-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 479 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

มะพร้าวน้ำหอม-น้ำหวาน




หน้า: 1/3



         มะพร้าวน้ำหอม - น้ำหวาน                          




        ลักษณะทางธรรมชาติ                       

      * มะพร้าวน้ำหอมอยู่ในกลุ่มมะพร้าวสายพันธุ์เตี้ย  อัตราการเจริญเติบโตทางสูงค่อนข้างช้า ต้นอายุ 15-20 ปีความสูงประมาณ 10-12 ม.เท่านั้น
                        

      * ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียในต้นเดียวกัน บานพร้อมผสมได้ในระยะเวลาเดียวกันหรือบานพร้อมๆกัน   มีโอกาสได้ผสมกันเองมาก  เมื่อนำผลไปขยายพันธุ์จึงมักไม่ค่อยกลายพันธุ์หรือกลายพันธุ์เพียงเล็กน้อย  ยิ่งถ้าเป็นมะพร้าวน้ำหอมในสวนขนาดใหญ่จำนวนหลายๆ ร้อยต้น แม้จะผสมข้ามต้นแต่ก็ยังเป็นพันธุ์เดียวกันอยู่ดี  นอกจากนี้ยังส่งผลมีผลดกอีกด้วย (สายพันธุ์เดียวกัน ผสมต่างต้น ดีกว่า ผสมในต้นเดียวกัน)
                                 

      * ปลูกเตยหอมโคนต้นทั่วบริเวณทรงพุ่ม นอกจากช่วยสร้างความชุ่มชื้นหน้าดินเป็นผลดีแก่ต้นมะพร้าวแล้วยังได้เตยหอมไว้จำหน่ายอีกด้วย รากเตยหอมที่อยู่กันกับรากมะพร้าวจะช่วยให้มะพร้าวต้นนั้นมีน้ำหอมกว่าต้นที่ไม่มีเตยหอม
                        

      * พิสูจน์ต้นกล้ามะพร้าวน้ำหอมพันธุ์แท้ด้วยการใช้เล็บจิกปลายรากอ่อนหรือจิกโคนต้นอ่อน ชิมแล้วมีรสหวานและดมแล้วมีกลิ่นหอมน้ำมะพร้าวชัดเจน หรือสังเกตก้านทางถ้าเป็นสีเหลืองเข้มหรือเหลืองอ่อน คือ พันธุ์แท้ ถ้าทางเป็นสีเขียวเป็นมะพร้าวกลายพันธุ์
                        

      * ในมะพร้าวน้ำหวาน ถ้าต้องการให้น้ำมีรสหวานจัดขึ้น ให้ปลูกแบบสวนพื้นราบหรือยกร่องแห้งลูกฟูก เพื่อความสะดวกในการควบคุมปริมาณน้ำใต้ดินโคนต้น ทั้งนี้ ช่วงก่อนเก็บเกี่ยวแต่ละทะลายควรให้ปุ๋ยเร่งหวานทั้งทางราก (8-24-24/1 รอบ) และทางใบ (0-21-74/1-2 รอบ)ห่างกันรอบละ 5-7 วันให้น้ำเพื่อละลายปุ๋ยทางรากแล้วงดน้ำเด็ดขาด หลังจากเก็บเกี่ยวทะลายที่ต้องการแล้วให้กลับมาระดมให้น้ำเพื่อบำรุงผลรุ่นหลังต่อไป ซึ่งการจัดสวนแบบยกร่องน้ำหล่อไม่สามารถควบคุมปริมาณน้ำใต้ดินได้ ทำให้ไม่สามารถงดน้ำเพื่อเร่งความหวานให้เพิ่มขึ้นได้
                        
      * ให้เกลือแกง อัตรา ½ กก./ต้น (ให้ผลผลิตแล้ว)/6 เดือน ควบคู่กับน้ำหมักเครื่องในปลาทะเล เป็นการเพิ่มธาตุโซเดียม หรือให้มูลค้างคาว 1-2 กำมือ/ต้น (ให้ผลผลิตแล้ว)/6 เดือน เป็นการเพิ่มธาตุฟอสฟอรัส.และโปแตสเซียม. นอกจากจะช่วยให้มะพร้าวน้ำหวานมีรสหวานจัดแล้วยังช่วยให้ออกดอกติดผลดีขึ้นอีกด้วย หรือให้ขี้แดดนาเกลือ 1-2 กก./ต้น (ให้ผลผลิตแล้ว)/6 เดือน

       * เพื่อให้ต้นมีความสมบูรณ์อยู่เสมอตลอดปีควรให้ฮอร์โมนบำรุงราก 2-3 เดือน/ครั้งและให้ไซโตคินนิน 1-2 เดือน/ครั้ง                       

      * วิธีพูนโคนต้นให้สูงกส่าพื้นระดับ 30-50 ซม. กว้างเท่าพื้นที่ทรงพุ่มหรือล้ำออกไปนอกทรงพุ่ม ด้วยอินทรีย์วัตถุ ปีละ 1 ครั้ง จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์แข็งแรง ออกดอกติดผลดีตลอดปี

      * มะพร้าวน้ำหอม-น้ำหวาน ต้นที่สมบูรณ์ดีจะออกจั่นทุก 20 วันและมีทางเกิดใหม่ทุก 20 วัน เมื่อได้ 1 ทางย่อมหมายถึงจั่น 1 จั่นเสมอ
                           



      
สายพันธุ์                         
       มะพร้าวน้ำหอม :
                             
       เป็นสายพันธุ์ที่น้ำมีกลิ่นหอมชัดเจน แต่ความหวานอาจจะน้อยกว่ามะพร้าวน้ำหวาน กรณีนี้ถ้าต้องการเพิ่มความหวานสามารถทำได้โดยใส่ปุ๋ยเร่งหวาน ทั้งทางใบ ทางราก และงดน้ำ ก่อนเก็บเกี่ยว

       มะพร้าวน้ำหวาน :                        
       เป็นสายพันธุ์ที่น้ำมีกลิ่นหอมน้อยกว่าพันธุ์น้ำหอม แต่มีรสหวานมากกว่าพันธุ์น้ำหอม กรณีนี้ถ้าต้องการเพิ่มกลิ่นให้ดีขึ้น ให้บำรุงด้วยธาตุอาหารที่มีส่วนประกอบของฟอสฟอรัส-โปแตสเซียม และกำมะถัน

       พันธุ์ผลยาวหรือผลเล็ก :                           
       เป็นพันธุ์ที่มีผลขนาดเล็ก ยาวรี หัวแหลมท้ายแหลม รสชาติไม่ค่อยอร่อยจึงไม่นิยมปลูก

       พันธุ์ผลก้นกลมหรือก้นป้าน :                          
       เป็นพันธุ์ที่มีผลขนาดใหญ่และเปลือกบางที่สุดในบรรดามะพร้าวน้ำหอมด้วยกัน ทรงผลกลมได้สัดส่วน ส่วนก้นผลกลมมน ให้ผลดกสม่ำเสมอตั้งแต่ต้นอายุน้อยถึงอายุมาก
                        

       พันธุ์ผลก้นจีบ :                           
       เป็นพันธุ์ที่มีรูปทรงและขนาดอยู่ระหว่างพันธุ์ก้นกลมมนกับพันธุ์ผลยาว ที่ก้นผลมีร่องคล้ายจีบ 3-4 ร่อง ช่วงต้นอายุยังน้อยจะให้ผลดกเหมือนพันธุ์ผลก้นกลมมน แต่เมื่ออายุต้นมากขึ้นความดกของผลจะลดลง



       แต่งกลิ่นและรสมะพร้าวเผา :                       
       มะพร้าวน้ำหอมที่กลิ่นไม่หอมจัดหรือมะพร้าวน้ำหวานที่รสไม่หวานจัด สามารถแก้ไขได้ด้วยสารแต่งกลิ่นหรือสารแต่งรส ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์สำหรับบริโภคโดยเฉพาะด้วยวิธีการดังนี้
     1.นำมะพร้าวน้ำหอมหรือน้ำหวานขนาดอายุผลตามต้องการ เผาไฟด้วยวิธีการทำมะพร้าวเผาปกติ เผาแล้วปอกเปลือกขัดผิวกะลาให้สะอาดสวยงาม
                        
     2.ปรุง กลิ่นน้ำมะพร้าวสังเคราะห์ ให้ได้กลิ่นจัดตามต้องการสำหรับมะพร้าวน้ำหอม หรือปรุงน้ำเชื่อมให้ได้ความหวานตามต้องการสำหรับมะพร้าวน้ำหวาน
                        
     3.ใช้เข็มฉีดยา (ไซลิงค์) ขนาดเข็มเบอร์เล็กที่สุด สูบน้ำกลิ่นสังเคราะห์หรือน้ำเชื่อม จำนวน 1-2 ซีซี. ฉีดใส่ผลมะพร้าวเผาปอกเปลือกแล้วบริเวณจมูกด้วยการแทงเข็มเฉียงหรือเอียงมากๆ ฉีดอัดน้ำแต่งกลิ่นหรือรสเข้าในลูกมะพร้าวนั้น ถอนเข็มออก กดรอยแผลที่แทงเข็มฉีดยาให้เรียบสนิทเหมือนเดิม เขย่าเบาๆเพื่อให้น้ำในลูกมะพร้าวเข้ากันดี เสร็จแล้วใช้ดื่มได้ น้ำมะพร้าวก็จะมีกลิ่นหรือรสตามน้ำแต่งกลิ่นแต่งรสนั้น ถ้าต้องการทั้งกลิ่นและรสในผลเดียวกันก็ฉีดทั้งน้ำแต่งกลิ่นและน้ำเชื่อมผสมกันลงไป จากหลักการนี้  ถ้าทำกลิ่นมะพร้าวให้เป็นกลิ่นวนีลา. สตรอเบอรี่. กาแฟ. ฯลฯ ก็สามารถทำได้ด้วยวิธีการเดียวกันโดยไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคแต่อย่างใด
     4.เก็บมะพร้าวเผาแต่งกลิ่นแต่งรสรสในตู้เย็นช่องธรรมดา  อยู่ได้นานหลายวัน 




                 
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อมะพร้าว
                (มะพร้าวใหญ่  มะพร้าวน้ำหอม-น้ำหวาน  ฯลฯ)      

    1.ระยะกล้า - ยังไม่ให้ผลผลิต                       
      ทางใบ :                       
    - ให้น้ำ 100 ล.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นให้เปียกโชกลงถึงพื้น  ทุก 15-20 วัน
                        
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                        
      ทางราก :                       
    - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (4-5 กก.)/เดือน/ไร่
    - ให้น้ำเปล่าปกติ  ทุก 2-3 วัน                       

      หมายเหตุ :                       
      เริ่มให้ปุ๋ยทั้งทางใบและทางรากหลังจากต้นแตกใบใหม่ได้ 2-3 ใบ โดยช่วงระยะต้นเล็กให้แต่น้ำเปล่าก็พอ

    2.ระยะต้นโตให้ผลผลิตแล้ว                       
      ทางใบ :                       
    - ให้น้ำ 100 ล.+ ฮอร์โมนไข่ (100 ซีซี.) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 15-20 วัน  ฉีดพ่นให้เปียกโชกลงถึงพื้น
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                        
      ทางราก :                       
    - ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 สลับกับ 21-7-14(4-5 กก.)/เดือน/ไร่
    - ให้น้ำเปล่าปกติ  ทุก 2-3 วัน                       

      หมายเหตุ :                        
      ระยะต้นโตให้ผลผลิตแล้วถ้าขาดน้ำจะทำให้ขาดคอ (ไม่ออกจั่นและไม่มีผล) ทั้งในฤดูกาลปีนี้และฤดูกาลเดียวกันของปีต่อไป         

    3.บำรุง  “ดอก + ผล”  หลายรุ่น                       
     
ทางใบ :                        
  
  - ให้น้ำ 100 ล.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนสมส่วน 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ. 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้น ทุก 15-20 วัน
                          
      ทางราก :                       
    - ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24(4-5 กก.) 2 รอบ สลับกับ 21-7-14(4-5กก.) 1 รอบ/ไร่/เดือน                       
    - ให้น้ำเปล่าทุก 2-3 วัน                         
    - ช่วงก่อนเข้าหน้าหนาว (ฝนต่อหนาว) และช่วงหน้าแล้งต้องให้น้ำทุกวันหรือวันเว้นวันจะช่วยให้หน้าแล้งปีถัดไปมีผลมะพร้าวจะไม่ขาดคอ
                         

      หมายเหตุ :                          
    - ถ้าติดผลดกมากควรให้ฮอร์โมนน้ำดำ กับ แคลเซียม โบรอน 2-3 เดือน/ครั้ง โดยแบ่งให้ตลอดระยะเวลา
ที่มีผลผลิตอยู่บนต้นจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากแบกภาระเลี้ยงผลจำนวนมากบนต้น
    - ให้ขี้แดดนาเกลือ  ปีละ 2 ครั้ง
    - ให้สังกะสีคีเลต. 2-3 เดือน/ครั้งจะช่วยให้เนื้อหนาและเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง



            

                       ***********************




หน้าถัดไป (2/3) หน้าถัดไป


Content ©