-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 481 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

จาก







ที่มา: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pimpagee&month=09-2008&date=28&group=1&gblog=82



จาก

       ลักษณะทางธรรมชาติ

     * เป็นไม้ผลอายุยืนหลายสิบปี ปลูกได้ทุกพื้นที่ ทุกภาค และทุกฤดูกาล เจริญเติบโตดีใน
พื้นที่ลักจืดลักเค็มหรือน้ำทะเลขึ้นถึง  ชอบดินเหนียวมีอินทรีย์วัตถุมากหรือพื้นที่น้ำไหลทรายมูล
     * มีการเจริญเติบโตทางลำต้นช้ามาก ต้นที่อยู่ริมน้ำเมื่ออายุต้นมากหรือโตขึ้นส่วนลำต้นจะโน้ม
ลงติดพื้นดินแล้วชูส่วนยอดขึ้น  ถ้ามีการจัดลำต้นให้ขึ้นตรงอยู่เสมอตั้งแต่เล็กก็จะเห็นลำต้นตั้งขึ้น
เหมือนต้นมะพร้าว  ซึ่งลำต้นที่ตั้งตรงดีนี้จะให้ผลผลิตดกและดีกว่าต้นเอนนอนลงติดพื้นดิน
     * ส่วนลำต้นอยู่ในดิน  ส่วนใบจะอยู่เหนือพื้นดิน  ต้นที่สมบูรณ์มากส่วนเหนือพื้นดินอาจสูง
ได้ถึง 9-10 ม. จนเป็นพุ่มขนาดใหญ่
               
     * ใบจากใบทำหลังคา  และมวนบุหรี่สูบได้
               
     * จั่นหรือก้านดอกช่วงที่ยังเป็นดอก (ยังไม่เป็นผล) สามารถบีบเอาน้ำหวานออกมาได้
เหมือนมะพร้าวหรือตาล  และน้ำหวานที่ได้นำมาทำน้ำส้มสายชู  น้ำตาล  น้ำตาลเมา  หรือทำ
แอลกอฮอร์ได้  เคยมีผู้ริเริ่มส่งเสริมการปลูกจากเพื่อนำมาแปรรูปเป็นแอลกอฮอร์ (เอทานอล)
 
    * ดอกที่ออกใหม่ๆอยู่ที่โคนต้น  ใช้รับประทานได้  รสช่าติเหมือนจาวมะพร้าว
     * ส่วนผลเรียกว่า  “ลูกจาก”  นำมาเชื่อมรับประทานกับไอสกริม  รสชาติอร่อยกว่า 
“ลูกชิด”  จากต้นชิดในเขตภาคเหนือ 
                
     * ช่วงก่อนเข้าหน้าหนาว (ฝนต่อหนาว) และช่วงหน้าแล้งต้องให้น้ำทุกวันหรือวันเว้นวัน
พร้อมกับให้ยิบซั่มธรรมชาติ  กระดูกป่นหรือกากน้ำปลา ปุ๋ยคอก จะช่วยให้หน้าแล้งปีถัดไปจะมีผลไม่
ขาดคอ 
               
     * ลักษณะทั่วไปเหมือนมะพร้าว
                

       สายพันธุ์
               
       มีสายพันธุ์เดียว คือ พันธุ์พื้นเมือง
                 

       การขยายพันธุ์
               
       เพาะเมล็ด.  แยกหน่อ (ดีที่สุด)
                

       ระยะปลูก
               
     - ระยะปกติ  6 X 6  ม.หรือ  6 X 8 ม.
               
     - ระยะชิด   4 X 4  ม.หรือ  4 X 6 ม.
                

       เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ  
               
     - ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา...แห้งเก่าข้ามปี)ปีละ 2 ครั้ง
     - ให้ยิบซั่มธรรมชาติ  ปีละ 2 ครั้ง                
     - ให้กระดูกป่น  ปีละ 1 ครั้ง
     - ให้ขี้แดดนาเกลือ  ปีละ 2 ครั้ง  
                
     - คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่มล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
     - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง               
       หมายเหตุ :
               
     - การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่  ปลาสด  เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชาย
เขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.
ต่อเนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน
  
   - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตก
ใบอ่อน  ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่  การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาด
ของเชื้อราได้  
                
     




                
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อจาก       

     1.ระยะกล้า - ยังไม่ให้ผลผลิต
               
       ทางใบ :
               
     - ให้น้ำ 100 ล.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  
ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ทุก 10-15 วัน
               
     - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน 
               
       ทางราก :
               
     - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 25-7-7(2-4 กก.)/3 เดือน/ไร่ ด้วยการละลาย
น้ำรดโคนต้น
     - ให้น้ำเปล่าปกติ  ทุก 2-3 วัน       

    2.ระยะต้นโตให้ผลผลิตแล้ว
               
      ทางใบ :
               
    - ในรอบ 20-30 วัน ให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56(200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม
100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1 ครั้งกับให้น้ำ
100 ล.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. อีก 1 ครั้ง ฉีดพ่นพอเปียกใบ
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                
      ทางราก :
               
    - ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 สลับกับ 21-7-14(1-2 กก.)/3
เดือน/ไร่  ด้วยการละลายน้ำรดโคนต้น
               
    - ให้น้ำเปล่าปกติ  ทุก 2-3 วัน
        

     3.บำรุง  “ดอก + ผล”  หลายรุ่น
               
       ทางใบ :
               
       สูตร 1
.... 
ให้น้ำ 100 ล.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนสมส่วน
100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ.100 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
       สูตร 2 ..... ให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56(200-250 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุ
เสริม 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนสมส่วน 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 50 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.     
               
       เลือกให้สูตรใดสูตรหนึ่งหรือให้ทั้ง 2 สูตรแบบสลับครั้งกัน โดยการฉีดพ่นให้โชกทั้งใต้ใบ
บนใบลงถึงพื้น ทุก 20-30 วัน
               
     - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก  2-3 วัน    
               
       ทางราก :
               
     - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 สลับกับ 21-7-14(1/2-1 กก.)
/ต้น/3 เดือน
     - ให้น้ำเปล่าทุก 2-3 วัน               
       หมายเหตุ :  
                
     
- ให้ฮอร์โมนไข่.  ฮอร์โมน เอ็นเอเอ. 1-2 เดือนต่อครั้ง                
     - ถ้าติดผลดกมากควรให้  “ฮอร์โมนน้ำดำ”  2-3 เดือน/ครั้ง โดยแบ่งให้ตลอดระยะเวลา
ที่มีผลผลิตอยู่บนต้นจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากแบกภาระเลี้ยงผลจำนวนมากบนต้น
    



                           

        



              ************************



นิพนธ์ สุขสะอาด

"สวนจาก" พืชเลี้ยงชีวิต เลี้ยงเศรษฐกิจชุมชน

ต้นจาก พืชตระกูลปาล์ม ชอบขึ้นในที่ราบลุ่มแม่น้ำ และมีน้ำกร่อย น้ำเค็มท่วมถึงในบางฤดู อย่างเช่น ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำ
ปากพนัง เกษตรกรทำมาหากิน โดยใช้ผลผลิตจากสวนจาก เป็นรายได้เลี้ยงครอบครัวและเลี้ยงชุมชนมาหลายชั่วอายุ
คน สินค้าหลักคือ "น้ำตาลจาก" ที่เป็นสารตั้งต้นของอาหารแปรรูปหลากหลายชนิด

คณะทำงานประชาสัมพันธ์ ของสำนักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นัดหมายกับเกษตรอำเภอปากพนัง (คุณ
วิจิตร นวลพลับ) และคณะ ให้ช่วยประสานงานกับเกษตรกรที่ทำสวนจาก ในอำเภอปากพนัง เพื่อเก็บข้อมูลมาเผยแพร่
เมื่อหลายวันก่อน คณะได้เดินทางถึงบ้านป่าขลู่ หมู่ที่ 2 ตำบลขนาบนาก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อ
เวลาประมาณ 11.00 น. โดยมีคณะผู้นำชุมชนคอยต้อนรับ นำโดย ผู้ใหญ่เจริญ ชื่นสระ ผู้ใหญ่บ้าน คุณปรีชา แก้วกา
ญจน์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คุณสุชาติ สระศรีสุวรรณ ส.อบต.ขนาบนาก คุณหมูแม้ ศรีนุ่นวิเชียร ปราชญ์ชาวบ้าน และ
เกษตรกรผู้ทำสวนจากอีกหลายคน ต้อนรับกันตามธรรมเนียม ก่อนนำคณะลงแปลงดูวิถีชีวิตการเก็บเกี่ยวน้ำหวานจาก
ถึงในแปลงของเกษตรกร คณะทำงานได้เก็บภาพขั้นตอนการผลิตน้ำตาลจาก ที่สำคัญๆ เสร็จพร้อมๆ กับที่เจ้าของ
แปลงเก็บเกี่ยวน้ำหวานเสร็จและนำมารวบรวม ณ โรงเตา คณะทำงานก็ได้เดินทางมาสมทบกันที่ศาลาโรงเตา ดูขั้น
ตอนการปฏิบัติไปพลาง เปิดวงคุยกันไปพลาง จนได้ข้อมูลที่น่าสนใจและนำมาเสนอดังต่อไปนี้

คุณปรานี สงดำ หญิงแกร่ง วัย 62 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 2 ตำบลขนาบนาก อำเภอปากพนัง ได้เล่าให้คณะฟัง
ว่า ตนเองสืบทอดการทำสวนจาก มาจากรุ่นพ่อ ซึ่งมีอายุสวนประมาณ 100 ปี ตนมีสวนจากจำนวน 20 ไร่ เริ่มทำมา
ตั้งแต่อายุ 18 ปี ขณะนี้อายุ 62 ปี รวมประสบการณ์ 44 ปี โดยคุณปรานีเล่าให้ฟังถึงขั้นตอนต่างๆ พอลำดับได้ดังนี้

1. การจัดการสวนจาก ในพื้นที่ 20 ไร่ จะใช้วิธีการจัดการสวนแบบหมุนเวียน แบ่งพื้นที่ใช้ ครั้งละ 5 ไร่ เก็บเกี่ยวน้ำ
หวาน 3-4 เดือน จึงเปลี่ยนไปใช้แปลงถัดไป การหมุนเวียนดังกล่าวจะเป็นการพักฟื้นแปลงไปในตัวซึ่งจะเหมาะกับแรง
งานที่มีเพียง 2 คนในครอบครัว

2. การเลือกต้นและทะลายที่จะใช้ ต้นอายุอย่างน้อย 7 ปี เลือกทะลายที่มีความสมบูรณ์ ก้านทะลายใหญ่ยาว ผลอยู่
ในระยะผลอ่อน ใน 1 กอ จะเลือกเอา 2 ทะลาย

3. การเตรียมงวง เมื่อเลือกทะลายเสร็จแล้ว ทำความสะอาดพื้นที่ ตัดแต่งกาบก้านทะลาย และใช้ไม้ตะพดตีที่บริเวณ
กลางๆ ก้านทะลาย เพื่อกระตุ้นการหลั่งน้ำหวาน โดยตีวันละ 1 รอบ รอบละประมาณ 50 ครั้ง ตี 5 วัน ติดต่อกัน พักไว้
15 วัน แล้วกลับมาตีต่ออีก 5 วัน

4. การปาดงวง โดยใช้มีดทับที่มีความคมมากๆ ลักษณะคล้ายเคียว นำมาตัดทะลายออกให้เหลือเฉพาะก้านทะลาย
หลังจากปาดงวง จะมีน้ำหวานไหลออกมา แล้วใช้กระบอกไม้ไผ่รองรับน้ำหวาน หลังจากนั้นจะต้องปาดหน้างวงทุกเช้า
เย็น จนกว่าจะหมดงวง

5. การรองรับน้ำหวาน เกษตรกรจะต้องเตรียมกระบอกไม้ไผ่ไว้ให้เพียงพอกับปริมาณงวงที่ทำ ก่อนนำกระบอกไม้ไผ่
ไปใช้จะต้องล้างทำความสะอาด ลวกฆ่าเชื้อ และวางเอียงคว่ำให้สะเด็ดน้ำก่อน นำสะเก็ดเนื้อไม้เคี่ยม จำนวน 1 หยิบ
มือ ใส่ลงในกระบอกเพื่อช่วยกันบูด ก่อนนำกระบอกไปรองรับน้ำหวาน

6. การเก็บเกี่ยว ทุกๆ วัน ระหว่างเวลา 11.00-12.00 น. จะเป็นช่วงเวลาในการเก็บเกี่ยวน้ำหวานทุกต้น ทุกงวง จะถูก
เก็บมารวบรวมที่โรงเตา โดยใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวประมาณ 1 ชั่วโมง

7. การเคี่ยวน้ำหวาน หลังจากเก็บเกี่ยวน้ำหวานมารวมที่โรงเตา จะต้องเริ่มขั้นตอนการเคี่ยวทันที โดยการนำน้ำหวาน
จากทุกกระบอกมาผ่านตะแกรง เพื่อกรองสิ่งเจือปนออก นำลงกระทะใหญ่และติดไฟเพื่อเคี่ยวน้ำหวาน เคี่ยวนาน 2
ชั่วโมงครึ่ง ถึง 3 ชั่วโมง ก็จะได้น้ำตาลปึก ที่พร้อมจำหน่ายได้ โดยเฉลี่ยน้ำหวาน 6 ปี๊บ จะได้น้ำตาล 1 ปี๊บ ซึ่งกำลัง
การผลิตของคุณปรานี จะผลิตน้ำตาลได้ประมาณวันละ 1 ปี๊บ

8. ต้นทุนการผลิต และรายได้ในการผลิตน้ำตาล 1 ปี๊บ จะต้องใช้ต้นทุนเป็นค่าปี๊บ ค่าไม้เคี่ยมและค่าฟืน ประมาณ 130
บาท ส่วนค่าแรงงาน และค่าเสื่อมราคาของวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ได้คิด เมื่อขายน้ำตาลได้ปี๊บละ 900 บาท จะมีกำไร
เบื้องต้นประมาณ 700 บาทเศษ

9. ปัญหาอุปสรรค ที่พบนับว่าน้อยมาก อาจจะมีหนู หรือกระรอก มากัดแทะกระบอกน้ำหวานบ้าง ไม้เคี่ยมหาซื้อยาก
และปัญหากระทบแล้งในบางฤดูทำให้ได้น้ำหวานน้อย

10. การตลาด นับว่าลู่ทางดีมาก เพราะน้ำตาลจากจะนำไปใช้ประโยชน์ เป็นส่วนประกอบอาหารหลายชนิดมาก โดย
เฉพาะส่วนผสมของขนมพื้นเมืองต่างๆ ในช่วงวันสาร์ทเดือนสิบ ขนมทั่วไป และเป็นวัสดุตั้งต้นที่สำคัญของสุรากลั่น ที่
ใช้กันแพร่หลายมาก

คุณอรุณ สังข์สิงห์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ผู้รับผิดชอบตำบลขนาบนาก บอกว่า ขณะนี้พื้นที่สวนจาก ทั้งที่ขึ้น
เองโดยธรรมชาติ และที่เกษตรกรปลูกขึ้น ในตำบลขนาบนาก ประมาณ 7,500 ไร่ ผู้ถือครองทั้งหมดเป็นเกษตรกรใน
พื้นที่ ใช้ประโยชน์ทั้งจัดการเองและให้เพื่อนบ้านเช่า ทำน้ำตาลจาก

ส่วนคณะผู้นำชุมชน ร่วมกันให้ข้อมูลว่า การทำสวนจาก นับเป็นอาชีพที่อยู่คู่วิถีชีวิตคนลุ่มน้ำปากพนังนับหลายร้อยปี
และจะเป็นอาชีพที่ยั่งยืนตลอดไป เพราะทุกส่วนของต้นจากสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ทั้งสิ้น ตั้งแต่
ยอดอ่อนนำมาตากแห้งขายเป็นใบจากมวนยาสูบ ใบแก่ใช้ทำวัสดุมุงหลังคา ใช้ห่อขนม ทางใบใช้ทำเชื้อเพลิง ช่อดอก
ดอกอ่อน และผลอ่อนใช้ประกอบอาหาร ผลแก่ใช้ทำเชื้อเพลิง ฯลฯ คนในชุมชนมีความเกี่ยวข้องผูกพันกับสวนจาก
ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ทุกคนจึงช่วยกันอนุรักษ์ป่าจาก ไม่ทำลาย ไม่ขายที่ดิน ส่งเสริมการปลูกเพิ่ม พยายามขยาย
แนวคิด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย พัฒนาคุณภาพ ความสะอาดปลอดภัย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้ได้
มากขึ้น ขณะนี้มีรายได้เข้าชุมชนไม่ต่ำกว่าปีละ 30 ล้านบาท นอกจากจะมีพ่อค้ามารับซื้อจากจังหวัดพัทลุง นราธิวาส
กระบี่ และจังหวัดอื่นๆ และการนำน้ำตาลไปเป็นส่วนประกอบอาหารต่างๆ แล้วคนในชุมชนยังได้ร่วมกันคิดพัฒนาเพิ่ม
มูลค่าผลิตภัณฑ์ โดยการจดทะเบียนเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตสุรากลั่นในพื้นที่ถึง 8 โรง เป็นการสร้างโอกาส สร้าง
งาน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนได้เป็นอย่างดี

ท่านใดสนใจจะศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวสวนจาก หรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ ติดต่อได้ที่ ผู้ใหญ่เจริญ ชื่นสระ โทร. (081)
958-3201 หรือคุณปรานี สงคำ โทร. (087) 275-5247 ได้ทุกวัน



ที่มา  :  เทคโนโลยีชาวบ้าน


**************************************************************************************************************************************************









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2009-07-16 (2267 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©