หน้า: 7/7
ปลูกมะนาว "พิจิตร 1" ในท่อซีเมนต์
ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมของทุกปี บรรดาแม่บ้านจะประสบกับความเดือดร้อนราคาผลมะนาวขาดตลาด และมีราคาแพง แต่ปัจจุบัน "สมนึก สะอาดใส" ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 อ.เมือง จ.สงขลา มีเทคนิคง่ายๆ ในการปลูกมะนาวพันธุ์ "พิจิตร 1" ในบ่อซีเมนต์ สามารถบังคับให้ออกผลผลิตได้ในช่วงที่ผลมะนาวขาดแคลนและมีราคาแพงได้แล้ว
สมนึก บอกว่า ทุกปีในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมของทุกปี ประชาชนจะประสบความเดือดร้อนเกี่ยวกับมะนาวราคาแพงและหายาก คุณภาพไม่ดี เพราะช่วงหน้าแล้งมะนาวจะออกผลผลิตน้อยมาก เขาจึงหาวิธีในการปลูกมะนาวในท่อซีเมนต์ เพื่อบังคับให้ออกผลผลิตนอกฤดูกาล โดยใช้ท่อซีเมนต์ขนาดกว้าง 80 ซม. สูง 50 ซม. ด้านล่างสุดใช้ฝาปิดท่อรอง เพื่อไม่ให้รากมะนาวทะลุได้ แต่ไม่โบกปูน เพราะต้องให้น้ำไหลซึมออกได้ โดยเลือกมะนาวพันธุ์ "พิจิตร 1" มีคุณสมบัติพิเศษคือ ผลผลิตโต ให้น้ำมะนาวมาก ออกผลผลิตเร็ว ผลดก และทนสภาพดินฟ้าอากาศ รวมถึงต่อโรคด้วย การปลูกนั้น สมนึกบอกว่า ใช้หน้าดินร่วนซุยปนทราย 3 ส่วนผสมกับปุ๋ยคอก 1 ส่วน เทลงในท่อซีเมนต์ที่เตรียมไว้ให้ดินพูนปากท่อเล็กน้อย เผื่อไว้เวลารดน้ำสภาพดินจะยุบเสมอปากท่อพอดี จากนั้นขุดหลุมพอประมาณ นำต้นกล้ามะนาวพันธุ์พิจิตร 1 ที่มาจากการตอนกิ่งลงปลูก รดน้ำวันละ 1 ครั้ง หากใช้ระบบสปิงเกลอร์เปิดน้ำ 5-10 นาที หากปลูกแบบชาวบ้านให้รดน้ำให้พอดินชื้น หลังจากปลูกแล้วต้องให้ปุ๋ยทุก 1 เดือนโดยใส่ปุ๋ยคอกราว 1 กะลามะพร้าวผสมปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ 15-15-15 จำนวน 1 ช้อนโต๊ะ กระทั่งมะนาวมีอายุราว 8-12 เดือน จะเริ่มให้ผลผลิตปีแรกที่ทดลองในศูนย์ฯ ได้ต้นละ 420 ผลต่อปี หรือประมาณ 25-30 กก. และจะให้ผลผลิตดกตอนอายุ 3 ปีขึ้นไป โดยทั่วไปมะนาวจะออกผลผลิตตลอดปี แต่จะให้ผลผลิตมากที่สุดช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน สำหรับการบังคับให้มะนาวที่ปลูกในท่อซีเมนต์ออกผลผลิตนอกฤดูกาล คือช่วงที่มะนาวขาดแคลนและมีราคาแพงราวเดือนมีนาคม-พฤษภาคมนั้น สมนึก บอกว่าไม่มีเคล็ดลับอะไรมากมาย เพียงแต่ช่วงที่มะนาวเริ่มออกดอกมากราวเดือนมีนาคม-เมษายนนั้น ให้งดการรดน้ำประมาณ 10-15 วัน จนใบมะนาวจะเริ่มเฉา จากนั้นจึงรดน้ำ พอต้นมะนาวเริ่มฟื้น จัดการตัดแต่งกิ่ง รดน้ำปกติ ให้ปุ๋ยสูตรเดิม แต่ให้เพิ่มปุ๋ยทางใบบ้าง เป็นปุ๋ยเกล็ดสูตรเสมอ 15-15-15 เช่นกัน กระทั่งราวเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน มะนาวจะเริ่มออกดอก และสามารถเก็บผลิตผลหลังจากออกดอกแล้วราว 5 เดือนคือราวเดือนมีนาคม-พฤษภาคม เป็นช่วงที่ผลผลิตมะนาวในท้องตลาดมีน้อย และราคาแพงถึงผลละ 5-8 บาท "ที่เราต้องปลูกในท่อสะดวกต่อการบังคับให้ออกนอกฤดูกาล แต่ถ้าเราปลูกลงดินรากจะชอนไชไปถึงแหล่งน้ำ เมื่อต้นมะนาวได้น้ำใต้ดินก็ลำบากต่อการบังคับไม่ให้ดอกตามปกติ เราจึงใช้วิธีการปลูกในท่อซีเมนต์ หากปลูกกินเองปลูก 2-3 ต้นก็พอแล้วครับคือปล่อยให้ออกผลตามปกติ 1-2 ต้น บังคับให้ออกผลตอนที่มะนาวแพง 1 ต้น ผมเชื่อว่าการปลูกมะนาวในท่อซีเมนต์สามารถเก็บผลิตได้กว่า 10 ปีครับ" สมนึกกล่าว
นับเป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถจะแก้ปัญหามะนาวราคาแพงในอนาคตได้
"ดลมนัส กาเจ"
http://www.komchadluek.net/detail/20090623/17941/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A31%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%87.html
www.komchadluek.net › เกษตร › เกษตรคนเก่ง -
ตะลึง ! มะนาวยักษ์ชุมพร ผลเท่าส้มโอ
เมื่อเวลา 14.00น. วันที่ 18 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเกษตรกรในตัวเมืองชุมพรปลูกมะนาวที่ได้ผลใหญ่เท่าส้มโอ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 101/1 บ้านเขาน้อย หมู่ที่ 7 ต.ท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร พบ นายไพศาล ชุมแสง อายุ 44 ปี เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงสุกรและปลูกพักสวนครัวตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ได้นำพันธุ์มาปลูกเอาไว้ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพิ่งออกผลเมื่อไม่นานมานี้
นายไพศาล กล่าวว่า มะนาวยักษ์ต้นนี้ออกผลครั้งแรก 11 ลูก แต่ได้ปลิดทิ้งเหลือไว้เพียง 5 ลูก เพราะเกรงว่ากิ่งหัก หรือลำต้นจะทรุดหลังจากมีผลรอบแรก เพราะลำต้นยังเล็กมาก และเมื่อหลังจากที่ผลสุกเต็มที่แล้ว ผลจะเท่าผลส้มโอ น้ำหนักทั้งลูกเกือบ 2 กิโลกรัม ลักษณะเนื้อในเหมือนมะนาว แต่ไม่มีเมล็ด ปริมาณน้ำต่อหนึ่งผล ได้ประมาณ 350 ถึง 400 ซีซี. ตนได้นำมาปรุงอาหารประเภทน้ำพริกกะปิ แกงส้ม ทำน้ำจิ้ม ใส่ยำประเภทต่างๆ โดยมีรสชาติเปรี้ยวเหมือนน้ำมะนาวอย่างไม่ผิดเพี้ยน พร้อมกับได้นำไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้าน เพื่อนำไปประกอบอาหารได้ลิ้มชิมรส ของมะนาวยักษ์ชนิดนี้เป็นประจำ หลังจากที่ผลมะนาวสุก สร้างความแปลกประหลาดให้กับผู้พบเห็น
นายไพศาล กล่าวว่า ตนได้นำพันธุ์ที่ได้จากการตอนกิ่ง มาจากอาจารย์ เมธา ชุมแสงซึ่งเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนวัดคูขุด ตำบลบางหมาก อำเภอเมือง ซึ่งเป็นญาติกัน โดยที่อาจารย์เมธา ไม่ยอมบอกถึงที่มาของพันธุ์มะนาวชนิดนี้ และเคยมีผู้มาติดต่อให้นำไปแสดงในงานพืชสวนโลกเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ก็ได้รับการปฏิเสธเช่นกัน แต่มาวันนี้ พร้อมที่จะขยายพันธุ์เพื่อที่จะอนุรักษ์และเผยแพร่พันธุ์มะนาวแปลกชนิดนี้ ให้กับเกษตรกรและประชาชนผู้สนใจได้นำไปปลูกไว้รับประทานหรือปลูกไว้เพื่อสร้างความสวยงามและแปลกใหม่ต่อไป
ที่มา ข่าวสด
news.hunsa.com/detail.php?id=19807 -
http://news.hunsa.com/detail.php?id=19807
เทคนิคการปลูกมะนาวต้นคู่
คุณประวิทย์ แซ่โง้ว เกษตรกรที่จังหวัดราชบุรี ได้ปลูกมะนาว พันธุ์แป้นพวง แบบต้นคู่ ในพื้นที่สวนแบบยกร่อง ซึ่งสามารถให้ผลผลิตได้เป็นอย่างดี วิธีการปลูก คุณประวิทย์ จะขุดหลุมลึกประมาณ 50 เซนติเมตร นำกิ่งพันธุ์มะนาว ลงปลูกในหลุม ๆ ละ 2 ต้น ซึ่งแตกต่างจากวิธีปลูกทั่วไป ที่ปลูกหลุมละต้น ให้โคนต้นของกิ่งพันธุ์อยู่เสมอดิน แล้วจับลำต้นไขว้กัน จากนั้นกลบดินให้แน่นและใช้ไม้ค้ำยัน เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหัก นำฟางข้าวมาคลุมพรางแสงแดด เพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดินไว้ ส่วนการดูแลนั้น ในสัปดาห์แรก จะให้น้ำวันละครั้ง จากนั้นจะให้วันเว้นวัน เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ หลังจากต้นมะนาวตั้งตัวได้จะให้น้ำสัปดาห์ละครั้ง วิธีการใส่ปุ๋ยเคมี จะใส่ครั้งแรกหลังจากปลูกไปได้ 1 สัปดาห์ โดยให้สูตร 46-0-0 1 ช้อนแกงต่อหลุม จากนั้นอีก 2-3 สัปดาห์ จะใส่ปุ๋ยสูตร 25-7-7 หลุมละ 1 ช้อนแกง เมื่อต้นมะนาวอายุ 3 เดือนขึ้นไป จะใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หลุมละ 1 กำมือ เดือนละครั้ง ไปจนกระทั่งมะนาวอายุได้ 5 เดือน นอกจากนี้ จะใส่ปุ๋ยคอกจากมูลสัตว์บำรุงต้นด้วย ไร่ละ 1 ตัน ปีละ 2 ครั้ง เมื่อต้น มะนาวเริ่มติดผล ก็จะปรับไปใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 หลุมละ 3 กำมือต่อครั้ง การปลูก มะนาวแบบต้นคู่ จะให้ผลผลิตเร็วกว่าการปลูกแบบต้นเดี่ยวถึง 5 เดือน ติดผลทั้งปี ผล ผลิตที่ได้ยังมีปริมาณสูงกว่าถึง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยต้นไม่โทรม การปลูกมะนาวด้วยวิธีนี้ เกษตรกรต้องดูแลต้นมะนาวที่อยู่ใน หลุมเดียวกันไม่ให้แย่งอาหารกันเอง ที่สำคัญค่าปุ๋ยเคมีไม่แตกต่างจากการดูแลแบบ ต้นเดี่ยวเลย เพียงแต่ต้องเพิ่มต้นทุนค่ากิ่งพันธุ์ขึ้นอีกเท่าตัว แต่ก็นับว่าคุ้มค่ากับผลผลิต ที่ได้รับ ข้อมูลเพิ่มเติม,คุณประวิทย์ แซ่โง้ว,โทร.086-573-4188 อีเมล,chaianan@ch7.com
http://thailand.siamjobit.com/News-detail-347202.html
ดวงกมล โลหศรีสกุล
เกษตรกรราชบุรี เผย
เทคนิคการปลูกมะนาวต้นคู่ ให้ผลผลิตเร็ว
เก็บขายได้ทั้งปี
"มะนาว" ไม้ผลตระกูลส้ม มีรสเปรี้ยวและกลิ่นหอมเฉพาะตัว ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย อาทิ ปรุงแต่งรสชาติอาหาร ใช้ทำขนม เครื่องดื่ม เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ความงาม นำไปแปรรูป ตลอดจนเป็นวัตถุดิบสินค้าในภาคอุตสาหกรรมจำพวกผลิตภัณฑ์ประเภทซักล้าง จากคุณสมบัติที่รอบด้าน ส่งผลให้มะนาวขายได้ตลอดทั้งปี จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตร ระบุว่า อัตราการขยายตัวของการปลูกมะนาวเชิงการค้าเฉพาะในเขตภาคตะวันตก โดยเฉพาะจังหวัดเพชรบุรี สมุทรสาคร และราชบุรี เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 14 ต่อปี อีกทั้งในระยะ 2 ปี ที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ได้ส่งออกมะนาว เนื่องจากความต้องการบริโภคในประเทศค่อนข้างสูง
ข้อมูลที่กล่าวข้างต้น จะเห็นว่าตลาดมีความต้องการไม้ผลชนิดนี้มาก ดังนั้น จะดีแค่ไหน ถ้ามะนาวที่ปลูกสามารถย่นระยะเวลาเก็บเกี่ยว ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ถ้าอยากรู้ "เทคโนโลยีชาวบ้าน" มีเคล็ดลับดีๆ ของ คุณประวิทย์ แซ่โง้ว เกษตรกรเจ้าของพื้นที่ 20 ไร่ ในตำบลแพงพวย อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ผู้คิดค้นเทคนิคการปลูกมะนาวต้นคู่ โตเร็ว ให้ผลผลิตที่ไวกว่าเดิม
ฉีกกฎปลูกมะนาว จากต้นเดี่ยว เป็นต้นคู่
ก่อนเผยเทคนิคการปลูก คุณประวิทย์ เล่าประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ว่า อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ที่ 3 ตำบลแพงพวย อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ก่อนหน้านี้เคยปลูกมะพร้าว ต่อมาเปลี่ยนเป็นหน่อไม้ฝรั่ง แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากมีโรคและแมลงรบกวน อีกทั้งเสี่ยงกับราคาขายที่ไม่เป็นธรรม หนที่สุดหันมาปลูกมะนาว เพราะเห็นว่าได้ราคาดี ประกอบกับต้นมะนาวสามารถปลูกแซมกับพืชชนิดอื่นได้ อาทิ ฝรั่ง เผือก มะพร้าว
ด้วยความที่คุณประวิทย์เป็นคนชอบคิดค้นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เมื่อครั้งที่ปลูกหน่อไม้ฝรั่ง เขาเคยนำพลาสติคทำเป็นรูปกรวยแล้วสวมปลายยอดหน่อไม้ฝรั่ง เพื่อบังคับไม่ให้หน่อไม้ฝรั่งบาน ช่วยให้ขายได้ราคาดี จากจุดนั้นได้พัฒนาและต่อยอด จนกระทั่งเป็นมะนาวต้นคู่
"เดิมที่สวนปลูกแต่มะนาวต้นเดี่ยวเป็นแบบยกร่อง ต่อมาทดลองปลูกเป็นแบบต้นคู่ หรือ 2 ต้น ลักษณะลำต้นไขว้กันในหลุมเดียวกัน แทนที่มะนาวจะโตช้า กลับโตเร็วเหมือนแข่งกันโต ฉะนั้น จึงนำเทคนิคดังกล่าวมาขยายผลอย่างจริงจัง" คุณประวิทย์บอก
สำหรับพื้นที่ จำนวน 20 ไร่ ของคุณประวิทย์ เจ้าตัวกล่าวว่า ใช้ปลูกมะนาวต้นคู่ทั้งหมด โดยพันธุ์ที่ใช้เป็นพันธุ์แป้นพวง เพราะเปลือกบางให้น้ำปริมาณมาก ขายได้ราคาดี เป็นที่นิยมของผู้บริโภค ในส่วนของกิ่งพันธุ์ ซื้อมาจากตำบลท่านัด อำเภอดำเนินสะดวก ราคากิ่งละ 25-30 บาท กิ่งพันธุ์ที่ใช้มีอายุ 45 วัน 1 ไร่ จะใช้กิ่งพันธุ์ประมาณ 1,000 กิ่ง
รายละเอียดพื้นที่ปลูก เจ้าของสวนบอกว่า เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นสวนแบบยกร่อง จึงใช้ระยะปลูกมะนาว 4 x 4 เมตร ขนาดหลุมกว้างและลึกประมาณ 50 เซนติเมตร ปลูกในดินได้ทุกชนิด อาทิ ดินเหนียว ดินทราย ดินปนทราย แม้กระทั่งดินลูกรัง บริเวณก้นหลุมรองด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ส่วนวิธีปลูก นำกิ่งพันธุ์จำนวน 2 กิ่ง ลงปลูกในหลุมเดียวกัน ลักษณะลำต้นไขว้กัน หรือวางติดกัน จากนั้นกลบดินบริเวณโคนต้นให้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งล้มหรือกิ่งฉีกหัก นำไม้มาปักพร้อมกับผูกเชือก ตลอดจนถ้าบริเวณโคนต้นแดดแรง ให้ใช้หญ้าแห้ง ฟางข้าว มาพรางแสงแดด ทั้งนี้ เพื่อรักษาความชื้น
เผยทุกเคล็ดลับ เข้าใจง่าย
ส่วนของการใส่ปุ๋ยและการให้อาหาร ในสัปดาห์แรก คุณประวิทย์ จะให้น้ำวันละครั้ง จากนั้นจะให้วันเว้นวัน เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ หลังจากต้นมะนาวตั้งตัวได้ จะให้น้ำสัปดาห์ละครั้ง ส่วนวิธีการใส่ปุ๋ย ถ้าเป็นปุ๋ยเคมีจะใส่ครั้งแรกหลังจากปลูกไปได้ 1 สัปดาห์ สูตร 46-0-0 ปริมาณ 1 ช้อนแกง ต่อหลุม ถัดจากนั้นอีก 2-3 สัปดาห์ จะใส่ปุ๋ย สูตร 25-7-7 หลุมละ 1 ช้อนแกง
เมื่อต้นมะนาวอายุ 3 เดือน เจ้าของสวนจะใส่ปุ๋ย สูตร 15 -15-15 หลุมละ 1 กำมือ ใส่เดือนละครั้ง ไปจนกระทั่งมะนาวอายุได้ 5 เดือน นอกจากนี้ บำรุงต้นด้วยปุ๋ยคอกจากมูลสัตว์ ไร่ละ 1 ตัน ปีละ 2 ครั้ง หลังจากมะนาวเริ่มติดผล ปรับไปใส่ปุ๋ย สูตร 16-16-16 หลุมละ 3 กำมือ ต่อครั้ง ซึ่งมะนาวต้นคู่จะให้ผลผลิตเร็ว และมีปริมาณสูงกว่าต้นเดี่ยวถึง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยต้นไม่โทรม แถมปุ๋ยที่ใช้ก็มีปริมาณเท่ากับต้นเดี่ยว มีเพียงต้นทุนค่ากิ่งพันธุ์ที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่อย่างไรก็ตาม นับว่าคุ้มค่ากับผลผลิตที่ได้รับ
ทราบถึงกระบวนการปลูก ถามเจ้าของสวนถึงศัตรูพืชดังกล่าว ได้ข้อมูลว่า ศัตรูมะนาวที่สำคัญ ได้แก่ หนอนชอนใบ เพลี้ยไฟ และโรคแคงเกอร์ ล้วนทำให้ผลผลิตลดลงถึงขั้นกิ่งและต้นแห้งตายไปในที่สุดเลยก็ว่าได้
"หนอนชอนใบ สังเกตได้จากใบจะหงิกงอ ขอบใบม้วนเข้าหาเส้นกลางใบ ใบไม่เจริญเติบโต ต้นมะนาวจะแคระแกร็นไม่ติดผล ส่วนเพลี้ยไฟ จะดูดกินน้ำเลี้ยงที่ยอดอ่อน ใบอ่อน ผลการทำลายจะรุนแรงในระยะผลอ่อน หรือตั้งแต่เริ่มติดผล มะนาวที่ถูกทำลายจะปรากฏรอยสีเทา เป็นวงบริเวณขั้วผลและก้นผล สุดท้าย โรคแคงเกอร์ สามารถเกิดขึ้นได้แทบทุกส่วน ทั้ง ใบ กิ่งก้าน และผล ลักษณะอาการ ใบและผลจะเป็นแผล ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น นูนคล้ายฟองน้ำ มีสีเหลืองอ่อนถึงสีเหลืองเข้ม ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม แตกเป็นสะเก็ด มีวงแหวนสีเหลืองล้อมรอบ ส่วนอาการที่กิ่งและก้านจะมีแผลฟูนูนสีน้ำตาล ค่อยๆ ขยายไปรอบๆ กิ่ง เมื่อต้นมะนาวเป็นโรคนี้มาก ต้นจะโทรม ใบร่วง แคระแกร็น ผลผลิตลดลง กิ่งและต้นจะแห้งตายไปในที่สุด"
สำหรับวิธีการป้องกันและจำกัดศัตรูพืช เกษตรกรรายนี้ระบุว่า วิธีแรกหมั่นคอยสำรวจแปลง หากพบกิ่งหรือผลที่ติดโรค ให้ตัดออกแล้วเผาทำลาย แต่กรณีที่ไม่สามารถควบคุมได้ ให้ใช้สารเคมีกำจัด
รับรองคุ้มทุน มะนาวไทยขายได้ทั้งปี
ด้านของปริมาณผลผลิต มะนาวต้นคู่จะเริ่มให้ผลผลิตภายใน 14-15 เดือน ต่างจากมะนาวทั่วไปที่ให้ผลผลิต 19 เดือน หลังให้ผลผลิต 3-4 ปี สังเกตต้นมะนาวจะมีต้นใดต้นหนึ่งเริ่มโทรม ให้ปลูกต้นเสริมมาแทนที่ จนกว่าต้นเสริมจะแข็งแรงดีให้ตัดต้นที่โทรมออก จะได้ต้นมะนาวที่อยู่ในระยะให้ผลผลิตเต็มที่ตลอดเวลา
"มะนาว จะออกช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน พื้นที่ปลูก 20 ไร่ มี 40 กว่าร่อง เก็บผลผลิตช่วงระยะเวลาดังกล่าว ได้ร่องละ 2,500 กิโลกรัม หรือประมาณไร่ละ 5 ตัน ถ้าเป็นช่วงหน้าแล้งเก็บมะนาวได้เฉลี่ย 300 กิโลกรัม ต่อเดือน โดยผลผลิตที่เก็บได้ เป็นขนาดจัมโบ้ 40 เปอร์เซ็นต์ ขนาดกลาง 30 เปอร์เซ็นต์ และขนาดเล็ก 20 เปอร์เซ็นต์ เฉลี่ยแล้วมะนาวต้นคู่ 1 ต้น ให้ผลผลิตประมาณ 1,500 ลูก ต่อปี หากเป็นมะนาวต้นเดี่ยวจะให้ผลผลิตต้นละ 1,300 ลูก ต่อปี"
เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว ด้านช่องทางจัดจำหน่าย คุณประวิทย์ บอกว่า จะมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงที่ ส่วนใหญ่นำไปจำหน่ายต่อที่ตลาดไท และตลาดสี่มุมเมือง สำหรับราคามะนาวแต่ละเกรดต่างกัน 70 สตางค์ ซึ่งเบอร์ใหญ่สุดจะขายได้ลูกละ 2.70 บาท
แม้ว่าการปลูกมะนาวแบบต้นคู่จะโตเร็ว แต่ในด้านเงินลงทุนถือว่าค่อนข้างสูง เพราะต้องซื้อกิ่งพันธุ์เพิ่ม เบ็ดเสร็จแล้ว 1 ไร่ ตั้งแต่เริ่มปลูกไปจนกระทั่งเก็บผลผลิต ประมาณ 60,000 บาท แต่อย่างไรก็ตาม
คุณประวิทย์ บอกว่า คุ้มค่า เพราะภายหลังมะนาวออกผลเพียงครึ่งปีก็สามารถคืนทุนได้แล้ว แถมหลังช่วงเก็บเกี่ยว หรือเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมจะมีพืชชนิดหนึ่ง เรียกว่า "หญ้าชิวคัก" ขึ้นเองตามธรรมชาติ นำไปใช้ทำขนม เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน ช่วยให้แป้งนิ่ม มีรสชาติดี ขายได้กิโลกรัมละ 300-400 บาท พื้นที่ 20 ไร่ มีหญ้าชนิดนี้ขึ้นราว 100 กิโลกรัม สร้างรายได้ครั้งละประมาณ 30,000 บาท
จะเห็นได้ว่า กรรมวิธีการปลูก การบำรุงดูแลรักษา "มะนาวต้นคู่" ไม่ได้มีความยุ่งยาก หรือแตกต่างไปจาก "มะนาวต้นเดี่ยว" ฉะนั้น เทคนิคง่ายๆ จากเกษตรกรรายนี้ นับว่าน่าลองนำไปใช้ทีเดียว
ผู้ปลูกรายใดที่สนใจ สามารถติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับ คุณประวิทย์ แซ่โง้ว ได้ ณ บ้านเลขที่ 104 หมู่ที่ 3 ตำบลแพงพวย อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เบอร์โทรศัพท์ (086) 573-4188, (032) 246-335
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05028011153&srcday=&search=no
การใช้สารพาโคลบิวทราโซลในการผลิตมะนาวนอกฤดู
การเตรียมต้นมะนาว
ในเดือนกรกฎาคม ควรทำการเก็บผลมะนาวที่ติดในฤดูปกติให้หมด และบำรุงต้นมะนาวให้สมบูรณ์สำหรับสวนมะนาวที่จะทำผลผลิตขายในฤดูแล้งในปีถัดไปจะต้อง เริ่มตัดแต่งกิ่ง ตัดลูกที่อยู่บนต้นออกให้หมด ตั้งแต่ปลายเดือน พฤษภาคม หลังจากนั้นให้ใส่ปุ๋ยทางดินสูตร 25-7-7 อาจจะผสมปุ๋ยอินทรีย์เป็นมูลไก่ อัดเม็ดอย่างละครึ่งต่อครึ่งหลังหว่านปุ๋ยต้องให้น้ำให้ชุ่มพร้อมกับอีกพ่นปุ๋ยทางใบจะช่วยให้มะนาวแตกยอดอ่อนได้ (ธวัฒชัย,2542) และในสภาพดินเหนียวควรใส่ปุ๋ยสูตร 12-24-12 (มนัส,2543)หรือ 9-27-27 ประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ต้น ซึ่งปุ๋ยนั้นอาจผสมกระดูกป่นลงไปด้วยก็ได้ (ธันวา,2544) แต่ถ้าเป็นดินทรายใช้ปุ๋ยสูตร 9-24-24 ประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ตัน โดยการหว่านรอบทรงพุ่ม เพื่อเร่งการออกดอกให้ดีขึ้น (มนัส,2543)
การใช้สารพาโคลบิวทราโซล และ NAA
ต้นเดือนกันยายน รดสารพาโคลบิวทราโซลที่โคนในระยะใบเพสลาด อายุประมาณ 3-4 สัปดาห์ในอัตราเนื้อสาร 1 กรัม ผสมน้ำ 1-2 ลิตรต่อเส้นผ่าศูนย์กลางพุ่ม 1 เมตร สารจะไปยับยั้งการเจริญทางกิ่งใบ และการกระตุ้นการสร้างตาดอกในช่วงเดือน ตุลาคม จะมีมะนาวทวายออกมาต้องปลิดผลเหล่านี้ทิ้งไป โดยการใช้สาร NAA จำนวน 30 ซีซี. ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นดอกจะร่องโดยไม่มีอันตรายต่อใบ (วิเศษ,2542) มะนาวจะแตกยอดออกดอกระยับไปหมด เนื่องจากต้นสมบูรณ์เต็มที่นั้นเอง เมื่อดอกเริ่มบานต้องใช้แคลเซียมโบรอน ผสมสาหร่ายสกัดเพื่อช่วยผสมเกสรพอเริ่มติดผลต้องใช้สาร NAA กระตุ้นให้ขั้วเหนียวให้โตเร็วและลดการสลัดลูกทิ้ง
การดูแลรักษาดอกและผล
ปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน มะนาวที่ให้ดอกแล้วจะมองเห็นตุ่มดอกเล็กๆระยะนี้หากมีเพลี้ยและไรแดงเข้าทำลายให้ฉีดยาพวกไพรีทรอย ซึ่งยากลุ่มนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อแมลงที่มาช่วยผสมเกสรหากเห็นว่าดินเริ่มแห้งอาจจะยืดหลัก 3 วันครั้งให้น้ำ แต่ของพื้นที่เป็นดินเหนียวและมีน้ำใต้ดินไม่ลึกมากอาจจะรอ 5 วันจึงให้น้ำครึ่งหนึ่ง (ศุภกิจ,2543) หรือในช่วงหน้าแล้งในทุกวันต้นละประมาณครึ่งชั่วโมง (เสนห์, 2543) ส่วนการดูแลรักษาดอกให้ติดดีนั้นสำหรับต้นมะนาวที่มีอาหารสะสมอย่างเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือมะนาว ก็จะออกดอกติดผลดี แต่มะนาวที่มีอาหารสะสมไม่เพียงพอดอกจะร่วงหล่น และติดผลน้อยเกินไป การช่วยเหลือทำได้โดยใช้สาร NAA 1 มิลลิลิตร หรือ 1 ซีซี. ผสมน้ำสะอาด 20 ลิตร ฉีดพ่นตั้งแต่เริ่มเป็นดอกตูมจะทำให้ขั้วเหนียวหลังจากผลมะนาวมีการขยายผลมากจึงควรใส่ปุ๋ยสูตร 16-11-14 หรือ 20-11-11ในอัตรา 300 กรัมต่อต้นโดยหว่านรอบๆชายพุ่มหรือบางครั้งให้ปุ๋ยทางใบเกล็ดสูตร 30-20-10 หรือ 20-20-20 ฉีดทุกๆ 7–10 วัน (ศุกกิจ,2540)
ขั้นตอนการบังคับให้มะนาวติดผลและเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน
- เดือน พฤษาคม –มิถุนายน จะต้องทำการตัดแต่งและใส่ปุ๋ยเพื่อให้แตกยอด
- เดือน กรกฎาคม เก็บเกี่ยวผลที่ออกในฤดูปกติให้หมด
- เดือน สิงหาคม ตัดแต่งและใส่ปุ๋ยอีกครั้งเพื่อเตรียมเร่งดอกและต้องการกระตุ้นใบให้เพสลาด
ในช่วงเดือนกันยายนและมีการปลัดดอกและหวายทิ้งไว้เรื่อยจนกรทั่งปลายๆ เดือนตุลาคมจึงหยุด
- ต้นเดือนกันยายน ราดสารพาโคลบิวทราโซล
- เดือนตุลาคม หยุดแตกยอด
- ปลายเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน จะออกดอกที่ต้องการ (1 ½ -2 ½ เดือน หลังราดสาร)
- เดือน ธันวาคม-ภุมภาพันธุ์ ใส่ปุ๋ยบำรุงต้น
- เดือน มีนาคม-เมษายน ผลเริ่มแก่พร้อมจะเก็บเกี่ยวซึ่งจะขายได้ราคาแพง (วิเศษ,2542)
สำหรับในสวนมะนาวนั้นผลการทดลองทั้งหมดในการใช้สารเปรียบเทียบกันหลายอัตรา สรุปได้
ว่ามะนาวไข่นั้นสามารถตอบสนองได้ดี ละไม่มีผลที่จะทำให้เกิดการหยิกงอหรือทำให้ยอดนั้นสิ้นลง แต่ก็สามารถทำให้ออกดอกได้ตั้งแต่ราดสาร 1 ½ -2 ½ เดือนดังกล่าว โดยต้นที่มีการราดสารอัตราสารออกฤทธิ์ 3 กรัมต่อต้น ที่มีขนาดทรงพุ่ม 2.80 เมตร สามารถออกดอกได้เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ถึง 31-31.33% ในขณะที่ต้นเปรียบเทียบไม่ราดสารสามารถออกดอกในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เพียง 1.31% และต้นที่ราดสารที่ออกดอกนั้นปรากฏว่ามีดอกสมบูรณ์และติดผลดี
ภาพที่1 ราคาผลมะนาวชนาดกลาง(ขายปลีก) ที่จังหวัดสุพรณบุรี พ.ศ. 2536 (เปรมปรี,2537)
การทดลองเกี่ยวกับการใช้สารพาโคลบิวทราโซล 3 ถึง 9 กรัมของเนื้อสารกับมะนาวอายุทรงพุ่มประมาณ 3 เมตรร่วมกับการควั่นกิ่งขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ระหว่าง 1.25 ถึง 2.5 ซ.ม. ผลการทดลองดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 เปอร์เซนต์การออกดอกของต้นมะนาวภายหลังการใช้สารพาโคลบิวทราโซล ราดที่โคนต้นร่วมกับวิธีการควั่นกิ่ง
และเฉลี่ยการใช้สารพาโคลบิวทราโซล ร่วมกับการปลิดผลก่อนการใช้สารจะทำให้มะนาวออกดอกได้ดีกว่าการไม่ติดผลดังตารางที่ 2 และ 3
ตารางที่ 2 การใช้สารพาโคลบิวทราโซล เดือนสิงหาคมโดยปลิดผลในต้นทิ้งให้หมดก่อนใช้สาร
การใช้สาร
|
ปริมาณช่อดอกใน 1 ตารางเมตร
|
จำนวนผลต่อต้น
|
ไม่ให้สาร
พาโคลบิวทราโซล 1.5 กรัม/เมตร
พาโคลบิวทราโซล 2.0 กรัม/เมตร
พาโคลบิวทราโซล 2.5 กรัม/เมตร
|
15.3
68.7
81.1
99.9
|
101.5
212.5
293.7
273.5
|
ตารางที่ 3 การใช้สารพาโคลบิวทราโซล เดือนสิงหาคมโดยไม่ปลิดผลในต้นทิ้งก่อนการใช้สารจำนวนผลในต้นประมาณ 75–150 ผลต่อต้นในขณะใช้สาร
การให้สาร
|
ปริมาณช่อดอกใน 1 ตารางเมตร
|
ไม่ให้สาร
พาโคลบิวทราโซล 1.5 กรัม/เมตร
พาโคลบิวทราโซล 2.0 กรัม/เมตร
พาโคลบิวทราโซล 2.5 กรัม/เมตร
|
10.7
42.4
54.9
64.8
|
ดังนั้นการใช้สารพาโคลบิวทราโซลในการกระตุ้นการออกดอกของมะนาวนอกฤดูจะต้องเตรียมต้นมะนาวให้อย่ในสภาพที่พร้อมและการใช้สารสามารถใช้ร่วมกับการควั่นกิ่งซึ่งจะให้ผลดีขึ้น อีกทั้งสารที่ให้จะต้องใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสมด้วย (พีระเดช ,2542)
เนื่องจากมะนาวเป็นไม้ผลที่ตลาดต้องการสูงตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูแล้ง เดือน มีนาคมถึงเมษายน มะนาวจะมีราคาแพงที่สุด ซึ่งตกอยู่ผลละ 2–5 บาท ดังนั้นเกษตรกรรู้จักวิธีการบังคับมะนาวให้ออกมาติดผลมนอกฤดูด้วยวิธีการต่างๆ เช่น วิธีการกักน้ำการปล่อยน้ำให้น้ำท่วมโคน การควั่นหรือใช้ลวดรัดที่โคน ซึ่งวิธีการเหล่านี้เป็นการทรมานต้นมะนาว ทำให้มะนาวโทรมหรือตายได้ แต่ในปัจจุบันได้พบวิธีบังคับให้มะนาวออกดอกนอกฤดูโดยการใช้สารพาโดลบิวทราโซล ซึ่งไม่เป็นการทรมานต้นมะนาวเกินไปและได้ผลดี
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.