-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 509 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

นาข้าว





กำลังปรับปรุงครับ



ความเป็นมาของพันธุ์ข้าวหอมมะลิ


ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี ได้มีการประกวดคัดเลือกและรวบรวมพันธุ์ข้าวพื้นเมือง (ปี พ.ศ. 2493 2495) เพื่อให้เกษตรกรนำไปปลูกกว่า 600 ตัวอย่าง ได้ข้าวพันธุ์ดีหลายพันธุ์ และหนึ่งในนั้นคือ ขาวดอกมะลิ 105 ซึ่งต่อมาเรียกกันว่า “ข้าวหอมมะลิ”

ข้าวขาวดอกมะลิ 105 พบครั้งแรกในอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี โดย นายจรูญ ตัณฑวุฒ ได้นำมาปลูกไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 ต่อมา กรมการข้าว กระทรวงเกษตรได้รวบรวมข้าวพันธุ์ดีของประเทศจากอำเภอบางคล้าจำนวน 199 รวง ส่งไปปลูกคัดเลือกที่สถานีทดลองข้าวโคกสำโรง และในปี 2500 ได้นำไปปลูกเปรียบเทียบพันธุ์ท้องถิ่นในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน คณะกรรมการพิจารณาพันธุ์จึงได้ออกประกาศให้พันธุ์ “ ขาวดอกมะลิ” เป็นพันธุ์รับรองเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2502 โดยใช้ชื่อว่าขาวดอกมะลิ 105 ที่มีชื่อเช่นนี้เพราะว่าจำนวนข้าวทั้งหมด 199 แถว ที่เจ้าหน้าที่เอารวงมาปลูกนั้น ต้นข้าวแถวที่ 105 ดีที่สุดมีเมล็ดยาว เรียว ขาวใส มีกลิ่นหอม จึงคัดเลือกแถวที่ 105 มาเป็นแม่พันธุ์ และเป็นพันธุ์ข้าวหอมมะลิที่ปลูกกันทั่วประเทศในปัจจุบัน ที่เรียกชื่อพันธุ์ข้าวว่า ข้าวหอมมะลิ นั้นไม่ได้หมายความถึง ข้าวมีกลิ่นหอมเหมือนดอกมะลิ แต่เป็นเพราะข้าวที่ได้มีสีขาวเหมือนดอกมะลิแต่มีกลิ่นหอมเหมือนใบเตย เนื่องจากมีสารบางอย่าง เป็นตัวเดียวกับสารในใบเตยที่มีกลิ่นหอม และต่อมาก็เรียกเพี้ยนกันไปเป็น “ ข้าวหอมมะลิ”
ข้าวหอมมะลิเป็นข้าวที่ไวต่อช่วงแสง หมายถึง พันธุ์ข้าวที่จะออกดอกในวันที่กลางคืนยาวกว่ากลางวันเท่านั้น นั่นคือในฤดูหนาว จนปัจจุบันข้าวหอมมะลิ เป็นข้าวไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของไทย มีสุภาษิตจีนบทหนึ่งได้กล่าวถึงข้าวหอมมะลิว่า “ก่อนตายต้องกินอาหารสี่อย่าง ถึงจะไม่อายฟ้า ดิน” (อนันต์ ดาโลดม , 2545 )

ลักษณะประจำพันธุ์ข้าวหอมมะลิอำนาจเจริญ

1.พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ

เป็นข้าวเจ้าพันธุ์พื้นเมือง ที่ส่งเสริมให้ปลูกแบบข้าวนาสวนในภาคเหนือปลูกได้เฉพาะนาปี ได้มาโดยพนักงานเกษตรรวบรวมจากชาวนาในอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อ พ.ศ. 2493 – 2494 แล้วนำไปคักเลือกแบบพันธุ์บริสุทธิ์และปลูกเปรียบเทียบที่สถานีทดลองข้าวโคกสำโรงแล้วจึงนำไปปลูกเปรียบเทียบพันธุ์ท้องถิ่นในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือคัดได้สายพันธุ์ 4 – 2 – 105 ซึ่งมีลักษณะดีเด่นเป็นพิเศษ คือ เมล็ดข้าวสารยาวเรียวสีขาวสวยมีกลิ่นหอม มีรสชาติดี ทนแล้ง ทนดินเปรี้ยว และดินเค็ม คณะกรรมการพิจารณาพันธุ์ให้ขยายพันธุ์เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2502 ให้ชื่อว่า ขาวดอกมะลิ 105

มีลำต้นสีเขียวจาง ใบสีเขียวยาวค่อนข้างแคบ ฟางอ่อน ใบธงทำมุมกว้างกับรวงเมล็ดข้าวรูปร่างเรียว ข้าวเปลือกสีฟางอายุเก็บเกี่ยว ประมาณ 25 พฤศจิกายน
ระยะพักตัวของเมล็ด ประมาณ 8 สัปดาห์
เมล็ดข้าวกล้อง ยาว 7.5 มม.
กว้าง 2.1 มม.
หนา 1.8 มม.
ความสูง ประมาณ 140 ซม.
ผลผลิต ประมาณ 363 กก./ไร่
ลักษณะพันธุ์ ไวต่อช่วงแสง
คุณภาพข้าวสุก นุ่มหอม
เปอร์เซ็นแป้งอะไมโลส 12 - 17

ลักษณะดี
1.เป็นต้นข้าวสูง เก็บเกี่ยวง่าย
2.ทนแล้งได้ดีพอสมควร ปลูกเป็นข้าวไร่ได้
3.เมล็ดข้าวสารใส แข็งแกร่ง คุณภาพการขัดสีดี
4.คุณภาพการหุงมีกลิ่นหอมและอ่อนนิ่ม
5.อายุค่อนข้างเบา และเก็บเกี่ยวได้เร็ว
6.นวดง่าย
7.ทนดินเปรี้ยวและดินเค็ม

ลักษณะเลีย
1.ต้นข้าวอ่อน ล้มง่าย ปลูกได้เฉพาะฤดูนาปีเท่านั้น
2.น้ำหนักเมล็ดเบา ผลผลิตค่อนข้างต่ำ
3.ไม่ต้านทานโรคขอบใบแห้ง โรคไหม้ โรคใบสีสีส้ม และโรคใบหงิก (จู๋)
4.ไม่ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยจั๊กจั่นสีเขียว และหนอนกอ
5.ทรงกอแผ่ ถ้าแก่สุกงอมเกินไปจะเกี่ยวยาก


http://www.amnatcharoen.go.th/km/jusminrice/index1.php









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-07-29 (737 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©