-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 406 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

สารเคมี12







พด.ตั้งกลุ่มเกษตรกรสารอินทรีย์ ทดแทนใช้สารเคมีทางการเกษตร

การทำการตลาดในทุกวันนี้ต้องเน้นการตลาดนำการผลิต  กล่าวคือความต้องการของตลาดหรือผู้บริโภคเป็นอย่างไรผู้ผลิตก็ควรผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการ  เพราะนั่นจะเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าผลิตออกมาจะขายได้หรือไม่นั่นเอง ในทุกวันนี้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมาที่จะสามารถตอบสนองความต้องการได้ ก็ต้องเป็นสินค้าที่ปลอดภัยต่อการบริโภค  ในส่วนของพืชผักหรือผลไม้ก็เช่นกันต้องปลอดภัยจากสารพิษ  ดังจะเห็นได้จากมีการผลิตผักผลไม้ปลอดสารพิษมาจำหน่ายมากมาย 

 กระบวนการผลิตสินค้าปลอดสารพิษนั้น ต้องเริ่มตั้งแต่ดินเนื่องจากเป็นรากฐานของการทำการเกษตรทุกชนิด  ถ้าดินดีและไม่มีสารเคมีตกค้างก็จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย  โดยล่าสุดกรมพัฒนาที่ดินได้เปิดตัวโครงการดินดี  ชีวิตปลอดภัย  ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสที่ทรงครองราชย์  60  ปี  และทรงเจริญพระชนมายุ  80  พรรษา   ในปี  2550  ตลอดจนเป็นศูนย์กลางในการวิเคราะห์และตรวจประเมินที่ดินเพื่อการเกษตร  พร้อมกับออกใบรับรองมาตรฐานดินดีปลอดธาตุพิษโลหะหนักให้แก่เกษตรกร  เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่เกษตรกรตลอดจนช่วยให้เกษตรกรของไทยมีที่ดินทำกินที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีสืบไป

 นายชัยวัฒน์  สิทธิบุศย์  อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน  กล่าวว่า  ดินเป็นพื้นฐานการผลิตทางการเกษตร  เมื่อดินมีความอุดมสมบูรณ์ย่อมให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ  โดยเฉพาะพืชอาหาร  หากดินมีสิ่งปนเปื้อน  เช่น  ธาตุโลหะหนักต่างๆ  ก็จะทำให้พืชอาหารไม่ปลอดภัยสำหรับการบริโภค  ในทางกลับกันถ้าพืชอาหารมีความปลอดภัย ย่อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศ  ดังนั้น  กระบวนการผลิตจึงต้องมีความปลอดภัยในทุกขั้นตอน  กรมพัฒนาที่ดินจึงได้มีโครงการดินดี  ชีวีปลอดภัย  สำหรับตรวจสอบคุณภาพดินรวมทั้งออกใบรับรองคุณภาพดินและการปลอดธาตุพิษ  เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรว่าได้ผลิตพืชอาหารที่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค

 โดยมีเป้าหมายดำเนินการในพื้นที่เขตพัฒนาที่ดิน  ตามรอยพระบาทครองราชย์  60  ปี  ฟื้นฟูปฐพีไทย  จำนวน  96  เขตพัฒนาที่ดิน  ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต  1-12  มีเกษตรกรเข้าร่วมเขตละ  5  ราย  รวมทั้งสิ้น  480  รายทั่วประเทศ  วิธีการดำเนินการเริ่มตั้งแต่การเตรียมประเมินศักยภาพของพื้นที่  จากนั้นจะสำรวจพื้นที่และเก็บตัวอย่างดินส่งให้กลุ่มวิเคราะห์ดินทำการตรวจวิเคราะห์สมบัติทางกายภาพดิน  เคมีดินและโลหะหนักในดิน  ถ้าผ่านเกณฑ์มาตรฐานทางสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตจะออกใบรับรองและมอบให้เกษตรกรเจ้าของพื้นที่

 ประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากโครงการดินดี  ชีวีปลอดภัยนี้คือ  เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างชาญฉลาดในแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น สร้างความมั่นใจและเป็นกำลังใจให้เกษตรกรว่าได้ผลิตพืชบนดินที่ดีปลอดจากธาตุพิษ โลหะหนักต่างๆ รวมทั้งเป็นการวางรากฐานให้เกษตรกร มีระบบการผลิตพืชที่ความปลอดภัยต่อผู้บริโภค สนับสนุนโครงการเกษตรอินทรีย์หรือเกษตรปลอดสารพิษ  ที่สำคัญช่วยนำร่องให้เกษตรกรได้รู้จักวิธีการบำรุงรักษาดินอย่างถูกวิธีนำไปสู่การผลิตที่ได้มาตรฐานในระดับสากล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน  กล่าว

 นอกจากการเปิดตัวโครงการดินดี  ชีวีปลอดภัยแล้ว  โครงการที่กรมพัฒนาที่ดินได้ดำเนินการเพื่อเป้าหมายในการลดการใช้สารเคมีทางการเกษตรให้แก่เกษตรกรนั่นก็คือ  โครงการจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีย์ทดแทนสารเคมีทางการเกษตร 

 เรื่องนี้ นายบัณฑิต  ตันศิริ  รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินด้านปฏิบัติการ  ชี้แจงว่า  กรมพัฒนาที่ดินได้ทำโครงการจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีย์ทดแทนสารเคมีทางการเกษตร  เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับกระบวนการผลิตและการใช้สารอินทรีย์อย่างมีประสิทธิภาพให้กับเกษตรกร  สร้างเครือข่ายเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้  ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาไปสู่เกษตรที่ยั่งยืนและนำไปสู่กลุ่มเกษตรอินทรีย์ในอนาคต  ซึ่งโครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินการรวม  4  ปี  เริ่มตั้งแต่ปี  2550-2554  มีเป้าหมายจัดตั้งกลุ่มให้ได้ทั้งหมด  68,000  กลุ่มทั่วประเทศ  แบ่งเป็นปีละ  17,000  กลุ่มๆ  ละ  50  คน  รวมแต่ละปีจะมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น  850,000  ราย 

 ทั้งนี้  กรมฯ  ตั้งเป้าว่าจะให้มีกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีย์ฯ  หมู่บ้านละ  1  กลุ่มเป็นอย่างน้อย  โดยแต่ละกลุ่มเกษตรกรฯ  จะได้รับความรู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการใช้สารอินทรีย์ทดแทนสารเคมีอย่างถูกต้องจากเจ้าหน้าที่และวิทยากรหมอดิน  ตลอดจนความรู้ด้านการพัฒนาที่ดินทุกรูปแบบ ซึ่งหลังการฝึกอบรมแล้วกลุ่มเกษตรกรจะต้องบริหารจัดการต่อยอดการผลิตปุ๋ยอินทรีย์สารชีวภาพที่ทางราชการมาเริ่มต้นให้เกิดการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์สารชีวภาพอย่างต่อเนื่องในท้องถิ่น  นอกจากนี้  ยังต้องสร้างเครือข่ายขยายผลสู่เกษตรกรรายอื่น  เพื่อให้เกิดการพึ่งพาตนเอง  ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ตามวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง  จนกระทั่งนำไปสู่ระบบการผลิตเกษตรอินทรีย์ในอนาคต

 นายบัณฑิต  กล่าวด้วยว่า  ถ้าสามารถทำให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตมาเป็นเกษตรลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร  หรือใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมีในปริมาณที่น้อยลงแต่ควบคู่ไปกับปุ๋ยอินทรีย์สารชีวภาพก็จะได้ผลดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งไม่เพียงสามารถลดต้นทุนการผลิตแล้วยังทำให้ผลผลิตมีความปลอดภัย  รสชาติดีมีคุณภาพ  เกษตรกรมีสุขอนามัยที่ดีขึ้นเพราะไม่ต้องเสี่ยงต่อการสัมผัสสารเคมีทางการเกษตร  ที่สำคัญยังเป็นการฟื้นฟูผืนดินให้ดีขึ้น  ก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากที่สุด



ที่มา  :  แนวหน้า









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-04-23 (1650 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©