สารสกัดเทียนหยด....ควบคุมวัชพืช
รายงานเรื่องเต็มผลการทดลองที่สิ้นสุด ปีงบประมาณ 2549
1. ชื่อแผนงานวิจัย การศึกษาและพัฒนาอารักขาพืช
2. ชื่อโครงการวิจัย วิจัยเทคโนโลยีการผลิตและการใช้สารสกัดจากพืชทดแทนสารเคมี
กิจกรรม วิจัยพัฒนาการใช้สารจากพืชควบคุมวัชพืช
กิจกรรมย่อย วิจัยพัฒนาการใช้สารจากพืชควบคุมวัชพืช
4. คณะผู้ดำเนินงาน
หัวหน้าโครงการวิจัย นางชอุ่ม เปรมัษเฐียร สังกัดสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช
หัวหน้าการทดลอง นางชอุ่ม เปรมัษเฐียร สังกัดสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช
ผู้ร่วมงาน (การทดลอง) นางสาวศิริพร ซึงสนธิพร สังกัดสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช
5. บทคัดย่อ
สารสกัดจากเทียนหยดด้วยน้ำ สามารถยับยั้งการงอกและการเจริญของวัชพืชหลายชนิดในห้องปฏิบัติการ เมื่อนำมาศึกษารูปแบบการใช้สารที่มีในเทียนหยด เพื่อการควบคุมวัชพืชโดยใช้ไมยราบยักษ์เป็นพืชทดสอบในสภาพเรือนทดลอง พบว่าการแช่ใบแห้งในน้ำ ในอัตรา 1:1 – 1:1.2 (น้ำหนัก:ปริมาตร) ผสมกับสารจับใบ ทำให้พืชทดสอบ เช่น ไมยราบยักษ์ตาย ส่วนก้นจ้ำขาวดอกใหญ่ใบเป็นสีน้ำตาล สารสกัดจากเทียนหยดสามารถใช้ได้กับไมยราบยักษ์อายุ 2 – 4 สัปดาห์ได้ดี คือทำให้ใบเหี่ยวและร่วง และบางต้นรุนแรงถึงตายได้ ผลกระทบของสารสกัดจากเทียนหยดต่อการเจริญเติบโตของพืชปลูกชนิดต่างๆ ในสภาพเรือนทดลอง ได้แก่ ผักคะน้า ผักกาดขาว ผักกาดเขียว โหระพา กะเพรา แมงลัก ผักชี พริก ข้าวโพด เมื่อพืชอายุประมาณ 30 วันหลังงอก แต่พืชทดสอบหลายชนิดในชุดควบคุมถูกแมลงทำลายก่อนที่จะเริ่มการทดสอบ ทำให้ไม่สามารถทดสอบได้
การนำไปใช้ประโยชน์ :
จากผลดังกล่าวนี้ สามารถนำไปใช้ได้โดยตรง คือ การใช้ใบเทียนหยดแห้ง แช่ในน้ำอัตรา 1:1 – 1:1.25 นานอย่างน้อย 12 ชั่วโมง ผสมสารจับใบเล็กน้อยฉีดพ่น ให้วัชพืช จะทำให้ส่วนที่ถูกสารจากเทียนหยด เหี่ยว ร่วง และอาจรุนแรงถึงตายได้ สารจากเทียนหยดนี้ไม่มีผลต่อพืชผัก เช่น ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง แต่ในฝักคะน้า สารที่ฉีดพ่นจะติดอยู่บนใบคะน้าจนทำให้นวลบนใบคะน้าหายไป ไม่สวยงาม
ที่มา : กรมวิชาการเกษตร
****************************************************************************************************************
ประสบการณ์ตรง :
5.สูตรต้มเคี่ยว
วัสดุส่วนผสมและวิธีทำ :
เลือกพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ สภาพสดหรือแห้ง ส่วนที่มีสารออกฤทธิ์มากที่สุด อายุและสภาพแวดล้อม ตามต้องการหรือตามหลักวิชาการ สับเล็กหรือบดละเอียดปริมาณ 1-2 กก. น้ำที่ออกมาอย่าทิ้ง ใส่ลงในถังโลหะ (ปี๊บ)ที่มีน้ำ 10-20 ล. ยกขึ้นตั้งไฟ
ต้มครั้งที่ 1 ........ ให้เดือดจัด เสร็จแล้วใช้ตะแกงกรองเอาสมุนไพรที่ต้มแล้วออกทิ้งไป ใส่สมุนไพรตัวเดิม ปริมาณเท่าเดิมลงไปแทน เตรียมต้มรอบ 2
ต้มครั้งที่ 2 ........ เดือดจัดแล้วใช้ตะแกงกรองเอาสมุนไพรที่ต้มแล้วออกทิ้งไป ใส่สมุนไพรตัวเดิม ปริมาณเท่าเดิมลงไป เตรียมต้มรอบ 3
ต้มครั้งที่ 3 ........ เดือดจัดแล้วใช้ตะแกงกรองเอาสมุนไพรที่ต้มแล้วออกทิ้งไป ใส่สมุนไพรตัวเดิม ปริมาณเท่าเดิมลงไปแทน แล้วต้มจนเดือดจัดเป็นครั้งสุดท้าย เสร็จแล้วยกลง ปล่อยให้เย็น แล้วให้กรองเอากากออกก็จะได้หัวเชื้อน้ำต้มสมุนไพรเข้มข้นพร้อมใช้งาน
กากก้นถังที่ได้นำไปตากแห้ง เก็บไว้ใช้รองก้นหลุมปลูก หรือโรยหน้าดิน ช่วยป้องกันแมลงในดินได้เป็นอย่างดี
สูตรนี้ไม่แนะนำให้เก็บไว้นานเพราะจะเน่าหรือบูด กรณีพืชสมุนไพรประเภทหัว ซึ่งมีแป้งเป็นส่วนผสมหลัก จะบูดเน่าเร็วกว่าสมุนไพรประเภทใบ/ดอก/ผล ดังนั้นจึงควรทำครั้งละเพียงพอต่อการใช้ 1 ครั้ง แต่หากต้องการเก็บนานให้เติมเหล้าขาวหรือแอลกอฮอร์ อัตรา 1 ล.ต่อน้ำสกัด 10 ล. แอลกอฮอร์จะช่วยแก้อาการบูดเน่าได้
หมายเหตุ :
สูตรต้มเคี่ยวทำได้ 2 แบบ คือ
แบบที่ 1. ....... ต้มเคี่ยวครบ 3 รอบแล้วกรองเอากากออกได้น้ำใสเท่าไรก็ได้เท่านั้น ใช้งานได้เลย ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์มีเท่าไรก็มีเท่านั้น
แบบที่ 2. ........ ต้มเคี่ยวครบ 3 รอบ กรองเอากากออกจนได้น้ำใสแล้ว ให้ต้มเคี่ยวต่อโดยไม่ต้องเติมพืชสมุนไพรอีก ต้มเคี่ยวจนกระทั่งน้ำระเหยไปไอหายไป เหลือ 1 ใน 4 ของครั้งแรก เสร็จแล้วปล่อยทิ้งให้เย็น ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์จะแรงขึ้น
ที่มา : COPY เมนูหลัก - สารสกัดสมุนไพร
เมื่อทราบจากข้อมูลงานวิจัยแล้วว่า "ผักกาดน้ำ. แมงลักคา. ส่าบเสือ. เทียนหยด" ต่างมีสารออกฤทธิ์ในการ ควบคุม/กำจัด วัชพืช
การเลือกใช้พืชสมุนไพรหลายๆ ตัว ที่มีสารออกฤทธิ์เหมือนกัน มารวมกันแล้ว "ต้มเคี่ยว" ตามกรรมวิธีดังกล่าว นอกจากจะได้สารออกฤทธิ์เข้มข้นขึ้นแล้ว ยังได้สารออกฤทธิ์หลายอย่างในงานเดียวกัน แบบ "ตัวต่อตัวมีรุม" อีกด้วย ประมาณนั้น
ลุงคิมครับผม
**************************************************************************************************************
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.