-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 601 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

แตงไทย







ที่มา: http://gotoknow.org/blog/seed145/303564



                 แตงไทย

        ลักษณะทางธรรมชาติ

        ( เหมือนแตงโม...........)            


       เตรียมเมล็ดพันธุ์
           
     1.ทดสอบความสมบูรณ์เมล็ดโดยการแช่น้ำ  คัดเมล็ดลอยออกทิ้ง  นำเมล็ดจมขึ้นมาขลิบ
ปลายด้านแหลมด้วยกรรไกตัดเล็บพอให้เปลือกนอกเปิดสำหรับให้ยอดอ่อนแทงออกมาได้สะดวก 
จากนั้นนำลงแช่ต่อในไคตินไคโตซานหรือธาตุรอง/ธาตุเสริม (อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวม
กัน) เจือจาง  นาน 6-12 ชม. สารไคตินไคโตซานหรือธาตุรอง/ธาตุเสริมจะซึมเข้าสู่ภายใน
เมล็ดทางช่องเปลือกที่ได้ขลิบเปิดไว้ทำให้เมล็ดได้สะสมสารอาหารไว้ในตัวเองตั้งแต่ก่อนงอกซึ่งจะส่ง
ผลให้ต้นเมื่อโตขึ้นสมบูรณ์แข็งแรงดี สารไคติเนส.ในไคตินไคโตซาน.มีคุณสมบัติกำจัดเชื้อโรคที่ปน
เปื้อนมากับเมล็ดพันธุ์ได้ไม่ต่างจากสารเคมี การแช่เมล็ดในสารเคมีเพื่อกำจัดเชื้อโรคเท่ากับทำให้เมล็ด
สะสมสารพิษซึ่งไม่ใช่สารอาหารไว้ในตัวเองตั้งแต่ก่อนเกิดนั่นเอง
           
     2.นำเมล็ดที่ผ่านการแช่ในไคตินไคโตซานหรือธาตุรองธาตุเสริมครบกำหนดแล้ว  ห่อด้วยผ้า
ชื้นต่ออีก 12-24 ชม.  เมื่อเห็นว่าเริ่มมีรากงอกออกมาก็ให้นำไปปลูกต่อได้
            

       เตรียมแปลง
           
       ปลูกลงแปลง :
           
     1.ไถดินเปล่าให้ขี้ไถขนาดใหญ่  ทิ้งตากแดดจัด 15-20 แดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคและกำจัด
เหง้าวัชพืช
           
     2.ใส่อินทรีย์วัตถุ  ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ) หมักข้ามปี. ยิบซั่ม
ธรรมชาติ. กระดูกป่น. เศษพืชบดป่น   หว่านทั่วแปลงปลูกแล้วไถพรวนอินทรียวัตถุคลุกเคล้าลง
ดินให้ทั่วถึง
           
     3.ไถยกร่องลูกฟูก  สันร่องกว้าง 5-6 ม. โค้งหลังเต่า  สูงจากพื้นระดับ  30-50
ซม. ร่องทางเดินระหว่างสันแปลงกว้าง 1 ม. ลึก 20-30 ซม.จากพื้นระดับ
           
     4.คลุมหน้าแปลงด้วยฟางแห้งหนาๆ
           
     5.บ่มดินโดยรดด้วย  น้ำ + จุลินทรีย์หน่อกล้วยหรือปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง  ทุก 5-
7 วัน  ติดต่อกันนาน  1 เดือน  เพื่อให้เวลาแก่จุลินทรีย์ปรับสภาพดิน  กำจัดเชื้อโรคและย่อย
สลายอินทรีย์วัตถุให้เป็นฮิวมิค แอซิด
            
     6.ลงมือปลูกต้นกล้าที่เพาะล่วงหน้าหรือหยอดเมล็ด 
            

       ปลูกในถุง :          
           
       ปลูกในถุงหรือภาชนะปลูก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 18-24 นิ้ว สูง 30-50 ซม.เจาะรู
ด้านล่างและด้านข้างเพื่อระบายน้ำ จัดวางถุง ณ ตำแหน่งที่ต้องการปลูกให้แน่นอนมั่นคง หลังจากลง
มือปลูกแล้วไม่ควรย้ายตำแหน่งวางถุงอีกเด็ดขาดเพราะอาจจะกระทบกระเทือนรากหรือเถา (ต้น)ได้
การปลูกในช่วงฤดูฝนหรือแปลงปลูกที่น้ำท่วมแนะนำให้ทำยกร้านแล้ววางถุงปลูกบนยกร้านนั้น
  
     หมายเหตุ :            
       เกษตรกรอิสราเอล  ไต้หวัน  ญี่ปุ่น  เกาหลี   กับอีกหลายประเทศที่มีเทคโนโลยี
การเกษตรสูงและมีความเข้าใจเรื่องพืชอย่างแท้จริง ปลูกไม้ผลตระกูลเถาอายุสั้นฤดูกาลเดียว เช่น
แคนตาลูป แตงโม  แตงกวา ฯลฯ  ในถุง (ภาชนะปลูก) ด้วยวัสดุปลูก (ดิน) ที่สามารถควบคุม
ชนิด/ปริมาณสารอาหาร/น้ำได้ และปลูกในโรงเรือนที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ (อิสราเอลร้อน-
แล้ง.......ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี-หนาว)    
           
       เกษตรกรไทยไม่มีปัญหาร้อน-หนาว-แล้งจึงเหลือเพียงปัญหา “ดินหรือวัสดุปลูกและสาร
อาหาร” เท่านั้น     
       การนำแนวทางบางอย่างของเกษตรกรในกลุ่มประเทศดังกล่าวมาประยุกต์ใช้บ้าง  จึงน่าจะ
เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
 
           
       แนวทางเลือกแบบไทย-ไทย ต่อการปลูกไม้ผลตระกูลเถาอายุสั้นฤดูกาลเดียว คือ...
     - เตรียมดินปลูกหรือวัสดุปลูกปริมาณ 1 ตัน ด้วย.......เศษพืช (แกลบเก่าหรือรำ
หยาบ. ขุยมะพร้าว. ทะลายปาล์ม. เปลือกถั่วลิสง. ต้นถั่วหรือซังข้าวโพด. ฟาง. ฯลฯ)
หลายๆ อย่างๆ ละเท่าๆกัน  เพื่อความหลากหลาย บดป่นตากแห้ง 500 กก......ปุ๋ยคอก (มูล
วัวเนื้อ/นม 100 กก.  มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา 30 กก.  มูลค้างคาว 5 กก.) แห้งเก่าค้าง
ปีหมักชีวภาพ......ยิบซั่มธรรมชาติ 50 กก.....กระดูกป่น 10 กก......ฮิวมิค แอซิด
100 กรัม......ดินดำร่วนหน้าดินตากแห้ง 300 กก.
     - เตรียมน้ำสารอาหาร จุลินทรีย์และฮอร์โมน 100 ล.ด้วย.....น้ำ 100 ล.+ จุลิน
ทรีย์หน่อกล้วย 5 ล.+ ฮอร์โมนไข่ 2 ล.+ เลือดสัตว์สด 1 ล.+ นมสัตว์สดหรือกลูโคส 1
ล.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 1 ล.+ ยูเรีย 10  กก.  
           
     - ผสมคลุกวัสดุปลูกทุกอย่างให้เข้ากันดีพร้อมกับพรมด้วยน้ำสารอาหารฯ ให้ได้ความชื้น
50-75 เปอร์เซ็นต์  เสร็จแล้วทำกอง  หมักทิ้งไว้ 3-6 เดือน  ระหว่างหมักช่วงนี้ถ้าอุณหภูมิใน
กองจะสูงถึงขนาดมีควันลอยขึ้นมา (ถือว่าดี) ให้กลับกองบ่อยๆ  แต่ถ้าอุณหภูมิไม่สูงหรือไม่มีควัน
(ถือว่าไม่ดี) ให้เติมยูเรียและจุลินทรีย์แล้วหมักต่อไปตามปกติ
           
     - อุณหภูมิในกองเย็นลงหรือหมดควันแล้วให้กลับกองทุก 7-10 วันเพื่อถ่ายเทอากาศ 
หมักครบกำหนดแล้วได้  “วัสดุหรือดินหมักชีวภาพ”  พร้อมใช้งาน
           
     - บรรจุวัสดุปลูกหรือดินปลูกที่ผ่านการหมักดีลงถุงหรือภาชนะปลูกแล้วลงมือปลูกพืช
(แคนตาลูป  แตงโม  แตงกวา ฯลฯ) ที่ต้องการต่อไป   
            

       ระยะปลูก
           
       ปลูกบนแปลง :
    
           
       ระยะปลูก  1.5 X 1.5 ม. หรือ 1.5 X 2 ม. หรือ 2 X 2  ม. แถวคู่
เสมอกันหรือแถวคู่สลับฟันปลาคิดเป็น 1แถว  แปลงปลูก 1 แปลงปลูกได้ 2 แถว
       ปลูกในถุง :           
     1.เตรียมภาชนะปลูก  จัดวาง ณ ตำแหน่งที่ต้องการปลูกให้แน่นอนโดยจะไม่มีการเคลื่อน
ย้ายอีกจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิต 
           
     2.บรรจุวัสดุปลูกหมักได้ที่แล้วลงถุงให้เต็ม อัดแน่นพอประมาณ คลุมปากถุงด้วยหญ้าหรือฟาง
แห้งหนาๆ 
           
       การปฏิบัติอื่นๆเหมือนการปลูกแคนตาลูปในถุงทั้งแบบให้เลื้อยไปบนพื้นหรือเลื้อยขึ้นค้าง
   
           

       ระบบให้น้ำ :
           
     1.ติดตั้งระบบน้ำหยดสำหรับให้น้ำและสารอาหารทางราก
           
     2.ติดตั้งระบบสปริงเกอร์พ่นฝอยเหนือต้นสำหรับให้สารอาหารและสารสกัดสมุนไพรทางใบ
       หมายเหตุ :           
     - กรณีปลูกในแปลงแล้วไม่มีระบบน้ำหยด เมื่อต้องการให้น้ำหรือสารอาหารทางรากสามารถ
ทำได้โดยการปล่อยน้ำไปตามร่องระหว่างแปลงปลูก แล้วเพิ่มเติมด้วยน้ำพ่นฝอยจากสปริงเกอร์เหนือ
ต้นฉีดพ่นน้ำลงพื้นเพื่อสร้างความชื้นหน้าดิน           
           
     - กรณีปลูกในถุงไม่มีทางเลือกจำเป็นต้องอาศัยสปริงเกอร์เท่านั้น  แม้แต่สปริงเกอร์แบบพ่น
ฝอยเหนือต้นก็ไม่เหมาะสมเพราะน้ำที่ผ่านปากถุงลงไปถึงดินปลูกไม่เพียงพอ ต้องใช้สปริงเกอร์พ่น
ฝอยเหนือต้น 1 หัวแล้วติดหัวสปริงเกอร์ที่ปากถุงอีกถุงละ 1 หัวเท่านั้น
  


              
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อแตงไทย      
  
     1.บำรุงระยะต้นเล็ก
           
       ทางใบ :
           
     - ให้น้ำ 100 ล.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ จิ๊บเบอเรลลิน 10 ซีซี.+ สารสกัด
สมุนไพร 250 ซีซี.  ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 5-7 วัน
     - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก  2-3 วัน           
       ทางราก :
           
     - ให้น้ำ 100 ล.+ น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 200 ซีซี.25-7-7(400 กรัม)/ไร่ ฉีดพ่นลงดินให้ทั่วแปลง
 ทุก 7-10 วัน           
     - ให้น้ำปกติ วันละ 1-2 วัน/ครั้ง    
           
       หมายเหตุ :
           
     - เมื่อต้นเริ่มงอกขึ้นมาจากเมล็ดได้ 2-3 ใบควรมีหญ้าแห้งหรือฟางคลุมโคนต้นป้องกันแดด
เผาหน้าดินและรักษาความชื้นหน้าดินให้คงที่อยู่เสมอ
           
     - เริ่มให้สารอาหารทางใบเมื่อได้ใบ 2-3 ใบแล้ว
           
     - เมื่อต้นเจริญเติบโตได้ 4-5 ใบ ให้จัดระเบียบเลื้อยเข้าหากลางแปลงโดยไม่ทับซ้อนบัง
แสงแดดซึ่งกันและกัน
                  

     2.บำรุงระยะออกดอก
           
       ทางใบ :
           
     - ให้น้ำ 100 ล.+ 15-45-15 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ.100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.1 รอบ ฉีดพ่น
พอเปียกใบ ช่วงเช้าแดดจัด
     - ฉีดพ่นสารสัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน             
       ทางราก :
           
     - ให้ 8-24-24 (100 กรัม)/ต้น หรือ 1-2 กก./ไร่  ละลายน้ำรดโคนต้น หรือ
ผ่านไปกับระบบน้ำหยด
           
     - ให้น้ำปกติ วันละ 1-2 ครั้ง/วัน หรือให้น้ำหยด  2 ช่วงๆละ 1-2 ชม./วัน
  
     หมายเหตุ :              
     - นิสัยของแตงไทยออกดอกเองเมื่อได้อายุ โดยต้นสมบูรณ์กว่าจะออกดอกดีกว่าต้นสมบูรณ์
น้อยกว่าเท่านั้น  การให้เสริมด้วยฮอร์โมนเพียงครั้งเดียวจะช่วยให้ออกดอกดีและสมบูรณ์กว่าไม่ได้ให้เลย   
                   

     3.บำรุง  “ผลเล็ก – ผลแก่”  เก็บเกี่ยว
           
       ทางใบ :
           
     - ให้น้ำ 100 ล.+ 21-7-14(200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + ไคโตซาน 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 5-7
วัน โดยการฉีดพ่นพอเปียกใบช่วงเช้าแดดจัด
        
     - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน
           
       ทางราก :
           
     - ให้น้ำ 100 ล.+ หมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 200 ซีซี.+ 8-24-24(100 กรัม)/ต้น/20 วัน หรือ 1-2 กก./ไร่/20 วัน ด้วยการละลายน้ำรดโคนต้น
           
     - ให้น้ำปกติ วันละ 1-2 ครั้ง/วัน หรือให้น้ำหยด  2 ช่วงๆละ 1-2 ชม./วัน
  
     หมายเหตุ :           
     - หลังจากติดเป็นผลแล้วให้จัดระเบียบเถาและใบอย่าให้ใบบังแสงแดดต่อผลกับทั้งให้มีวัสดุ
(ฟาง หญ้าแห้ง) หนาๆรองรับผลเพื่อไม่ให้ผิวผลสัมผัสผิวดิน  ถ้าผิวผลสัมผัสพื้นดินอาจจะมีเชื้อโรค
เข้าทำลายผิวผลได้
           
     - ระยะผลตั้งแต่เริ่มมีเมล็ดจนถึงแก่เก็บเกี่ยวควรให้ฮอร์โมนน้ำดำ. ฮอร์โมน เอ็นเอเอ.และ
ฮอร์โมนไข่.1 ครั้งเพื่อบำรุงต้นให้สมบูรณ์และเขียวสดตลอดเวลา
           
     - ก่อนเก็บเกี่ยวถ้าให้ทางใบด้วย  0-0-50 หรือ 0-21-74 หรือมูลค้างคาวสกัด
(อย่างใดอย่างหนึ่ง) เพียง 1 รอบแล้วงดน้ำ  2-3 วันจะช่วยให้ได้ความหวานสูงขึ้น
     - ก่อนเก็บเกี่ยว 10-15 วัน สำรวจผลถ้าด้านใดไม่ได้รับแสงแดด (สีเปลือกขาวเหลือง)
ให้พลิกผลด้านนั้นขึ้นให้ได้รับแสงแดด  เพื่อให้สีเปลือกเป็นสีเดียวกันทั่วทั้งผล.....ด้านที่สี
เปลือกขาวเหลืองเนื้อในจะมีคุณภาพไม่ดี
 





การปลูกแตงไทย

การเตรียมเพาะกล้า
        นำเอาเมล็ดแตงไทยห่อหุ้มด้วยผ้าเปียกน้ำผสมน้ำสกัดชีวภาพเจือจาง  1 ต่อ  1,000 นาน 2 คืน เมล็ดจะงอกราก

การเตรียมถุงเพาะ
   ดินร่วนซุย 1 ปีบ ปุ๋ยหมักชีวภาพ  1 ปีบ แกลบดำ  1 ปีบ ผสมให้เข้ากันใส่ถุงเพาะกล้ารดน้ำให้ชุ่ม หยอด
เมล็ดแตงไทยลงไปเพาะจนต้นกล้ามีใบแท้  2 ใบ หรือประมาณ  2 วัน ก็เอาไปปลูกได้

วิธีการปลูกและการเตรียมดิน
          1. ถ้าปลูกในพื้นที่กว้าง ไม่ต้องยกร่อง ให้ทำร่องระบายน้ำป้องกันน้ำฝนท่วม
          2. เตรียมหลุมให้ห่างกัน 1.50 x 1.50 เมตร รองก้นหลุมด้วยป๋ยหมักชีวภาพ 1 กก. ต่อหลุมคลุมด้วยฟาง รดน้ำ
          3. แยกฟางออก แล้วปลูกต้นกล้าลงหลุม ๆ ละ 1 ต้นรดน้ำผสมน้ำหมักชีวภาพ
          4. เติมปุ๋ยหมักชีวภาพ  1 กำมือ ต่อต้น ทุกสัปดาห์ แล้วรดน้ำผสมน้ำหมักชีวภาพ
          5. เมื่อแตงไทยมีใบจริง  4 ใบให้เด็ดยอดออก ต่อมาจะมียอดแขนงแตกออกมา 4 เถา
             เมื่อ 4 เถาเลื้อยทอดยอดยาว 2 ฟุต ให้เด็ดยอดอีก จะมีเถาแขนงแตกออกมาอีก เถาแขนงรุ่น  3
             จะมีผลที่ใบที่ 1 และใบที่ 2 เมื่อผลโตประมาณเท่าปากกา ให้ใช้ฟางคลุมผลเมื่ออำพลางแมลงวันทอง
             แล้วเด็ดยอดแขนงที่มีผลนี้ เพื่ออาหารไม่ต้องเลี้ยงยอด ทำให้ผลโตเร็ว
         6. เมื่อผลโตเท่ากำปั้น ให้รองก้นด้วยฟางป้องกันแมลงเสี้ยนดิน
         7. แตงไทย 1 ต้นจะให้ผลมากกว่า 10 ผล
         8. ควรปลิดผลที่ไม่สวย หรือมีตำหนิทิ้ง
         9. ถ้าต้องการขายผลแตงอ่อนให้เด็ดยอดเถาทุกวัน
        10. ควรฉีดสะเดาหมักป้องกันแมลงเต่าทอง ตอนต้นแตงยังอ่อน มีเถายางประมาณ 1- 2 ฟุต
 
http://bantamod.itgo.com/kasad10.html





            ******************************
 









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2009-07-16 (6415 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©