-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 473 บุคคลทั่วไป และ 1 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

มะม่วง




หน้า: 3/7

 
             ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อมะม่วง      


     1. เรียกใบอ่อน
               
        ทางใบ :               
      - ให้น้ำ 100 ล.+ 25-5-5(200 กรัม) หรือ 46-0-0(200 กรัม)สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ จิ๊บเบอเรลลิน10 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1 ครั้งต่อการเรียกใบอ่อน 1 ชุด  ฉีดพ่นพอเปียกใบ
      - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน               
        ทางราก :               
      - ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7(½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
      - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน               
        หมายเหตุ :               
      - เริ่มปฏิบัติทันทีหลังตัดแต่งกิ่งและตัดแต่งรากเสร็จ                
      - หลังจากให้ทางใบไปแล้ว 5-7 วัน ถ้าต้นใดแตกใบอ่อนน้อยกว่า 50% ให้ฉีดพ่นซ้ำรอบสองด้วยอัตราและวิธีการเดิม เพราะถ้าต้นแตกใบอ่อนไม่พร้อมกันทั่วทั้งต้นจะส่งผลเสียหลายอย่างตั้งแต่การเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่ การสะสมอาหารเพื่อการออก. การปรับ ซี/เอ็น เรโช. การเปิดตาดอก.  ซึ่งจะออกดอกไม่พร้อมกันทั่วทั้งต้น  และเมื่อดอกออกไม่พร้อมกันก็กลายเป็นผลไม่พร้อมกันทำให้ยุ่งยากต่อการปฏิบัติบำรุงตามขั้นตอนอย่างมาก....แนวทางแก้ไข คือ ต้องบำรุงเรีบกใบอ่อนให้ออกมาเป็นชุดเดียวพร้อมกันทั้งต้นให้ได้                
      - มะม่วงอายุต้นมากกว่า  5 ปีเรียกใบอ่อนเพียง 1 ชุดก็พอ ส่วนต้นอายุน้อยกว่า 5 ปี ต้องเรียกใบอ่อน 2 ชุด โดยมีวิธีทำดังนี้               
        วิธีที่ 1....ถ้าต้นสมบูรณ์ดีมีการเตรียมดินและปรับปรุงบำรุงดินสม่ำเสมอต่อเนื่องมาหลายๆปีแล้ว  หลังจากใบอ่อนชุดแรกเพสลาดแล้วให้เรียกใบอ่อนชุด 2 ต่อได้เลย  ใบชุด  2 นี้อาจจะออกไม่พร้อมกันทั้งต้นเหมือนชุดแรกแต่ก็จะออกห่างกันไม่เกิน 7-10 วัน และหลังจากใบอ่อนชุด 2 เพสลาดก็ให้เข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามปกติ.....สำหรับมะม่วงอายุต้นมากกว่า 5 ปี (เป็นสาวเต็มที่) ให้เรียกใบอ่อนเพียง 1 ชุด นั่นคือเมื่อใบอ่อนเพสลาดแล้วให้เข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงตามปกติได้เลย
     วิธีที่ 2....หลังจากใบอ่อนชุดแรกแผ่กางแล้วเร่งให้เป็นใบแก่ ได้ใบแก่แล้วงดน้ำให้ใบสลดจนใบแก่โคนกิ่งร่วง 1-2 ใบให้ลงมือเรียกใบอ่อนชุด  2 เมื่อใบอ่อนชุด 2 แผ่กางให้เข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามปกติ               
       (วิธีที่ 1 ได้ผลดีกว่าวิธีที่ 2 เพราะต้นจะมีอาการโทรมน้อยกว่า......)
     - มะม่วงพันธุ์เบา นิสัยออกดอกติดผลง่าย ผ่านการบำรุงแบบให้มีอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่องมานานหลายปี หลังจากใบอ่อนชุด 1 แผ่กางเริ่มรับแสงแดดได้  สามารถข้ามขั้นตอนเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่. สะสมอาหารเพื่อการออกดอก. และปรับ ซี/เอ็น เรโช. เข้าสู่ขั้นตอนเปิดตาดอกได้เลย แต่อาจจะต้องเปิดตาดอกหลายรอบ หรือมากครั้งกว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้น
           
    2. เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่               
       ทางใบ :                                  
     - ให้น้ำ 100 + 0-21-74(200 กรัม)หรือ 0-39-39(200 กรัม)สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.1-2 รอบ ห่างกันรอบละ  5-7 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ
     - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน               
       ทางราก :               
     - ให้น้ำตามปกติ  ทุก 2-3 วัน                 
       หมายเหตุ :               
     - เริ่มปฏิบัติเมื่อใบเริ่มแผ่กางรับแสงแดดได้               
     - วัตถุประสงค์เพื่อเร่งใบชุดใหม่ให้สามารถสังเคราะห์อาหารได้ และเร่งระยะเวลาเรียกใบอ่อนชุดต่อไปได้เร็วขึ้น กับทั้งเพื่อให้ใบอ่อนรอดพ้นจากทำลายของแมลงปากกัดปากดูด
     - สารอาหารในกลุ่มเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่มีฟอสฟอรัส.และโปแตสเซียม. นอกจากช่วยเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่แล้วยังช่วยเสริมประสิทธิภาพขั้นตอนสะสมอาหารเพื่อการออกดอกได้ด้วย
     - ต้นที่สะสมความสมบูรณ์เต็มที่มานานหลายปีติดต่อกัน หลังจากใบอ่อนเริ่มแผ่กางแล้วสามารถข้ามขั้นตอนการบำรุงไปสู่ขั้นตอนเปิดตาดอกได้เลย ทั้งนี้ฟอสฟอรัส.กับโปแตสเซียม.นอกจากช่วยเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่ได้แล้วยังช่วยเปิดตาดอกได้อีกด้วย
          
   3. สะสมอาหารเพื่อการออกดอก               
      ทางใบ :               
    - ให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56 (200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 5-7 วัน ติดต่อกัน 2-3 รอบแล้วให้น้ำ 100 ล.+ เอ็นเอเอ.25 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.สลับ 1 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ติดต่อกัน 1-2  เดือน จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์เต็มที่
    - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน               
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน               
      ทางราก :               
    - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24(½-1 กก./ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
    - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน               
      หมายเหตุ :               
    - เริ่มปฏิบัติเมื่อใบเพสลาด               
    - แนวทางบำรุงให้ต้นได้สะสมอาหารเพื่อการออกดอกไว้มากที่สุด  ควรเตรียมแผนใช้เวลาบำรุง 2 เดือน โดยให้กลูโคสหรือนมสัตว์สดรอบแรกเมื่อเริ่มลงมือบำรุง   และให้รอบสองห่างจากรอบแรก 20-30 วัน
    - ไม้ผลที่ผ่านการบำรุงมาอย่างดีแล้วต้องกระทบหนาวจึงออกดอกดีนั้น  ช่วงขั้นตอนสะสมอาหารเพื่อการออกดอก  ถ้ามีการให้  “นมสัตว์สดหรือกลูโคส + 0-52-34 หรือ 0-42-56 + สังกะสี”  ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ช่วงเช้าแดดจัด 1-2 รอบ  ให้รอบแรกเมื่อเริ่มลงมือบำรุงสะสมอาหารเพื่อการออกดอก  จากนั้น อีก 20 วัน ให้อีกเป็นรอบ  2  ก็จะช่วยให้ต้นเกิดอาการอั้นตาดอกและส่งผลให้เปิดตาดอกแล้วมีดอกออกมาดีอีกด้วย
    - วัตถุประสงค์เพื่อให้ต้นสะสมสารอาหารทั้ง  “กลุ่มสร้างดอก-บำรุงผล (ซี.)”  และ “กลุ่มสร้างใบ-บำรุงต้น (เอ็น)” ไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จนกระทั่งเกิดอาการอั้นตาดอกไม่มีการแตกใบอ่อนออกมาอีก  ถ้าต้นแตกใบอ่อนออกมาใหม่ก็จะต้องย้อนกลับไปบำรุงที่ขั้นตอนเร่งใบอ่อนให้เป็นใบแก่อีกครั้งซึ่งทำให้เสียเวลา
    - ช่วงหน้าฝนสวนยกร่องน้ำหล่อหรือพื้นที่ลุ่มปริมาณน้ำใต้ดินมาก  แนะนำให้บำรุงทางใบด้วยสูตรสะสมอาหารปกติ โดยให้ก่อนฝนตก 1 ชม.หรือให้ทันทีหลังฝนหยุดใบแห้ง ให้บ่อยๆได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งหรือช่วงระยะเวลาให้
    - เพื่อให้ต้นได้มีการสะสมอาหารเพื่อการออดอกมากยิ่งขึ้น  แนะนำให้ใส่มูลค้างคาว 100-200 กรัม/ต้นทรงพุ่ม 5 ม. ด้วยการละลายน้ำรดโคนต้นบริเวณชายพุ่มจะเป็นการดียิ่งขึ้น....ใช้มูลค้างคาวด้วยความระมัดระวังเพราะในมูลค้างคาวมีสารอาหารในการสร้างเมล็ดอาจมีผลกระทบช่วงบำรุงผลกลาง (หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ) ได้
    - ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงขั้นต่อไป คือ ปรับ ซี/เอ็น เรโช. ให้ทบทวนความทรงจำเมื่อครั้งเรียกใบอ่อนแล้วใบอ่อนออกมาพร้อมกันเป็นชุดเดียวทั่วทั้งต้นหรือไม่ ถ้าใบอ่อนออกมาพร้อมกันดีทั่วทั้งต้นให้ปรับ ซี/เอ็น เรโช. ต่อไปได้เลย  แต่ถ้าใบอ่อนออกมาไม่พร้อมกันเป็นชุดเดียวทั่วทั้งต้นและค่อนข้างต่างรุ่นกันมากก็ให้บำรุงสะสมอาหารเพื่อการออกดอกต่อไปอีก 2-3 รอบ เพื่อรอให้ใบอ่อนชุดหลังสะสมอาหารจนอั้นตาดอกดีเท่ากับใบอ่อนชุดแรกจากนั้นจึงลงมือปรับ ซี/เอ็น เรโช.  ทั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อทำให้มีดอกออกมาพร้อมกันเป็นชุดเดียวกันทั่วทั้งต้นนั่นเอง
        

   4. ปรับ ซี/เอ็น เรโช               
      ทางใบ :               
    - ให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56(200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1-2 รอบ  ห่างกันรอบละ 5-7 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ ระวังอย่าให้ลงพื้น
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน               
      ทางราก :               
      งดน้ำ  เปิดหน้าดินโคนต้น               
      หมายเหตุ :               
    - เริ่มปฏิบัติเมื่อสังเกตเห็นความสมบูรณ์ของต้นชัดเจน               
    - ต้นที่มีอาการอั้นตาดอกดีจนพอใจแล้วไม่ต้องฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์สดเพิ่มอีกแต่ถ้าต้นมีอาการอั้นตาดอกไม่ดีหรือยังไม่น่าพอใจ แนะนำให้ฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์ทางใบอีกซ้ำอีก 1 รอบ  โดยเว้นระยะเวลาให้ห่างจากที่เคยให้เมื่อช่วงสะสมอาหารไม่น้อยกว่า 30-45 วัน
    - วัตถุประสงค์เพื่อ  “เพิ่ม”  ปริมาณสารอาหารกลุ่มสร้างดอก-บำรุงผล (ซี.)และ “ลด" ปริมาณสารอาหารกลุ่มสร้างใบ-บำรุงต้น (เอ็น.)           

   5. สำรวจลักษณะอั้นตาดอก               
      ใบคู่สุดท้ายปลายกิ่งเป็นใบแก่จัด ข้อระหว่างใบสั้น ใบหนาเขียวเข้มส่องแดดแล้วแสงไม่ทะลุ  เนื้อใบกรอบ  เส้นใบนูนเด่น  หูใบอวบอ้วน  กิ่งช่วงปลายกลม  เปราะหักง่าย  มีตุ่มตานูนขึ้นที่โคนหูใบหรือซอกใบ  อาการนี้ควรเกิดขึ้นกับทุกจุดหรือทุกปลายยอดที่สามารถออกดอกได้ทั่วทั้งต้น และเมื่อมองจากภายนอกระยะไกลเห็นความสมบูรณ์ของต้นชัดเจน
      ถ้าอาการอั้นตาดอกเกิดขึ้นไม่ทั่วทั้งต้นหรือเกิดขึ้นเพียงบางกิ่งเท่านั้น  กรณีนี้ให้ระงับการเปิดตาดอกไว้ก่อนแล้วบำรุงด้วยสูตร สะสมอาหารเพื่อการออกดอก ทั้งทางใบและทางรากต่อไปอีก
        
   6. ตรวจสอบข่าวสภาพอากาศ               
      ก่อนลงมือเปิดตาดอกจำเป็นต้องทราบข่าวอากาศล่วงหน้า  กล่าวคือ  ในอีก 20-30 วันข้างหน้าซึ่งเป็นวันที่ช่อดอกเริ่มออกมาแล้วนั้นจะต้องไม่มีฝนตก เพราะถ้ามีฝนจะทำให้ดอกเสียหายโดยเฉพาะดอกบานจะเสียหายจนผสมไม่ติด       
      ถ้ารู้ว่าในอีก 20-30 วันข้างหน้าจะมีฝนตก ให้เลื่อนการเปิดตาดอกออกไปแล้วกลับมาบำรุงด้วยสูตร สะสมอาหารเพื่อการออกดอกต่อไป จนกว่าจะแน่ใจว่าหลังเปิดตาดอกจนดอกออกมาแล้วไม่มีฝนจึงลงมือเปิดตาดอก        

   7. เปิดตาดอก               
      ทางใบ :
               
      สูตร 1
.....น้ำ 100 ล.+ ไธโอยูเรีย 500 กรัม หรือ 0-52-34(500 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + สาหร่ายทะเล 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.                   
      สูตร 2.....น้ำ 100 ล.+ 13-0-46(1 กก.)+ 0-52-34(500 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + สาหร่ายทะเล 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
      สูตร 3 ...น้ำ 100 ล. + 13-0-46 (1 กก.) + ไธโอยูเรีย 500 กรัม ) + ธาตุรอง/ธาตเสริม 500 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  
      สูตร 4.....น้ำ 100 ล.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ 13-0-46 (1 กก.) สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน               
      ทางราก :               
    - ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้น               
    - ให้น้ำพอหน้าดินชื้นหรือพอให้ต้นได้รู้สึกตัว                
      หมายเหตุ :               
    - เริ่มปฏิบัติเมื่อต้นมีอาการอั้นตาดอกทั่วทั้งต้นหรือทุกจุดที่สามารถออกดอกได้  ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ช่วงเช้าแดดจัด                
    - การตัดสินใจเลือกใช้สูตรใดสูตรหนึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะสายพันธุ์ เช่น พันธุ์เบา พันธุ์หนัก                
    - หลังจากให้แต่ละสูตรไป 2 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วันแล้วยังไม่ออกดอก ให้ฉีดพ่นทางใบด้วย "น้ำ 100 ล.+ 0-42-56(200 กรัม)" ทับอีก 1 รอบ ถ้าสภาพต้นสมบูรณ์และสภาพอากาศ (อุณหภูมิ)อำนวย มะม่วงต้นนั้นก็จะแทงช่อดอกออกมาให้ แต่ถ้าไม่ออกก็ต้องกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ ตั้งแต่ขั้นตอนที่ 1(เรียกใบอ่อน)สำหรับรุ่นการผลิตใหม่
    - อาจจะพิจารณาใส่ 8-24-24(250-500 กรัม)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.อีก 1 รอบก็ได้ด้วยการละลายน้ำรดโคนต้นพอหน้าดินชื้นเพื่อเสริมของเก่าที่ใส่เมื่อช่วงสะสมอาหารและช่วงที่ปรับ ซี/เอ็น เรโช.               
    - การเปิดตาดอกด้วย 13-0-46 โดยฉีดพ่นทางใบจะทำให้มะม่วงมีอาการเหมือนได้รับอากาศหนาวเย็นจึงส่งผลให้การออกดอกดีขึ้น           
    - หลังจากเปิดตาดอกแล้ว ถ้าดอกออกมาไม่มากพอ ระหว่างที่ดอกชุดแรกยังเป็นดอกตูมอยู่นั้นให้เปิดตาดอกซ้ำอีก 1-2 รอบด้วยสูตรเดิม หรือจนกระทั่งดอกชุดแรกบานแล้วจึงยุติการเปิดตาดอกซ้ำ         

    8. บำรุงดอก               
       ทางใบ :               
     - ให้น้ำ 100 ล.+ 15-45-15(200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ.100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบ  ห่างกันรอบละ 5-7 วัน               
     - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรช่วงค่ำ ทุก 2-3 วัน                   
       ทางราก :               
     - ให้ 8-24-24 (½ กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
     - ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้น                 
     - ให้น้ำพอหน้าดินชื้น               
       หมายเหตุ :               
     - ให้ “เอ็นเอเอ. หรือ เอ็นเอเอ.+ จิ๊บเบอเรลลิน”   ช่วงดอกตูมแทงออกมายาว 2-3 ซม.1 ครั้ง จะช่วยบำรุงเกสรทั้งตัวผู้และตัวเมียให้สมบูรณ์พร้อมรับการผสมแต่ต้องใช้ด้วยระมัดระวังเพราะถ้าให้ผิดอัตราจะเกิดความเสียหายต่อดอกและไม่ได้ผล....ช่วงอากาศร้อนใช้ในอัตราลดลง25 เปอร์เซ็นต์ของอัตราใช้ปกติ  และช่วงอากาศหนาวให้เพิ่มอัตราใช้ 25% ของอัตราใช้ปกติ                 
     - ช่วงดอกเริ่มแทงออกมาใหม่ๆให้แคลเซียม โบรอน. 1 รอบ  จะช่วยให้ดอกสมบูรณ์ผสมติดดี               
     - ฉีดพ่นสารอาหารเพื่อบำรุงดอกด้วยเครื่องมือฉีดพ่นที่มีแรงลมพ่นเบาที่สุดตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆของดอก  ฉีดพ่นที่ช่อดอกโดยตรงพอเปียกหรือฉีดพ่นให้ทั่วทรงพุ่มพอเปียกใบก็ได้               
     - บำรุงดอกช่วงฝนชุกให้เน้น  “ฮอร์โมนน้ำดำ และ แคลเซียม โบรอน”  โดยให้เมื่อดอกออกมาแล้วหรือให้แบบสะสมล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเปิดตาดอก  ให้แบบเดี่ยวๆหรือผสมรวมไปกับธาตุอาหารอื่นๆก็ได้                
     - ช่วงดอกตูมควรฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้บ่อยขึ้น เพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลงจนถึงช่วงดอกบาน                 
     - ระยะดอกบานถ้าตรงกับช่วงฝนชุกเกสรจะเปียกชื้นทำให้ผสมไม่ติด แก้ไขโดยกะระยะเวลาบำรุงให้ดอกออกมาแล้วไม่ตรงกับช่วงฝนชุกเท่านั้น  แต่ถ้าดอกออกมาตรงกับช่วงแล้งอากาศร้อนมากเกสรจะฝ่อทำให้ผสมไม่ติดเช่นกัน แก้ไขโดยการสร้างความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศและที่พื้นดิน ทั้งในแปลงปลูกและรอบๆแปลงปลูก....มาตรการบำรุงต้นและดอกให้สมบูรณ์อย่างแท้จริงอยู่เสมอจะช่วยลดความสูญเสียได้เป็นอย่างมาก
     - ในช่อดอกมีทั้งดอกและใบ แก้ไขด้วยการฉีดพ่น “0-42-56 + ธาตุรอง/ธาตุเสริม”  พอเปียกใบ 1-2 รอบ ช่วงเช้าแดจัด ห่างกันรอบละ 5-7 วัน หลังจากที่เห็นชัดแล้วว่ามีทั้งใบละดอก 
     - ในต้นเดียวกัน  ปลายยอดส่วนหนึ่งออกดอกและพัฒนาเป็นผลขนาดเล็ก (ประมาณหัวไม้ขีด) แล้ว แต่ยอดส่วนหนึ่งยังไม่ออกดอก ให้ฉีดพ่นด้วย  “น้ำ 20 ล.+ 0-42-56 (2 ช้อนโต๊ะ)”  เฉพาะยอดที่ยังไม่ออกดอก 2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน  จากนั้นเปิดตาดอกด้วยสูตรเดิม 2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน  ถ้าต้นมีความสมบูรณ์สูง และสภาพอากาศ (อุณหภูมิ) อำนวย  ยอดที่ถูกเปิดตาดอกซ้ำก็จะแทงช่อดอกออกมาใด้            
          
     - เปิดตาดอกแล้วออกเป็นใบ  แก้ไขด้วยการตัดยอดนั้นทิ้งตั้งแต่ยอดยาวประมาณ 2-3 นิ้ว หรือตั้งแต่แน่ใจว่านั่นคือยอดหรือใบแน่นอน  แล้วบำรุงทางใบด้วย  “สูตรสะสมตาดอก”  ปกติ 2-3 รอบ  ห่างกันรอบละ 5-7 วัน  จากนั้นให้เปิดตาดอกด้วย  “สูตรเปิดตาดอก”  ปกติ  ถ้ามะม่วงต้นนั้นมี ซี/เอ็น เรโช.เหมาะสม ปลายกิ่งที่เคยตัดยอดทิ้งไปแล้วจะแทงช่อดอกใหม่ที่โคนยอดเดิม หรือแทงช่อใหม่ที่โคนใบ (ตุ่มตา) บริเวณที่ต่ำกว่ายอด  กลายเป็นออกดอกกลางกิ่งได้  


     9. บำรุงผลเล็ก               
      ทางใบ :               
    - ให้น้ำ 100 ล.+ 21-7-14(200 กนัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.
+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นทางใบพอเปียกใบ               
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                
      ทางราก :                
    - ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7(½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
    - นำอินทรีย์วัตถุกลับเข้าคลุมโคนต้นพร้อมกับเสริมยิบซั่มธรรมชาติ อัตรา 1 ใน 10 ส่วนของครั้งที่ใส่เมื่อช่วงเตรียมดิน               
    - ให้น้ำแบบค่อยๆเพิ่มปริมาณน้ำทีละน้อยๆของการให้น้ำ 3-4 รอบเพื่อให้ต้นรู้ตัว
      หมายเหตุ :               
    - เริ่มบำรุงเมื่อผลเท่าเมล็ดถั่วเขียว หรือหลังกลีบดอกร่วง
    - ช่วงผลเล็กเริ่มโชว์รูปทรงผลแล้วให้ “น้ำ 100 ล.+ จิ๊บเบอเรลลิน 10 กรัม”ฉีดพ่น 1 รอบพอเปียกใบ จะช่วยบำรุงผลไม่ให้เกิดอาการผลแตกผลร่วงตลอดอายุผลได้ดี            
         
   10. ผลกลาง               
       ทางใบ :               
     - ให้น้ำ 100 ล.+ 21-7-14(200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม(100 ซีซี.)+ ไคโตซาน 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 7-10 วัน  ฉีดพ่นทางใบพอเปียกใบ
       ทางราก :               
     - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 21-7-14(½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
     - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน                
       หมายเหตุ               
     - เริ่มบำรุงเมื่อเปลือกหุ้มเมล็ดเริ่มแข็ง (เข้าไคล) การที่จะรู้ว่าเมล็ดเริ่มเข้าไคลให้ใช้วิธีสุ่มเก็บลงมาผ่าดูลักษณะภายในผล               
     - วัตถุประสงค์เพื่อขยายขนาดผลและลดขนาดเมล็ด (หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ) ทำให้ผลมีเนื้อมากแต่เมล็ดเล็กหรือลีบ                 
     - ถ้าต้นติดผลดกมากควรให้ ฮอร์โมนน้ำดำ. แคลเซียม โบรอน. 1-2 รอบ โดยแบ่งให้ตลอดระยะผลกลางจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากรับภาระเลี้ยงผลมาก
      

    11. บำรุงผลแก่               
        ทางใบ :               
      - ให้น้ำ 100 ล. + 0-0-50(200 กรัม)หรือ 0-21-74(200 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน  ฉีดพ่นพอเปียกใบ               
      - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน               
        ทางราก :               
      - ให้ 13-13-21 หรือ 8-24-24 สูตรใดสูตรหนึ่ง (½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. 
      - ให้น้ำเพื่อละลายปุ๋ยแล้วงดน้ำเด็ดขาด                
        หมายเหตุ :               
      - เริ่มให้ก่อนเก็บเกี่ยว 7-10 วัน 1-2 รอบห่างกันรอบละ 5-7 วัน
      - การให้ 13-13-21 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลรุ่นเดียวกันทั้งต้น แต่หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วต้นมักโทรมจึงต้องเร่งบำรุงฟื้นฟูความสมบูรณ์ของต้น (เรียกใบอ่อน) กลับคืนมาโดยเร็วแล้วจึงเข้าสู่วงรอบการบำรุงใหม่                   
      - การให้ 8-24-24 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลหลายรุ่นในต้นเดียวกันหรือประเภททะวายทยอยออก แบบไม่มีรุ่นซึ่งหลังจากเก็บเกี่ยวผลแก่จัดไปแล้วต้นไม่โทรม  ใน 8-24-24 เป็นปุ๋ยประเภทสะสมอาหารเพื่อการออกดอกซึ่งจะส่งผลให้กิ่งที่ยังไม่ออกดอกเกิดอาการอั้นแล้วออกดอกติดผลเป็นผลรุ่นใหม่ได้
                   
      - ระยะผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวถ้ามีการให้  “กลูโคสหรือนมสัตว์สด”  สำหรับมะม่วงกินสุกเมื่อผลสุกเนื้อในจะนิ่มหรือเละ                        





หน้าก่อน หน้าก่อน (2/7) - หน้าถัดไป (4/7) หน้าถัดไป


Content ©