-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 555 บุคคลทั่วไป และ 1 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

สารเคมี15








เกษตรกรเชื่อกินเหล้า ขับสารเคมี อันตรายขั้นตับพัง-ตายเร็วขึ้น



ปลัด สธ.เผยงานวิจัยพบคนไทยดื่มเหล้าพร่ำเพรื่อกันมาก ล่าสุดนี้มีงานวิจัยที่ขอนแก่นพบเกษตรกร 2 ใน 5 ดื่มเหล้าขาว 40 ดีกรี เชื่อขับพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืชและยังมีกลุ่มคอทองแดงบางราย หัวหมอเคี้ยวรางจืดดับพิษเหล้า เชื่อดวดได้นาน ไม่เมา ชี้ 2 ความเชื่ออันตรายถึงขั้นตับพัง เร่งเสียชีวิตเร็วขึ้น

น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า คนไทยดื่มเหล้าติดอันดับ 5 ของโลก ดื่มเฉลี่ยคนละ 13.59 ลิตรต่อปี ในระยะยาวจะเกิดโรคต่างๆมากมาย เช่น กระเพาะอาหารเป็นแผลทะลุ มีเลือดออก ซึ่งพบได้บ่อย ตับแข็ง เซลล์สมองถูกทำลาย หัวใจโต


ปลัด สธ. กล่าวว่า มีประชาชนบางกลุ่ม โดย เฉพาะเกษตรกรเข้าใจผิดว่า เหล้าสามารถขับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชออก จากร่างกายได้ โดยผลวิจัยที่อำเภอน้ำพอง จัง-หวัดขอนแก่น เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเกษตรกรใช้สารเคมีทุกหมู่บ้านและร้อยละ 80 แม้ว่าจะใช้อุปกรณ์ ป้องกันแล้วก็ตาม แต่ยังขาดความมั่นใจ โดยเกษตรกร 2 ใน 5 ใช้วิธีแก้พิษสารเคมีด้วยการดื่มสุราที่เรียกกันว่า “แก้เหล้า” ซึ่งมีทั้งดื่มก่อนและดื่มหลังใช้สารเคมี กลุ่มที่ดื่มก่อนมักจะใช้เหล้าขาว 40 ดีกรี ปริมาณครึ่งแก้วถึง 1 แก้วน้ำ หรือประมาณ 120-250 ซีซี โดยดื่มตอนเช้าจากที่พักอาศัย เนื่องจากมีความเชื่อว่าเมื่อดื่มแล้วจะทำให้เหงื่อออก สารเคมีจะไม่เข้าร่างกาย ส่วนในกลุ่มที่ดื่มหลังใช้สารเคมี จะใช้เหล้าขาวปริมาณพอๆกัน ดื่มเพื่อบรรเทาอาการน้ำลายเหนียว คลื่นไส้ อ่อนเพลีย หากไม่ใช้เหล้าก็จะใช้เครื่องดื่มชูกำลังแทน เนื่องจากชาวบ้านเชื่อว่าเหล้านอกจากจะช่วยลดอาการ ที่ได้รับจากสารพิษแล้วยังช่วยให้หายอ่อนเพลีย แก้อาการปวดเมื่อย ทำให้กินข้าวได้ ร่างกายสดชื่น ความเชื่อนี้ปฏิบัติสืบทอดกันมาถึงเกษตรกรรุ่นใหม่ โดยกลุ่มที่ใช้วิธีแก้เหล้าดังกล่าว มักเป็นผู้ดื่มเหล้ามาก่อนอยู่แล้ว นอกจากนี้ ในกลุ่มชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งยังใช้สมุนไพรไปในทางที่ผิด ด้วยการนำรางจืดมาเคี้ยวและอมในปากระหว่างดื่มเหล้า โดยเชื่อว่ารางจืดจะทำให้ไม่เมาเหล้า ดื่มได้นานและมากขึ้น

“ความเชื่อทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นอันตราย เพราะจะทำให้อวัยวะในร่างกายถูกทำลายมากขึ้น โดย เฉพาะตับ ซึ่งเปรียบเสมือนโรงงานสร้างพลังงานให้ร่างกาย สร้างสารเคมีที่จำเป็น เช่น น้ำดี วิตามิน สารทำให้เลือดแข็งตัว และช่วยขจัดสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย จะทำงานหนักถึงขั้นตับวาย ตับแข็ง เสียชีวิตเร็วขึ้น เนื่องจากการสูญเสียเซลล์ตับทุกเซลล์ เป็นการสูญเสียที่ถาวร ไม่มีการสร้างขึ้นทดแทน” น.พ.ปราชญ์กล่าว.




ข้อมูลข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-04-23 (1030 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©