-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 442 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ปศุสัตว์11




หน้า: 2/2


นกเขา

น.ส.โกมลลดา ชมภูศรี

เป็นนกประเภทหนึ่งจัดอยู่ในวงศ์ Columbidae นกเขาที่พบในประเทศไทยมีนกเขาพม่า นกเขาไฟ นกเขาเขียว นกเขาเปล้า นกเขาหม้อ นกเขาตู้ นกเขาป่า นกเขาแขก หรือนกเขาเทศ นกเขานา นกเขาฟ้า นกเขาใหญ่หรือนกเขาหลวง และนกเขาชวาหรือนกเขาเล็ก ในบรรดานกเขาเหล่านี้บางชนิดนิยมเลี้ยงไว้ดูเล่นเพราะกล่าวกันว่าการเลี้ยงนกที่ดีจะทำให้บังเกิดความสุข บางชนิดนิยมเลี้ยงไว้ฟังเสียง และบางชนิดนิยมเลี้ยงไว้เป็นอาหาร หรือนำไปขายซึ่งบางตัวราคาเป็นแสนเป็นล้าน ถ้าลักษณะของนกตัวนั้นมีลักษณะดีตามตำราหรือกำลังได้รับความนิยม นกเขาที่คนนิยมเลี้ยงไว้ดูเล่นและฟังเสียงได้แก่ นกเขาใหญ่ นกเขาชวา และนกเขาไฟ โดยนกเขาไฟมีข้อพิเศษอยู่ตรงที่ชาวต่างจังหวัดนิยมเลี้ยงไว้ดูเล่น ส่วนชาวกรุงเทพฯ นิยมเลี้ยงไว้เป็นอาหารมากกว่าจะเลี้ยงไว้ดูเล่น



นกเขาชวา
นกเขาชวา
นกเขาชนิดพันธุ์นี้เป็นนกเขาที่มีขนาดเล็กมากที่สุดเป็นนกที่มีเสียงขันไพเราะเป็น ที่ชื่นชอบของคนทั่วไป นอกจากนี้ยังเชื่อถือกันว่าเป็นนกที่นำโชคลาภมาให้แก่ผู้เลี้ยงอีกด้วย
ชื่อวงศ์ Columbidae
ชื่ออื่น นกเขาเล็ก นกเขาแขก
ชื่อสามัญ Zebra Dove or Barrec ground Dove or Javanese striated Ground Dove
ชื่อวิทยาศาสตร์ Geopelia striata striara (Linnaeus)

ถิ่นกำเนิด

พบมีอาศัยอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย (ชวา) มาเลเซีย ในไทยนั้นพบมากทางภาคใต้เมื่อ 70ปีก่อนซึ่งปัจจุบันถูกนำมาเลี้ยงในประเทศและแพร่พันธุ์ได้ดีไปทุกภาคจนกลายเป็นนกประจำถิ่น พบได้ในทุ่งโล่ง และป่าละเมาะ และมีพบในฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย

รูปร่างลักษณะ

ตัวเล็กกว่านกเขาไฟ ตัวเล็กกว่านกเขาชนิดอื่น ๆ ขนปกคลุมตัวสีน้ำตาลหัวสีเทา หรือมีสีที่หัวเป็นสีน้ำเงิน ด้านข้างคอมีแถบสีดำสลับกับแถบขาวเป็นลายตามขวาง ด้านหลังสีเข้มมีขีดขวาง คล้ายกับลายของม้าลายในต่างประเทศ จึงเรียกนกเขา "ม้าลาย"ด้านท้องสีจาง ใต้ลำตัวเป็นสีขาวมีขีดขวางเล็ก ขอบท้ายของขนหางสีขาว

อุปนิสัย

ชอบอาศัยอยู่ตามป่าโปร่ง ป่าละเมาะชายทุ่งและบริเวณที่ทำการเพาะปลูก ชอบอยู่กันเป็นคู่ บางทีก็เห็นอยู่เดี่ยวแต่ไม่ ชอบหากินอยู่เป็นฝูงใหญ่ มักขันบ่อย ๆ ในยามเช้าและยามเย็น เป็นนกที่เชื่องคนง่าย

ลักษณะที่ดี

  • ปากงอเหมือนขอช้าง
  • มีสร้อยรอบคอ,ขนที่คอสีหมึกดำ
  • อกนูน
  • ขนสีดำมีสีขาวแซมที่ปีกหรือขนขาวทั้งตัว
  • หน้าผากขาว
  • ขนขาวรอบขอบตา,ขอบตากว้าง
  • ขนหางยาวยื่นออกเป็นเส้นเดียว
  • เท้าสีขาวเขียว ฝ่าเท้าดำ


นกเขาใหญ่

นกเขาใหญ่
นกเขาชนิดพันธุ์นี้เป็นนกเขาที่มีลำตัวใหญ่ คนไทยเรานิยมเลี้ยงกันมาแต่โบราณกาล ซึ่งผู้นิยมการเลี้ยงนกเขาชนิดนี้ต่างก็มีความรู้สึกว่านกเขาใหญ่เป็นนกเขาที่น่ารักและน่าเลี้ยงมาก เพราะคุณสมบัติของนกเขาใหญ่ชันดี นับว่ามีลีลาการขันต่างกว่านกชนิดอื่น ใครได้ฟังจะไม่รู้จักเบื่อ
ชื่ออื่น นกเขาหลวง, นกเขาหม้อ
ชื่อวงศ์ Columbidae
ชื่อสามัญ Spotted-necked Dove or Spotted Dove
ชื่อวิทยาศาสตร์ Streptopelia chinensis Tigrina

ถิ่นกำเนิด

พบว่ามีอยู่ในประเทศอินเดีย จีน ไทย และประเทศทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย ปัจจุบันมีการนำมาแพร่พันธุ์จนกลายเป็นนกประจำถิ่น พบบ่อยตามทุ่งโล่ง ป่าละเมาะ และป่าทึบ

รูปร่างลักษณะ

ขนาดตัวประมาณ25 เซนติเมตร ทั้งนกเขาตัวผู้และตัวเมียต่างก็มีลักษณะคล้ายกันคือ ขนปกคลุมตัวสีน้ำตาล ด้านหลังสีเข้มกว่าด้านท้อง หัวสีเทา ด้านข้างของคอและท้ายทอยมีแถบสีดำกว้าง ภายในแถบดำมีจุดกลมเล็ก ๆ สีขาวกระจาย ตรงปลายปาก ม่านตาสีชมพูอ่อน ๆ แกมเหลืองจาง ๆ ปาก สีดำ แข็งและนิ้วเท้าสีค่อนข้างแดง เวลาบินเห็นขอบท้ายของขนหางสีขาว

อุปนิสัย

ชอบอาศัยอยู่ตามป่าโปร่งชายทุ่งนา เรือกสวนและบริเวณที่มีการเพาะปลูก ปกติตามทุ่งนาที่ราบต่ำชอบอยู่ก้นเป็นคู่ บางตัวก็อยู่เดี่ยวจะขันคูในเวลาเช้าและเย็น เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวจะเข้าอยู่รวมกัน หากินเป็นฝูงใหญ่ และในการทำรังของมันจะมักจะใช้กิ่งไม้เรียงซ้อนกัน รังมีลักษณะบอบบางมาก วางไข่ 2 ฟอง นกเขาชนิดนี้ถ้าฝึกจนเชื่องจะเป็นนกที่ฉลาดรู้จัดจำเจ้าของ ช่างประจบ

ลักษณะที่ดี

  • หัวโต ปากสั้น,ปลายจงอยปากงอเหมือนขอช้าง ขอบตากว้างชัด,ดวงตาสุกแดงเป็นสองชั้น สะพายท้ายตางอและดำ คอยาว และมีสร้อยรอบคอ,คอต่อหลังตั้งเป็นหนอก ( คอหนอก ) หรือสันหลังแหลม ไหล่ผาย,อกตั้ง ไม่แคบ กุกหรือหลิ่วต้น หัวปีกแหลมและชิดปิดบัง,ปลายปีกไขว้ ท้ายตก ขนสันหลังหนา,ขนยาว รากขนดำลึก น้ำหมึกมาก แข้งมีสีแดงผักปลัง เท้าใหญ่ เล็บดำ เล็บก้อยยาว

นกเขาไฟ
ชื่อวงศ์ Columbidae
ชื่อสามัญ Red turtle dove
ชื่อวิทยาศาสตร์ Streptopelia tranquebarica

รูปร่างลักษณะ

ตัวเล็กกว่านกเขาใหญ่ ขนปกคลุมตัวสีน้ำตาลปนเทา มีทางสีดำพาดขวางตรงท้ายทอย เพศผู้มีหัวสีเทาและมีต้นปีกเป็นสีน้ำตาลแดงมาก เวลาบินเห็นขอบท้ายของขนหางสีขาว เป็นนกประจำถิ่น

แหล่งที่พบ

ปัจจุบันพบที่บริเวณตามทุ่งโล่ง ทุ่งนาและป่าละเมาะ

นกเขาเขียว

นกเขาเขียว

ชื่อวงศ์ Columbidae
ชื่อสามัญ Emeral dove
ชื่อวิทยาศาสตร์ Chalcophaps indica

รูปร่างลักษณะ

ขนาดตัวเท่ากับนกเขาไฟ ขนปกคลุมตัวด้านหลังสีเทา ตะโพกสีเขียวและมีแถบสีขาว 2 แถบ ปีกสีเขียว ด้านท้องสีน้ำตาลแดง เพศผู้มีหน้าผากและคิ้วขาว เพศเมียมีหัวสีน้ำตาลมีคิ้วขาว

แหล่งที่พบ

ปัจจุบันพบที่บริเวณในป่าทึบ ปกติพบตามลำพังตัวเดียวตามที่ร่มทึบและชื้น ส่วนมากจะบินในระดับต่ำกว่าเรือนยอดของต้นไม้

เอกสารอ้างอิง

  • หนังสือเรื่อง นกเขา ,ผู้แต่ง ชาติ ไชยณรงค์
  • หนังสือเรื่อง นกเขาชวา ,ผู้แต่ง มัลลิกา คณานุรักษ์
  • หนังสือเรื่อง ปักษีวิทยา ,ผู้แต่ง วีรยุทธ์ เลาหะจินดา


สกุณลักษณศาสตร์
(ตำราว่าด้วยลักษณะนกที่ควรเลี้ยงในบ้าน)

ตำราพรหมชาติฉบับสมบูรณ์


โดย สำนักพิมพ์อำนาจสาส์น



                สิทธิการิยะฯ จักกล่าวถึงนกเลี้ยงภายในบ้านที่เรานิยมกัน มีหลายชนิด แต่ในที่นี้จักกล่าวถึงเฉพาะนกเขาเท่านั้น โบราณบรรพบุรุษ กล่าวคือ ชั้นปู่ย่าตายาย ท่านมักห้ามมิให้ลูก ๆ หลาน ๆ เลี้ยงนกเขา เพราะฟังชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าไม่ใช่นกเรา บรรพบุรุษท่านถือว่า เมื่อมีทรัพย์สินเงินทองใด ๆ มันจะอยู่ไม่จีรังยั่งยืนภายในบ้านเมือง แต่ทว่าพอที่นักเล่นนกเขาจะพยายามเลือกสรรหานกประเภทนี้มาเลี้ยงไว้ภายในบ้านเรือนได้ โดยเลือกเอาเฉพาะนกเขาที่มีลักษณะดี มีสีสันเป็นสิริมงคลเท่านั้น นกเขาในบ้านเมืองไทย ของเราถ้าแบ่งประเภทอย่างหยาบ ๆ จะได้ 4 ชนิด กล่าวคือ


1. นกเขาแขก หรือ นกเขาเทศ นกเขาชนิดนี้ จะสังเกตได้ง่าย เพราะมีรูปร่างขนาดใหญ่กว่านกเอี้ยงทั่วไป มีขนสีเทาอ่อนข้างน้ำตาลอ่อน ที่คอมีลายคาดำเบื้องบนลงมาครึ่งทาง หน้าอกมีขนสีขาวอมเทา ขาที่ลำแข็งมีสีแดง นิ้วแดง      แต่เล็บสีดำ ปากจะเป็นงอนยาวแนบสนิทกัน ตรงปลายงุ้มเล็กน้อย


2. นกเขาเขียว มีรูปร่าง ถ้าโตเต็มที่ จะขนาดใหญ่ กว่านกเขาแขกเล็กน้อย ขนตามลำตัวเหมือนกับนกแขก แต่ทว่าสีขาวอมน้ำตาลแซมดำมากกว่า เฉพาะขนปีกทั้ง 2 ข้างแซมสีเขียวเหมือนนกแก้ว ปากเหมือนกับชนิดแรกแข้งแดง      นิ้วดำเหมือน ๆ กัน เป็นนกที่สวยงามกว่าชนิดอื่น ๆ


3. นกเขาใหญ่ มีรูปร่างขนาดเดียวกันกับนกเขาแขก มีขนที่อกและคอขาว ถัดลงไปที่ปีกมีสีขาว และจุดสีดำโดยทั่วไป ขนปีมีแซมสีดำบ้าง เทาแก่บ้าง แข้งดำ นิ้วดำ ลำตัวและท้องสีขาวอมเทา


4. นกเขาชวา  เป็นพันธุ์นกเขาที่มีรูปร่างเล็กกว่า 3 ชนิด ดังกล่าวแล้วนั้น ขนหน้าอก คอและท้องเป็นสีเทา ปลายขนมีจุดสีดำอ่อน ๆ ที่คอด้านหลัง มีปลายชนสีดำบ้างเล็กน้อย นอกนั้นเหมือนกับนกเขาใหญ่ แต่ต่างกันตรงที่แข้ง  สีเทาเกร็ดดำ นิ้วเล็บสีเทาไม่ถึงกับดำเลยทีเดียว


เมื่อทราบประเภทของนกเขาต่าง ๆ นั้นแล้ว ขอกล่าวถึงนกเขาที่นักเล่นนกนิยมเลี้ยงกันมีเพียง 2 ชนิดเท่านั้น คือ นกเขาใหญ่ กับนกเขาชวา ดังนั้น จึงใคร่ขอกล่าวถึงรูปพรรณลักษณะของนกเขาทั้งสองนี้โดยลำดับไป ว่าลักษณะอย่างไรให้คุณโทษอย่างไรบ้าง ดังต่อไปนี้


     นกเขาใหญ่

1.  ถ้าแข้งสีแดงจัด และมีเล็บขาวสะอาด ท่านว่า เลี้ยงไว้ในบ้านเรือนสามารถป้องกันอัคคีภัยได้ดีนักแล

2.  ถ้าสร้อยคอขาวคาดจุดดำจำนวนมาก ท่านว่า เป็นนกนำโชคมาให้เจ้าของจะทำให้ได้ลาภเงินทอง ของใช้จากคนอื่นเสมอ ๆ

3.  ถ้าเกร็ดที่หน้าแข็งมีครบ 9 คู่ หรือ 18 เกร็ดเรียงสลับกันโดยลำดับท่านว่าดีปานกลาง

4.  ถ้าเล็บดุด คือสลับกันเล็กบ้างใหญ่บ้างเหมือนแข้งไก่ชน ท่านว่าเป็นลักษณะของนกเขาที่ให้คุณ จะเป็นที่ยำเกรงของคนทั่วไป เจ้าของจะมีอำนาจวาสนามีบริวารมาก

5. ถ้าฟังเสียงร้องเสียงคู่สำเนียงฟังคล้ายกับว่า กรุก กรู ติดต่อกัน 3 ครั้ง 9 ครั้ง โดยไม่หยุดพักเลย ท่านว่าเป็นนกเขาค่าควรเมือง จะให้ลาภแก่เจ้าของทุกประการ ดีนักแล

6.  ถ้าเสียงขันเสียงคู ออกสำเนียงคล้ายกับว่า กวัก กรู กวัก กรู หลาย ๆ ครั้ง ยิ่งครบ 5 หรือ 9 ครั้งยิ่งดี ท่านว่า เจ้าของและครอบครัวจะประสบโชคทางการเงินไหลมา เทามา ทรัพย์สินเนืองนอง ไม่อดอยากเลย คำคุณเจ้าของ และบริวารในครอบครัวดีนัก

7. ถ้าเสียงขันเสียงคู ฟังว่าคล้ายกับเสียงภาชนะแตก หรือคล้ายเสียงคนสะอึก หรือจาม ท่านว่า ไม่ดี ไม่ควรเลี้ยงไว้ ให้รีบปล่อยไปเสีย มิฉะนั้นจะนำความหายนะมาให้ในไม่ช้าแล

8. ถ้าเสียงขันเสียงคูฟังนิ่มนวลเป็นเสียงเดียวกัน และอ่อนหวานเวลาขันทำท่าคล้ายเอาศีรษะกวักเข้ามาด้วย ท่านว่าเป็นลักษณะวิเศษ จะนำโชคลาภเกียรติยศชื่อเสียงมาให้เจ้าของ และบริวารดีนักควรเอาเงินทองใส่ในภาชนะน้ำ ให้นกดังกล่าวดื่มกินเถิดจะได้ลาภภายใน 3 วัน 7 วันแน่แท้เลย

9. ถ้านกเขาใหญ่ตัวใด มีขนตรงหัวมีลวดลายคล้ายองค์พระพุทธรูป ที่ปีกมีลวดลายคล้ายตัวนะ กลางหลังมีคล้ายตัวโม ขนที่คอมีคล้ายตัว พุทกลางหลังมีคล้ายตัว ธา และที่หางมีคล้ายตัวยะ ริมขอบตามทั้ง 2 ข้าง มีคล้ายขนอุณาโลม ท่านว่า นกเขาตัวนั้นหาค่ามิได้ ค่าควรเมืองยิ่งนัก ถ้าได้พบเห็นราคาเท่าไรก็ขอให้ซื้อมา แล้วทำกรงทาสีทองให้อยู่เถิด เจ้าของจะร่ำรวยภายใน 3 วัน 7 วัน จะทำราชการค้าขายหรือประกอบกิจการใด ๆ  ท่านว่าเจริญก้าวหน้า มีกำไรทุกอย่าง ดีนักแล

10.  ถ้านกเขาใหญ่ ตัวใด ขับคูออกเสียงเป็นจังหวะ “กรุก กรู ๆ ๆ เจ้าหัวกู ๆ ๆ กรู ๆ “ ทำนองคล้ายกันนี้ ท่านว่านกตัวนั้นเป็นนกอุดมโชคเจ้าของจะทำมาค้าขึ้น ประกอบกิจการงานใด จะรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไปสารทิศใด ๆ จะมีคนอุปถัมภ์ค้ำชู ไม่อดอยากเลย ดีนักแล

11.ถ้าเวลาขันหรือคู นกตัวใดหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ท่านว่า จะปกป้องภยันตรายให้กับเจ้าของมันดีนัก ศัตรูคิดปองร้ายมิได้เลย ดีนักแล

12.ถ้าเวลาขันหรือคู นกหันหน้าไปทางทิศตะวันตกหรือทิศใต้ ท่านว่าไม่ดี ไม่ควรเลี้ยงไว้ เพราะจะทำให้เจ้าของอับโชค สิ้นอำนาจ หมดวาสนาชะตาตก

13.ถ้านกเขาตัวใด มีขนคอปนจุดสีดำรอบคอ มองเห็นได้ชัดเจนดี ท่านว่านกตัวนั้นจะให้คุณ ถึงแม่ว่าเจ้าของจะยากจน ก็จะร่ำรวยในไม่ช้า จะมีลาภผลเกิดขึ้นมาโดยเร็ว อย่างประหลาดใจทีเดียว ค้าขายไม่น่าจะร่ำรวยก็ร่ำรวย เป็นข้าราชการก็จะได้ยศได้ขั้นเงินเดือนมากกว่าใคร ๆ ในรุ่นเดียวกันดีนักแล

14. ถ้านกเขาตัวใด เวลาขันหรือเวลาถ่ายมูล มีกลิ่นเหม็นท่านว่าเป็นนกอัปลักษณ์ อย่าได้เลี้ยงไว้ภายในบ้านเลยเด็ดขาด

15.ถ้านกตัวใดมีขนออกที่ริมฝีปากทั้งสองข้าง ท่านว่าเป็นนกนำลาภมาให้เลี้ยงไว้เถิดจะให้ผู้เลี้ยงประสบโชคดีเสมอ ๆ ดีนักแล

16.ถ้านกตัวใด กลางหลังมีลวดลายเส้นแมลงผีเสื้อ หรือหน้ายักษ์ ท่านว่า อย่าได้จับต้องหรือเลี้ยงนกตัวนั้นไว้เลย จะทำให้เสื่อมลาภเสื่อมยศทรัพย์สินภายในบ้านจะหายนะไม่ดีเลย

17.ถ้านกตัวใดมีหางสั้น และยังมีขนหางไม่ครบ 10 เส้น ท่านว่าเป็นนกขัดลาภอย่านำเลี้ยงไว้ในบ้านเลยไม่ดีเลย

18.ถ้านกตัวใดมีขนหรือลวดลายคล้ายนกกระจอก หรือมีขนหางสั้นกว่าลำตัวมันท่านว่า เป็นนกอัปลักษณ์ ชาติชั่วจัณฑาลไม่ดีเลย หากนำมาเลี้ยงไว้ในบ้านจะทำให้บริวารประพฤติผิดศีลธรรมเลย

19.ถ้านกตัวใดมีขนปีกสั้น ปกคลุมตัวไม่มิดชิด ท่านว่า เป็นนกอัปลักษณ์ จะนำความหายนะและความชั่วร้ายมาให้ ถ้าขืนเลี้ยงไว้เจ้าของจะต้องประสบอุบัติเหตุ เกิดจัญไรกับตัวและบริวาร ไม่ดีเลย

20. ถ้านกตัวใดริมฝีปากบน ล่าง เวลาปกติไม่แนบสนิทกัน ท่านว่า เป็นนกอัปลักษณ์ไม่ควรจะเลี้ยงไว้ เพราะจะทำให้เจ้าของสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง เป็นคดีความมีแต่ทางเสียเงินถ่ายเดียว


    นกเขาชวา

1. ถ้านกเขาชวาตัวใดมีแข้งดำดุจสีนิล ท่านว่า เป็นนกนำลาภมาให้ ควรเลี้ยงไว้จะทำให้เจ้าของประสบความสุขความเจริญ ดีแล

2. ถ้าแข้งดำดุจนิลและเกร็ดแข้งคุดเหมือนไก่ชน ท่านว่า เจ้าของชนะศัตรูไม่เคย เจ็บไข้ ต้องโรคาพยาธิเลย ดีแล

3. นกตัวใดมีแข้งแดง ขนปีกดำสลับขาว ท้องหน้าดำ ท่านว่า เป็นนกเขาค่าควรเมืองคุ้มไฟ คุ้มอันตราย ให้เจ้าของได้ ดีนักแล

4.ถ้านกตัวใดริมขอบตาขาว นัยน์ตาดำสนิท ท่านว่า เป็นนกให้อำนาจวาสนาแก่เจ้าของแล

5.นกตัวใดแข้งมีเกร็ด 9 คู่ ท่านว่า เป็นนกนำโชคมาให้เจ้าของมั่งมีศรีสุข ดีนัก

6.นกตัวใดเป็นนกผสมระหว่างนกเขาเขียวกับนกเขาชวา มีปีกแซมขนเขียวกระเรียวงาม ท่านว่า เป็นนกป้องกันภยันตราย มีค่าควรเมือง ทำมาค้าขาย ดีนัก

7.นกตัวใดมีหางยาว โผล่ออกมาเส้นเดียว ท่านว่า เป็นนักนักการพนัน นกการค้า ใครเลี้ยงไว้จะมีลาภ ยศ ชื่อเสียง ดีนัก

8.นกตัวใดขันหรือคูมีเสียงคู่ กรุก กรู ๆ กรู-กรู ยาวถึง 3 ถึง 8 ครั้งติดต่อกัน ท่านว่า เป็นนกเจ้าพระยา ใครเลี้ยงไว้จะเจริญรุ่งเรือง มีความสุขปราศจากโรคาพยาธิดีนักแล

9.นกตัวใดขันเสียแตก ขันแล้วหยุด หยุดแล้วขันไม่เป็นเวลา ท่านว่าเป็นนกกาลี ไม่ควรเลี้ยงไว้ในบ้านเลย

10.นกตัวใดขันเป็นยาม เช่น ตอนเช้า ตอนเที่ยง และบ่าย ค่ำ ท่านว่า เป็นนกมหาเศรษฐี เสียงร้องจะนำโชคลาภมาให้เจ้าของเลี้ยงไวดีนักแล นอกจากนี้ ถ้านกเขาชวา มีลักษณะเข้าตำราตามแบบนกเขาใหญ่ ท่านว่าดีนัก ปราศจกโทษให้คุณอนันต์ดีนักแลฯ


จบตำรา ลักษณะนกเขาเพียงเท่านี้





มาเลเซียสั่งห้ามเข้านกเขา ฟาร์มเจ๊ง 50 ล.
มาเลเซียคุมเข้มไข้หวัดนกห้ามสัตว์ปีกต่างถิ่นเข้าประเทศ ทำฟาร์มเลี้ยงนกเขาชวาที่จะนะขาดรายได้ ห่วงปล่อยไว้นานยอดเสียหายจะสูงถึง 50 ล้านบาท วอนหน่วยงานรัฐออกใบรับรอง เพื่อใช้เป็นเครื่องยืนยันว่าปลอดเชื้อ ส่วนที่ภาคเหนือพบกลุ่มนายทุนยังคงพยายามลักลอบ ขนวัคซีน เอช 5 เอ็น 1 จากจีน เข้าไทยผ่านทางแม่น้ำโขง

การระบาดของโรคไข้หวัดนกในภาคกลางและภาคเหนือของประเทศ ได้ส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงนกเขาชวาใน อ.จะนะ จ.สงขลา เนื่องจากมาเลเซียวางมาตรการเข้มเพื่อป้องกันการระบาดของโรคไข้หวัดนก ด้วยการห้ามนำนกและสัตว์ปีกเข้าประเทศ ทำให้ฟาร์มเลี้ยงนกเขาชวาใน อ.จะนะ ที่ซื้อขายนกเขาชวากับทางประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ต้องหยุดชะงัก ทำให้ฟาร์มเลี้ยงนกเขาชวาขนาดใหญ่กว่า 10 ฟาร์ม ที่เลี้ยงนกเขาชวาตั้งแต่ 600-700 ตัว และฟาร์มย่อยอีกเป็นจำนวนมากได้รับผลกระทบ

นายประสิทธิ์ อิสอ เจ้าของฟาร์มเลี้ยงนกเขาชวา "แอทองฟาร์ม" หมู่ 5 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นฟาร์มขนาดใหญ่เลี้ยงนกเขาชวากว่า 700 ตัว เพื่อส่งขายต่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากมาเลเซียประกาศห้ามนำสัตว์ปีกทุกชนิดเข้าประเทศ ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเลี้ยงนกเขาชวาอย่างรุนแรง ทำให้ อ.จะนะ ขาดรายได้หลักที่มาจากการผสมพันธุ์นกเขาชวาเสียงส่งออกต่างประเทศ "เมื่อเกิดโรคไข้หวัดนกกลับมาระบาดระลอกใหม่ ทำให้วงจรการเลี้ยงนกเขาชวาหยุดชะงัก เพราะส่งออกไม่ได้ มาเลเซียห้ามนำเข้า 100% รวมทั้งในประเทศไทย ก็ห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ปีก ทำให้การซื้อขายนกเขาชวาของ อ.จะนะ ชะงักอยู่กับที่"

เจ้าของฟาร์มเลี้ยงนกเขาชวา กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนชมรมนกเขาชวา อ.จะนะ อยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลด้วย เพราะนกเขาชวา ไม่ได้เป็นโรคไข้หวัดนก มีภูมิต้านทานที่แข็งแรง ในประวัติไม่เคยมีนกเขาชวาเป็นโรคไข้หวัดนก แต่ผลกระทบที่เกิดจากไก่ ทำให้รายได้จากการขายนกเขาชวาหยุดชะงักไปด้วย ส่งผลให้ผู้เลี้ยงใน อ.จะนะ ขาดรายได้ เศรษฐกิจก็ถดถอยลง โดยภาพรวมของรายได้จากธุรกิจนกเขาชวาใน อ.จะนะ ต่อปีเฉลี่ยอยู่ 50 ล้านบาท แต่ขณะนี้เงินส่วนนั้นกำลังจะหายไป

ด้าน พ.ต.ท.กานนท์ เต็มสังข์ ข้าราชการบำนาญ เจ้าของฟาร์มเทพนรสิงห์ ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา มีนกเขาชวาเลี้ยงในฟาร์มกว่า 300 ตัว กล่าวว่า ปัญหาไข้หวัดนกระบาด โดยอ้างว่านกเป็นพาหะนำโรค แต่ความเป็นจริงแล้วนกเขาชวาไม่เหมือนไก่ เพราะตนเลี้ยงนกเขาชวามาหลายสิบปี ไม่เคยปรากฏในประวัติว่า นกเขาชวาเป็นโรคไข้หวัดนกแม้แต่ตัวเดียว และราคาพ่อพันธุ์นกเขาชวาตัวหนึ่งราคา 1.2 ล้านบาท ลูกนกคู่ละ 5,000-50,000 บาท ทำให้ต้องเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี
 
"การเลี้ยงนกเขาชวาได้สืบทอดกันมากว่า 40 ปีแล้ว นกเขาชวาที่ อ.จะนะ ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน จนกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ที่นำรายได้เข้าประเทศจากประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และบรูไน 40-50 ล้านบาทต่อปี" พ.ต.ท.กานนท์ กล่าว

พ.ต.ท.กานนท์ กล่าวอีกว่า เมื่อนกเขาชวา ไม่สามารถส่งขายต่างประเทศได้ ก็ส่งผลกับชาวบ้านที่ทำกรงนก เย็บผ้าคลุมกรงนก ทำหัวกรงนก ทำขอนให้นก เพราะไม่สามารถขายสินค้าเหล่านี้ได้ "อยากให้ภาครัฐประสานกันแบบรัฐต่อรัฐกับประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ให้นำนกเขาชวาปลอดโรคของ อ.จะนะ ผ่านเข้าไป เพราะตลาดใหญ่อยู่ที่นั่น

โดยปศุสัตว์จังหวัดสงขลา ควรส่งสัตวแพทย์เข้ามาตรวจสอบนกเขาชวา และหากไม่มีโรค ก็ขอให้ออกใบรับรองคุณภาพนกปลอดโรคให้ เพื่อสามารถนำไปยืนยันเป็นหลักฐานส่งออกได้" เจ้าของฟาร์มเทพนรสิงห์ กล่าว 



ตำรานกเขาชวา

          นกเขาชวา เป็นนกที่คนไทยนิยมเลี้ยงไว้ในบ้านเพื่อฟังเสียงขันทำให้เพบลิดเพลินและยังเชื่อกันว่า หากได้นกที่มีลักษณะดีมาเลี้ยงจะเป็นสิริมงคล มีโชคลาภ เกียรติยศชื่อเสียง มีแต่ความสุขความเจริญ

          ตำราดูนกเขา ระบุลักษณะของนกเยชวาที่ดีไว้หลายแบ เช่น นกที่ตัวขาวผ่อง ปากแดง ตีนแดง ดุจกุ้งต้ม เลี้ยงไว้จะเป็นสิริมงคล นกที่เวลาขันชูปีกทุกครั้ง เลี้ยงไว้จะมีคุณการป้องกันสิ่งชั่วร้ายนกที่มีขนล้อมตามมาก ปากหอมดุจกฤษณา จะส่งผลให้ผู้เลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ในบ้านเมือง ส่วนนกลักษณะชั่วก็มีหลายประการ นกปากเหม็น ปากหาง สั้นกว่าตัว ขนหางไม่ครบ 10 เส้น ตีนติดกันเหมือนตีนเป็ด ฯลฯ

 

          ร้ายที่สุดคงเป็นนกตีนสั้นกว่ากัน เพราะเชื่อว่าใครจับจะต้องอาพับอับโชค ควรปล่อยให้ไกล ก่อนปล่อยต้องนิมนต์พระมาสวดและรดน้ำมนต์ 7 วัน 7 คืนทีเดียวจึงหายเคราะห์เข



ที่มา : สมุดบันทึก ภูมิปัญญาไทย กรมศิลปากร.2547
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ : จุดประกาย หน้าจุดประกายวัฒนธรรม
คอลัมน์ ไท-ไทย ฯลฯ วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม 2547

รวบรวมโดย : สถาบันเด็ก มูลนิธิเด็ก












หน้าก่อน หน้าก่อน (1/2)


สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-04-23 (36587 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©