ออสซี่.คิดวิธีคุมกำเนิดแนวใหม่
ใช้กลไกทางเคมีปั่นหัววัชพืช
วัชพืชปัญหาสำคัญในการทำเกษตรกรรม
ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮรัลด์ - นักวิจัยออสซี่ค้นคิดวิธีใหม่ในการคุมกำเนิดวัชพืชชนิดปฏิวัติวงการ เพื่อลดการพ่นสเปรย์อันตราย โดยกลวิธีของโปรเจกต์นี้คือ การหลอกล่อให้วัชพืชคิดว่ากำลังมีเซ็กซ์กับตัวเอง เพื่อให้มันปิดระบบผสมพันธุ์
นักวิจัยหวังเลียนแบบกระบวนการทางเคมีที่พืชหลายชนิดใช้ระบุและปฏิเสธเกสรของตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการผสมพันธุ์กับตัวเอง ดังนั้น การนำสารเคมีดังกล่าวมาฉีดกับวัชพืชบางชนิด จึงน่าจะให้ผลเช่นเดียวกับยาคุมกำเนิด เนื่องจากจะทำให้วัชพืชเหล่านั้นเกิดความสับสนว่ากำลังผสมพันธุ์กับตัวเอง ซึ่งถือเป็นแนวทางใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน
เอด นิวบิกิน (Ed Newbigin) ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาพฤกษศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น (Melbourne University) และเป็นหนึ่งในแกนนำการวิจัย อธิบายว่าพืชจำนวนมากมีอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งเพศหญิงและชายในตัว ดังนั้น จึงสามารถผสมพันธุ์เองได้
อย่างไรก็ตาม วัชพืชหลายชนิดที่มีดอกและมีอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งสองเพศ จึงสามารถผสมพันธุ์เองได้ กลับไม่ยอมทำแบบนั้น
ทั้งนี้ ธรรมชาติได้มอบโปรตีนชนิดหนึ่งให้กับวัชพืช เพื่อใช้ในการตรวจหาละอองเกสรของตัวเอง ซึ่งเมื่อพบ โปรตีนนี้จะกระตุ้นกลไกทางเคมีป้องกันไม่ให้สเปิร์มจากเกสรเข้าถึงไข่ในอวัยวะเพศหญิงของวัชพืช
ศาสตราจารย์นิวบิกินแจกแจงว่า กลไก “ถุงยางเคมี” (chemical condom) ดังกล่าวทำให้วัชพืชไม่สามารถผสมพันธุ์กับตัวเองได้
เขาเพิ่มเติมว่า ถ้าโครงการนี้ซึ่งเปิดตัวกันไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (16 ส.ค.) โดยโค-โอเปอเรทีฟ รีเสิร์ช เซ็นเตอร์ ฟอร์ ออสเตรเลียน วีด แมเนจเมนต์ (Co-operative Research Centre for Australian Weed Management) และมีดร. แอนดริว ยัง (Andrew Young ) และดร. สตีฟ สเวน (Steve Swain) จาก CSIRO ร่วมอยู่ด้วยนั้น จะทำให้เกิดวิธีคุมกำเนิดวัชพืชที่ช่วยประหยัดเงินให้แก่เกษตรกรออสเตรเลียปีละหลายพันล้านดอลลาร์ จากการลดการใช้สารพิษในไร่นา
เป้าหมายแรกในการคุมกำเนิดคือ หัวผักกาดป่า ซึ่งเป็นศัตรูสำคัญของข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ และทำให้ชาวนาต้องสูญเสียหลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อปี และหากประสบความสำเร็จ นักวิจัยกลุ่มนี้บอกว่า เทคโนโลยีนี้อาจนำไปใช้กับวัชพืชสำคัญอีกชนิดคือ หญ้าข้าวไรที่ชุกชุมตลอดทั้งปี
สเปรย์คุมกำเนิดจะไม่มีพิษตกค้าง และไม่เกี่ยวข้องกับการปรับแต่งพันธุกรรม ดังนั้น จึงไม่เป็นอันตรายต่อพืชอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถรู้ว่าเกสรที่พบเป็นเกสรของตัวเองหรือไม่ ซึ่งถ้าวัชพืชหยุดการขยายพันธุ์ วันหนึ่งก็ต้องสูญพันธุ์ไป อันเป็นสิ่งที่เกือบเป็นไปไม่ได้เลย หากเกษตรกรใช้ยาปราบศัตรูพืชหรือใช้การถอนทิ้ง
ศาสตราจารย์นิวบิกินปิดท้ายว่า เขาและทีมงานหวังจะเห็นความสำเร็จของโครงการนี้ภายใน 3 ปี
ที่มา : ผู้จัดการ
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.