-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 463 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ขนุน




หน้า: 3/3



'แดงสุริยา' และ 'เพชรดำรง' ขนุนดีที่น่าสนใจ

  วงการขนุนไทยซบเซาไปได้ระยะเวลาหนึ่ง มาถึงขณะนี้เริ่มมีเกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกขนุนกันเพิ่มขึ้นเนื่องจากขนุนจัดเป็นไม้ผลที่มีการจัดการดูแลรักษาไม่มาก มีการใช้สารปราบศัตรูพืชน้อยมาก เพียงแต่เตรียมพื้นที่ปลูกในสภาพดินมีการระบายน้ำที่ดีและปลูกในสภาพพื้นที่ดอนที่น้ำท่วมไม่ถึงจะเหมาะสมที่สุด
   
อีกทั้งในขณะนี้ได้มีขนุนสายพันธุ์ใหม่อย่างน้อย 2 สายพันธุ์ ที่พิสูจน์แล้วว่าดีจริงในเรื่องของคุณภาพและรสชาติของเนื้อคือ พันธุ์แดงสุริยา และ พันธุ์เพชรดำรง ซึ่งจัดเป็นขนุนหนังที่มีความแตกต่างกันในเรื่องของสีเนื้อและความเป็นมาของสายพันธุ์ คือ ขนุนพันธุ์แดงสุริยา เป็นขนุนที่มีเนื้อสีจำปาเข้มที่ คุณประภาส สุภาผล ได้ติดตามต้นพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมานานหลายปีและชนะเลิศการประกวดขนุนเนื้อสีจำปาหลายครั้งติดต่อกัน
   
จัดเป็นขนุนที่มีเนื้อหนาแห้ง หวานและกรอบ เหมาะที่จะนำไปแกะขาย สำหรับ พันธุ์เพชรดำรงเป็นขนุนที่มีเนื้อสีเหลือง เจ้าของพันธุ์คือ คุณดำรงศักดิ์ วิริยศิริ ได้ทำการผสมพันธุ์โดยใช้ขนุนพันธุ์คุณหญิงเป็นพ่อพันธุ์ และพันธุ์ทองประเสริฐเป็นแม่พันธุ์ ใช้เวลานานถึง 10 ปี จึงได้ขนุน  สายพันธุ์นี้ที่รวมเอาลักษณะเด่นของขนุนมาครบเกือบทุกประการ โดยเฉพาะมีเนื้อหนามากถ้ามีการบำรุงรักษาอย่างดีจะได้ขนุนที่มีเนื้อหนาถึง 2 เซนติเมตร ที่สำคัญเป็นสายพันธุ์ขนุน ที่เกิดขึ้นด้วยการผสมพันธุ์จากฝีมือมนุษย์ซึ่งนับว่าหาได้ยากมาก เนื่องจากขนุนสายพันธุ์ดี ๆ ในอดีตที่ผ่านมาเกิดจากคัดเลือกต้นจากการเพาะเมล็ดทั้งหมด
   
ในปัจจุบันนี้เริ่มมีเกษตรกรได้นำขนุนพันธุ์แดงสุริยาไปปลูกในเชิงพาณิชย์จนได้ผลผลิตแล้วพบว่าใช้เวลาปลูกเพียง 2-3 ปีเท่านั้นจะเริ่มติดผลและจัดเป็นขนุนทวายโดยธรรมชาติที่ให้ผลผลิตปีละ 2 รุ่น คือ รุ่นแรกจะเก็บผลผลิตได้ช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน และรุ่นที่ 2 เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม สำหรับพันธุ์เพชรดำรงอยู่ในระหว่างการติดตามผลเนื่องจากเริ่มมีการเผยแพร่พันธุ์ไปปลูกได้เพียง 1-2 ปีเท่านั้น แต่จากการดูแลตรวจสอบจากต้นแม่พันธุ์จัดเป็นขนุนที่ให้ผลผลิตดก  เนื้อหนาจริงและรสชาติกรอบอร่อย เมื่อนำมาแกะเนื้อขายจะวางตลาดได้นานเพราะเนื้อไม่เละ เมล็ดมีขนาดเล็กมากอีกทั้งเยื่อหุ้มเมล็ดบางผลที่มียวงหนามาก ๆ บางผลชั่งเฉพาะเนื้อจะได้น้ำหนัก 5-6 ยวงต่อ 1 กิโลกรัม
   
ในการปลูกขนุนให้ประสบผลสำเร็จสิ่งที่เกษตรกรจะต้องดูแลเป็นพิเศษคือเรื่องของการตัดแต่งกิ่ง เมื่อต้นขนุนมีอายุได้ 3 ปี จะเริ่มออกดอกและติดผลจะต้องมีการตัดแต่งกิ่งให้แสงแดดผ่านถึงลำต้นเพื่อให้มีสภาพอากาศถ่ายเทได้ดี และถ้าจะให้ขนุนที่มีลักษณะผลและยวงที่ดีเกษตรกรควรจะช่วยผสมพันธุ์ โดยผสมพันธุ์ในช่วงเวลาเช้าจะเหมาะสมที่สุด.

ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ


ที่มา  :  เดลินิวส์


                      
แดงสุริยา และ เพชรดำรง ขนุนดียุคปัจจุบัน
 

ในช่วงเวลาผ่านมาประมาณ 30 ปี การพัฒนาการปลูกขนุนในบ้านเรามีมาอย่างต่อเนื่อง คนไทยเริ่มคุ้นเคยกับขนุนพันธุ์ดีที่มีเนื้อหนาและรสชาติอร่อย เริ่มตั้งแต่พันธุ์ฟ้าถล่ม ทองสุดใจ แม่น้อยทวาย เบา เปลือกหวาน ฯลฯ มาสู่ยุคที่มีการขยายพื้นที่ปลูกขนุนกันมากที่สุดคือ พันธุ์ทองประเสริฐ ศรีบรรจง และเพชรราชา เป็นต้น หลังจากนั้นมาวงการขนุนเริ่มซบเซา เกษตรกรมีการขยายพื้นที่ปลูกกันน้อยลง ทั้งๆ ที่ขนุนเป็นไม้ผลอีกชนิดหนึ่งที่นำมาปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์หรือเกษตรปลอดสารพิษได้เพราะมีการฉีดพ่นสารปราบศัตรูพืชน้อยมาก ตลาดหลักในการบริโภคขนุนไทยยังนิยมบริโภคสดและอาชีพการแกะขนุนขายยังสร้างรายได้ที่ดี ถ้าได้ขนุนพันธุ์ดี สีสวย เนื้อแห้ง และมีรสชาติหวาน กรอบ หลายคนทราบดีว่า ขนุนสายพันธุ์ดีๆ ที่มีการขยายพื้นที่ปลูกในประเทศไทยนั้น เกือบทั้งหมดได้มาจากการกลายพันธุ์ด้วยเมล็ด และในแต่ละสายพันธุ์จะมีลักษณะดีเด่นและด้อยแตกต่างกันไป ไม่มีขนุนสายพันธุ์ใดที่มีลักษณะดีเด่นครบถ้วน ซึ่ง ได้แก่ "เนื้อหนา มีความกรอบและแข็ง รสชาติหวาน สีสวย เมล็ดเล็ก เยื่อที่หุ้มเมล็ดบาง และเนื้อบริเวณที่ติดโคนเมล็ดจะต้องน้อยที่สุด ที่สำคัญเปอร์เซ็นต์เนื้อในแต่ละผลจะต้องมีมากกว่า 50% ขึ้นไป" ในบรรดาขนุนเนื้อสีจำปา คนไทยมักจะคุ้นกับพันธุ์จำปากรอบ หรือถ้าเป็นนักกินขนุนจริงๆ จะรู้จักพันธุ์แดงรัศมี แต่ขนุนทั้งสองพันธุ์นี้มีจุดอ่อนตรงรสชาติและสีของเนื้อที่มีความแปรปรวนตามสภาพพื้นที่ปลูกและสภาพแวดล้อม เช่น ถ้าขนุนแก่ในช่วงฤดูฝนความเข้มของเนื้อสีแดงจะจางลง


คุณประภาส สุภาผล บ้านเลขที่ 33/4 หมู่ที่ 7 ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี 20260 มีประสบการณ์ในการปลูกขนุนมานาน ได้มีความพยายามที่จะค้นหาสายพันธุ์ขนุนที่มีเนื้อสีจำปา (สีแดงออกเข้ม) มานาน ปัจจุบันได้พบขนุนต้นหนึ่งในเขตอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่ปลูกด้วยเมล็ด มีอายุต้นกว่า 40 ปี ติดตามและตรวจสอบการให้ผลผลิตและคุณภาพอยู่นานหลายปี พบว่า เมื่อผ่าผลดูลักษณะภายใน พบว่า เป็นขนุนที่มีเนื้อสีแดงเข้มหรือสีจำปาเข้ม รสชาติหวาน กรอบ เนื้อแข็ง (เนื้อไม่นิ่มเหมือนกับขนุนพันธุ์อื่นๆ) แกนกลางเล็ก มียางน้อยมาก และมีเปอร์เซ็นต์เนื้อไม่น้อยกว่า 50% และมีการตั้งชื่อว่า "แดงสุริยา" จัดเป็นขนุนพันธุ์เบา เมื่อนำกิ่งที่ได้จากการทาบกิ่งหรือติดตามาปลูกใช้เวลาเพียง 3 ปี เท่านั้น จะเริ่มให้ผลผลิต ที่สำคัญจัดเป็นขนุนพันธุ์ทะวายโดยธรรมชาติ ที่ให้ผลผลิตปีละ 2 รุ่นใหญ่ๆ คือ รุ่นแรกแก่เดือนมีนาคม-เมษายน และรุ่นที่ 2เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม


คุณประภาส ได้ส่งขนุนพันธุ์นี้เข้าประกวดในงานไม้ผลและของดีจังหวัดปราจีนบุรี ได้รับรางวัลชนะเลิศหลายปีติดต่อกันในประเภทขนุนเนื้อสีจำปา "แดงสุริยา" ยังมีลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งคือ มีปริมาณของดอกตัวผู้หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ส่า" มากกว่าปกติ ทำให้ส่งผลดีต่อการผสมเกสร ช่วยให้มีการติดผลที่ดีขึ้น นอกจากนั้น ยังจัดเป็นขนุนที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นคือ หลังจากดอกบานจนผลแก่ ใช้เวลาเพียง 3 เดือนครึ่ง-4 เดือน เท่านั้น ขณะนี้เริ่มมีแม่ค้านำขนุนแดงสุริยามาแกะเนื้อขายและขายเปรียบเทียบกับขนุนพันธุ์ดีเนื้อสีเหลือง คนจะเลือกซื้อขนุนเนื้อสีจำปาเข้มมากกว่า ซึ่งขายถึงผู้บริโภคราคากิโลกรัมละ 60-80 บาท บางช่วงผลผลิตออกน้อยขายผลผลิตแบบยกผล ในราคาถึงผลละ 600 บาท (น้ำหนักผลเฉลี่ย 10 กิโลกรัม)


คุณดำรงศักดิ์ วิรยศิริ บ้านเลขที่ 90 หมู่ที่ 4 ตำบลวังชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ 67210 เป็นเกษตรกรที่ให้ความสนใจในการปรับปรุงพันธุ์ไม้ผล เริ่มต้นผสมพันธุ์ขนุนตั้งแต่ ปี พ.ศ.2542 โดยใช้ขนุนพันธุ์คุณหญิงเป็นพ่อพันธุ์
ขนุนพันธุ์คุณหญิง จัดเป็นขนุนพันธุ์ดีอีกสายพันธุ์หนึ่งของไทยที่มีการปลูกมานานแล้ว ซึ่งเจ้าของพันธุ์ คือ ม.ร.ว.มนทรีย์ รุ่งเรืองสุข และขนุนต้นแม่ดั้งเดิมปลูกอยู่ที่ซอยพระอรรถราชปรารภ กรุงเทพมหานคร และปัจจุบันต้นแม่พันธุ์ถูกน้ำท่วมได้ตายไปแล้ว คุณดำรงศักดิ์ วิรยศิริ ได้กิ่งพันธุ์มา 1 ต้น ได้มานานกว่า 30 ปีแล้ว เหตุผลที่ขนุนสายพันธุ์นี้ไม่เป็นที่รู้จักมากนักเพราะไม่มีการเผยแพร่ และสมัยแรกๆ จะค่อนข้างหวงพันธุ์ แต่มาถึงปัจจุบันเริ่มมีขนุนสายพันธุ์นี้มาแกะขาย และเกษตรกรที่ปลูกขายผลผลิตจากสวนได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 15 บาท โดยชั่งทั้งผล นับว่าได้ราคาดีพอสมควรและแม่ค้าที่ซื้อผลผลิตไปขายจะชอบใจเป็นพิเศษ ตรงที่เป็นขนุนที่ผ่าออกมาแล้วได้เปอร์เซ็นต์เนื้อมากกว่า 60% ถ้าพูดแบบชาวบ้านก็คือ มีแต่เนื้อ พบซังน้อยมาก และพันธุ์ทองประเสริฐเป็นแม่พันธุ์


ในหนังสือ "ชนิดและพันธุ์ไม้ผลเมืองไทย" ซึ่งเขียนโดย รศ.วิจิตร วังใน ได้บอกถึงประวัติความเป็นมาของขนุนพันธุ์ทองประเสริฐได้มาจากการเพาะด้วยเมล็ดขนุนไม่ทราบชื่อพันธุ์ ซึ่งนำมาจากอำเภอเบตง จังหวัดยะลา เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2530 และคัดเลือกต้นที่มีลักษณะดีไว้ 1 ต้น จากจำนวน 20 ต้น ที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เมื่อปี พ.ศ. 2540 ได้ขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนประมาณ 1,000 ต้น ปลูกเป็นขนุนนอกฤดู สามารถให้ผลิตผลได้ 2 รุ่น ต่อปี โดยเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 135 วัน หลังดอกบาน คือประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม และช่วงเดือนกรกฎาคม ผลเป็นแบบผลรวม รูปทรงค่อนข้างกลมถึงกลมรี ผิวเปลือกผลมีสีเขียวจนถึงผลแก่ และอาจจะมีสีน้ำตาล มียางน้อย เนื้อสีเหลือง ค่อนข้างเหนียว รสชาติหวาน ค่าความหวาน 22-23 องศาบริกซ์
การเริ่มต้นผสมพันธุ์ขนุนนั้น คุณดำรงศักดิ์ บอกว่า เกษตรกรจะต้องรู้จักดอกตัวผู้และดอกตัวเมียขนุนเป็นลำดับแรก วิธีสังเกตง่ายๆ ดอกตัวผู้จะมีลักษณะก้านเล็ก ส่วนดอกตัวเมียจะมีก้านใหญ่และมักจะออกจากลำต้นหรือกิ่งใหญ่ เมื่อเลือกดอกตัวเมียได้แล้วเราจะต้องใช้ถุงคลุมดอกเอาไว้ เมื่อดอกตัวเมียมีความพร้อมจะเห็นหนาม จะออกมาเป็นแฉกๆ ควรจะผสมพันธุ์ในช่วงเวลาเช้า เด็ดเอาดอกตัวผู้ของพันธุ์คุณหญิงมาทาบริเวณแฉกของดอกตัวเมียพันธุ์ทองประเสริฐ หลังจากทาแล้วจะต้องคลุมถุงให้มิดชิด หลังจากนั้นประมาณ 7 วัน เปิดถุงดูว่าผสมติดแล้วมีขนาดของผลใหญ่ขึ้นและไม่มีอะไรมารบกวน เปิดแล้วจะต้องหาถุงมาห่อผลจนผลแก่ ซึ่งใช้เวลานานประมาณ 4 เดือน ถึง 4 เดือนครึ่ง เมื่อขนุนลูกผสมสุกคุณดำรงศักดิ์ได้คัดเลือกเมล็ดที่มีความสมบูรณ์มาเพาะ และนำไปปลูกในแปลงได้ขนุนสายพันธุ์ใหม่ ประมาณ 60 ต้น มาถึงปี พ.ศ. 2552 บรรดาขนุนลูกผสมที่เพาะเมล็ดทั้งหลายได้ออกดอกและติดผลกันเกือบทุกต้น จากการใช้เวลาในการผสมพันธุ์ขนุนนาน 5 ปี คุณดำรงศักดิ์ บอกว่า คุ้มกับเวลาที่เสียไป เพราะได้ขนุนพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นมาจากฝีมือมนุษย์ ไม่ต้องเสียเวลาไปคัดเลือกจากธรรมชาติ พบว่า หลายต้นมีแนวโน้มจะเป็นพันธุ์ที่ดีกว่าพ่อและแม่พันธุ์ ตัวอย่างต้นที่ 18 ให้ผลผลิตที่มีเนื้อหนาประมาณ 2 เซนติเมตร เมื่อนำมาชั่งได้น้ำหนัก 5 ยวง ต่อกิโลกรัม และได้ตั้งชื่อว่า "เพชรดำรง" บางต้นให้ผลผลิตดกมาก และมีลักษณะของทรงผลกลมและขนาดของผลไม่ใหญ่จนเกินไป มีน้ำหนักเฉลี่ย 2-3 ผล ต่อกิโลกรัม ขนาดของผลใหญ่ๆ พอกับผลทุเรียน ในอนาคตตลาดมีความต้องการผลขนุนที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก สะดวกต่อการบริโภคและซื้อเป็นของฝาก เมื่อได้เมล็ดและนำไปเพาะให้ต้นมีความสูงประมาณ 1 ศอก หลังจากนั้น จะนำต้นเพาะเมล็ดมายกตุ้มทาบกับต้นขนุนใหญ่ ใช้เวลาเพียง 1-2 ปี ก็จะทราบผลว่าเป็นขนุนพันธุ์ดีหรือไม่


ขนุนพันธุ์เพชรดำรง ที่มีลักษณะดีเด่นมากมายหลายประการ อาทิ จัดเป็นขนุนเนื้อสีเหลืองที่มีความหนามาก ถ้าผลสมบูรณ์เต็มที่และมีการบำรุงรักษาอย่างดี เนื้อจะหนาถึง 2 เซนติเมตร เมื่อนำเนื้อไปชั่งน้ำหนักจะได้ 5 ยวง ต่อ 1 กิโลกรัม เนื้อมีความแข็งและกรอบ เมื่อนำมาแกะขายจะวางตลาดอยู่ได้นาน เพราะเนื้อไม่เละ เมล็ดมีขนาดเล็กมาก อีกทั้งเยื่อหุ้มเมล็ดบาง (ในขณะที่พันธุ์ทองประเสริฐมีขนาดของเมล็ดใหญ่กว่า และเยื่อหุ้มเมล็ดหนา) และได้มีการใช้ชื่อสายพันธุ์ว่า "เพชรดำรง" จัดเป็นขนุนสายพันธุ์ดีที่น่าส่งเสริมให้มีการขยายพื้นที่ปลูกอีกสายพันธุ์หนึ่ง ที่สำคัญเป็นขนุนพันธุ์ดีที่ได้จากความพยายามและผสมพันธุ์ด้วยฝีมือมนุษย์ ใช้เวลายาวนานถึง 10 ปี เมื่อขยายพันธุ์ด้วยวิธีการทาบกิ่งและนำไปปลูก ใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี จะเริ่มให้ผลผลิต และมีขนาดน้ำหนักผลเฉลี่ย 8-10 กิโลกรัม ผู้เขียนได้ทดลองชิมขนุนลูกผสมพันธุ์ดีจะต้องยอมรับว่ามีรสชาติหวานอร่อยมาก เหมาะที่จะปลูกเพื่อแกะยวงขาย นอกจากนั้น ด้วยความหนาของเนื้อยังสามารถนำไปแปรรูปโดยการเชื่อมหรือนำไปทอดแบบทุเรียนทอดกรอบได้


สภาพแวดล้อมและการปลูกขนุน

1. ชนิดของดิน ขนุนเป็นไม้ผลที่ขึ้นได้ในดินเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินทราย ดินเหนียว ดินลูกรัง ปกติขนุนชอบดินร่วน หรือดินร่วนปนทรายที่ต้องระบายน้ำดี ส่วนดินเหนียวหรือดินทรายต้องมีการปรับปรุงด้วยการใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก มากๆ จะช่วยให้ขนุนเจริญเติบโตได้ดีขึ้น


2. ความสมบูรณ์ของดิน ขนุนชอบดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีอินทรียวัตถุมาก ซึ่งทำให้ดินมีสีดำ ขนุนจะเจริญเติบโตได้เร็ว ให้ผลดก ผลใหญ่ เนื้อยวงมีสีเข้ม และมีรสหวานกว่าขนุนที่ปลูกในดินที่มีสภาพความสมบูรณ์ต่ำ อาจสังเกตว่าพืชที่ขึ้นปกคลุมอยู่นั้น ถ้ามีการเจริญเติบโตดี ใบมีสีเขียวเข้ม แสดงว่าดินมีความอุดมสมบูรณ์สูง


3. ความเป็นกรด-ด่างของดิน ขนุนขึ้นได้ในดินที่มีค่าความเป็นกรด-ด่าง 6-7.5 ถ้าดินมีค่าความเป็นกรด-ด่างต่ำกว่า 6.0 ดินจะเป็นกรด ซึ่งจะเกิดการตรึงจุลธาตุและฟอสเฟต ต้องปรับแก้โดยการใช้ปูนเพื่อการเกษตร นิยมใช้ปูนโดโลไมต์ ปูนมาร์ล การปรับแก้ความเป็นกรดของดินต้องใช้หลักการใส่ครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง เพื่อให้เกิดการปรับตัวขึ้นทีละน้อยๆ ช่วงความเป็นกรด-ด่าง ระดับ 6.0-7.5 ช่วงนี้ทำให้ขนุนสามารถใช้ปุ๋ยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนุนจะตอบสนองต่อปุ๋ยอย่างเต็มที่


4. ทำเลปลูกขนุน ต้องเป็นที่ที่น้ำไม่ท่วม และดินต้องมีการระบายน้ำได้ดี ต้นขนุนไม่ชอบน้ำท่วมขัง ดังนั้น พื้นที่ลุ่มที่ใช้ปลูกขนุนจึงต้องทำโคกหรือทำสันร่องแบบร่องจีนจึงปลูกขนุนได้


สรุปได้ว่า การปลูกขนุนในเชิงพาณิชย์ในอนาคตจำเป็นต้องมีการจัดการดูแลเพิ่มเติมกว่าที่เคยปฏิบัติมา โดยเฉพาะในเรื่องของการให้ปุ๋ยและน้ำ ต้นขนุนไม่ชอบสภาพพื้นที่ปลูกที่มีน้ำขังแฉะหรือมีการระบายน้ำไม่ดี สำหรับเรื่องโรคและแมลงศัตรูขนุนถือว่าน้อยกว่าไม้ผลเศรษฐกิจชนิดอื่นๆ สามารถผลิตในระบบอินทรีย์หรือปลอดสารพิษได้


หนังสือ "ไม้ผลแปลกและหายาก เล่ม 2" พิมพ์ 4 สี แจกฟรีพร้อมกับ หนังสือ "ไม้ผลแปลกและหายาก เล่ม 1" รวม 2 เล่ม จำนวน 168 หน้า มีแจกฟรี เกษตรกรและผู้สนใจเขียนจดหมายสอดแสตมป์ เป็นมูลค่า 50 บาท ส่งมาขอได้ที่ ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร เลขที่ 2/395 ถนนศรีมาลา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร 66000 โทร. (056) 613-021, (056) 650-145 และ (081) 886-7398



ที่มา  :  เทคโนโลยีชาวบ้าน/มติชน 




ขนุนดีสองพันธุ์ เนื้อหวานใหญ่ดก

"นายเกษตร"

         
ขนุน เป็นไม้ผลอย่างหนึ่งที่นิยมปลูกและนิยมรับประทานอย่างแพร่หลายมาช้านาน ซึ่งขนุนจะมีหลากหลายสายพันธุ์ และที่เด่นๆเคยแนะนำในคอลัมน์ไปบ้างแล้ว โดยขนุนที่นิยมปลูกและนิยมรับประทานสามารถแยกได้เป็น 2 ประเภทคือ ประเภทที่มีเนื้อเป็นสีเหลือง กับประเภทที่มีเนื้อเป็นสีส้ม นิยมเรียกกันว่า "ขนุนสีจำปา" รสชาติทั้ง 2 ประเภทที่กล่าวถึงจะมีความหวานกรอบอร่อยแตกต่างกัน

ปัจจุบัน มีผู้นำกิ่งพันธุ์ขนุนใหม่ๆออกวางขาย ซึ่งพบว่ามีอยู่ 2 พันธุ์น่าสนใจ มีรูปของผลติดโชว์ไว้กับต้นให้ชมด้วย โดยสายพันธุ์แรกที่จะแนะนำได้แก่ขนุนที่มีชื่อว่า "ขนุนยักษ์พันธุ์รุ่งทวี" ผู้ขายบอกว่า ขนุนชนิดนี้มีลักษณะเด่นคือ ผลจะมีขนาดใหญ่มาก เคยชนะเลิศการประกวดขนุนประเภทขนุนยักษ์มาแล้วถึง 6 ครั้งซ้อน นอกจากจะมีผลขนาดใหญ่แล้ว เนื้อของผลยังมีความหวานหอมอร่อยกรอบอีกด้วย เนื้อเป็นสีเหลืองเข้ม ให้ปริมาณเนื้อมากเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักผล

ผล เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดใหญ่มาก น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 6070 กิโลกรัมต่อผล ผลเมื่อแก่จัดจะไม่แตกหรือปริ และที่ถือว่าเป็นข้อดีอีกอย่างของ "ขนุนยักษ์ พันธุ์รุ่งทวี" คือ จะติดผลปีละ 2 ครั้ง เวลาปลูกแล้วติดผลขนาดใหญ่จะตื่นตาตื่นใจมาก หนึ่งผลต้องใช้คนยก 2 คน "ขนุนยักษ์พันธุ์รุ่งทวี" มีถิ่นดั้งเดิมอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ แผง "คุณภิญโญ" ตรงกันข้ามโครงการ 13 ราคาสอบถามกันเอง

ขนุนสายพันธุ์ที่ 2 คือ "ขนุนเหลืองบางเตย" เป็นขนุนพันธุ์เก่าแก่ มีประวัติเป็นของกำนันประสาน การะเวก อยู่ที่ ต.บางเตย อ.สามพราน จ.นครปฐม จากนั้นได้มีการขยายพันธุ์ขายให้คนซื้อไปปลูกทั่วไป มีลักษณะเด่นคือ ผลจะเป็นรูปไข่ ผลเมื่อโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 15 กิโลกรัมต่อผล เนื้อหรือ "ยวง" เป็นสีเหลืองจัด รสชาติหวานกรอบ ไม่เละ และเนื้อหนา เป็นขนุนสายพันธุ์ที่ติดผลดกมาก ติดผลปีละครั้ง ให้เนื้อเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักผล มีกิ่งตอนขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 19 แผง "นายดาบสมพร" ราคาสอบถามกันเองเช่นกัน

ขนุน ทุกชนิดมีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ ARTOCARPUS HETERAPHYLLUS LAMK. อยู่ในวงศ์ MORACEAE ประโยชน์ทางยา ผลอ่อนเป็นยาระบาย แก่นบดกินเป็นยาระบาย กินขนุนทำให้ผิวพรรณดี เมล็ดช่วยขับน้ำนมสตรีหลังคลอดด้วยครับ

         

ที่มา  :  ไทยรัฐ






วิธีผสมพันธุ์ขนุน

เลือกดอกตัวผู้จะมีลักษณะก้านเล็ก ส่วนดอกตัวเมียจะมีก้านใหญ่และมักจะออกจากลำต้นหรือกิ่งใหญ่ เมื่อเลือกดอกตัวเมียได้แล้วเราจะต้องใช้ถุงคลุมดอกเอาไว้ เมื่อดอกตัวเมียมีความพร้อมจะเห็นหนาม จะออกมาเป็นแฉกๆ ควรจะผสมพันธุ์ในช่วงเวลาเช้า เด็ดเอาดอกตัวผู้มาทาบริเวณแฉกของดอกตัวเมียหลังจากทาแล้วจะต้องคลุมถุงให้มิดชิด หลังจากนั้นประมาณ 7 วัน เปิดถุงดูว่าผสมติดแล้วมีขนาดของผลใหญ่ขึ้นและไม่มีอะไรมารบกวน เปิดแล้วจะต้องหาถุงมาห่อผลจนผลแก่ ซึ่งใช้เวลานานประมาณ 4 เดือน ถึง 4 เดือนครึ่ง เมื่อขนุนลูกผสมสุกคัดเลือกเมล็ดที่มีความสมบูรณ์มาเพาะ และนำไปปลูกในแปลง

   http://www.nanagarden.com/Content.aspx?ContentID=10401



ขนุนไพศาลทักษิณ

การปลูกต้นขนุนในบริเวณบ้าน โดยเฉพาะปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ (หรดี) จะหนุนเนื่องบุญบารมี เงินทอง จะมีคนเกื้อหนุน และอุดหนุนจุนเจือ  นอกจากนี้ ชาวเหนือใช้ใบขนุนร่วมกับใบพุทรา ใบพิกุล (แก้ว) นำมาซ้อนกัน แล้วนำไปไว้ในยุ้งข้าว ตอนเอาข้าวขึ้นยุ้งใหม่ๆ เชื่อกันว่าจะทำให้หนุนนำและส่งผลให้มีข้าวกินตลอดปี และตลอดไป


 นอกจากนี้ ยังมีไม้มงคลที่คนไทยนิยมปลูกต้นไม้ในบ้านตามคติความเชื่อ โดยทั่วๆ ไป หน้าบ้านจะปลูก มะยม เอาชื่อเป็นเคล็ดว่า จะเป็นที่นิยมของคนอื่นเขา
 

 บางบ้านปลูก มะขาม เอาชื่อเป็นเคล็ดถึงความเกรงขาม หลังบ้านปลูก ขนุน บางบ้านปลูก มะดัน ก็เอาเคล็ดอีกว่า จะมีคนเกื้อหนุน ผลักดันให้เจริญก้าวหน้า  และยังเชื่อกันว่า การปลูกขนุนจะให้ดีนั้น ต้องปลูกในวันศุกร์...นี่ก็เอาเคล็ดอีกชั้นหนึ่ง ใช่แต่ชาวบ้านเท่านั้น ที่นิยมปลูกขนุนเอาไว้หลังบ้าน ในพระบรมมหาราชวัง ก็เช่นเดียวกัน ในสมัยรัชกาลที่ ๔ เจ้าจอมมารดาเที่ยง ปลูกขนุนเอาไว้หลังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ นอกจากเป็นการนับถือคติโบราณแล้ว ยังเอาไว้เพื่อทรงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ หลังพระราชพิธีสงฆ์ ซึ่งรวมแล้วน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๕๐ ปี

 ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดมาก และได้นำเนื้อเยื่อไปขยายพันธุ์ เป็นผลสำเร็จ แล้วพระราชทานนามว่า ขนุนพันธุ์ไพศาลทักษิณ 

พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระที่นั่งองค์นี้ต่อเนื่องกับท้องพระโรงหน้าพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ทางด้านเหนือสร้างทอดยาวจากทิศตะวันตก มีความยาว ๓๕ เมตร กว้าง ๘ เมตร ยกพื้นสูงประมาณ ๒ เมตร ปกติไม่เปิดให้เข้าชม มองเห็นได้จากด้านข้าง
ตอนกลางพระที่นั่งทำเป็นคูหา เปิดโล่ง มีอัฒจันทร์ (บันได) ทางขึ้นลงตอนกลาง และทางเฉลียงชั้นลด ของปีกพระที่นั่งทั้ง ๒ ด้านด้วยหลังคามุงกระเบื้องเคลือบสี มีเครื่องตกแต่งเช่นเดียวกับหลังคามุงกระเบื้อง ที่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน หน้าบันพื้นประดับกระจก ประกอบลายจำหลักเป็น สมเด็จพระอมรินทราธิราช ประทับเหนือวิมานปราสาทสามยอด มีลายกระหนกหลายก้านขดหัวนาค เป็นลายล้อมเช่นเดียวกับหน้าพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ด้านเหนือของพระที่นั่งองค์นี้ จะต่อเนื่องกับ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย มีพระบัญชรเปิดสู่พระที่นั่งอมรินทรฯ  รวม ๑๐ ช่อง หากไปชมทั้ง ๓ พระที่นั่ง ก็จะมองเห็นจากนอกกำแพง โดยมองจากประตูเหล็กโปร่งเข้าไป ส่วนพระที่นั่งอมรินทร์ เห็นด้านข้างได้ชัดเจน จากนอกกำแพง พระที่นั่งไพศาลทักษิณแทบจะไม่เห็นอะไรเลย แต่หากไปวันนี้ มองไปทางหลังทหารมหาดเล็กที่ยืนยาม จะมองเห็นประตูสยามราชกิจ มองผ่านไปประตูเล็กเข้าไป ห่างจากประตูสัก ๒๐ เมตร ทางซ้ายมือ เชิงบันไดขึ้นพระที่นั่ง จะมองเห็นต้น ขนุน ใหญ่ อยู่ต้นหนึ่ง อายุกว่า ๑๕๐ ปีแล้ว ยังออกลูกอยู่


ขนุนไพศาลทักษิณ ผลมีขนาดปานกลาง ผิวเปลือกสีเหลือง ลักษณะผลค่อนข้างกลม เนื้อหนา และรสหวานจัด ขนุนไพศาลทักษิณนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสให้อนุรักษ์ไว้


มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงทำโครงการขยายพันธุ์ ด้วยวิธีที่รวดเร็วกว่าเดิม นั่นคือ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แจกจ่ายให้ประชาชนที่สนใจนำไปปลูกไว้เพื่อความเป็นสิริมงคล


ทั้งนี้ ใน วันพืชมงคล วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปทรงเปิดอาคารห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชที่โครงการส่วนพระองค์ฯ สวนจิตรลดา และทรงมีพระราชกระแสให้อนุรักษ์ต้นขนุน หลังพระตำหนักไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง


ความสำเร็จของการใช้วิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชขยายพันธุ์ขนุนไพศาลทักษิณ นำไปสู่การขยายพันธุ์ต้นไม้ที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพระราชวังต่างๆ แล้วอนุรักษ์พันธุ์ไม้อีกหลายชนิด ได้แก่ พุดสวน มณฑา ยี่หุบ ที่อยู่ในพระบรมมหาราชวัง และ สมอไทย ในพระที่นั่งอัมพรสถานมงคล


ในขณะเดียวกัน ก็ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี การเก็บรักษาพันธุกรรมของพืชเอกลักษณ์ในสภาวะปลอดเชื้อ ในอุณหภูมิต่ำ เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต


ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๓๑ ซึ่งป็น วันพระราชพิธีพืชมงคล หลังจากที่ได้ทำพิธี ณ ท้องสนามหลวงแล้ว จะมาทำพิธีที่นาในพระตำหนักจิตรลดาอีกครั้ง ซึ่งข้าวที่ปลูกในนานี้ จะนำไปให้พระยาแรกนาโปรยหว่าน ที่พระราชพิธีแรกนาขวัญ ชุดเดียวกับที่ทำ ณ สนามหลวง
ส่วนข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ และเหล่าราชองครักษ์ จะได้ตามเสด็จเข้ามายังพระราชพิธี ในโครงการส่วนพระองค์ด้วย


หลังเสร็จพิธีในโครงการส่วนพระองค์แล้ว จะเสด็จไปรับเกษตรกร ที่จะมารอเข้าเฝ้าจากจังหวัดต่างๆ ต่อจากนั้นจะเสด็จไปยังโครงการส่วนพระองค์ เช่น ทอดพระเนตรการทำนมเม็ด การผลิตจากการเกษตรต่างๆ
และในปีนั้น ได้เสด็จนำไปยังกลุ่ม ขนุน ที่วางไว้หลายต้น สูงประมาณ ๑ เมตรเศษๆ และรับสั่งว่า เป็น ขนุน ที่เพาะจากเนื้อเยื่อ จะแจกจ่ายให้ไปปลูกกัน


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้ทุกจังหวัด นับหมื่นต้น แต่ส่วนมากปลูกแล้วตายหมด เพราะไม่เข้าใจวิธีปลูก พันธุ์ไม้ที่เพาะจากเนื้อเยื่อย่อมอ่อนแอ และไม่มีรากแก้ว จะให้แข็งแรง ต้องเอาเม็ดขนุนพันธุ์ที่ไม่จำเป็นต้องเนื้อดี ขอให้เม็ดโตๆ เข้าไว้ เอาเม็ดไปเพาะ พอโตสักคืบ ก็ตัดยอด แล้วเอายอดจากขนุนไพศาลทักษิณมาเสียบ ต้นจะแข็งแรง กลายเป็นไม้มีรากแก้ว ออกลูกดกเหมือนขนุนไพศาลทักษิณ ที่ปลูกไว้ในสวนสมเด็จพระนางเจ้าฯ ที่ติดกับสวนจตุจักร ที่ปลูกไว้หลายสิบต้น


อย่างไรก็ตาม เมื่อวัด หน่วยงานราชการ และภาคเอกชน ได้รับพระราชทานขนุนไพศาลทักษิณ ก็จะจัดขบวนต้อนรับ เพื่อความเป็นสิริมงคล
อย่างเช่นเมื่อเร็วๆ นี้ น.ส.ฤชุกร พฤกษ์วัฒนา หัวหน้าผู้ตรวจสอบสำนักราชวัง ได้ขอพระราชทานต้นขนุนไพศาลทักษิณ ๓ ต้น เพื่อถวาย พระอาจารย์เกษมสุข เขมสุโข (ตรีเพชร) วัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ บางซื่อ กรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปปลูก ณ วัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ สร้างความปีติให้แก่พระเณร และพุทธศาสนิกชนใกล้วัดเป็นอย่างยิ่ง



เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"

http://www.komchadluek.net/detail/20090306/3962/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%93%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99.html  







หน้าก่อน หน้าก่อน (2/3)


สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2009-07-16 (56509 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©