กำลังปรับปรุงครับ

โดยปกติเมื่อเราใช้ที่ดินเป็นเวลานาน ๆ พืชจะดูดกินธาตุอาหารไปใช้ ซึ่งส่วนใหญ่ของธาตุอาหารพืชจะเป็นประจุบวกที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม และโพแทสเซียมเป็นต้น ทำให้ดินมีปฏิกิริยาลดลง หรือเป็นกรดมากขึ้น นอกจากนั้นปฏิกิริยาดินอาจลดลงได้จากผลตกค้างของการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนในรูปของแอมโมเนียม เช่น ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต (21-0-0) ไดแอมโมเนียมฟอสเฟต (11-55-0) แต่สาเหตุหลักของความเป็นกรดในดินที่เกิดจากการดูดกินธาตุอาหารของพืช และผลตกค้างเนื่องจากการใส่ปุ๋ยมีผลไม่มากนัก แต่ปัญหาความเป็นกรดของดินที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากวัตถุต้นกำเนิดของดินเอง ปลดปล่อยกรดออกมา ตัวอย่างเช่น กรดที่เกิดจากดินกรดจัด เป็นต้น ในการแก้ไขความเป็นกรดของดินจะแก้ไขโดยการใช้วัสดุที่มีฤทธิ์เป็นด่าง เช่น ปูนประเภทต่าง ๆ ใส่ลงไปในดินเพื่อปรับปฏิกิริยาดินให้เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของพืช

ความเค็มของดิน
ดินเค็ม คือ ดินที่มีปริมาณเกลือที่ละลายได้ในปริมาณที่สูงจนเป็นอันตรายต่อพืช เกลือที่มักสะสมในดินได้แก่ เกลือแกง (โซเดียมคลอไรด์) แคลเซียมคลอไรด์ แมกนีเซียมคลอไรด์ และโซเดียมซัลเฟตเป็นต้น ในประเทศไทยนั้นเกลือที่พบส่วนใหญ่ คือ เกลือแกง หรือโซเดียมคลอไรด์

วิธีการปรับปรุงดินเค็ม
หัวใจของการปรับปรุงดินเค็ม คือ การใช้น้ำละลายเกลือแล้วระบายออกไปจากระบบรากหรือพื้นที่ วิธีที่ใช้ได้ดีที่สุดคือ การล้างดินด้วยการขังน้ำ ซึ่งอาจเริ่มต้นจากการปรับพื้นที่และจัดทำคูระบายน้ำออกไปให้พ้นแปลง แล้วใส่วัสดุปรับปรุงดินเพื่อเพิ่มการระบายน้ำ และการซาบซึมน้ำให้ดีขึ้น เช่น แกลบ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ร่วมกับการไถพรวน หากไม่สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจที่ต้องการได้ อาจใช้พืชทนเค็ม หรือปลูกพืชบำรุงดิน เช่น โสนคางคก โสนอินเดีย หรือโสนนา เป็นปุ๋ยพืชสดเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุลงไปในดิน หรืออาจปลูกข้าวสลับหากพื้นที่สามารถปลูกข้าวได้


http://donchedi.suphanburi.doae.go.th/spi.htm

สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-08-25 (691 ครั้ง)