-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 514 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

เกษตรต่างแดน14




หน้า: 2/4



อินเดียวระงับมะเขือดัดแปลงพันธุกรรม
ทาง การอินเดียประกาศระงับแผนการที่จะอนุญาตให้ปลูกมะเขือม่วงที่ผ่านการดัดแปลง พันธุกรรม (จีเอ็มโอ) เพื่อการค้า หลังมีเสียงคัดค้านจากคนในพื้นที่และกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งกรณีนี้ถูกมองว่าเป็นกรณีตัวอย่างถึงความเป็นไปได้ที่ว่า สุดท้ายแล้วรัฐบาลอินเดียจะหันมาสนับสนุนการปลูกพืชดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อ เพิ่มผลผลิตด้านอาหารหรือไม่


การตัดสินใจระงับแผนการครั้งนี้ของรัฐบาลอินเดียเป็นการเปลี่ยนแปลงมติ ที่ออกมาเมื่อเดือนตุลาคมปี 2552 ที่อนุญาตให้นำมะเขือม่วง (eggplant) ตัดแต่งพันธุกรรมสายพันธุ์ "บีที บรินจาล" ไปใช้เพื่อการค้าได้ ในเวลานั้นรัฐบาลกล่าวว่าจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายก็ต่อเมื่อได้รับฟังความคิด เห็นจากเกษตรกร ผู้บริโภค นักวิทยาศาสตร์ และผู้บริหารส่วนท้องถิ่นแล้ว

alt 
นาย ไจราม ราเมช รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของอินเดีย กล่าวเมื่อวันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่าการประกาศระงับการปลูกมะเขือม่วงดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อจำหน่ายจะมีผล บังคับใช้ไปจนกว่าจะมีผลการศึกษาวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นที่พึงพอใจต่อ ทั้งสาธารณชนและผู้เชี่ยวชาญออกมาบ่งบอกถึงความปลอดภัยของสินค้าในแง่ของผล กระทบระยะยาวที่มีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม


อย่างไรก็ตาม นายราเมชกล่าวว่าการระงับการปลูกมะเขือม่วงดัดแปลงพันธุกรรมจะไม่ทำให้การนำ เทคโนโลยีชีวภาพไปใช้ในภาคการเกษตรของ

อินเดียหยุดชะงัก ฝ้ายเป็นพืชดัดแปลงพันธุกรรมชนิดเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกเพื่อการค้า และอินเดียเป็น 1 ใน 25 ประเทศที่มีการปลูกฝ้ายจีเอ็มโอชนิดนี้ แต่มะเขือม่วงดัดแปลงพันธุกรรมจะเป็นพืชสำหรับบริโภคชนิดแรกของอินเดีย และจะเป็นผักดัดแปลงพันธุกรรมที่ปลูกเพื่อการค้าชนิดแรกของโลก ถ้ารัฐบาลอินเดียอนุญาตให้ปลูกจำหน่ายได้


รัฐที่เป็นแหล่งผลิตมะเขือม่วงรายใหญ่ รวมถึงนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและกลุ่มผู้รณรงค์เรื่องสุขภาพของผู้บริโภค ต่างหวาดกลัวว่าการปลูกมะเขือม่วงดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อการค้าจะส่งผลเสีย ต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และมะเขือม่วงพันธุ์ต่างๆ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในอินเดีย ซึ่งหลังจากรัฐบาลมีประกาศระงับ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมจำนวนมากต่างออกมาแสดงความเห็น ด้วย พร้อมทั้งกล่าวว่ารัฐบาลควรใช้โอกาสนี้ทบทวนและหาทางออกให้เป็นที่พึงพอใจ แก่ทุกฝ่าย


สุนิตา นาราอิน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมของอินเดีย กล่าวว่า "เราแสดงความกังวลมาโดยตลอด เราไม่ได้ต่อต้านการนำเทคโนโลยีดัดแปลงพันธุกรรมไปใช้เพิ่มผลผลิตทางการ เกษตร แต่แน่นอนว่าเราคัดค้าน บีที บรินจาล" เธอให้เหตุผลว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผักซึ่งเป็นอาหารประจำครัวเรือนถูกนำมา ดัดแปลงพันธุกรรม มะเขือม่วงเป็นผักที่รับประทานโดยไม่ผ่านการแปรรูปและในบางพื้นที่รับประทาน ทั้งๆ ที่ไม่ผ่านการปรุง "ดังนั้นเราจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการทบทวนเกี่ยวกับอาหารชนิดนี้"


บีที บรินจาล ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทมหาราชตรา ไฮบริด ซีดส์ หรือมาไฮโค บริษัทเมล็ดพันธุ์อันดับ 1 ของอินเดีย บีที บรินจาล ถูกดัดแปลงให้ทนต่อการกัดกินของแมลง ซึ่งรวมถึงแมลงที่ทำลายพืชผลโดยเข้าไปวางไข่ในผลและหน่อด้วย อินเดียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตมะเขือม่วงรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยคิดเป็น 9% ของผักที่ผลิตได้ทั้งหมดในประเทศ และได้ทำการทดลองเกี่ยวกับมะเขือม่วงดัดแปลงพันธุกรรมมาตั้งแต่ปี 2543


ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,505  14-17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553



สรุปข่าวเกษตรอินทรีย์อินเดีย

2 เม . ย . 53 Inflation no worry for organic food
คุณ Varun Gupta ประธานบริหารของ Pro Nature Organics ผู้จำาหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ในเมือง Chennai, Bangalore และ Hyderabad ของอินเดีย ได้กล่าวถึงตลาดเกษตรอินทรีย์ในอินเดียมีขนาดสัดส่วนไม่ใหญ่นัก น่าจะน้อยกว่า 5% ทำาให้ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจไม่กระทบต่อตลาดเกษตรอินทรีย์เท่าไหร่นัก

โดยในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกตำ่าโดยรวม ธุรกิจเกษตรอินทรีย์ของบริษัทเองเติบโตราว 20% ซึ่งผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ที่ขายอยู่ในประเทศอินเดียมีราคาพรีเมี่ยมสูงกว่าสินค้าทั่วไปราว 20-80% ในส่วนของเครือข่ายร้านค้าปลีก Navdanya ที่มีร้านค้าขายผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ใน Delhi, Mumbai และ Dehradun ก็ยืนยันว่า ตลาดเกษตรอินทรีย์ในอินเดียไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจโดยรวมเท่าไหร่นัก


2 เม . ย . 53 มกอช. เตรียมออกมาตรฐานข้าวเกษตรอินทรีย์

สำานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) จัดประชุมคณะกรรมการวิชาการ เพื่อพิจารณามาตรฐานข้าวเกษตรอินทรีย์เมื่อ 1 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายจะให้มีการออกมาตรฐานข้าวเกษตรอินทรีย์เพิ่มเติมจากมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อตุลาคม 2552 แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการเอกชนและองค์กรพัฒนาเอกชนต่างก็ไม่เห็นด้วยกับการจัดทำามาตรฐานดังกล่าวเพิ่ม เนื่องจากมีมาตรฐานเกษตรอินทรีย์อยู่แล้ว และมาตรฐานใหม่ของข้าวเกษตรอินทรีย์ใหม่ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากมาตรฐานเดิมที่มีอยู่


3 เม . ย . 53 Organic food still remains a niche category in the Indian market
ตลาดเกษตรอินทรีย์ในอินเดียกำาลังเติบโตขึ้น มีตลาดนัด ที่เกษตรกรนำาผลผลิตเกษตรอินทรีย์มาขายเองให้กับผู้บริโภคในเมืองต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ร้านค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตเริ่มวางจำาหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์มากขึ้น รวมทั้งร้านอาหารที่ให้บริการอาหารเกษตรอินทรีย์ และการขายในระบบสมาชิก ที่มีการส่งผักเกษตรอินทรีย์ตรงถึงบ้าน แต่โดยรวมก็ยังนับว่า ตลาดเกษตรอินทรีย์ยังเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มอยู่ โดยราคาพรีเมี่ยมของเกษตรอินทรีย์จะสูงกว่าสินค้าทั่วไปราว 10-30% แต่อย่างไรก็ดี ผักสดเกษตรอินทรีย์ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่ ทำาให้ผู้บริโภคหลายคนหันมาปลูกผักเกษตรอินทรีย์บริโภคเองในบ้านแทน


รวบรวมโดย มูลนิธิสายใยแผ่นดิน / กรีนเนท

www.greennet.or.th


สรุปข่าวเกษตรอินทรีย์ 1-15 เมษายน 2553

3 เม . ย . 53 PARC establishes organic fertilizer, pesticide factories

สภาวิจัยเกษตรปากีสถาน (Pakistan Agriculture Research Council - PARC)
มีแผนที่จะจัดตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์และสารกำาจัดศัตรูพืชอินทรีย์ เพื่อเป็นการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ในประเทศ โดย Dr. Zafar Altaf ประธานสภาวิจัยเกษตรระบุว่า โครงการนี้จะช่วยลดการนำาเข้าปุ๋ยและสารเคมีการเกษตร ซึ่งจะทำาให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ อีกทั้งช่วยลดงบประมาณของรัฐบาลที่ใช้อุดหนุนปุ๋ยและสารเคมีการเกษตรมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ผลผลิตเกษตรอินทรีย์นี้เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศด้วย


4 เม . ย . 53 Starbucks goes upmarket with Seattle test cafe
ร้านกาแฟ Starbuck ทดลองเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ หลังจากพบว่า ธุรกิจขายกาแฟของตัวเองได้เริ่มกลายเป็นร้านกาแฟระดับล่างทั่วไป (ซึ่งทำาให้ต้องแข่งขันกับร้านกาแฟทั่วไป เช่น McCafe) จากเดิมที่บริษัทเคยวางตำาแหน่งของร้านเป็นร้านระดับบน เมื่อเริ่มธุรกิจนี้เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ดังนั้น ผู้บริหารบริษัทจึงได้ปรับเปลี่ยนรูปโฉมร้านกาแฟ Starbuck ใหม่ โดยทดลองกับร้านย่านกลางเมือง Seattle ซึ่งในร้านใหม่นี้จะมีหนังอินดี้ฉายในช่วงกลางคืน เสริฟ์กาแฟที่ไม่ใช่กาแฟผสมจากหลายที่ มีไวน์และเบียร์ให้บริการ ตลอดจนอาหารชั้นดี เช่น เนยแข็งคุณภาพดี อาหาร และของหวานเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น


6 เม . ย . 53 USDA's deputy secretary discusses challenges for organic

food market
คุณ Kathleen Merrigan รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรของสหรัฐได้ให้สัมภาษณ์กับ Washington Post เกี่ยวกับอนาคตของแผนงานเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ (National Organic Program - NOP) ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีการขยายตัวมากถึง 20% ต่อปี ซึ่งคุณ Kathleen ระบุว่า ในช่วงจากนี้ไป ทาง NOP คงต้องเริ่มการบังคับกฎระเบียบต่างๆ อย่างจริงจังมากขึ้น หลังจากที่ได้ทดลองใช้ระบบเกษตรอินทรีย์มาระยะหนึ่ง โดยเฉพาะการกวดขันดูแลผู้ประกอบการและหน่วยตรวจรับรองเกษตรอินทรีย์ นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องเริ่มดำาเนินการ

ไม่ว่าจะเป็นการกำาหนดรายละเอียดของมาตรฐานต่างๆ ที่ยังอาจไม่ชัดเจน และการทำาความเข้าใจกับผู้บริโภคเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์


6 เม . ย . 53 เปลี่ยนประธานสมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์คนใหม่
สมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทยได้จัดประชุมใหญ่ประจำาปีของสมาคมฯ และได้เลือกกรรมการบริหารสมาคมชุดใหม่ไปเมื่อ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553 และคณะ


สรุปข่าวเกษตรอินทรีย์ 1-15 เมษายน 2553


กรรมการบริหารชุดใหม่เพิ่งจัดประชุมเพื่อเลือกประธานและกรรมการฝ่ายต่างๆของสมาคมเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา โดยประธานที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ในชุดนี้คือ คุณวิฑูรย์ เรืองเลิศปัญญากุล (สหกรณ์กรีนเนท จำากัด) ส่วนรองประธาน คือ คุณพีรโชติ จรัญวงศ์ (บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารเมอริท จำากัด) และคุณกานต์ ฤทธิขจร (บริษัท ไทยออแกนิคฟู้ด จำากัด) ส่วนเลขาธิการสมาคมคือ คุณวัลลพ พิชญ์พงศา (บริษัท ท๊อปออร์กานิกโปรดักส์แอนด์ซัพพลายส์ จำากัด)


6 เม . ย . 53 Biodynamic farmers connect to earth's rhythms
คุณ Randall Grahm เกษตรกรผู้ปลูกองุ่นในรัฐแคลิฟอเนียเป็นเกษตรกรอินทรีย์ที่ทำาเกษตรโดยใช้แนวทาง biodynamic ที่อาศัยพลังจักรวาลและวัฐจักรฤดูกาล(cosmic and seasonal rhythms) ซึ่งทำาให้ต้องเลือกวันปลูกพืชโดยดูจากปฏิทินดวงดาว โดยเฉพาะพระจันทร์ และจัดเตรียมหัวเชื้อปุ๋ยแบบพิเศษ ที่นำามูลวัวไป

ใส่ไว้ในเขาวัว และฝังไว้ในดินนานหนึ่งฤดู ก่อนจะนำามาผสมนำ้า แล้วฉีดพ่นไปในแปลงปลูกพืช แนวทางbiodynamic นี้ เริ่มต้นโดยคุณ Rudolf Steiner เมื่อเกือบ 90 ปีก่อน ในประเทศออสเตรีย ซึ่งปัจจุบัน มีผู้ที่ทำาเกษตรในแนวทางนี้ทั่วโลก โดยในสหรัฐอเมริกาเอง มีเกษตรกร biodynamic อยู่ราว 150 คน


7 เม . ย . 53 Industry Observers Call Organic Oversight 'A Good Thing
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สำานักงานผู้ตรวจการ กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA Office of the Inspector General ) ได้จัดทำารายงานประเมินผลการดำาเนินงานของแผนงานเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ (National Organic Program - NOP) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการประเมินผลไปครั้งหนึ่งเมื่อ 5 ปีก่อน โดยในรายงานนี้ได้เรียกร้องให้มีการปรับปรุงระบบการบังคับใช้กฎระเบียบและการควบคุมผู้ประกอบการและหน่วยตรวจรับรองเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น ผู้ประกอบเกษตรอินทรีย์หลายรายต่างเห็นด้วยกับการเข้มงวดมากขึ้น เพราะเชื่อว่าจะทำาให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในการรับรองมาตรฐาน ทำาให้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำาให้ตลาดเกษตรอินทรีย์เติบโตได้ต่อไปในอนาคต


9 เม . ย . 53 7-Eleven carrying Cooper's organic tea
ร้าน 7-Eleven ในสหรัฐอเมริกาเริ่มมีสินค้าเกษตรอินทรีย์วางจำาหน่าย โดยเริ่มจากชาเย็นเกษตรอินทรีย์ Iced Brew Tea ของบริษัท B.W. Cooper Tea Co.ซึ่งร้าน 7-Eleven ได้ขายชาธรรมชาติจากบริษัทนี้มาตั้งแต่ปี 2546 และบริษัทมีแผนที่จะเปลี่ยนชาดังกล่าวให้เป็นชาเกษตรอินทรีย์ภายในเดือนเมษายนนี้ โดยเริ่มจาก 70% ของร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา


สรุปข่าวเกษตรอินทรีย์ 1-15 เมษายน 2553


11 เม . ย . 53 African Farmers Growing Organic Foods for European Market
เกษตรกรเกือบ 5,000 คนในประเทศเบอร์กินาฟาโซ คาเมรูน กานา เซนิเกล และเซียร์ราลีออน ที่หันมาทำาเกษตรอินทรีย์ภายใต้การสนับสนุนขององค์กรอาหารและการเกษตร สหประชาชาติ (UN FAO) และได้รับการตรวจรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และแฟร์เทรด ทำาให้มีโอกาสส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ ไปขายในตลาดยุโรปเพิ่มขึ้น เช่น เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดจำานวนราว 30 รายได้ขยายการผลิตจากเดิม 26 ตันเป็น 115 ตันหลังจากได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และมีตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น ผู้เชี่ยวชาญจาก FAO ระบุว่า ตลาดเกษตรอินทรีย์น่าจะเติบโตราว 5 - 15% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า และเกษตรกรชาวแอฟริกาน่าจะได้ส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดในยุโรปยังมีความต้องการผักและผลไม้เขตร้อนอยู่มาก


11 เม.ย.53 UN agency explores potential benefits of organic agriculture in Eastern Europe
แผนงานสิ่งแวดล้อม สหประชาชาติ (UN Environment Programme - UNEP)กำลังผลักดันความร่วมมือกับสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (International Federation of Organic Agriculture Movements - IFOAM) เพื่อส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ในยุโรปตะวันออกและเอเชียกลาง เพื่อให้เกิดการพัฒนอย่างยั่งยืน ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ การจ้างงาน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งประเทศเหล่านี้บางส่วนมีการใช้สารเคมีการเกษตรค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว และรัฐบาลก็สนใจที่จะสนับสนุนเกษตรอินทรีย์อยู่ด้วย อีกทั้งตลาดเกษตรอินทรีย์ในยุโรปตะวันตกก็ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว และต้องการผลผลิตเกษตรอินทรีย์ต่างๆ มากขึ้น


11 เม.ย.53 UK Organic market drops 12.9% in 2009
จากรายงานประจำาปีของ Soil Association ในประเทศอังกฤษ ระบุว่า ตลาดเกษตรอินทรีย์ในประเทศหดตัวลง 12.9% เพราะผลจากพิษเศรษฐกิจ โดยขนาดตลาดหดตัวลงเหลือ 1,840 ล้านปอนด์ โดยกลุ่มสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ เนื้อสัตว์ และอาหารพร้อมปรุง ในขณะที่นมสด อาหารเด็กและอาหารสดไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าไหร่นัก แต่ในขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำาอางและผลิตภัณฑ์สุขภาพกลับยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น





สรรพคุณครอบจักรวาลของมูลวัวที่อินเดีย
ดิฉันได้พูดคุยให้เพื่อนชาวอินเดียฟังเรื่องอุจจาระสร้างชาติอินเดียที่พระท่านเขียนบนเว็บ เพื่อนให้ข้อมูลเพิ่มอีก ดิฉันจึงขอเรียนเสนอเพิ่มเติมนะคะ


คนไทยใช้ประโยชน์จากมูลวัวเพียงไม่กี่อย่าง เช่น ปุ๋ยหรือทำแก๊ซชีวภาพ เป็นการใช้เพื่อการเกษตรเป็นหลัก

ไม่นำมาใช้กับตัวบุคคล  ยิ่งในปัจจุบันเราหันมาใช้ควาย เหล็กแทนวัว หรือควายในการไถนาด้วยแล้ว การใช้

ประโยชน์จากมูลวัวทำได้ยากมากขึ้น อีกทั้งมีสิ่งทดแทน เช่น สารเคมีที่มาจากโรงงาน ภูมิปัญญาดั้งเดิมก็ค่อยๆ

สูญหายไป


ชาวอินเดียในชนบทใช้ประโยชน์จากมูลวัวหลากหลายมาก วัวต้องเป็นวัวพันธุ์พื้นเมือง คล้ายๆ วัวไทย ตัวไม่ใหญ่โตเหมือนที่เราเห็นในฟาร์มปัจจุบันนะคะ วัวมีคุณสมบัติคือมี 4 กระเพาะๆ หนึ่งมีแบคทีเรียที่ช่วยย่อยสลายหญ้าได้ มูลวัวที่ได้จากวัวพันธุ์พื้นเมืองจะไม่เหม็นเหมือนวัวพันธุ์ผสม วัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดีย วัวเป็นชาติสุดท้ายก่อนที่จะเกิดเป็นมนุษย์  ดังนั้นเราจะเห็นวัวเดินในทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่บนถนน โดยเฉพะอย่างยิ่งในต่างจังหวัดรถราต้องหลบหลีกเอาเอง ชาวชนบทของอินเดียส่วนใหญ่ยังมีวิถีแบบเกษตร วัวจึงเป็นสัตว์ที่ช่วยในการทำเกษตร ชาวอินเดียจึงคุ้นเคยกับวัวมาตลอด เห็นคุณค่าจากทุกสิ่งที่ได้จากวัว จนเราคนไทยอาจนึกไม่ถึงว่าแม้กระทั่ง “มูลวัว” จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ได้มากมายขนาดนี้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของชาวอินเดียที่ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ที่ธรรมชาติให้มาโดยไม่ต้องลงทุนมาก




สรรพคุณของมูลวัวและปัสสาวะวัวที่ชาวอินเดียใช้ประโยชน์มีดังนี้


เป็นยา


1. ปัสสาวะของลูกวัวที่เกิดใหม่เป็นยา อายุรเวช เวลาลูกวัวจะฉี่ต้องจดจ้องเอาภาชนะไปรองรับ 

2. ปัสสาวะใหม่ของวัวแก่ ใช้แต้มที่สิวก่อนนอนได้

3. ควันที่ได้จากการเผามูลวัวทำให้เราต้องกะพริบตาเปิด ปิดหลายๆ ครั้ง มีน้ำตาไหลออกมา ซึ่งก่อให้เกิดผลดีเป็น

การเพิ่มสมรรถนะการมองเห็นได้ชัดเจนจนกระทั่งสูงอายุ

4. ผสมมูลวัวกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นโรคผิวหนัง ช่วยบรรเทาอาการคันไปได้

5. ผสมมูลวัวกับใบสะเดาบดทาที่ผิวหนัง รักษาผื่นบนผิวหนัง


เป็นพลังงาน
1. มูลวัวตากแห้งเป็นแผ่นๆ ใช้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

2. มูลวัวเป็นแหล่งพลังงานความร้อนที่ทำน้ำร้อน

3. แก๊ซชีวภาพ: มูลวัวกับปัสสาวะวัวผสมน้ำพอควร คนให้เข้ากันจนข้นเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่ในภาชนะปิดฝาให้แน่น

มีท่อต่อไปพร้อมวาล์ว ราว 14 วันจะได้แก๊ซชีวภาพสำหรับใช้ทำอาหาร หรือใช้กับเครื่องปั่นไฟได้

4. เผามูลวัวแห้งช้าๆ ควันช่วยไล่ยุง



ใช้ในการเกษตร

1.มูลวัวเป็นปุ๋ยอย่างดี

2.มูลวัวโปรยลงในสระน้ำช่วยทำให้ค่า PH เกิดความสมดุลย์ เป็นกลาง

3 คลุกเมล็ดพันธุ์พืชในมูลวัวก่อนปลูกเป็นการรักษาไม่ให้มอดแมลงเจาะกิน


เสริมสร้างบ้านและสิ่งแวดล้อมให้แข็งแรง

1.มูลวัวกับโคลนและน้ำเพื่อทาพื้นในบ้านดิน ทำให้พื้นแน่น ไม่เกิดความชื้น

2.มูลวัวผสมดินหรือโคลนช่วยทำให้อิฐแข็งแรงยิ่งขึ้น

3.ขี้เถ้าของและปูนขาวผสมกันมีสรรพคุณเหมือนซีเมนต์


ใช้ประโยชน์อื่นๆ

1.มูลวัวแห้งผสมน้ำมันใช้ทำความสะอาดภาชนะได้

2.ขี้เถ้ามูลวัวผสมมะขามขัดภาชนะทองเหลืองเงางามมาก

3.ขี้เถ้ามูลวัวเป็นผงสีฟันได้

4.มูลวัวแห้งเป็นส่วนหนึ่งในการบูชาของศาสนาฮินดู


นอกจากประโยชน์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีวิธีการสังเกตอากัปกิริยาของวัวที่ป่วย วัวจะนั่งๆ ยืนๆ แต่ไม่ยอมกิน หากมีอาการใกล้ตาย จะยืนนิ่ง ตากระพริบอย่างเดียว ไม่ยอมกินอะไร และเมื่อหมดลมจะล้มขาแข็งกาง เมื่อเห็นอาการเช่นนี้ ชาวอินเดียในแคว้นมคธจะรีบปลดเชือกที่คล้องไว้กับหลักออก และคลายเชือกที่รัดคออยู่เพื่อให้แม่วัวไปสบายๆ โดยมีคนคอยดูอยู่ตลอดเวลา ทำพิธีสวดที่บ้านโดยขอให้แม่วัวซึ่งเป็น Mother of the family ยกโทษให้และจะจดจำความดีแม่วัวตลอดไป เสร็จแล้วจัณฑาลจะหามแม่วัวใส่แคร่ไม้ไผ่ไปฝังอาจจะฝังที่ว่างริมฝั่งน้ำ หรือที่สาธารณะว่างๆ ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านออกไป หลังจากนั้น 1 วัน จัณฑาลจะขุดซากวัวขึ้นมาแร่เอาหนังไปขายเพื่อเป็นรายได้ของตน หนังวัวนี้ใช้ทำรองเท้าซึ่งจะมีความทนทานมาก



ขอขอบคุณ Dr. Amarjiva Lochan ชาวมคธซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยเดลลี ผู้ให้ข้อมูลนี้


หากท่านสนใจจะศึกษาต่อในหลักสูตรปริญญาโท เอก ของสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล กรุณาเข้าชมที่ www.lc.mahidol.ac.th หรือ โทร. 02-800-2308 ต่อ 3101






หน้าก่อน หน้าก่อน (1/4) - หน้าถัดไป (3/4) หน้าถัดไป


Content ©