เกษตรกรเชื่อกินเหล้า ขับสารเคมี อันตรายขั้นตับพัง-ตายเร็วขึ้น
ปลัด สธ.เผยงานวิจัยพบคนไทยดื่มเหล้าพร่ำเพรื่อกันมาก ล่าสุดนี้มีงานวิจัยที่ขอนแก่นพบเกษตรกร 2 ใน 5 ดื่มเหล้าขาว 40 ดีกรี เชื่อขับพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืชและยังมีกลุ่มคอทองแดงบางราย หัวหมอเคี้ยวรางจืดดับพิษเหล้า เชื่อดวดได้นาน ไม่เมา ชี้ 2 ความเชื่ออันตรายถึงขั้นตับพัง เร่งเสียชีวิตเร็วขึ้น
น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า คนไทยดื่มเหล้าติดอันดับ 5 ของโลก ดื่มเฉลี่ยคนละ 13.59 ลิตรต่อปี ในระยะยาวจะเกิดโรคต่างๆมากมาย เช่น กระเพาะอาหารเป็นแผลทะลุ มีเลือดออก ซึ่งพบได้บ่อย ตับแข็ง เซลล์สมองถูกทำลาย หัวใจโต
ปลัด สธ. กล่าวว่า มีประชาชนบางกลุ่ม โดย เฉพาะเกษตรกรเข้าใจผิดว่า เหล้าสามารถขับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชออก จากร่างกายได้ โดยผลวิจัยที่อำเภอน้ำพอง จัง-หวัดขอนแก่น เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเกษตรกรใช้สารเคมีทุกหมู่บ้านและร้อยละ 80 แม้ว่าจะใช้อุปกรณ์ ป้องกันแล้วก็ตาม แต่ยังขาดความมั่นใจ โดยเกษตรกร 2 ใน 5 ใช้วิธีแก้พิษสารเคมีด้วยการดื่มสุราที่เรียกกันว่า “แก้เหล้า” ซึ่งมีทั้งดื่มก่อนและดื่มหลังใช้สารเคมี กลุ่มที่ดื่มก่อนมักจะใช้เหล้าขาว 40 ดีกรี ปริมาณครึ่งแก้วถึง 1 แก้วน้ำ หรือประมาณ 120-250 ซีซี โดยดื่มตอนเช้าจากที่พักอาศัย เนื่องจากมีความเชื่อว่าเมื่อดื่มแล้วจะทำให้เหงื่อออก สารเคมีจะไม่เข้าร่างกาย ส่วนในกลุ่มที่ดื่มหลังใช้สารเคมี จะใช้เหล้าขาวปริมาณพอๆกัน ดื่มเพื่อบรรเทาอาการน้ำลายเหนียว คลื่นไส้ อ่อนเพลีย หากไม่ใช้เหล้าก็จะใช้เครื่องดื่มชูกำลังแทน เนื่องจากชาวบ้านเชื่อว่าเหล้านอกจากจะช่วยลดอาการ ที่ได้รับจากสารพิษแล้วยังช่วยให้หายอ่อนเพลีย แก้อาการปวดเมื่อย ทำให้กินข้าวได้ ร่างกายสดชื่น ความเชื่อนี้ปฏิบัติสืบทอดกันมาถึงเกษตรกรรุ่นใหม่ โดยกลุ่มที่ใช้วิธีแก้เหล้าดังกล่าว มักเป็นผู้ดื่มเหล้ามาก่อนอยู่แล้ว นอกจากนี้ ในกลุ่มชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งยังใช้สมุนไพรไปในทางที่ผิด ด้วยการนำรางจืดมาเคี้ยวและอมในปากระหว่างดื่มเหล้า โดยเชื่อว่ารางจืดจะทำให้ไม่เมาเหล้า ดื่มได้นานและมากขึ้น
“ความเชื่อทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นอันตราย เพราะจะทำให้อวัยวะในร่างกายถูกทำลายมากขึ้น โดย เฉพาะตับ ซึ่งเปรียบเสมือนโรงงานสร้างพลังงานให้ร่างกาย สร้างสารเคมีที่จำเป็น เช่น น้ำดี วิตามิน สารทำให้เลือดแข็งตัว และช่วยขจัดสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย จะทำงานหนักถึงขั้นตับวาย ตับแข็ง เสียชีวิตเร็วขึ้น เนื่องจากการสูญเสียเซลล์ตับทุกเซลล์ เป็นการสูญเสียที่ถาวร ไม่มีการสร้างขึ้นทดแทน” น.พ.ปราชญ์กล่าว.
ข้อมูลข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.