย่างพี่หมึก
ไปด้วยความอหิงสาเป็นแน่แท้
แป้ง(ถึงจะเป็นอีแร้งเมืองสวรรค์ มันก็ยังงัยๆๆอยู่นะ) |
ณ ราตรีกาลนั้น เหล่านางฟ้า เทวดา พากันหลับไหลด้วยความเหนี่อยเพลีย พระนาราย์เรียกหา "นนทุก" แล้วกระซิบข้างหูพอได้ยินสองต่อสอง ".....นนทุก เอย เจ้าจงใช้นิ้วเพชรอันวิเศษ ชี้โคนตาย ชี้ปลายเป็น จงชี้ไปยังร่าง "อีแร้ง" ให้ชีพตักษัย ต่อแต่นั้น เราจะเนรมิตให้ฟื้นใหม่เป็น "คีรีบูน" ส่งเสียงสำเนียงแว่ววิเวกทั่วท้องทุ่งหิมพานต์ตราบนานเท่านานเป็นนิรันดร...."
นนทุก ผู้ได้รับพรจากพระอิศวร รับบัญชาแล้วดำเนิการจนเป็นที่เรียบร้อย ไม่ทิ้งร่องลอยหลักฐานใดๆให้ปรากฏ นั่นและ "อีแร้ง" พาหะแห่งองค์นารายณ์สี่กรก็ผันเปลี่ยนเป็น คีรีบูน นกน้อยที่พร่ำเพรียกส่งเสียงหวานแว่วตราบเท่าทุกวันนี้
ด้วยประกาศิตแห่งองค์นารายณ์เจ้า มันผู้ใดไม่บรรลุธรรมถึงขั้นโสดาบันไซร้ แม้จะได้ยินเสียงคีรีบูน ก็จะมิอาจเห็นตัวได้
เอ้า.....อีแร้ง เปลี่ยนชาติเป็น คีรีบูน แล้วนะ....
ลุงคิม (บอกพระนารายณ์ถอนคำสาบ) ครับผม |
|
|
ott_club |
ตอบ: 18/11/2010 8:26 pm ชื่อกระทู้: |
|
jee_ex15 บันทึก: | คำพูด: |
มากีต้าแท้ (ฝาแฝดโรบิ้น) จะมีทั้ง 4 จังหวะ และ 2 จังหวะ แต่ส่วนมากคนจะใช้ 2
จังหวะมากกว่า เพราะแรง รอบจัด หาอะไหล่ง่าย (แท้-เทียม) ราคาโดยทั่วไปก็
8,500 ขึ้นไปถึง 9,000 ต่ำกว่านี้ก็ของก๊อปค่ะ |
makita แท้( MADE IN JAPAN) รุ่น EBH340U เครื่อง
ยนต์ 4 จังหวะ (ไม่ต้องผสมน้ำมัน) ปรกติราคาหมื่นกว่า GRAND SALE
Promotion 8,800.- ราคาขายส่ง 7,500.- (อาจมีผู้ซื้อได้ถูกกว่านี้)
ร่วมแชร์ข้อมูล
จีรศักดิ์ ครับ[/img] |
มันไม่ได้เมดอินเจแปนจริงๆ หรอกครับ มันย้ายฐานการผลิตมาที่ไชน่ากันหมดแล้ว
ครับ แต่มันยังเจือกติดคำว่า MADE IN JAPAN อยู่ เวรกรรม ! ไม่เชื่อลองถามคนขายส่งดูก็ได้ |
|
|
jee_ex15 |
ตอบ: 18/11/2010 8:19 pm ชื่อกระทู้: |
|
คำพูด: | มากีต้าแท้(ฝาแฝดโรบิ้น)จะมีทั้ง 4 จังหวะและ 2 จังหวะ แต่ส่วนมากคนจะใช้ 2 จังหวะมากกว่า เพราะแรง รอบจัด หาอะไหล่ง่าย(แท้-เทียม) ราคาโดยทั่วไปก็ 8,500 ขึ้นไปถึง 9,000 ต่ำกว่านี้ก็ของก๊อปค่ะ |
makita แท้(MADE IN JAPAN) รุ่น EBH340U เครื่องยนต์ 4 จังหวะ (ไม่ต้องผสมน้ำมัน) ปรกติราคาหมื่นกว่า GRAND SALE Promotion 8,800.-
ราคาขายส่ง 7,500.- (อาจมีผู้ซื้อได้ถูกกว่านี้)
ร่วมแชร์ข้อมูล
จีรศักดิ์ ครับ[/img] |
|
|
Sita |
ตอบ: 18/11/2010 7:38 pm ชื่อกระทู้: |
|
catcaty บันทึก: | อะไรของมัน....บทจะมาก็โผล่มาดื้อๆ บทจะไปก็ไปไม่ให้ตั้งตัว
แช่งให้มันนอนไม่หลับซะดีมั้ย? |
อย่าใจร้ายกับน้องนักเลย สงสัยอีแร้งอย่างแป้งจะต้องหลบอีกาอย่างพี่หมึก
ไปด้วยความอหิงสาเป็นแน่แท้
แป้ง(ถึงจะเป็นอีแร้งเมืองสวรรค์ มันก็ยังงัยๆๆอยู่นะ) |
|
|
catcaty |
ตอบ: 17/11/2010 11:12 pm ชื่อกระทู้: |
|
อะไรของมัน....บทจะมาก็โผล่มาดื้อๆ บทจะไปก็ไปไม่ให้ตั้งตัว
แช่งให้มันนอนไม่หลับซะดีมั้ย? |
|
|
Sita |
ตอบ: 17/11/2010 10:58 pm ชื่อกระทู้: |
|
ไม่ตอบอะไรหรอกจะบอกว่า จะนอนแล้วเด้อ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า
สวัสดีก่อนนอนนะคะ
แป้ง..(เอวบางร่างน้อยจริงๆ พ่อบอกว่าแป้ง all in one) |
|
|
catcaty |
ตอบ: 17/11/2010 10:51 pm ชื่อกระทู้: |
|
ผู้หญิงอะไรวะ ? แบกเครื่องตัดหญ้าขนาดนี้ไหว แล้วยังมีหน้ามาบอกเอวบางร่าง
น้อย ใครหลงไปเป็นแฟนมันไอ้คนนั้น...มึงตัยยยยยย
พี่หมึกมั้ง |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 17/11/2010 10:49 pm ชื่อกระทู้: |
|
อืมมมม .... อ่านข้อความ "ผิดเจ้าของ" (ว่ะ....) ขอโทษ...
แหม้.....เกือบสูญเสียกุลสตรีไปซะแล้ว ไหมล่ะลุง....
ลุงคิม (คนแก่ ตาลาย) ครับผม |
|
|
Sita |
ตอบ: 17/11/2010 10:44 pm ชื่อกระทู้: |
|
..นิดนึงค่ะลุง..อะไรที่ทำให้ลุงสงสัยคะ ว่าแป้งเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
แป้ง..(นอนไม่หลับเลยเข้ามาดึก) |
|
|
catcaty |
ตอบ: 17/11/2010 10:38 pm ชื่อกระทู้: |
|
..... หนูเป็น "ผู้หญิง" หรือ "ผู้ชาย" หรือ "ผู้ญาย" หรือ "ผู้ฉิง" กันแน่ (วะ....)
ใช่ครับลุงผมก็สงสัยเหมือนกัน...ตกลงมันผู้หญิงหรือผู้ชายหรือผู้อะไรกันแน่..ฮ้า ? ตัวเอง..!
หมึกครับผม |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 17/11/2010 10:25 pm ชื่อกระทู้: |
|
Sita บันทึก: | [quote=
แนวทางก็คือ เมื่อเราปลูกข้าวแล้วได้เวลาเกี่ยว เราก็เกี่ยวเอาเฉพาะรวงข้าว(เคยเห็นในรายการทีวี ภาคใต้เกี่ยวเฉพาะรวงข้าว) พอเกี่ยวเสร็จเราก็หว่านเมล็ดถั่วอะไรก็ได้ลงไปให้ทั่วแปลงนา วัตถุประสงค์เพี่อให้ต้นถั่วขึ้นมาหนาแน่นคลุมดินไม่ให้โดนแดด หลังจากนั้นก็ตัดต้นข้าวให้ล้มลงเพื่อคลุมเมล็ดถั่วและดินเพื่อจะใด้คุมวัชชพืชก่อนที่ถั่วจะงอก หลังจากนั้นให้น้ำเพื่อให้ถั่วขึ้นแทรกฟางข้าวขึ้นมา คอยให้น้ำถั่วเป็นระยะเพื่อให้ถั่วเจริญเติบโตเร็วคลอบคลุมพื้นที่ พอถั่วหนาแน่นเกินไปก็ให้ตัดบ้างแต่อย่างตัดให้ต่ำจนถึงกับตาย ชิ้นส่วนของต้นถั่วที่ถูกตัดก็จะกลายเป็นปุ๋ยบำรุงดิน ถั่วก็จะแตกขึ้นมาใหม่คลุมพื้นที่เช่นเดิมอีก ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ พอได้ช่วงเวลาที่จะเริ่มทำนาก็หว่านข้าวลงไปก่อนแล้วก็ตัดต้นถั่วให้ตายลง ใบของต้นถั่วก็จะปิดหน้าดินทับเมล็ดข้าวเอาไว้ ไม่ให้นกหนูมาจิกกิน ปล่อยน้ำเข้านาให้ต้นถั่วเน่าสักวันสองวันพร้อมกับเป็นการกระตุ้นให้ข้าวงอก หลังจากนั้นปล่อยน้ำออก ต้นถั่วที่เริ่มเน่าก็จะปิดเมล็ดข้าวให้ยังคงชื้นและงอกได้ดีไม่แห้งตาย ต้นข้าวงอกขึ้นตามวัยพร้อมกับถั่วที่สลายตัว ข้าวก็งอกทะลุถั่วที่ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ย หลังจากนั้นก็ปรับน้ำในนาให้สูงตามต้นข้าว ตอของต้นถั่วที่ยังไม่ตายก็จะตายลงเพราะน้ำนั่นเอง
ทั้งหมดนี่เป็นแค่ความคิดที่ผุดขึ้นมาในสมองที่ยังไม่ได้พิสูจน์ ใครมีความเห็นว่ายังไงบ้างครับ ถ้าใครมีโอกาสลองก็เอาผลมาบอกกันบ้างนะครับ เป้าหมายคือไม่ต้องไถดินให้สิ้นเปลืองพลังงานและเวลา ทำตามกลไกธรรมชาติคือความสมบูรณ์ของดินเกิดจากด้านบนแล้วจึงขยายลงไปด้านล่าง ทำให้การปลูกข้าวง่ายขึ้น ถ้าทำนาโดยไม่ต้องไถจะประหยัดต้นทุนได้มาก
เดี๋ยวจะโดนลุงคิมบอกว่าเราเพ้อฝันไปอีกหรือเปล่าเนี่ย... (ล้อเล่นครับลุง ผมคงจะเพ้อฝันไปจริง ๆ)
น้องแป้งก็อย่าจริงจังอะไรกับพี่มากเลยนะ เรื่องต่อท้ายชื่อเนี่ย พี่เล่นหนุก ๆ บางทีนึกออกมั่งไม่ออกมั่ง เอาขำ ๆ น่ะ |
แล้วพี่ซุปฟักทองเคยลองรึยังคะ น่าจะลองดุซักหน่อย แป้งว่าเข้าท่าดีเหมือนกันนะมันไม่ใช่ความคิดที่ปฏิบัติไม่ได้ซะหน่อย จะได้เรียกมันว่าเพ้อฝัน ลองแล้วได้ผลหรือไม่ได้ ก็ค่อยว่ากันอีกที ชักอยากจะลองดูเหมือนกันนะเนี่ย ..
แล้วที่สงสัยว่าเค้าใช้อะไรมัดข้าว,กล้า เค้าเรียกว่าอะไร ที่บ้านแป้งเค้าเรียก "ตอก"
ใช้ไม้ไผ่ทำเป็นเส้นบางๆ ที่บ้านเรียก"จักตอก"ภาษากลางเค้าเรียกยังงัยไม่รู้..
แป้งถือว่าพี่ซุปฟักทองยอมแพ้แล้วนะ จะได้ประกาศชัยชนะอย่างเป็นทางการ...
แป้ง(ผู้คิดซุปได้เยอะกว่าพี่ซุป เฮ..ชนะแล้ว)
ลืมไปอีกเรื่อง ขอบคุณ คุณจีรศักดิ์นะคะที่ห่วงใยมา[/quote]
..... ไม่ใช่วิธีนี้ไม่ดีนะ แต่อยากรู้ว่า ยังมีวิธีอื่นที่ง่ายกว่านี้ไหม ?
..... หนูเป็น "ผู้หญิง" หรือ "ผู้ชาย" หรือ "ผู้ญาย" หรือ "ผู้ฉิง" กันแน่ (วะ....) |
|
|
Soup |
ตอบ: 17/11/2010 7:34 pm ชื่อกระทู้: |
|
โอเคโอเค ยอมแพ้ก็ได้ ขอยกธงฃาวแล้วล่ะ
เรื่องการปลูกถั่วกับข้าวนี่พี่ยังไม่ได้ลอง เพราะที่สวนไม่มีนา ไม่มีที่เรียบ ๆ ที่จะทำ
นาได้สะดวก เคยทดลองในพื้นที่เล็ก ๆ ในหน้าแล้งแต่ดินก็เก็บน้ำไม่อยู่ ก็เลยไม่
เป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ ถ้าน้องแป้งมีโอกาสก็ลองให้พี่หน่อยนะ ถ้าพีมีที่นาเมื่อไหร่
ก็จะลองทำแบบนั้นดูเหมือนกันแหละ
ขอบคุณที่ตอบพี่เรื่องการมัดข้าวนะ |
|
|
Sita |
ตอบ: 17/11/2010 5:13 am ชื่อกระทู้: |
|
[quote=
แนวทางก็คือ เมื่อเราปลูกข้าวแล้วได้เวลาเกี่ยว เราก็เกี่ยวเอาเฉพาะรวงข้าว(เคยเห็นในรายการทีวี ภาคใต้เกี่ยวเฉพาะรวงข้าว) พอเกี่ยวเสร็จเราก็หว่านเมล็ดถั่วอะไรก็ได้ลงไปให้ทั่วแปลงนา วัตถุประสงค์เพี่อให้ต้นถั่วขึ้นมาหนาแน่นคลุมดินไม่ให้โดนแดด หลังจากนั้นก็ตัดต้นข้าวให้ล้มลงเพื่อคลุมเมล็ดถั่วและดินเพื่อจะใด้คุมวัชชพืชก่อนที่ถั่วจะงอก หลังจากนั้นให้น้ำเพื่อให้ถั่วขึ้นแทรกฟางข้าวขึ้นมา คอยให้น้ำถั่วเป็นระยะเพื่อให้ถั่วเจริญเติบโตเร็วคลอบคลุมพื้นที่ พอถั่วหนาแน่นเกินไปก็ให้ตัดบ้างแต่อย่างตัดให้ต่ำจนถึงกับตาย ชิ้นส่วนของต้นถั่วที่ถูกตัดก็จะกลายเป็นปุ๋ยบำรุงดิน ถั่วก็จะแตกขึ้นมาใหม่คลุมพื้นที่เช่นเดิมอีก ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ พอได้ช่วงเวลาที่จะเริ่มทำนาก็หว่านข้าวลงไปก่อนแล้วก็ตัดต้นถั่วให้ตายลง ใบของต้นถั่วก็จะปิดหน้าดินทับเมล็ดข้าวเอาไว้ ไม่ให้นกหนูมาจิกกิน ปล่อยน้ำเข้านาให้ต้นถั่วเน่าสักวันสองวันพร้อมกับเป็นการกระตุ้นให้ข้าวงอก หลังจากนั้นปล่อยน้ำออก ต้นถั่วที่เริ่มเน่าก็จะปิดเมล็ดข้าวให้ยังคงชื้นและงอกได้ดีไม่แห้งตาย ต้นข้าวงอกขึ้นตามวัยพร้อมกับถั่วที่สลายตัว ข้าวก็งอกทะลุถั่วที่ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ย หลังจากนั้นก็ปรับน้ำในนาให้สูงตามต้นข้าว ตอของต้นถั่วที่ยังไม่ตายก็จะตายลงเพราะน้ำนั่นเอง
ทั้งหมดนี่เป็นแค่ความคิดที่ผุดขึ้นมาในสมองที่ยังไม่ได้พิสูจน์ ใครมีความเห็นว่ายังไงบ้างครับ ถ้าใครมีโอกาสลองก็เอาผลมาบอกกันบ้างนะครับ เป้าหมายคือไม่ต้องไถดินให้สิ้นเปลืองพลังงานและเวลา ทำตามกลไกธรรมชาติคือความสมบูรณ์ของดินเกิดจากด้านบนแล้วจึงขยายลงไปด้านล่าง ทำให้การปลูกข้าวง่ายขึ้น ถ้าทำนาโดยไม่ต้องไถจะประหยัดต้นทุนได้มาก
เดี๋ยวจะโดนลุงคิมบอกว่าเราเพ้อฝันไปอีกหรือเปล่าเนี่ย... (ล้อเล่นครับลุง ผมคงจะเพ้อฝันไปจริง ๆ)
น้องแป้งก็อย่าจริงจังอะไรกับพี่มากเลยนะ เรื่องต่อท้ายชื่อเนี่ย พี่เล่นหนุก ๆ บางทีนึกออกมั่งไม่ออกมั่ง เอาขำ ๆ น่ะ [/quote]
แล้วพี่ซุปฟักทองเคยลองรึยังคะ น่าจะลองดุซักหน่อย แป้งว่าเข้าท่าดีเหมือนกันนะมันไม่ใช่ความคิดที่ปฏิบัติไม่ได้ซะหน่อย จะได้เรียกมันว่าเพ้อฝัน ลองแล้วได้ผลหรือไม่ได้ ก็ค่อยว่ากันอีกที ชักอยากจะลองดูเหมือนกันนะเนี่ย ..
แล้วที่สงสัยว่าเค้าใช้อะไรมัดข้าว,กล้า เค้าเรียกว่าอะไร ที่บ้านแป้งเค้าเรียก "ตอก"
ใช้ไม้ไผ่ทำเป็นเส้นบางๆ ที่บ้านเรียก"จักตอก"ภาษากลางเค้าเรียกยังงัยไม่รู้..
แป้งถือว่าพี่ซุปฟักทองยอมแพ้แล้วนะ จะได้ประกาศชัยชนะอย่างเป็นทางการ...
แป้ง(ผู้คิดซุปได้เยอะกว่าพี่ซุป เฮ..ชนะแล้ว)
ลืมไปอีกเรื่อง ขอบคุณ คุณจีรศักดิ์นะคะที่ห่วงใยมา |
|
|