เกษตรกรรมกับสารเคมี.....
ผลกระทบที่เกษตรกรชุมชนบ้านเมืองปอนเริ่มตระหนัก
ชุมชนเมืองปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เป็นชุมชนเกษตรกรรมที่ทำการเกษตรแบบพึ่งพาสารเคมีมาเป็นระยะเวลายาวนาน จนเมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้แจ้งข้อมูลผลการตรวจเลือดเพื่อหาสารพิษตกค้างในร่างกายของเกษตรกรชุมชนบ้านเมืองปอนจำนวน 57 ราย โดยวิธีการสุ่มตรวจ พบว่า มีเกษตรกรที่มีสารพิษตกค้างในร่างกายจำนวน 39 ราย ตัวเลขดังกล่าวทำให้คนในชุมชนกลุ่มหนึ่งเริ่มตระหนักถึงภัยจากสารเคมี และได้รวมกลุ่มกันทำโครงการวิจัย “รูปแบบการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตสู่การลด ละ เลิก การใช้สารเคมีของชุมชน ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน” โดยมีคุณไพศาล ญาติศรี เป็นหัวหน้าโครงการ กระบวนการวิจัยที่สำคัญแบ่งเป็น 2 ช่วง
ในช่วงแรกเป็นการศึกษาเรียนรู้ สังเกต และเก็บข้อมูลเพื่อให้ทราบถึงสถานภาพการจัดการในกระบวนการผลิตทางการเกษตรแต่ละรูปแบบของชุมชน โดยเฉพาะวิธีการใช้และปริมาณสารเคมีในการเพาะปลูกพืชแต่ละชนิดกระบวนการวิจัย
ช่วงที่ 2 จะเน้นการมีส่วนร่วมในการสร้างจิตสำนึก ตลอดจนแสวงหาทางเลือกที่เหมาะสมกับการผลิตทางการเกษตร ซึ่งหลังจากการใช้กระบวนการวิจัยดังกล่าวกับกลุ่มเกษตรกรจำนวน 40 รายที่เข้าร่วมโครงการ ได้ก่อให้เกิดผลการปรับเปลี่ยนใน 3 ระดับ ดังนี้
ระดับที่ 1 “ลด” คือ การทดลองใช้บางเทคนิค/วิธีการ เพื่อลดการใช้สารเคมีการเกษตร มีจำนวน 26 ราย เป็นกลุ่มที่ใช้สารเคมีในบางขั้นตอนของการเพาะปลูกและพยายามใช้สารทดแทนหรือวิธีทางธรรมชาติผสมผสานกัน ไป เช่น มีการใช้ยากำจัดวัชพืชในขั้นตอนการเตรียมพื้นที่ และใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก น้ำหมักจุลินทรีย์ ในขั้นตอนการดูแล บำรุง รักษาผลผลิต เป็นต้น
ระดับที่ 2 “ละ” คือ การแบ่งพื้นที่การเกษตรบางส่วน เพื่อทดลองทำการเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมี มีจำนวน 12 ราย เป็นกลุ่มที่สนใจจะเลิกใช้สารเคมี แต่ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา สังเกตการ และทดลองในพื้นที่บางส่วนของตนเอง เนื่องจากไม่มีความมั่นใจในทางเลือกว่าจะได้ผลจริง จึงยังไม่กล้าที่จะปรับเปลี่ยนทั้งระบบหรือเต็มพื้นที่ในทันที
ระดับที่ 3 “เลิก” คือ การปรับเปลี่ยนทั้งหมด โดยเลิกใช้สารเคมีทุกขั้นตอนในการผลิตในการผลิตทั้งระบบ มีจำนวน 2 ราย
โครงการวิจัยนี้ แม้จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเพียงแค่สามารถลดการใช้สารเคมีลงบ้างก็ตาม แต่สิ่งที่ปรากฏให้เห็นจากกระบวนการวิจัย คือ “ด้านการพัฒนาคน” ทีมวิจัยสามารถเรียนรู้หลายอย่าง เช่น ทักษะในการพูดคุยในที่สาธารณะ ความสามารถในการเขียนรายงานและเขียนโครงการเสนอขอทุนที่อื่นๆ การจัดกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม และเป็นผู้นำในการวิจัย ทราบถึงเทคนิค และวิธีการในการสร้างความมั่นใจในการปรับเปลี่ยนสู่การลด ละ เลิก การใช้สารเคมี และการสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อการใช้ชีวิตแบบเกษตรยั่งยืน ที่สำคัญกระบวนการวิจัยได้ก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาในระดับชุมชน ทำให้เกษตรกรในชุมชนเกิดการตื่นตัว มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระดับต่างๆ และสามารถสร้างกระแสให้ชุมชนอื่นตื่นตัวตาม โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้ามาร่วมในกระบวนการดำเนินงานประมาณ 10 คน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในขั้นของการลดการใช้สารเคมี และมีแนวโน้มที่กลุ่มคนเหล่านี้จะสามารถขยายผลไปยังคนอื่นในชุมชนต่อไป
ที่มา : สกว.
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.