หน้า: 1/2
อ้อย
ลักษณะทางธรรมชาติ
* เป็นพืชไร่ประเภทต้องการน้ำ (อวบน้ำ) สม่ำเสมอ ตั้งแต่ดินชื้นถึงแฉะเพราะอ้อยต้องใช้น้ำเพื่อการสร้างน้ำอ้อยนั่นเอง แต่ในการปฏิบัติจริงไม่มีการให้น้ำเลย นอกจากฝนตกเท่านั้น โดยว่า อ้อยเป็นพืชไร่ ไม่ต้องการน้ำมาก ซึ่งเป็นการเข้าใจที่ผิดพลาดอย่างมาก
การปฏิบัติต่ออ้อยอย่างถูกต้อง คือ ต้องให้น้ำโดยปล่อยเข้าไปตามร่องระหว่างแถวปลูก ให้น้ำขังค้างนาน 2-3 วัน จัช่าวยให้อ้อยเจริญเติบโตและให้ผลผลิตดี
* อ้อยมีระบบรากยาวมาก ยาวเท่ากับความสูงของลำต้น หยั่งลงไปในเนื้อดิน การที่พบเห็นรากอ้อยไม่ยาวเท่ากับความสูงของลำต้นก็เพราะสภาพโครงสร้างดินแน่นจัด แน่นจนรากชอนไชไปไม่ไหวนั่นเอง
* เป็นพืชที่ความสูงมีประโยชน์อย่างมาก กล่าวคือ ลำต้นอ้อยที่สูงหรือยาวมากๆ ย่อมหมายถึงปริมาณผลผลิตต่อต้นที่มากกว่าอ้อยที่ลำต้นสั้นหรือเตี้ย
* การให้น้ำแบบขังค้างในร่องระหว่างสันแปลงปลูกอยู่เสมอตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยว ควบคู่กับเนื้อดินมีอินทรีย์วัตถุอยู่ในเนื้อดินลึกตั้งแต่ 1-1.5 ม. จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์ ให้ผลผลิตมากทั้งปริมาณและคุณภาพ
* ช่วงที่ต้นอ้อนยังเล็ก ระยะปลูก 1.3-1.5 ม. หลักปลูกใหม่หรือหลังย่ำตอใหม่ๆ ถ้ามีการปลูกพืชตระกูลถั่ว (ถั่วแดง/ดำ/เหลือง/เขียว) แซม โดยหว่านเมล็ดพันธุ์ 2-5 ล./ไร่ ต้นถั่วเจริญเติบโตคู่กับอ้อยแต่จะโตเร็วกว่า จังหวะที่ต้นถั่วกำลังโตนี้จะช่วยคลุมหน้าดินป้องกันแดดเผาได้ ถ้าต้องการใช้ต้นถั่วเป็นปุ๋ยพืชสดคลุมดินก็ให้ล้มต้นถั่วเมื่อเริ่มออกดอก หรืออายุประมาณ 150 วัน หากต้องการผลผลิตก็ให้บำรุงเลี้ยงต่อไปจนเก็บเกี่ยวจึงล้มต้นคลุมหน้าดินต่อไปก็ได้.......ประโยชน์นอกจากนี้ก็คือ ระหว่างที่ต้นถั่วเจริญเติบโตนั้น ต้นอ้อยที่เพิ่งแตกยอดจะเร่งโตเพื่อแย่งแสงแดดกับต้นถั่ว ส่งผลให้ต้นอ้อยโตเร็วขึ้น
* การให้ไนโตรเจนมากๆทำให้อ้อยโตเร็วก็จริง แต่เมื่อตัดลงมาแล้ว ไนโตรเจนจะระเหยหายไปเร็วมาก ทำให้น้ำหนักอ้อยสดลดลงอย่างมาก.......เช่นเดียวกับการเผาอ้อยก่อนตัด ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำหนักอ้อยสดลดลงอย่างมาก จนกระทั่งโรงงานรับซื้อต้องตัดราคาลง
* อ้อยปลูกครั้งหนึ่งหลังจากตัดไปแล้ว สามารถไว้ตอแล้วบำรุงต่อเป็นอ้อยรุ่น 2 (ตอ 2) จากตอ 2 เป็นตอ 3 – 4 ถึงตอ 10 ได้ โดยที่ตอรุ่นหลังๆจะให้ผลผลิตมากกว่าตอแรกเพราะมีหน่อเกิดใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการบำรุงเป็นหลักด้วย.......ในความเป็นจริง ชาวไร่อ้อยส่วนใหญ่ทำถึงตอ 3 เท่านั้น ต้องรื้อทิ้งแล้วปลูกใหม่ เนื่องจากผลผลิตรุ่นหลังๆจะลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่คุ้มทุน ทั้งนี้เนื่องจากการบำรุงไม่ถูกต้องต้อง โดยเฉพาะไม่เคยให้น้ำเลยนั่นเอง ผลผลิตอ้อยออสเตรเลียได้ 35-45 ตัน/ไร่ ในขณะที่อ้อยไทย (ตอ 1 มากสุด) ได้เพียง 6-8 ตัน/ไร่ เท่านั้น
* ต้นอ้อยทำพันธุ์ควรเป็นต้นที่สมบูรณ์ ปล้องยาว ไม่มีโรค ........ ในอ้อย 1 ลำ (ต้น) แบ่งเป็น 3 ส่วน “โคน-กลาง-ปลาย” ส่วนกลางและปลายจะมีเปอร์เซ็นต์การงอกสูงกว่าส่วนโคน เหตุที่ส่วนโคนมีเปอร์เซ็นต์งอกต่ำเพราะตาหรือตุ่มตาบอดหรือแห้งไปแล้วนั่นเอง
* ต้นอ้อยที่จะนำมาทำต้นพันธุ์ควร “สด-ใหม่” ยังคงมีเปลือกแห้งหุ้มตาและระหว่างขนย้ายให้ระวังส่วนตาอย่าให้ถูกแดดเผาเพราะจะทำให้ตาแห้ง ซึ่งเมื่อไปปลูกแล้วจะไมงอก ..
.....การขนย้ายระยะทางไกลๆ ควรมีสิ่งปกติดป้องกันแสงแดดและลมที่จะทำให้ตาแห้ง
* การปลูกแล้วบำรุงเลี้ยงอ้อยสำหรับทำพันธุ์โดยเฉพาะ จะช่วยให้ได้ท่อนพันธุ์ที่ดีตามต้องการ โดยอ้อยพันธุ์ 1 ไร่ สามารถใช้เป็นท่อนพันธุ์ปลูกได้ประมาณ 4-5 ไร่
* อ้อยปลูกครั้งแรกจนเก็บเกี่ยว เรียกว่าอ้อย ตอ-1 เก็บเกี่ยวแล้วย่ำตอจะเกิดหน่อใหม่ บำรุงเลี้ยงอย่างถูกวิธีจนต้นโตเก็บเกี่ยวได้ เรียกว่า ตอ-2 เก็บเกี่ยวตอ-2 แล้วย่ำตอ บำรุงเลี้ยงอย่างถูกวิธีจนต้นโตเก็บเกี่ยวได้ เรียกว่า ตอ-3.......ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ สามารถทำอ้อยได้มากกว่า ตอ-10
* เครื่องมือวัดความหวานของอ้อยเรียกว่า “รีแฟ็คโดมิเตอร์” และหน่วยวัดความค่าหวานเรียกว่า “องศาบริกซ์” การวัดค่าความหวานทำโดยแบ่งอ้อยทั้งต้นเป็น 3 ส่วน คือ ปลาย-กลาง-โคน ให้วัดค่าความหวานของแต่ละส่วน แล้วนำค่าความหวานของแต่ละส่วนมาหาค่าเฉลี่ยก็จะได้ค่าความหวานของอ้อยต้นนั้น
* ปลูกอ้อยเพื่อส่งโรงงานต้องสมัครเป็นสมาชิกโรงงาน มิฉะนั้นโรนงงานจะไม่รับซื้อผลผลิต
ปัญหาใหญ่ของชาวไร่อ้อยวันนี้
- ไม่มีแรงงานสางใบแก่แห้งออกระหว่างต้นกำลังเจริญเติบโต ต้องปล่อยให้ใบแห้งติดคาต้นอยู่อย่างนั้น ทำให้การเจริญเติบโตของอ้อยไม่ดีเท่าที่ควร
- แรงงานไม่ยอมตัดอ้อยที่ไม่ได้เผาก่อนตัด จึงจำเป็นต้องเผาแม้จะรู้ว่าต้องถูกตัดราคาจากโรงงานรับซื้อ
- รถตัดอ้อยมีข้อจำกัดบางประการไม่สามารถเข้าทำงานในทุกแปลงทุกพื้นที่ได้ และบางแปลงถึงรถตัดอ้อยจะเข้าทำงานได้ แต่ตีนตะขาบรถก็ย่ำตอเสียหายจนไม่สามารถเลี้ยงต่อเป็นอ้อยตอต่อๆไปได้
- อ้อยอายุต้นถึงระยะเก็บเกี่ยวแล้วต้องตัด (บังคับ) เพราะถ้าไม่ตัดอ้อยจะออกดอก เมื่ออ้อยออกดอกเปอร์เซ็นต์ความหวานและน้ำหนักจะลด
- ฤดูกาลตัดอ้อยพร้อมกันทุกแปลง เจ้าของไร่อ้อยที่ไม่มีรถบรรทุกของตัวเอง ต้องใช้บริการรถบรรทุกจากโรงงาน เมื่อรถบรรทุกอ้อยถึงโรงงานแล้วต้องใช้เวลารอการขนถ่ายลงเป็นระยะเวลานานๆ บางครั้งรอนานเป็นอาทิตย์จึงจะขนถ่ายลงได้ ทำให้เสียเวลา
เตรียมดิน :
- ใส่อินทรีย์วัตถุ (ยิบซั่ม + กระดูกป่น + มูลไก่ + แกลบดิบ) ไถลงดินลึก 1-1.50 ม.ด้วยรถไถระเบิดดินดาน (ริปเปอร์) ........ เนื่องจากระบบรากอ้อยยาวและหยั่งลงดินได้ลึกมาก จึงควรเตรียมอินทรีย์วัตถุไว้ลึกๆ
- ไถพรวนแล้วชักร่อง ให้สันแปลงสูง 30-50 ซม. กว้าง 50 ซม. ปากร่องระหว่างสันแปลงกว้าง 1 ม. ก้นร่องกว้าง 30 ซม. ก้นสอบ
เตรียมแปลง :
- เนื่องจากอ้อยเป็นพืชอวบน้ำจึงต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น การเตรียมแปลงปลูกจึงจำเป็นต้องมีช่องทางหรือวิธีการให้น้ำไว้ด้วย กล่าวคือ
- แปลงพื้นราบเสมอกันทั้งแปลง ให้น้ำโดยผ่านไปตามร่องปลูก ต้องเตรียมร่องให้ลาดเอียงเพียงพอที่น้ำสามารถไหลจากหัวร่องไปถึงท้ายร่องได้อย่างสะดวกและเสมอกัน
- แปลงพื้นที่ลาดเอียง ให้เตรียมพื้นที่หรือบริเวณสำหรับให้น้ำจากบนสันสูงสุดของลาด แล้วปล่อยให้น้ำไหลจากลาดสูงผ่านตามร่องไปสู่ลาดต่ำได้อย่างสะดวกและเสมอกัน
- การติดสปริงเกอร์แบบ “ยิงข้ามหัว” หรือใช้รถบรรทุกน้ำ ที่ถังน้ำมีปั๊มแรงดันสูง (เครื่องดับเพลิง) วิ่งฝ่าเข้าไปในองอ้อย (เว้นพื้นที่เป็นช่องรถวิ่งหรือถนนไว้ก่อนแล้ว) แล้วฉีดพ่นน้ำไปทางซ้าย-ขวาจนทั่วแปลงก็ได้
สายพันธุ์ :
เค-84-200, ...... เค-88-92, ....... เค-76-4, เค-90-77, ........ เอฟ-90-77, ......... ชัยนาท-1 (2526), ......... อู่ทอง-1, ....... อู่ทอง-2 (2536), ...
อู่ทอง-3, ......... อู่ทอง-4, ..... อู่ทอง-5 (2545),
การปลูก :
- เลือกท่อนพันธุ์ที่ยังมีกาบแห้งหุ้มอยู่ ตัดกาบออกโดยตัดไปทางปลายท่อน เพื่อให้เหลือส่วนโคนกาบยังคงหุ้มหรือปิดตาไว้........แบ่งต้นพันธุ์เป็น 3 ส่วน ส่วนโคนต้นพันธุ์ตัดทิ้งไปแล้วเลือกไว้ใช้เฉพาะส่วนกลางกับส่วนปลายของท่อน .........ตัดเป็นท่อน แต่ละท่อนให้มี 2-3 ตา แต่ละตาให้มีกาบใบแห้งปิดทับอยู่
- ปลูกอ้อยโดยวางท่อนพันธุ์ที่ตัดเรียบร้อยแล้วลงบนพื้นสันแปลง หลุมหรือกอละ 2 ท่อน เคียงกัน ให้ปลายท่อนพันธุ์แต่ละท่อนชี้สวนทางกัน แต่ละหลุมหรือกอห่างกัน 1.20-1.50 ม. วางท่อนพันธุ์แล้วให้โกยดินกลบทับทันทีหรือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ หากปล่อยตากแดดนานเพียง 10 นาที ตาที่ถูกแดดเผาจะเหี่ยวแห้งหรือฝ่อแล้วไม่งอก.....นอกจากโกยดินขึ้นกลบทับแล้ว หากมีกาบใบแห้งกลบทับป้องกันความร้อนจากแสงแดดอีกชั้นหนึ่งก็จะเป็นการดีมาก
- ก่อนวันวางท่อนพันธุ์ 3-5 วัน ควรปล่อยน้ำเข้าไปในร่องระหว่างสันแปลงเพื่อให้ดินอุ้มน้ำและเกิดความชื้น หากไม่ได้ให้น้ำไว้ก่อน เมื่อวางท่อนพันธุ์เสร็จก็ควรปล่อย “น้ำ + น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 5-10 ล./ไร่” เข้าร่องทันที
- หลังจากวางท่อนพันธุ์แล้ว 15-20 วัน จะงอกขึ้นมาให้เห็น เกิน 25-30 วันไปแล้วถ้าหลุมหรือกอไหนไม่งอกให้ปลูกซ่อม
- เทคนิคการปลูกแบบหลุมหรือกอละ 2 ท่อน ระยะห่าง 1.20-1.50 ม. จะให้ผลผลิตมากกว่าการปลูกหลุมหรือกอละ 1 ท่อน ระยะห่าง 80 ซม.- 1 ม. ทั้งคุณภาพและปริมาณ
การปฏิบัติบำรุง :
ระยะต้นเล็ก
- อายุต้น 2-3 เดือนหลังงอก ให้ “น้ำ + น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 5-10 ล./ไร่” 1 รอบ
- กำจัดวัชพืชโดยการถากแล้วเกลี่ยหญ้าขึ้นคลุมโคนต้น
หมายเหตุ :
- ในน้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิกเถิดเทิง (ส่วนผสม : ปลาทะเล-ไขกระดูก-เลือด-มูลค่างคาว-นม-ฮิวมิคแอซิด-น้ำมะพร้าว.....หมักข้ามปี) ให้เติมเพิ่ม 25-7-7 (4 กก.) ธาตุรอง/ธาตุเสริม 250 กรัม แล้วไม่ต้องให้ปุ๋ยเคมีเพิ่มอีกแต่อย่างใด เพราะนอกจากสารอาหารในน้ำหมักฯ และส่วนที่เติมแล้วยังมีสารอาหารจากอินทรีย์วัตถุที่ใส่เมื่อครั้งเตรียมดินเป็นพื้นฐานรองรับ ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อความต้องการจริงของอ้อย
- ให้น้ำ 20-30 วัน/ครั้ง ช่วงฝนแล้ง
ระยะต้นโต – เก็บเกี่ยว
- เริ่มให้เมื่ออายุ 4 เดือน หรือเริ่มย่างปล้องแล้ว ให้ “น้ำ + น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 5-10 ล./ไร่” เดือนละ 1 ครั้ง จนถึงเก็บเกี่ยว
- ให้น้ำ 20-30 วัน/ครั้ง ช่วงฝนแล้ง
- แต่งตอ ลอกกาบแห้ง 1 ครั้ง ก่อนเก็บเกี่ยว 1-2 เดือน
การย่ำและเลี้ยงตอ
หลักการและเหตุผล :
อ้อยเป็นพืชตระกูลหญ้า เมื่อส่วนลำต้นถูกตัดแล้วสามารถแตกยอดใหม่จากตอส่วนที่อยู่เหนือผิวดินและตอหรือเหง้าส่วนที่อยู่ใต้ผิวดิน........ยอดใหม่ที่แตกจากตอหรือเหง้าส่วนที่อยู่ใต้ผิวดินจะเจริญเติบโตและเป็นลำต้นใหม่ได้เร็วและคุณภาพดีกว่ายอดที่แตกใหม่จากตอส่วนที่อยู่เหนือพื้นดิน
การปฏิบัติ :
1. กรณีใช้รถ “คีบอ้อย” เข้าทำงาน ล้อรถคีบอ้อยจะย่ำตอส่วนที่อยู่เหนือผิวดินให้แตกยับลงถึงผิวดินแล้ว ประมาณ 3 ใน 4 ส่วน…….ส่วนที่เหลือ 1 ใน 4 ต้องใช้แรงงานคน ใช้มีดตัดตอส่วนที่อยู่เหนือผิวดินให้ขาดชิดติดหน้าดิน
2. กรณีตัดอ้อยด้วยแรงงานคน ต้องให้ตัดต้นชิดผิวหน้าดินให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
การเลี้ยงตอ :
- หลังจากย่ำหรือตัดตอเสร็จ ให้เกลี่ยใบและกาบแห้งจากพื้นที่เป็นร่องน้ำระหว่างสันแปลงขึ้นคลุมตอ
- ปล่อย “น้ำ + น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง (5-10 ล.) + 25-7-7 (4 กก.) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม (250 กรัม) /ไร่” ทันที
- พรวนดินด้วย “โรตารี่” ในร่องระหว่างสันแปลง
- หว่านเมล็ดพันธุ์ถั่ว 2-5 กก./ไร่
- เมื่ออ้อยยอดใหม่โตขึ้นให้เข้าสู่วงรนอบการบำรุงตามปกติต่อไป
************************************